มาถึงข้างนอก หยุนเจิงพลันหาสถานที่เงียบสงบแล้วใช้หิมะบนพื้นทำเป็นโต๊ะทรายอย่างง่ายขึ้นมาอย่างรวดเร็วบุกออกไปจากประตูใต้ กองทหารใหญ่เป่ยหวนที่อยู่ทางประตูเหนือจะเข้ามาเสริมทัพแน่นอนบุกออกไปจากประตูเหนือ ถึงแม้พวกเขาจะออกไปได้แล้ว แต่เกรงว่าคนสี่หมื่นนายนี้คงต้องสูญเสียไปมากกว่าหกส่วนที่สำคัญ พวกเขาส่วนใหญ่ยังเป็นทหารราบด้วยทหารม้าออกไปยังสามารถวิ่งได้แต่ทหารราบถึงแม้จะออกไปได้ ก็ไม่อาจหนีรอดจากการถูกทหารม้าเหล็กเป่ยหวนตามสังหารอยู่ดี!ตอนนี้จะวิ่งก็ไม่ได้ จะสู้ก็ไม่ใช่หากเฝ้าอยู่อย่างนี้ ขอแค่รถขนหินของเป่ยหวนลงสนาม ลำพังแค่ใช้รถขนหินนั่นก็สามารถฆ่าคนของพวdเขาได้ไม่น้อยแล้ว!อีกอย่าง พวกเขาจะเจอกับสถานการณ์มีอาหารแต่ไม่มีไฟได้ในไม่นาน!หากอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่มีแม้แต่ไฟหุงข้าวนั้น จิตใจทหารของพวกเขาจะไม่แน่วแน่ และไร้ขวัญกำลังใจทันที!ถึงครานั้น เป่ยหวนแค่โจมตีเมือง โอกาสที่พวกเขาจะเฝ้าป้อมได้คงเป็นศูนย์!ดังนั้น หากจะให้เฝ้าอยู่ต่อไป และยื้อเวลากับเป่ยหวนต่อไป ก็ไม่ใช่หนทางที่ดีนัก!หากคิดจะออกไป อย่างไรก็ต้องสู้กับเป่ยหวนเสียก่อน!อีกอย่างต้องลงมือภายในสามวันดีที่สุ
เสิ่นลั่วเยี่ยนถามอย่างไม่เข้าใจหยุนเจิงเหยียดยิ้ม ทว่าในใจกลับเผยรังสีเยือกเย็นออกมา “วิธีน่ะยังไม่มี ตาเราสามารถกัดเนื้อจากคนเป่ยหวนก่อนได้!”หืม?เสิ่นลั่วเยี่ยนไม่เข้าใจเขาหมายความว่าอย่างไร?กัดเนื้อจากศัตรู?กัดอย่างไร?หากกัดไม่ดีขึ้นมา เกรงว่าฟันของตนคงจะร่วงกระมัง?เสิ่นลั่วเยี่ยนสงสัย แล้วส่งสายตาถามให้กับอวี๋ซื่อจงอวี๋ซื่อจงส่ายหน้าเบาๆ บ่งบอกว่าตนเองก็ไม่รู้เช่นกันความคิดของหยุนเจิงไม่อาจคาดเดาได้แต่ไหนแต่ไร เขาจะรู้ความคิดของหยุนเจิงได้อย่างไร!ขณะที่หยุนเจิงพาทั้งสองไปที่ห้องประชุมอีกครั้ง ฝูงชนก็ยังคงเจรจากันอยู่เพียงแต่ เมื่อเห็นท่าทีทอดถอนใจของพวกเขาแล้ว ก็รู้ทันทีว่าไม่มีวิธีรับมือที่เหมาะสมตอนนี้ นอกจากบุกออกไป ดูเหมือนจะไม่มีวิธีที่ดีเท่าไรนักเมื่อเห็นหยุนเจิงกลับมา ฝูงชนทำได้เพียงมองเขาแวบหนึ่ง แล้วครุ่นคิดเหมือนเดิมหยุนเจิงเดินไปตรงหน้าตู๋กูเช่อโดยตรง “แม่ทัพตู๋กู เจ้าลุกขึ้นได้แล้ว!”ลุกขึ้นได้แล้ว?ตู๋กูเช่อขมวดคิ้วมองหยุนเจิงเขาให้ตนลุกขึ้น หมายความว่าอย่างไรกัน?หรือว่าเขาอยากนั่งที่ของตนนั้นหรือ?“ท่านอ๋อง ท่านคงไม่ได้คิดจะยึดอำนา
