มาถึงข้างนอก หยุนเจิงพลันหาสถานที่เงียบสงบแล้วใช้หิมะบนพื้นทำเป็นโต๊ะทรายอย่างง่ายขึ้นมาอย่างรวดเร็วบุกออกไปจากประตูใต้ กองทหารใหญ่เป่ยหวนที่อยู่ทางประตูเหนือจะเข้ามาเสริมทัพแน่นอนบุกออกไปจากประตูเหนือ ถึงแม้พวกเขาจะออกไปได้แล้ว แต่เกรงว่าคนสี่หมื่นนายนี้คงต้องสูญเสียไปมากกว่าหกส่วนที่สำคัญ พวกเขาส่วนใหญ่ยังเป็นทหารราบด้วยทหารม้าออกไปยังสามารถวิ่งได้แต่ทหารราบถึงแม้จะออกไปได้ ก็ไม่อาจหนีรอดจากการถูกทหารม้าเหล็กเป่ยหวนตามสังหารอยู่ดี!ตอนนี้จะวิ่งก็ไม่ได้ จะสู้ก็ไม่ใช่หากเฝ้าอยู่อย่างนี้ ขอแค่รถขนหินของเป่ยหวนลงสนาม ลำพังแค่ใช้รถขนหินนั่นก็สามารถฆ่าคนของพวdเขาได้ไม่น้อยแล้ว!อีกอย่าง พวกเขาจะเจอกับสถานการณ์มีอาหารแต่ไม่มีไฟได้ในไม่นาน!หากอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่มีแม้แต่ไฟหุงข้าวนั้น จิตใจทหารของพวกเขาจะไม่แน่วแน่ และไร้ขวัญกำลังใจทันที!ถึงครานั้น เป่ยหวนแค่โจมตีเมือง โอกาสที่พวกเขาจะเฝ้าป้อมได้คงเป็นศูนย์!ดังนั้น หากจะให้เฝ้าอยู่ต่อไป และยื้อเวลากับเป่ยหวนต่อไป ก็ไม่ใช่หนทางที่ดีนัก!หากคิดจะออกไป อย่างไรก็ต้องสู้กับเป่ยหวนเสียก่อน!อีกอย่างต้องลงมือภายในสามวันดีที่สุ
เสิ่นลั่วเยี่ยนถามอย่างไม่เข้าใจหยุนเจิงเหยียดยิ้ม ทว่าในใจกลับเผยรังสีเยือกเย็นออกมา “วิธีน่ะยังไม่มี ตาเราสามารถกัดเนื้อจากคนเป่ยหวนก่อนได้!”หืม?เสิ่นลั่วเยี่ยนไม่เข้าใจเขาหมายความว่าอย่างไร?กัดเนื้อจากศัตรู?กัดอย่างไร?หากกัดไม่ดีขึ้นมา เกรงว่าฟันของตนคงจะร่วงกระมัง?เสิ่นลั่วเยี่ยนสงสัย แล้วส่งสายตาถามให้กับอวี๋ซื่อจงอวี๋ซื่อจงส่ายหน้าเบาๆ บ่งบอกว่าตนเองก็ไม่รู้เช่นกันความคิดของหยุนเจิงไม่อาจคาดเดาได้แต่ไหนแต่ไร เขาจะรู้ความคิดของหยุนเจิงได้อย่างไร!ขณะที่หยุนเจิงพาทั้งสองไปที่ห้องประชุมอีกครั้ง ฝูงชนก็ยังคงเจรจากันอยู่เพียงแต่ เมื่อเห็นท่าทีทอดถอนใจของพวกเขาแล้ว ก็รู้ทันทีว่าไม่มีวิธีรับมือที่เหมาะสมตอนนี้ นอกจากบุกออกไป ดูเหมือนจะไม่มีวิธีที่ดีเท่าไรนักเมื่อเห็นหยุนเจิงกลับมา ฝูงชนทำได้เพียงมองเขาแวบหนึ่ง แล้วครุ่นคิดเหมือนเดิมหยุนเจิงเดินไปตรงหน้าตู๋กูเช่อโดยตรง “แม่ทัพตู๋กู เจ้าลุกขึ้นได้แล้ว!”ลุกขึ้นได้แล้ว?ตู๋กูเช่อขมวดคิ้วมองหยุนเจิงเขาให้ตนลุกขึ้น หมายความว่าอย่างไรกัน?หรือว่าเขาอยากนั่งที่ของตนนั้นหรือ?“ท่านอ๋อง ท่านคงไม่ได้คิดจะยึดอำนา
