สมุดบัญชีหยุนเจิงเพียงกวาดตามองคร่าวๆ ก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมาแล้วคลังทั้งซั่วเป่ย แทบไม่ต้องนับเลยคลังส่วนตัวของหยุนเจิง เหลือเพียงหนึ่งล้านกว่าตำลึงเงินเท่านั้นเนื่องจากจางซูช่วยหาเงินให้พวกเขาอยู่ตลอดเงินที่เขานำมาจากเมืองจักรพรรดิ ใช้จ่ายหมดได้นานแล้ว!อีกทั้ง นี่ยังไม่นับรวมเงินชดเชยบำนาญของทหารเสียชีวิตในสนามรบครั้งนี้และเงินรางวัลชองคนที่มีผลงานหากนับรวมเหล่านั้นเข้าไปด้วย หนึ่งล้านตำลึงเงินของเขา ไม่มีทางเพียงพอเด็ดขาดดูสมุดบัญชีตรงหน้า หยุนเจิงแทบทนไม่ไหวอยากส่งคนของนักรบภูตสิบแปดเขาไปปล้นเศรษฐีภายในด่านแล้วมารดาเขาสิ!เงินนี้แม้จะดูเยอะ แต่ใช้จ่ายขึ้นมา กลับไม่เพียงพอใช้จ่าย“เอาล่ะ พวกเจ้าออกไปทำงานก่อนเถอะ!”หยุนเจิงนวดขมับ จากนั้นก็ลุกขึ้นดึงมือเยี่ยจื่อ “ไปเดินเล่นกับข้าเถอะ!”เยี่ยจื่อยกมุมปากหัวเราะ เดินไปสวนดอกไม้ของจวนอ๋องกับหยุนเจิง“เริ่มกลุ้มใจเรื่องเงินแล้ว?”เยี่ยจื่อยิ้มถามหยุนเจิง“กลุ้มใจนิดหน่อย แต่ก็ยังดีหน่อย”หยุนเจิงส่ายหน้าหัวเราะ จากนั้นก็บอกความคิดของเขาที่จะสร้างสำนักปกครองภายในและให้เยี่ยจื่อเป็นผู้ช่วยดูแลสำนักปกครองภายในกับนาง
คนสอดแนม?หยุนเจิงผิดปกติเล็กน้อยการเคลื่อนไหวของเจ้าสามเร็วนัก!ส่งคนสอดแนมมาเร็วเพียงนี้แล้ว?ระหว่างขบคิด หยุนเจิงถามอีกครั้ง “มีแค่คนสอดแนมคนเดียวหรือ?”“ไม่เท่านั้น”เยี่ยจื่อส่ายหน้า “คนผู้นั้นมีพวกหลายคน แต่พวกเขาทั้งหมดถูกจับและสังหารพร้อมกัน”“เรื่องนี้ค่อนข้างหน้าเสียดาย!” หยุนเจิงแอบเสียงดาย “ต่อไปหากมีคนสอดแนม อย่าสังหารเด็ดขาด! ส่งไปขุดเหมืองถ่านเลนหรือทำเหมืองแร่ก็ได้ พวกเรามีที่ให้ใช้แรงงานมากมาย!”คนสอดแนม ก็มีประโยชน์ของคนสอดแนมไม่ใช่หรือ?เช่นไรก็เป็นคน ขอแค่มีชีวิต ก็สามารถสร้างคุณค่าได้ไม่มากก็น้อยเยี่ยจื่อเมื่อได้ฟัง พลันหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ “เจ้าเป็นห่านป่าที่ถูกถอนขนแล้ว!”“ถอนขน?”หยุนเจิงหัวเราะอย่างไม่เห็นด้วย “ข้ายังอยากถอน...”กล่าวถึงตรงนี้ หยุนเจิงหยุดชะงักกะทันหัน ในสมองหมุนแล่นอย่างรวดเร็ว“เกิดเรื่องใดแล้ว?”เยี่ยจื่อไม่เข้าใจขณะนั้นเอง หยุนเจิงจับใบหน้าเยี่ยจื่อเอาไว้ภายใต้สายตาเขินอายของเยี่ยจื่อ เขาจูบริมฝีปากนางอย่างรุนแรง“ทำสิ่งใดน่ะ?”การกระทำของหยุนเจิงทำให้เยี่ยจื่ออายอย่างมากหยุนเจิงกระพริบตาปริบๆ จากนั้นก็ยิ้มร้
