“ขาย...ขายตำแหน่งขุนนาง?”ภายในลานด้านหลัง เมื่อได้รู้ความคิดของหยุนเจิง ทุกคนต่างตกตะลึงเยี่ยจื่อมองหยุนเจิงด้วยความอึ้ง วิธีที่เขาบอกว่าได้เงินมาอย่างรวดเร็ว ก็คือขายตำแหน่งขุนนาง?ไม่ใช่...เหตุใดเขาคิดเช่นนี้!ถึงเช่นไรเขาก็เป็นซั่วเป่ยเจี๋ยตู้สื่อ!ซั่วเป่ยแห่งนี้เป็นถิ่นฐานของเขาเหตุใดเขาจึงคิดวิธีขายตำแหน่งประเภทนี้?อย่าว่าแต่ตอนนี้พวกเขาไม่ได้ยากจนถึงขั้นบ้าไปแล้ว ต่อให้ยากจน ก็ไม่อาจทำเรื่องเช่นนี้ได้!นี่เขาไม่ใช่ทำลายรากฐานกิจการของตัวเองหรือ?“มันเรื่องใหญ่เท่าใดกันเชียว!”หยุนเจิงหัวเราะเสียงดัง “ดูท่าทางของพวกเจ้าสิ!”“นี่เรียกเรื่องเล็กหรือ?” คิ้วของฮูหยินเสิ่นใกล้ขมวดรวมเข้าด้วยกันแล้ว “เจ้าเป็นถึงองค์ชายตำแหน่งซั่วเป่ยเจี๋ยตู้สื่อคิดขายตำแหน่งขุนนาง เจ้าคิดจะสร้างความวุ่นวายที่ซั่วเป่ยหรือ? ลูกเขต เจ้าเลอะเลือนเช่นนี้ไม่ได้นะ!”หลังจากฮูหยินเสิ่นเอ่ยปาก ทุกคนก็พากันเกลี่ยกล่อม“ท่านอ๋อง เรื่องนี้ทำไม่ได้จริงๆ!”“องค์ชาย เรื่องนี้ไม่ได้เด็ดขาด...”“องร์ชาย หากท่านขาดแคลนเงิน ข้าไปช่วยหาเงิน ข้าจางซูรู้ข้อเสียของการขายตำแหน่งขุนนาง องค์ชายไม่รู้ได้เช่น
หลังจากเล่นหูเล่นตากับเยี่ยจื่อแล้ว หยุนเจิงกล่าวต่อไป “หากเป็นคนของเจ้าสาม แล้วก็เป็นคนมีความสามารถ ก็ปล่อยให้เขาทำงานตามปกติ! หากคิดหาเรื่อง ก็ต้องได้รับความเชื่อใจจากข้าก่อนกระมัง? หากไม่มีความสามารถ ก็ทิ้งให้ไปดูแลชาวเป่ยหวน!”“นี่...”เยี่ยจื่อกล่าวสิ่งใดไม่ออกแต่คิดอย่างละเอียด นี่ก็มีเหตุผลถึงเช่นไร เป็นจางซูที่ขายตำแหน่งขุนนางหยุนเจิงล้วนถูกทำให้งมโข่ง คนที่คิดละโมบถูกพบตัวแล้ว ต่อให้หยุนเจิงสั่งประหารเขาหลังพบเข้า คนอื่นก็กล่าวหาสิ่งใดไม่ไดทิ้งไปขุดเหมือง ดีไม่ดียังได้รับนามว่าเป็นคนมีเมตตาอารีส่วนคนสอดแนมเหล่านั้น หากคิดจะได้รับความเชื่อใจจากหยุนเจิง ตอนเริ่มต้น ก็พยายามแสดงออกอย่างเต็มที่รอให้ใช้งานเสร็จ คนมีความสามารถที่เซ่วเป่ยต้องการก็ขุดขึ้นมาได้แล้ว คนเหล่านั้นสมควรถูกลงโทษก็ต้องถูกลงโทษหากเขาสามารถทำให้คนเหล่านั้นก่อกบฏ หยุนลี่ก็นับว่าจ่ายงานส่งขุนนางมาให้หยุนเจิงใช้แล้วเรื่องนี้ ขอแค่จัดการให้ดี เหมือนว่าเช่นไรแล้วก็จะไม่ขาดทุนจักรพรรดิในประวัติศาสตร์ ไม่ใช่ใช้ขุนนางชั่วเสร็จแล้วก็กำจัดทิ้งหรือ“หากเป็นเช่นนี้ ข้าก็ไม่มีสิ่งใดต้องกังวลแล้ว”ฮูหยิ
