ถูกเมี่ยวอินกล่าวเช่นนี้ ทุกคนสังเกตกลุ่มคนที่มาอย่างละเอียดใช่แล้ว!คนกลุ่มนี้ดูเหมือนจะตายแหล่มิตายแหล่ รู้สึกเหมือนจะหกล้มได้ตลอดเวลา แต่พวกเขาก็ยังไม่หกล้มดูไปแล้วเหมือนจะไม่มีปัญหาแต่ดูอย่างละเอียดก็จะพบว่า ร่องรอยแห่งความตั้งใจนี้รุนแรงเกินไปมือสังหาร?นัยน์ตาหยุนเจิงฉายแววจิตสังหาร ทันใดนั้นก็สั่งต่งกง “รอให้เข้าใกล้สักหน่อย จัดการทันที! ผู้กล้าต่อต้าน ฆ่า!”เขายอมทำผิดพลาด กลับไปค่อยชดเชยให้คนเหล่านี้น แต่ไม่ยอมล้อเล่นกับชีวิตของตัวเองและผู้หญิงของเขาอีกทั้ง ตามที่เมี่ยวอินกล่าว คนกลุ่มนี้น่าสงสัยจริงๆต่งกังรับคำสั่ง กระซิบถ่ายทอดคำสั่งลงไปทันทีไม่นาน คนกลุ่มนั้นอยู่ในตำแหน่งห่างจากพวกเขาไม่ถึงห้าสิบเมตร ต่งกังพาคนเดินไปข้างหน้า กล่าวกับผู้เฒ่าผมขาวคนหนึ่งด้วยหน้าตายิ้มแย้ม “ท่านผู้เฒ่า ข้าพยุงท่านเถอะ!”ผู้เฒ่าต้องการปฏิเสธ ต่งกังเข้ามาพยุงผู้เฒ่าแล้ว ส่วนองครักษ์ที่เหลือก็พากันขึ้นหน้า เตรียมตัวพยุงคนที่เหลือขณะที่เข้าประชิด องครักษ์พลันควักมีดออกมา พาดไว้บนคอคนเหล่านั้นการกระทำกะทันหันของพวกเขาทำให้คนเหล่านี้มึนงง“ลงมือ!”เหม่อลอยไปชั่วขณะ หนึ่งในก
ต่งกังรับคำสั่งแล้วจากไปทว่า เด็กน้อยตกใจจนเสียสติแล้ว ทำเพียงร้องไห้อย่างแรง ต่งกังถามอยู่ตั้งนาน ก็ถามสิ่งใดออกมาไม่ได้ต่งกังวิ่งกลับมาหน้านิ่วคิ้วขมวดรายงานกับหยุนเจิงหยุนเจิงขมวดคิ้ว ออกคำสั่ง “พามา ข้าเอง...”“รอก่อนค่อยว่ากัน!”เมี่ยวอินดึงหยุนเจิงเอาไว้ “เด็กคนนั้นน่าจะเป็นท่าไม้ตายที่แท้จริง!”ท่าไม้ตาย?เยี่ยจื่อและเสิ่นลั่วเยี่ยนมองเมี่ยวอินอย่างประหลาดใจเด็กคนเดียว จะมีท่าไม้ตายใดได้?หยุนเจิงลูกตาหดลง “เจ้าหมายถึง นี่ไม่ใช่เด็ก? เป็นคนแคระ?”“เป็นไปได้มาก!”เมี่ยวอินพยักหน้าเบาๆ “ข้าเคยได้ฟังอาจารย์ข้าเล่า มีคนตาหาคนประเภทนี้โดยเฉพาะ เลี้ยงดูให้กลายเป็นมือสังหารอย่างลับๆ ฉวยโอกาสที่เป้าหมายไม่ทันได้ป้องกันตัวเปลี่ยนเป็นการลอบสังหาร...”เช่นนั้นหรือ?เสิ่นลั่วเยี่ยนปรายตามองเด็กสาวที่คุกเข่าร้องไห้อยู่ตรงนั้น ทันใดนั้นก็กล่าวกับหยุนเจิง “ฟังเมี่ยวอินเถอะ”“ใช่!”เยี่ยจื่อพยักหน้า “สุภาพบุรุษจะไม่ยืนอยู่ใต้กำแพงอันตราย ระวังไว้จะดีที่สุด!”นางและเสิ่นลั่วเยี่ยนไม่เข้าใจเรื่องบางอย่างของยุทธภพแต่ในเมื่อเมี่ยวอินบอกว่ามีคนประเภทนี้ ก็จำเป็นต้องระวังเอาไว้
