เหอะ!เตรียมพร้อมได้อย่างเต็มที่ยิ่ง!ช่างวาดภาพในวังล้วนพามาด้วยแล้ว?“ก็ได้ ก็ได้!”หยุนเจิงขี้เกียจกล่าวมากมาย “ในเมื่อเป็นความต้องการของเสด็จพ่อ เช่นนั้นข้าก็จะสั่งให้คนพาช่างวาดภาพไปพบองค์หญิงเจียเหยา! พอดีเลย องค์หญิงเจียเหยามาอยู่ที่ชายแดนกู้ พวกเจ้าพักผ่อนสักหน่อย รอให้ช่างวาดภาพวาดภาพเหมือนของเจียเหยาเสร็จแล้ว ก็รีบกลับไปรายงานเถอะ!”“……”หันจิ้นหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ “องค์ชาย พวกเราเร่งเดินทางมา แทบไม่ได้...”“ข้าไม่ได้ขับไล่พวกเจ้าไป!”หยุนเจิงหัวเราะส่ายหน้า “ที่สำคัญคือข้าต้องการให้พวกเจ้าช่วยข้านำศีรษะกลับไปมอบให้เสด็จพ่อ พวกเจ้าไม่รีบกลับไปรายงาน ศีรษะนี้ส่งถึงเมืองจักรพรรดิอาจเน่าเสียแล้ว...”ห๊า?ศีรษะ?หันจิ้นตัวชา มองหยุนเจิงด้วยใบหน้าโศกเศร้าส่ง...ส่งศีรษะอีกแล้ว?วิธีต่อสู้ของพวกเจ้าสองพ่อลูก อย่าทรมานพวกเราสิ!ครั้งก่อนเพื่อส่งศีรษะของพวกฮูเจี๋ยกลับไปให้ทันเวลา พวกเขาวิ่งกันจนร่างกายแทบทรุดโทรมแล้วเพิ่งพักได้ไม่นาน ต้องส่งศีรษะอีกแล้ว?เปลี่ยนคนส่งไม่ได้หรือ!หันจิ้นบ่นคร่ำครวญในใจต่อเนื่อง รู้อยู่แล้วว่าไม่ควรมาถ่ายทอดราชโองการที่ซั่วเป่ย
พวกหันจิ้นเพิ่งดื่มน้ำไปไม่กี่อึก หยุนเจิงก็พาพวกเสิ่นลั่วเยี่ยนเข้ามาไม่รอให้พวกหันจิ้นทำความเคารพ หยุนเจิงยกมือห้ามพวกเขา จากนั้นก็ถามด้วยร้อยยิ้มแย้ม “ผู้บัญชาการหัน ข้ามีเรื่องหนึ่งลืมบอกพวกเจ้าแล้ว”หันจิ้นในใจเกินลางสังหรณ์ไม่ดี ถามหยั่งเชิง “องค์ชายมีเรื่องใดต้องการสั่ง?”“ก่อนหน้านี้ข้าถูกลับสังหารไม่ใช่หรือ?”หยุนเจิงกล่าวด้วยเสียงหัวเราะ “ข้าไต่สวนออกมาแล้ว มือสังหารพวกนั้น ล้วนป็นรัชทายาทส่งมา!”“ข้าแม้ไม่ถูกทำร้าย แต่ก็ไม่ยอมกล้ำกลืนฝืนทน!”“ข้าอยากให้ผู้บัญชาการหันจิ้นช่วยพามือสังหารสองคนกลับไป ข้าเรียบเรียงหนังสือสักฉบับ รบกวนผู้บัญชาการหันมอบให้เสด็จพ่อด้วย ข้าต้องการให้เสด็จพ่อช่วยคืนความเป็นธรรมแทนข้า...”เมื่อได้ฟังคำพูดของหยุนเจิง หานจิ้นแทบร้องไห้ออกมาแล้วมือสังหารเหล่านี้เป็นรัชทายาทส่งมา!เขาพามือสังหารกลับไป ไม่เท่ากับล่วงเกินรัชทายาทหรือ?หากมือสังหารตายระหว่างทาง เขาไม่เพียงสลัดไม่พ้นข้อหาคุ้มกันไม่ได้ ยังล่วงเกินองค์ชายหกด้วย!ดีไม่ดี เขายังถูกเข้าใจผิดกลายเป็นลูกสมุนของรัชทายาท!ให้ตายสินี่ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายหรือ?เวลานี้ หันจิ้นอยากจะร้องไ
