คนสอดแนม?หยุนเจิงผิดปกติเล็กน้อยการเคลื่อนไหวของเจ้าสามเร็วนัก!ส่งคนสอดแนมมาเร็วเพียงนี้แล้ว?ระหว่างขบคิด หยุนเจิงถามอีกครั้ง “มีแค่คนสอดแนมคนเดียวหรือ?”“ไม่เท่านั้น”เยี่ยจื่อส่ายหน้า “คนผู้นั้นมีพวกหลายคน แต่พวกเขาทั้งหมดถูกจับและสังหารพร้อมกัน”“เรื่องนี้ค่อนข้างหน้าเสียดาย!” หยุนเจิงแอบเสียงดาย “ต่อไปหากมีคนสอดแนม อย่าสังหารเด็ดขาด! ส่งไปขุดเหมืองถ่านเลนหรือทำเหมืองแร่ก็ได้ พวกเรามีที่ให้ใช้แรงงานมากมาย!”คนสอดแนม ก็มีประโยชน์ของคนสอดแนมไม่ใช่หรือ?เช่นไรก็เป็นคน ขอแค่มีชีวิต ก็สามารถสร้างคุณค่าได้ไม่มากก็น้อยเยี่ยจื่อเมื่อได้ฟัง พลันหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ “เจ้าเป็นห่านป่าที่ถูกถอนขนแล้ว!”“ถอนขน?”หยุนเจิงหัวเราะอย่างไม่เห็นด้วย “ข้ายังอยากถอน...”กล่าวถึงตรงนี้ หยุนเจิงหยุดชะงักกะทันหัน ในสมองหมุนแล่นอย่างรวดเร็ว“เกิดเรื่องใดแล้ว?”เยี่ยจื่อไม่เข้าใจขณะนั้นเอง หยุนเจิงจับใบหน้าเยี่ยจื่อเอาไว้ภายใต้สายตาเขินอายของเยี่ยจื่อ เขาจูบริมฝีปากนางอย่างรุนแรง“ทำสิ่งใดน่ะ?”การกระทำของหยุนเจิงทำให้เยี่ยจื่ออายอย่างมากหยุนเจิงกระพริบตาปริบๆ จากนั้นก็ยิ้มร้
สถานการณ์ตรงหน้า นับว่าเป็นจุดจบที่ชนะทั้งสองฝ่าย!“คิดเช่นเดียวกันกับข้า”เจียเหยายิ้มถากถาง จากนั้นก็กล่าวถาม “ยี่สิบปีต่อไป เป่ยหวนจะยังคงอยู่หรือไม่?”“ไม่รู้”หยุนเจิงส่ายหน้าเบาๆ “เรื่องยี่สิบปีถัดไป ใครจะบอกได้อย่างชัดเจน! บางที ยี่สิบปีต่อไป แม้แต่ต้าเฉียนก็ล้วนไม่อยู่แล้ว นับประสาสิ่งใดกับเป่ยหวน? แต่ว่า เป่ยหวนไม่จำเป็นต้องคงอยู่ แต่ชาวเป่ยหวนคงอยู่ก็พอแล้ว”เขาสามารถจิตนาการได้ว่าโลกในยี่สิบปีให้หลังเป็นเช่นไรแต่เขาไม่สามารถให้ทุกสิ่งทุกอย่างดำเนินไปตามที่เขาจินตนาการได้อย่างอื่นไม่ต้องกล่าวถึง แค่ดินปืนอย่างเดียวก็สามารถทำให้จบเห่ได้แล้วเขาทำดินปืนออกมาได้นานแล้ว แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังหาเหมืองดินประสิวไม่พบเรื่องราวมากมาย ล้วนไม่สามารถดำเนินไปตามที่เขาคาดการณ์ได้เขาสามารถลองไปเปลี่ยนโลกใบนี้ได้ แต่ไม่ใช่โค่นล้มโลกใบนี้ช่วงวิถีแห่งประวัติศาสตร์ สามารถไปขับเคลื่อนได้ แต่ต้องค่อยเป็นค่อยไปทีละก้าวหวังหมั่งผู้นี้ถูกสงสัยอย่างหนักว่าเป็นนักเดินทางข้ามเวลามา นี่เป็นกรณีตัวอย่างที่ดีที่สุด“ใช่หรือ?”เจียเหยาครุ่นคิดชั่วครู่ จากนั้นก็ถาม “หลังต่อสู้กับเป่ยหวนจบแล