ทำลายกำแพงเมืองจีนด้วยตนเอง?ฝูงชนมองหยุนเจิงด้วยสีหน้ามึนงงถึงแม้พวกเขาจะไม่เข้าใจว่าอะไรคือกำแพงเมืองจีน แต่ทว่าก็พอเข้าใจความหมายโดยรวมได้หรือว่า หยุนเจิงคิดจะฆ่าตัวตายแล้วค่อยฟื้นคืนชีพ?”ตู๋กูเช่อขมวดคิ้ว ‘ท่านอ๋องพูดให้ละเอียดกว่านี้ได้หรือไม่?”“ได้อยู่แล้ว!”หยุนเจิวพยักหน้า แล้วเพิ่มระดับเสียง “ก่อนที่ข้าจะพูดละเอียดกว่านี้ ข้าต้องทำข้อตกลงสามข้อกับทุกคนก่อน!”ข้อตกลงสามข้อ?ฝูงชนต่าวขมวดคิ้วคิ้วของฉินชีหู่ยิ่งขมวดเข้าติดกันอย่างรวดเร็วหยุนเจิงตรงหน้านี้ ดูเหมือนว่าเขาจะไม่รู้จักเลย“ลองว่ามา!”ตู๋กูเช่อเงยหน้ามองหยุนเจิงหยุนเจิงเองก็ไม่รอช้า ปริปากพูดทันที “ข้อหนึ่ง สถานการณ์ของเราตอนนี้คับขัน ไม่ว่าพวกเจ้าจะมีความคิดอย่างไรกับข้า ก็เก็บเอาไว้ก่อน! สิ่งที่ต้องทำตอนนี้คือบุกออกไปจากการถูกล้อมให้ได้!”หยุนเจิงเผยประโยคนี้ออกไป ผู้คนไม่น้อยต่างก็เริ่มครุ่นคิดในใจขึ้นมาหยุนเจิงคาดเดาได้แล้วว่าผู้คนจะคิดอย่างไรกับเขาในเมื่อเขาคาดเดาได้แล้ว เช่นนั้นก็เท่ากับว่าในใจของเขาย่อมต้องมีความคิดที่ไม่ดีเท่าไรนักอยู่แล้วไม่มากก็น้อยดูท่าแล้ว พวกเขาทุกคนล้วนประเมินท่
“ถูกเผง!”หยุนเจิงมองอวี๋ซื่อจงด้วยสายตาชื่นชม แล้วตอบ “หากเป่ยหวนไม่แบ่งกองกำลังไปที่ทิศตะวันออกและทิศตะวันตก เช่นนั้นเราก็ส่งคนจำนวนน้อยออกไปโจมตีศัตรูทางทิศใต้ปลอมๆ ในตอนดึก แล้วทำท่าทีเหมือนต้องการจะจัดการเส้นทางโขดเป่ยหยวนนี้ออกมา!”“ใช่!”อวี๋ซื่อจงกล่าวอย่างตื่นเต้น “ถึงตอนนั้น กองทหารเป่ยหวนต้องส่งกำลังคนไปสนับสนุนที่ประตูทิศเหนืออยู่แล้ว เช่นนั้นพวกเราก็จะสามารถฆ่าออกไปจากทางทิศตะวันออกและทิศตะวันตก ทำให้ศัตรูประหลาดใจ หลังจากที่กำจัดกองกำลังของศัตรูไปได้ส่วนหนึ่งแล้ว ก็รีบถอยทัพกลับเมือง!”อวี๋ซื่อจงอยู่กับหยุนเจิงหลายวันไม่เสียเปล่า เข้าใจแผนการของหยุนเจิงในบัดดลเมื่อได้ยินคำพูดของอวี๋ซื่อจงแล้ว แววตาของฝูงชนต่างก็เป็นประกายนี่ไม่ใช่ความคิดที่ไม่ดีหากศัตรูติดกับ พวกเขาอาจไม่สามารถกำจัดกองกำลังได้มาก แต่ทว่าแม้จะกำจัดได้กี่ร้อยคน ก็เป็นเรื่องดีเช่นกัน!ตอนนี้พวกเขาถูกล้อม จำเป็นต้องนำชัยชนะมาปลุกขวัญกำลังใจทหาร!“ถ้าหากศัตรูที่ประตูเหนือไม่ไปสนับสนุนล่ะ?”ฉินชีหู่ขมวดคิ้วถาม“เช่นนั้นก็โจมตีทหารศัตรูทางประตูใต้ครั้งใหญ่!”ตู๋กูเช่อตาเป็นประกาย รีบเสนอแผนการทันท
เจียเหยาคอยส่งคนให้ไปสอดส่องการเคลื่อนไหวของชายแดนกู้ตลอดเวลาขณะที่ทหารต้าเฉียนกำลังทำลายกำแพงเมืองทางทิศตะวันออกและทิศตะวันตก เจียเหยาก็ได้รับข่าวสาร“ทำลายกำแพงเมืองด้วยตนเอง?”ปานปู้แปลกใจมาก เห็นได้ชัดว่าไม่คิดว่าหยุนเจิงจะมาไม้นี้จะว่าไปก็แปลก เดิมทีปานปู้รู้สึกว่าตนจะตายแล้ว แต่หลังจากที่ได้รับข่าวว่าแผนการล้อมชายแดนกู้ของพวกเขาสำเร็จแล้ว ร่างกายของเขาก็ราวกับได้ชีวิตใหม่ ร่างกายที่อ่อนแอในตอนแรกกลับเต็มไปด้วยพลังอีกครั้งบัดนี้ เขานอกจากสีหน้าที่ยังดูแย่อยู่แล้ว ก็แทบจะหายเป็นปกติแล้ว“ดูก็รู้ว่าเป็นฝีมือของหยุนเจิง!”