กระทั่งกลับถึงจวนอ๋อง เจียเหยาล้วนไม่ได้กล่าวสิ่งใดสักประโยคไม่มีใครรู้เจียเหยากำลังคิดสิ่งใดแต่ทุกคนต่างรู้ เจียเหยาตกใจกระทบกระเทือนเพราะเรื่องวันนี้แล้วพวกเขา ไหนเลยจะไม่ตกใจกระทบกระเทือนเล่า?เมื่อเห็นเจียเหยาถูกส่งตัวกลับไปกักบริเวณที่เรือนเล็กของนาง ผู้หญิงทุกคนอดไม่ได้ที่จะคร่ำครวญหยุนเจิงไม่คิดมากมายต่อแล้ว จากนั้นก็เรียกพวกเยี่ยจื่อมาเยี่ยจื่อเลือกคนมีความสามารถมาจากทุกเมือง เป็นองครักษ์ที่ปรึกษาของจวนอ๋อง ช่วยนางจัดการเรื่องทางการเมืองเวลาส่วนใหญ่ที่หยุนเจิงออกไปทำสงครามข้างนอก คนภายในนี้ นอกจากสองคนก่อนหน้านี้ที่ช่วยเจียเหยาจัดการเรื่องเบ็ดเตล็ดภายในจวนอ๋องแล้ว หลายคนเขาล้วนไม่รู้จัก เยี่ยจื่อแนะนำให้หยุนเจิงรู้จักทีละคนหยุนเจิงคิดว่า ด้วยสถานการณ์ตรงหน้า ดูเหมือนจะมีรูปแบบสำนักปกครองภายในแล้วต่อไป ก็สามารถทำตามวิธีนี้ได้แต่ว่า ต้องหาคนที่มีความสามารถจัดตั้งสำนักปกครองภายในอย่างเป็นทางการไม่แน่ อาจให้เยี่ยจื่อเป็นผู้ช่วยปกครองหญิงภายในสำนักก็ได้มีสิ่งนี้ รอให้มีเงินทองในมือเหลือเฟือแล้ว จำเป็นต้องสร้างศาลาว่าการอย่างเป็นทางการก่อนหน้านี้เป็นเพราะค่าใ
สมุดบัญชีหยุนเจิงเพียงกวาดตามองคร่าวๆ ก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมาแล้วคลังทั้งซั่วเป่ย แทบไม่ต้องนับเลยคลังส่วนตัวของหยุนเจิง เหลือเพียงหนึ่งล้านกว่าตำลึงเงินเท่านั้นเนื่องจากจางซูช่วยหาเงินให้พวกเขาอยู่ตลอดเงินที่เขานำมาจากเมืองจักรพรรดิ ใช้จ่ายหมดได้นานแล้ว!อีกทั้ง นี่ยังไม่นับรวมเงินชดเชยบำนาญของทหารเสียชีวิตในสนามรบครั้งนี้และเงินรางวัลชองคนที่มีผลงานหากนับรวมเหล่านั้นเข้าไปด้วย หนึ่งล้านตำลึงเงินของเขา ไม่มีทางเพียงพอเด็ดขาดดูสมุดบัญชีตรงหน้า หยุนเจิงแทบทนไม่ไหวอยากส่งคนของนักรบภูตสิบแปดเขาไปปล้นเศรษฐีภายในด่านแล้วมารดาเขาสิ!เงินนี้แม้จะดูเยอะ แต่ใช้จ่ายขึ้นมา กลับไม่เพียงพอใช้จ่าย“เอาล่ะ พวกเจ้าออกไปทำงานก่อนเถอะ!”หยุนเจิงนวดขมับ จากนั้นก็ลุกขึ้นดึงมือเยี่ยจื่อ “ไปเดินเล่นกับข้าเถอะ!”เยี่ยจื่อยกมุมปากหัวเราะ เดินไปสวนดอกไม้ของจวนอ๋องกับหยุนเจิง“เริ่มกลุ้มใจเรื่องเงินแล้ว?”เยี่ยจื่อยิ้มถามหยุนเจิง“กลุ้มใจนิดหน่อย แต่ก็ยังดีหน่อย”หยุนเจิงส่ายหน้าหัวเราะ จากนั้นก็บอกความคิดของเขาที่จะสร้างสำนักปกครองภายในและให้เยี่ยจื่อเป็นผู้ช่วยดูแลสำนักปกครองภายในกับนาง
