“ถูกเผง!”หยุนเจิงมองอวี๋ซื่อจงด้วยสายตาชื่นชม แล้วตอบ “หากเป่ยหวนไม่แบ่งกองกำลังไปที่ทิศตะวันออกและทิศตะวันตก เช่นนั้นเราก็ส่งคนจำนวนน้อยออกไปโจมตีศัตรูทางทิศใต้ปลอมๆ ในตอนดึก แล้วทำท่าทีเหมือนต้องการจะจัดการเส้นทางโขดเป่ยหยวนนี้ออกมา!”“ใช่!”อวี๋ซื่อจงกล่าวอย่างตื่นเต้น “ถึงตอนนั้น กองทหารเป่ยหวนต้องส่งกำลังคนไปสนับสนุนที่ประตูทิศเหนืออยู่แล้ว เช่นนั้นพวกเราก็จะสามารถฆ่าออกไปจากทางทิศตะวันออกและทิศตะวันตก ทำให้ศัตรูประหลาดใจ หลังจากที่กำจัดกองกำลังของศัตรูไปได้ส่วนหนึ่งแล้ว ก็รีบถอยทัพกลับเมือง!”อวี๋ซื่อจงอยู่กับหยุนเจิงหลายวันไม่เสียเปล่า เข้าใจแผนการของหยุนเจิงในบัดดลเมื่อได้ยินคำพูดของอวี๋ซื่อจงแล้ว แววตาของฝูงชนต่างก็เป็นประกายนี่ไม่ใช่ความคิดที่ไม่ดีหากศัตรูติดกับ พวกเขาอาจไม่สามารถกำจัดกองกำลังได้มาก แต่ทว่าแม้จะกำจัดได้กี่ร้อยคน ก็เป็นเรื่องดีเช่นกัน!ตอนนี้พวกเขาถูกล้อม จำเป็นต้องนำชัยชนะมาปลุกขวัญกำลังใจทหาร!“ถ้าหากศัตรูที่ประตูเหนือไม่ไปสนับสนุนล่ะ?”ฉินชีหู่ขมวดคิ้วถาม“เช่นนั้นก็โจมตีทหารศัตรูทางประตูใต้ครั้งใหญ่!”ตู๋กูเช่อตาเป็นประกาย รีบเสนอแผนการทันท
เจียเหยาคอยส่งคนให้ไปสอดส่องการเคลื่อนไหวของชายแดนกู้ตลอดเวลาขณะที่ทหารต้าเฉียนกำลังทำลายกำแพงเมืองทางทิศตะวันออกและทิศตะวันตก เจียเหยาก็ได้รับข่าวสาร“ทำลายกำแพงเมืองด้วยตนเอง?”ปานปู้แปลกใจมาก เห็นได้ชัดว่าไม่คิดว่าหยุนเจิงจะมาไม้นี้จะว่าไปก็แปลก เดิมทีปานปู้รู้สึกว่าตนจะตายแล้ว แต่หลังจากที่ได้รับข่าวว่าแผนการล้อมชายแดนกู้ของพวกเขาสำเร็จแล้ว ร่างกายของเขาก็ราวกับได้ชีวิตใหม่ ร่างกายที่อ่อนแอในตอนแรกกลับเต็มไปด้วยพลังอีกครั้งบัดนี้ เขานอกจากสีหน้าที่ยังดูแย่อยู่แล้ว ก็แทบจะหายเป็นปกติแล้ว“ดูก็รู้ว่าเป็นฝีมือของหยุนเจิง!”เจียเหยาหัวเราะ “มีแต่เขานั่นแหละที่กล้าทำเรื่องเช่นนี้!”“อืม ก็จริง!”ปานปู้พยักหน้าเห็นด้วย “การกระทำของหยุนเจิงครั้งนี้ คือคิดจะออกไปพร้อมกันทั้งสี่ทิศนั้นหรือ?”ปานปู้ในฐานะที่เป็นราชครูของเป่ยหวนย่อมต้องมีฝีมือบ้างอยู่แล้ว รู้ทันทีว่าพวกเขาทำลายกำแพงเมืองนั้นต้องการจะทำอะไรเจียเหยาพยักหน้า “เป็นไปได้ แต่ข้าคิดว่าหยุนเจิงไม่น่าจะทำเช่นนั้น”“เพราะเหตุใดล่ะ?”ปานปู้ถามอย่างสงสัยเจียเหยาครุ่นคิด “หยุนเจิงชอบเอาเปรียบคนอื่น ถึงแม้เขาจะเอาเปรียบไ