บนรถม้า หยุนเจิงกับผู้หญิงสามคนของเขานั่งด้วยกัน ทั้งยังเกยขาของเขาไว้บนเรียวขาของเมี่ยวอินอย่างสบายอกสบายใจ ทั้งยังคอยเอารัดเอาเปรียบผู้หญิงทั้งสามคนตลอดเวลา เป็นชีวิตที่สุขสบายอย่างยิ่งนี่สิเรียกว่าชีวิต!ใครอยากจะข้ามเวลามาแล้วมีเอาแต่หมกมุ่นทำงานเล่า?ผู้กอบกู้โลก ใครอยากจะเป็นก็เป็นไป ถึงเช่นไรเขาก็ไม่เป็น!หยุนเจิงกำลังคิดเรื่อยเปื่อย พยายามสงบความคิดไร้ความทะเยอทะยานของเขาเขาแค่อยากจะเป็นปลาเค็มที่สามารถจะปกป้องตัวเองได้เท่านั้นเห็นใบหน้าเพลิดเพลินของหยุนเจิง หญิงทั้งสามคนพากันกรอกตาบนและกำหมัดทว่า ขณะที่หยุนเจิงไม่สนใจสิ่งใด เพลิดเพลินไปกับช่วงเวลาที่หายากและน่ารื่นรมย์นี้ให้จุใจ“ข้าสงสัยอย่างแรง เจ้าพาพวกเราไปเขาลั่วเสียต้องไม่เป็นเรื่องดี!”เสิ่นลั่วเยี่ยนกล่าว ทั้งยังมองไปมาระหว่างหยุนเจิงและเมี่ยวอินด้วยสายตาแฝงเลศนัยนางไม่ลืมที่ทั้งสองคนทำเรื่องที่น้ำพุร้อนก่อนหน้านี้เผชิญกับสายตาของเสิ่นลั่วเยี่ยน แม้แต่เมี่ยวอินที่นิสัยเปิดเผยยังอดหน้าแดงไม่ได้ไม่เพียงเสิ่นลั่วเยี่ยนคิดเช่นนี้ แม้แต่นางก็คิดเช่นนี้!นางถึงขั้นสงสัย หยุนเจิงคนหน้าไม่อายคิดจะพาพวกนางสา
“ขอรับ!”ทุกคนรับคำสั่ง พาพวกหยุนเจิงเดินเข้าไปข้างในด้วยการนำทางของหัวหน้าค่ายทหาร ขณะเดินทางได้เดินรอบภายในค่ายทันทีเทียบกับครั้งก่อนที่พวกเขามา ภายในค่ายเปลี่ยนไปมากค่ายทหาร คอกม้าและสิ่งเหล่านี้ ล้วนสร้างเสร็จสมบูรณ์แล้วทั้งค่ายใหญ่ ดูเป็นระเบียบเรียบร้อย เสียงควบม้าศึกดังขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังจากเดินดูรอบๆ นายกองทหารม้าถามขึ้น “องค์ชาย ต้องการชมการแสดงวรยุทธทหารม้าของพวกเราสักหน่อยหรือไม่?”“ได้”หยุนเจิงพยักหน้า “ให้พวกเราได้ดูผลลัพธ์การฝึกฝนของพวกเจ้า”“ขอรับ!”นายกองทหารม้ารับคำสั่งด้วยความยินดี ส่งให้คนไปนำแท่นมาให้พวกหยุนเจิงตัวเขาเองไปจัดคนให้แสดงศิลปะการต่อสู้ทุกคนนั่งลงประจำที่ เกอเหอนำทหารองครักษ์ไปคุ้มครองความปลอดภัยรอบๆเวลาไม่นาน การแสดงเริ่มขึ้นทหารม้าควบม้าไปรอบๆ สนามฝึก แสดงสาทิตขี่ม้ายิงธนูอย่างน่าตื่นตาตื่นใจแต่ว่า หยุนเจิงที่อยู่บนแท่นกลับเหม่อลอยเล็กน้อยเยี่ยจื่อสังเกตเห็นสีหน้าของหยุนเจิง จากกระซิบถาม “เจ้าไม่พอใจทักษะการขี่ม้าของพวกเขา?”“พอได้อยู่!”หยุนเจิงส่ายหน้ายิ้ม “ข้ากำลังคิด หากเปลี่ยนที่นี่เป็นสำนักศึกษาเตรียมทหาร หรือควรเ
หยุนเจิงพักอยู่ที่เขาลั่วเสียสองวันหลักๆ เพื่อวางแผนสร้างค่ายฝึกทหารม้าของเขาลั่วเสียขึ้นใหม่ในเมื่อเป็นสำนักศึกษาเตรียมทหาร ย่อมต้องสร้างห้องเรือน รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกเรียบง่ายอื่นๆอื้อ ยังต้องทำแผนผังจำลองด้วยทรายขึ้นมาด้วยแน่นอน หยุนเจิงไม่มีทางเอาแต่หมกมุ่นอยู่กับงานอย่างเดียวมาถึงที่นี่แล้ว น้ำพุร้อนนี่ก็ต้องแช่สักหน่อยน่าเสียดาย เสิ่นลั่วเยี่ยนตั้งครรภ์ ภายใต้คำแนะนำของเมี่ยวอิน จึงไม่สามารถแช่น้ำพุร้อนได้ ทำให้แผนการสี่คนร่วมกันแช่น้ำพุร้อนของหนุนเจิงต้องล้มเหลวยังดีที่ ยังมีเมี่ยวอินและเยี่ยจื่อแช่น้ำพุร้อนเป็นเพื่อนเขารสชาติที่สวยงามนี้ มีเพียงพวกเขาที่ได้สัมผัสแต่ว่า ราคาที่ต้องจ่ายก็คือระหว่างทางที่กลับติ้งเป่ย ก็คือการหยอกล้อของเสิ่นลั่วเยี่ยนตลอดทางหยุนเจิงและเมี่ยวอินยังดีหน่อย แต่เยี่ยจือกลับหน้าบาง ตลอดทางหยิกหยุนเจิงคนสารเลวนี่ไม่น้อยเป็นเพราะเจ้าสารเลวนี่ทำร้าย!คนที่เสียเปรียบล้วนเป็นนางหากคนอื่นรู้เรื่องเหล่านี้ นางต้องรู้สึกอับอายมาก“องค์ชาย ด้านหน้าเหมือนจะมีผู้ลี้ภัย”เสียงของต่งกังลอยเข้ามาในรถม้ากะทันหันอันธพาล?หยุนเจิงเปิดผ้
ถูกเมี่ยวอินกล่าวเช่นนี้ ทุกคนสังเกตกลุ่มคนที่มาอย่างละเอียดใช่แล้ว!คนกลุ่มนี้ดูเหมือนจะตายแหล่มิตายแหล่ รู้สึกเหมือนจะหกล้มได้ตลอดเวลา แต่พวกเขาก็ยังไม่หกล้มดูไปแล้วเหมือนจะไม่มีปัญหาแต่ดูอย่างละเอียดก็จะพบว่า ร่องรอยแห่งความตั้งใจนี้รุนแรงเกินไปมือสังหาร?นัยน์ตาหยุนเจิงฉายแววจิตสังหาร ทันใดนั้นก็สั่งต่งกง “รอให้เข้าใกล้สักหน่อย จัดการทันที! ผู้กล้าต่อต้าน ฆ่า!”เขายอมทำผิดพลาด กลับไปค่อยชดเชยให้คนเหล่านี้น แต่ไม่ยอมล้อเล่นกับชีวิตของตัวเองและผู้หญิงของเขาอีกทั้ง ตามที่เมี่ยวอินกล่าว คนกลุ่มนี้น่าสงสัยจริงๆต่งกังรับคำสั่ง กระซิบถ่ายทอดคำสั่งลงไปทันทีไม่นาน คนกลุ่มนั้นอยู่ในตำแหน่งห่างจากพวกเขาไม่ถึงห้าสิบเมตร ต่งกังพาคนเดินไปข้างหน้า กล่าวกับผู้เฒ่าผมขาวคนหนึ่งด้วยหน้าตายิ้มแย้ม “ท่านผู้เฒ่า ข้าพยุงท่านเถอะ!”ผู้เฒ่าต้องการปฏิเสธ ต่งกังเข้ามาพยุงผู้เฒ่าแล้ว ส่วนองครักษ์ที่เหลือก็พากันขึ้นหน้า เตรียมตัวพยุงคนที่เหลือขณะที่เข้าประชิด องครักษ์พลันควักมีดออกมา พาดไว้บนคอคนเหล่านั้นการกระทำกะทันหันของพวกเขาทำให้คนเหล่านี้มึนงง“ลงมือ!”เหม่อลอยไปชั่วขณะ หนึ่งในก
ต่งกังรับคำสั่งแล้วจากไปทว่า เด็กน้อยตกใจจนเสียสติแล้ว ทำเพียงร้องไห้อย่างแรง ต่งกังถามอยู่ตั้งนาน ก็ถามสิ่งใดออกมาไม่ได้ต่งกังวิ่งกลับมาหน้านิ่วคิ้วขมวดรายงานกับหยุนเจิงหยุนเจิงขมวดคิ้ว ออกคำสั่ง “พามา ข้าเอง...”“รอก่อนค่อยว่ากัน!”เมี่ยวอินดึงหยุนเจิงเอาไว้ “เด็กคนนั้นน่าจะเป็นท่าไม้ตายที่แท้จริง!”ท่าไม้ตาย?เยี่ยจื่อและเสิ่นลั่วเยี่ยนมองเมี่ยวอินอย่างประหลาดใจเด็กคนเดียว จะมีท่าไม้ตายใดได้?หยุนเจิงลูกตาหดลง “เจ้าหมายถึง นี่ไม่ใช่เด็ก? เป็นคนแคระ?”“เป็นไปได้มาก!”เมี่ยวอินพยักหน้าเบาๆ “ข้าเคยได้ฟังอาจารย์ข้าเล่า มีคนตาหาคนประเภทนี้โดยเฉพาะ เลี้ยงดูให้กลายเป็นมือสังหารอย่างลับๆ ฉวยโอกาสที่เป้าหมายไม่ทันได้ป้องกันตัวเปลี่ยนเป็นการลอบสังหาร...”