หยุนเจิงมือไขว้หลัง ยืนครุ่นคิดอยู่บนป้อมเมืองประตูเหนือตามลำพังถึงแม้จะผ่านสิ้นปีมาแล้ว แต่ตอนนี้ซั่วเป่ยก็ยังคงหนาวเหน็บอยู่ลมเย็นพัดกระทบใบหน้า ทำให้หยุนเจิงตัวแข็งเล็กน้อยความหนาวเย็นไม่ได้ลบล้างความคิดมากของหยุนเจิงเลยเขาพลางกวาดมองกระโจมค่ายของกองทหารใหญ่เป่ยหวนพลางครุ่นคิดไม่หยุดไม่รู้ตั้งแต่เมื่อใด เมี่ยวอินก็มาถึงข้างหลังหยุนเจิงแล้ว“ยังคิดหาวิธีไม่ได้หรือ?”เสียงของเมี่ยวอินดังขึ้นจากข้างหลังหยุนเจิงเห็นได้ชัดว่าเสิ่นลั่วเยี่ยนได้บอกนางแล้วว่าหยุนเจิงกำลังสับสนอยู่หยุนเจิงพยักหน้าเบาๆ “เจียเหยาครั้งนี้ ลำบากมากจริงๆ!”เมี่ยวอินเดินเข้าไปยืนขนาบข้างหยุนเจิง แล้วเอียงศีรษะมองหยุนเจิง “เจ้าอยากลองฟังความคิดเห็นของข้าหรือไม่?”“เจ้ามีวิธีนั้นหรือ?” หยุนเจิงมองเมี่ยวอินอย่างสงสัย“ไม่มี”เมี่ยวอินส่ายศีรษะยิ้มขมขื่น “เจ้ายังไม่มีวิธีที่ดีเลย ข้าจะมีวิธีได้อย่างไร? ข้าเพียงแค่มีความคิดเห็นเล็กน้อยเท่านั้น”“หืม?” หยุนเจิงหรี่ตาลงเล็กน้อย แล้วกล่าวอย่างสนใจ “ว่ามาซิ”เมี่ยวอินมองไปที่ค่ายใหญ่เป่ยหวนที่อยู่ไกลออกไป แล้วเอ่ยยิ้มขมขื่น “ข้ารู้สึกว่า พวกเจ้าทุกคนอ
ด้วยอุปนิสัยของเจียเหยาแล้ว สิ่งที่เมี่ยวอินกังวลอาจเป็นจริงก็เป็นได้!หากไม่ใช่เพราะเมี่ยวอิน เขาอาจไม่สามารถนึกถึงเรื่องนี้ก็เป็นได้หยุนเจิงครุ่นคิดอยู่เงียบๆ สายตากวาดมองไปที่ค่ายใหญ่เป่ยหวนไม่หยุดหลังจากที่ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง หัวใจของหยุนเจิงก็กระตุกวูบอีกครั้ง“ไปกันเถอะ ไปที่ป้อมเมืองประตูใต้!”หยุนเจิงรู้สึกตื่นเต้น น้ำเสียงยิ่งสูงขึ้นกว่าเดิมหืม?เขามีวิธีแล้ว?เมี่ยวอินมองหยุนเจิงด้วยความสงสัย แล้วรีบตามไปไม่นาน ทั้งสองก็มาถึงป้อมเมืองประตูใต้หยุนเจิงกวาดมองรอบๆ หนหนึ่ง จากนั้นเรียกทหารเฝ้าเมืองมาคนหนึ่งสั่งให้เขาไปเรียกแม่ทัพให้มาที่ป้อมเมืองประตูใต้“เจ้ามีวิธีแล้ว?”เมี่ยวอินสงสัย ในตาเต็มไปด้วยความอยากรู้ไม่หรอกกระมัง?สถานการณ์เช่นนี้ เขายังคิดหาวิธีได้นั้นหรือ?“ไม่รู้ว่าเป็นวิธีหรือไม่ ต้องถามก่อนถึงจะรู้!”หยุนเจิงกำหมัดแน่น ดูลนลานเล็กน้อยเมี่ยวอินสงสัยมาก ทว่าเห็นว่าหยุนเจิงไม่ได้ให้คำตอบชัดเจน จึงไม่ได้ถามต่อไปไม่นาน แม่ทัพที่ถูกหยุนเจิงเรียกก็มาถึง“ผู้ใดที่เคยอยู่ที่ชายแดนกู้ แล้วเข้าในรอบๆ ชายแดนกู้บ้าง?”ฝูงชนยังไม่ทันได้เอ่ยปากถาม ห