อย่างไรตอนนี้ตนก็คาดเดาความคิดที่แท้จริงของเขาไม่ได้อยู่แล้ว เช่นนั้นก็เติมเชื้อไฟให้เขาหน่อยแล้วกัน!เมื่อคิดถึงตรงนี้ เจียเหยาก็เรียกคนนอกกระโจมมาทันที “ถ่ายทอดคำสั่งลงไป ขณะที่กองทหารใหญ่ตั้งค่าย ให้ตั้งค่ายใกล้กัน…”…หลังจากได้รับข่าวการเคลื่อนไหวของกองทหารใหญ่เป่ยหวนที่อยู่ทางประตูเหนือแล้ว หยุนเจิงก็ขึ้นป้อมเมืองประตูเหนือเพื่อดูการเคลื่อนไหวของกองทหารใหญ่เป่ยหวนทันทีขณะนี้ กองทหารใหญ่เป่ยหวนได้รุกเข้ามาแล้ว และกำลังตั้งค่ายอยู่มองจากตำแหน่งของพวกเขาแล้ว สามารถเห็นตำแหน่งของศัตรูได้อย่างชัดเจน“นี่กำลังจะตั้งค่ายเป็นครึ่งวงกลมหรือ? จะได้สามารถจัดการกับคนที่ออกจากทิศตะวันออกและทิศตะวันตกได้ตลอดเวลานั้นหรือ?”หยุนเจิงวิเคราะห์ถึงจุดประสงค์การตั้งค่ายกลเช่นนี้ของเจียเหยาได้ทันที“น่าจะเป็นเช่นนั้น!”เสิ่นลั่วเยี่ยนพยักหน้า แล้วเอ่ยอย่างกังวลใจ “การกระทำของนางนี้ อยู่เหนือความคาดหมายของเจ้านะ!”“สตรีคนนี้เจ้าเล่ห์จริงๆ”หยุนเจิงพยักหน้าเบาๆ ทว่ามุมปากกลับเผยรอยยิ้มออกมาจางๆ “แต่ทว่า นางลืมปัญหาที่คร่าชีวิตได้ไปข้อหนึ่ง!”“ปัญหาที่คร่าชีวิตได้?”ฉินชีหู่จึปาก แล้วเอียง
“เจ้าคิดว่าคืนนี้สามารถทำได้หรือ?”หยุนเจิงมองตู๋กูเช่ออย่างลำบาก“แน่นอน!”ตู๋กูเช่อกล่าวอย่างมั่นใจ“ไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก!”หยุนเจิงส่ายศีรษะกล่าว “นี่เป็นปัญหาที่คร่าชีวิตได้ก็จริง แต่ก็อาจเป็นไปได้ว่าเจียเหยาจงใจแสดงให้เราเห็นถึงช่องโหว่!”“เอ่อ…”ตู๋กูเช่อชะงักเล็กน้อย รอยยิ้มบนใบหน้าพลันจางหายไปในบัดดลหลังจากครุ่นคิด ตู๋กูเช่อก็เอ่ยเสียงเบาว่า “นี่อาจเป็นกับดัก และอาจเป็นความสะเพร่าของศัตรู! หากเป็นความสะเพร่าของศัตรูจริง แต่เรากลับไม่เคลื่อนไหวอะไรเลย เช่นนั้นก็จะเสียโอกาสดีๆ ไปเปล่าๆ!”“จริง!”หยุนเจิงพยักหน้า “ดังนั้น เราต้องคิดให้ละเอียดก่อน!”ได้ยินบทสนทนาของทั้งสองแล้ว ฝูงชนที่โล่งใจไปบ้างกลับกังวลขึ้นอีกครั้ง“ไม่ใช่…”ฉินชีหู่กวาดสายตามองทั้งสองสลับไปมา “พวกเจ้าพูดอะไรอยู่กันเนี่ย?”ไม่เพียงแต่ฉินชีหู่เท่านั้นที่สงสัย แต่คนอื่นๆ ต่างก็สงสัยเช่นเดียวกันทั้งสองคนกำลังเล่นปริศนาอะไรกันอยู่?เดี๋ยวได้เดี๋ยวไม่ได้?หยอกพวกเขาเล่นหรือไงกัน?ที่สำคัญ พวกเขาไม่เข้าใจเลยสักประโยค!ด้วยสายตาไม่พอใจของฉินชีหู่แล้ว หยุนเจิงจึงส่ายศีรษะหัวเราะออกมาคนคนนี้เหมาะกับ
