“อวี๋ซื่อจง สั่งเจ้ารีบไปยังด่านเป่ยลู่ ข้ากังวลว่าทหารที่ด่านเป่ยลู่ได้รับข่าวลือมีคนทนไม่ไหวไปขอคำอธิบายจากราชสำนักแทนท่านอ๋อง เจ้าจำเป็นต้องสยบทหารที่ด่านเป่ยลู่ ตอนที่ยังไม่ได้รับข่าวจากองค์ชาย ด่านเป่ยลู่ห้ามมีการเคลื่อนไหว! ห้ามวู่วามกับกองทัพราชสำนักเด็ดขาด!”“หวังชี่ ฮั่วกู้ เจ้าสองคนอยู่ฟังข่าวที่ชายแดนกู้ รับผิดชอบลาดตระเวนทุกค่าย...”ตู๋กูเช่อวางแผนจัดการอย่างรวดเร็วครั้งนี้คนที่เขาใช้ โดยพื้นฐานแล้วเป็นคนที่ได้รับการส่งเสริมจากหยุนเจิงจากทหารยุดเดิมเป็นทหารยุคใหม่คนเหล่านี้มีผลงานการรบ ย่อมต้องมีอำนาจบารมีภายในกองทัพพวกเขาสามารถควบคุมหน่วยต่างๆ ได้ที่สำคัญที่สุดคือ พวกเขาต่างก็ขึ้นตรงกับหยุนเจิงใช้งานคนเหล่านี้ ก็วางใจได้หน่อยตอนนี้สิ่งที่พวกเขาต้องทำ คือควบคุมขวัญทหาร ไม่ปล่อยให้เกิดความวุ่นวายภายในกองทัพส่วนเรื่องอื่น รอให้สถานการณ์ของหยุนเจิงชัดเจนก่อนค่อยว่ากัน!ตอนที่ตู๋กูเช่ออกคำสั่ง ด้านนอกมีเสียงดังเอะอะลอยมาเมื่อได้ยินเสียงนั้นสีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปเกิดความวุ่นวายแล้ว?ขณะที่เหม่อลอยชั่วคราว ทุกคนใบหน้าเย็นชาเดินออกไปข้างนอกฉินชีหู่หยิบมีดข
จนกระทั่งทหารที่ล้อมรอบพวกหยุนเจิงแยกย้ายกันไปแล้ว พวกฉินชีหู่ในที่สุดก็เดินเข้าไป“น้องชาย เจ้าได้รับบาดเจ็บที่ใด?”ฉินชีหู่เดินเข้าไปดึงหยุนเจิงมาตรวจสอบ“เข้าห้องก่อนค่อยพูดกันเถอะ!”หยุนเจิงหัวเราะ เรียนทุกคนเข้าไปในห้องด้วยกันทันทีที่เข้าห้อง หยุนเจิงก็โค้งคำนับตู๋กูเช่อ“องค์ชาย ท่านทำสิ่งใด?”ตู๋กูเช่อตื่นตะลึงเพราะได้รับความเมตตาที่คาดคิดไม่ถึง รีบพยุงหยุนเจิงให้ยืนตัวตรง“ข้าขอโทษแม่ทัพตู๋กูเช่อเพราะความใจแคบของข้า!”หยุนเจิงเงยหน้าขึ้น “ข้าไม่ปิดบังแม่ทัพตู๋กูเช่อ ข้าแกล้งทำเป็นถูกลอบสังหารบาดเจ็บสาหัส มีการทดสอบแม่ทัพตู๋กูเช่อและผู้นำในกองทัพจริง วันนี้เป่ยหวนสงบสุข ไม่มีการรุกรานจากภายนอก ข้าควรกังวลศึกภายในแล้ว! มีที่ใดล่วงเกิน ขออภัยแม่ทัพตู๋กูเช่อด้วย”หยุนเจิงบอกแรงจูงใจของตัวเองกับตู๋กูเช่อด้วยความจริงใจต่อให้เขาไม่บอก เขาเชื่อตู๋กูเช่อก็เข้าใจ“องค์ชายกล่าวหนักไปแล้ว”ตู๋กูเช่อโบกมือปัด หัวเราะกล่าว “ข้าแม้ไม่ใช่คนมีความสามารถ แต่ก็เข้าใจเจตนาขององค์ชาย จริงอย่างที่องค์ชายกล่าว ไม่มีการรุกรานจากภายนอก ศึกภายในก็ควรปรับปรุงได้แล้ว! องค์ชายคือคนที่ฝ่าบาทแ
