“หยุนเจิงคนไร้ยางอาย…”คนเป่ยหวนยังคงตะโกนไม่หยุดหย่อนได้ยินเสียงตะโกนนี้แล้ว ทุกคนต่างก็มองไปที่หยุนเจิงอย่างพร้อมเพรียงกันหยุนเจิงใช้จางหลิ่วแลกให้กับเจียเหยาแทนโสม โทสะในใจเจียเหยาจะมากก็ไม่แปลก“มองทำพระแสงอะไร!”หยุนเจิงยิ้มจ้องทุกคน “รวบรวมคนแล้วตะโกนกลับไปว่า ‘ข้าได้ยินแล้ว หยุดส่งเสียงหลอนได้แล้ว!’”ให้ตายเถอะ!หยุนเจิงก็หยุนเจิงสิ!ยังจะเพิ่มคำว่าไร้ยางอายอีก!มารดามันเถอะ!รู้เช่นนี้ก่อนหน้านี้น่าจะนอนเจียเหยาซะ!ให้นางได้รู้ซะว่าไร้ยางอายที่แท้จริงเป็นอย่างไร!ถึงแม้จะไม่นอน ก็น่าจะลูบจับสักหน่อย!ไม่อย่างนั้น ตนก็ต้องแบกรับคำขนานว่าไร้ยางอายนี้เปล่าๆ น่ะสิ?เฮ้อ!น่าเสียดายจริงๆ!“ข้าได้ยินแล้ว หยุดส่งเสียงหลอนได้แล้ว!”ไม่นาน ต้าเฉียนก็รวมตัวตะโกนกลับไปหนึ่งในนั้น เสียงของฉินชีหู่ดังที่สุดเสียงของพวกเขาดังขึ้น เจียเหยาก็โบกมือสั่งห้ทหารม้าข้างกายถอยทัพทันที แล้วยืนม้าหนึ่งตัวต่อคนหนึ่งคนอยู่บนพื้นหิมะ เผยท่าทีบุกเดี่ยวข้ามฟากออกมาหยุนเจิงเห็นดังนั้นรีบเดินลงไปจากหอเมือง“ท่านจะไปจริงหรือ?”เสิ่นลั่วเยี่ยนขมวดคิ้วมองหยุนเจิง “ระวังนางเล่นตุกติก!”
เจียเหยายังคงไม่โกรธ เพียงแค่ยิ้มอ่อน แล้วกล่าวด้วยท่าทีผู้ชนะ “ตอนนี้พวกเจ้านอกจากปากที่ได้เปรียบแล้ว ก็ทำได้แค่โกรธแล้ว!”เมื่อฟังคำพูดของเจียเหยาแล้ว ฉินชีหู่ก็ชะงักเล็กน้อยเขายังคิดจะแกล้งให้สตรีผู้นี้โกรธด้วย!ไม่คิดว่าสตรีผู้นี้จะไม่ติดกับ“อย่าดีใจไปหน่อยเลย กวางจะตกเป็นของใครยังไม่อาจรู้ได้!”หยุนเจิงยิ้มอย่างไม่แยแส แล้วถามว่า “ว่ามา มาหาข้าทำไม?”เจียเหยาจ้องที่หยุนเจิงเขม็ง แล้วกล่าวอมยิ้ม “ข้ามาเตือนให้ยอมแพ้!”“ฝันไปเถอะ!”เมื่อได้ยินคำพูดของเจียเหยา ฉินชีหู่ก็รีบตะคอกเสียงดุโดยไม่ต้องคิดทันที “พวกข้ายอมตาย แต่ไม่ยอมแพ้หรอก!”ตู๋กูเช่อพยักหน้า เห็นด้วยกับฉินชีหู่“จาจา ใครมอบความกล้าให้เจ้ามาเตือนให้ยอมแพ้กัน?”หยุนเจิงมองเจียเหยาอย่างน่าขัน “หากไม่ใช่เพราะคนของต้าเฉียนร่วมมือกับพวกเจ้า เจ้าไม่มีโอกาสได้ล้อมพวกข้าหรอก เจ้าคิดได้อย่างไรว่าพวกข้าจะยอมแพ้?”“เจ้าไม่ต้องหลอกถามข้าหรอก”เจียเหยามองหยุนเจิงทะลุปรุโปร่ง แล้วเอ่ยนิ่งๆ “ข้าไม่กลัวที่จะบอกความจริงกับเจ้า พวกเจ้าถูกคนของตัวเองขายจริงๆ! อีกอย่าง ข้ายังสามารถบอกเจ้าได้ด้วยว่า ข้ากับราชครูต่างก็สงสัยว่าคนค