เมี่ยวอินนิ่งเงียบเล็กน้อย จากนั้นก็สั่งต่งกัง “ถอนเสื้อของนางออกให้หมด!”“ห๊า?”ต่งกังชะงักเล็กน้อย จากนั้นก็มองเมี่ยวอินด้วยความตกใจฮูหยินเมี่ยวอินคิดทำสิ่งใด?โบยศพ?โบยศพก็ไม่ต้องถอดเสื้อผ้าเปลือยเปล่านี่?“เร็วเข้า!”เมี่ยวอินเร่งเร้าต่งกังได้สติกลับมา รีบทำตามความต้องการของเมี่ยวอินถอนเสื้อผ้าของคนแคระจนเปลือยเปล่าเมี่ยวอินพลิกร่างกายศพดูไปมาหลายรอบ จากนั้นก็สั่งให้พวกเขาจัดการศพ แล้วเดินไปหาหยุนเจิงเกาเหอพาคนไปตรวจสอบศพอื่นที่เหลือ ดูว่าสามารถหาสิ่งของมีค่าบนร้างกายศพพบหรือไม่“เกิดเรื่องใดขึ้น?”หยุนเจิงถามเมี่ยวอิน“ไม่มีเรื่องใด”เมี่ยวอินขมวดคิ้ว “ข้ารู้จักองค์กรนักฆ่าแห่งหนึ่ง ภายในน่าจะมีคนประเภทนี้! แต่ข้าถอดเสื้อนางออก บนตัวไม่มีสัญลักษณ์ขององค์กรนักฆ่านั้น! นางน่าจะไม่ใช่คนขององค์กรนักฆ่าแห่งนั้น!”“องค์กรนักฆ่าแห่งนั้นชื่ออะไร?” หยุนเจิงถาม“อีกาดำ”อีกาดำหรือ?อีกาเป็นสัญลักษณ์แห่งความตายชื่อนี้ เหมาะสมมากหยุนเจิงจดจำชื่อนี้ไว้เงียบๆไม่ว่าคนแคระผู้นี้เป็นคนของอีกาดำหรือไม่ ก็สามารถเริ่มจากอีกาดำได้นัยน์ตาหยุนเจิงฉายแววอาฆาต จากนั้นก็เรียก
การลอบสังหารณ์ที่มากะทันให้ทำให้บรรยากาศภายในรถตึงเครียดขึ้นมากหญิงสาวทั้งสามไม่ได้ไปรบกวนหยุนเจิง แล้วก็กำลังคาดเดาว่าที่แท้ใครเป็นคนทำสามารถเลี้ยงหน่วยพลีชีพที่จงรักภักดีได้เช่นนี้ ต้องบอกว่า ผู้บงการเบื้องหลังคนนี้ร้ายกาจมากหยุนเจิงนั่งพึงตัวรถม้า ภายในสมองความคิดโลดแล่นสิ่งแรกที่เขาคิดได้คือ คนเหล่านี้เป็นไปได้สูงว่าเจ้าสามส่งมาหากเขาตาย คนที่ดีใจมากที่สุด ย่อมต้องเป็นเจ้าสามแต่ เรื่องเจ้าสามอยากเอาชีวิตเขา โดยพื้นฐานแล้วทุกคนก็รู้กันดีคนเหล่านี้เหมือนว่าไม่จำเป็นต้องตายเพื่อเก็บความลับกระมัง?หรือว่า พวกเขาต้องใช้ความตายไร้หลักฐานกับเขา เพื่อป้องกันเขาไปหาเรื่องเจ้าสาม?หากตัดเจ้าสามทิ้ง คนที่ต้องการเอาชีวิตเขา ยังมีอีกมากมายบรรดาพี่น้องในเมืองจักรพรรดิ มีผู้ใดบ้างไม่ต้องการชีวิตเขา?เมื่อเขาตาย กองทหารมณฑลทางเหนือจะวุ่นวาย คนที่จงรักภักดีกับเขาต้องยกทัพบุกไปเปิดศึกกับราชสำนัก คืนความยุติธรรมแทนเขาถึงขั้นนั้นแล้ว ต้าเฉียนก็จะวุ่นวายเมื่อเป็นเช่นนี้ เหมือนว่าพวกเจ้าสอง เจ้าสี่ ก็จะมีโอกาสแล้วส่วนเสด็จพ่อที่เมี่ยวอินสงสัย แม้หยุนเจิงไม่เต็มใจยอมรับ แต่ก็มีคว
ต่อก่อนที่ยังไม่รู้ตัวตนคนเหล่านี้ คงไม่สามารถยิงสังหารไม่เลือกหน้าได้กระมัง?มือสังหารเช่นนี้ ยากที่จะป้องกัน!พวกเขาก็ไม่สามารถเอาแต่อยู่ในจวนอ๋องไม่ออกไปไหนได้กระมัง?หยุนเจิงครุ่นคิดชั่วครู่ จากนั้นก็ถามเยี่ยจื่อ “ตอนนี้มีสายลับเท่าใด?”“ประมาณสองร้อยคิด” เยี่ยจื่อตอบประมาณสองร้อยคนหรือ?