“กำลังมา”อวี๋ซื่อจงตอบ “แต่ว่า พวกเขาพาทั้งครอบครัวมาด้วย คิดว่าเช่นไรก็ต้องครึ่งเดือนขึ้นไป ได้ยินว่า คนที่อพยพมา ส่วนใหญ่ล้วนเป็นคนชนเผ่าขององค์หญิงเจียเหยา”โดยพื้นฐานล้วนเป็นชนเผ่าของเจียเหยาหรือ?หยุนเจิงประหลาดใจเล็กน้อยแต่ว่า คิดสักรอบ หยุนเจิงก็เข้าใจแล้วหยุนเจิงนำวัวแพะของชนเผ่านางทั้งเป็นเติมยุทธปัจจัยแล้วชนเผ่าเหล่านั้นของนาง อยู่ที่ชนเผ่าอื่น เกรงว่าคนฝืนทนกินสักมื้อให้ไม่ให้อดตายไม่สู้อพยพมาที่ซั่วเป่ยเช่นนี้ ทั้งเป็นทางรอดให้ชนเผ่าของนาง แล้วยังทำให้ชาวเป่ยหวนเหล่านั้นเห็นว่านางไม่ได้เห็นแก่ตัววิธีเดียวได้ถึงสองต่อแต่ว่า ในเมื่อคนเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นคนของชนเผ่าเจียเหยา เขาก็ต้องระมัดระวังจั่วเสียนอ๋องโปหลวนตอนนั้นก็ฮุบเอาชนเผ่าที่อยู่ในทุ่งหญ้ามู่หม่าของฮูเจี๋ย ก่อให้เกิดไฟไหม้สวนหลังบ้านความผิดเช่นเดียวกัน เขาห้ามให้เกิดขึ้นซ้ำอีกคนเหล่านี้ ต้องตีให้แตกกระตาย ห้ามไม่ให้รวมตัวกัน!หยุนเจิงครุ่นคิดชั่วครู่ จากนั้นก็สั่งอวี๋ซื่อจง “ข้าเอาตัวฟางหยุนซื่อคนทรยศมาอย่างถูกต้องเปิดเผย จัดการเช่นไร เจ้ากับแม่ทัพตู๋กูเช่อปรึกษากัน ข้าไม่ยุ่งแล้ว”“ขอบคุณอง
เมื่อได้รู้ว่าคนที่มาถ่ายทอดราชโองการใกล้ถึงแล้ว หยุนเจิงอดไม่ได้มีาจะยกยิ้มมุมปากได้!ทูตของฝ่าบาทมาได้ทันเวลาพอดี ทั้งยังสามารถส่งของขวัญชิ้นหนึ่งกลับไปให้ฝ่าบาทได้พวกหยุนเจิงเพิ่งเตรียตัวเสร็จ ทูตของฝ่าบาทก็มาถึงชายแดนกู้แล้วยังเป็นคนคุ้นเคย!หันจิ้น“คาราวะองค์ชายหก”หันจิ้นยังไม่ทันประกาศราชโองการ ก็ทำความเคารพหยุนเจิงก่อนอยู่ต่อหน้าหยุนเจิง เขาไม่กล้าวางท่วงท่าทูตของฝ่าบาทหยุนเจิงตุบตีเขาสักรอบ เขากลับไปบอกจักรพรรดิเหวิน คาดว่าคงโดนจักรพรรดิเหวินถีบอีกสักสองที“ผู้บัญชาการหันจิ้นเป็นทูตของฝ่าบาท ไม่ต้องพิธีรีตรอง”หยุนเจิงยิ้มเล็กน้อย ที่ลับตาคนหันจิ้นผู้นี้นับว่าพอใช้ได้ ไม่ได้วางมาดทูตของฝ่าบาทต่อหน้าเขาหันจิ้นลุกขึ้นยืนตรง จากนั้นก็มองหยุนเจิงด้วยความเป็นห่วงเป็นใย “พวกข้าอยู่ระหว่างทางได้ฟังว่าองค์ชายเหมือนจะถูกลอบสังหารณ์ ไม่รู้เรื่องนี้...”“เรื่องนี้สายหน่อยค่อยว่ากันเถอะ!”หยุนเจิงโบกมือ จากนั้นก็กล่าว “ฝ่าบาทมีรับสั่งใด?”กล่าวถึงราชโองการของฝ่าบาท หันจิ้นรีบจัดแจงเสื้อผ้าตัวเอง จากนั้นก็รับราชโองการมาจากคนข้างกาย กล่าวเสียงสูง “องค์ชายหกหยุนเจิงและก
เหอะ!เตรียมพร้อมได้อย่างเต็มที่ยิ่ง!ช่างวาดภาพในวังล้วนพามาด้วยแล้ว?“ก็ได้ ก็ได้!”หยุนเจิงขี้เกียจกล่าวมากมาย “ในเมื่อเป็นความต้องการของเสด็จพ่อ เช่นนั้นข้าก็จะสั่งให้คนพาช่างวาดภาพไปพบองค์หญิงเจียเหยา! พอดีเลย องค์หญิงเจียเหยามาอยู่ที่ชายแดนกู้ พวกเจ้าพักผ่อนสักหน่อย รอให้ช่างวาดภาพวาดภาพเหมือนของเจียเหยาเสร็จแล้ว ก็รีบกลับไปรายงานเถอะ!”