ยามอัสดง เจียเหยาได้รับจดหมายที่หยุนเจิงให้คนยิงธนูส่งมาหน้าค่ายกลของพวกเขา“คืนนี้ข้าจะฝ่าวงล้อม เจ้าเตรียมตัวให้พร้อมล่ะ!”บนจดหมายของหยุนเจิงมีเพียงคำพูดประโยคง่ายๆ ประโยคเดียวเจียเหยาส่งมอบจดหมายให้กับปานปู้ แล้วยิ้มชั่วร้าย “หยุนเจิงเองก็เริ่มเล่นกลกับเราแล้ว!”ฝ่าวงล้อมคืนนี้?หยุนเจิงจงใจบอกเวลาเพื่อทำให้ตนสับสนนั้นรึ?นี่ดูเหมือนวิธีการแปลกๆ ของหยุนเจิง!“หยุนเจิงน่าจะตั้งใจทำให้เราสับสน”ปานปู้เองก็วิเคราะห์ในทางเดียวกัน “แต่ทว่า เราก็ต้องระวัง! เพราะเราเสียเปรียบให้กับหยุนเจิงมาหลายครั้งแล้ว ในที่สุดครั้งนี้ก็มีโอกาสล้อมเขาไว้ในชายแดนกู้ได้แล้ว ต้องห้ามทำให้เขาหลุดไปได้!”เมื่อเอ่ยถึงหยุนเจิง ปานปู้ก็แค้นกัดฟันกรอบตั้งแต่เริ่มรบมา พวกเขาสูญเสียกองทหารไปหนึ่งแสนนาย!แถมเจ็ดหมื่นนายยังตกอยู่ในมือของหยุนเจิงด้วย!หยุนเจิงกลายเป็นฝันร้ายของเขาไปแล้วด้วยซ้ำ!เขาเพียงแค่อยากจับตัวหยุนเจิงให้ได้ เพียงแค่อยากปรากฏตัวตรงหน้าหยุนเจิงด้วยท่าทีของผู้ชนะ!“อื้ม!”เจียเหยาพยักหน้าเล็กน้อย กล่าวด้วยแววตาเป็นประกายว่า “ครั้งนี้เพราะคนของพวกเขาช่วยเอาไว้ เราถึงสามารถล้อมพวกเข
“ข้าขี้เกียจ!”หยุนเจิงปฏิเสธทันใด “เราตะโกนคุยกันก็พอ!”“ไอ้คนขี้ขลาด!”เจียเหยาตะโกนเสียงดัง“ข้าขี้ขลาด แล้วทำไม?”หยุนเจิงไม่แยแส ส่งสายตาให้กับอวี๋ซื่อจงพวกเขา “เริ่มได้!”อวี๋ซื่อจงมองหยุนเจิงอย่างลำบากใจ “องค์ชาย ตะโกนกลางที่สาธารณะเช่นนี้จะทำให้องค์ชายเสีย…”“เหลวไหล!”หยุนเจิงโบกมือ “บอกให้ตะโกนก็ตะโกน! เร็วเข้า!”อวี๋ซื่อจงหมดหนทาง ทำได้เพียงนำคนร้อยคนตะโกนออกไปว่า “หากข้าฝ่าวงล้อมได้สำเร็จ ข้าก็ไม่ต้องการให้เจ้าครองตัวเพื่อข้าหรอก เจ้าเพียงแค่ระบำให้ข้าดูสักรอบเป็นพอ!”อวี๋ซื่อจงและคนอื่นตะโกนเสียงดังฟังชัดอย่าว่าแต่เจียเหยาที่อยู่ห่างจากป้อมเมืองไม่ไกล แม้แต่คนที่อยู่ในฐานค่ายพวกนั้นก็ยังได้ยินเจียเหยารู้ทั้งรู้ว่าหยุนเจิงจงใจทำให้ตนเสียอารมณ์ แต่ก็ยังโมโหกับคำพูดของหยุนเจิงอยู่ดีเดิมนางคิดว่าหยุนเจิงจะบอกว่าอ่านแผนการของตนออกแล้วอะไรทำนองนั้นแต่คาดไม่ถึงว่าหยุนเจิงจะพูดคำพูดนี้ออกมาระบำนั้นหรือ?ไอ้สารเลวไร้ยางอาย!กล้าบอกให้นางที่เป็นองค์หญิงแห่งเป่ยหวนระบำต่อหน้าสาธารณะเชียวรึ?“ไร้ยางอาย!”เจียเหยาตะคอกด้วยความโกรธ “หยุนเจิง เจ้ารอก่อนเถอะ! ข้าจะ