สภาพลำบากยากแค้นของเป่ยหวน นางเคยได้ยินอาจารย์ปานปู้กล่าวมานานหลายปีแล้วเป่ยหวนแม้จะทำการเพาะปลูก แต่ที่ดินของเป่ยหวนและสภาพอากาศเป็นตัวตัดสิน พืชเกษตรมากมายไม่อาจเพาะปลูกได้ชาวเป่ยหวนไม่ใช่ไม่ชอบบริโภคข้าวเปลือกหรืออาหารประเทภเส้นแต่เป็นเพราะเป่ยหวนมีพื้นที่เหมาะกับการเพาะปลูกข้าวเปลือกและข้าวสาลีไม่มากผลผลิตของข้าวสาลีหยวนก็น้อยจนน่าสงสารดังนั้น เป่ยหวนมักไม่สามารถทนต่อภัยพิบัติทางธรรมชาติได้เมื่อเกิดโรคระบาดทำให้ปศุสัตว์ล้มตายเป็นจำนวนมาก เป่ยหวนจำเป็นต้องใช้เวลานานจึงสามารถพื้นฟูพลังหยวนได้เพราะข้อจำกัดเหล่านี้ ทำให้เป่ยหวนมีพื้นที่กว้างขวางแต่ประชากรบางตานับดูแล้ว ดินแดนของเป่ยหวนกว้างขวางกว่าต้าเฉียนมากหากประชากรทุกคนของเป่ยหวนล้วนสามารถกินอิ่ม ทุกครัวเรือนทำงานและอยู่อาศัยกันอย่างมีความสุข ประชากรของเป่ยหวนคงยกระดับไปนานแล้ว“เอาล่ะ อย่าเอาแต่คิดถึงมันเทศดินเลย”หยุนเจิงกล่าวอย่างจนใจ “มีของที่ดีกว่ามันเทศดินเยอะแยะไป! ข้าก็ว่าพวกเจ้านี่จริงๆ เลย ที่ดินมากมายเพียงนี้ เลี้ยงสัตว์ประเภทเป็ดเลี้ยงไก่หน่อยไม่ดีหรือ? หากพวกเจ้ามีเป็ดไก่จำนวนหลายหมื่นตัว พวกตั๊กแตน
นิ่งเงียบอยู่ชั่วครู่ เจียเหยาจึงกล่าวกับหยุนเจิง “ผู้เฒ่าผู้นั้นมาจากแคว้นที่เชื่อว่าลาถูย่า เป็นแคว้นที่อยู่ห่างไกลจากพวกเรามาก พวกเขาเพื่อสร้างเรือที่สามารถแล่นเดินทางไกลนั้น ก็ใช้เวลาสิบปีเต็มๆ...”ต่อมา เจียเหยาก็เล่ารายละเอียดของแคว้นที่ผู้เฒ่าผู้นั้นอาศัยอยู่ให้หยุนเจิงฟังจากการบรรยายของชายชราผู้นั้น ลาถูย่าน่าจะไม่ได้อุดมสมบูรณ์ไปมากกวาแคว้นต้าเฉียน ผลผลิตก็ไม่อาจเทียบต้าเฉียนได้แต่ว่า ชาวลาถูย่ามีจิตวิญญาณแห่งการผจญภัยพวกเขาได้สำรวจโลกที่ปลายมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ก่อนหน้าผู้เฒ่าผู้นั้น ก็มีคนเริ่มทำเรื่องนี้แล้วแต่คนเหล่านั้นออกเดินทางไปตั้งหลายปีก็ไม่ได้กลับไป น่าจะถูกฝังไว้ในมหาสมุทรกว้างใหญ่แล้วตามที่ผู้เฒ่าผู้นั้นกล่าว พวกเขาเดินสมุทรมาตั้งนานหลายปี ไปยังสถานที่ที่เจียเหยาไม่เคยได้ยินมาก่อนมากมายผู้เฒ่ากล่าวว่า โลกใบนี้กว้างใหญ่มากแต่กว้างใหญ่เพียงใด ผู้เฒ่าเองก็กล่าวไม่ชัดเจนเพราะว่า เขาก็ยังไม่ได้ไปถึงยังทุกมุมของโลกใบนี้กล่าวจบเรื่องเหล่านี้ เจียเหยาเตือนด้วยความจริงใจ “ถ้าหากเจ้าต้องการส่งคนออกทะเลไปตามหาลาถูย่า ข้าแนะนำเจ้าทางที่ต้องสร้างเรือขนาดยัก