สถานการณ์ตรงหน้า นับว่าเป็นจุดจบที่ชนะทั้งสองฝ่าย!“คิดเช่นเดียวกันกับข้า”เจียเหยายิ้มถากถาง จากนั้นก็กล่าวถาม “ยี่สิบปีต่อไป เป่ยหวนจะยังคงอยู่หรือไม่?”“ไม่รู้”หยุนเจิงส่ายหน้าเบาๆ “เรื่องยี่สิบปีถัดไป ใครจะบอกได้อย่างชัดเจน! บางที ยี่สิบปีต่อไป แม้แต่ต้าเฉียนก็ล้วนไม่อยู่แล้ว นับประสาสิ่งใดกับเป่ยหวน? แต่ว่า เป่ยหวนไม่จำเป็นต้องคงอยู่ แต่ชาวเป่ยหวนคงอยู่ก็พอแล้ว”เขาสามารถจิตนาการได้ว่าโลกในยี่สิบปีให้หลังเป็นเช่นไรแต่เขาไม่สามารถให้ทุกสิ่งทุกอย่างดำเนินไปตามที่เขาจินตนาการได้อย่างอื่นไม่ต้องกล่าวถึง แค่ดินปืนอย่างเดียวก็สามารถทำให้จบเห่ได้แล้วเขาทำดินปืนออกมาได้นานแล้ว แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังหาเหมืองดินประสิวไม่พบเรื่องราวมากมาย ล้วนไม่สามารถดำเนินไปตามที่เขาคาดการณ์ได้เขาสามารถลองไปเปลี่ยนโลกใบนี้ได้ แต่ไม่ใช่โค่นล้มโลกใบนี้ช่วงวิถีแห่งประวัติศาสตร์ สามารถไปขับเคลื่อนได้ แต่ต้องค่อยเป็นค่อยไปทีละก้าวหวังหมั่งผู้นี้ถูกสงสัยอย่างหนักว่าเป็นนักเดินทางข้ามเวลามา นี่เป็นกรณีตัวอย่างที่ดีที่สุด“ใช่หรือ?”เจียเหยาครุ่นคิดชั่วครู่ จากนั้นก็ถาม “หลังต่อสู้กับเป่ยหวนจบแล
สภาพลำบากยากแค้นของเป่ยหวน นางเคยได้ยินอาจารย์ปานปู้กล่าวมานานหลายปีแล้วเป่ยหวนแม้จะทำการเพาะปลูก แต่ที่ดินของเป่ยหวนและสภาพอากาศเป็นตัวตัดสิน พืชเกษตรมากมายไม่อาจเพาะปลูกได้ชาวเป่ยหวนไม่ใช่ไม่ชอบบริโภคข้าวเปลือกหรืออาหารประเทภเส้นแต่เป็นเพราะเป่ยหวนมีพื้นที่เหมาะกับการเพาะปลูกข้าวเปลือกและข้าวสาลีไม่มากผลผลิตของข้าวสาลีหยวนก็น้อยจนน่าสงสารดังนั้น เป่ยหวนมักไม่สามารถทนต่อภัยพิบัติทางธรรมชาติได้เมื่อเกิดโรคระบาดทำให้ปศุสัตว์ล้มตายเป็นจำนวนมาก เป่ยหวนจำเป็นต้องใช้เวลานานจึงสามารถพื้นฟูพลังหยวนได้เพราะข้อจำกัดเหล่านี้ ทำให้เป่ยหวนมีพื้นที่กว้างขวางแต่ประชากรบางตานับดูแล้ว ดินแดนของเป่ยหวนกว้างขวางกว่าต้าเฉียนมากหากประชากรทุกคนของเป่ยหวนล้วนสามารถกินอิ่ม ทุกครัวเรือนทำงานและอยู่อาศัยกันอย่างมีความสุข ประชากรของเป่ยหวนคงยกระดับไปนานแล้ว“เอาล่ะ อย่าเอาแต่คิดถึงมันเทศดินเลย”หยุนเจิงกล่าวอย่างจนใจ “มีของที่ดีกว่ามันเทศดินเยอะแยะไป! ข้าก็ว่าพวกเจ้านี่จริงๆ เลย ที่ดินมากมายเพียงนี้ เลี้ยงสัตว์ประเภทเป็ดเลี้ยงไก่หน่อยไม่ดีหรือ? หากพวกเจ้ามีเป็ดไก่จำนวนหลายหมื่นตัว พวกตั๊กแตน