มันน้อยไปหน่อยแล้วหยุนเจิงคิด จากนั้นก็ถามเสิ่นลั่วเยี่ยน “กลับไปจากสายลับสองร้อยคนนี้เลือกออกมาห้าสิบคนที่ค่อนข้างฉลาด ข้าต้องการใช้!”“ได้!” เสิ่นลั่วเยี่ยนตอบรับทันที จากนั้นก็ถามอย่างเป็นห่วย “เจ้าคิดทำสิ่งใด?”“ข้าจะส่งพวกเขาเข้าไปในด่าน!”หยุนเจิงนัยน์ตาฉายแววอาฆาตเดิมเขาไม่อยากสนใจเรื่องภายในด่าน ในเมื่อมีคนอยู่ไม่สุข เช่นนั้นก็มาเถอะ!เขาใช้ห้าสิบคนเป็นกรอบ สร้างองค์กรข่าวกรองขนาดใหญ่ รวบรวมข่าวกรองภายในด่านหากเป็นไปได้ เขาหวังว่าคนเหล่านี้สามารถแทรงซึมเข้าไปในราชวังได้!เมื่อรู้ความคิดของหยุนเจิง หญิงสามทั้งสามคนไม่ได้กล่าวสิ่งใดมากความอีกจากนั้น หยุนเจิงถามเมี่ยวอิน “เจ้ารู้เรื่องเกี่ยวกับยุทธภพมากมาย?”“ไม่ถึงขึ้นรู้มากมาย”เมี่ยวอินส่ายหน้า “เพียงแต่อาจารย์ข้าในช่ว
สองวันต่อมา พวกหยุนเจิงกลับถึงติ้งเป่ยระหว่างทาง หยุนเจิงไม่ปรากฏตัวต่อสาธารณะอีกบรรยากาศทั้งซั่วเป่ยผิดปกติ ตามท้องถนนทุกแห่งมีทหารลาดตระเวนด้วยหน้าตาเคร่งขรึม คนเข้าออกติ้งเป่ย ล้วนได้รับการตรวจคนอย่างเข้มงวดแต่ว่าสามารถเห็นทหารส่งสารควบม้าจากภายในเมืองออกไปด้วยความรีบร้อนแต่ให้เป็นคนธรรมดา ก็สามารถรับรู้ได้ถึงแรงกดดันของพายุฝนที่กำลังจะมาถึงไม่มีผู้ใดรู้ว่าเกิดเรื่องใดขึ้น แต่หมอชื่อดังของติ้งเป่ยต่างก็ถูกพาเข้าไปในจวนอ๋องวันถัดไป ภายในเมืองก็มีข่าวลือ บอกว่าจิ้งเป่ยอ๋องพบกับการลอบสังหารตอนที่กลับจากเขาลั่วเสีย ตอนนี้ยังหมดสติอยู่ตามหลักแล้ว นี่คือข่าวจากหมอท่านหนึ่งที่ตรวจอาการให้จิ้งเป่ยอ๋องหมอท่านนั้นตอนกลางวันถูกคนของจวนอ๋องพาตัวไป เป็นตายไม่อาจรู้ได้สิ่งที่หมอท่านนี้เผชิญ ราวกับเป็นเครื่องยืนยันข่าวลือภายในเมือง“ต้องส่งข่าวให้เราแม่ทัพผู้นำแต่ละหน่วยหรือไม่?”“เรื่องการศึกของพวกเรากับเป่ยหวนเพิ่งจบ หากเกิดความวุ่นวายขึ้นมาก็ไม่ดีแล้ว”เสิ่นลั่วเยี่ยนอิงแอบในอ้อมกอดหยุนเจิง ปล่อยให้หยุนเจิงลูบท้องที่ยังตั้งครรภ์ของนางตามใจชอบตอนนี้หยุนเจิงอยู่สบาย ทั้งวัน
ขณะที่ทั้งสามคนกำลังสนทนากัน ประตูห้องถูกผลักอย่างแรงฮูหยินเสิ่นเดินตะบึงเข้ามา“ท่านแม่ เกิดเรื่องแล้ว?”เห็นสีหน้าของฮูหยินเสิ่นไม่ถูกต้อง เสิ่นลั่วเยี่ยนรีบถามสีหน้าของฮูหยินเสิ่นไม่ค่อยดี จากนั้นก็กล่าวเสียงเข้ม “เมื่อครู่ภายในจวนจับคนทำลับๆ ล่อๆ ได้หนึ่งคน ยังเป็นคนที่ช่วยงานราชการในซั่วเป่ยของจื่อเอ๋อร์ ไต่สวนปรากฏออกมาว่า เป็นคนของฝ่าบาท...”เมื่อได้ฟังคำของฮูหยินเสิ่น สีหน้าเสิ่นลั่วเยี่ยนและเยี่ยจื่อเปลี่ยนไปพร้อมกันนึกไม่ถึงว่าจะเป็นภายในคนเหล่านั้น?ฝ่าบาทส่งคนสอดแนมไปถึงในนั้นด้วย?