หลังจากสนทนามากมายกับเจียเหยา หยุนเจิงตัดสินใจแล้วชีวิตของเจียเหยา เขาไม่ต้องการชั่วคราวข้อดีที่ใหญ่ที่สุดของเจียเหยาคือสายตาของนางกว้างไกลกว่าชาวเป่ยหวนคนอื่น อีกทั้ง ภายในใจนางมีชาวเป่ยหวนอยู่ ไม่เอาชีวิตของชาวเป่ยหวนมาเป็นเบี้ยล่างขอแค่นางไม่ทำสิ่งใดแผลงๆ ผลประโยชน์ที่เป่ยหวนนำมาให้ต้าเฉียนจะมีมากขึ้นหากนางทำสิ่งใดแผลงๆ เช่นนั้นเขาก็คงต้องใช้วิธีเด็ดขาดรุ่นแรงเหล่านั้นแล้วแม้เรื่องของเจียเหยาจัดการได้แล้ว แต่ชีวิตเคล้าสุรานารีในจินตนาการของหยุนเจิงยังไม่มาถึงต่อให้มีพวกเยี่ยจื่อคอยช่วยจัดการดูแลการปกครอง แต่ทุกวันก็มีเรื่องราวทุกรูปแบบมาหาเขา เรื่องราวมากมาย ล้วนต้องให้เขาตัดสินใจ ทำเอาหยุนเจิงมีความคิดอยากส่งคนไปลักพาตัวคนที่เมืองจักรพรรดิมาใช้งานที่ซั่วเป่ยแล้วเรื่องออกทะเล หยุนเจิงยังคิดไม่ตกแต่ว่า ก่อนออกทะเล ต้องสร้างท่าเรือก่อนส่วนเรื่องเรือ ตอนนี้หยุนเจิงยังไม่คิดจะสร้างเอง ด้านหนึ่งเพราะซั่วเป่ยมีช่างฝีมือสร้างเรือน้อยมาก อีกด้านหนึ่งคือเพราะการสร้างเรือด้วยตัวเองใช้เวลานานเกินไปมีเวลา ส่งคนไปยังอี๋โจว อวี้โจวซื้อเรือสินค้าขนาดใหญ่เอาพืชเกษตรที่ให้ผลผลิ
เขาเขียนสาส์นที่กราบทูลเรียบร้อยแล้ว คิดจะขอให้จักรพรรดิเหวินส่งสมาชิกทหารเรือและเรือรบมาให้เขาถึงเช่นไรต้าเฉียนก็ไม่ให้ความสำคัญกับทหารเรือ มาหาเขาที่นี่ ก็ยังสามารถแสดงความสามารถที่เป็นประโยชน์ได้แต่ว่า เขาไม่รู้ว่าจักรพรรดิเหวินจะใจกว้างเช่นนั้นหรือไม่ดังนั้น หากจางซูสามารถซื้อเรือรบของทหารเรือได้จะดีที่สุดแน่นอน นี่เป็นเพียงความคิดที่ใจกล้าเท่านั้น ไม่ได้บีบบังคับ“เรือรบเกรงว่าจะค่อยข้างยากกระมัง?”จางซูลูบคาง “พวกเราไปซื้อเรือรบของทหารเรือ ฝ่าบาทรู้ ต้องเฆี่ยนพวกเรา?”นั่นคือเรือรบเชียว!นี่ไม่ใช่สิ่งที่ใครคิดจะซื้อก็สามารถซื้อได้!“เฆี่ยนหรือไม่ ยังไม่ต้องสนใจ”หยุนเจิงยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ “ถึงเช่นไรทหารเรือต้าเฉียนพวกเราก็เป็นลูกเมียน้อย ไม่แน่มีคนกล้ารวบรวมเรือรบเป็นการส่วนตัวเล่า? หากมีโอกาส เจ้าสามาถบอกพวกเขา หากมีเรือรบของทหารเรือแล่นมายังซั่วเป่ยจริง ค่าจ้างทหารเพิ่มขึ้นสองเท่า ตั้งแต่ทหารราบจนถึงแม่ทัพ ล้วนมีรางวัลหนัก!”เมื่อได้ฟังคำของหยุนเจิง จางซูหน้าดำอึมครึมในทันทีองค์ชายช่างกล้าคิดเสียจริง!คิดจะเลื่อยเก้าอี้ตาแก่ของเขาหรือ?เขาไม่กลัวตาแก่ของเขาบุก
“ขาย...ขายตำแหน่งขุนนาง?”ภายในลานด้านหลัง เมื่อได้รู้ความคิดของหยุนเจิง ทุกคนต่างตกตะลึงเยี่ยจื่อมองหยุนเจิงด้วยความอึ้ง วิธีที่เขาบอกว่าได้เงินมาอย่างรวดเร็ว ก็คือขายตำแหน่งขุนนาง?ไม่ใช่...เหตุใดเขาคิดเช่นนี้!ถึงเช่นไรเขาก็เป็นซั่วเป่ยเจี๋ยตู้สื่อ!ซั่วเป่ยแห่งนี้เป็นถิ่นฐานของเขาเหตุใดเขาจึงคิดวิธีขายตำแหน่งประเภทนี้?