ทำลายกำแพงเมืองจีนด้วยตนเอง?ฝูงชนมองหยุนเจิงด้วยสีหน้ามึนงงถึงแม้พวกเขาจะไม่เข้าใจว่าอะไรคือกำแพงเมืองจีน แต่ทว่าก็พอเข้าใจความหมายโดยรวมได้หรือว่า หยุนเจิงคิดจะฆ่าตัวตายแล้วค่อยฟื้นคืนชีพ?”ตู๋กูเช่อขมวดคิ้ว ‘ท่านอ๋องพูดให้ละเอียดกว่านี้ได้หรือไม่?”“ได้อยู่แล้ว!”หยุนเจิวพยักหน้า แล้วเพิ่มระดับเสียง “ก่อนที่ข้าจะพูดละเอียดกว่านี้ ข้าต้องทำข้อตกลงสามข้อกับทุกคนก่อน!”ข้อตกลงสามข้อ?ฝูงชนต่าวขมวดคิ้วคิ้วของฉินชีหู่ยิ่งขมวดเข้าติดกันอย่างรวดเร็วหยุนเจิงตรงหน้านี้ ดูเหมือนว่าเขาจะไม่รู้จักเลย“ลองว่ามา!”ตู๋กูเช่อเงยหน้ามองหยุนเจิงหยุนเจิงเองก็ไม่รอช้า ปริปากพูดทันที “ข้อหนึ่ง สถานการณ์ของเราตอนนี้คับขัน ไม่ว่าพวกเจ้าจะมีความคิดอย่างไรกับข้า ก็เก็บเอาไว้ก่อน! สิ่งที่ต้องทำตอนนี้คือบุกออกไปจากการถูกล้อมให้ได้!”หยุนเจิงเผยประโยคนี้ออกไป ผู้คนไม่น้อยต่างก็เริ่มครุ่นคิดในใจขึ้นมาหยุนเจิงคาดเดาได้แล้วว่าผู้คนจะคิดอย่างไรกับเขาในเมื่อเขาคาดเดาได้แล้ว เช่นนั้นก็เท่ากับว่าในใจของเขาย่อมต้องมีความคิดที่ไม่ดีเท่าไรนักอยู่แล้วไม่มากก็น้อยดูท่าแล้ว พวกเขาทุกคนล้วนประเมินท่
“ถูกเผง!”หยุนเจิงมองอวี๋ซื่อจงด้วยสายตาชื่นชม แล้วตอบ “หากเป่ยหวนไม่แบ่งกองกำลังไปที่ทิศตะวันออกและทิศตะวันตก เช่นนั้นเราก็ส่งคนจำนวนน้อยออกไปโจมตีศัตรูทางทิศใต้ปลอมๆ ในตอนดึก แล้วทำท่าทีเหมือนต้องการจะจัดการเส้นทางโขดเป่ยหยวนนี้ออกมา!”“ใช่!”อวี๋ซื่อจงกล่าวอย่างตื่นเต้น “ถึงตอนนั้น กองทหารเป่ยหวนต้องส่งกำลังคนไปสนับสนุนที่ประตูทิศเหนืออยู่แล้ว เช่นนั้นพวกเราก็จะสามารถฆ่าออกไปจากทางทิศตะวันออกและทิศตะวันตก ทำให้ศัตรูประหลาดใจ หลังจากที่กำจัดกองกำลังของศัตรูไปได้ส่วนหนึ่งแล้ว ก็รีบถอยทัพกลับเมือง!”อวี๋ซื่อจงอยู่กับหยุนเจิงหลายวันไม่เสียเปล่า เข้าใจแผนการของหยุนเจิงในบัดดลเมื่อได้ยินคำพูดของอวี๋ซื่อจงแล้ว แววตาของฝูงชนต่างก็เป็นประกายนี่ไม่ใช่ความคิดที่ไม่ดีหากศัตรูติดกับ พวกเขาอาจไม่สามารถกำจัดกองกำลังได้มาก แต่ทว่าแม้จะกำจัดได้กี่ร้อยคน ก็เป็นเรื่องดีเช่นกัน!ตอนนี้พวกเขาถูกล้อม จำเป็นต้องนำชัยชนะมาปลุกขวัญกำลังใจทหาร!“ถ้าหากศัตรูที่ประตูเหนือไม่ไปสนับสนุนล่ะ?”ฉินชีหู่ขมวดคิ้วถาม“เช่นนั้นก็โจมตีทหารศัตรูทางประตูใต้ครั้งใหญ่!”ตู๋กูเช่อตาเป็นประกาย รีบเสนอแผนการทันท