“……”หันจิ้นหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ “องค์ชาย พวกเราเร่งเดินทางมา แทบไม่ได้...”“ข้าไม่ได้ขับไล่พวกเจ้าไป!”หยุนเจิงหัวเราะส่ายหน้า “ที่สำคัญคือข้าต้องการให้พวกเจ้าช่วยข้านำศีรษะกลับไปมอบให้เสด็จพ่อ พวกเจ้าไม่รีบกลับไปรายงาน ศีรษะนี้ส่งถึงเมืองจักรพรรดิอาจเน่าเสียแล้ว...”ห๊า?ศีรษะ?หันจิ้นตัวชา มองหยุนเจิงด้วยใบหน้าโศกเศร้าส่ง...ส่งศีรษะอีกแล้ว?วิธีต่อสู้ของพวกเจ้าสองพ่อลูก อย่าทรมานพวกเราสิ!ครั้งก่อนเพื่อส่งศีรษะของพวกฮูเจี๋ยกลับไปให้ทันเวลา พวกเขาวิ่งกันจนร่างกายแทบทรุดโทรมแล้วเพิ่งพักได้ไม่นาน ต้องส่งศีรษะอีกแล้ว?เปลี่ยนคนส่งไม่ได้หรือ!หันจิ้นบ่นคร่ำครวญในใจต่อเนื่อง รู้อยู่แล้วว่าไม่ควรมาถ่ายทอดราชโองการที่ซั่วเป่ย
พวกหันจิ้นเพิ่งดื่มน้ำไปไม่กี่อึก หยุนเจิงก็พาพวกเสิ่นลั่วเยี่ยนเข้ามาไม่รอให้พวกหันจิ้นทำความเคารพ หยุนเจิงยกมือห้ามพวกเขา จากนั้นก็ถามด้วยร้อยยิ้มแย้ม “ผู้บัญชาการหัน ข้ามีเรื่องหนึ่งลืมบอกพวกเจ้าแล้ว”หันจิ้นในใจเกินลางสังหรณ์ไม่ดี ถามหยั่งเชิง “องค์ชายมีเรื่องใดต้องการสั่ง?”“ก่อนหน้านี้ข้าถูกลับสังหารไม่ใช่หรือ?”หยุนเจิงกล่าวด้วยเสียงหัวเราะ “ข้าไต่สวนออกมาแล้ว มือสังหารพวกนั้น ล้วนป็นรัชทายาทส่งมา!”“ข้าแม้ไม่ถูกทำร้าย แต่ก็ไม่ยอมกล้ำกลืนฝืนทน!”“ข้าอยากให้ผู้บัญชาการหันจิ้นช่วยพามือสังหารสองคนกลับไป ข้าเรียบเรียงหนังสือสักฉบับ รบกวนผู้บัญชาการหันมอบให้เสด็จพ่อด้วย ข้าต้องการให้เสด็จพ่อช่วยคืนความเป็นธรรมแทนข้า...”เมื่อได้ฟังคำพูดของหยุนเจิง หานจิ้นแทบร้องไห้ออกมาแล้วมือสังหารเหล่านี้เป็นรัชทายาทส่งมา!เขาพามือสังหารกลับไป ไม่เท่ากับล่วงเกินรัชทายาทหรือ?หากมือสังหารตายระหว่างทาง เขาไม่เพียงสลัดไม่พ้นข้อหาคุ้มกันไม่ได้ ยังล่วงเกินองค์ชายหกด้วย!ดีไม่ดี เขายังถูกเข้าใจผิดกลายเป็นลูกสมุนของรัชทายาท!ให้ตายสินี่ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายหรือ?เวลานี้ หันจิ้นอยากจะร้องไ
แม้ความสูญเสียงของกองทหารมณฑลทางเหนือมีมาก แต่การคุกคามของเป่ยหวนขจัดออกไปแล้ว แผนการทหารชั้นยอดของหยุนจิงก็ประกาศใช้อย่างเป็นทางการแล้วหยุนเจิงแกว่งดาบใหญ่ ตัดทหารประจำการของกองทหารมณฑลทางเหนือออกถึงหนึ่งแสนสามพันคนภายในนั้น มีหน่วยรักษาการของด่านเป่ยลู่และทุกเมืองรวมกันแล้วห้าหมื่นคนทหารที่ใช้เป็นทหารประจำการ มีเพียงห้าหมื่นสามพันคนกองทหารโหลิตสามพันคน มีฉินชีหู่และหลู่ซิ่งบัญชาการที่เหลือห้าหมื่นคน แบ่งออกเป็นห้าส่วนภายในนั้นมี ทหารม้าสี่หมื่น ต่างก็เป็นหนึ่งคนต่อม้าสองตัว ผู้บัญชาการแบ่งเป็นอวี๋ซื่อจง ชวีจื้อ เฝิงอวี้ เติ่งเป่าทหารราบชุดเกราะหนักหนึ่งหมื่นคน