อย่าว่าแต่ตอนนี้พวกเขาไม่ได้ยากจนถึงขั้นบ้าไปแล้ว ต่อให้ยากจน ก็ไม่อาจทำเรื่องเช่นนี้ได้!นี่เขาไม่ใช่ทำลายรากฐานกิจการของตัวเองหรือ?“มันเรื่องใหญ่เท่าใดกันเชียว!”หยุนเจิงหัวเราะเสียงดัง “ดูท่าทางของพวกเจ้าสิ!”“นี่เรียกเรื่องเล็กหรือ?” คิ้วของฮูหยินเสิ่นใกล้ขมวดรวมเข้าด้วยกันแล้ว “เจ้าเป็นถึงองค์ชายตำแหน่งซั่วเป่ยเจี๋ยตู้สื่อคิดขายตำแหน่งขุนนาง เจ้าคิดจะสร้างความวุ่นวายที่ซั่วเป่ยหรือ? ลูกเขต เจ้าเลอะเลือนเช่นนี้ไม่ได้นะ!”หลังจากฮูหยินเสิ่นเอ่ยปาก ทุกคนก็พากันเกลี่ยกล่อม“ท่านอ๋อง เรื่องนี้ทำไม่ได้จริงๆ!”“องค์ชาย เรื่องนี้ไม่ได้เด็ดขาด...”“องร์ชาย หากท่านขาดแคลนเงิน ข้าไปช่วยหาเงิน ข้าจางซูรู้ข้อเสียของการขายตำแหน่งขุนนาง องค์ชายไม่รู้ได้เช่น
หลังจากเล่นหูเล่นตากับเยี่ยจื่อแล้ว หยุนเจิงกล่าวต่อไป “หากเป็นคนของเจ้าสาม แล้วก็เป็นคนมีความสามารถ ก็ปล่อยให้เขาทำงานตามปกติ! หากคิดหาเรื่อง ก็ต้องได้รับความเชื่อใจจากข้าก่อนกระมัง? หากไม่มีความสามารถ ก็ทิ้งให้ไปดูแลชาวเป่ยหวน!”“นี่...”เยี่ยจื่อกล่าวสิ่งใดไม่ออกแต่คิดอย่างละเอียด นี่ก็มีเหตุผลถึงเช่นไร เป็นจางซูที่ขายตำแหน่งขุนนางหยุนเจิงล้วนถูกทำให้งมโข่ง คนที่คิดละโมบถูกพบตัวแล้ว ต่อให้หยุนเจิงสั่งประหารเขาหลังพบเข้า คนอื่นก็กล่าวหาสิ่งใดไม่ไดทิ้งไปขุดเหมือง ดีไม่ดียังได้รับนามว่าเป็นคนมีเมตตาอารีส่วนคนสอดแนมเหล่านั้น หากคิดจะได้รับความเชื่อใจจากหยุนเจิง ตอนเริ่มต้น ก็พยายามแสดงออกอย่างเต็มที่รอให้ใช้งานเสร็จ คนมีความสามารถที่เซ่วเป่ยต้องการก็ขุดขึ้นมาได้แล้ว คนเหล่านั้นสมควรถูกลงโทษก็ต้องถูกลงโทษหากเขาสามารถทำให้คนเหล่านั้นก่อกบฏ หยุนลี่ก็นับว่าจ่ายงานส่งขุนนางมาให้หยุนเจิงใช้แล้วเรื่องนี้ ขอแค่จัดการให้ดี เหมือนว่าเช่นไรแล้วก็จะไม่ขาดทุนจักรพรรดิในประวัติศาสตร์ ไม่ใช่ใช้ขุนนางชั่วเสร็จแล้วก็กำจัดทิ้งหรือ“หากเป็นเช่นนี้ ข้าก็ไม่มีสิ่งใดต้องกังวลแล้ว”ฮูหยิ
หญิงสาวนิ่งเงียบ ทำอย่างไรดี? นางเองก็อยากหาคนมาปรึกษา ว่าควรทำเช่นไรในสถานการณ์นี้ แต่เวลานี้… เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดสามารถให้คำตอบแก่นางได้ ไม่นึกเลยว่า… แผนการที่นางวางมาอย่างรอบคอบมายาวนาน กลับจะพังทลายลงในมือของหยุนลี่! เฮ้อ! นางทอดถอนใจยาวในใจ แต่ในดวงตากลับปรากฏประกายเย็นยะเยือก "ไม่ว่าอย่างไร… ฮั่วเหวินจิ้งต้องไม่มีชีวิตรอดไปถึงมือหยุนเจิง! หากไร้ซึ่งความกังวลเรื่องครอบครัว ฮั่วเหวินจิ้งจะต้องเปิดโปงเราทั้งหมดแน่!" นางรู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งกำลังกังวลสิ่งใด