หยุนเจินยังดีผลลัพธ์นี้ไม่ได้เกินความคาดหมายเท่าใดในจวนมีคนที่เสด็จพ่อจัดหามา คนที่ลอบสังหารไม่จำเป็นต้องเป็นเสด็จพ่อส่งมาหยุนเจิงลังเล จากนั้นก็ถาม “คนผู้นั้นเข้ามาในจวนตั้งแต่เมื่อใด?”“ก็ตั้งแต่ที่ฝ่าบาทไปจากติ้งเป่ย”ฮูหยินเสิ่นตอบ “นับดูแล้ว เขาเป็นคนของฝ่าบาทมาตลอด ก่อนหน้านี้เพียงแค่ช่วยฝ่าบาทจับตาเว่ยเหวินจงเท่านั้น! ครั้งที่แล้วฝ่าบาทมายังติ้งเป่ย เคยส่งราชองครักษ์ไปติดต่อเขา เพียงสั่งให้เขาปะปนเข้ามาในจวนอ๋องเพื่อจับตาดูพวกเรา ไม่ได้กำชับเรื่องอื่น! จนถึงตอนนี้ เขายัง
หลายวันต่อมา หยุนเจิงยังคงไม่ยอมออกจากธรณีประตูมีคนเห็นคนของจวนอ๋องส่งยาจำนวนมากไปยังจวนอ๋องหยุนเจิงผู้เป็นท่านอ๋องเป็นหรือตาย ไม่มีใครรู้ ไม่มีใครสามารถเข้าใกล้จวนอ๋องได้ทั้งจวนอ๋องถูกกององครักษ์ของหยุนเจิงคุ้มกันไว้อย่างแน่นหนา มีคนคิดที่จะสืบเรื่องภายในจวนอ๋อง จะต้องพบกับการถูกทุบตีอย่างรุนแรงคนในจวนอ๋องประกาศต่อภายนอกว่า หยุนเจิงไม่เป็นไร แค่กำลังกำหนดแผนใหญ่เพื่อประชาชนชาวซั่วเป่ย ห้ามให้ผู้ใดรบกวนปฏิกิริยาของทหารยามจวนอ๋อง กลับทำตัวพิรุธน่าสงสัยว่าที่นี่ไม่มีเงินสามร้อยตำลึงด้วยเหตุนี้ ข่าวที่หยุนเจิงเจอกับการลอบสังหารแพร่ออกไปอย่างบ้าคลั่งแม้แต่ตู๋กูเช่อที่อยู่ชายแดนเว่ยยังได้รับข่าวด้วยเช่นกันตู๋กูเช่อไม่รู้ว่าหยุนเจิงพบการลอบสังหารจริงหรือไม่แต่ไร้ลมก็ไม่เกิดคลื่นในเมื่อมีข่าวลือเช่นนี้ เกรงว่าคงมีเหตุการณ์จริงบางส่วน!อีกทั้ง เขายังได้ยินว่า นักรบภูตสิบแปดที่กำลังพักผ่อนอยู่ที่ชายแดนกู้ไปเร่งเดินทางไปยังติ้งเป่ยแล้วสำหรับนักรบภูตสิบแปดของหยุนเจิง ตู๋กูเช่อย่อมรู้จักเช่นกันขอแค่นักรบภูตสิบแปดเคลื่อนไหว ย่อมไม่ใช่เรื่องดี!ตู๋กูเช่อยิ่งคิดยิ่งนั่งไม่ติ
"ไม่ต้องเก็บแล้ว!" จักรพรรดิเหวินตวาดเสียงดัง "รีบไปแจ้งเจ้าหกตามคำสั่งข้าว่า ข้าจะไปตกปลาที่ทะเลสาบชิงซาน ให้เขามาคอยปรนนิบัติข้างกาย!"มู่ซุ่นสะดุ้งตัว รีบกล่าวด้วยความหวาดกลัว "ฝ่าบาท โปรดระงับโทสะ กระหม่อมจะไปเดี๋ยวนี้ ฝ่าบาทอย่าได้ทรงกริ้วจนเสียสุขภาพเลยพ่ะย่ะค่ะ...""รีบไปถ่ายทอดคำสั่งของข้าเดี๋ยวนี้!"จักรพรรดิเหวินขัดคำพูดของมู่ซุ่นอย่างหยาบกระด้างมู่ซุ่นไม่กล้าพูดอะไรต่อ รีบออกจากห้องไปอย่างรวดเร็วหลังจากประตูปิดลง จักรพรรดิเหวินก็เริ่มขว้างปาข้าวของในห้องอีกครั้งเมื่อมองดูความยุ่งเหยิงเต็มพื้น สีหน้าของจักรพรรดิเหวินเริ่มแสดงความรู้สึกเสียดายขึ้นมาเล็กน้อยการระบายโทสะครั้งนี้ ข้าทำลายของมีค่ามากมายเลยทีเดียวแต่เมื่อสายตาของเขาหันไปมองราชบัลลังก์ของโฉวฉือที่ตั้งอยู่ในห้อง ความเสียดายก็คลายลงไปอืม ของสิ่งนี้นับว่าเป็นของดีจริงๆหากนำไปขาย คงได้ราคาไม่ต่ำกว่าสองสามล้านตำลึงเงินแน่แต่ปัญหาคือ ของสิ่งนี้ขายยาก!