เจียเหยาหัวเราะ “มีแต่เขานั่นแหละที่กล้าทำเรื่องเช่นนี้!”“อืม ก็จริง!”ปานปู้พยักหน้าเห็นด้วย “การกระทำของหยุนเจิงครั้งนี้ คือคิดจะออกไปพร้อมกันทั้งสี่ทิศนั้นหรือ?”ปานปู้ในฐานะที่เป็นราชครูของเป่ยหวนย่อมต้องมีฝีมือบ้างอยู่แล้ว รู้ทันทีว่าพวกเขาทำลายกำแพงเมืองนั้นต้องการจะทำอะไรเจียเหยาพยักหน้า “เป็นไปได้ แต่ข้าคิดว่าหยุนเจิงไม่น่าจะทำเช่นนั้น”“เพราะเหตุใดล่ะ?”ปานปู้ถามอย่างสงสัยเจียเหยาครุ่นคิด “หยุนเจิงชอบเอาเปรียบคนอื่น ถึงแม้เขาจะเอาเปรียบไ
อย่างไรตอนนี้ตนก็คาดเดาความคิดที่แท้จริงของเขาไม่ได้อยู่แล้ว เช่นนั้นก็เติมเชื้อไฟให้เขาหน่อยแล้วกัน!เมื่อคิดถึงตรงนี้ เจียเหยาก็เรียกคนนอกกระโจมมาทันที “ถ่ายทอดคำสั่งลงไป ขณะที่กองทหารใหญ่ตั้งค่าย ให้ตั้งค่ายใกล้กัน…”…หลังจากได้รับข่าวการเคลื่อนไหวของกองทหารใหญ่เป่ยหวนที่อยู่ทางประตูเหนือแล้ว หยุนเจิงก็ขึ้นป้อมเมืองประตูเหนือเพื่อดูการเคลื่อนไหวของกองทหารใหญ่เป่ยหวนทันทีขณะนี้ กองทหารใหญ่เป่ยหวนได้รุกเข้ามาแล้ว และกำลังตั้งค่ายอยู่มองจากตำแหน่งของพวกเขาแล้ว สามารถเห็นตำแหน่งของศัตรูได้อย่างชัดเจน“นี่กำลังจะตั้งค่ายเป็นครึ่งวงกลมหรือ? จะได้สามารถจัดการกับคนที่ออกจากทิศตะวันออกและทิศตะวันตกได้ตลอดเวลานั้นหรือ?”หยุนเจิงวิเคราะห์ถึงจุดประสงค์การตั้งค่ายกลเช่นนี้ของเจียเหยาได้ทันที“น่าจะเป็นเช่นนั้น!”เสิ่นลั่วเยี่ยนพยักหน้า แล้วเอ่ยอย่างกังวลใจ “การกระทำของนางนี้ อยู่เหนือความคาดหมายของเจ้านะ!”“สตรีคนนี้เจ้าเล่ห์จริงๆ”หยุนเจิงพยักหน้าเบาๆ ทว่ามุมปากกลับเผยรอยยิ้มออกมาจางๆ “แต่ทว่า นางลืมปัญหาที่คร่าชีวิตได้ไปข้อหนึ่ง!”“ปัญหาที่คร่าชีวิตได้?”ฉินชีหู่จึปาก แล้วเอียง
“เจ้าคิดว่าคืนนี้สามารถทำได้หรือ?”หยุนเจิงมองตู๋กูเช่ออย่างลำบาก“แน่นอน!”ตู๋กูเช่อกล่าวอย่างมั่นใจ“ไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก!”หยุนเจิงส่ายศีรษะกล่าว “นี่เป็นปัญหาที่คร่าชีวิตได้ก็จริง แต่ก็อาจเป็นไปได้ว่าเจียเหยาจงใจแสดงให้เราเห็นถึงช่องโหว่!”“เอ่อ…”ตู๋กูเช่อชะงักเล็กน้อย รอยยิ้มบนใบหน้าพลันจางหายไปในบัดดลหลังจากครุ่นคิด ตู๋กูเช่อก็เอ่ยเสียงเบาว่า “นี่อาจเป็นกับดัก และอาจเป็นความสะเพร่าของศัตรู! หากเป็นความสะเพร่าของศัตรูจริง แต่เรากลับไม่เคลื่อนไหวอะไรเลย เช่นนั้นก็จะเสียโอกาสดีๆ ไปเปล่าๆ!”“จริง!”หยุนเจิงพยักหน้า “ดังนั้น เราต้องคิดให้ละเอียดก่อน!”