เช่นนั้นหรือ?เสิ่นลั่วเยี่ยนปรายตามองเด็กสาวที่คุกเข่าร้องไห้อยู่ตรงนั้น ทันใดนั้นก็กล่าวกับหยุนเจิง “ฟังเมี่ยวอินเถอะ”“ใช่!”เยี่ยจื่อพยักหน้า “สุภาพบุรุษจะไม่ยืนอยู่ใต้กำแพงอันตราย ระวังไว้จะดีที่สุด!”นางและเสิ่นลั่วเยี่ยนไม่เข้าใจเรื่องบางอย่างของยุทธภพแต่ในเมื่อเมี่ยวอินบอกว่ามีคนประเภทนี้ ก็จำเป็นต้องระวังเอาไว้
เมี่ยวอินนิ่งเงียบเล็กน้อย จากนั้นก็สั่งต่งกัง “ถอนเสื้อของนางออกให้หมด!”“ห๊า?”ต่งกังชะงักเล็กน้อย จากนั้นก็มองเมี่ยวอินด้วยความตกใจฮูหยินเมี่ยวอินคิดทำสิ่งใด?โบยศพ?โบยศพก็ไม่ต้องถอดเสื้อผ้าเปลือยเปล่านี่?“เร็วเข้า!”เมี่ยวอินเร่งเร้าต่งกังได้สติกลับมา รีบทำตามความต้องการของเมี่ยวอินถอนเสื้อผ้าของคนแคระจนเปลือยเปล่าเมี่ยวอินพลิกร่างกายศพดูไปมาหลายรอบ จากนั้นก็สั่งให้พวกเขาจัดการศพ แล้วเดินไปหาหยุนเจิงเกาเหอพาคนไปตรวจสอบศพอื่นที่เหลือ ดูว่าสามารถหาสิ่งของมีค่าบนร้างกายศพพบหรือไม่“เกิดเรื่องใดขึ้น?”หยุนเจิงถามเมี่ยวอิน“ไม่มีเรื่องใด”เมี่ยวอินขมวดคิ้ว “ข้ารู้จักองค์กรนักฆ่าแห่งหนึ่ง ภายในน่าจะมีคนประเภทนี้! แต่ข้าถอดเสื้อนางออก บนตัวไม่มีสัญลักษณ์ขององค์กรนักฆ่านั้น! นางน่าจะไม่ใช่คนขององค์กรนักฆ่าแห่งนั้น!”“องค์กรนักฆ่าแห่งนั้นชื่ออะไร?” หยุนเจิงถาม“อีกาดำ”อีกาดำหรือ?อีกาเป็นสัญลักษณ์แห่งความตายชื่อนี้ เหมาะสมมากหยุนเจิงจดจำชื่อนี้ไว้เงียบๆไม่ว่าคนแคระผู้นี้เป็นคนของอีกาดำหรือไม่ ก็สามารถเริ่มจากอีกาดำได้นัยน์ตาหยุนเจิงฉายแววอาฆาต จากนั้นก็เรียก
“ลูก…ลูกสาวเพคะ”หมอตำแยที่ตกใจกับท่าทางของหยุนเจิงก่อนหน้านี้ เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ“ลูกสาวดี! ลูกสาวดี!”หยุนเจิงพึมพำกับตัวเอง ก่อนก้มลงมองเด็กน้อยที่ยังคงร้องไห้เสียงดังไม่เหมือนหยุนชางเลย เด็กหญิงตัวน้อยคนนี้เกิดมาโดยแทบไม่มีริ้วรอยบนผิวเลย เพียงแค่ตัวแดงระเรื่อเท่านั้น“เจ้าตัวน้อย เจ้านี่เกือบทำให้แม่ของเจ้าสิ้นชีวิตเลยนะ…”เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ หัวใจของหยุนเจิงยังคงสั่นไหวเขาไม่อาจจินตนาการได้เลยว่า หากเขาสูญเสียเยี่ยจื่อไป เขาจะต้องเจ็บปวดเพียงใดโชคดีที่มันเป็นเพียงความหวาดกลัวลวงตา!“อุแว๊ๆ…”เด็กน้อยยังคงร้องไห้ และดูเหมือนเสียงของนางจะแจ่มชัดขึ้นเรื่อยๆหยุนเจิงลูบแผ่วเบาบนผ้าห่อตัวของนาง ก่อนหันไปมองหมอตำแยทั้งสามที่ยังยืนไม่มั่นใจ “ให้รางวัล! ให้รางวัลทุกคน! คนละห้าร้อยตำลึง!”ห้าร้อยตำลึง!?หมอตำแยทั้งสามแทบไม่เชื่อหูตัวเองท่านอ๋องผู้นี้ ช่างใจกว้างนัก!แค่เอ่ยปาก ก็แจกเงินรางวัลมากมายถึงเพียงนี้!“เอาล่ะ พวกเจ้าทำความสะอาดให้เรียบร้อยเถิด”หยุนเจิงเรียกสติหมอตำแย “เสร็จแล้วก็ไปรับรางวัลได้เลย”หยุนเจิงกล่าวจบ ก็กอดลูกสาวไปนั่งลงที่