ในราชสำนักต้าเฉียน ไม่มีใครมีปัญญาซื้อหรือถึงจะมีก็แทบไม่มีคนที่กล้าซื้ออยู่ดีช่างเถิด บัลลังก์นี้อย่าขายเลยไว้เมื่อใดที่ข้าล่วงลับ ก็จะนำมันไปเป็น
คืนนั้น หยุนเจิงพักอยู่ในจวนอ๋องแห่งใหม่ของเขาการป้องกันภายในจวนแน่นหนาเป็นพิเศษ หากจะใช้คำว่า สามก้าวหนึ่งด่าน ห้าก้าวหนึ่งยาม ก็คงไม่เกินจริงรอบจวนอ๋องเอง ก็มีทหารองครักษ์ของหยุนเจิงลาดตระเวนอย่างต่อเนื่องด้วยการป้องกันเช่นนี้ การลอบสังหารหยุนเจิงแทบจะเป็นไปไม่ได้แม้ใครจะส่งกองทัพใหญ่เข้ามาโจมตีจวนอ๋องโดยตรง ก็ไร้ความหมายทหารองครักษ์ของหยุนเจิงเพียงพอที่จะต้านทานได้ระยะหนึ่ง และเมื่อยื้อเวลาไว้ได้ไม่นาน กองทหารโลหิตก็จะเข้ามาเสริมกำลังเช้าวันต่อมา ขณะที่หยุนเจิงกำลังรับประทานอาหาร เสิ่นควานก็รีบร้อนพาภูตห้ามาพบเมื่อหยุนเจิงไล่คนรอบข้างออกไปแล้ว ภูตห้าก็รายงานทันที “กราบทูลฝ่าบาท พวกกระหม่อมได้จับตัวเฉียวเหยียนเซียน ผู้บัญชาการทหารฝ่ายซ้ายของจวนองค์รัชทายาท พร้อมพรรคพวกของเขาได้พ่ะย่ะค่ะ พวกเขากำลังจะไปยังหุบเขาที่จ้าวจี๋ประจำการอยู่ แต่กระหม่อมพบว่าเฉียวเหยียนเซียนปิดปากแน่น กระหม่อมลองทุกวิถีทางแล้วก็ยังไม่สามารถให้เขาเปิดปากได้...”ผู้ที่ไปพร้อมกับเฉียวเหยียนเซียนยังมีทหารอีกจำนวนหนึ่งแต่ทหารเหล่านั้นรู้เพียงว่าพวกเขาจะไปยังที่ตั้งของจ้าวจี๋ในหุบเขาส่วนจุดประสงค์
“ลุกขึ้นเถิด”หยุนเจิงสะบัดแขนเสื้อเบาๆ “ใต้เท้าเซี่ยมีธุระอันใดหรือ?”“กระหม่อมมาพบองค์หญิงเจียเหยาพ่ะย่ะค่ะ” เซี่ยหล่างโค้งตัวกล่าว “กระหม่อมได้รับพระบัญชาจากฝ่าบาท ให้มาแจ้งองค์หญิงตามราชประเพณี โปรดให้องค์หญิงย้ายไปยังจวนชั่วคราวที่เตรียมไว้ ฝ่าบาทมีรับสั่งให้องค์หญิงนำองครักษ์ใกล้ชิดจำนวนสามร้อยนายไปด้วย กระหม่อมได้จัดเตรียมข้าทาสบริวารไว้พร้อมแล้ว สำหรับคนอื่นๆ ในคณะส่งตัวเจ้าสาว จะจัดให้อยู่ในค่ายป้องกันเมืองชั่วคราว...”“ได้ทั้งนั้น”เจียเหยาตอบเรียบๆพวกนั้นมิใช่คนของนาง จะจัดการอย่างไรก็แล้วแต่พวกเขา“ถ้าเช่นนั้น เจ้าพาองค์หญิงเจียเหยาไปยังจวนชั่วคราวก่อนเถิด!”หยุนเจิงรู้สึกไม่พอใจกับพิธีการซับซ้อนเหล่านี้ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมากไม่นาน เจียเหยาก็พาองครักษ์ของนางติดตามเซี่ยหล่างไปเนื่องจากองครักษ์ของเจียเหยามีไม่ถึงร้อยคน ฟู่เทียนเหยียนจึงส่งคนเพิ่มให้อีกสองร้อยคนร่วมเดินทางด้วยส่วนสินเดิมทั้งหมด ก็จะถูกส่งไปยังจวนชั่วคราวพร้อมกันในวันแต่งงาน สินเดิมเหล่านี้จะถูกขนย้ายไปยังจวนจิ้งเป่ยอ๋องหลังจากเจียเหยาออกไปได้ไม่นาน หลูซิ่งก็มาหาที่จวนหยุนเจิงเชิญหลูซิ่งนั่ง