สิ่งที่ฮั่วเหวินจิ้งกังวลที่สุดในตอนนี้ คือความปลอดภัยของครอบครัว เขาจึงไม่กล้าเปิดโปงนางออกไป แต่หากครอบครัวของฮั่วเหวินจิ้งถูกส่งไปถึงมือหยุนเจิงอย่างปลอดภัย เช่นนั้น เขาย่อมไม่มีเหตุผลใดให้ปิดปากอีกต่อไป! ระหว่างหยุนลี่กับหยุนเจิง นางเกรงกลัวหยุนเจิงมากกว่า เพราะหยุนเจิงคือผู้กุมอำนาจกองทัพ… หากหยุนเจิงรู้ว่า ผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้คือตัวนางเอง เช่นนั้น… นางคงหนีไม่พ้นความตาย! ไม่ใช่แค่หยุนเจิง… แม้แต่หยุนลี่ หรือแม้กระทั่งองค์จักรพรรดิ… ก็คงไม่ปล่อยนางไปเช่นกัน! เมื่อได้ยินเช่
สองวันต่อมา หยุนลี่ได้รับจดหมายตอบกลับจากหยุนเจิง เมื่อมองเนื้อหาในจดหมาย หยุนลี่แทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง เขาถึงกับขยี้ตาหลายรอบ กลัวว่าตัวเองจะมองผิดไป ตกลงแล้ว! เจ้าหกสุนัขชั่วนั่นตอบตกลงจริงๆ! หยุนเจิงยอมจ่ายเงิน หนึ่งล้านสองแสนตำลึง พร้อมกับส่งตัวหยางหุยโจว เพื่อแลกกับอิสรภาพของฮั่วเหวินจิ้งและครอบครัวทั้งสิบสามชีวิต ท้ายจดหมาย หยุนเจิงยังกล่าวข่มขู่ หากครอบครัวฮั่วเหวินจิ้งมีอันเป็นไป อย่าได้โทษว่าเขาไม่ไว้หน้า! "ฮ่าๆๆ!" เมื่อแน่ใจว่าตัวเองไม่ได้อ่านผิดไป หยุนลี่ถึงกับหัวเราะลั่น หนึ่งล้านสองแสนตำลึง แม้จะยังไม่เทียบเท่ากับจำนวนเงินที่เขาเคยถูกหยุนเจิงโกงไป แต่หนึ่งล้านสองแสนตำลึงก็เป็นเงินจำนวนไม่น้อย สำหรับเขาแล้ว นี่มีความหมายไม่น้อยนี่เป็นครั้งแรกที่เขาสามารถหลอกเอาเงินจากหยุนเจิงได้! และครั้งแรกนี้ก็เล่นไปถึง หนึ่งล้านสองแสนตำลึง! จะไม่ให้เขาดีใจได้อย่างไร!? ปากของฮั่วเหวินจิ้งแข็งเกินไป หากฆ่าฮั่วเหวินจิ้งทิ้งเพียงเพราะความโกรธ ก็มีแต่เสียเปล่า แต่ถ้าใช้เขามารีดเงินจากเจ้าหกได้… ไม่ใช่ว่าเป็นประโยชน์กว่าหรือ!? คิดไม่ถึงว่า มันสำเร
เมื่อหยุนเจิงกล่าวจบ ก็เล่าถึงข้อสันนิษฐานของตนให้เสิ่นควานฟัง นอกจากเหตุผลนี้แล้ว เขาก็นึกไม่ออกถึงสาเหตุอื่นเลย หยุนลี่คงไม่ถึงกับยากจนขนาดจับใครมาเรียกค่าไถ่จากเขาโดยไม่มีเหตุผลหรอกใช่ไหม? หากมีสิ่งผิดปกติ ย่อมต้องมีเงื่อนงำซ่อนอยู่! เมื่อได้ฟังคำพูดของหยุนเจิง เสิ่นควานก็อดไม่ได้ที่จะครุ่นคิด ว่ากันตามตรง ข้อสันนิษฐานของฝ่าบาทก็มีความเป็นไปได้อยู่มาก ฝ่าบาทจับตัวคนของหยุนลี่ แล้วเรียกค่าไถ่ หยุนลี่ก็ทำตามแบบเดียวกัน จับตัวคนที่เขาคิดว่าเป็นสายของฝ่าบาท แล้วเรียกค่าไถ่บ้าง? หรือว่านี่จะเป็นการใช้วิธีของศัตรูมาตอบโต้ศัตรูแบบที่ฝ่าบาทเคยพูดสินะ? “กราบทูลฝ่าบาท แม่ทัพอวี่ชื่อจงส่งสาสน์เร่งด่วนมา!” ในขณะนั้นเอง