แม้ความสูญเสียงของกองทหารมณฑลทางเหนือมีมาก แต่การคุกคามของเป่ยหวนขจัดออกไปแล้ว แผนการทหารชั้นยอดของหยุนจิงก็ประกาศใช้อย่างเป็นทางการแล้วหยุนเจิงแกว่งดาบใหญ่ ตัดทหารประจำการของกองทหารมณฑลทางเหนือออกถึงหนึ่งแสนสามพันคนภายในนั้น มีหน่วยรักษาการของด่านเป่ยลู่และทุกเมืองรวมกันแล้วห้าหมื่นคนทหารที่ใช้เป็นทหารประจำการ มีเพียงห้าหมื่นสามพันคนกองทหารโหลิตสามพันคน มีฉินชีหู่และหลู่ซิ่งบัญชาการที่เหลือห้าหมื่นคน แบ่งออกเป็นห้าส่วนภายในนั้นมี ทหารม้าสี่หมื่น ต่างก็เป็นหนึ่งคนต่อม้าสองตัว ผู้บัญชาการแบ่งเป็นอวี๋ซื่อจง ชวีจื้อ เฝิงอวี้ เติ่งเป่าทหารราบชุดเกราะหนักหนึ่งหมื่นคน หวังชี่เป็นแม่ทัพหลักเมื่อค่ายใหญ่ที่เขาห่านป่าหวนกลับเป็นรูปเป็นร่างแล้ว หวังชี่และอวี๋ซื่อจงก็ต้องนำกองทัพเข้าประจำการที่ค่ายใหญ่ที่เขาห่านป่าหวนกลับหยุนเจิงเป็นแม่ทัพหลักของกองทหารมณฑลทางเหนือ ตู๋กูเช่อเป็นรองแม่ทัพขณะเดียวกัน ทั้งสองคนรับหน้าที่เป็นเจ้าสำนักและรองเจ้าสำนักของสำนักศึกษาเตรียมทหารส่วนทหารที่ถูกปลด หยุนเจิงไม่ได้ให้พวกเขาเป็นทหารชาวนา แต่เสนอความคิดทหารที่ถูกปลดตั้งหมดปรับย้ายเป็นทหารกองห
เมืองจักรพรรดิหันจิ้งนำศีรษะของฟางหยุนซื่อกลับมา แล้วก็นำข่าวที่หยุนเจิงถูกลอบสังหาร จั่วเริ่นส่งทหารเข้าประชิดฟู่โจวกลับมาที่เมืองจักรพรรดิด้วยแต่ว่า หันจิ้งบอกเพียงแค่มือสังหารเหล่านั้นหยุนลี่เป็นคนส่งไปกับจักรพรรดิเหวินเท่านั้นความผิดปกติของกองทัพประจำการที่ด่านเป่ยลู่ จะทำให้พวกขุนนางในราชสำนักกระวนกระวายหยุนเจิงเพิ่งตีเป่ยหวนจนยอมจำนน ตอนนี้การทหารกำลังรุ่งโรจน์หากหยุนเจิงระดมกองทัพโจมตีฟู่โจวจริง ทหารประจำการหนึ่งแสนกว่านายของฟู่โจว ไม่มีทางปกป้องไว้ได้ทันทีที่หยุนเจิงบุกมายังเมืองจักรพรรดิ คนมากมายต้องซวยแล้วจักรพรรดิเหวินประทับอยู่บนบัลลังก์ พระพักตร์ดูไม่ออกว่าดีพระทัยหรือทางกริ้ว เพียงแค่กวาดสายพระเนตรมองขุนนางไม่หยุดเผชิญกับสายพระเนตรของจักรพรรดิเหวิน คนไม่น้อยเกิดความรู้สึกหวาดหวั่นในใจ ไม่รู้จักรพรรดิเหวินทรงหมายความเช่นไร“เห้อ...”เนิ่นนาน จักรพรรดิเหวินค่อยๆ ถอนพระทัยออกมา โบกพระหัตถ์อย่างไร้เรี่ยวแรง “คนที่อยู่ขั้นสามขึ้นไปอยู่ก่อน คนที่เหลือ ออกไปให้หมด!”สิ้นเสียงรับสั่งของจักรพรรดิเหวิน คนที่ควรไปต่างก็พากันออกไปที่เหลือ ล้วนเป็นต่างก็เป็นขุนนาง
กล่าวจบ หยุนลี่แสดงท่าทางเด็ดขาดราวกับนาทีถัดไปก็จะเอาศีรษะกระแทกเสาในท้องพระโรงตายสวีสือฝู่มองหยุนลี่ด้วยความพอใจการสั่งสอนอย่างระมัดระวังของเขาในช่วงนี้ นับว่าเห็นผลบ้างแล้วหลังจากการแสดงท่าทีของหยุนลี่ เหล่าขุนนางขอร้องอีกครั้งมีบางคนจริงใจ มีบางคนเสแสร้งแต่ไม่ว่าเช่นไร เหล่าขุนนางต่างก็กล่าวด้วยความจริงใจ “เลิกโน้มน้าวได้แล้ว ข้าคิดจะสละราชสมบัติด้วยความจริงใจ!”