“เสด็จพ่อของเจ้า ดูเหมือนจะไม่ค่อยชอบเจ้าสักเท่าไรหรอกนัก?”ขณะที่เดินทางไปยังจวนเพื่อแนะนำทาง เจียเหยายิ้มพลางเอ่ยถามหยุนเจิง“นี่ไม่ใช่คำถามไร้สาระหรอกหรือ?”หยุนเจิงเหลือบมองเจียเหยาด้วยสายตาเฉียง ก่อนตอบว่า “หากเจ้าเป็นเขา เจ้าจะชอบลูกที่เกิดจากนางกำนัลคนหนึ่งหรือไม่? แถมลูกคนนี้ยังแย่งชิงอำนาจการทหารของกองทัพมณฑลทางเหนือ ไม่ยอมปฏิบัติตามคำสั่งของราชสำนัก และราชสำนักก็ยังทำอะไรเขาไม่ได้”“แล้วมันสำคัญอะไร?”เจียเหยาแสดงท่าทีไม่ใส่ใจ “หากข้าเป็นเขา แล้วมีลูกชายที่เก่งกาจในการรบเช่นนี้ ข้าคงดีใจจนแทบบ้า”“นั่นก็เพราะเจ้ามิได้นั่งอยู่ในตำแหน่งของเขา” หยุนเจิงส่ายหัวเบาๆ “หากเจ้านั่งอยู่ในตำแหน่งของเขา สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาย่อมมากกว่านี้อีก! แม่ทัพผู้เก่งกาจมีมากมาย แต่มีจักรพรรดิคนใดเล่าที่เก่งกาจในการรบด้วยตัวเอง?”อย่างนั้นหรือ?เจียเหยาหันศีรษะครุ่นคิดสักครู่ ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างสงบนิ่งสิ่งที่เขาพูดก็มีเหตุผลไม่ว่าจะเป็นต้าเฉียนหรือเป่ยหวน ผู้ที่เก่งกาจในการรบ มักตกเป็นเป้าหมายของความหวาดระแวงช่วยไม่ได้ นี่คือธรรมชาติของมนุษย์“จริงๆ แล้ว ด้วยอำนาจของเจ้าในตอนนี้ เจ
“พ่ะย่ะค่ะ!”หยุนลี่รับคำสั่งด้วยความนอบน้อม แต่ในใจกลับเย็นเยียบหากไม่ใช่เพราะเสด็จพ่อเตือน เขาคงไม่คิดสงสัยว่าจะมีใครลอบส่งข่าวให้เจ้าหกตอนนี้ เจ้าหกมีกำลังทหารที่แข็งแกร่ง หากมีคนหวาดกลัวเขาแล้วเลือกที่จะลอบสมคบ คงเป็นไปได้ยิ่งนัก!หวังว่าจะไม่ใช่คนของฝั่งตนเอง!ไม่เช่นนั้น ตนจะทำให้พวกมันอยู่ไม่สู้ตาย!หยุนลี่คิดอย่างเคียดแค้น"เฮ้อ..."ขณะที่หยุนลี่กำลังคิดอย่างโกรธแค้น จักรพรรดิเหวินก็ถอนหายใจยาว“เสด็จพ่อ เหตุใดจึงถอนหายใจหรือพ่ะย่ะค่ะ?”หยุนลี่ถามด้วยความกังวล“เจ้าสาม เจ้าต้องทำให้ข้าภูมิใจ!”จักรพรรดิเหวินจ้องหยุนลี่นิ่งๆ ก่อนจะกล่าวต่อ“ข้าจะบอกความจริงกับเจ้า ก่อนข้าออกจากเมืองหลวง มีคนลอบกราบทูลข้าว่า หากต้องการแก้ปัญหาระหว่างราชสำนักกับเจ้าหก วิธีที่ดีที่สุดก็คือแต่งตั้งเจ้าหกเป็นองค์รัชทายาท...”อะไรนะ?เมื่อได้ยินคำพูดของจักรพรรดิเหวิน หยุนลี่ก็เกิดจิตสังหารขึ้นในใจคนสารเลวคนไหนที่บังอาจลอบกราบทูลเรื่องนี้?แต่งตั้งหยุนเจิงเป็นองค์รัชทายาท เช่นนั้นตนยังจะมีทางรอดหรือ?คนสารเลวคนนี้ คิดจะเอาชีวิตตนแน่!ต้องสืบเรื่องนี้ให้ได้ว่าใครเป็นผู้ก่อคลื่นลม หาก