“อ๊าก…”เสียงกรีดร้องของเยี่ยจื่อสะท้อนก้องอยู่ในหูของหยุนเจิง ราวกับสามารถฉีกหัวใจของเขาออกเป็นเสี่ยงๆ“พอแล้ว! อย่าคลอดแล้ว! ข้าไม่ต้องการลูกแล้ว! ข้าต้องการแค่เจ้า!”หยุนเจิงน้ำตาคลอเบ้า ส่ายศีรษะไปมาอย่างร้อนรน ก่อนจะหันไปตะโกนลั่นใส่หมอตำแยข้างๆ “ช่วยนางไว้! อย่าไปสนใจเด็ก!”เขากลัว!เขากลัวจริงๆ!แม้ว่าเขาจะไม่ใช่หมอ แต่เขาก็รู้ดีว่า หากพลาดแม้แต่นิดเดียว นางอาจตกเลือดหนักได้แม้แต่ในยุคปัจจุบัน การตกเลือดมากก็ยังยากที่จะรักษา แล้วนี่เป็นยุคโบราณ“ออกมาแล้ว! ออกมาแล้ว!”ขณะนั้นเอง หมอตำแยก็ร้องขึ้นด้วยเสียงตื่นเต้น“อุแว๊…”เสียงร้องแหลมใสของทารกดังขึ้นภายในห้องคลอด แต่ในขณะเดียวกัน เสียงของเยี่ยจื่อกลับเงียบลงอย่างกะทันหัน!หมอตำแยคนหนึ่งรีบเช็ดเลือดที่เปรอะเปื้อนตัวทารก ขณะที่อีกคนเตรียมห่อทารกในผ้าห่ม และหันไปแสดงความยินดีกับหยุนเจิง “ขอแสดงความยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง เด็กน้อยเป็น…”“ช่างลูกก่อน! ดูจื่อเอ๋อร์ก่อนว่านางเป็นอย่างไรบ้าง!”หยุนเจิงตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยโทสะและความหวาดหวั่น มือของเขาที่กุมมือเยี่ยจื่อไว้สั่นเทาอย่างรุนแรงตอน
เสียงร้องของเยี่ยจื่อ ทำให้หัวใจของหยุนเจิงบีบรัดตามไปด้วย“จื่อเอ๋อร์! ข้ากลับมาแล้ว!”หยุนเจิงไม่สนใจพูดคุยกับเสิ่นลั่วเยี่ยนและคนอื่นๆ เขารีบพุ่งไปที่ประตู แล้วตะโกนเข้าไปข้างใน“สามี!”เสียงร้องเจ็บปวดของเยี่ยจื่อดังขึ้นอีกครั้งแม้หยุนเจิงจะมองไม่เห็นสถานการณ์ภายในห้อง แต่เขาก็นึกภาพออกว่าเยี่ยจื่อต้องเจ็บปวดเพียงใดหากเป็นไปได้ เขาอยากจะแบ่งเบาความเจ็บปวดของนาง“จื่อเอ๋อร์ อย่ากลัว! สามีอยู่ที่นี่กับเจ้า!”หยุนเจิงกล่าวปลอบ แล้วรีบหันไปถามเสิ่นลั่วเยี่ยน “จื่อเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง?”เสิ่นลั่วเยี่ยนที่ดวงตาแดงก่ำ แอบมองไปทางประตูห้อง ก่อนจะตอบเสียงแผ่วเบา “หมอตำแยบอกว่า ตำแหน่งของทารกไม่ค่อยปกติ อาจคลอดได้ยาก เมี่ยวอินก็กำลังช่วยอยู่ เราเองก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ยืนร้อนใจอยู่ข้างนอก……”ตำแหน่งทารกผิดปกติ!เมื่อได้ยินคำนี้ หัวใจของหยุนเจิงพลันเต้นรัวขึ้นมาทันที เขาหันขวับไปมองฮูหยินเสิ่นและเว่ยซวงที่ยืนอยู่ใกล้ๆพบว่าทั้งสองต่างมีดวงตาแดงก่ำ ใบหน้าหม่นหมอง เห็นได้ชัดว่ากระวนกระวายใจไม่น้อยหยุนเจิงเข้าใจทันทีว่า เสิ่นลั่วเยี่ยนคงไม่อยากให้เขากังวลเกินไป จึงบอกเพียงว่าคลอ