หวังชี่เป็นแม่ทัพหลักเมื่อค่ายใหญ่ที่เขาห่านป่าหวนกลับเป็นรูปเป็นร่างแล้ว หวังชี่และอวี๋ซื่อจงก็ต้องนำกองทัพเข้าประจำการที่ค่ายใหญ่ที่เขาห่านป่าหวนกลับหยุนเจิงเป็นแม่ทัพหลักของกองทหารมณฑลทางเหนือ ตู๋กูเช่อเป็นรองแม่ทัพขณะเดียวกัน ทั้งสองคนรับหน้าที่เป็นเจ้าสำนักและรองเจ้าสำนักของสำนักศึกษาเตรียมทหารส่วนทหารที่ถูกปลด หยุนเจิงไม่ได้ให้พวกเขาเป็นทหารชาวนา แต่เสนอความคิดทหารที่ถูกปลดตั้งหมดปรับย้ายเป็นทหารกองห
เมืองจักรพรรดิหันจิ้งนำศีรษะของฟางหยุนซื่อกลับมา แล้วก็นำข่าวที่หยุนเจิงถูกลอบสังหาร จั่วเริ่นส่งทหารเข้าประชิดฟู่โจวกลับมาที่เมืองจักรพรรดิด้วยแต่ว่า หันจิ้งบอกเพียงแค่มือสังหารเหล่านั้นหยุนลี่เป็นคนส่งไปกับจักรพรรดิเหวินเท่านั้นความผิดปกติของกองทัพประจำการที่ด่านเป่ยลู่ จะทำให้พวกขุนนางในราชสำนักกระวนกระวายหยุนเจิงเพิ่งตีเป่ยหวนจนยอมจำนน ตอนนี้การทหารกำลังรุ่งโรจน์หากหยุนเจิงระดมกองทัพโจมตีฟู่โจวจริง ทหารประจำการหนึ่งแสนกว่านายของฟู่โจว ไม่มีทางปกป้องไว้ได้ทันทีที่หยุนเจิงบุกมายังเมืองจักรพรรดิ คนมากมายต้องซวยแล้วจักรพรรดิเหวินประทับอยู่บนบัลลังก์ พระพักตร์ดูไม่ออกว่าดีพระทัยหรือทางกริ้ว เพียงแค่กวาดสายพระเนตรมองขุนนางไม่หยุดเผชิญกับสายพระเนตรของจักรพรรดิเหวิน คนไม่น้อยเกิดความรู้สึกหวาดหวั่นในใจ ไม่รู้จักรพรรดิเหวินทรงหมายความเช่นไร“เห้อ...”เนิ่นนาน จักรพรรดิเหวินค่อยๆ ถอนพระทัยออกมา โบกพระหัตถ์อย่างไร้เรี่ยวแรง “คนที่อยู่ขั้นสามขึ้นไปอยู่ก่อน คนที่เหลือ ออกไปให้หมด!”สิ้นเสียงรับสั่งของจักรพรรดิเหวิน คนที่ควรไปต่างก็พากันออกไปที่เหลือ ล้วนเป็นต่างก็เป็นขุนนาง
“ลูก…ลูกสาวเพคะ”หมอตำแยที่ตกใจกับท่าทางของหยุนเจิงก่อนหน้านี้ เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ“ลูกสาวดี! ลูกสาวดี!”หยุนเจิงพึมพำกับตัวเอง ก่อนก้มลงมองเด็กน้อยที่ยังคงร้องไห้เสียงดังไม่เหมือนหยุนชางเลย เด็กหญิงตัวน้อยคนนี้เกิดมาโดยแทบไม่มีริ้วรอยบนผิวเลย เพียงแค่ตัวแดงระเรื่อเท่านั้น“เจ้าตัวน้อย เจ้านี่เกือบทำให้แม่ของเจ้าสิ้นชีวิตเลยนะ…”เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ หัวใจของหยุนเจิงยังคงสั่นไหวเขาไม่อาจจินตนาการได้เลยว่า หากเขาสูญเสียเยี่ยจื่อไป เขาจะต้องเจ็บปวดเพียงใดโชคดีที่มันเป็นเพียงความหวาดกลัวลวงตา!“อุแว๊ๆ…”เด็กน้อยยังคงร้องไห้ และดูเหมือนเสียงของนางจะแจ่มชัดขึ้นเรื่อยๆหยุนเจิงลูบแผ่วเบาบนผ้าห่อตัวของนาง ก่อนหันไปมองหมอตำแยทั้งสามที่ยังยืนไม่มั่นใจ “ให้รางวัล! ให้รางวัลทุกคน! คนละห้าร้อยตำลึง!”ห้าร้อยตำลึง!?หมอตำแยทั้งสามแทบไม่เชื่อหูตัวเองท่านอ๋องผู้นี้ ช่างใจกว้างนัก!แค่เอ่ยปาก ก็แจกเงินรางวัลมากมายถึงเพียงนี้!“เอาล่ะ พวกเจ้าทำความสะอาดให้เรียบร้อยเถิด”หยุนเจิงเรียกสติหมอตำแย “เสร็จแล้วก็ไปรับรางวัลได้เลย”หยุนเจิงกล่าวจบ ก็กอดลูกสาวไปนั่งลงที่