ได้ยินบทสนทนาของทั้งสองแล้ว ฝูงชนที่โล่งใจไปบ้างกลับกังวลขึ้นอีกครั้ง“ไม่ใช่…”ฉินชีหู่กวาดสายตามองทั้งสองสลับไปมา “พวกเจ้าพูดอะไรอยู่กันเนี่ย?”ไม่เพียงแต่ฉินชีหู่เท่านั้นที่สงสัย แต่คนอื่นๆ ต่างก็สงสัยเช่นเดียวกันทั้งสองคนกำลังเล่นปริศนาอะไรกันอยู่?เดี๋ยวได้เดี๋ยวไม่ได้?หยอกพวกเขาเล่นหรือไงกัน?ที่สำคัญ พวกเขาไม่เข้าใจเลยสักประโยค!ด้วยสายตาไม่พอใจของฉินชีหู่แล้ว หยุนเจิงจึงส่ายศีรษะหัวเราะออกมาคนคนนี้เหมาะกับ
“ไสหัวไป!”ฉินชีหู่จ้องฝูงชนด้วยแววตาดุร้าย “ใครกล้าแย่งกับข้า ข้าจะบีบมันจนอุจจาระออกมาเลยคอยดู!”ได้ยินคำพูดของฉินชีหู่แล้ว ฝูงชนต่างก็ทำหน้าหมดคำพูดใบหน้าของหยุนเจิงยิ้มขมขื่น ทว่าในใจกลับทอดถอนใจสุดขีดคนเหล่านี้ล้วนแต่เป็นวีรบุรุษเลือดร้อน!นำทหารม้าไปเผากระโจมของศัตรูไม่ต่างอะไรกับการวอนหาที่ตาย!ถึงแม้จะเผากระโจมค่ายของศัตรูได้สำเร็จ แต่โอกาสที่จะรอดออกมานั้นก็น้อยมากเช่นกันนี่มันใช่การแย่งผลงานเสียที่ไหน!นี่มันแย่งกันพาคนไปตาย เพื่อหาทางรอดให้กับกองทหารใหญ่หลายหมื่นนายชัดๆ!“ท่านอ๋อง การเป็นห่วงชีวิตของทหารนั้นเป็นเรื่องดี! ทว่าบัดนี้ต้องรีบตัดสินใจ!”ตู๋กูเช่อมองหยุนเจิงด้วยสีหน้าจริงจัง “เรายอมอ่อนมือให้ ก็ไม่อาจปล่อยโอกาสนี้หลุดไป! ถึงแม้นี่จะเป็นกับดัก เราก็ต้องลองดูสักตั้ง!”ตู๋กูเช่อจะไม่เข้าใจได้อย่างไร การที่ทหารม้าสองพันนายออกไปโจมตี นั่นเท่ากับตายสถานเดียวทว่าหากนี่เป็นความผิดพลาดของศัตรูล่ะ หากรอให้ศัตรูรู้ตัว พวกเขาก็จะพลาดโอกาสนี้ไปทันที และจะต้องเสียใจภายหลังมากแน่นอนความเมตตาสั่งการทหารไม่ได้!สงครามไม่มีผู้ใดไม่ตาย!จะเป็นกับดักหรือไม่ต้องกระ
“ลูก…ลูกสาวเพคะ”หมอตำแยที่ตกใจกับท่าทางของหยุนเจิงก่อนหน้านี้ เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ“ลูกสาวดี! ลูกสาวดี!”หยุนเจิงพึมพำกับตัวเอง ก่อนก้มลงมองเด็กน้อยที่ยังคงร้องไห้เสียงดังไม่เหมือนหยุนชางเลย เด็กหญิงตัวน้อยคนนี้เกิดมาโดยแทบไม่มีริ้วรอยบนผิวเลย เพียงแค่ตัวแดงระเรื่อเท่านั้น“เจ้าตัวน้อย เจ้านี่เกือบทำให้แม่ของเจ้าสิ้นชีวิตเลยนะ…”เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ หัวใจของหยุนเจิงยังคงสั่นไหวเขาไม่อาจจินตนาการได้เลยว่า หากเขาสูญเสียเยี่ยจื่อไป เขาจะต้องเจ็บปวดเพียงใดโชคดีที่มันเป็นเพียงความหวาดกลัวลวงตา!“อุแว๊ๆ…”เด็กน้อยยังคงร้องไห้ และดูเหมือนเสียงของนางจะแจ่มชัดขึ้นเรื่อยๆหยุนเจิงลูบแผ่วเบาบนผ้าห่อตัวของนาง ก่อนหันไปมองหมอตำแยทั้งสามที่ยังยืนไม่มั่นใจ “ให้รางวัล! ให้รางวัลทุกคน! คนละห้าร้อยตำลึง!”ห้าร้อยตำลึง!?หมอตำแยทั้งสามแทบไม่เชื่อหูตัวเองท่านอ๋องผู้นี้ ช่างใจกว้างนัก!แค่เอ่ยปาก ก็แจกเงินรางวัลมากมายถึงเพียงนี้!“เอาล่ะ พวกเจ้าทำความสะอาดให้เรียบร้อยเถิด”หยุนเจิงเรียกสติหมอตำแย “เสร็จแล้วก็ไปรับรางวัลได้เลย”หยุนเจิงกล่าวจบ ก็กอดลูกสาวไปนั่งลงที่