จักรพรรดิเหวินส่ายพระพักตร์ ด้วยท่าทางเหม่อลอย “ความสามารถของเจ้าหก ทุกท่านต่างก็เห็นแล้ว! เจ้าหกหากยกทัพลงใต้ ทหารประจำการที่แห่งคนไม่สามารถต้านทานได้!”“ทันทีที่ราชสำนักเปิดศึกกับเจ้าหก ชนเผ่าโม่ซีและแคว้นอวี้เกรงว่าจะฉวยโอกาสปล้นตอนไฟไหม้”“ถึงเวลานั้น ต้าเฉียนเราต้องตกอยู่ในสงครามวุ่นวาย ราษฎรพลัดพรากถิ่นฐานสิ้นเนื้อประดาตัว คนอดอยากทุกหนแห่ง”“ข้าสละราชสมบัติตอนนี้ ในอนาคตยังเหลือชื่อเสียงดีงามไว้ในหน้าหนังสือประวัติศาสตร์”“หากรอจนถึงยามที่ใต้หล้าตกอยู่ในสงครามวุ่นวาย ก็คงจะมีชื่อทรราชในหนังสือประวัติศาสตร์ของคนรุ่นหลังแล้ว!”“ข้าเหนื่อยแล้ว อยากพักผ่อนแล้ว! พวกเจ้าลุกขึ้นเถอะ! เรื่องที่เหลือ พวกเจ
หยุนลี่ปวดหัวมากสวีสือฝู่ปวดหัวเช่นกันตอนนี้ ไม่ใช่เรื่องจักรพรรดิเหวินจะสละหรือไม่สละราชสมบัติแล้ว!จักรพรรดิเหวินปิดประตูท้องพระโรงแล้ว เห็นได้ชัดว่าต้องการให้พวกเขาหารือกันหาทางออก!นำปัญหายากที่ควรจัดการหยุนเจิงเช่นไรโยนมาให้พวกเขาหากหารือกันออกมาไม่ได้ ทุกคนก็ต้องทนหิวอยู่ที่นี่!สถานการณ์ตรงหน้า ต่อสู้เป็นไปไม่ได้แน่นอนพวกเขากำลังลงดาบกับตระกูลผู้มีอำนาจและราชวงศ์เหล่านั้น เวลานี้ หากพวกเขาต้องเปิดศึกกับกองทหารมณฑลทางเหนือ ตระกูลผู้มีอำนาจและราชวงศ์เหล่านั้นก็จะกระโดดลงมาแทงเขาด้วยมีด!หากไม่สู้ ก็ต้องคิดหาวิธีปลอบขวัญกองทหารมณฑลทางเหนือวิธีที่ดีที่สุด ย่อมเป็นการผลักคนหนึ่งออกไปเป็นแพะรับบาปแต่สถานการณ์ตรงหน้า ผลักใครออกไปดี?ผลักหยุนลี่ออกไป ย่อมเป็นไปไม่ได้หรือบางที สาดน้ำโคลนสกปรกไปให้องค์ชายคนอื่น?ก็นับว่าเป็นวิธีหนึ่ง!ทั้งสามารถทำให้หยุนลี่ถอนตัวได้อย่างสมบูรณ์ ทั้งยังสามารถขจัดภัยคุกคามจากองค์ชายคนอื่นที่มีต่อหยุนลี่แต่ตอนนี้ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดคือ ไม่ว่าพวกเขาจะปรึกษากันเช่นไร สุดท้ายเรื่องนี้ก็ต้องให้จักรพรรดิเหวินตัดสินพระทัย!อีกทั้ง ผลักความผิด
“จิ้งกั๋วกง ท่านว่าเรื่องนี้ควรจัดการเช่นไร?”หยุนลี่เป็นฝ่ายเอ่ยปากถามสวีสื่อฝู่“ตอนนี้เวลานี้ ราชสำนักจัดการกองทหารมณฑลทางเหนือ ยังต้องใช้การปลอบขวัญเป็นหลักสวีสือฝู่ลูบเคราเบาๆ “ความเห็นของข้า พวกเราทำเรื่องนี้ให้ชัดเจนก่อน ทำให้ชัดเจนว่าผู้ส่งคนไปลอบสังหารองค์ชายหก มีคนยั่วยุสัมพันธ์ระหว่างราชสำนักและกองทหารมณฑลทางเหนือ! จากนั้น ถึงค่อยว่ากันถึงเรื่องปลอบขวัญกองทหารมณฑลทางเหนือเช่นไร...”สวีสือฝู่วิเคราะห์สถานการณ์ตรงหน้าด้วยความจริงใจหยุนลี่เมื่อได้ฟัง กลับอดไม่ไหวคิดอยากจะด่ามารดาใครส่งคนไปลอบสังหารสุนัขอย่างเจ้าหก สวีวือฝู่ไม่รู้หรือ?