คนสอดแนม?หยุนเจิงผิดปกติเล็กน้อยการเคลื่อนไหวของเจ้าสามเร็วนัก!ส่งคนสอดแนมมาเร็วเพียงนี้แล้ว?ระหว่างขบคิด หยุนเจิงถามอีกครั้ง “มีแค่คนสอดแนมคนเดียวหรือ?”“ไม่เท่านั้น”เยี่ยจื่อส่ายหน้า “คนผู้นั้นมีพวกหลายคน แต่พวกเขาทั้งหมดถูกจับและสังหารพร้อมกัน”“เรื่องนี้ค่อนข้างหน้าเสียดาย!” หยุนเจิงแอบเสียงดาย “ต่อไปหากมีคนสอดแนม อย่าสังหารเด็ดขาด! ส่งไปขุดเหมืองถ่านเลนหรือทำเหมืองแร่ก็ได้ พวกเรามีที่ให้ใช้แรงงานมากมาย!”คนสอดแนม ก็มีประโยชน์ของคนสอดแนมไม่ใช่หรือ?เช่นไรก็เป็นคน ขอแค่มีชีวิต ก็สามารถสร้างคุณค่าได้ไม่มากก็น้อยเยี่ยจื่อเมื่อได้ฟัง พลันหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ “เจ้าเป็นห่านป่าที่ถูกถอนขนแล้ว!”“ถอนขน?”หยุนเจิงหัวเราะอย่างไม่เห็นด้วย “ข้ายังอยากถอน...”กล่าวถึงตรงนี้ หยุนเจิงหยุดชะงักกะทันหัน ในสมองหมุนแล่นอย่างรวดเร็ว“เกิดเรื่องใดแล้ว?”เยี่ยจื่อไม่เข้าใจขณะนั้นเอง หยุนเจิงจับใบหน้าเยี่ยจื่อเอาไว้ภายใต้สายตาเขินอายของเยี่ยจื่อ เขาจูบริมฝีปากนางอย่างรุนแรง“ทำสิ่งใดน่ะ?”การกระทำของหยุนเจิงทำให้เยี่ยจื่ออายอย่างมากหยุนเจิงกระพริบตาปริบๆ จากนั้นก็ยิ้มร้
สถานการณ์ตรงหน้า นับว่าเป็นจุดจบที่ชนะทั้งสองฝ่าย!“คิดเช่นเดียวกันกับข้า”เจียเหยายิ้มถากถาง จากนั้นก็กล่าวถาม “ยี่สิบปีต่อไป เป่ยหวนจะยังคงอยู่หรือไม่?”“ไม่รู้”หยุนเจิงส่ายหน้าเบาๆ “เรื่องยี่สิบปีถัดไป ใครจะบอกได้อย่างชัดเจน! บางที ยี่สิบปีต่อไป แม้แต่ต้าเฉียนก็ล้วนไม่อยู่แล้ว นับประสาสิ่งใดกับเป่ยหวน? แต่ว่า เป่ยหวนไม่จำเป็นต้องคงอยู่ แต่ชาวเป่ยหวนคงอยู่ก็พอแล้ว”เขาสามารถจิตนาการได้ว่าโลกในยี่สิบปีให้หลังเป็นเช่นไรแต่เขาไม่สามารถให้ทุกสิ่งทุกอย่างดำเนินไปตามที่เขาจินตนาการได้อย่างอื่นไม่ต้องกล่าวถึง แค่ดินปืนอย่างเดียวก็สามารถทำให้จบเห่ได้แล้วเขาทำดินปืนออกมาได้นานแล้ว แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังหาเหมืองดินประสิวไม่พบเรื่องราวมากมาย ล้วนไม่สามารถดำเนินไปตามที่เขาคาดการณ์ได้เขาสามารถลองไปเปลี่ยนโลกใบนี้ได้ แต่ไม่ใช่โค่นล้มโลกใบนี้ช่วงวิถีแห่งประวัติศาสตร์ สามารถไปขับเคลื่อนได้ แต่ต้องค่อยเป็นค่อยไปทีละก้าวหวังหมั่งผู้นี้ถูกสงสัยอย่างหนักว่าเป็นนักเดินทางข้ามเวลามา นี่เป็นกรณีตัวอย่างที่ดีที่สุด“ใช่หรือ?”เจียเหยาครุ่นคิดชั่วครู่ จากนั้นก็ถาม “หลังต่อสู้กับเป่ยหวนจบแล
สภาพลำบากยากแค้นของเป่ยหวน นางเคยได้ยินอาจารย์ปานปู้กล่าวมานานหลายปีแล้วเป่ยหวนแม้จะทำการเพาะปลูก แต่ที่ดินของเป่ยหวนและสภาพอากาศเป็นตัวตัดสิน พืชเกษตรมากมายไม่อาจเพาะปลูกได้ชาวเป่ยหวนไม่ใช่ไม่ชอบบริโภคข้าวเปลือกหรืออาหารประเทภเส้นแต่เป็นเพราะเป่ยหวนมีพื้นที่เหมาะกับการเพาะปลูกข้าวเปลือกและข้าวสาลีไม่มากผลผลิตของข้าวสาลีหยวนก็น้อยจนน่าสงสารดังนั้น