“อ๊าก…”เสียงกรีดร้องของเยี่ยจื่อสะท้อนก้องอยู่ในหูของหยุนเจิง ราวกับสามารถฉีกหัวใจของเขาออกเป็นเสี่ยงๆ“พอแล้ว! อย่าคลอดแล้ว! ข้าไม่ต้องการลูกแล้ว! ข้าต้องการแค่เจ้า!”หยุนเจิงน้ำตาคลอเบ้า ส่ายศีรษะไปมาอย่างร้อนรน ก่อนจะหันไปตะโกนลั่นใส่หมอตำแยข้างๆ “ช่วยนางไว้! อย่าไปสนใจเด็ก!”เขากลัว!เขากลัวจริงๆ!แม้ว่าเขาจะไม่ใช่หมอ แต่เขาก็รู้ดีว่า หากพลาดแม้แต่นิดเดียว นางอาจตกเลือดหนักได้แม้แต่ในยุคปัจจุบัน การตกเลือดมากก็ยังยากที่จะรักษา แล้วนี่เป็นยุคโบราณ“ออกมาแล้ว! ออกมาแล้ว!”ขณะนั้นเอง หมอตำแยก็ร้องขึ้นด้วยเสียงตื่นเต้น“อุแว๊…”เสียงร้องแหลมใสของทารกดังขึ้นภายในห้องคลอด แต่ในขณะเดียวกัน เสียงของเยี่ยจื่อกลับเงียบลงอย่างกะทันหัน!หมอตำแยคนหนึ่งรีบเช็ดเลือดที่เปรอะเปื้อนตัวทารก ขณะที่อีกคนเตรียมห่อทารกในผ้าห่ม และหันไปแสดงความยินดีกับหยุนเจิง “ขอแสดงความยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง เด็กน้อยเป็น…”“ช่างลูกก่อน! ดูจื่อเอ๋อร์ก่อนว่านางเป็นอย่างไรบ้าง!”หยุนเจิงตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยโทสะและความหวาดหวั่น มือของเขาที่กุมมือเยี่ยจื่อไว้สั่นเทาอย่างรุนแรงตอน
เสียงร้องของเยี่ยจื่อ ทำให้หัวใจของหยุนเจิงบีบรัดตามไปด้วย“จื่อเอ๋อร์! ข้ากลับมาแล้ว!”หยุนเจิงไม่สนใจพูดคุยกับเสิ่นลั่วเยี่ยนและคนอื่นๆ เขารีบพุ่งไปที่ประตู แล้วตะโกนเข้าไปข้างใน“สามี!”เสียงร้องเจ็บปวดของเยี่ยจื่อดังขึ้นอีกครั้งแม้หยุนเจิงจะมองไม่เห็นสถานการณ์ภายในห้อง แต่เขาก็นึกภาพออกว่าเยี่ยจื่อต้องเจ็บปวดเพียงใดหากเป็นไปได้ เขาอยากจะแบ่งเบาความเจ็บปวดของนาง“จื่อเอ๋อร์ อย่ากลัว! สามีอยู่ที่นี่กับเจ้า!”หยุนเจิงกล่าวปลอบ แล้วรีบหันไปถามเสิ่นลั่วเยี่ยน “จื่อเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง?”เสิ่นลั่วเยี่ยนที่ดวงตาแดงก่ำ แอบมองไปทางประตูห้อง ก่อนจะตอบเสียงแผ่วเบา “หมอตำแยบอกว่า ตำแหน่งของทารกไม่ค่อยปกติ อาจคลอดได้ยาก เมี่ยวอินก็กำลังช่วยอยู่ เราเองก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ยืนร้อนใจอยู่ข้างนอก……”ตำแหน่งทารกผิดปกติ!เมื่อได้ยินคำนี้ หัวใจของหยุนเจิงพลันเต้นรัวขึ้นมาทันที เขาหันขวับไปมองฮูหยินเสิ่นและเว่ยซวงที่ยืนอยู่ใกล้ๆพบว่าทั้งสองต่างมีดวงตาแดงก่ำ ใบหน้าหม่นหมอง เห็นได้ชัดว่ากระวนกระวายใจไม่น้อยหยุนเจิงเข้าใจทันทีว่า เสิ่นลั่วเยี่ยนคงไม่อยากให้เขากังวลเกินไป จึงบอกเพียงว่าคลอ
