กลับถึงห้อง เสิ่นลั่วเยี่ยนบอกเล่าสถานการณ์กับเมี่ยวอิน เมี่ยวอินอดไม่ได้ที่จะด่ากราดเว่ยเหวินจงคนจิตใจอำมหิตบิดเบี้ยวผู้นี้“พอแล้ว ไม้กลายเป็นเรือแล้ว ต่อให้ด่าไปก็ไร้ประโยชน์ นึกโกรธตัวเองมากกว่า”หยุนเจิงโบกมือ “จะโทษก็ต้องโทษที่พวกเราประมาทเกินไป!”ความจริง ตอนที่เว่ยเหวินจงสั่งให้เว่ยซั่วกลับไปยังป้อมเมืองสุยหนิง เขาควรมีวิธีรับมือแล้วแต่น่าเสียดาย เวลานั้นเขาคิดว่าเว่ยเหวินจงเพียงแค่ไม่อยากให้เว่ยซั่วขัดแย้งกับเขา ถึงสั่งให้เว่ยซั่วกลับไปป้อมเมืองจิ้งอันตอนนี้คิดๆ ดู จึงพบว่าเว่ยเหวินจงอดกลั้นไม่ไหวตั้งแต่เวลานั้นแล้วต่อมา เจียเหยาปล่อยข่าวปลอมว่านางและปานปู้ถูกพิษตาย ทำให้เขาเป็นอัมพาตได้สำเร็จต้องบอกว่า ครั้งนี้เจียเหยาทำได้อย่างสวยงามใช้ประโยชน์ที่เขาแลกเปลี่ยนจางหลิวกับนาง กลับมาทำให้เขาเป็นอัมพาตแล้วโทษที่เขามัวแต่ดีใจอยู่ตรงนั้นผลสุดท้าย คนอื่นกลับสานตาข่ายใหญ่ไว้คลุมพวกเขาแล้ว“เช่นนั้นตอนนี้พวกเราควรทำเช่นไร?”เมี่ยวอินขมวดคิ้วถาม “รอถูกขังเช่นนี้ต่อไป ก็ไม่ใช่วิธีที่ดี!”“ไม่ต้องรีบร้อน!”หยุนเจิงโบกมือกล่าว “กองกำลังของเป่ยหวนย่อมต้องมีมากกว่าพวกเร
“อืม มีเหตุผล!” หยุนเจิงพยักหน้าเบาๆ แล้วถาม “เช่นนั้นฝั่งโขดเป่ยหยวนเป็นอย่างไร?”ตู๋กูเช่อตอบ “ฝั่งโขดเป่ยหยวนส่วนใหญ่เป็นทหารราบ จำนวนทหารน่าจะไม่ต่ำกว่าสามหมื่น ห่างจากชายแดนกู้เพียงเจ็ดแปดลี้เท่านั้น คนเหล่านั้นขุดดินเพื่อสร้างเป็นแนวป้องกันตั้งแต่แรกแล้ว…”ขุดดินสร้างแนวป้องกัน?กับดัก!นี่มันต้องการจะป้องกันการโจมตีจากทหารม้าของพวกเข้า แล้วล้อมพวกเขาไว้ไม่ใช่หรือ?ดูท่าแล้วเป็นไปอย่างที่ตนคิดไว้จริงๆเป่ยหวนเองก็ไม่อยากเดิมพันครั้งใหญ่มาโจมตีเมือง และคิดอยากใช้วิธีที่ง่ายที่สุดมาล้อมพวกเขารอให้พวกเขาขาดแคลนอาหาร พวกเขาก็จะหิวตาย หรือไม่ก็บุกจากการถูกล้อมด้วยตนเองแต่ทว่า เห็นได้ชัดว่าเป่ยหวนคิดมากไปเป่ยหวนรู้จักฆ่าม้าเป็นอาหาร แล้วพวกเขาจะไม่รู้จักหรือ?ถึงแม้จะไม่อยากสูญเสียม้าศึกเหล่านั้น แต่ชีวิตของคนอย่างไรก็สำคัญกว่าม้าศึกอยู่แล้วเป่ยหวนไม่บุก เช่นนั้นก็ยื้อเวลาต่อไปแล้วกัน!ต่อจากนี้ พวกเขามีเวลาคิดแผนรับมืออีกเหลือเฟือหยุนเจิงแอบหัวเราะในใจ แล้วถาม “แม่ทัพตู๋กู เจ้าคิดว่าเว่ยเหวินจงจะส่งคนไปบุกศัตรูที่อยู่บริเวณโขดใกล้ชายแดนกู้หรือไม่?”“เรื่องนี้…”ตู๋