เป่ยหวนมักไม่สามารถทนต่อภัยพิบัติทางธรรมชาติได้เมื่อเกิดโรคระบาดทำให้ปศุสัตว์ล้มตายเป็นจำนวนมาก เป่ยหวนจำเป็นต้องใช้เวลานานจึงสามารถพื้นฟูพลังหยวนได้เพราะข้อจำกัดเหล่านี้ ทำให้เป่ยหวนมีพื้นที่กว้างขวางแต่ประชากรบางตานับดูแล้ว ดินแดนของเป่ยหวนกว้างขวางกว่าต้าเฉียนมากหากประชากรทุกคนของเป่ยหวนล้วนสามารถกินอิ่ม ทุกครัวเรือนทำงานและอยู่อาศัยกันอย่างมีความสุข ประชากรของเป่ยหวนคงยกระดับไปนานแล้ว“เอาล่ะ อย่าเอาแต่คิดถึงมันเทศดินเลย”หยุนเจิงกล่าวอย่างจนใจ “มีของที่ดีกว่ามันเทศดินเยอะแยะไป! ข้าก็ว่าพวกเจ้านี่จริงๆ เลย ที่ดินมากมายเพียงนี้ เลี้ยงสัตว์ประเภทเป็ดเลี้ยงไก่หน่อยไม่ดีหรือ? หากพวกเจ้ามีเป็ดไก่จำนวนหลายหมื่นตัว พวกตั๊กแตน
นิ่งเงียบอยู่ชั่วครู่ เจียเหยาจึงกล่าวกับหยุนเจิง “ผู้เฒ่าผู้นั้นมาจากแคว้นที่เชื่อว่าลาถูย่า เป็นแคว้นที่อยู่ห่างไกลจากพวกเรามาก พวกเขาเพื่อสร้างเรือที่สามารถแล่นเดินทางไกลนั้น ก็ใช้เวลาสิบปีเต็มๆ...”ต่อมา เจียเหยาก็เล่ารายละเอียดของแคว้นที่ผู้เฒ่าผู้นั้นอาศัยอยู่ให้หยุนเจิงฟังจากการบรรยายของชายชราผู้นั้น ลาถูย่าน่าจะไม่ได้อุดมสมบูรณ์ไปมากกวาแคว้นต้าเฉียน ผลผลิตก็ไม่อาจเทียบต้าเฉียนได้แต่ว่า ชาวลาถูย่ามีจิตวิญญาณแห่งการผจญภัยพวกเขาได้สำรวจโลกที่ปลายมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ก่อนหน้าผู้เฒ่าผู้นั้น ก็มีคนเริ่มทำเรื่องนี้แล้วแต่คนเหล่านั้นออกเดินทางไปตั้งหลายปีก็ไม่ได้กลับไป น่าจะถูกฝังไว้ในมหาสมุทรกว้างใหญ่แล้วตามที่ผู้เฒ่าผู้นั้นกล่าว พวกเขาเดินสมุทรมาตั้งนานหลายปี ไปยังสถานที่ที่เจียเหยาไม่เคยได้ยินมาก่อนมากมายผู้เฒ่ากล่าวว่า โลกใบนี้กว้างใหญ่มากแต่กว้างใหญ่เพียงใด ผู้เฒ่าเองก็กล่าวไม่ชัดเจนเพราะว่า เขาก็ยังไม่ได้ไปถึงยังทุกมุมของโลกใบนี้กล่าวจบเรื่องเหล่านี้ เจียเหยาเตือนด้วยความจริงใจ “ถ้าหากเจ้าต้องการส่งคนออกทะเลไปตามหาลาถูย่า ข้าแนะนำเจ้าทางที่ต้องสร้างเรือขนาดยัก
หลังจากสนทนามากมายกับเจียเหยา หยุนเจิงตัดสินใจแล้วชีวิตของเจียเหยา เขาไม่ต้องการชั่วคราวข้อดีที่ใหญ่ที่สุดของเจียเหยาคือสายตาของนางกว้างไกลกว่าชาวเป่ยหวนคนอื่น อีกทั้ง ภายในใจนางมีชาวเป่ยหวนอยู่ ไม่เอาชีวิตของชาวเป่ยหวนมาเป็นเบี้ยล่างขอแค่นางไม่ทำสิ่งใดแผลงๆ ผลประโยชน์ที่เป่ยหวนนำมาให้ต้าเฉียนจะมีมากขึ้นหากนางทำสิ่งใดแผลงๆ เช่นนั้นเขาก็คงต้องใช้วิธีเด็ดขาดรุ่นแรงเหล่านั้นแล้วแม้เรื่องของเจียเหยาจัดการได้แล้ว แต่ชีวิตเคล้าสุรานารีในจินตนาการของหยุนเจิงยังไม่มาถึงต่อให้มีพวกเยี่ยจื่อคอยช่วยจัดการดูแลการปกครอง แต่ทุกวันก็มีเรื่องราวทุกรูปแบบมาหาเขา เรื่องราวมากมาย