นิ่งเงียบอยู่ชั่วครู่ เจียเหยาจึงกล่าวกับหยุนเจิง “ผู้เฒ่าผู้นั้นมาจากแคว้นที่เชื่อว่าลาถูย่า เป็นแคว้นที่อยู่ห่างไกลจากพวกเรามาก พวกเขาเพื่อสร้างเรือที่สามารถแล่นเดินทางไกลนั้น ก็ใช้เวลาสิบปีเต็มๆ...”ต่อมา เจียเหยาก็เล่ารายละเอียดของแคว้นที่ผู้เฒ่าผู้นั้นอาศัยอยู่ให้หยุนเจิงฟังจากการบรรยายของชายชราผู้นั้น ลาถูย่าน่าจะไม่ได้อุดมสมบูรณ์ไปมากกวาแคว้นต้าเฉียน ผลผลิตก็ไม่อาจเทียบต้าเฉียนได้แต่ว่า ชาวลาถูย่ามีจิตวิญญาณแห่งการผจญภัยพวกเขาได้สำรวจโลกที่ปลายมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ก่อนหน้าผู้เฒ่าผู้นั้น ก็มีคนเริ่มทำเรื่องนี้แล้วแต่คนเหล่านั้นออกเดินทางไปตั้งหลายปีก็ไม่ได้กลับไป น่าจะถูกฝังไว้ในมหาสมุทรกว้างใหญ่แล้วตามที่ผู้เฒ่าผู้นั้นกล่าว พวกเขาเดินสมุทรมาตั้งนานหลายปี ไปยังสถานที่ที่เจียเหยาไม่เคยได้ยินมาก่อนมากมายผู้เฒ่ากล่าวว่า โลกใบนี้กว้างใหญ่มากแต่กว้างใหญ่เพียงใด ผู้เฒ่าเองก็กล่าวไม่ชัดเจนเพราะว่า เขาก็ยังไม่ได้ไปถึงยังทุกมุมของโลกใบนี้กล่าวจบเรื่องเหล่านี้ เจียเหยาเตือนด้วยความจริงใจ “ถ้าหากเจ้าต้องการส่งคนออกทะเลไปตามหาลาถูย่า ข้าแนะนำเจ้าทางที่ต้องสร้างเรือขนาดยัก
หลังจากสนทนามากมายกับเจียเหยา หยุนเจิงตัดสินใจแล้วชีวิตของเจียเหยา เขาไม่ต้องการชั่วคราวข้อดีที่ใหญ่ที่สุดของเจียเหยาคือสายตาของนางกว้างไกลกว่าชาวเป่ยหวนคนอื่น อีกทั้ง ภายในใจนางมีชาวเป่ยหวนอยู่ ไม่เอาชีวิตของชาวเป่ยหวนมาเป็นเบี้ยล่างขอแค่นางไม่ทำสิ่งใดแผลงๆ ผลประโยชน์ที่เป่ยหวนนำมาให้ต้าเฉียนจะมีมากขึ้นหากนางทำสิ่งใดแผลงๆ เช่นนั้นเขาก็คงต้องใช้วิธีเด็ดขาดรุ่นแรงเหล่านั้นแล้วแม้เรื่องของเจียเหยาจัดการได้แล้ว แต่ชีวิตเคล้าสุรานารีในจินตนาการของหยุนเจิงยังไม่มาถึงต่อให้มีพวกเยี่ยจื่อคอยช่วยจัดการดูแลการปกครอง แต่ทุกวันก็มีเรื่องราวทุกรูปแบบมาหาเขา เรื่องราวมากมาย ล้วนต้องให้เขาตัดสินใจ ทำเอาหยุนเจิงมีความคิดอยากส่งคนไปลักพาตัวคนที่เมืองจักรพรรดิมาใช้งานที่ซั่วเป่ยแล้วเรื่องออกทะเล หยุนเจิงยังคิดไม่ตกแต่ว่า ก่อนออกทะเล ต้องสร้างท่าเรือก่อนส่วนเรื่องเรือ ตอนนี้หยุนเจิงยังไม่คิดจะสร้างเอง ด้านหนึ่งเพราะซั่วเป่ยมีช่างฝีมือสร้างเรือน้อยมาก อีกด้านหนึ่งคือเพราะการสร้างเรือด้วยตัวเองใช้เวลานานเกินไปมีเวลา ส่งคนไปยังอี๋โจว อวี้โจวซื้อเรือสินค้าขนาดใหญ่เอาพืชเกษตรที่ให้ผลผลิ
