ไม่ได้เขียนหรือ?ตู๋กูเช่อสายตาเย็นชาคำพูดนี้ของโจวที่ กลับไม่มีปัญหาใดแต่ว่า ด้วยประสบการณ์การวิเคราะห์ของเขา เห็นได้ชัดว่าโจวมี่กำลังโกหกตู๋กูเช่อปล่อยโจวที่ จากนั้นก็กัดฟัน “องค์ชายเป็นอย่างไรกันแน่?”“องค์ชายไม่เป็นไร” โจวมี่ยังคงยิ้มแห้ง“ใช่จะดีที่สุด!”ตู๋กูเช่อมองโจวที่อย่างเย็นชา “เช่นนั้นตอนนี้เจ้ากลับไปรายงานองค์ชาย บอกองค์ชาย ตู๋กูเช่อรับคำสั่ง! รอให้ข้าจัดการเรื่องเหล่านี้เสร็จแล้ว จะรีบไปติ้งเป่ยเพื่อเยี่ยมองค์ชาย!”พวกโจวมี่มาไว ไปก็ไวเช่นกันทันทีที่โจวมี่จากไป หัวหน้าทหารคนสนิทของตู๋กูเช่อก็วิ่งเข้ามา“รองแม่ทัพ องค์ชายเกิดเรื่องจริงใช่หรือไม่?”หัวหน้าทหารคนสนิทรีบร้อนถาม“ถามมากมายเพื่อสิ่งใด? นี่เป็นสิ่งที่เจ้าควรถามหรือ?”สีหน้าตู๋กูเช่อบึ้งตึง “ทำงานของเจ้าให้ดี ไม่ควรถามก็อย่าถาม!”“รองแม่ทัพ!” หัวหน้าทหารคนสนิทชะโงกหน้าเขามา กระซิบเกลี่ยกล้อม “นี่คือโอกาสที่รองแม่ทัพจะควบคุมกองทหารมณฑลทางเหนือ! หากรองแม่ทัพควบคุมกองทหารมณฑลทางเหนือ ค่อยนำอำนาจทางทหารมอบให้ฝ่าบาท ฝ่าบาทต้อง...”“หุบปาก!”ตู๋กูเช่อตัดบทหัวหน้าทหารคนสนิททอย่างเย็นชา “ข้าบอกเจ้า ข
ติ้งเป่ย“ยังมีเรื่องดีนี้ด้วย?”เมื่อได้ข่าวที่เมี่ยวอินนำกลับมา ดวงตาของหยุนเจิงเป็นประกายดวงตาสุนัขสะท้อนแสงนึกไม่ถึงว่าเมี่ยวอินจะจับกลุ่มมือสังหารที่ยังไม่ทันได้ลงมือที่เจ้าสามส่งมาได้โดยไม่ได้ตั้งใจ?“เจ้าเสพติดการถูกลอบสังหารแล้วกระมัง?”เมี่ยวอินหยิกหยุนเจิง “นี่เรียกว่าเรื่องดี?”การศึกต้าเฉียนกับเป่ยหวนเพิ่งสิ้นสุด หยุนเจิงกลายเป็นหนามในตาของคนจำนวนมากมายหยุนเจิงมักจะชอบกล่าวไม่ใช่หรือ ไม่กลัวโจรขโมย กลัวแต่โจรจะคิดถึงมีคนมากมายคิดถึงเขา เขายังคิดว่าเป็นเรื่องดี?“เจ้าวางแผนหลอกหยุนลี่ใช่หรือไม่?”เยี่ยจื่อกล่าวคำเดียวก็จี้จุดความคิดในใจของหยุนเจิงหยุนเจิงยิ้มเจ้าเล่ห์ ดึงเยี่ยจื่อเข้ามา จูบอย่างรุนแรง“อย่าก่อเรื่อง! ไม่รู้จักอายเลย!”เยี่ยจื่อตีหยุนเจิงอย่างเขินอาย“อยู่ต่อหน้าพี่อน้องของเจ้า มีเรื่องใดต้องอาย?”หยุนเจิงหัวเราะเจ้าเล่ห์ “อีกอย่าง ก็เป็นเรื่องเปิดเผยแล้ว...”คำพูดของหยุนเจิงกล่าวยังไม่ทันจบ สองสายตาเดือดดาลก็สาดมาที่เขาอย่างรุนแรงเมี่ยวอินและเยี่ยจื่อทั้งอายทั้งโมโห อยากจะถีบไอสารเลวนี่คนละทีไม่รู้ว่าเหตุใดหนังหน้าของไอสารเลวนี่จึงได้