ไม่กี่วันต่อมา ขณะที่หยุนเจิงอยู่ที่จิงหยางฝู่ เขาได้รับข่าวสารฮั่วเหวินจิ้งตายแล้ว!ไม่ได้ถูกฆ่าปิดปาก แต่ตายเพราะป่วย!หยุนเจิงคาดว่า ฮั่วเหวินจิ้งคงเสียชีวิตเพราะบาดแผลติดเชื้อเมื่อได้รับข่าวนี้ หยุนเจิงแทบอยากจะด่าหยุนลี่ว่าโง่เง่าเป็นหมูเสียจริงทำไมเขาถึงไม่ใช้วิธีทรมานก่อน แล้วค่อยให้หมอรักษาไว้ล่ะ?อีกแค่ก้าวเดียว เขากำลังจะสาวไปถึงตัวการเบื้องหลังได้อยู่แล้วแท้ๆ แต่ฮั่วเหวินจิ้งกลับมาตายเสียก่อนมันเหมือนกับฟ้ากำลังเล่นตลกกับเขา!สิ่งเดียวที่พอทำให้โล่งใจได้บ้างคือ อีกาดำและอีกาขาวต่างได้รับความเสียหายหนัก คนของเขาที่แทรกซึมอยู่ในอีกาดำ น่าจะสามารถก้าวขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งได้หากสามารถทำให้คนของเขากลายเป็นหัวหน้าของอีกาดำได้ ก็คงดี!แต่ไม่รู้ว่าเงาสอง ที่ร่วมเดินทางไปเมืองหลวงเพื่อฆ่าปิดปาก ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ขอให้รอดปลอดภัยเถอะ!หยุนเจิงถอนหายใจเงียบๆ ก่อนลุกขึ้นยืนในเมื่อฮั่วเหวินจิ้งตายไปแล้ว เขาก็ไม่ต้องรอสอบสวนอะไรอีกเรื่องที่เหลือ ก็ปล่อยให้ทัวฮวนจัดการไปก็แล้วกัน!“ส่งคำสั่งถึงอวี่ซื่อจง ให้เหลือทหารห้าพันนายประจำการอยู่ที่นี่ ภายใต้การบัญชาของรองแม่ท
“ลูกเข้าใจพ่ะย่ะค่ะ!”หยุนลี่รีบรับคำสั่ง“จำไว้! ฮั่วเหวินจิ้งถูกนักฆ่าสังหาร ไม่ใช่ตายเพราะป่วย!”จักรพรรดิเหวินกล่าวเตือนหยุนลี่ด้วยใบหน้าเย็นชา ก่อนเสด็จออกจากจวนองค์รัชทายาทแม้จะนั่งอยู่ในเกี้ยวแล้ว แต่เพลิงโทสะของจักรพรรดิเหวินยังคงลุกโชนไม่มอดอย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความโกรธเกรี้ยวในพระทัย ก็ยังมีความรู้สึกซับซ้อนบางอย่างซ่อนอยู่เขารู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งไม่ใช่คนของหยุนเจิงหากสามารถเค้นเอาความจริงจากฮั่วเหวินจิ้งได้ จนรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง บางทีพระองค์เองอาจไม่รู้ว่าควรจัดการอย่างไรหากเป็นพระโอรสองค์ใดองค์หนึ่ง หรือแม้แต่นางสนมคนใดคนหนึ่งของพระองค์ พระองค์จะต้องลงพระอาญาสังหารพวกเขาด้วยพระองค์เองอย่างนั้นหรือ?หากเรื่องนี้ทำให้คนที่รอดพ้นจากเคราะห์ครั้งนี้ได้สำนึกและเลิกล้มความคิดที่จะก่อความวุ่นวาย นั่นก็คงเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับตัวการเบื้องหลังของฮั่วเหวินจิ้ง จักรพรรดิเหวินเองก็พอมีข้อสันนิษฐานอยู่ในพระทัยแต่เป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐาน พระองค์ยังไม่สามารถสรุปได้แน่ชัดยิ่งไปกว่านั้น คนที่พระองค์สงสัยมีอยู่หลายคน ทำให้ไม่อาจฟันธงได้ว่าเป็นผู้ใดกันแน่ดูเหมือ