“อ๊าก…”เสียงกรีดร้องของเยี่ยจื่อสะท้อนก้องอยู่ในหูของหยุนเจิง ราวกับสามารถฉีกหัวใจของเขาออกเป็นเสี่ยงๆ“พอแล้ว! อย่าคลอดแล้ว! ข้าไม่ต้องการลูกแล้ว! ข้าต้องการแค่เจ้า!”หยุนเจิงน้ำตาคลอเบ้า ส่ายศีรษะไปมาอย่างร้อนรน ก่อนจะหันไปตะโกนลั่นใส่หมอตำแยข้างๆ “ช่วยนางไว้! อย่าไปสนใจเด็ก!”เขากลัว!เขากลัวจริงๆ!แม้ว่าเขาจะไม่ใช่หมอ แต่เขาก็รู้ดีว่า หากพลาดแม้แต่นิดเดียว นางอาจตกเลือดหนักได้แม้แต่ในยุคปัจจุบัน การตกเลือดมากก็ยังยากที่จะรักษา แล้วนี่เป็นยุคโบราณ“ออกมาแล้ว! ออกมาแล้ว!”ขณะนั้นเอง หมอตำแยก็ร้องขึ้นด้วยเสียงตื่นเต้น“อุแว๊…”เสียงร้องแหลมใสของทารกดังขึ้นภายในห้องคลอด แต่ในขณะเดียวกัน เสียงของเยี่ยจื่อกลับเงียบลงอย่างกะทันหัน!หมอตำแยคนหนึ่งรีบเช็ดเลือดที่เปรอะเปื้อนตัวทารก ขณะที่อีกคนเตรียมห่อทารกในผ้าห่ม และหันไปแสดงความยินดีกับหยุนเจิง “ขอแสดงความยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง เด็กน้อยเป็น…”“ช่างลูกก่อน! ดูจื่อเอ๋อร์ก่อนว่านางเป็นอย่างไรบ้าง!”หยุนเจิงตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยโทสะและความหวาดหวั่น มือของเขาที่กุมมือเยี่ยจื่อไว้สั่นเทาอย่างรุนแรงตอน
เสียงร้องของเยี่ยจื่อ ทำให้หัวใจของหยุนเจิงบีบรัดตามไปด้วย“จื่อเอ๋อร์! ข้ากลับมาแล้ว!”หยุนเจิงไม่สนใจพูดคุยกับเสิ่นลั่วเยี่ยนและคนอื่นๆ เขารีบพุ่งไปที่ประตู แล้วตะโกนเข้าไปข้างใน“สามี!”เสียงร้องเจ็บปวดของเยี่ยจื่อดังขึ้นอีกครั้งแม้หยุนเจิงจะมองไม่เห็นสถานการณ์ภายในห้อง แต่เขาก็นึกภาพออกว่าเยี่ยจื่อต้องเจ็บปวดเพียงใดหากเป็นไปได้ เขาอยากจะแบ่งเบาความเจ็บปวดของนาง“จื่อเอ๋อร์ อย่ากลัว! สามีอยู่ที่นี่กับเจ้า!”หยุนเจิงกล่าวปลอบ แล้วรีบหันไปถามเสิ่นลั่วเยี่ยน “จื่อเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง?”เสิ่นลั่วเยี่ยนที่ดวงตาแดงก่ำ แอบมองไปทางประตูห้อง ก่อนจะตอบเสียงแผ่วเบา “หมอตำแยบอกว่า ตำแหน่งของทารกไม่ค่อยปกติ อาจคลอดได้ยาก เมี่ยวอินก็กำลังช่วยอยู่ เราเองก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ยืนร้อนใจอยู่ข้างนอก……”ตำแหน่งทารกผิดปกติ!เมื่อได้ยินคำนี้ หัวใจของหยุนเจิงพลันเต้นรัวขึ้นมาทันที เขาหันขวับไปมองฮูหยินเสิ่นและเว่ยซวงที่ยืนอยู่ใกล้ๆพบว่าทั้งสองต่างมีดวงตาแดงก่ำ ใบหน้าหม่นหมอง เห็นได้ชัดว่ากระวนกระวายใจไม่น้อยหยุนเจิงเข้าใจทันทีว่า เสิ่นลั่วเยี่ยนคงไม่อยากให้เขากังวลเกินไป จึงบอกเพียงว่าคลอ