เมื่อเผชิญกับคำถามที่เปี่ยมด้วยความโกรธของจักรพรรดิเหวิน หยุนลี่ในใจก็ได้แต่ร้องบอกว่าไม่ยุติธรรมเขาย่อมอยากจับตัวเจ้าหก คนชั่วนี้ไว้จริงๆ!แต่คนชั่วนี้กลับนำทหารม้าชุดเกราะหนักมาด้วย!เขาอยากจับตัวหยุนเจิง แต่ก็ต้องมีโอกาสสิ!หากจัดการเรื่องนี้ไม่ดี อาจถึงคราวชีวิตองค์รัชทายาทอย่างเขาต้องจบสิ้น!หยุนเจิงคงไม่กล้าฆ่าเสด็จพ่อ แต่เขาจะไม่กล้าฆ่าตนด้วยหรือ?คนชั่วนั้น ตอนเข้าเฝ้าเสด็จพ่อในโถงใหญ่ บรรดาทหารองครักษ์ของเขาก็อยู่รอที่ด้านนอกโถงเห็นได้ชัดว่า คนชั่วนี้ระวังตัวทุกขณะ แม้แต่กับพวกเราหากลงมือพลาดไป เรื่องนี้ก็ไม่มีทางแก้ไขได้อีกแล้ว!“ทหารม้าชุดเกราะหนัก?”สีหน้าของจักรพรรดิเหวินพลันมืดลงทันที เขาคว้าถ้วยชาขึ้นแล้วปามันลงพื้น แตกกระจายเต็มไปหมด พลางตะโกนด้วยเสียงต่ำและโกรธเกรี้ยว “ลูกอกตัญญูคนนี้ยังกล้าซ่อนกองทหารม้าชุดเกราะหนักอีกหรือ? นำทหารม้าชุดเกราะหนักมาที่หัวเมืองสี่ทิศ เขาคิดจะทำอะไร?”หยุนลี่ตอบด้วยใบหน้าขมขื่นว่า“เจ้าหกกล่าวว่า นี่เพื่อข่มขวัญคณะส่งตัวเจ้าสาวจากเป่ยหวน และป้องกันไม่ให้พวกเขาฉวยโอกาสทำร้ายเสด็จพ่อและลูกพ่ะย่ะค่ะ”“ไร้สาระ!” จักรพรรดิเหวินตว
จักรพรรดิเหวินแม้ปากจะพูดเช่นนั้น แต่ท่าทีของเขากลับเรียบนิ่ง ดูเหมือนไม่ได้มีความสนใจเลยแม้แต่น้อยหยุนลี่จับสังเกตท่าทีทั้งหมดของจักรพรรดิเหวินไว้ในใจ พลางลอบยินดีหยุนเจิงรับคำสั่งทันที แล้วบอกให้เสิ่นควานจัดการให้คนยกสิ่งของขึ้นมาไม่นานนัก ทหารองครักษ์แปดนายก็แบกบัลลังก์ของราชาโฉวฉือเดินเข้ามาอย่างช้าๆ“นี่คือ…อะไรหรือ?”จักรพรรดิเหวินดูเหมือนจะเริ่มสนใจขึ้นมาบ้าง“นี่คือบัลลังก์ของราชาโฉวฉือ!”หยุนเจิงยิ้มพลางกล่าว “หลังจากโฉวฉือยอมจำนน กระหม่อมได้สั่งให้คนยกบัลลังก์นี้กลับมายังซั่วเป่ยโดยเฉพาะ เพื่อถวายแด่เสด็จพ่อ!”“โอ้?”จักรพรรดิเหวินดูเหมือนจะสนใจขึ้นจริงๆ ทันใดนั้นก็ลุกขึ้นยืน รอจนทหารองครักษ์ของหยุนเจิงวางบัลลังก์ของราชาโฉวฉือลงแล้ว จักรพรรดิเหวินก็รีบขึ้นไปนั่งทดลองทันที ก่อนจะหัวเราะพลางกล่าวว่า “เห็นแก่ความจงรักภักดีของเจ้า ของขวัญชิ้นนี้ ข้ารับไว้แล้ว! องค์รัชทายาท เจ้าก็มาลองนั่งดูบ้าง!”พูดจบ จักรพรรดิเหวินก็ลุกขึ้นจากบัลลังก์“เสด็จพ่อ ไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ!”หยุนลี่โบกมือปฏิเสธรัวๆ “นี่คือของขวัญที่น้องหกถวายแด่เสด็จพ่อ ของสิ่งนี้เป็นถึงบัลลังก์ ลูกไม่อาจ…”