กองทหารองครักษ์นายหนึ่งวิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อน พร้อมถือจดหมายฉบับหนึ่งไว้ในมือ สาสน์ด่วนจากอวี่ชื่อจง? หรือว่าเจ้าสามคิดลงมือแล้ว!? เจ้าสามคงไม่บ้าถึงขั้นเปิดศึกในเวลานี้หรอกกระมัง? “นำมานี่!” หยุนเจิงรีบให้เสิ่นควานรับจดหมายมา เมื่อได้รับจดหมายจากเสิ่นควาน หยุนเจิงก็เปิดอ่านอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อเห็นเนื้อหาในจดหมาย สีหน้าของเขากลั
อุทยานบุปผาหลวง หลังจากการประชุมเช้าเสร็จสิ้น จักรพรรดิเหวินรับสั่งให้คนไปแจ้งหยุนลี่ ให้มาเดินเล่นเป็นเพื่อน บิดาและบุตรก้าวเดินไปข้างหน้า ขณะที่มู่ชุ่นและขุนนางติดตามคนอื่นๆ จงใจเว้นระยะห่างออกไป "ฮั่วเหวินจิ้งยังไม่ยอมเปิดปากรึ?" จักรพรรดิเหวินทรงไขว้พระหัตถ์ไว้เบื้องหลัง ตรัสถามด้วยพระพักตร์เคร่งขรึม "ยังพ่ะย่ะค่ะ" หยุนลี่ส่ายศีรษะเบาๆ "ฮั่วเหวินจิ้งไม่กลัวทั้งไม้อ่อนและไม้แข็ง ยืนกรานไม่ยอมเปิดเผยรายชื่อพรรคพวก" จักรพรรดิเหวินตรัส "ในเมื่อฮั่วเหวินจิ้งไม่ยอมพูด เช่นนั้นก็เปลี่ยนวิธีเถิด!" เปลี่ยนวิธี? หยุนลี่มองจักรพรรดิเหวินด้วยความฉงน "เสด็จพ่อทรงมีแผนใด?" "แผนการวิเศษอะไรนั้นไม่มี มีแค่แผนโง่ๆ แผนหนึ่ง" จักรพรรดิเหวินแย้มสรวล "เจ้าหกไม่เคยเล่นงานเจ้ารึ? เช่นนั้นเจ้าก็เอาฮั่วเหวินจิ้งมาเล่นงานเขาบ้างสิ! ให้เขานำเงินมาไถ่ตัวฮั่วเหวินจิ้งและครอบครัวของเขา!" อืม? หยุนลี่ได้ฟังคำพูดของจักรพรรดิเหวินเช่นนั้น พลันเกิดประกายความคิด สามารถทำเช่นนี้ได้ด้วยรึ? "แผนนี้ของเสด็จพ่อแยบยลยิ่ง!" หยุนลี่รีบกล่าวคำเยินยอจักรพรรดิเวหิน ก่อนจะมีท่าทีล
"ข้าให้ความไว้วางใจเจ้าไม่น้อย แต่เจ้าเอาความภักดีไปให้สุนัขกินแล้วหรือ?" "ข้าทำผิดอะไรกับเจ้าหรือ?" ยิ่งพูดยิ่งโกรธ หยุนลี่กระทืบฮั่วเหวินจิ้งซ้ำอีกหลายครั้ง หากไม่ใช่เพราะต้องการเก็บชีวิตของมันไว้เพื่อรีดข้อมูล เขาคงสั่งให้จับมันไปประหารเจ็ดชั่วโคตรไปแล้ว! "แค่กๆ..." ฮั่วเหวินจิ้งถูกเตะซ้ำๆ จนกระอักเลือดออกมาเป็นสาย หยุนลี่พยายามข่มอารมณ์ไม่ให้เผลอฆ่ามันซะก่อน ตะคอกเสียงดัง "บอกมา! ยังมีพวกของเจ้ากี่คน!?" ฮั่วเหวินจิ้งนอนตัวสั่นอยู่บนพื้น แววตาเจ็บปวด "กระหม่อม...ไม่รู้จริงๆ... แค่กๆ..." กล่าวจบฮั่วเหวินจิ้งก็สำลักเลือดออกมาอีก "ไม่รู้? คิดว่าข้าเป็นคนโง่หรือไง!?" หยุนลี่มองฮั่วเหวินจิ้งด้วยสายตาเย็นชา "ข้ากำลังให้โอกาสเจ้า หากเจ้ายังไม่เห็นค่าของมัน ข้าไม่เพียงจะทำให้เจ้าอยู่ก็ไม่ได้ ตายก็ไม่ได้ แต่จะส่งคนไปสังหารทั้งตระกูลเจ้าให้สิ้นซาก!" น้ำเสียงของหยุนลี่เย็นเยียบดุจน้ำแข็ง เขาต้องรีดเอาข้อมูลออกมาให้ได้! ต้องรู้ให้แน่ชัดว่าข้างกายเขายังมีคนของเจ้าหกแฝงตัวอยู่อีกหรือไม่! "กระหม่อมไม่รู้จริงๆ!" ฮั่วเหวินจิ้งส่งเสียงคร่ำครวญ "ต่อให้ฝ่าบาทสั