ย่ำค่ำทหารม้าต้าเฉียนเริ่มเคลื่อนพลออกทางประตูตะวันออกเพื่อแสร้งโจมตีปีกซ้ายของเป่ยหวนแต่ทว่า ทหารม้าต้าเฉียนระมัดระวังตัวเกินไปคนกลุ่มหนึ่งจุดไฟไม่กี่แท่ง เพิ่งออกไปได้ไม่ไกล ก็ย้อนกลับมาแล้วโจมตีปลอมๆ อยู่หลายหน ก็ล้วนแต่ออกจากประตูตะวันออกได้ไม่ถึงสองร้อยจั้ง ก็ย้อนกลับมาแล้วหลายครั้งที่ทหารใหญ่ปีกซ้ายของเป่ยหวนกำลังเตรียมจะโจมตี ทหารม้าต้าเฉียนก็หนีไปอีกแล้วไปๆ มาๆ เช่นนี้ ทำเอาทหารม้าเป่ยหวนเองก็รู้สึกเหนื่อยกายเหนื่อยใจทว่าทหารม้าต้าเฉียนกลับดูมีความสุขและไม่เหนื่อยเลยในขณะเดียวกัน อาหลู่ไถทางประตูใต้ก็เผชิญกับสถานการณ์เดียวกันกลุ่มกองไฟส่องสว่างค่ายของพวกเขา และทหารต้าเฉียนก็ตะโกนสั่งให้โจมตีสั่งให้ฆ่าเป็นครั้งคราวทว่าทุกครั้งก็เป็นเพียงการหลอกเหมือนฟ้าร้องเสียงดัง แต่ฝนกลับตกนิดเดียวอาหลู่ไถเองก็ตระหนักได้แล้วว่าต้าเฉียนกำลังแสร้งโจมตีอยู่ จึงแค่สั่งให้ทหารระมัดระวังตัว แต่ไม่ต้องเข้าโจมตีก่อนหน้านี้เขาสั่งให้คนขุดหลุมฝังม้าไว้หลายหลุม และไม่เกรงกลัวว่าทหารม้าต้าเฉียนจะโจมตีเลยแม้แต่น้อยเพียงแค่ทหารราบของต้าเฉียนพวกนี้ จะโจมตีมาอย่างไร เขาก็ไม่กลัว!เ
แต่ถึงกระนั้น เป่ยหวนก็ยังส่งทหารม้าจำนวนน้อยออกไปตั้งรับการโจมตีเช่นเดิมตามคาด ทหารม้าต้าเฉียนไม่ทันมาถึงเขตที่สามารถยิงธนูถึงได้ก็ย้อนกลับไปอีกแล้วทหารม้าเป่ยหวนขี้เกียจไล่ตามไป เพราะอย่างไรถึงเวลาที่พวกเขาไล่ตามไป กองทหารศัตรูก็กลับเข้าเมืองไปแล้วถูกทรมานอยู่เช่นนี้ตลอดทั้งคืน ทหารม้าเป่ยหวนเริ่มก่นด่าตั้งนานแล้วหากไม่ใช่เพราะเจียเหยาสั่งให้พวกเขาห้ามโจมตีเมืองล่ะก็ พวกเขาคงบุกโจมตีทหารม้าต้าเฉียนที่น่ารำคาญเหมือนแมลงวันแล้ว“ขี้ขลาด!”“ไอ้พวกขี้ขลาด!”“พวกไร้ประโยชน์ รู้จักเพียงวิ่งหนี!”ทหารม้าเป่ยหวนตะโกนด่าทว่าทหารต้าเฉียนเพียงแค่ส่งเสียงหัวเราะ มีบางคนที่โต้กลับบ้าง แต่ทว่าก็ถูกเสียงหัวเราะจากคนหมู่มากกลบมิดแต่ทว่าต่างจากครั้งก่อนครั้งนี้ ตอนที่ทหารม้าต้าเฉียนวิ่งกลับไป มีทหารม้าหลายสิบนายวิ่งเข้าไปในความมืดที่กองไฟส่องไปไม่ถึงอย่างรวดเร็ว จากนั้นค่อยๆ ชะลอความเร็ว แล้วเดินทางชิดกำแพงเมืองไปรวมตัวกันที่ทางตะวันออกเฉียงใต้พวกเขาหายไปในความมืดไม่นาน ก็มีทหารม้าต้าเฉียนกลุ่มใหญ่พุ่งออกมาในเมืองเหมือนก่อนหน้าที่เป็นการกระทำหลอกๆ เหมือนฟ้าร้องเสียงดัง แต่ฝนตกน