อีกทั้ง จักรพรรดิเหวินนำลูกของรัชทายาทองค์ก่อนส่งมาที่นี่แล้วเขาคงไม่ทำเรื่องตัดขาดเช่นนี้กระมัง?หากทำเรื่องตัดขาดเช่นนี้จริง เหตุใดก่อนหน้านี้จึงส่งเลือดเนื้อเชื้อไขเดียวของพี่ใหญ่มาที่นี่เล่า?เช่นนี้หรือ?เมื่อได้ฟังคำพูดของหยุนเจิง ทุกคนอดครุ่นคิดเงียบๆ ไม่ได้คำพูดของหยุนเจิงแม้จะคิดว่าควรเป็นเช่นนั้น แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีเหตุผล“เช่นนั้นเจ้าจะรับประกันได้เช่นไรว่าเสด็จพ่อจะไม่คิดมาก?”เยี่ยจื่อยังคงขมวดคิ้ว “เจ้าส่งทหารไปประชิดฟู่โจว เสด็จพ่อไม่กังวลนะเจ้าเอาจริงหรือ?”“เจ้าคิดว่าเสด็จพ่อและบรรดาขุนนางใหญ่ในราชสำนักเป็นคนโง่หรือ!”หยุนเจิงใบหน้ายิ้มมองเยี่ยจื่อ “กองทหารมณฑลทางเหนือของข้าต่อให้ตัดทหารชาวนาออก ก็มีกองทัพเกินหนึ่งแสน! หากข้าก่อกบฏ จะโง่ถึงขั้นส่งทหารเพียงหนึ่งหมื่นคนไปเข้าประชิดฟู่โจวหรือ?”หากต้องการก่อกบฏ ก็ดึงทหารม้าจากสามเมืองชายแดนกลับมาโดยตรง จู่โจมฟู่โจวสายฟ้าแลบไม่ดีหรือ?”หากเขาก่อกบฏ ขอแค่การเคลื่อนไหวเร็วสักหน่อย เวลาการตอบสนองของกองทัพประจำการที่แนวป้องกันฟู่โจวยังไม่มีด้วยซ้ำ!ต่อให้เสด็จพ่อไม่เข้าใจข้อนี้ แต่เซียวซ่านโฉวและเสวี่ยเช่อบรรดาแม
สองวันต่อมา พวกอวี๋ซื่อจงคุมตัวเชลยศึกจำนวนมากกลับถึงชายแดนกู้เมื่อเห็นแม่ทัพน้อยใหญ่ของชายแดนกู้ อาการชอบเข้าสังคมของฉินชีหู่กำเริบแล้ว ลำพองอวดโอ้ต่อหน้าทุกคน“พวกเจ้าไม่รู้ ข้ามือถือดาบใหญ่ ตลอดทางบุกจากทางเดินทะเลทรายตะวันตกไปยังราชสำนักเป่ยหวน จากนั้นก็บุกจากราชสำนักเป่ยหวนไปยังแมนจูทางเหนือ หากไม่ใช่เพราะดาบเล่มนี้อยู่ยงคงกระพัน ใบมีดคงบิ่นไปนานแล้ว!”“ทหารม้าเป่ยหวนเหล่านั้นล้วนถูกพวกเราข่มขวัญ แค่เห็นพวกเราก็ยอมจำนนร้องไห้เรียกพ่อเรียกแม่แล้ว...”“ว่ะฮ่าๆ...”ฉินชีหู่โม้น้ำลายแตกฟองกับแม่ทัพน้อยใหญ่ที่เหลือไว้เฝ้าชายแดนกู้คุยโวถึงความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของพวกเขา ก็ขาดแค่เขาบอกว่าถือมีดฝ่าแตงโมตั้งแต่ถนนเผิงไหลจนถึงประตูเทียนหนานเท่านั้นฉินชีหูโม้อย่างมีความสุข ทว่ากลับไม่ได้สังเกตเห็นรอยยิ้มขอไปทีบนใบหน้าของแม่ทัพเหล่านี้เลยฉินชีหู่ไม่ทันสังเกต แต่อวี๋ซื่อจงสังเกตเห็นเห็นรอยยิ้มที่ทุกคนฝืนบีบบังคับออกมา อวี๋ซื่อจงแอบขมวดคิ้วมันเรื่องใดกัน?ต่อให้ฉินชีหู่กำลังคุยโวโออวด แต่ชัยชนะที่พวกเขานำกลับพร้อมกับเชลยศึกมากมายนั้นเป็นความจริงตามหลักแล้ว ทุกคนควรดีใจถึงจะถูก!