ไม่กี่วันต่อมา ขณะที่หยุนเจิงอยู่ที่จิงหยางฝู่ เขาได้รับข่าวสารฮั่วเหวินจิ้งตายแล้ว!ไม่ได้ถูกฆ่าปิดปาก แต่ตายเพราะป่วย!หยุนเจิงคาดว่า ฮั่วเหวินจิ้งคงเสียชีวิตเพราะบาดแผลติดเชื้อเมื่อได้รับข่าวนี้ หยุนเจิงแทบอยากจะด่าหยุนลี่ว่าโง่เง่าเป็นหมูเสียจริงทำไมเขาถึงไม่ใช้วิธีทรมานก่อน แล้วค่อยให้หมอรักษาไว้ล่ะ?อีกแค่ก้าวเดียว เขากำลังจะสาวไปถึงตัวการเบื้องหลังได้อยู่แล้วแท้ๆ แต่ฮั่วเหวินจิ้งกลับมาตายเสียก่อนมันเหมือนกับฟ้ากำลังเล่นตลกกับเขา!สิ่งเดียวที่พอทำให้โล่งใจได้บ้างคือ อีกาดำและอีกาขาวต่างได้รับความเสียหายหนัก คนของเขาที่แทรกซึมอยู่ในอีกาดำ น่าจะสามารถก้าวขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งได้หากสามารถทำให้คนของเขากลายเป็นหัวหน้าของอีกาดำได้ ก็คงดี!แต่ไม่รู้ว่าเงาสอง ที่ร่วมเดินทางไปเมืองหลวงเพื่อฆ่าปิดปาก ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ขอให้รอดปลอดภัยเถอะ!หยุนเจิงถอนหายใจเงียบๆ ก่อนลุกขึ้นยืนในเมื่อฮั่วเหวินจิ้งตายไปแล้ว เขาก็ไม่ต้องรอสอบสวนอะไรอีกเรื่องที่เหลือ ก็ปล่อยให้ทัวฮวนจัดการไปก็แล้วกัน!“ส่งคำสั่งถึงอวี่ซื่อจง ให้เหลือทหารห้าพันนายประจำการอยู่ที่นี่ ภายใต้การบัญชาของรองแม่ท
“ลูกเข้าใจพ่ะย่ะค่ะ!”หยุนลี่รีบรับคำสั่ง“จำไว้! ฮั่วเหวินจิ้งถูกนักฆ่าสังหาร ไม่ใช่ตายเพราะป่วย!”จักรพรรดิเหวินกล่าวเตือนหยุนลี่ด้วยใบหน้าเย็นชา ก่อนเสด็จออกจากจวนองค์รัชทายาทแม้จะนั่งอยู่ในเกี้ยวแล้ว แต่เพลิงโทสะของจักรพรรดิเหวินยังคงลุกโชนไม่มอดอย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความโกรธเกรี้ยวในพระทัย ก็ยังมีความรู้สึกซับซ้อนบางอย่างซ่อนอยู่เขารู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งไม่ใช่คนของหยุนเจิงหากสามารถเค้นเอาความจริงจากฮั่วเหวินจิ้งได้ จนรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง บางทีพระองค์เองอาจไม่รู้ว่าควรจัดการอย่างไรหากเป็นพระโอรสองค์ใดองค์หนึ่ง หรือแม้แต่นางสนมคนใดคนหนึ่งของพระองค์ พระองค์จะต้องลงพระอาญาสังหารพวกเขาด้วยพระองค์เองอย่างนั้นหรือ?หากเรื่องนี้ทำให้คนที่รอดพ้นจากเคราะห์ครั้งนี้ได้สำนึกและเลิกล้มความคิดที่จะก่อความวุ่นวาย นั่นก็คงเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับตัวการเบื้องหลังของฮั่วเหวินจิ้ง จักรพรรดิเหวินเองก็พอมีข้อสันนิษฐานอยู่ในพระทัยแต่เป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐาน พระองค์ยังไม่สามารถสรุปได้แน่ชัดยิ่งไปกว่านั้น คนที่พระองค์สงสัยมีอยู่หลายคน ทำให้ไม่อาจฟันธงได้ว่าเป็นผู้ใดกันแน่ดูเหมือ