“หยุนเจิงคนไร้ยางอาย…”คนเป่ยหวนยังคงตะโกนไม่หยุดหย่อนได้ยินเสียงตะโกนนี้แล้ว ทุกคนต่างก็มองไปที่หยุนเจิงอย่างพร้อมเพรียงกันหยุนเจิงใช้จางหลิ่วแลกให้กับเจียเหยาแทนโสม โทสะในใจเจียเหยาจะมากก็ไม่แปลก“มองทำพระแสงอะไร!”หยุนเจิงยิ้มจ้องทุกคน “รวบรวมคนแล้วตะโกนกลับไปว่า ‘ข้าได้ยินแล้ว หยุดส่งเสียงหลอนได้แล้ว!’”ให้ตายเถอะ!หยุนเจิงก็หยุนเจิงสิ!ยังจะเพิ่มคำว่าไร้ยางอายอีก!มารดามันเถอะ!รู้เช่นนี้ก่อนหน้านี้น่าจะนอนเจียเหยาซะ!ให้นางได้รู้ซะว่าไร้ยางอายที่แท้จริงเป็นอย่างไร!ถึงแม้จะไม่นอน ก็น่าจะลูบจับสักหน่อย!ไม่อย่างนั้น ตนก็ต้องแบกรับคำขนานว่าไร้ยางอายนี้เปล่าๆ น่ะสิ?เฮ้อ!น่าเสียดายจริงๆ!“ข้าได้ยินแล้ว หยุดส่งเสียงหลอนได้แล้ว!”ไม่นาน ต้าเฉียนก็รวมตัวตะโกนกลับไปหนึ่งในนั้น เสียงของฉินชีหู่ดังที่สุดเสียงของพวกเขาดังขึ้น เจียเหยาก็โบกมือสั่งห้ทหารม้าข้างกายถอยทัพทันที แล้วยืนม้าหนึ่งตัวต่อคนหนึ่งคนอยู่บนพื้นหิมะ เผยท่าทีบุกเดี่ยวข้ามฟากออกมาหยุนเจิงเห็นดังนั้นรีบเดินลงไปจากหอเมือง“ท่านจะไปจริงหรือ?”เสิ่นลั่วเยี่ยนขมวดคิ้วมองหยุนเจิง “ระวังนางเล่นตุกติก!”
เจียเหยายังคงไม่โกรธ เพียงแค่ยิ้มอ่อน แล้วกล่าวด้วยท่าทีผู้ชนะ “ตอนนี้พวกเจ้านอกจากปากที่ได้เปรียบแล้ว ก็ทำได้แค่โกรธแล้ว!”เมื่อฟังคำพูดของเจียเหยาแล้ว ฉินชีหู่ก็ชะงักเล็กน้อยเขายังคิดจะแกล้งให้สตรีผู้นี้โกรธด้วย!ไม่คิดว่าสตรีผู้นี้จะไม่ติดกับ“อย่าดีใจไปหน่อยเลย กวางจะตกเป็นของใครยังไม่อาจรู้ได้!”หยุนเจิงยิ้มอย่างไม่แยแส แล้วถามว่า “ว่ามา มาหาข้าทำไม?”เจียเหยาจ้องที่หยุนเจิงเขม็ง แล้วกล่าวอมยิ้ม “ข้ามาเตือนให้ยอมแพ้!”“ฝันไปเถอะ!”เมื่อได้ยินคำพูดของเจียเหยา ฉินชีหู่ก็รีบตะคอกเสียงดุโดยไม่ต้องคิดทันที “พวกข้ายอมตาย แต่ไม่ยอมแพ้หรอก!”ตู๋กูเช่อพยักหน้า เห็นด้วยกับฉินชีหู่“จาจา ใครมอบความกล้าให้เจ้ามาเตือนให้ยอมแพ้กัน?”หยุนเจิงมองเจียเหยาอย่างน่าขัน “หากไม่ใช่เพราะคนของต้าเฉียนร่วมมือกับพวกเจ้า เจ้าไม่มีโอกาสได้ล้อมพวกข้าหรอก เจ้าคิดได้อย่างไรว่าพวกข้าจะยอมแพ้?”“เจ้าไม่ต้องหลอกถามข้าหรอก”เจียเหยามองหยุนเจิงทะลุปรุโปร่ง แล้วเอ่ยนิ่งๆ “ข้าไม่กลัวที่จะบอกความจริงกับเจ้า พวกเจ้าถูกคนของตัวเองขายจริงๆ! อีกอย่าง ข้ายังสามารถบอกเจ้าได้ด้วยว่า ข้ากับราชครูต่างก็สงสัยว่าคนค