หลังจากสร้างความอึดอัดใจให้หยุนลี่จนเต็มท้อง ในที่สุดพวกเขาก็เข้าสู่ตัวเมืองการมาถึงของหยุนเจิงได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากชาวบ้านในหัวเมืองสี่ทิศแทบทุกคนในหัวเมืองสี่ทิศต่างออกมายืนเรียงรายริมถนนเพื่อต้อนรับ และหวังจะได้เห็นโฉมหน้าของจิ้งเป่ยอ๋องผู้เลื่องชื่อเจียเหยาค่อยๆ เลิกม่านรถม้าขึ้นเล็กน้อย มองดูบรรยากาศด้านนอกอย่างเงียบๆนางไม่รู้ว่าหัวเมืองสี่ทิศนับว่ารุ่งเรืองหรือไม่แต่สิ่งที่นางเห็นคือ รอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความสุขบนใบหน้าของชาวบ้านเหล่านี้ดูเหมือนจะมีความภาคภูมิใจแฝงอยู่เล็กน้อยบางที พวกเขาอาจภูมิใจที่ต้าเฉียนมีท่านอ๋องผู้เก่งกาจในการรบเช่นนี้กระมัง?ใช่แล้ว!ผู้ที่ขยายอาณาเขต กำราบศัตรู และพิชิตแคว้นในศึกเดียว!เขาคือผู้ที่นำทัพสร้างครึ่งหนึ่งของดินแดนต้าเฉียนด้วยความกล้าหาญและความสามารถ!หากเป่ยหวนมีองค์ชายที่เก่งกาจเช่นนี้ ชาวเป่ยหวนก็คงจะรู้สึกภูมิใจเช่นกันกระมัง?เฮ้อ!นางจากเป่ยหวนมานานถึงเพียงนี้ ไม่รู้เลยว่ากุ่ยฟางได้ส่งมอบเสบียงและปศุสัตว์ให้แก่ทัวฮวนแล้วหรือยังตอนนี้คือช่วงเวลาที่เป่ยหวนหนาวเย็นที่สุด หากมีทรัพยากรเหล่านั้น ชาวเป่ยหวนคงจะผ่
หยุนเจิงมองหยุนลี่ด้วยสีหน้าไม่พอใจ "ทั้งโลกก็รู้ว่าจางซูเป็นคนของข้า ตอนนี้เจ้าเอาจางซูไปกักขังไว้ในเมืองหลวง เจ้าคิดว่าข้าจะยอมรับได้หรือ?""เจ้าพูดแบบนั้นไม่ถูกแล้ว"เมื่อพูดถึงจางซู หยุนลี่รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมานิดหน่อย พร้อมกับยิ้มอย่างมีเล่ห์ "จางซูเองอยากอยู่ในเมืองหลวง แต่อยู่ดีๆ เจ้าจะมาหาว่าข้าเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้? เจ้าดูสิ เจ้าคิดว่าเอาจางซูมาเป็นพี่น้องกับเจ้าขนาดนี้ แต่วันแต่งงานกับเจียเหยา จางซูกลับไม่ถามอะไรเลย?"การขัดขวางหยุนเจิง ทำให้หยุนลี่รู้สึกสะใจ หมาน้อย เจ้าได้ใจมากไม่ใช่หรือฦเจ้าก็มีวันนี้?“ดีที่สุดก็ให้มันเป็นเช่นนั้น!"หยุนเจิงหน้าเครียดขึ้น เตือนเสียงต่ำ "ถ้าจางซูเลือกที่จะอยู่ในเมืองหลวง ข้าก็ไม่พูดอะไร แต่ถ้าข้าหาเจอว่าจางซูถูกเจ้ากักขังในเมืองหลวง ไม่ว่าเสด็จพ่อจะออกมาช่วยอย่างไรก็ไม่ช่วย!""เช่นนั้นก็ไปตรวจสอบดูซะ!" หยุนลี่ไม่สะทกสะท้าน ยิ้มเยาะเย้ยอยู่บนใบหน้า"ข้าจะไปตรวจสอบให้ได้!"หยุนเจิงแค่นเสียงเหอะเบาๆ "อ้อ มีเรื่องที่ข้าต้องการให้เจ้าช่วยด้วย"“เจ้าจิ้งเป่ยอ๋องยังมีเรื่องมาขอข้า?”หยุนลี่ทำท่าทางตกใจ "บอกมาเถอะ มีอะไร?"ช่วยเขา? แน