ล้วนต้องให้เขาตัดสินใจ ทำเอาหยุนเจิงมีความคิดอยากส่งคนไปลักพาตัวคนที่เมืองจักรพรรดิมาใช้งานที่ซั่วเป่ยแล้วเรื่องออกทะเล หยุนเจิงยังคิดไม่ตกแต่ว่า ก่อนออกทะเล ต้องสร้างท่าเรือก่อนส่วนเรื่องเรือ ตอนนี้หยุนเจิงยังไม่คิดจะสร้างเอง ด้านหนึ่งเพราะซั่วเป่ยมีช่างฝีมือสร้างเรือน้อยมาก อีกด้านหนึ่งคือเพราะการสร้างเรือด้วยตัวเองใช้เวลานานเกินไปมีเวลา ส่งคนไปยังอี๋โจว อวี้โจวซื้อเรือสินค้าขนาดใหญ่เอาพืชเกษตรที่ให้ผลผลิ
เขาเขียนสาส์นที่กราบทูลเรียบร้อยแล้ว คิดจะขอให้จักรพรรดิเหวินส่งสมาชิกทหารเรือและเรือรบมาให้เขาถึงเช่นไรต้าเฉียนก็ไม่ให้ความสำคัญกับทหารเรือ มาหาเขาที่นี่ ก็ยังสามารถแสดงความสามารถที่เป็นประโยชน์ได้แต่ว่า เขาไม่รู้ว่าจักรพรรดิเหวินจะใจกว้างเช่นนั้นหรือไม่ดังนั้น หากจางซูสามารถซื้อเรือรบของทหารเรือได้จะดีที่สุดแน่นอน นี่เป็นเพียงความคิดที่ใจกล้าเท่านั้น ไม่ได้บีบบังคับ“เรือรบเกรงว่าจะค่อยข้างยากกระมัง?”จางซูลูบคาง “พวกเราไปซื้อเรือรบของทหารเรือ ฝ่าบาทรู้ ต้องเฆี่ยนพวกเรา?”นั่นคือเรือรบเชียว!นี่ไม่ใช่สิ่งที่ใครคิดจะซื้อก็สามารถซื้อได้!“เฆี่ยนหรือไม่ ยังไม่ต้องสนใจ”หยุนเจิงยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ “ถึงเช่นไรทหารเรือต้าเฉียนพวกเราก็เป็นลูกเมียน้อย ไม่แน่มีคนกล้ารวบรวมเรือรบเป็นการส่วนตัวเล่า? หากมีโอกาส เจ้าสามาถบอกพวกเขา หากมีเรือรบของทหารเรือแล่นมายังซั่วเป่ยจริง ค่าจ้างทหารเพิ่มขึ้นสองเท่า ตั้งแต่ทหารราบจนถึงแม่ทัพ ล้วนมีรางวัลหนัก!”เมื่อได้ฟังคำของหยุนเจิง จางซูหน้าดำอึมครึมในทันทีองค์ชายช่างกล้าคิดเสียจริง!คิดจะเลื่อยเก้าอี้ตาแก่ของเขาหรือ?เขาไม่กลัวตาแก่ของเขาบุก
“ลูก…ลูกสาวเพคะ”หมอตำแยที่ตกใจกับท่าทางของหยุนเจิงก่อนหน้านี้ เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ“ลูกสาวดี! ลูกสาวดี!”หยุนเจิงพึมพำกับตัวเอง ก่อนก้มลงมองเด็กน้อยที่ยังคงร้องไห้เสียงดังไม่เหมือนหยุนชางเลย เด็กหญิงตัวน้อยคนนี้เกิดมาโดยแทบไม่มีริ้วรอยบนผิวเลย เพียงแค่ตัวแดงระเรื่อเท่านั้น“เจ้าตัวน้อย เจ้านี่เกือบทำให้แม่ของเจ้าสิ้นชีวิตเลยนะ…”เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ หัวใจของหยุนเจิงยังคงสั่นไหวเขาไม่อาจจินตนาการได้เลยว่า หากเขาสูญเสียเยี่ยจื่อไป เขาจะต้องเจ็บปวดเพียงใดโชคดีที่มันเป็นเพียงความหวาดกลัวลวงตา!“อุแว๊ๆ…”เด็กน้อยยังคงร้องไห้ และดูเหมือนเสียงของนางจะแจ่มชัดขึ้นเรื่อยๆหยุนเจิงลูบแผ่วเบาบนผ้าห่อตัวของนาง ก่อนหันไปมองหมอตำแยทั้งสามที่ยังยืนไม่มั่นใจ “ให้รางวัล! ให้รางวัลทุกคน! คนละห้าร้อยตำลึง!”ห้าร้อยตำลึง!?หมอตำแยทั้งสามแทบไม่เชื่อหูตัวเองท่านอ๋องผู้นี้ ช่างใจกว้างนัก!แค่เอ่ยปาก ก็แจกเงินรางวัลมากมายถึงเพียงนี้!“เอาล่ะ พวกเจ้าทำความสะอาดให้เรียบร้อยเถิด”หยุนเจิงเรียกสติหมอตำแย “เสร็จแล้วก็ไปรับรางวัลได้เลย”หยุนเจิงกล่าวจบ ก็กอดลูกสาวไปนั่งลงที่