ไม่กี่วันต่อมา ขณะที่หยุนเจิงอยู่ที่จิงหยางฝู่ เขาได้รับข่าวสารฮั่วเหวินจิ้งตายแล้ว!ไม่ได้ถูกฆ่าปิดปาก แต่ตายเพราะป่วย!หยุนเจิงคาดว่า ฮั่วเหวินจิ้งคงเสียชีวิตเพราะบาดแผลติดเชื้อเมื่อได้รับข่าวนี้ หยุนเจิงแทบอยากจะด่าหยุนลี่ว่าโง่เง่าเป็นหมูเสียจริงทำไมเขาถึงไม่ใช้วิธีทรมานก่อน แล้วค่อยให้หมอรักษาไว้ล่ะ?อีกแค่ก้าวเดียว เขากำลังจะสาวไปถึงตัวการเบื้องหลังได้อยู่แล้วแท้ๆ แต่ฮั่วเหวินจิ้งกลับมาตายเสียก่อนมันเหมือนกับฟ้ากำลังเล่นตลกกับเขา!สิ่งเดียวที่พอทำให้โล่งใจได้บ้างคือ อีกาดำและอีกาขาวต่างได้รับความเสียหายหนัก คนของเขาที่แทรกซึมอยู่ในอีกาดำ น่าจะสามารถก้าวขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งได้หากสามารถทำให้คนของเขากลายเป็นหัวหน้าของอีกาดำได้ ก็คงดี!แต่ไม่รู้ว่าเงาสอง ที่ร่วมเดินทางไปเมืองหลวงเพื่อฆ่าปิดปาก ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ขอให้รอดปลอดภัยเถอะ!หยุนเจิงถอนหายใจเงียบๆ ก่อนลุกขึ้นยืนในเมื่อฮั่วเหวินจิ้งตายไปแล้ว เขาก็ไม่ต้องรอสอบสวนอะไรอีกเรื่องที่เหลือ ก็ปล่อยให้ทัวฮวนจัดการไปก็แล้วกัน!“ส่งคำสั่งถึงอวี่ซื่อจง ให้เหลือทหารห้าพันนายประจำการอยู่ที่นี่ ภายใต้การบัญชาของรองแม่ท
“ลูกเข้าใจพ่ะย่ะค่ะ!”หยุนลี่รีบรับคำสั่ง“จำไว้! ฮั่วเหวินจิ้งถูกนักฆ่าสังหาร ไม่ใช่ตายเพราะป่วย!”จักรพรรดิเหวินกล่าวเตือนหยุนลี่ด้วยใบหน้าเย็นชา ก่อนเสด็จออกจากจวนองค์รัชทายาทแม้จะนั่งอยู่ในเกี้ยวแล้ว แต่เพลิงโทสะของจักรพรรดิเหวินยังคงลุกโชนไม่มอดอย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความโกรธเกรี้ยวในพระทัย ก็ยังมีความรู้สึกซับซ้อนบางอย่างซ่อนอยู่เขารู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งไม่ใช่คนของหยุนเจิงหากสามารถเค้นเอาความจริงจากฮั่วเหวินจิ้งได้ จนรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง บางทีพระองค์เองอาจไม่รู้ว่าควรจัดการอย่างไรหากเป็นพระโอรสองค์ใดองค์หนึ่ง หรือแม้แต่นางสนมคนใดคนหนึ่งของพระองค์ พระองค์จะต้องลงพระอาญาสังหารพวกเขาด้วยพระองค์เองอย่างนั้นหรือ?หากเรื่องนี้ทำให้คนที่รอดพ้นจากเคราะห์ครั้งนี้ได้สำนึกและเลิกล้มความคิดที่จะก่อความวุ่นวาย นั่นก็คงเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับตัวการเบื้องหลังของฮั่วเหวินจิ้ง จักรพรรดิเหวินเองก็พอมีข้อสันนิษฐานอยู่ในพระทัยแต่เป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐาน พระองค์ยังไม่สามารถสรุปได้แน่ชัดยิ่งไปกว่านั้น คนที่พระองค์สงสัยมีอยู่หลายคน ทำให้ไม่อาจฟันธงได้ว่าเป็นผู้ใดกันแน่ดูเหมือ