เขากล่าวมากมาย ทั้งหมดไม่ใช่เรื่องไร้สาระหรือ?มองหยุนเจิงที่ส่งสายตาให้เขาเงียบ สวีสือฝู่ก่นด่าในใจไอโง่!ทำให้ตัวเองหลุดพ้นข้อกล่าวหาก่อน เข้าใจหรือไม่?มีเพียงต้องทำให้หยุนลี่หลุดพ้นความสัมพันธ์กับคนพวกนี้ก่อน ค่อยจัดการเรื่องข้างหลัง!มิฉะนั้น ใครๆ ต่างก็คิดว่าเป็นหยุนลี่ที่ส่งคนไปลอบสังหารหยุนเจิง หัวหอกต่างก็ชี้มาที่พวกเขาไม่ใช่หรือ?สวีสือฝู่ไม่สนใจหยุนลี่ ทำเหมือนไม่เห็นสายตาของหยุนลี่ วิเคราะห์อยู่ตรงนั้นต่อไปถึงเช่นไร
หลังจากทิ้งเรื่องปวดหัวให้คนในเมืองจักรพรรดิแล้ว หยุนเจิงจัดการธุระของตัวเองได้อย่างสบายใจ“เจ้ากำลังคิดสิ่งใดอยู่?”ระหว่างทางจากเหมืองถ่านหินและกลับมายังชายแดนกู้ เมี่ยวอินเห็นหยุนเจิงใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว จึงเอ่ยปากถาม“ไม่มีสิ่งใด”หยุนเจิงหัวเราะ “ข้ากำลังคิด ทำเช่นไรจึงจะผลิตปูนได้เร็วขึ้น”หยุนเจิงทำปูนแบบดั่งเดิมออกมาแล้วพอดี เศษจากการหลอมเหล็กก็ได้นำใช้ประโยชน์แล้วผ่านการทดสอบง่ายๆ ความแข็งแรงทนทานของปูนนี้นับว่าพอใช้ได้แต่ว่า ไม่มีทางเทียบได้กับปูนสมัยปัจจุบันที่สำคัญคือ ประสิทธิภาพการผลิตต่ำไปหน่อยกล่าวถึงปูน เมี่ยวอินรู้สึกสงสัย “วิธีใช้ปู เจ้าดูมาจากตำราโบราณเล่มนั้นหรือ?”“ใช่แล้ว!” หยุนเจิงพยักหน้ายิ้ม“ตำราโบราณที่เจ้าพูดถึง มหัศจรรย์มากทีเดียว”เมี่ยวอินรู้สึกแปลกประหลาด “คนที่เขียนตำราเล่มนี้เป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งยุค!”อัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งยุค!ไม่ใช่อัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งยุคหรือ!นั่นคือการตกผลึกของภูมิปัญญาจากคนจำนวนมาก!แต่น่าเสียดาย เขาก็เป็นเพียงคนมุทะลุเท่านั้นยิ่งไปกว่านั้น แม้แต่คนมุทะลุยังไม่อาจนับไปได้ด้วยเห้อ ช่างเถอะ!จ
“ลูกเข้าใจพ่ะย่ะค่ะ!”หยุนลี่รีบรับคำสั่ง“จำไว้! ฮั่วเหวินจิ้งถูกนักฆ่าสังหาร ไม่ใช่ตายเพราะป่วย!”จักรพรรดิเหวินกล่าวเตือนหยุนลี่ด้วยใบหน้าเย็นชา ก่อนเสด็จออกจากจวนองค์รัชทายาทแม้จะนั่งอยู่ในเกี้ยวแล้ว แต่เพลิงโทสะของจักรพรรดิเหวินยังคงลุกโชนไม่มอดอย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความโกรธเกรี้ยวในพระทัย ก็ยังมีความรู้สึกซับซ้อนบางอย่างซ่อนอยู่เขารู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งไม่ใช่คนของหยุนเจิงหากสามารถเค้นเอาความจริงจากฮั่วเหวินจิ้งได้ จนรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง บางทีพระองค์เองอาจไม่รู้ว่าควรจัดการอย่างไรหากเป็นพระโอรสองค์ใดองค์หนึ่ง หรือแม้แต่นางสนมคนใดคนหนึ่งของพระองค์ พระองค์จะต้องลงพระอาญาสังหารพวกเขาด้วยพระองค์เองอย่างนั้นหรือ?