เช้าตรู่ตามด้วยท้องฟ้าที่สว่างเจิดจ้าขึ้น ทหารต้าเฉียนก็หยุดการเคลื่อนไหวหลังจากที่ทรมานอยู่ทั้งคืน ถึงแม้มีคนมากมายที่ไม่แม้แต่จะป้องกันตัว ทว่าเมื่อคืนเสียงดังมากจริงๆแทบจะไม่มีผู้ใดสามารถนอนหลับได้เลยบัดนี้ ในที่สุดทหารต้าเฉียนก็หยุดลงแล้วหลังจากที่อาหลู่ไถสั่งให้คนตั้งหม้อทำกับข้าวแล้ว ตนพลันวิ่งกลับเข้าไปในกระโจมเพื่อพักสายตาฟ้าสว่างแล้วพวกเขาไม่ได้หลับได้นอนมาทั้งคืน ทหารต้าเฉียนที่ชายแดนกู้ก็ต้องไม่ได้หลับเหมือนกันแน่นอนตอนนี้ ทหารต้าเฉียนน่าจะไม่มารบกวนแล้วควรนอนพักสักงีบ!ไม่เช่นนั้น เกรงว่าคืนนี้ทหารต้าเฉียนคงต้องมารบกวนอีกเป็นแน่“ไอ้พวกขี้ขลาด ดูซิว่าพวกเจ้าจะทำเช่นนี้ได้อีกนานแค่ไหน!”อาหลู่ไถบ่น แล้วนอนพักในกระโจมทหารส่วนใหญ่ก็เลือกที่จะนอนหลับพักผ่อนที่กระโจมเหมือนอาหลู่ไถโดยเฉพาะกลุ่มทหารที่อยู่ส่วนกลางเพราะส่วนหน้าและส่วนท้ายยังมีทหารคอยเฝ้าอยู่ หากคนต้าเฉียนจะบุกโจมตีเข้ามา ก็ต้องผ่านกองทหารส่วนหน้าและส่วนท้ายก่อนกองทหารส่วนกลางปลอดภัยมาก ถึงขนาดไม่จำเป็นต้องลาดตระเวนเลยด้วยซ้ำหลังจากไม่ได้หลับมาทั้งคืน คนมากมายเข้าไปในกระโจมได้ไม่นานก็น
ตามด้วยทหารต้าเฉียนที่ฆ่าเข้ามาเรื่อยๆ ฝ่ายอาหลู่ไถนั้นแพ้เรื่องของเวลาหลังจากที่ตู๋กูเช่อนำทัพฆ่าเข้ามาแล้ว ก็สั่งการคนข้างกายว่า “สั่งให้เจิ้งเป่านำคนไปเฝ้าที่ช่องโหว่ซะ ตัดเส้นทางช่วยเหลือของศัตรูที่ประตูเหนือ!”“ขอรับ!”ทหารม้าส่งสาส์นเริ่มส่งสาส์นทันที ธงถ่ายทอดคำสั่งเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว…ในกระโจมค่ายกองทหารส่วนกลางของเจียเหยา“องค์หญิง ไม่ได้การแล้ว!”ทหารข้างกายรีบเข้ามาในกระโจมใหญ่ของเจียเหยา แล้วเอ่ยด้วยสีหน้าลนลานว่า “หน่วยสอดแนมจากปีกซ้ายและขวารายงานมาว่า ศัตรูได้ฆ่าเข้าไปในฝ่ายจั่วเสียนอ๋องแล้ว ฝ่ายจั่วเสียนอ๋องเสียหายหนัก…”“อะไรนะ?”สีหน้าของเจียเหยาเปลี่ยน นางลุกขึ้นพรวด “แน่ใจหรือว่าไม่ใช่การโจมตีปลอม?”“ไม่ใช่! ครั้งนี้ไม่ใช่จริงๆ!”ทหารข้างกายเอ่ยด้วยสีหน้าร้อนรน “หน่วยสอดแนมรายงานกลับมาว่า ฝ่ายจั่วเสียนอ๋องเริ่มจะพ่ายแพ้แล้ว!”พ่ายแพ้!ฝ่ายอาหลู่ไถเริ่มจะพ่ายแพ้แล้ว!เป็นไปได้อย่างไร!อาหลู่ไถป้องกันอย่างไรกัน?พวกเขาทำการป้องกันมากมายเพียงนั้น เหตุใดถึงพ่ายแพ้เร็วเช่นนี้ล่ะ?ฝ่าวงล้อมแล้ว!หยุนเจิงนำทัพฝ่าวงล้อมได้จริงๆ!ในศีรษะของเจียเหยาดังว