ภายในพระราชวัง จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังตรวจสอบข่าวเร่งด่วนจากเมืองฝูโจวอย่างไรก็ตาม ทั้งสองเพียงกวาดตามองก็ขว้างเอกสารฉบับนั้นทิ้งด้วยความโกรธอย่าว่าแต่หยุนลี่เลย แม้แต่จักรพรรดิเหวินก็อดด่าหยุนเจิงในใจไม่ได้ลูกอกตัญญูผู้นี้ ชักจะเหลวไหลขึ้นทุกวันเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็กล้าใช้ชื่อข่าวเร่งด่วนทางทหารส่งมาถึงเมืองหลวงนี่เป็นครั้งที่สองแล้ว!ข่าวเร่งด่วนทางทหารถูกเขาใช้เป็นของเล่นไปแล้ว!คราวหน้า ถ้าเจอตัวเจ้าเด็กเหลือขอนั่น ข้าจะเตะมันให้กระอักสองทีแน่!“กราบทูลฝ่าบาท องค์รัชทายาทฝ่าบาท กองกำลังของกระหม่อมถูกลอบโจมตีโดยนักฆ่าที่ถนนเป่ยเจีย……”ขณะที่จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังเดือดดาลกับหยุนเจิง เฉียวเหยียนเซียนก็ส่งคนมาแจ้งข่าวนักฆ่าหลายสิบคนที่ร่วมมือกันสังหารฮั่วเหวินจิ้งและครอบครัว ถูกสังหารหรือถูกจับกุมเป็นส่วนใหญ่มีเพียงไม่กี่คนที่ฉวยโอกาสความชุลมุนหลบหนีไปได้ครั้งนี้ การวางแผนของพวกเขารัดกุมยิ่งนักหากไม่ใช่เพราะพลส่งสารข่าวเร่งด่วนโผล่มาขัดจังหวะ คงไม่มีทางที่นักฆ่าจะรอดไปได้เลยนอกจากนี้ พวกเขายังพบหน้าไม้ทรงอานุภาพจำนวนมากในที่เกิดเหตุเมื่อรายงานมาถ
ขณะที่เฉียวเหยียนเซียนนำกำลังคุมตัวนักโทษผ่านถนนเป่ยเจีย หน้าต่างบนหอคอยของอาคารสองหลังที่อยู่สองฟากถนนค่อยๆ เปิดออกเล็กน้อยหน้าไม้จำนวนมากถูกเล็งออกมาจากช่องหน้าต่างโดยไร้เสียง เพียงแค่รอให้กรงนักโทษเข้าสู่ระยะยิง พวกเขาก็จะลงมือทันทีขบวนคุ้มกันเข้าใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ เงาสองก็เตรียมพร้อมเช่นกันเขาไม่รู้ว่าฮั่วเหวินจิ้งมีความสำคัญต่อหยุนเจิงเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากอีกาดำมากขึ้น เขาจำเป็นต้องร่วมมือสังหารเหล่านักโทษเหล่านี้แต่เขาก็รู้ดีว่า หากลงมือแล้ว การจะหลบหนีออกจากเมืองหลวงไม่ใช่เรื่องง่ายแต่เขาต้องรอด!ส่วนหนึ่งเพราะเขาไม่ต้องการตาย อีกส่วนหนึ่งก็เพราะ หากเขารอด เขาจะมีโอกาสพบกับผู้ที่คอยสนับสนุนการหลบหนีของพวกเขาและบุคคลนี้ อาจเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดโปงผู้อยู่เบื้องหลังตัวจริง!เงาสองครุ่นคิดเงียบๆ พร้อมเหลือบมองหน้าไม้ในมือพวกเขาปลอมตัวเป็นพ่อค้าเพื่อแฝงตัวเข้าเมืองหลวง ย่อมไม่สามารถพกพาอาวุธเหล่านี้มาเองได้หน้าไม้เหล่านี้ถูกเตรียมไว้ล่วงหน้า ถูกซุกซ่อนไว้ที่เนินเขาเหมียวเอ่อร์ซานสิ่งเหล่านี้เป็นอาวุธของกองทัพ!แม้ทางราชสำนักจะควบคุมอาวุธประเภทนี