“อวี๋ซื่อจง สั่งเจ้ารีบไปยังด่านเป่ยลู่ ข้ากังวลว่าทหารที่ด่านเป่ยลู่ได้รับข่าวลือมีคนทนไม่ไหวไปขอคำอธิบายจากราชสำนักแทนท่านอ๋อง เจ้าจำเป็นต้องสยบทหารที่ด่านเป่ยลู่ ตอนที่ยังไม่ได้รับข่าวจากองค์ชาย ด่านเป่ยลู่ห้ามมีการเคลื่อนไหว! ห้ามวู่วามกับกองทัพราชสำนักเด็ดขาด!”“หวังชี่ ฮั่วกู้ เจ้าสองคนอยู่ฟังข่าวที่ชายแดนกู้ รับผิดชอบลาดตระเวนทุกค่าย...”ตู๋กูเช่อวางแผนจัดการอย่างรวดเร็วครั้งนี้คนที่เขาใช้ โดยพื้นฐานแล้วเป็นคนที่ได้รับการส่งเสริมจากหยุนเจิงจากทหารยุดเดิมเป็นทหารยุคใหม่คนเหล่านี้มีผลงานการรบ ย่อมต้องมีอำนาจบารมีภายในกองทัพพวกเขาสามารถควบคุมหน่วยต่างๆ ได้ที่สำคัญที่สุดคือ พวกเขาต่างก็ขึ้นตรงกับหยุนเจิงใช้งานคนเหล่านี้ ก็วางใจได้หน่อยตอนนี้สิ่งที่พวกเขาต้องทำ คือควบคุมขวัญทหาร ไม่ปล่อยให้เกิดความวุ่นวายภายในกองทัพส่วนเรื่องอื่น รอให้สถานการณ์ของหยุนเจิงชัดเจนก่อนค่อยว่ากัน!ตอนที่ตู๋กูเช่ออกคำสั่ง ด้านนอกมีเสียงดังเอะอะลอยมาเมื่อได้ยินเสียงนั้นสีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปเกิดความวุ่นวายแล้ว?ขณะที่เหม่อลอยชั่วคราว ทุกคนใบหน้าเย็นชาเดินออกไปข้างนอกฉินชีหู่หยิบมีดข
จนกระทั่งทหารที่ล้อมรอบพวกหยุนเจิงแยกย้ายกันไปแล้ว พวกฉินชีหู่ในที่สุดก็เดินเข้าไป“น้องชาย เจ้าได้รับบาดเจ็บที่ใด?”ฉินชีหู่เดินเข้าไปดึงหยุนเจิงมาตรวจสอบ“เข้าห้องก่อนค่อยพูดกันเถอะ!”หยุนเจิงหัวเราะ เรียนทุกคนเข้าไปในห้องด้วยกันทันทีที่เข้าห้อง หยุนเจิงก็โค้งคำนับตู๋กูเช่อ“องค์ชาย ท่านทำสิ่งใด?”ตู๋กูเช่อตื่นตะลึงเพราะได้รับความเมตตาที่คาดคิดไม่ถึง รีบพยุงหยุนเจิงให้ยืนตัวตรง“ข้าขอโทษแม่ทัพตู๋กูเช่อเพราะความใจแคบของข้า!”หยุนเจิงเงยหน้าขึ้น “ข้าไม่ปิดบังแม่ทัพตู๋กูเช่อ ข้าแกล้งทำเป็นถูกลอบสังหารบาดเจ็บสาหัส มีการทดสอบแม่ทัพตู๋กูเช่อและผู้นำในกองทัพจริง วันนี้เป่ยหวนสงบสุข ไม่มีการรุกรานจากภายนอก ข้าควรกังวลศึกภายในแล้ว! มีที่ใดล่วงเกิน ขออภัยแม่ทัพตู๋กูเช่อด้วย”หยุนเจิงบอกแรงจูงใจของตัวเองกับตู๋กูเช่อด้วยความจริงใจต่อให้เขาไม่บอก เขาเชื่อตู๋กูเช่อก็เข้าใจ“องค์ชายกล่าวหนักไปแล้ว”ตู๋กูเช่อโบกมือปัด หัวเราะกล่าว “ข้าแม้ไม่ใช่คนมีความสามารถ แต่ก็เข้าใจเจตนาขององค์ชาย จริงอย่างที่องค์ชายกล่าว ไม่มีการรุกรานจากภายนอก ศึกภายในก็ควรปรับปรุงได้แล้ว! องค์ชายคือคนที่ฝ่าบาทแ