หากเรื่องนี้ทำให้คนที่รอดพ้นจากเคราะห์ครั้งนี้ได้สำนึกและเลิกล้มความคิดที่จะก่อความวุ่นวาย นั่นก็คงเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับตัวการเบื้องหลังของฮั่วเหวินจิ้ง จักรพรรดิเหวินเองก็พอมีข้อสันนิษฐานอยู่ในพระทัยแต่เป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐาน พระองค์ยังไม่สามารถสรุปได้แน่ชัดยิ่งไปกว่านั้น คนที่พระองค์สงสัยมีอยู่หลายคน ทำให้ไม่อาจฟันธงได้ว่าเป็นผู้ใดกันแน่ดูเหมือ
ภายในพระราชวัง จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังตรวจสอบข่าวเร่งด่วนจากเมืองฝูโจวอย่างไรก็ตาม ทั้งสองเพียงกวาดตามองก็ขว้างเอกสารฉบับนั้นทิ้งด้วยความโกรธอย่าว่าแต่หยุนลี่เลย แม้แต่จักรพรรดิเหวินก็อดด่าหยุนเจิงในใจไม่ได้ลูกอกตัญญูผู้นี้ ชักจะเหลวไหลขึ้นทุกวันเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็กล้าใช้ชื่อข่าวเร่งด่วนทางทหารส่งมาถึงเมืองหลวงนี่เป็นครั้งที่สองแล้ว!ข่าวเร่งด่วนทางทหารถูกเขาใช้เป็นของเล่นไปแล้ว!คราวหน้า ถ้าเจอตัวเจ้าเด็กเหลือขอนั่น ข้าจะเตะมันให้กระอักสองทีแน่!“กราบทูลฝ่าบาท องค์รัชทายาทฝ่าบาท กองกำลังของกระหม่อมถูกลอบโจมตีโดยนักฆ่าที่ถนนเป่ยเจีย……”ขณะที่จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังเดือดดาลกับหยุนเจิง เฉียวเหยียนเซียนก็ส่งคนมาแจ้งข่าวนักฆ่าหลายสิบคนที่ร่วมมือกันสังหารฮั่วเหวินจิ้งและครอบครัว ถูกสังหารหรือถูกจับกุมเป็นส่วนใหญ่มีเพียงไม่กี่คนที่ฉวยโอกาสความชุลมุนหลบหนีไปได้ครั้งนี้ การวางแผนของพวกเขารัดกุมยิ่งนักหากไม่ใช่เพราะพลส่งสารข่าวเร่งด่วนโผล่มาขัดจังหวะ คงไม่มีทางที่นักฆ่าจะรอดไปได้เลยนอกจากนี้ พวกเขายังพบหน้าไม้ทรงอานุภาพจำนวนมากในที่เกิดเหตุเมื่อรายงานมาถ
ขณะที่เฉียวเหยียนเซียนนำกำลังคุมตัวนักโทษผ่านถนนเป่ยเจีย หน้าต่างบนหอคอยของอาคารสองหลังที่อยู่สองฟากถนนค่อยๆ เปิดออกเล็กน้อยหน้าไม้จำนวนมากถูกเล็งออกมาจากช่องหน้าต่างโดยไร้เสียง เพียงแค่รอให้กรงนักโทษเข้าสู่ระยะยิง พวกเขาก็จะลงมือทันทีขบวนคุ้มกันเข้าใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ เงาสองก็เตรียมพร้อมเช่นกันเขาไม่รู้ว่าฮั่วเหวินจิ้งมีความสำคัญต่อหยุนเจิงเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากอีกาดำมากขึ้น เขาจำเป็นต้องร่วมมือสังหารเหล่านักโทษเหล่านี้แต่เขาก็รู้ดีว่า หากลงมือแล้ว การจะหลบหนีออกจากเมืองหลวงไม่ใช่เรื่องง่ายแต่เขาต้องรอด!