“ไสหัวไป!”ฉินชีหู่จ้องฝูงชนด้วยแววตาดุร้าย “ใครกล้าแย่งกับข้า ข้าจะบีบมันจนอุจจาระออกมาเลยคอยดู!”ได้ยินคำพูดของฉินชีหู่แล้ว ฝูงชนต่างก็ทำหน้าหมดคำพูดใบหน้าของหยุนเจิงยิ้มขมขื่น ทว่าในใจกลับทอดถอนใจสุดขีดคนเหล่านี้ล้วนแต่เป็นวีรบุรุษเลือดร้อน!นำทหารม้าไปเผากระโจมของศัตรูไม่ต่างอะไรกับการวอนหาที่ตาย!ถึงแม้จะเผากระโจมค่ายของศัตรูได้สำเร็จ แต่โอกาสที่จะรอดออกมานั้นก็น้อยมากเช่นกันนี่มันใช่การแย่งผลงานเสียที่ไหน!นี่มันแย่งกันพาคนไปตาย เพื่อหาทางรอดให้กับกองทหารใหญ่หลายหมื่นนายชัดๆ!“ท่านอ๋อง การเป็นห่วงชีวิตของทหารนั้นเป็นเรื่องดี! ทว่าบัดนี้ต้องรีบตัดสินใจ!”ตู๋กูเช่อมองหยุนเจิงด้วยสีหน้าจริงจัง “เรายอมอ่อนมือให้ ก็ไม่อาจปล่อยโอกาสนี้หลุดไป! ถึงแม้นี่จะเป็นกับดัก เราก็ต้องลองดูสักตั้ง!”ตู๋กูเช่อจะไม่เข้าใจได้อย่างไร การที่ทหารม้าสองพันนายออกไปโจมตี นั่นเท่ากับตายสถานเดียวทว่าหากนี่เป็นความผิดพลาดของศัตรูล่ะ หากรอให้ศัตรูรู้ตัว พวกเขาก็จะพลาดโอกาสนี้ไปทันที และจะต้องเสียใจภายหลังมากแน่นอนความเมตตาสั่งการทหารไม่ได้!สงครามไม่มีผู้ใดไม่ตาย!จะเป็นกับดักหรือไม่ต้องกระ
หยุนเจิงมือไขว้หลัง ยืนครุ่นคิดอยู่บนป้อมเมืองประตูเหนือตามลำพังถึงแม้จะผ่านสิ้นปีมาแล้ว แต่ตอนนี้ซั่วเป่ยก็ยังคงหนาวเหน็บอยู่ลมเย็นพัดกระทบใบหน้า ทำให้หยุนเจิงตัวแข็งเล็กน้อยความหนาวเย็นไม่ได้ลบล้างความคิดมากของหยุนเจิงเลยเขาพลางกวาดมองกระโจมค่ายของกองทหารใหญ่เป่ยหวนพลางครุ่นคิดไม่หยุดไม่รู้ตั้งแต่เมื่อใด เมี่ยวอินก็มาถึงข้างหลังหยุนเจิงแล้ว“ยังคิดหาวิธีไม่ได้หรือ?”เสียงของเมี่ยวอินดังขึ้นจากข้างหลังหยุนเจิงเห็นได้ชัดว่าเสิ่นลั่วเยี่ยนได้บอกนางแล้วว่าหยุนเจิงกำลังสับสนอยู่หยุนเจิงพยักหน้าเบาๆ “เจียเหยาครั้งนี้ ลำบากมากจริงๆ!”เมี่ยวอินเดินเข้าไปยืนขนาบข้างหยุนเจิง แล้วเอียงศีรษะมองหยุนเจิง “เจ้าอยากลองฟังความคิดเห็นของข้าหรือไม่?”“เจ้ามีวิธีนั้นหรือ?” หยุนเจิงมองเมี่ยวอินอย่างสงสัย“ไม่มี”เมี่ยวอินส่ายศีรษะยิ้มขมขื่น “เจ้ายังไม่มีวิธีที่ดีเลย ข้าจะมีวิธีได้อย่างไร? ข้าเพียงแค่มีความคิดเห็นเล็กน้อยเท่านั้น”“หืม?” หยุนเจิงหรี่ตาลงเล็กน้อย แล้วกล่าวอย่างสนใจ “ว่ามาซิ”เมี่ยวอินมองไปที่ค่ายใหญ่เป่ยหวนที่อยู่ไกลออกไป แล้วเอ่ยยิ้มขมขื่น “ข้ารู้สึกว่า พวกเจ้าทุกคนอ