สิ้นเสียงเจียเหยา สีหน้าของทั้งสามก็เปลี่ยนไปในบัดดลหยุนเจิงรู้ตัวทันทีว่าเขาลืมตระหนักถึงเรื่องนี้ไปจริงๆมารดามันเถอะ!ชายแดนกู้นั่นเป็นป้อมยุทธนาการเชียวนะ!ทุกอย่างของชายแดนกู้ล้วนทำเพื่อยุทธนาการทั้งนั้น!ข้างในนั้นแม้แต่ต้นไม้ก็มีอยู่ไม่กี่ต้น!ถึงแม้จะทุบบ้านเรือนมาให้หมดมาเป็นฟืน เกรงว่าก็คงเผาได้ไม่กี่วันเท่านั้น!ฆ่าม้าศึกไป ก็ต้องทำให้สุกก่อนกินอยู่แล้ว!คงจะกินดิบจริงๆ ไม่ได้หรอกกระมัง?ชาติก่อนเขาเคยฝึกซ้อมมาสามารถกินเนื้อดิบได้บ้างแต่ทว่าแม่ทัพและทหารในกองคงมีไม่กี่คนเท่านั้นที่กินได้กินเข้าไปก็อาเจียนออกมาแน่นอน!นี่ไม่ใช่เรื่องของการหิวตาย แต่เป็นเรื่องของปฏิกิริยาของร่างกาย!ทว่าปัญหาคือ ม้าศึกของพวกเขาเหลืออาหารอีกไม่กี่วันแล้ว!หากถูกล้อมอยู่อย่างนี้ระยะยาว ม้าศึกเหล่านี้จะตายเพราะความหิวแน่นอน!เมื่อถึงครานั้น ไม่อยากฆ่าม้าศึกก็คงเป็นไปไม่ได้แล้ว!คราวนี้ ดูเหมือนจะยากแล้ว!“เป็นอย่างไร ตอนนี้รู้สถานการณ์ของพวกเจ้าแล้วสินะ?”รอยยิ้มบนใบหน้าของเจียเหยายิ่งสดใส “หากเจ้าไม่สามารถให้คำตอบข้าในตอนนี้ ข้าสามารถให้เวลาเจ้าอีกสามวัน! หลังจากสามวัน หากพว
ขณะที่หยุนเจิงคิดว่าเจียเหยาคิดจะลอบโจมตีนั้น เจียเหยาก็เสียบจดหมายนั่นไว้บนศรธนู แล้วยิงออกไปแต่ทว่า เพราะห่างกันไกลเกินไป ศรธนูนั่นจึงไม่ได้ตกอยู่ข้างกายหยุนเจิงพวกเขา“นี่ถือว่าเป็นแผนการรบของเจ้าหรือไม่?”หยุนเจิงมองเจียเหยาด้วยสีหน้าเย็นชา ไร้รอยยิ้ม“ใช่!”เจียเหยาแค่นเสียงเย็นชา “จดหมายฉบับนี้ ถึงแม้ข้าจะมอบให้เจ้า แต่เจ้าก็ไม่มีโอกาสได้ใช้มันหรอก! เจ้าหนีไม่พ้นหรอก!”กล่าวจบ เจียเหยาก็ควบม้าจากไปอย่างสบายๆฉินชีหู่สติหลุดไปเล็กน้อย จากนั้นควบม้าไปยังศรธนูที่ปักอยู่บนพื้นหิมะ แล้วห้อยตัวลงจากม้าดึงศรธนูนั่นขึ้นมา“ไปกันเถอะ! เราต้องกลับไปเจรจาแผนการรับมือจริงๆ จังๆ แล้ว!”หยุนเจิงมองทั้งสองด้วยสีหน้าจริงจัง แล้วรีบขี่ม้าไปยังชายแดนกู้ทันทีสถานการณ์ตอนนี้คือจะบุกออกไปก็ไม่ง่าย จะอยู่ต่อก็ไม่ใช่เว่ยเหวินจงไอ้สุนัข ทำให้พวกเขาลำบากจริงๆ!เมื่อกลับถึงชายแดนกู้ ตู๋กูเช่อไม่แม้แต่กินข้าว ก็รีบสั่งให้แม่ทัพทุกคนเข้าประชุมทันทีตู๋กูเช่ออ่านเนื้อหาในจดหมายผ่านๆ แล้วส่งให้กับฝูงชนเนื้อหาในจดหมายเป็นวิธีการรับมือกับพวกเขาทั้งตำแหน่งการจัดวางคนและเวลาขนย้ายเสบียงล้วนเขี