ส่วนหนึ่งเพราะเขาไม่ต้องการตาย อีกส่วนหนึ่งก็เพราะ หากเขารอด เขาจะมีโอกาสพบกับผู้ที่คอยสนับสนุนการหลบหนีของพวกเขาและบุคคลนี้ อาจเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดโปงผู้อยู่เบื้องหลังตัวจริง!เงาสองครุ่นคิดเงียบๆ พร้อมเหลือบมองหน้าไม้ในมือพวกเขาปลอมตัวเป็นพ่อค้าเพื่อแฝงตัวเข้าเมืองหลวง ย่อมไม่สามารถพกพาอาวุธเหล่านี้มาเองได้หน้าไม้เหล่านี้ถูกเตรียมไว้ล่วงหน้า ถูกซุกซ่อนไว้ที่เนินเขาเหมียวเอ่อร์ซานสิ่งเหล่านี้เป็นอาวุธของกองทัพ!แม้ทางราชสำนักจะควบคุมอาวุธประเภทนี
“ฝ่าบาท เงาสามแจ้งข่าวด่วน!”จิงหยางฟู่ เสิ่นควานถือจดหมายฉบับหนึ่ง รีบรุดเข้ามาด้วยท่าทีเร่งรีบเงาสาม?นี่เป็นหนึ่งในคนที่สามารถแทรกซึมเข้าไปในอีกาดำได้สำเร็จเงาสามส่งข่าวด่วนมา ดูท่าแล้ว อีกาดำคงจะลงมือแล้วแน่หากไม่มีอะไรผิดพลาด อีกาดำน่าจะต้องการสังหารฮั่วเหวินจิ้งเพื่อกำจัดภัยร้ายอย่างสิ้นซาก!หยุนเจิงครุ่นคิดไปพลาง รับจดหมายจากเสิ่นควานและเปิดออกดูเมื่อเห็นเนื้อหาในจดหมาย หยุนเจิงก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวข่าวที่เงาสามส่งมา ตรงกับที่เขาคาดการณ์ไว้ไม่มีผิดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวนำทัพมาด้วยตนเอง ต้องการฆ่าฮั่วเหวินจิ้งให้ได้!แม้แต่เงาสองก็ถูกเลือกให้เข้าร่วมภารกิจลอบสังหารครั้งนี้ตอนนี้ พวกเขาได้รับเพียงคำสั่งให้เตรียมพร้อม แต่ยังไม่รู้เวลาและสถานที่ลงมือที่แน่ชัดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวตั้งใจปกปิดข้อมูล ไม่ให้ผู้ใดซักถาม ใครที่ร่วมภารกิจก็แค่ทำตามคำสั่งในขณะลงมือเท่านั้นพวกเขากลัวว่าจะถูกสงสัย จึงไม่กล้าไต่ถามอะไรมากข่าวที่เงาสามส่งกลับมา สำหรับหยุนเจิงแล้ว ไม่ใช่ข่าวดีเลยเขายอมจ่ายเงินกว่าล้านตำลึงเพื่อให้ครอบครัวฮั่วเหวินจิ้งปลอดภัยและมาถึงมือเขาแต่ตอนนี
หญิงสาวนิ่งเงียบ ทำอย่างไรดี? นางเองก็อยากหาคนมาปรึกษา ว่าควรทำเช่นไรในสถานการณ์นี้ แต่เวลานี้… เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดสามารถให้คำตอบแก่นางได้ ไม่นึกเลยว่า… แผนการที่นางวางมาอย่างรอบคอบมายาวนาน กลับจะพังทลายลงในมือของหยุนลี่! เฮ้อ! นางทอดถอนใจยาวในใจ แต่ในดวงตากลับปรากฏประกายเย็นยะเยือก "ไม่ว่าอย่างไร… ฮั่วเหวินจิ้งต้องไม่มีชีวิตรอดไปถึงมือหยุนเจิง! หากไร้ซึ่งความกังวลเรื่องครอบครัว ฮั่วเหวินจิ้งจะต้องเปิดโปงเราทั้งหมดแน่!" นางรู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งกำลังกังวลสิ่งใด สิ่งที่ฮั่วเหวินจิ้งกังวลที่สุดในตอนนี้ คือความปลอดภัยของครอบครัว เขาจึงไม่กล้าเปิดโปงนางออกไป