“กำลังมา”อวี๋ซื่อจงตอบ “แต่ว่า พวกเขาพาทั้งครอบครัวมาด้วย คิดว่าเช่นไรก็ต้องครึ่งเดือนขึ้นไป ได้ยินว่า คนที่อพยพมา ส่วนใหญ่ล้วนเป็นคนชนเผ่าขององค์หญิงเจียเหยา”โดยพื้นฐานล้วนเป็นชนเผ่าของเจียเหยาหรือ?หยุนเจิงประหลาดใจเล็กน้อยแต่ว่า คิดสักรอบ หยุนเจิงก็เข้าใจแล้วหยุนเจิงนำวัวแพะของชนเผ่านางทั้งเป็นเติมยุทธปัจจัยแล้วชนเผ่าเหล่านั้นของนาง อยู่ที่ชนเผ่าอื่น เกรงว่าคนฝืนทนกินสักมื้อให้ไม่ให้อดตายไม่สู้อพยพมาที่ซั่วเป่ยเช่นนี้ ทั้งเป็นทางรอดให้ชนเผ่าของนาง แล้วยังทำให้ชาวเป่ยหวนเหล่านั้นเห็นว่านางไม่ได้เห็นแก่ตัววิธีเดียวได้ถึงสองต่อแต่ว่า ในเมื่อคนเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นคนของชนเผ่าเจียเหยา เขาก็ต้องระมัดระวังจั่วเสียนอ๋องโปหลวนตอนนั้นก็ฮุบเอาชนเผ่าที่อยู่ในทุ่งหญ้ามู่หม่าของฮูเจี๋ย ก่อให้เกิดไฟไหม้สวนหลังบ้านความผิดเช่นเดียวกัน เขาห้ามให้เกิดขึ้นซ้ำอีกคนเหล่านี้ ต้องตีให้แตกกระตาย ห้ามไม่ให้รวมตัวกัน!หยุนเจิงครุ่นคิดชั่วครู่ จากนั้นก็สั่งอวี๋ซื่อจง “ข้าเอาตัวฟางหยุนซื่อคนทรยศมาอย่างถูกต้องเปิดเผย จัดการเช่นไร เจ้ากับแม่ทัพตู๋กูเช่อปรึกษากัน ข้าไม่ยุ่งแล้ว”“ขอบคุณอง
เมื่อได้รู้ว่าคนที่มาถ่ายทอดราชโองการใกล้ถึงแล้ว หยุนเจิงอดไม่ได้มีาจะยกยิ้มมุมปากได้!ทูตของฝ่าบาทมาได้ทันเวลาพอดี ทั้งยังสามารถส่งของขวัญชิ้นหนึ่งกลับไปให้ฝ่าบาทได้พวกหยุนเจิงเพิ่งเตรียตัวเสร็จ ทูตของฝ่าบาทก็มาถึงชายแดนกู้แล้วยังเป็นคนคุ้นเคย!หันจิ้น“คาราวะองค์ชายหก”หันจิ้นยังไม่ทันประกาศราชโองการ ก็ทำความเคารพหยุนเจิงก่อนอยู่ต่อหน้าหยุนเจิง เขาไม่กล้าวางท่วงท่าทูตของฝ่าบาทหยุนเจิงตุบตีเขาสักรอบ เขากลับไปบอกจักรพรรดิเหวิน คาดว่าคงโดนจักรพรรดิเหวินถีบอีกสักสองที“ผู้บัญชาการหันจิ้นเป็นทูตของฝ่าบาท ไม่ต้องพิธีรีตรอง”หยุนเจิงยิ้มเล็กน้อย ที่ลับตาคนหันจิ้นผู้นี้นับว่าพอใช้ได้ ไม่ได้วางมาดทูตของฝ่าบาทต่อหน้าเขาหันจิ้นลุกขึ้นยืนตรง จากนั้นก็มองหยุนเจิงด้วยความเป็นห่วงเป็นใย “พวกข้าอยู่ระหว่างทางได้ฟังว่าองค์ชายเหมือนจะถูกลอบสังหารณ์ ไม่รู้เรื่องนี้...”“เรื่องนี้สายหน่อยค่อยว่ากันเถอะ!”หยุนเจิงโบกมือ จากนั้นก็กล่าว “ฝ่าบาทมีรับสั่งใด?”กล่าวถึงราชโองการของฝ่าบาท หันจิ้นรีบจัดแจงเสื้อผ้าตัวเอง จากนั้นก็รับราชโองการมาจากคนข้างกาย กล่าวเสียงสูง “องค์ชายหกหยุนเจิงและก
“ลูกเข้าใจพ่ะย่ะค่ะ!”หยุนลี่รีบรับคำสั่ง“จำไว้! ฮั่วเหวินจิ้งถูกนักฆ่าสังหาร ไม่ใช่ตายเพราะป่วย!”จักรพรรดิเหวินกล่าวเตือนหยุนลี่ด้วยใบหน้าเย็นชา ก่อนเสด็จออกจากจวนองค์รัชทายาทแม้จะนั่งอยู่ในเกี้ยวแล้ว แต่เพลิงโทสะของจักรพรรดิเหวินยังคงลุกโชนไม่มอดอย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความโกรธเกรี้ยวในพระทัย ก็ยังมีความรู้สึกซับซ้อนบางอย่างซ่อนอยู่เขารู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งไม่ใช่คนของหยุนเจิงหากสามารถเค้นเอาความจริงจากฮั่วเหวินจิ้งได้ จนรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง บางทีพระองค์เองอาจไม่รู้ว่าควรจัดการอย่างไรหากเป็นพระโอรสองค์ใดองค์หนึ่ง หรือแม้แต่นางสนมคนใดคนหนึ่งของพระองค์ พระองค์จะต้องลงพระอาญาสังหารพวกเขาด้วยพระองค์เองอย่างนั้นหรือ?