มาถึงข้างนอก หยุนเจิงพลันหาสถานที่เงียบสงบแล้วใช้หิมะบนพื้นทำเป็นโต๊ะทรายอย่างง่ายขึ้นมาอย่างรวดเร็วบุกออกไปจากประตูใต้ กองทหารใหญ่เป่ยหวนที่อยู่ทางประตูเหนือจะเข้ามาเสริมทัพแน่นอนบุกออกไปจากประตูเหนือ ถึงแม้พวกเขาจะออกไปได้แล้ว แต่เกรงว่าคนสี่หมื่นนายนี้คงต้องสูญเสียไปมากกว่าหกส่วนที่สำคัญ พวกเขาส่วนใหญ่ยังเป็นทหารราบด้วยทหารม้าออกไปยังสามารถวิ่งได้แต่ทหารราบถึงแม้จะออกไปได้ ก็ไม่อาจหนีรอดจากการถูกทหารม้าเหล็กเป่ยหวนตามสังหารอยู่ดี!ตอนนี้จะวิ่งก็ไม่ได้ จะสู้ก็ไม่ใช่หากเฝ้าอยู่อย่างนี้ ขอแค่รถขนหินของเป่ยหวนลงสนาม ลำพังแค่ใช้รถขนหินนั่นก็สามารถฆ่าคนของพวdเขาได้ไม่น้อยแล้ว!อีกอย่าง พวกเขาจะเจอกับสถานการณ์มีอาหารแต่ไม่มีไฟได้ในไม่นาน!หากอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่มีแม้แต่ไฟหุงข้าวนั้น จิตใจทหารของพวกเขาจะไม่แน่วแน่ และไร้ขวัญกำลังใจทันที!ถึงครานั้น เป่ยหวนแค่โจมตีเมือง โอกาสที่พวกเขาจะเฝ้าป้อมได้คงเป็นศูนย์!ดังนั้น หากจะให้เฝ้าอยู่ต่อไป และยื้อเวลากับเป่ยหวนต่อไป ก็ไม่ใช่หนทางที่ดีนัก!หากคิดจะออกไป อย่างไรก็ต้องสู้กับเป่ยหวนเสียก่อน!อีกอย่างต้องลงมือภายในสามวันดีที่สุ
เสิ่นลั่วเยี่ยนถามอย่างไม่เข้าใจหยุนเจิงเหยียดยิ้ม ทว่าในใจกลับเผยรังสีเยือกเย็นออกมา “วิธีน่ะยังไม่มี ตาเราสามารถกัดเนื้อจากคนเป่ยหวนก่อนได้!”หืม?เสิ่นลั่วเยี่ยนไม่เข้าใจเขาหมายความว่าอย่างไร?กัดเนื้อจากศัตรู?กัดอย่างไร?หากกัดไม่ดีขึ้นมา เกรงว่าฟันของตนคงจะร่วงกระมัง?เสิ่นลั่วเยี่ยนสงสัย แล้วส่งสายตาถามให้กับอวี๋ซื่อจงอวี๋ซื่อจงส่ายหน้าเบาๆ บ่งบอกว่าตนเองก็ไม่รู้เช่นกันความคิดของหยุนเจิงไม่อาจคาดเดาได้แต่ไหนแต่ไร เขาจะรู้ความคิดของหยุนเจิงได้อย่างไร!ขณะที่หยุนเจิงพาทั้งสองไปที่ห้องประชุมอีกครั้ง ฝูงชนก็ยังคงเจรจากันอยู่เพียงแต่ เมื่อเห็นท่าทีทอดถอนใจของพวกเขาแล้ว ก็รู้ทันทีว่าไม่มีวิธีรับมือที่เหมาะสมตอนนี้ นอกจากบุกออกไป ดูเหมือนจะไม่มีวิธีที่ดีเท่าไรนักเมื่อเห็นหยุนเจิงกลับมา ฝูงชนทำได้เพียงมองเขาแวบหนึ่ง แล้วครุ่นคิดเหมือนเดิมหยุนเจิงเดินไปตรงหน้าตู๋กูเช่อโดยตรง “แม่ทัพตู๋กู เจ้าลุกขึ้นได้แล้ว!”ลุกขึ้นได้แล้ว?ตู๋กูเช่อขมวดคิ้วมองหยุนเจิงเขาให้ตนลุกขึ้น หมายความว่าอย่างไรกัน?หรือว่าเขาอยากนั่งที่ของตนนั้นหรือ?“ท่านอ๋อง ท่านคงไม่ได้คิดจะยึดอำนา