ด้วยอุปนิสัยของเจียเหยาแล้ว สิ่งที่เมี่ยวอินกังวลอาจเป็นจริงก็เป็นได้!หากไม่ใช่เพราะเมี่ยวอิน เขาอาจไม่สามารถนึกถึงเรื่องนี้ก็เป็นได้หยุนเจิงครุ่นคิดอยู่เงียบๆ สายตากวาดมองไปที่ค่ายใหญ่เป่ยหวนไม่หยุดหลังจากที่ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง หัวใจของหยุนเจิงก็กระตุกวูบอีกครั้ง“ไปกันเถอะ ไปที่ป้อมเมืองประตูใต้!”หยุนเจิงรู้สึกตื่นเต้น น้ำเสียงยิ่งสูงขึ้นกว่าเดิมหืม?เขามีวิธีแล้ว?เมี่ยวอินมองหยุนเจิงด้วยความสงสัย แล้วรีบตามไปไม่นาน ทั้งสองก็มาถึงป้อมเมืองประตูใต้หยุนเจิงกวาดมองรอบๆ หนหนึ่ง จากนั้นเรียกทหารเฝ้าเมืองมาคนหนึ่งสั่งให้เขาไปเรียกแม่ทัพให้มาที่ป้อมเมืองประตูใต้“เจ้ามีวิธีแล้ว?”เมี่ยวอินสงสัย ในตาเต็มไปด้วยความอยากรู้ไม่หรอกกระมัง?สถานการณ์เช่นนี้ เขายังคิดหาวิธีได้นั้นหรือ?“ไม่รู้ว่าเป็นวิธีหรือไม่ ต้องถามก่อนถึงจะรู้!”หยุนเจิงกำหมัดแน่น ดูลนลานเล็กน้อยเมี่ยวอินสงสัยมาก ทว่าเห็นว่าหยุนเจิงไม่ได้ให้คำตอบชัดเจน จึงไม่ได้ถามต่อไปไม่นาน แม่ทัพที่ถูกหยุนเจิงเรียกก็มาถึง“ผู้ใดที่เคยอยู่ที่ชายแดนกู้ แล้วเข้าในรอบๆ ชายแดนกู้บ้าง?”ฝูงชนยังไม่ทันได้เอ่ยปากถาม ห
ยามอัสดง เจียเหยาได้รับจดหมายที่หยุนเจิงให้คนยิงธนูส่งมาหน้าค่ายกลของพวกเขา“คืนนี้ข้าจะฝ่าวงล้อม เจ้าเตรียมตัวให้พร้อมล่ะ!”บนจดหมายของหยุนเจิงมีเพียงคำพูดประโยคง่ายๆ ประโยคเดียวเจียเหยาส่งมอบจดหมายให้กับปานปู้ แล้วยิ้มชั่วร้าย “หยุนเจิงเองก็เริ่มเล่นกลกับเราแล้ว!”ฝ่าวงล้อมคืนนี้?หยุนเจิงจงใจบอกเวลาเพื่อทำให้ตนสับสนนั้นรึ?นี่ดูเหมือนวิธีการแปลกๆ ของหยุนเจิง!“หยุนเจิงน่าจะตั้งใจทำให้เราสับสน”ปานปู้เองก็วิเคราะห์ในทางเดียวกัน “แต่ทว่า เราก็ต้องระวัง! เพราะเราเสียเปรียบให้กับหยุนเจิงมาหลายครั้งแล้ว ในที่สุดครั้งนี้ก็มีโอกาสล้อมเขาไว้ในชายแดนกู้ได้แล้ว ต้องห้ามทำให้เขาหลุดไปได้!”เมื่อเอ่ยถึงหยุนเจิง ปานปู้ก็แค้นกัดฟันกรอบตั้งแต่เริ่มรบมา พวกเขาสูญเสียกองทหารไปหนึ่งแสนนาย!แถมเจ็ดหมื่นนายยังตกอยู่ในมือของหยุนเจิงด้วย!หยุนเจิงกลายเป็นฝันร้ายของเขาไปแล้วด้วยซ้ำ!เขาเพียงแค่อยากจับตัวหยุนเจิงให้ได้ เพียงแค่อยากปรากฏตัวตรงหน้าหยุนเจิงด้วยท่าทีของผู้ชนะ!“อื้ม!”เจียเหยาพยักหน้าเล็กน้อย กล่าวด้วยแววตาเป็นประกายว่า “ครั้งนี้เพราะคนของพวกเขาช่วยเอาไว้ เราถึงสามารถล้อมพวกเข