ภายในพระราชวัง จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังตรวจสอบข่าวเร่งด่วนจากเมืองฝูโจวอย่างไรก็ตาม ทั้งสองเพียงกวาดตามองก็ขว้างเอกสารฉบับนั้นทิ้งด้วยความโกรธอย่าว่าแต่หยุนลี่เลย แม้แต่จักรพรรดิเหวินก็อดด่าหยุนเจิงในใจไม่ได้ลูกอกตัญญูผู้นี้ ชักจะเหลวไหลขึ้นทุกวันเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็กล้าใช้ชื่อข่าวเร่งด่วนทางทหารส่งมาถึงเมืองหลวงนี่เป็นครั้งที่สองแล้ว!ข่าวเร่งด่วนทางทหารถูกเขาใช้เป็นของเล่นไปแล้ว!คราวหน้า ถ้าเจอตัวเจ้าเด็กเหลือขอนั่น ข้าจะเตะมันให้กระอักสองทีแน่!“กราบทูลฝ่าบาท องค์รัชทายาทฝ่าบาท กองกำลังของกระหม่อมถูกลอบโจมตีโดยนักฆ่าที่ถนนเป่ยเจีย……”ขณะที่จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังเดือดดาลกับหยุนเจิง เฉียวเหยียนเซียนก็ส่งคนมาแจ้งข่าวนักฆ่าหลายสิบคนที่ร่วมมือกันสังหารฮั่วเหวินจิ้งและครอบครัว ถูกสังหารหรือถูกจับกุมเป็นส่วนใหญ่มีเพียงไม่กี่คนที่ฉวยโอกาสความชุลมุนหลบหนีไปได้ครั้งนี้ การวางแผนของพวกเขารัดกุมยิ่งนักหากไม่ใช่เพราะพลส่งสารข่าวเร่งด่วนโผล่มาขัดจังหวะ คงไม่มีทางที่นักฆ่าจะรอดไปได้เลยนอกจากนี้ พวกเขายังพบหน้าไม้ทรงอานุภาพจำนวนมากในที่เกิดเหตุเมื่อรายงานมาถ
ขณะที่เฉียวเหยียนเซียนนำกำลังคุมตัวนักโทษผ่านถนนเป่ยเจีย หน้าต่างบนหอคอยของอาคารสองหลังที่อยู่สองฟากถนนค่อยๆ เปิดออกเล็กน้อยหน้าไม้จำนวนมากถูกเล็งออกมาจากช่องหน้าต่างโดยไร้เสียง เพียงแค่รอให้กรงนักโทษเข้าสู่ระยะยิง พวกเขาก็จะลงมือทันทีขบวนคุ้มกันเข้าใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ เงาสองก็เตรียมพร้อมเช่นกันเขาไม่รู้ว่าฮั่วเหวินจิ้งมีความสำคัญต่อหยุนเจิงเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากอีกาดำมากขึ้น เขาจำเป็นต้องร่วมมือสังหารเหล่านักโทษเหล่านี้แต่เขาก็รู้ดีว่า หากลงมือแล้ว การจะหลบหนีออกจากเมืองหลวงไม่ใช่เรื่องง่ายแต่เขาต้องรอด!ส่วนหนึ่งเพราะเขาไม่ต้องการตาย อีกส่วนหนึ่งก็เพราะ หากเขารอด เขาจะมีโอกาสพบกับผู้ที่คอยสนับสนุนการหลบหนีของพวกเขาและบุคคลนี้ อาจเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดโปงผู้อยู่เบื้องหลังตัวจริง!เงาสองครุ่นคิดเงียบๆ พร้อมเหลือบมองหน้าไม้ในมือพวกเขาปลอมตัวเป็นพ่อค้าเพื่อแฝงตัวเข้าเมืองหลวง ย่อมไม่สามารถพกพาอาวุธเหล่านี้มาเองได้หน้าไม้เหล่านี้ถูกเตรียมไว้ล่วงหน้า ถูกซุกซ่อนไว้ที่เนินเขาเหมียวเอ่อร์ซานสิ่งเหล่านี้เป็นอาวุธของกองทัพ!แม้ทางราชสำนักจะควบคุมอาวุธประเภทนี