“อ๊าก…”เสียงกรีดร้องของเยี่ยจื่อสะท้อนก้องอยู่ในหูของหยุนเจิง ราวกับสามารถฉีกหัวใจของเขาออกเป็นเสี่ยงๆ“พอแล้ว! อย่าคลอดแล้ว! ข้าไม่ต้องการลูกแล้ว! ข้าต้องการแค่เจ้า!”หยุนเจิงน้ำตาคลอเบ้า ส่ายศีรษะไปมาอย่างร้อนรน ก่อนจะหันไปตะโกนลั่นใส่หมอตำแยข้างๆ “ช่วยนางไว้! อย่าไปสนใจเด็ก!”เขากลัว!เขากลัวจริงๆ!แม้ว่าเขาจะไม่ใช่หมอ แต่เขาก็รู้ดีว่า หากพลาดแม้แต่นิดเดียว นางอาจตกเลือดหนักได้แม้แต่ในยุคปัจจุบัน การตกเลือดมากก็ยังยากที่จะรักษา แล้วนี่เป็นยุคโบราณ“ออกมาแล้ว! ออกมาแล้ว!”ขณะนั้นเอง หมอตำแยก็ร้องขึ้นด้วยเสียงตื่นเต้น“อุแว๊…”เสียงร้องแหลมใสของทารกดังขึ้นภายในห้องคลอด แต่ในขณะเดียวกัน เสียงของเยี่ยจื่อกลับเงียบลงอย่างกะทันหัน!หมอตำแยคนหนึ่งรีบเช็ดเลือดที่เปรอะเปื้อนตัวทารก ขณะที่อีกคนเตรียมห่อทารกในผ้าห่ม และหันไปแสดงความยินดีกับหยุนเจิง “ขอแสดงความยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง เด็กน้อยเป็น…”“ช่างลูกก่อน! ดูจื่อเอ๋อร์ก่อนว่านางเป็นอย่างไรบ้าง!”หยุนเจิงตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยโทสะและความหวาดหวั่น มือของเขาที่กุมมือเยี่ยจื่อไว้สั่นเทาอย่างรุนแรงตอน
เสียงร้องของเยี่ยจื่อ ทำให้หัวใจของหยุนเจิงบีบรัดตามไปด้วย“จื่อเอ๋อร์! ข้ากลับมาแล้ว!”หยุนเจิงไม่สนใจพูดคุยกับเสิ่นลั่วเยี่ยนและคนอื่นๆ เขารีบพุ่งไปที่ประตู แล้วตะโกนเข้าไปข้างใน“สามี!”เสียงร้องเจ็บปวดของเยี่ยจื่อดังขึ้นอีกครั้งแม้หยุนเจิงจะมองไม่เห็นสถานการณ์ภายในห้อง แต่เขาก็นึกภาพออกว่าเยี่ยจื่อต้องเจ็บปวดเพียงใดหากเป็นไปได้ เขาอยากจะแบ่งเบาความเจ็บปวดของนาง“จื่อเอ๋อร์ อย่ากลัว! สามีอยู่ที่นี่กับเจ้า!”หยุนเจิงกล่าวปลอบ แล้วรีบหันไปถามเสิ่นลั่วเยี่ยน “จื่อเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง?”เสิ่นลั่วเยี่ยนที่ดวงตาแดงก่ำ แอบมองไปทางประตูห้อง ก่อนจะตอบเสียงแผ่วเบา “หมอตำแยบอกว่า ตำแหน่งของทารกไม่ค่อยปกติ อาจคลอดได้ยาก เมี่ยวอินก็กำลังช่วยอยู่ เราเองก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ยืนร้อนใจอยู่ข้างนอก……”ตำแหน่งทารกผิดปกติ!เมื่อได้ยินคำนี้ หัวใจของหยุนเจิงพลันเต้นรัวขึ้นมาทันที เขาหันขวับไปมองฮูหยินเสิ่นและเว่ยซวงที่ยืนอยู่ใกล้ๆพบว่าทั้งสองต่างมีดวงตาแดงก่ำ ใบหน้าหม่นหมอง เห็นได้ชัดว่ากระวนกระวายใจไม่น้อยหยุนเจิงเข้าใจทันทีว่า เสิ่นลั่วเยี่ยนคงไม่อยากให้เขากังวลเกินไป จึงบอกเพียงว่าคลอ