ยามดึกสงัด ณ จวนองค์รัชทายาท แม้เวลาจะล่วงเข้าสู่เที่ยงคืนแล้ว แต่หยุนลี่ยังคงไม่ยอมนอน ฎีกาจากกรมกองต่างๆ ถูกส่งมารวมไว้ที่เขาทั้งหมด ปกติแล้วฎีกาเหล่านี้ก็มีไม่น้อยอยู่แล้ว แต่ช่วงนี้เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ปริมาณฎีกาเพิ่มขึ้นจากเดิมเกือบเท่าตัว ที่สำคัญ เนื้อหาในฎีกาส่วนใหญ่มีเพียงเรื่องเดียว ขอเงิน! แม้เขาจะหาทางแก้ปัญหาเรื่องเงินไปบางส่วนแล้ว แต่เงินในท้องพระคลังยังคงร่อยหรอ ไม่น่าแปลกใจที่เจ้าหกสุนัขชั่วนั่นคิดหาวิธีหลอกเอาเงินอยู่ตลอด! ขณะหยุนลีกำลังอ่านฎีกาชุดสุดท้าย ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นจากด้านนอก "ขอทูลองค์รัชทายาทฝ่าบาท ฮั่วเหวินจิ้งถูกจับกุมแล้วพ่ะย่ะค่ะ!" เมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของหยุนลี่ก็เปลี่ยนไปทันที ฮั่วเหวินจิ้ง! สารเลว! ที่แท้มันก็คือเขาจริงๆ ! "เข้ามา!" ประกายสังหารพุ่งวาบขึ้นในดวงตาของหยุนลี่ เขาแทบอยากฉีกทึ้งฮั่วเหวินจิ้งเป็นชิ้นๆ ยังดีที่เขาระแวดระวังไว้ก่อน ไม่เช่นนั้น ไม่รู้ว่าชายชั่วผู้นี้จะซ่อนตัวอยู่ข้างกายเขาอีกนานเท่าใด! สมควรตาย! ไม่นานนัก องครักษ์ผู้รายงานข่าวก็เดินเข้ามา "จับตัวได้เมื่อใด?
ณ ชั่วขณะนั้น หยุนลี่พลันเข้าใจถึงความยากลำบากของจักรพรรดิเหวิน เหล่าขุนนางในราชสำนักนั้น ทั้งต้องใช้งาน แต่ขณะเดียวกันก็ต้องไม่ปล่อยให้พวกเขามีอำนาจมากเกินไป จำเป็นต้องหาจุดสมดุลระหว่างการใช้งานกับการควบคุมพวกเขา ในราชสำนัก ย่อมไม่อาจปล่อยให้ขุนนางผู้ใดมีอำนาจล้นฟ้า แม้แต่ผู้ที่เขาไว้วางใจที่สุด! … ยามโพล้เพล้ ณ จวนฮั่ว "ฮั่วผิง นี่ก็ใกล้ถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว เจ้าจะออกไปไหน?" พ่อบ้านที่ประจำอยู่หน้าจวนฮั่วทักขึ้นเมื่อเห็นฮั่วผิงกำลังจูงม้าเทียมเกวียนออกจากจวน ฮั่วผิงตอบกลับ "ฟืนถ่านในจวนใกล้หมดแล้ว นายท่านสั่งให้ข้ารีบออกไปซื้อก่อนที่ฟ้าจะมืด" "เช่นนั้นเจ้าต้องรีบกลับมาให้ทันมื้อเย็นนะ ถ้าพลาดเวลาอาหารก็ต้องอดข้าวแล้ว" พ่อบ้านที่เฝ้าประตูเตือนขึ้น ฮั่วผิงยิ้มขื่นๆ พยักหน้ารับ ก่อนจะขับเกวียนออกไป ไม่นาน ฮั่วผิงก็มาถึงตลาดขายถ่านทางตอนใต้ของเมือง ขณะที่เขามาถึง ร้านค้าถ่านก็เตรียมจะปิดร้านกันแล้ว "พ่อค้า รอก่อน! ข้าจะซื้อถ่าน" ฮั่วผิงตะโกนเรียกพ่อค้าผู้กำลังจะปิดร้าน พ่อค้าหันมามอง ก่อนจะชะงักมือที่กำลังปิดประตูร้าน "พี่ฮั่ว ทำไมเจ้าถึง