ภายในพระราชวัง จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังตรวจสอบข่าวเร่งด่วนจากเมืองฝูโจวอย่างไรก็ตาม ทั้งสองเพียงกวาดตามองก็ขว้างเอกสารฉบับนั้นทิ้งด้วยความโกรธอย่าว่าแต่หยุนลี่เลย แม้แต่จักรพรรดิเหวินก็อดด่าหยุนเจิงในใจไม่ได้ลูกอกตัญญูผู้นี้ ชักจะเหลวไหลขึ้นทุกวันเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็กล้าใช้ชื่อข่าวเร่งด่วนทางทหารส่งมาถึงเมืองหลวงนี่เป็นครั้งที่สองแล้ว!ข่าวเร่งด่วนทางทหารถูกเขาใช้เป็นของเล่นไปแล้ว!คราวหน้า ถ้าเจอตัวเจ้าเด็กเหลือขอนั่น ข้าจะเตะมันให้กระอักสองทีแน่!“กราบทูลฝ่าบาท องค์รัชทายาทฝ่าบาท กองกำลังของกระหม่อมถูกลอบโจมตีโดยนักฆ่าที่ถนนเป่ยเจีย……”ขณะที่จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังเดือดดาลกับหยุนเจิง เฉียวเหยียนเซียนก็ส่งคนมาแจ้งข่าวนักฆ่าหลายสิบคนที่ร่วมมือกันสังหารฮั่วเหวินจิ้งและครอบครัว ถูกสังหารหรือถูกจับกุมเป็นส่วนใหญ่มีเพียงไม่กี่คนที่ฉวยโอกาสความชุลมุนหลบหนีไปได้ครั้งนี้ การวางแผนของพวกเขารัดกุมยิ่งนักหากไม่ใช่เพราะพลส่งสารข่าวเร่งด่วนโผล่มาขัดจังหวะ คงไม่มีทางที่นักฆ่าจะรอดไปได้เลยนอกจากนี้ พวกเขายังพบหน้าไม้ทรงอานุภาพจำนวนมากในที่เกิดเหตุเมื่อรายงานมาถ
ขณะที่เฉียวเหยียนเซียนนำกำลังคุมตัวนักโทษผ่านถนนเป่ยเจีย หน้าต่างบนหอคอยของอาคารสองหลังที่อยู่สองฟากถนนค่อยๆ เปิดออกเล็กน้อยหน้าไม้จำนวนมากถูกเล็งออกมาจากช่องหน้าต่างโดยไร้เสียง เพียงแค่รอให้กรงนักโทษเข้าสู่ระยะยิง พวกเขาก็จะลงมือทันทีขบวนคุ้มกันเข้าใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ เงาสองก็เตรียมพร้อมเช่นกันเขาไม่รู้ว่าฮั่วเหวินจิ้งมีความสำคัญต่อหยุนเจิงเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากอีกาดำมากขึ้น เขาจำเป็นต้องร่วมมือสังหารเหล่านักโทษเหล่านี้แต่เขาก็รู้ดีว่า หากลงมือแล้ว การจะหลบหนีออกจากเมืองหลวงไม่ใช่เรื่องง่ายแต่เขาต้องรอด!ส่วนหนึ่งเพราะเขาไม่ต้องการตาย อีกส่วนหนึ่งก็เพราะ หากเขารอด เขาจะมีโอกาสพบกับผู้ที่คอยสนับสนุนการหลบหนีของพวกเขาและบุคคลนี้ อาจเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดโปงผู้อยู่เบื้องหลังตัวจริง!เงาสองครุ่นคิดเงียบๆ พร้อมเหลือบมองหน้าไม้ในมือพวกเขาปลอมตัวเป็นพ่อค้าเพื่อแฝงตัวเข้าเมืองหลวง ย่อมไม่สามารถพกพาอาวุธเหล่านี้มาเองได้หน้าไม้เหล่านี้ถูกเตรียมไว้ล่วงหน้า ถูกซุกซ่อนไว้ที่เนินเขาเหมียวเอ่อร์ซานสิ่งเหล่านี้เป็นอาวุธของกองทัพ!แม้ทางราชสำนักจะควบคุมอาวุธประเภทนี