เจียเหยาคอยส่งคนให้ไปสอดส่องการเคลื่อนไหวของชายแดนกู้ตลอดเวลาขณะที่ทหารต้าเฉียนกำลังทำลายกำแพงเมืองทางทิศตะวันออกและทิศตะวันตก เจียเหยาก็ได้รับข่าวสาร“ทำลายกำแพงเมืองด้วยตนเอง?”ปานปู้แปลกใจมาก เห็นได้ชัดว่าไม่คิดว่าหยุนเจิงจะมาไม้นี้จะว่าไปก็แปลก เดิมทีปานปู้รู้สึกว่าตนจะตายแล้ว แต่หลังจากที่ได้รับข่าวว่าแผนการล้อมชายแดนกู้ของพวกเขาสำเร็จแล้ว ร่างกายของเขาก็ราวกับได้ชีวิตใหม่ ร่างกายที่อ่อนแอในตอนแรกกลับเต็มไปด้วยพลังอีกครั้งบัดนี้ เขานอกจากสีหน้าที่ยังดูแย่อยู่แล้ว ก็แทบจะหายเป็นปกติแล้ว“ดูก็รู้ว่าเป็นฝีมือของหยุนเจิง!”เจียเหยาหัวเราะ “มีแต่เขานั่นแหละที่กล้าทำเรื่องเช่นนี้!”“อืม ก็จริง!”ปานปู้พยักหน้าเห็นด้วย “การกระทำของหยุนเจิงครั้งนี้ คือคิดจะออกไปพร้อมกันทั้งสี่ทิศนั้นหรือ?”ปานปู้ในฐานะที่เป็นราชครูของเป่ยหวนย่อมต้องมีฝีมือบ้างอยู่แล้ว รู้ทันทีว่าพวกเขาทำลายกำแพงเมืองนั้นต้องการจะทำอะไรเจียเหยาพยักหน้า “เป็นไปได้ แต่ข้าคิดว่าหยุนเจิงไม่น่าจะทำเช่นนั้น”“เพราะเหตุใดล่ะ?”ปานปู้ถามอย่างสงสัยเจียเหยาครุ่นคิด “หยุนเจิงชอบเอาเปรียบคนอื่น ถึงแม้เขาจะเอาเปรียบไ
อย่างไรตอนนี้ตนก็คาดเดาความคิดที่แท้จริงของเขาไม่ได้อยู่แล้ว เช่นนั้นก็เติมเชื้อไฟให้เขาหน่อยแล้วกัน!เมื่อคิดถึงตรงนี้ เจียเหยาก็เรียกคนนอกกระโจมมาทันที “ถ่ายทอดคำสั่งลงไป ขณะที่กองทหารใหญ่ตั้งค่าย ให้ตั้งค่ายใกล้กัน…”…หลังจากได้รับข่าวการเคลื่อนไหวของกองทหารใหญ่เป่ยหวนที่อยู่ทางประตูเหนือแล้ว หยุนเจิงก็ขึ้นป้อมเมืองประตูเหนือเพื่อดูการเคลื่อนไหวของกองทหารใหญ่เป่ยหวนทันทีขณะนี้ กองทหารใหญ่เป่ยหวนได้รุกเข้ามาแล้ว และกำลังตั้งค่ายอยู่มองจากตำแหน่งของพวกเขาแล้ว สามารถเห็นตำแหน่งของศัตรูได้อย่างชัดเจน“นี่กำลังจะตั้งค่ายเป็นครึ่งวงกลมหรือ? จะได้สามารถจัดการกับคนที่ออกจากทิศตะวันออกและทิศตะวันตกได้ตลอดเวลานั้นหรือ?”หยุนเจิงวิเคราะห์ถึงจุดประสงค์การตั้งค่ายกลเช่นนี้ของเจียเหยาได้ทันที“น่าจะเป็นเช่นนั้น!”เสิ่นลั่วเยี่ยนพยักหน้า แล้วเอ่ยอย่างกังวลใจ “การกระทำของนางนี้ อยู่เหนือความคาดหมายของเจ้านะ!”“สตรีคนนี้เจ้าเล่ห์จริงๆ”หยุนเจิงพยักหน้าเบาๆ ทว่ามุมปากกลับเผยรอยยิ้มออกมาจางๆ “แต่ทว่า นางลืมปัญหาที่คร่าชีวิตได้ไปข้อหนึ่ง!”“ปัญหาที่คร่าชีวิตได้?”ฉินชีหู่จึปาก แล้วเอียง