“ฝ่าบาท เงาสามแจ้งข่าวด่วน!”จิงหยางฟู่ เสิ่นควานถือจดหมายฉบับหนึ่ง รีบรุดเข้ามาด้วยท่าทีเร่งรีบเงาสาม?นี่เป็นหนึ่งในคนที่สามารถแทรกซึมเข้าไปในอีกาดำได้สำเร็จเงาสามส่งข่าวด่วนมา ดูท่าแล้ว อีกาดำคงจะลงมือแล้วแน่หากไม่มีอะไรผิดพลาด อีกาดำน่าจะต้องการสังหารฮั่วเหวินจิ้งเพื่อกำจัดภัยร้ายอย่างสิ้นซาก!หยุนเจิงครุ่นคิดไปพลาง รับจดหมายจากเสิ่นควานและเปิดออกดูเมื่อเห็นเนื้อหาในจดหมาย หยุนเจิงก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวข่าวที่เงาสามส่งมา ตรงกับที่เขาคาดการณ์ไว้ไม่มีผิดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวนำทัพมาด้วยตนเอง ต้องการฆ่าฮั่วเหวินจิ้งให้ได้!แม้แต่เงาสองก็ถูกเลือกให้เข้าร่วมภารกิจลอบสังหารครั้งนี้ตอนนี้ พวกเขาได้รับเพียงคำสั่งให้เตรียมพร้อม แต่ยังไม่รู้เวลาและสถานที่ลงมือที่แน่ชัดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวตั้งใจปกปิดข้อมูล ไม่ให้ผู้ใดซักถาม ใครที่ร่วมภารกิจก็แค่ทำตามคำสั่งในขณะลงมือเท่านั้นพวกเขากลัวว่าจะถูกสงสัย จึงไม่กล้าไต่ถามอะไรมากข่าวที่เงาสามส่งกลับมา สำหรับหยุนเจิงแล้ว ไม่ใช่ข่าวดีเลยเขายอมจ่ายเงินกว่าล้านตำลึงเพื่อให้ครอบครัวฮั่วเหวินจิ้งปลอดภัยและมาถึงมือเขาแต่ตอนนี
หญิงสาวนิ่งเงียบ ทำอย่างไรดี? นางเองก็อยากหาคนมาปรึกษา ว่าควรทำเช่นไรในสถานการณ์นี้ แต่เวลานี้… เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดสามารถให้คำตอบแก่นางได้ ไม่นึกเลยว่า… แผนการที่นางวางมาอย่างรอบคอบมายาวนาน กลับจะพังทลายลงในมือของหยุนลี่! เฮ้อ! นางทอดถอนใจยาวในใจ แต่ในดวงตากลับปรากฏประกายเย็นยะเยือก "ไม่ว่าอย่างไร… ฮั่วเหวินจิ้งต้องไม่มีชีวิตรอดไปถึงมือหยุนเจิง! หากไร้ซึ่งความกังวลเรื่องครอบครัว ฮั่วเหวินจิ้งจะต้องเปิดโปงเราทั้งหมดแน่!" นางรู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งกำลังกังวลสิ่งใด สิ่งที่ฮั่วเหวินจิ้งกังวลที่สุดในตอนนี้ คือความปลอดภัยของครอบครัว เขาจึงไม่กล้าเปิดโปงนางออกไป แต่หากครอบครัวของฮั่วเหวินจิ้งถูกส่งไปถึงมือหยุนเจิงอย่างปลอดภัย เช่นนั้น เขาย่อมไม่มีเหตุผลใดให้ปิดปากอีกต่อไป! ระหว่างหยุนลี่กับหยุนเจิง นางเกรงกลัวหยุนเจิงมากกว่า เพราะหยุนเจิงคือผู้กุมอำนาจกองทัพ… หากหยุนเจิงรู้ว่า ผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้คือตัวนางเอง เช่นนั้น… นางคงหนีไม่พ้นความตาย! ไม่ใช่แค่หยุนเจิง… แม้แต่หยุนลี่ หรือแม้กระทั่งองค์จักรพรรดิ… ก็คงไม่ปล่อยนางไปเช่นกัน! เมื่อได้ยินเช่