ไม่กี่วันต่อมา ขณะที่หยุนเจิงอยู่ที่จิงหยางฝู่ เขาได้รับข่าวสารฮั่วเหวินจิ้งตายแล้ว!ไม่ได้ถูกฆ่าปิดปาก แต่ตายเพราะป่วย!หยุนเจิงคาดว่า ฮั่วเหวินจิ้งคงเสียชีวิตเพราะบาดแผลติดเชื้อเมื่อได้รับข่าวนี้ หยุนเจิงแทบอยากจะด่าหยุนลี่ว่าโง่เง่าเป็นหมูเสียจริงทำไมเขาถึงไม่ใช้วิธีทรมานก่อน แล้วค่อยให้หมอรักษาไว้ล่ะ?อีกแค่ก้าวเดียว เขากำลังจะสาวไปถึงตัวการเบื้องหลังได้อยู่แล้วแท้ๆ แต่ฮั่วเหวินจิ้งกลับมาตายเสียก่อนมันเหมือนกับฟ้ากำลังเล่นตลกกับเขา!สิ่งเดียวที่พอทำให้โล่งใจได้บ้างคือ อีกาดำและอีกาขาวต่างได้รับความเสียหายหนัก คนของเขาที่แทรกซึมอยู่ในอีกาดำ น่าจะสามารถก้าวขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งได้หากสามารถทำให้คนของเขากลายเป็นหัวหน้าของอีกาดำได้ ก็คงดี!แต่ไม่รู้ว่าเงาสอง ที่ร่วมเดินทางไปเมืองหลวงเพื่อฆ่าปิดปาก ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ขอให้รอดปลอดภัยเถอะ!หยุนเจิงถอนหายใจเงียบๆ ก่อนลุกขึ้นยืนในเมื่อฮั่วเหวินจิ้งตายไปแล้ว เขาก็ไม่ต้องรอสอบสวนอะไรอีกเรื่องที่เหลือ ก็ปล่อยให้ทัวฮวนจัดการไปก็แล้วกัน!“ส่งคำสั่งถึงอวี่ซื่อจง ให้เหลือทหารห้าพันนายประจำการอยู่ที่นี่ ภายใต้การบัญชาของรองแม่ท
“ลูกเข้าใจพ่ะย่ะค่ะ!”หยุนลี่รีบรับคำสั่ง“จำไว้! ฮั่วเหวินจิ้งถูกนักฆ่าสังหาร ไม่ใช่ตายเพราะป่วย!”จักรพรรดิเหวินกล่าวเตือนหยุนลี่ด้วยใบหน้าเย็นชา ก่อนเสด็จออกจากจวนองค์รัชทายาทแม้จะนั่งอยู่ในเกี้ยวแล้ว แต่เพลิงโทสะของจักรพรรดิเหวินยังคงลุกโชนไม่มอดอย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความโกรธเกรี้ยวในพระทัย ก็ยังมีความรู้สึกซับซ้อนบางอย่างซ่อนอยู่เขารู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งไม่ใช่คนของหยุนเจิงหากสามารถเค้นเอาความจริงจากฮั่วเหวินจิ้งได้ จนรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง บางทีพระองค์เองอาจไม่รู้ว่าควรจัดการอย่างไรหากเป็นพระโอรสองค์ใดองค์หนึ่ง หรือแม้แต่นางสนมคนใดคนหนึ่งของพระองค์ พระองค์จะต้องลงพระอาญาสังหารพวกเขาด้วยพระองค์เองอย่างนั้นหรือ?หากเรื่องนี้ทำให้คนที่รอดพ้นจากเคราะห์ครั้งนี้ได้สำนึกและเลิกล้มความคิดที่จะก่อความวุ่นวาย นั่นก็คงเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับตัวการเบื้องหลังของฮั่วเหวินจิ้ง จักรพรรดิเหวินเองก็พอมีข้อสันนิษฐานอยู่ในพระทัยแต่เป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐาน พระองค์ยังไม่สามารถสรุปได้แน่ชัดยิ่งไปกว่านั้น คนที่พระองค์สงสัยมีอยู่หลายคน ทำให้ไม่อาจฟันธงได้ว่าเป็นผู้ใดกันแน่ดูเหมือ