ทำลายกำแพงเมืองจีนด้วยตนเอง?ฝูงชนมองหยุนเจิงด้วยสีหน้ามึนงงถึงแม้พวกเขาจะไม่เข้าใจว่าอะไรคือกำแพงเมืองจีน แต่ทว่าก็พอเข้าใจความหมายโดยรวมได้หรือว่า หยุนเจิงคิดจะฆ่าตัวตายแล้วค่อยฟื้นคืนชีพ?”ตู๋กูเช่อขมวดคิ้ว ‘ท่านอ๋องพูดให้ละเอียดกว่านี้ได้หรือไม่?”“ได้อยู่แล้ว!”หยุนเจิวพยักหน้า แล้วเพิ่มระดับเสียง “ก่อนที่ข้าจะพูดละเอียดกว่านี้ ข้าต้องทำข้อตกลงสามข้อกับทุกคนก่อน!”ข้อตกลงสามข้อ?ฝูงชนต่าวขมวดคิ้วคิ้วของฉินชีหู่ยิ่งขมวดเข้าติดกันอย่างรวดเร็วหยุนเจิงตรงหน้านี้ ดูเหมือนว่าเขาจะไม่รู้จักเลย“ลองว่ามา!”ตู๋กูเช่อเงยหน้ามองหยุนเจิงหยุนเจิงเองก็ไม่รอช้า ปริปากพูดทันที “ข้อหนึ่ง สถานการณ์ของเราตอนนี้คับขัน ไม่ว่าพวกเจ้าจะมีความคิดอย่างไรกับข้า ก็เก็บเอาไว้ก่อน! สิ่งที่ต้องทำตอนนี้คือบุกออกไปจากการถูกล้อมให้ได้!”หยุนเจิงเผยประโยคนี้ออกไป ผู้คนไม่น้อยต่างก็เริ่มครุ่นคิดในใจขึ้นมาหยุนเจิงคาดเดาได้แล้วว่าผู้คนจะคิดอย่างไรกับเขาในเมื่อเขาคาดเดาได้แล้ว เช่นนั้นก็เท่ากับว่าในใจของเขาย่อมต้องมีความคิดที่ไม่ดีเท่าไรนักอยู่แล้วไม่มากก็น้อยดูท่าแล้ว พวกเขาทุกคนล้วนประเมินท่
“ถูกเผง!”หยุนเจิงมองอวี๋ซื่อจงด้วยสายตาชื่นชม แล้วตอบ “หากเป่ยหวนไม่แบ่งกองกำลังไปที่ทิศตะวันออกและทิศตะวันตก เช่นนั้นเราก็ส่งคนจำนวนน้อยออกไปโจมตีศัตรูทางทิศใต้ปลอมๆ ในตอนดึก แล้วทำท่าทีเหมือนต้องการจะจัดการเส้นทางโขดเป่ยหยวนนี้ออกมา!”“ใช่!”อวี๋ซื่อจงกล่าวอย่างตื่นเต้น “ถึงตอนนั้น กองทหารเป่ยหวนต้องส่งกำลังคนไปสนับสนุนที่ประตูทิศเหนืออยู่แล้ว เช่นนั้นพวกเราก็จะสามารถฆ่าออกไปจากทางทิศตะวันออกและทิศตะวันตก ทำให้ศัตรูประหลาดใจ หลังจากที่กำจัดกองกำลังของศัตรูไปได้ส่วนหนึ่งแล้ว ก็รีบถอยทัพกลับเมือง!”อวี๋ซื่อจงอยู่กับหยุนเจิงหลายวันไม่เสียเปล่า เข้าใจแผนการของหยุนเจิงในบัดดลเมื่อได้ยินคำพูดของอวี๋ซื่อจงแล้ว แววตาของฝูงชนต่างก็เป็นประกายนี่ไม่ใช่ความคิดที่ไม่ดีหากศัตรูติดกับ พวกเขาอาจไม่สามารถกำจัดกองกำลังได้มาก แต่ทว่าแม้จะกำจัดได้กี่ร้อยคน ก็เป็นเรื่องดีเช่นกัน!ตอนนี้พวกเขาถูกล้อม จำเป็นต้องนำชัยชนะมาปลุกขวัญกำลังใจทหาร!“ถ้าหากศัตรูที่ประตูเหนือไม่ไปสนับสนุนล่ะ?”ฉินชีหู่ขมวดคิ้วถาม“เช่นนั้นก็โจมตีทหารศัตรูทางประตูใต้ครั้งใหญ่!”ตู๋กูเช่อตาเป็นประกาย รีบเสนอแผนการทันท