หากเรื่องนี้ทำให้คนที่รอดพ้นจากเคราะห์ครั้งนี้ได้สำนึกและเลิกล้มความคิดที่จะก่อความวุ่นวาย นั่นก็คงเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับตัวการเบื้องหลังของฮั่วเหวินจิ้ง จักรพรรดิเหวินเองก็พอมีข้อสันนิษฐานอยู่ในพระทัยแต่เป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐาน พระองค์ยังไม่สามารถสรุปได้แน่ชัดยิ่งไปกว่านั้น คนที่พระองค์สงสัยมีอยู่หลายคน ทำให้ไม่อาจฟันธงได้ว่าเป็นผู้ใดกันแน่ดูเหมือ
ภายในพระราชวัง จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังตรวจสอบข่าวเร่งด่วนจากเมืองฝูโจวอย่างไรก็ตาม ทั้งสองเพียงกวาดตามองก็ขว้างเอกสารฉบับนั้นทิ้งด้วยความโกรธอย่าว่าแต่หยุนลี่เลย แม้แต่จักรพรรดิเหวินก็อดด่าหยุนเจิงในใจไม่ได้ลูกอกตัญญูผู้นี้ ชักจะเหลวไหลขึ้นทุกวันเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็กล้าใช้ชื่อข่าวเร่งด่วนทางทหารส่งมาถึงเมืองหลวงนี่เป็นครั้งที่สองแล้ว!ข่าวเร่งด่วนทางทหารถูกเขาใช้เป็นของเล่นไปแล้ว!คราวหน้า ถ้าเจอตัวเจ้าเด็กเหลือขอนั่น ข้าจะเตะมันให้กระอักสองทีแน่!“กราบทูลฝ่าบาท องค์รัชทายาทฝ่าบาท กองกำลังของกระหม่อมถูกลอบโจมตีโดยนักฆ่าที่ถนนเป่ยเจีย……”ขณะที่จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังเดือดดาลกับหยุนเจิง เฉียวเหยียนเซียนก็ส่งคนมาแจ้งข่าวนักฆ่าหลายสิบคนที่ร่วมมือกันสังหารฮั่วเหวินจิ้งและครอบครัว ถูกสังหารหรือถูกจับกุมเป็นส่วนใหญ่มีเพียงไม่กี่คนที่ฉวยโอกาสความชุลมุนหลบหนีไปได้ครั้งนี้ การวางแผนของพวกเขารัดกุมยิ่งนักหากไม่ใช่เพราะพลส่งสารข่าวเร่งด่วนโผล่มาขัดจังหวะ คงไม่มีทางที่นักฆ่าจะรอดไปได้เลยนอกจากนี้ พวกเขายังพบหน้าไม้ทรงอานุภาพจำนวนมากในที่เกิดเหตุเมื่อรายงานมาถ
ขณะที่เฉียวเหยียนเซียนนำกำลังคุมตัวนักโทษผ่านถนนเป่ยเจีย หน้าต่างบนหอคอยของอาคารสองหลังที่อยู่สองฟากถนนค่อยๆ เปิดออกเล็กน้อยหน้าไม้จำนวนมากถูกเล็งออกมาจากช่องหน้าต่างโดยไร้เสียง เพียงแค่รอให้กรงนักโทษเข้าสู่ระยะยิง พวกเขาก็จะลงมือทันทีขบวนคุ้มกันเข้าใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ เงาสองก็เตรียมพร้อมเช่นกันเขาไม่รู้ว่าฮั่วเหวินจิ้งมีความสำคัญต่อหยุนเจิงเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากอีกาดำมากขึ้น เขาจำเป็นต้องร่วมมือสังหารเหล่านักโทษเหล่านี้แต่เขาก็รู้ดีว่า หากลงมือแล้ว การจะหลบหนีออกจากเมืองหลวงไม่ใช่เรื่องง่ายแต่เขาต้องรอด!