แต่หากครอบครัวของฮั่วเหวินจิ้งถูกส่งไปถึงมือหยุนเจิงอย่างปลอดภัย เช่นนั้น เขาย่อมไม่มีเหตุผลใดให้ปิดปากอีกต่อไป! ระหว่างหยุนลี่กับหยุนเจิง นางเกรงกลัวหยุนเจิงมากกว่า เพราะหยุนเจิงคือผู้กุมอำนาจกองทัพ… หากหยุนเจิงรู้ว่า ผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้คือตัวนางเอง เช่นนั้น… นางคงหนีไม่พ้นความตาย! ไม่ใช่แค่หยุนเจิง… แม้แต่หยุนลี่ หรือแม้กระทั่งองค์จักรพรรดิ… ก็คงไม่ปล่อยนางไปเช่นกัน! เมื่อได้ยินเช่
สองวันต่อมา หยุนลี่ได้รับจดหมายตอบกลับจากหยุนเจิง เมื่อมองเนื้อหาในจดหมาย หยุนลี่แทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง เขาถึงกับขยี้ตาหลายรอบ กลัวว่าตัวเองจะมองผิดไป ตกลงแล้ว! เจ้าหกสุนัขชั่วนั่นตอบตกลงจริงๆ! หยุนเจิงยอมจ่ายเงิน หนึ่งล้านสองแสนตำลึง พร้อมกับส่งตัวหยางหุยโจว เพื่อแลกกับอิสรภาพของฮั่วเหวินจิ้งและครอบครัวทั้งสิบสามชีวิต ท้ายจดหมาย หยุนเจิงยังกล่าวข่มขู่ หากครอบครัวฮั่วเหวินจิ้งมีอันเป็นไป อย่าได้โทษว่าเขาไม่ไว้หน้า! "ฮ่าๆๆ!" เมื่อแน่ใจว่าตัวเองไม่ได้อ่านผิดไป หยุนลี่ถึงกับหัวเราะลั่น หนึ่งล้านสองแสนตำลึง แม้จะยังไม่เทียบเท่ากับจำนวนเงินที่เขาเคยถูกหยุนเจิงโกงไป แต่หนึ่งล้านสองแสนตำลึงก็เป็นเงินจำนวนไม่น้อย สำหรับเขาแล้ว นี่มีความหมายไม่น้อยนี่เป็นครั้งแรกที่เขาสามารถหลอกเอาเงินจากหยุนเจิงได้! และครั้งแรกนี้ก็เล่นไปถึง หนึ่งล้านสองแสนตำลึง! จะไม่ให้เขาดีใจได้อย่างไร!? ปากของฮั่วเหวินจิ้งแข็งเกินไป หากฆ่าฮั่วเหวินจิ้งทิ้งเพียงเพราะความโกรธ ก็มีแต่เสียเปล่า แต่ถ้าใช้เขามารีดเงินจากเจ้าหกได้… ไม่ใช่ว่าเป็นประโยชน์กว่าหรือ!? คิดไม่ถึงว่า มันสำเร
เมื่อหยุนเจิงกล่าวจบ ก็เล่าถึงข้อสันนิษฐานของตนให้เสิ่นควานฟัง นอกจากเหตุผลนี้แล้ว เขาก็นึกไม่ออกถึงสาเหตุอื่นเลย หยุนลี่คงไม่ถึงกับยากจนขนาดจับใครมาเรียกค่าไถ่จากเขาโดยไม่มีเหตุผลหรอกใช่ไหม? หากมีสิ่งผิดปกติ ย่อมต้องมีเงื่อนงำซ่อนอยู่! เมื่อได้ฟังคำพูดของหยุนเจิง เสิ่นควานก็อดไม่ได้ที่จะครุ่นคิด ว่ากันตามตรง ข้อสันนิษฐานของฝ่าบาทก็มีความเป็นไปได้อยู่มาก ฝ่าบาทจับตัวคนของหยุนลี่ แล้วเรียกค่าไถ่ หยุนลี่ก็ทำตามแบบเดียวกัน จับตัวคนที่เขาคิดว่าเป็นสายของฝ่าบาท แล้วเรียกค่าไถ่บ้าง? หรือว่านี่จะเป็นการใช้วิธีของศัตรูมาตอบโต้ศัตรูแบบที่ฝ่าบาทเคยพูดสินะ? “กราบทูลฝ่าบาท แม่ทัพอวี่ชื่อจงส่งสาสน์เร่งด่วนมา!” ในขณะนั้นเอง กองทหารองครักษ์นายหนึ่งวิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อน พร้อมถือจดหมายฉบับหนึ่งไว้ในมือ สาสน์ด่วนจากอวี่ชื่อจง? หรือว่าเจ้าสามคิดลงมือแล้ว!? เจ้าสามคงไม่บ้าถึงขั้นเปิดศึกในเวลานี้หรอกกระมัง? “นำมานี่!” หยุนเจิงรีบให้เสิ่นควานรับจดหมายมา เมื่อได้รับจดหมายจากเสิ่นควาน หยุนเจิงก็เปิดอ่านอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อเห็นเนื้อหาในจดหมาย สีหน้าของเขากลั