“ฝ่าบาท เงาสามแจ้งข่าวด่วน!”จิงหยางฟู่ เสิ่นควานถือจดหมายฉบับหนึ่ง รีบรุดเข้ามาด้วยท่าทีเร่งรีบเงาสาม?นี่เป็นหนึ่งในคนที่สามารถแทรกซึมเข้าไปในอีกาดำได้สำเร็จเงาสามส่งข่าวด่วนมา ดูท่าแล้ว อีกาดำคงจะลงมือแล้วแน่หากไม่มีอะไรผิดพลาด อีกาดำน่าจะต้องการสังหารฮั่วเหวินจิ้งเพื่อกำจัดภัยร้ายอย่างสิ้นซาก!หยุนเจิงครุ่นคิดไปพลาง รับจดหมายจากเสิ่นควานและเปิดออกดูเมื่อเห็นเนื้อหาในจดหมาย หยุนเจิงก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวข่าวที่เงาสามส่งมา ตรงกับที่เขาคาดการณ์ไว้ไม่มีผิดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวนำทัพมาด้วยตนเอง ต้องการฆ่าฮั่วเหวินจิ้งให้ได้!แม้แต่เงาสองก็ถูกเลือกให้เข้าร่วมภารกิจลอบสังหารครั้งนี้ตอนนี้ พวกเขาได้รับเพียงคำสั่งให้เตรียมพร้อม แต่ยังไม่รู้เวลาและสถานที่ลงมือที่แน่ชัดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวตั้งใจปกปิดข้อมูล ไม่ให้ผู้ใดซักถาม ใครที่ร่วมภารกิจก็แค่ทำตามคำสั่งในขณะลงมือเท่านั้นพวกเขากลัวว่าจะถูกสงสัย จึงไม่กล้าไต่ถามอะไรมากข่าวที่เงาสามส่งกลับมา สำหรับหยุนเจิงแล้ว ไม่ใช่ข่าวดีเลยเขายอมจ่ายเงินกว่าล้านตำลึงเพื่อให้ครอบครัวฮั่วเหวินจิ้งปลอดภัยและมาถึงมือเขาแต่ตอนนี
หญิงสาวนิ่งเงียบ ทำอย่างไรดี? นางเองก็อยากหาคนมาปรึกษา ว่าควรทำเช่นไรในสถานการณ์นี้ แต่เวลานี้… เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดสามารถให้คำตอบแก่นางได้ ไม่นึกเลยว่า… แผนการที่นางวางมาอย่างรอบคอบมายาวนาน กลับจะพังทลายลงในมือของหยุนลี่! เฮ้อ! นางทอดถอนใจยาวในใจ แต่ในดวงตากลับปรากฏประกายเย็นยะเยือก "ไม่ว่าอย่างไร… ฮั่วเหวินจิ้งต้องไม่มีชีวิตรอดไปถึงมือหยุนเจิง! หากไร้ซึ่งความกังวลเรื่องครอบครัว ฮั่วเหวินจิ้งจะต้องเปิดโปงเราทั้งหมดแน่!" นางรู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งกำลังกังวลสิ่งใด สิ่งที่ฮั่วเหวินจิ้งกังวลที่สุดในตอนนี้ คือความปลอดภัยของครอบครัว เขาจึงไม่กล้าเปิดโปงนางออกไป แต่หากครอบครัวของฮั่วเหวินจิ้งถูกส่งไปถึงมือหยุนเจิงอย่างปลอดภัย เช่นนั้น เขาย่อมไม่มีเหตุผลใดให้ปิดปากอีกต่อไป! ระหว่างหยุนลี่กับหยุนเจิง นางเกรงกลัวหยุนเจิงมากกว่า เพราะหยุนเจิงคือผู้กุมอำนาจกองทัพ… หากหยุนเจิงรู้ว่า ผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้คือตัวนางเอง เช่นนั้น… นางคงหนีไม่พ้นความตาย! ไม่ใช่แค่หยุนเจิง… แม้แต่หยุนลี่ หรือแม้กระทั่งองค์จักรพรรดิ… ก็คงไม่ปล่อยนางไปเช่นกัน! เมื่อได้ยินเช่