แม้กู้ซิวจะคัดค้านอย่างหนัก แต่ก็ไม่อาจเปลี่ยนการตัดสินใจของหยุนลี่ได้ ท้ายที่สุด เรื่องนี้ก็ถูกกำหนดลงไป หยุนลี่ยังสั่งกำชับทั้งห้าว่าห้ามเผยแพร่เรื่องนี้ออกไป เมื่อทุกคนค่อยๆ ถอนตัวออกไป สวีสือฝู่กลับอ้างว่ามีเรื่องสำคัญต้องหารือกับหยุนลี่ และขออยู่ต่อ "ฝ่าบาท ท่านคิดจะทำอะไรกันแน่?" สวีสือฝู่ขมวดคิ้ว ถามหยุนลี่ด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม "ตกปลา!" หยุนลี่เผยรอยยิ้มลึกลับ ดวงตามีแววเจ้าเล่ห์และภาคภูมิใจอยู่ลึกๆ ความกังวลของกู้ซิวนั้นช่างเกินเหตุไป เขาคือองค์รัชทายาทผู้สำเร็จราชการในฐานะผู้แทนพระองค์ และเป็นจักรพรรดิในอนาคต! ย่อมเข้าใจผลกระทบของเรื่องนี้เป็นอย่างดี ไม่มีทางโง่เขลาถึงขั้นปล่อยเงินปลอมเข้าสู่ตลาดโดยตรง "ตกปลา?" แววตาของสวีสือฝู่ฉายแววเย็นเยียบ "ฝ่าบาททรงสงสัยว่ามีคนในพวกเราห้าคนนี้ไม่น่าไว้วางใจหรือ?" "ไม่ ไม่ใช่!" หยุนลี่รีบโบกมือ "ข้าย่อมเชื่อใจท่านลุงและพ่อตาแน่นอน! ข้าเพียงแต่สงสัยฮั่วเหวินจิ้งเท่านั้น…" กล่าวพลาง หยุนลี่ก็เล่าถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ที่ฮั่วเหวินจิ้งพยายามบ่ายเบี่ยงไม่เดินทางไปฟู่โจว เขาถึงขั้นสงสัยว่า ครั้งก่อนท
หากกองทัพเกิดความวุ่นวายขนานใหญ่ ต้าเฉียนก็จะเข้าสู่กลียุคในไม่ช้า"พวกเจ้าดูเถิด!" หยุนลี่ใบหน้ามืดครึ้ม หยิบจดหมายสองฉบับบนโต๊ะส่งให้ทั้งห้าคนดู ทั้งห้าคนไม่กล้าชักช้า รีบรุดเข้ามาอ่านเนื้อหาในจดหมาย "สามล้านตำลึงเงิน เสบียงอาหารสองแสนชั่ง ช่างต่อเรือหนึ่งพันคน เขาช่างกล้าขอจริงๆ…" "ก็ต้องให้สิ! ไม่ให้แล้วจะทำอย่างไร? นี่ล้วนเป็นสิ่งที่องค์รัชทายาทฝ่าบาทรับปากไว้ไม่ใช่หรือ?" "ต่อให้รับปากแล้ว ก็ยังสามารถถ่วงเวลาไปก่อนได้มิใช่หรือ?" "จะถ่วงเวลาอย่างไร? หากถ่วงไปอีก ก็จะเลยฤดูกาลเพาะพันธุ์มันเทศแล้ว!" "ค่าไถ่ตัวหยางหุยโจวก็ต้องจ่าย หากปล่อยให้หยุนเจิงประหารหยางหุยโจว เช่นนั้นจะกระทบต่อพระเกียรติยศของฝ่าบาท…" ยังไม่ทันที่หยุนลี่จะเอ่ยถาม ทั้งห้าก็ถกเถียงกันขึ้นมาเอง การถ่วงเวลาออกไป ย่อมเป็นผลดีต่อพวกเขา แต่ปัญหาก็คือ หยุนเจิงได้เตือนมาในจดหมายแล้ว หากยังไม่ส่งเงิน เสบียง และช่างต่อเรือไปยังฟู่โจว ฤดูกาลเพาะพันธุ์มันเทศก็จะผ่านพ้นไป และหากต้องการมันเทศอีก ก็ต้องรอจนถึงปีหน้า ขณะที่ทั้งห้าคนยังวิตกกังวล หยุนลี่กลับเผยรอยยิ้มออกมา "ต้องให้แน่นอน! มันเทศต้