“เจ้าคิดว่าคืนนี้สามารถทำได้หรือ?”หยุนเจิงมองตู๋กูเช่ออย่างลำบาก“แน่นอน!”ตู๋กูเช่อกล่าวอย่างมั่นใจ“ไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก!”หยุนเจิงส่ายศีรษะกล่าว “นี่เป็นปัญหาที่คร่าชีวิตได้ก็จริง แต่ก็อาจเป็นไปได้ว่าเจียเหยาจงใจแสดงให้เราเห็นถึงช่องโหว่!”“เอ่อ…”ตู๋กูเช่อชะงักเล็กน้อย รอยยิ้มบนใบหน้าพลันจางหายไปในบัดดลหลังจากครุ่นคิด ตู๋กูเช่อก็เอ่ยเสียงเบาว่า “นี่อาจเป็นกับดัก และอาจเป็นความสะเพร่าของศัตรู! หากเป็นความสะเพร่าของศัตรูจริง แต่เรากลับไม่เคลื่อนไหวอะไรเลย เช่นนั้นก็จะเสียโอกาสดีๆ ไปเปล่าๆ!”“จริง!”หยุนเจิงพยักหน้า “ดังนั้น เราต้องคิดให้ละเอียดก่อน!”ได้ยินบทสนทนาของทั้งสองแล้ว ฝูงชนที่โล่งใจไปบ้างกลับกังวลขึ้นอีกครั้ง“ไม่ใช่…”ฉินชีหู่กวาดสายตามองทั้งสองสลับไปมา “พวกเจ้าพูดอะไรอยู่กันเนี่ย?”ไม่เพียงแต่ฉินชีหู่เท่านั้นที่สงสัย แต่คนอื่นๆ ต่างก็สงสัยเช่นเดียวกันทั้งสองคนกำลังเล่นปริศนาอะไรกันอยู่?เดี๋ยวได้เดี๋ยวไม่ได้?หยอกพวกเขาเล่นหรือไงกัน?ที่สำคัญ พวกเขาไม่เข้าใจเลยสักประโยค!ด้วยสายตาไม่พอใจของฉินชีหู่แล้ว หยุนเจิงจึงส่ายศีรษะหัวเราะออกมาคนคนนี้เหมาะกับ
“ไสหัวไป!”ฉินชีหู่จ้องฝูงชนด้วยแววตาดุร้าย “ใครกล้าแย่งกับข้า ข้าจะบีบมันจนอุจจาระออกมาเลยคอยดู!”ได้ยินคำพูดของฉินชีหู่แล้ว ฝูงชนต่างก็ทำหน้าหมดคำพูดใบหน้าของหยุนเจิงยิ้มขมขื่น ทว่าในใจกลับทอดถอนใจสุดขีดคนเหล่านี้ล้วนแต่เป็นวีรบุรุษเลือดร้อน!นำทหารม้าไปเผากระโจมของศัตรูไม่ต่างอะไรกับการวอนหาที่ตาย!ถึงแม้จะเผากระโจมค่ายของศัตรูได้สำเร็จ แต่โอกาสที่จะรอดออกมานั้นก็น้อยมากเช่นกันนี่มันใช่การแย่งผลงานเสียที่ไหน!นี่มันแย่งกันพาคนไปตาย เพื่อหาทางรอดให้กับกองทหารใหญ่หลายหมื่นนายชัดๆ!“ท่านอ๋อง การเป็นห่วงชีวิตของทหารนั้นเป็นเรื่องดี! ทว่าบัดนี้ต้องรีบตัดสินใจ!”ตู๋กูเช่อมองหยุนเจิงด้วยสีหน้าจริงจัง “เรายอมอ่อนมือให้ ก็ไม่อาจปล่อยโอกาสนี้หลุดไป! ถึงแม้นี่จะเป็นกับดัก เราก็ต้องลองดูสักตั้ง!”ตู๋กูเช่อจะไม่เข้าใจได้อย่างไร การที่ทหารม้าสองพันนายออกไปโจมตี นั่นเท่ากับตายสถานเดียวทว่าหากนี่เป็นความผิดพลาดของศัตรูล่ะ หากรอให้ศัตรูรู้ตัว พวกเขาก็จะพลาดโอกาสนี้ไปทันที และจะต้องเสียใจภายหลังมากแน่นอนความเมตตาสั่งการทหารไม่ได้!สงครามไม่มีผู้ใดไม่ตาย!จะเป็นกับดักหรือไม่ต้องกระ