ส่วนหนึ่งเพราะเขาไม่ต้องการตาย อีกส่วนหนึ่งก็เพราะ หากเขารอด เขาจะมีโอกาสพบกับผู้ที่คอยสนับสนุนการหลบหนีของพวกเขาและบุคคลนี้ อาจเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดโปงผู้อยู่เบื้องหลังตัวจริง!เงาสองครุ่นคิดเงียบๆ พร้อมเหลือบมองหน้าไม้ในมือพวกเขาปลอมตัวเป็นพ่อค้าเพื่อแฝงตัวเข้าเมืองหลวง ย่อมไม่สามารถพกพาอาวุธเหล่านี้มาเองได้หน้าไม้เหล่านี้ถูกเตรียมไว้ล่วงหน้า ถูกซุกซ่อนไว้ที่เนินเขาเหมียวเอ่อร์ซานสิ่งเหล่านี้เป็นอาวุธของกองทัพ!แม้ทางราชสำนักจะควบคุมอาวุธประเภทนี
“ฝ่าบาท เงาสามแจ้งข่าวด่วน!”จิงหยางฟู่ เสิ่นควานถือจดหมายฉบับหนึ่ง รีบรุดเข้ามาด้วยท่าทีเร่งรีบเงาสาม?นี่เป็นหนึ่งในคนที่สามารถแทรกซึมเข้าไปในอีกาดำได้สำเร็จเงาสามส่งข่าวด่วนมา ดูท่าแล้ว อีกาดำคงจะลงมือแล้วแน่หากไม่มีอะไรผิดพลาด อีกาดำน่าจะต้องการสังหารฮั่วเหวินจิ้งเพื่อกำจัดภัยร้ายอย่างสิ้นซาก!หยุนเจิงครุ่นคิดไปพลาง รับจดหมายจากเสิ่นควานและเปิดออกดูเมื่อเห็นเนื้อหาในจดหมาย หยุนเจิงก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวข่าวที่เงาสามส่งมา ตรงกับที่เขาคาดการณ์ไว้ไม่มีผิดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวนำทัพมาด้วยตนเอง ต้องการฆ่าฮั่วเหวินจิ้งให้ได้!แม้แต่เงาสองก็ถูกเลือกให้เข้าร่วมภารกิจลอบสังหารครั้งนี้ตอนนี้ พวกเขาได้รับเพียงคำสั่งให้เตรียมพร้อม แต่ยังไม่รู้เวลาและสถานที่ลงมือที่แน่ชัดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวตั้งใจปกปิดข้อมูล ไม่ให้ผู้ใดซักถาม ใครที่ร่วมภารกิจก็แค่ทำตามคำสั่งในขณะลงมือเท่านั้นพวกเขากลัวว่าจะถูกสงสัย จึงไม่กล้าไต่ถามอะไรมากข่าวที่เงาสามส่งกลับมา สำหรับหยุนเจิงแล้ว ไม่ใช่ข่าวดีเลยเขายอมจ่ายเงินกว่าล้านตำลึงเพื่อให้ครอบครัวฮั่วเหวินจิ้งปลอดภัยและมาถึงมือเขาแต่ตอนนี
หญิงสาวนิ่งเงียบ ทำอย่างไรดี? นางเองก็อยากหาคนมาปรึกษา ว่าควรทำเช่นไรในสถานการณ์นี้ แต่เวลานี้… เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดสามารถให้คำตอบแก่นางได้ ไม่นึกเลยว่า… แผนการที่นางวางมาอย่างรอบคอบมายาวนาน กลับจะพังทลายลงในมือของหยุนลี่! เฮ้อ! นางทอดถอนใจยาวในใจ แต่ในดวงตากลับปรากฏประกายเย็นยะเยือก "ไม่ว่าอย่างไร… ฮั่วเหวินจิ้งต้องไม่มีชีวิตรอดไปถึงมือหยุนเจิง! หากไร้ซึ่งความกังวลเรื่องครอบครัว ฮั่วเหวินจิ้งจะต้องเปิดโปงเราทั้งหมดแน่!" นางรู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งกำลังกังวลสิ่งใด