“ฝ่าบาท เงาสามแจ้งข่าวด่วน!”จิงหยางฟู่ เสิ่นควานถือจดหมายฉบับหนึ่ง รีบรุดเข้ามาด้วยท่าทีเร่งรีบเงาสาม?นี่เป็นหนึ่งในคนที่สามารถแทรกซึมเข้าไปในอีกาดำได้สำเร็จเงาสามส่งข่าวด่วนมา ดูท่าแล้ว อีกาดำคงจะลงมือแล้วแน่หากไม่มีอะไรผิดพลาด อีกาดำน่าจะต้องการสังหารฮั่วเหวินจิ้งเพื่อกำจัดภัยร้ายอย่างสิ้นซาก!หยุนเจิงครุ่นคิดไปพลาง รับจดหมายจากเสิ่นควานและเปิดออกดูเมื่อเห็นเนื้อหาในจดหมาย หยุนเจิงก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวข่าวที่เงาสามส่งมา ตรงกับที่เขาคาดการณ์ไว้ไม่มีผิดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวนำทัพมาด้วยตนเอง ต้องการฆ่าฮั่วเหวินจิ้งให้ได้!แม้แต่เงาสองก็ถูกเลือกให้เข้าร่วมภารกิจลอบสังหารครั้งนี้ตอนนี้ พวกเขาได้รับเพียงคำสั่งให้เตรียมพร้อม แต่ยังไม่รู้เวลาและสถานที่ลงมือที่แน่ชัดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวตั้งใจปกปิดข้อมูล ไม่ให้ผู้ใดซักถาม ใครที่ร่วมภารกิจก็แค่ทำตามคำสั่งในขณะลงมือเท่านั้นพวกเขากลัวว่าจะถูกสงสัย จึงไม่กล้าไต่ถามอะไรมากข่าวที่เงาสามส่งกลับมา สำหรับหยุนเจิงแล้ว ไม่ใช่ข่าวดีเลยเขายอมจ่ายเงินกว่าล้านตำลึงเพื่อให้ครอบครัวฮั่วเหวินจิ้งปลอดภัยและมาถึงมือเขาแต่ตอนนี
หญิงสาวนิ่งเงียบ ทำอย่างไรดี? นางเองก็อยากหาคนมาปรึกษา ว่าควรทำเช่นไรในสถานการณ์นี้ แต่เวลานี้… เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดสามารถให้คำตอบแก่นางได้ ไม่นึกเลยว่า… แผนการที่นางวางมาอย่างรอบคอบมายาวนาน กลับจะพังทลายลงในมือของหยุนลี่! เฮ้อ! นางทอดถอนใจยาวในใจ แต่ในดวงตากลับปรากฏประกายเย็นยะเยือก "ไม่ว่าอย่างไร… ฮั่วเหวินจิ้งต้องไม่มีชีวิตรอดไปถึงมือหยุนเจิง! หากไร้ซึ่งความกังวลเรื่องครอบครัว ฮั่วเหวินจิ้งจะต้องเปิดโปงเราทั้งหมดแน่!" นางรู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งกำลังกังวลสิ่งใด สิ่งที่ฮั่วเหวินจิ้งกังวลที่สุดในตอนนี้ คือความปลอดภัยของครอบครัว เขาจึงไม่กล้าเปิดโปงนางออกไป แต่หากครอบครัวของฮั่วเหวินจิ้งถูกส่งไปถึงมือหยุนเจิงอย่างปลอดภัย เช่นนั้น เขาย่อมไม่มีเหตุผลใดให้ปิดปากอีกต่อไป! ระหว่างหยุนลี่กับหยุนเจิง นางเกรงกลัวหยุนเจิงมากกว่า เพราะหยุนเจิงคือผู้กุมอำนาจกองทัพ… หากหยุนเจิงรู้ว่า ผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้คือตัวนางเอง เช่นนั้น… นางคงหนีไม่พ้นความตาย! ไม่ใช่แค่หยุนเจิง… แม้แต่หยุนลี่ หรือแม้กระทั่งองค์จักรพรรดิ… ก็คงไม่ปล่อยนางไปเช่นกัน! เมื่อได้ยินเช่