เขาเขียนสาส์นที่กราบทูลเรียบร้อยแล้ว คิดจะขอให้จักรพรรดิเหวินส่งสมาชิกทหารเรือและเรือรบมาให้เขาถึงเช่นไรต้าเฉียนก็ไม่ให้ความสำคัญกับทหารเรือ มาหาเขาที่นี่ ก็ยังสามารถแสดงความสามารถที่เป็นประโยชน์ได้แต่ว่า เขาไม่รู้ว่าจักรพรรดิเหวินจะใจกว้างเช่นนั้นหรือไม่ดังนั้น หากจางซูสามารถซื้อเรือรบของทหารเรือได้จะดีที่สุดแน่นอน นี่เป็นเพียงความคิดที่ใจกล้าเท่านั้น ไม่ได้บีบบังคับ“เรือรบเกรงว่าจะค่อยข้างยากกระมัง?”จางซูลูบคาง “พวกเราไปซื้อเรือรบของทหารเรือ ฝ่าบาทรู้ ต้องเฆี่ยนพวกเรา?”นั่นคือเรือรบเชียว!นี่ไม่ใช่สิ่งที่ใครคิดจะซื้อก็สามารถซื้อได้!“เฆี่ยนหรือไม่ ยังไม่ต้องสนใจ”หยุนเจิงยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ “ถึงเช่นไรทหารเรือต้าเฉียนพวกเราก็เป็นลูกเมียน้อย ไม่แน่มีคนกล้ารวบรวมเรือรบเป็นการส่วนตัวเล่า? หากมีโอกาส เจ้าสามาถบอกพวกเขา หากมีเรือรบของทหารเรือแล่นมายังซั่วเป่ยจริง ค่าจ้างทหารเพิ่มขึ้นสองเท่า ตั้งแต่ทหารราบจนถึงแม่ทัพ ล้วนมีรางวัลหนัก!”เมื่อได้ฟังคำของหยุนเจิง จางซูหน้าดำอึมครึมในทันทีองค์ชายช่างกล้าคิดเสียจริง!คิดจะเลื่อยเก้าอี้ตาแก่ของเขาหรือ?เขาไม่กลัวตาแก่ของเขาบุก
“ขาย...ขายตำแหน่งขุนนาง?”ภายในลานด้านหลัง เมื่อได้รู้ความคิดของหยุนเจิง ทุกคนต่างตกตะลึงเยี่ยจื่อมองหยุนเจิงด้วยความอึ้ง วิธีที่เขาบอกว่าได้เงินมาอย่างรวดเร็ว ก็คือขายตำแหน่งขุนนาง?ไม่ใช่...เหตุใดเขาคิดเช่นนี้!ถึงเช่นไรเขาก็เป็นซั่วเป่ยเจี๋ยตู้สื่อ!ซั่วเป่ยแห่งนี้เป็นถิ่นฐานของเขาเหตุใดเขาจึงคิดวิธีขายตำแหน่งประเภทนี้?อย่าว่าแต่ตอนนี้พวกเขาไม่ได้ยากจนถึงขั้นบ้าไปแล้ว ต่อให้ยากจน ก็ไม่อาจทำเรื่องเช่นนี้ได้!นี่เขาไม่ใช่ทำลายรากฐานกิจการของตัวเองหรือ?“มันเรื่องใหญ่เท่าใดกันเชียว!”หยุนเจิงหัวเราะเสียงดัง “ดูท่าทางของพวกเจ้าสิ!”“นี่เรียกเรื่องเล็กหรือ?” คิ้วของฮูหยินเสิ่นใกล้ขมวดรวมเข้าด้วยกันแล้ว “เจ้าเป็นถึงองค์ชายตำแหน่งซั่วเป่ยเจี๋ยตู้สื่อคิดขายตำแหน่งขุนนาง เจ้าคิดจะสร้างความวุ่นวายที่ซั่วเป่ยหรือ? ลูกเขต เจ้าเลอะเลือนเช่นนี้ไม่ได้นะ!”หลังจากฮูหยินเสิ่นเอ่ยปาก ทุกคนก็พากันเกลี่ยกล่อม“ท่านอ๋อง เรื่องนี้ทำไม่ได้จริงๆ!”“องค์ชาย เรื่องนี้ไม่ได้เด็ดขาด...”“องร์ชาย หากท่านขาดแคลนเงิน ข้าไปช่วยหาเงิน ข้าจางซูรู้ข้อเสียของการขายตำแหน่งขุนนาง องค์ชายไม่รู้ได้เช่น