สิ่งที่ฮั่วเหวินจิ้งกังวลที่สุดในตอนนี้ คือความปลอดภัยของครอบครัว เขาจึงไม่กล้าเปิดโปงนางออกไป แต่หากครอบครัวของฮั่วเหวินจิ้งถูกส่งไปถึงมือหยุนเจิงอย่างปลอดภัย เช่นนั้น เขาย่อมไม่มีเหตุผลใดให้ปิดปากอีกต่อไป! ระหว่างหยุนลี่กับหยุนเจิง นางเกรงกลัวหยุนเจิงมากกว่า เพราะหยุนเจิงคือผู้กุมอำนาจกองทัพ… หากหยุนเจิงรู้ว่า ผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้คือตัวนางเอง เช่นนั้น… นางคงหนีไม่พ้นความตาย! ไม่ใช่แค่หยุนเจิง… แม้แต่หยุนลี่ หรือแม้กระทั่งองค์จักรพรรดิ… ก็คงไม่ปล่อยนางไปเช่นกัน! เมื่อได้ยินเช่
สองวันต่อมา หยุนลี่ได้รับจดหมายตอบกลับจากหยุนเจิง เมื่อมองเนื้อหาในจดหมาย หยุนลี่แทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง เขาถึงกับขยี้ตาหลายรอบ กลัวว่าตัวเองจะมองผิดไป ตกลงแล้ว! เจ้าหกสุนัขชั่วนั่นตอบตกลงจริงๆ! หยุนเจิงยอมจ่ายเงิน หนึ่งล้านสองแสนตำลึง พร้อมกับส่งตัวหยางหุยโจว เพื่อแลกกับอิสรภาพของฮั่วเหวินจิ้งและครอบครัวทั้งสิบสามชีวิต ท้ายจดหมาย หยุนเจิงยังกล่าวข่มขู่ หากครอบครัวฮั่วเหวินจิ้งมีอันเป็นไป อย่าได้โทษว่าเขาไม่ไว้หน้า! "ฮ่าๆๆ!" เมื่อแน่ใจว่าตัวเองไม่ได้อ่านผิดไป หยุนลี่ถึงกับหัวเราะลั่น หนึ่งล้านสองแสนตำลึง แม้จะยังไม่เทียบเท่ากับจำนวนเงินที่เขาเคยถูกหยุนเจิงโกงไป แต่หนึ่งล้านสองแสนตำลึงก็เป็นเงินจำนวนไม่น้อย สำหรับเขาแล้ว นี่มีความหมายไม่น้อยนี่เป็นครั้งแรกที่เขาสามารถหลอกเอาเงินจากหยุนเจิงได้! และครั้งแรกนี้ก็เล่นไปถึง หนึ่งล้านสองแสนตำลึง! จะไม่ให้เขาดีใจได้อย่างไร!? ปากของฮั่วเหวินจิ้งแข็งเกินไป หากฆ่าฮั่วเหวินจิ้งทิ้งเพียงเพราะความโกรธ ก็มีแต่เสียเปล่า แต่ถ้าใช้เขามารีดเงินจากเจ้าหกได้… ไม่ใช่ว่าเป็นประโยชน์กว่าหรือ!? คิดไม่ถึงว่า มันสำเร
เมื่อหยุนเจิงกล่าวจบ ก็เล่าถึงข้อสันนิษฐานของตนให้เสิ่นควานฟัง นอกจากเหตุผลนี้แล้ว เขาก็นึกไม่ออกถึงสาเหตุอื่นเลย หยุนลี่คงไม่ถึงกับยากจนขนาดจับใครมาเรียกค่าไถ่จากเขาโดยไม่มีเหตุผลหรอกใช่ไหม? หากมีสิ่งผิดปกติ ย่อมต้องมีเงื่อนงำซ่อนอยู่! เมื่อได้ฟังคำพูดของหยุนเจิง เสิ่นควานก็อดไม่ได้ที่จะครุ่นคิด ว่ากันตามตรง ข้อสันนิษฐานของฝ่าบาทก็มีความเป็นไปได้อยู่มาก ฝ่าบาทจับตัวคนของหยุนลี่ แล้วเรียกค่าไถ่ หยุนลี่ก็ทำตามแบบเดียวกัน จับตัวคนที่เขาคิดว่าเป็นสายของฝ่าบาท แล้วเรียกค่าไถ่บ้าง? หรือว่านี่จะเป็นการใช้วิธีของศัตรูมาตอบโต้ศัตรูแบบที่ฝ่าบาทเคยพูดสินะ? “กราบทูลฝ่าบาท แม่ทัพอวี่ชื่อจงส่งสาสน์เร่งด่วนมา!” ในขณะนั้นเอง กองทหารองครักษ์นายหนึ่งวิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อน พร้อมถือจดหมายฉบับหนึ่งไว้ในมือ สาสน์ด่วนจากอวี่ชื่อจง? หรือว่าเจ้าสามคิดลงมือแล้ว!? เจ้าสามคงไม่บ้าถึงขั้นเปิดศึกในเวลานี้หรอกกระมัง? “นำมานี่!” หยุนเจิงรีบให้เสิ่นควานรับจดหมายมา เมื่อได้รับจดหมายจากเสิ่นควาน หยุนเจิงก็เปิดอ่านอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อเห็นเนื้อหาในจดหมาย สีหน้าของเขากลั