สิ้นเสียงเจียเหยา สีหน้าของทั้งสามก็เปลี่ยนไปในบัดดลหยุนเจิงรู้ตัวทันทีว่าเขาลืมตระหนักถึงเรื่องนี้ไปจริงๆมารดามันเถอะ!ชายแดนกู้นั่นเป็นป้อมยุทธนาการเชียวนะ!ทุกอย่างของชายแดนกู้ล้วนทำเพื่อยุทธนาการทั้งนั้น!ข้างในนั้นแม้แต่ต้นไม้ก็มีอยู่ไม่กี่ต้น!ถึงแม้จะทุบบ้านเรือนมาให้หมดมาเป็นฟืน เกรงว่าก็คงเผาได้ไม่กี่วันเท่านั้น!ฆ่าม้าศึกไป ก็ต้องทำให้สุกก่อนกินอยู่แล้ว!คงจะกินดิบจริงๆ ไม่ได้หรอกกระมัง?ชาติก่อนเขาเคยฝึกซ้อมมาสามารถกินเนื้อดิบได้บ้างแต่ทว่าแม่ทัพและทหารในกองคงมีไม่กี่คนเท่านั้นที่กินได้กินเข้าไปก็อาเจียนออกมาแน่นอน!นี่ไม่ใช่เรื่องของการหิวตาย แต่เป็นเรื่องของปฏิกิริยาของร่างกาย!ทว่าปัญหาคือ ม้าศึกของพวกเขาเหลืออาหารอีกไม่กี่วันแล้ว!หากถูกล้อมอยู่อย่างนี้ระยะยาว ม้าศึกเหล่านี้จะตายเพราะความหิวแน่นอน!เมื่อถึงครานั้น ไม่อยากฆ่าม้าศึกก็คงเป็นไปไม่ได้แล้ว!คราวนี้ ดูเหมือนจะยากแล้ว!“เป็นอย่างไร ตอนนี้รู้สถานการณ์ของพวกเจ้าแล้วสินะ?”รอยยิ้มบนใบหน้าของเจียเหยายิ่งสดใส “หากเจ้าไม่สามารถให้คำตอบข้าในตอนนี้ ข้าสามารถให้เวลาเจ้าอีกสามวัน! หลังจากสามวัน หากพว
ขณะที่หยุนเจิงคิดว่าเจียเหยาคิดจะลอบโจมตีนั้น เจียเหยาก็เสียบจดหมายนั่นไว้บนศรธนู แล้วยิงออกไปแต่ทว่า เพราะห่างกันไกลเกินไป ศรธนูนั่นจึงไม่ได้ตกอยู่ข้างกายหยุนเจิงพวกเขา“นี่ถือว่าเป็นแผนการรบของเจ้าหรือไม่?”หยุนเจิงมองเจียเหยาด้วยสีหน้าเย็นชา ไร้รอยยิ้ม“ใช่!”เจียเหยาแค่นเสียงเย็นชา “จดหมายฉบับนี้ ถึงแม้ข้าจะมอบให้เจ้า แต่เจ้าก็ไม่มีโอกาสได้ใช้มันหรอก! เจ้าหนีไม่พ้นหรอก!”กล่าวจบ เจียเหยาก็ควบม้าจากไปอย่างสบายๆฉินชีหู่สติหลุดไปเล็กน้อย จากนั้นควบม้าไปยังศรธนูที่ปักอยู่บนพื้นหิมะ แล้วห้อยตัวลงจากม้าดึงศรธนูนั่นขึ้นมา“ไปกันเถอะ! เราต้องกลับไปเจรจาแผนการรับมือจริงๆ จังๆ แล้ว!”หยุนเจิงมองทั้งสองด้วยสีหน้าจริงจัง แล้วรีบขี่ม้าไปยังชายแดนกู้ทันทีสถานการณ์ตอนนี้คือจะบุกออกไปก็ไม่ง่าย จะอยู่ต่อก็ไม่ใช่เว่ยเหวินจงไอ้สุนัข ทำให้พวกเขาลำบากจริงๆ!เมื่อกลับถึงชายแดนกู้ ตู๋กูเช่อไม่แม้แต่กินข้าว ก็รีบสั่งให้แม่ทัพทุกคนเข้าประชุมทันทีตู๋กูเช่ออ่านเนื้อหาในจดหมายผ่านๆ แล้วส่งให้กับฝูงชนเนื้อหาในจดหมายเป็นวิธีการรับมือกับพวกเขาทั้งตำแหน่งการจัดวางคนและเวลาขนย้ายเสบียงล้วนเขี