อุทยานบุปผาหลวง หลังจากการประชุมเช้าเสร็จสิ้น จักรพรรดิเหวินรับสั่งให้คนไปแจ้งหยุนลี่ ให้มาเดินเล่นเป็นเพื่อน บิดาและบุตรก้าวเดินไปข้างหน้า ขณะที่มู่ชุ่นและขุนนางติดตามคนอื่นๆ จงใจเว้นระยะห่างออกไป "ฮั่วเหวินจิ้งยังไม่ยอมเปิดปากรึ?" จักรพรรดิเหวินทรงไขว้พระหัตถ์ไว้เบื้องหลัง ตรัสถามด้วยพระพักตร์เคร่งขรึม "ยังพ่ะย่ะค่ะ" หยุนลี่ส่ายศีรษะเบาๆ "ฮั่วเหวินจิ้งไม่กลัวทั้งไม้อ่อนและไม้แข็ง ยืนกรานไม่ยอมเปิดเผยรายชื่อพรรคพวก" จักรพรรดิเหวินตรัส "ในเมื่อฮั่วเหวินจิ้งไม่ยอมพูด เช่นนั้นก็เปลี่ยนวิธีเถิด!" เปลี่ยนวิธี? หยุนลี่มองจักรพรรดิเหวินด้วยความฉงน "เสด็จพ่อทรงมีแผนใด?" "แผนการวิเศษอะไรนั้นไม่มี มีแค่แผนโง่ๆ แผนหนึ่ง" จักรพรรดิเหวินแย้มสรวล "เจ้าหกไม่เคยเล่นงานเจ้ารึ? เช่นนั้นเจ้าก็เอาฮั่วเหวินจิ้งมาเล่นงานเขาบ้างสิ! ให้เขานำเงินมาไถ่ตัวฮั่วเหวินจิ้งและครอบครัวของเขา!" อืม? หยุนลี่ได้ฟังคำพูดของจักรพรรดิเหวินเช่นนั้น พลันเกิดประกายความคิด สามารถทำเช่นนี้ได้ด้วยรึ? "แผนนี้ของเสด็จพ่อแยบยลยิ่ง!" หยุนลี่รีบกล่าวคำเยินยอจักรพรรดิเวหิน ก่อนจะมีท่าทีล
"ข้าให้ความไว้วางใจเจ้าไม่น้อย แต่เจ้าเอาความภักดีไปให้สุนัขกินแล้วหรือ?" "ข้าทำผิดอะไรกับเจ้าหรือ?" ยิ่งพูดยิ่งโกรธ หยุนลี่กระทืบฮั่วเหวินจิ้งซ้ำอีกหลายครั้ง หากไม่ใช่เพราะต้องการเก็บชีวิตของมันไว้เพื่อรีดข้อมูล เขาคงสั่งให้จับมันไปประหารเจ็ดชั่วโคตรไปแล้ว! "แค่กๆ..." ฮั่วเหวินจิ้งถูกเตะซ้ำๆ จนกระอักเลือดออกมาเป็นสาย หยุนลี่พยายามข่มอารมณ์ไม่ให้เผลอฆ่ามันซะก่อน ตะคอกเสียงดัง "บอกมา! ยังมีพวกของเจ้ากี่คน!?" ฮั่วเหวินจิ้งนอนตัวสั่นอยู่บนพื้น แววตาเจ็บปวด "กระหม่อม...ไม่รู้จริงๆ... แค่กๆ..." กล่าวจบฮั่วเหวินจิ้งก็สำลักเลือดออกมาอีก "ไม่รู้? คิดว่าข้าเป็นคนโง่หรือไง!?" หยุนลี่มองฮั่วเหวินจิ้งด้วยสายตาเย็นชา "ข้ากำลังให้โอกาสเจ้า หากเจ้ายังไม่เห็นค่าของมัน ข้าไม่เพียงจะทำให้เจ้าอยู่ก็ไม่ได้ ตายก็ไม่ได้ แต่จะส่งคนไปสังหารทั้งตระกูลเจ้าให้สิ้นซาก!" น้ำเสียงของหยุนลี่เย็นเยียบดุจน้ำแข็ง เขาต้องรีดเอาข้อมูลออกมาให้ได้! ต้องรู้ให้แน่ชัดว่าข้างกายเขายังมีคนของเจ้าหกแฝงตัวอยู่อีกหรือไม่! "กระหม่อมไม่รู้จริงๆ!" ฮั่วเหวินจิ้งส่งเสียงคร่ำครวญ "ต่อให้ฝ่าบาทสั