ภายในพระราชวัง จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังตรวจสอบข่าวเร่งด่วนจากเมืองฝูโจวอย่างไรก็ตาม ทั้งสองเพียงกวาดตามองก็ขว้างเอกสารฉบับนั้นทิ้งด้วยความโกรธอย่าว่าแต่หยุนลี่เลย แม้แต่จักรพรรดิเหวินก็อดด่าหยุนเจิงในใจไม่ได้ลูกอกตัญญูผู้นี้ ชักจะเหลวไหลขึ้นทุกวันเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็กล้าใช้ชื่อข่าวเร่งด่วนทางทหารส่งมาถึงเมืองหลวงนี่เป็นครั้งที่สองแล้ว!ข่าวเร่งด่วนทางทหารถูกเขาใช้เป็นของเล่นไปแล้ว!คราวหน้า ถ้าเจอตัวเจ้าเด็กเหลือขอนั่น ข้าจะเตะมันให้กระอักสองทีแน่!“กราบทูลฝ่าบาท องค์รัชทายาทฝ่าบาท กองกำลังของกระหม่อมถูกลอบโจมตีโดยนักฆ่าที่ถนนเป่ยเจีย……”ขณะที่จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังเดือดดาลกับหยุนเจิง เฉียวเหยียนเซียนก็ส่งคนมาแจ้งข่าวนักฆ่าหลายสิบคนที่ร่วมมือกันสังหารฮั่วเหวินจิ้งและครอบครัว ถูกสังหารหรือถูกจับกุมเป็นส่วนใหญ่มีเพียงไม่กี่คนที่ฉวยโอกาสความชุลมุนหลบหนีไปได้ครั้งนี้ การวางแผนของพวกเขารัดกุมยิ่งนักหากไม่ใช่เพราะพลส่งสารข่าวเร่งด่วนโผล่มาขัดจังหวะ คงไม่มีทางที่นักฆ่าจะรอดไปได้เลยนอกจากนี้ พวกเขายังพบหน้าไม้ทรงอานุภาพจำนวนมากในที่เกิดเหตุเมื่อรายงานมาถ
ขณะที่เฉียวเหยียนเซียนนำกำลังคุมตัวนักโทษผ่านถนนเป่ยเจีย หน้าต่างบนหอคอยของอาคารสองหลังที่อยู่สองฟากถนนค่อยๆ เปิดออกเล็กน้อยหน้าไม้จำนวนมากถูกเล็งออกมาจากช่องหน้าต่างโดยไร้เสียง เพียงแค่รอให้กรงนักโทษเข้าสู่ระยะยิง พวกเขาก็จะลงมือทันทีขบวนคุ้มกันเข้าใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ เงาสองก็เตรียมพร้อมเช่นกันเขาไม่รู้ว่าฮั่วเหวินจิ้งมีความสำคัญต่อหยุนเจิงเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากอีกาดำมากขึ้น เขาจำเป็นต้องร่วมมือสังหารเหล่านักโทษเหล่านี้แต่เขาก็รู้ดีว่า หากลงมือแล้ว การจะหลบหนีออกจากเมืองหลวงไม่ใช่เรื่องง่ายแต่เขาต้องรอด!ส่วนหนึ่งเพราะเขาไม่ต้องการตาย อีกส่วนหนึ่งก็เพราะ หากเขารอด เขาจะมีโอกาสพบกับผู้ที่คอยสนับสนุนการหลบหนีของพวกเขาและบุคคลนี้ อาจเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดโปงผู้อยู่เบื้องหลังตัวจริง!เงาสองครุ่นคิดเงียบๆ พร้อมเหลือบมองหน้าไม้ในมือพวกเขาปลอมตัวเป็นพ่อค้าเพื่อแฝงตัวเข้าเมืองหลวง ย่อมไม่สามารถพกพาอาวุธเหล่านี้มาเองได้หน้าไม้เหล่านี้ถูกเตรียมไว้ล่วงหน้า ถูกซุกซ่อนไว้ที่เนินเขาเหมียวเอ่อร์ซานสิ่งเหล่านี้เป็นอาวุธของกองทัพ!แม้ทางราชสำนักจะควบคุมอาวุธประเภทนี