มาถึงข้างนอก หยุนเจิงพลันหาสถานที่เงียบสงบแล้วใช้หิมะบนพื้นทำเป็นโต๊ะทรายอย่างง่ายขึ้นมาอย่างรวดเร็วบุกออกไปจากประตูใต้ กองทหารใหญ่เป่ยหวนที่อยู่ทางประตูเหนือจะเข้ามาเสริมทัพแน่นอนบุกออกไปจากประตูเหนือ ถึงแม้พวกเขาจะออกไปได้แล้ว แต่เกรงว่าคนสี่หมื่นนายนี้คงต้องสูญเสียไปมากกว่าหกส่วนที่สำคัญ พวกเขาส่วนใหญ่ยังเป็นทหารราบด้วยทหารม้าออกไปยังสามารถวิ่งได้แต่ทหารราบถึงแม้จะออกไปได้ ก็ไม่อาจหนีรอดจากการถูกทหารม้าเหล็กเป่ยหวนตามสังหารอยู่ดี!ตอนนี้จะวิ่งก็ไม่ได้ จะสู้ก็ไม่ใช่หากเฝ้าอยู่อย่างนี้ ขอแค่รถขนหินของเป่ยหวนลงสนาม ลำพังแค่ใช้รถขนหินนั่นก็สามารถฆ่าคนของพวdเขาได้ไม่น้อยแล้ว!อีกอย่าง พวกเขาจะเจอกับสถานการณ์มีอาหารแต่ไม่มีไฟได้ในไม่นาน!หากอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่มีแม้แต่ไฟหุงข้าวนั้น จิตใจทหารของพวกเขาจะไม่แน่วแน่ และไร้ขวัญกำลังใจทันที!ถึงครานั้น เป่ยหวนแค่โจมตีเมือง โอกาสที่พวกเขาจะเฝ้าป้อมได้คงเป็นศูนย์!ดังนั้น หากจะให้เฝ้าอยู่ต่อไป และยื้อเวลากับเป่ยหวนต่อไป ก็ไม่ใช่หนทางที่ดีนัก!หากคิดจะออกไป อย่างไรก็ต้องสู้กับเป่ยหวนเสียก่อน!อีกอย่างต้องลงมือภายในสามวันดีที่สุ
เสิ่นลั่วเยี่ยนถามอย่างไม่เข้าใจหยุนเจิงเหยียดยิ้ม ทว่าในใจกลับเผยรังสีเยือกเย็นออกมา “วิธีน่ะยังไม่มี ตาเราสามารถกัดเนื้อจากคนเป่ยหวนก่อนได้!”หืม?เสิ่นลั่วเยี่ยนไม่เข้าใจเขาหมายความว่าอย่างไร?กัดเนื้อจากศัตรู?กัดอย่างไร?หากกัดไม่ดีขึ้นมา เกรงว่าฟันของตนคงจะร่วงกระมัง?เสิ่นลั่วเยี่ยนสงสัย แล้วส่งสายตาถามให้กับอวี๋ซื่อจงอวี๋ซื่อจงส่ายหน้าเบาๆ บ่งบอกว่าตนเองก็ไม่รู้เช่นกันความคิดของหยุนเจิงไม่อาจคาดเดาได้แต่ไหนแต่ไร เขาจะรู้ความคิดของหยุนเจิงได้อย่างไร!ขณะที่หยุนเจิงพาทั้งสองไปที่ห้องประชุมอีกครั้ง ฝูงชนก็ยังคงเจรจากันอยู่เพียงแต่ เมื่อเห็นท่าทีทอดถอนใจของพวกเขาแล้ว ก็รู้ทันทีว่าไม่มีวิธีรับมือที่เหมาะสมตอนนี้ นอกจากบุกออกไป ดูเหมือนจะไม่มีวิธีที่ดีเท่าไรนักเมื่อเห็นหยุนเจิงกลับมา ฝูงชนทำได้เพียงมองเขาแวบหนึ่ง แล้วครุ่นคิดเหมือนเดิมหยุนเจิงเดินไปตรงหน้าตู๋กูเช่อโดยตรง “แม่ทัพตู๋กู เจ้าลุกขึ้นได้แล้ว!”ลุกขึ้นได้แล้ว?ตู๋กูเช่อขมวดคิ้วมองหยุนเจิงเขาให้ตนลุกขึ้น หมายความว่าอย่างไรกัน?หรือว่าเขาอยากนั่งที่ของตนนั้นหรือ?“ท่านอ๋อง ท่านคงไม่ได้คิดจะยึดอำนา