อุทยานบุปผาหลวง หลังจากการประชุมเช้าเสร็จสิ้น จักรพรรดิเหวินรับสั่งให้คนไปแจ้งหยุนลี่ ให้มาเดินเล่นเป็นเพื่อน บิดาและบุตรก้าวเดินไปข้างหน้า ขณะที่มู่ชุ่นและขุนนางติดตามคนอื่นๆ จงใจเว้นระยะห่างออกไป "ฮั่วเหวินจิ้งยังไม่ยอมเปิดปากรึ?" จักรพรรดิเหวินทรงไขว้พระหัตถ์ไว้เบื้องหลัง ตรัสถามด้วยพระพักตร์เคร่งขรึม "ยังพ่ะย่ะค่ะ" หยุนลี่ส่ายศีรษะเบาๆ "ฮั่วเหวินจิ้งไม่กลัวทั้งไม้อ่อนและไม้แข็ง ยืนกรานไม่ยอมเปิดเผยรายชื่อพรรคพวก" จักรพรรดิเหวินตรัส "ในเมื่อฮั่วเหวินจิ้งไม่ยอมพูด เช่นนั้นก็เปลี่ยนวิธีเถิด!" เปลี่ยนวิธี? หยุนลี่มองจักรพรรดิเหวินด้วยความฉงน "เสด็จพ่อทรงมีแผนใด?" "แผนการวิเศษอะไรนั้นไม่มี มีแค่แผนโง่ๆ แผนหนึ่ง" จักรพรรดิเหวินแย้มสรวล "เจ้าหกไม่เคยเล่นงานเจ้ารึ? เช่นนั้นเจ้าก็เอาฮั่วเหวินจิ้งมาเล่นงานเขาบ้างสิ! ให้เขานำเงินมาไถ่ตัวฮั่วเหวินจิ้งและครอบครัวของเขา!" อืม? หยุนลี่ได้ฟังคำพูดของจักรพรรดิเหวินเช่นนั้น พลันเกิดประกายความคิด สามารถทำเช่นนี้ได้ด้วยรึ? "แผนนี้ของเสด็จพ่อแยบยลยิ่ง!" หยุนลี่รีบกล่าวคำเยินยอจักรพรรดิเวหิน ก่อนจะมีท่าทีล
"ข้าให้ความไว้วางใจเจ้าไม่น้อย แต่เจ้าเอาความภักดีไปให้สุนัขกินแล้วหรือ?" "ข้าทำผิดอะไรกับเจ้าหรือ?" ยิ่งพูดยิ่งโกรธ หยุนลี่กระทืบฮั่วเหวินจิ้งซ้ำอีกหลายครั้ง หากไม่ใช่เพราะต้องการเก็บชีวิตของมันไว้เพื่อรีดข้อมูล เขาคงสั่งให้จับมันไปประหารเจ็ดชั่วโคตรไปแล้ว! "แค่กๆ..." ฮั่วเหวินจิ้งถูกเตะซ้ำๆ จนกระอักเลือดออกมาเป็นสาย หยุนลี่พยายามข่มอารมณ์ไม่ให้เผลอฆ่ามันซะก่อน ตะคอกเสียงดัง "บอกมา! ยังมีพวกของเจ้ากี่คน!?" ฮั่วเหวินจิ้งนอนตัวสั่นอยู่บนพื้น แววตาเจ็บปวด "กระหม่อม...ไม่รู้จริงๆ... แค่กๆ..." กล่าวจบฮั่วเหวินจิ้งก็สำลักเลือดออกมาอีก "ไม่รู้? คิดว่าข้าเป็นคนโง่หรือไง!?" หยุนลี่มองฮั่วเหวินจิ้งด้วยสายตาเย็นชา "ข้ากำลังให้โอกาสเจ้า หากเจ้ายังไม่เห็นค่าของมัน ข้าไม่เพียงจะทำให้เจ้าอยู่ก็ไม่ได้ ตายก็ไม่ได้ แต่จะส่งคนไปสังหารทั้งตระกูลเจ้าให้สิ้นซาก!" น้ำเสียงของหยุนลี่เย็นเยียบดุจน้ำแข็ง เขาต้องรีดเอาข้อมูลออกมาให้ได้! ต้องรู้ให้แน่ชัดว่าข้างกายเขายังมีคนของเจ้าหกแฝงตัวอยู่อีกหรือไม่! "กระหม่อมไม่รู้จริงๆ!" ฮั่วเหวินจิ้งส่งเสียงคร่ำครวญ "ต่อให้ฝ่าบาทสั