“ฝ่าบาท เงาสามแจ้งข่าวด่วน!”จิงหยางฟู่ เสิ่นควานถือจดหมายฉบับหนึ่ง รีบรุดเข้ามาด้วยท่าทีเร่งรีบเงาสาม?นี่เป็นหนึ่งในคนที่สามารถแทรกซึมเข้าไปในอีกาดำได้สำเร็จเงาสามส่งข่าวด่วนมา ดูท่าแล้ว อีกาดำคงจะลงมือแล้วแน่หากไม่มีอะไรผิดพลาด อีกาดำน่าจะต้องการสังหารฮั่วเหวินจิ้งเพื่อกำจัดภัยร้ายอย่างสิ้นซาก!หยุนเจิงครุ่นคิดไปพลาง รับจดหมายจากเสิ่นควานและเปิดออกดูเมื่อเห็นเนื้อหาในจดหมาย หยุนเจิงก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวข่าวที่เงาสามส่งมา ตรงกับที่เขาคาดการณ์ไว้ไม่มีผิดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวนำทัพมาด้วยตนเอง ต้องการฆ่าฮั่วเหวินจิ้งให้ได้!แม้แต่เงาสองก็ถูกเลือกให้เข้าร่วมภารกิจลอบสังหารครั้งนี้ตอนนี้ พวกเขาได้รับเพียงคำสั่งให้เตรียมพร้อม แต่ยังไม่รู้เวลาและสถานที่ลงมือที่แน่ชัดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวตั้งใจปกปิดข้อมูล ไม่ให้ผู้ใดซักถาม ใครที่ร่วมภารกิจก็แค่ทำตามคำสั่งในขณะลงมือเท่านั้นพวกเขากลัวว่าจะถูกสงสัย จึงไม่กล้าไต่ถามอะไรมากข่าวที่เงาสามส่งกลับมา สำหรับหยุนเจิงแล้ว ไม่ใช่ข่าวดีเลยเขายอมจ่ายเงินกว่าล้านตำลึงเพื่อให้ครอบครัวฮั่วเหวินจิ้งปลอดภัยและมาถึงมือเขาแต่ตอนนี
หญิงสาวนิ่งเงียบ ทำอย่างไรดี? นางเองก็อยากหาคนมาปรึกษา ว่าควรทำเช่นไรในสถานการณ์นี้ แต่เวลานี้… เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดสามารถให้คำตอบแก่นางได้ ไม่นึกเลยว่า… แผนการที่นางวางมาอย่างรอบคอบมายาวนาน กลับจะพังทลายลงในมือของหยุนลี่! เฮ้อ! นางทอดถอนใจยาวในใจ แต่ในดวงตากลับปรากฏประกายเย็นยะเยือก "ไม่ว่าอย่างไร… ฮั่วเหวินจิ้งต้องไม่มีชีวิตรอดไปถึงมือหยุนเจิง! หากไร้ซึ่งความกังวลเรื่องครอบครัว ฮั่วเหวินจิ้งจะต้องเปิดโปงเราทั้งหมดแน่!" นางรู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งกำลังกังวลสิ่งใด สิ่งที่ฮั่วเหวินจิ้งกังวลที่สุดในตอนนี้ คือความปลอดภัยของครอบครัว เขาจึงไม่กล้าเปิดโปงนางออกไป แต่หากครอบครัวของฮั่วเหวินจิ้งถูกส่งไปถึงมือหยุนเจิงอย่างปลอดภัย เช่นนั้น เขาย่อมไม่มีเหตุผลใดให้ปิดปากอีกต่อไป! ระหว่างหยุนลี่กับหยุนเจิง นางเกรงกลัวหยุนเจิงมากกว่า เพราะหยุนเจิงคือผู้กุมอำนาจกองทัพ… หากหยุนเจิงรู้ว่า ผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้คือตัวนางเอง เช่นนั้น… นางคงหนีไม่พ้นความตาย! ไม่ใช่แค่หยุนเจิง… แม้แต่หยุนลี่ หรือแม้กระทั่งองค์จักรพรรดิ… ก็คงไม่ปล่อยนางไปเช่นกัน! เมื่อได้ยินเช่