เมี่ยวอินนิ่งเงียบเล็กน้อย จากนั้นก็สั่งต่งกัง “ถอนเสื้อของนางออกให้หมด!”“ห๊า?”ต่งกังชะงักเล็กน้อย จากนั้นก็มองเมี่ยวอินด้วยความตกใจฮูหยินเมี่ยวอินคิดทำสิ่งใด?โบยศพ?โบยศพก็ไม่ต้องถอดเสื้อผ้าเปลือยเปล่านี่?“เร็วเข้า!”เมี่ยวอินเร่งเร้าต่งกังได้สติกลับมา รีบทำตามความต้องการของเมี่ยวอินถอนเสื้อผ้าของคนแคระจนเปลือยเปล่าเมี่ยวอินพลิกร่างกายศพดูไปมาหลายรอบ จากนั้นก็สั่งให้พวกเขาจัดการศพ แล้วเดินไปหาหยุนเจิงเกาเหอพาคนไปตรวจสอบศพอื่นที่เหลือ ดูว่าสามารถหาสิ่งของมีค่าบนร้างกายศพพบหรือไม่“เกิดเรื่องใดขึ้น?”หยุนเจิงถามเมี่ยวอิน“ไม่มีเรื่องใด”เมี่ยวอินขมวดคิ้ว “ข้ารู้จักองค์กรนักฆ่าแห่งหนึ่ง ภายในน่าจะมีคนประเภทนี้! แต่ข้าถอดเสื้อนางออก บนตัวไม่มีสัญลักษณ์ขององค์กรนักฆ่านั้น! นางน่าจะไม่ใช่คนขององค์กรนักฆ่าแห่งนั้น!”“องค์กรนักฆ่าแห่งนั้นชื่ออะไร?” หยุนเจิงถาม“อีกาดำ”อีกาดำหรือ?อีกาเป็นสัญลักษณ์แห่งความตายชื่อนี้ เหมาะสมมากหยุนเจิงจดจำชื่อนี้ไว้เงียบๆไม่ว่าคนแคระผู้นี้เป็นคนของอีกาดำหรือไม่ ก็สามารถเริ่มจากอีกาดำได้นัยน์ตาหยุนเจิงฉายแววอาฆาต จากนั้นก็เรียก
การลอบสังหารณ์ที่มากะทันให้ทำให้บรรยากาศภายในรถตึงเครียดขึ้นมากหญิงสาวทั้งสามไม่ได้ไปรบกวนหยุนเจิง แล้วก็กำลังคาดเดาว่าที่แท้ใครเป็นคนทำสามารถเลี้ยงหน่วยพลีชีพที่จงรักภักดีได้เช่นนี้ ต้องบอกว่า ผู้บงการเบื้องหลังคนนี้ร้ายกาจมากหยุนเจิงนั่งพึงตัวรถม้า ภายในสมองความคิดโลดแล่นสิ่งแรกที่เขาคิดได้คือ คนเหล่านี้เป็นไปได้สูงว่าเจ้าสามส่งมาหากเขาตาย คนที่ดีใจมากที่สุด ย่อมต้องเป็นเจ้าสามแต่ เรื่องเจ้าสามอยากเอาชีวิตเขา โดยพื้นฐานแล้วทุกคนก็รู้กันดีคนเหล่านี้เหมือนว่าไม่จำเป็นต้องตายเพื่อเก็บความลับกระมัง?หรือว่า พวกเขาต้องใช้ความตายไร้หลักฐานกับเขา เพื่อป้องกันเขาไปหาเรื่องเจ้าสาม?หากตัดเจ้าสามทิ้ง คนที่ต้องการเอาชีวิตเขา ยังมีอีกมากมายบรรดาพี่น้องในเมืองจักรพรรดิ มีผู้ใดบ้างไม่ต้องการชีวิตเขา?เมื่อเขาตาย กองทหารมณฑลทางเหนือจะวุ่นวาย คนที่จงรักภักดีกับเขาต้องยกทัพบุกไปเปิดศึกกับราชสำนัก คืนความยุติธรรมแทนเขาถึงขั้นนั้นแล้ว ต้าเฉียนก็จะวุ่นวายเมื่อเป็นเช่นนี้ เหมือนว่าพวกเจ้าสอง เจ้าสี่ ก็จะมีโอกาสแล้วส่วนเสด็จพ่อที่เมี่ยวอินสงสัย แม้หยุนเจิงไม่เต็มใจยอมรับ แต่ก็มีคว
ต่อก่อนที่ยังไม่รู้ตัวตนคนเหล่านี้ คงไม่สามารถยิงสังหารไม่เลือกหน้าได้กระมัง?มือสังหารเช่นนี้ ยากที่จะป้องกัน!พวกเขาก็ไม่สามารถเอาแต่อยู่ในจวนอ๋องไม่ออกไปไหนได้กระมัง?หยุนเจิงครุ่นคิดชั่วครู่ จากนั้นก็ถามเยี่ยจื่อ “ตอนนี้มีสายลับเท่าใด?”“ประมาณสองร้อยคิด” เยี่ยจื่อตอบประมาณสองร้อยคนหรือ?มันน้อยไปหน่อยแล้วหยุนเจิงคิด จากนั้นก็ถามเสิ่นลั่วเยี่ยน “กลับไปจากสายลับสองร้อยคนนี้เลือกออกมาห้าสิบคนที่ค่อนข้างฉลาด ข้าต้องการใช้!”“ได้!” เสิ่นลั่วเยี่ยนตอบรับทันที จากนั้นก็ถามอย่างเป็นห่วย “เจ้าคิดทำสิ่งใด?”“ข้าจะส่งพวกเขาเข้าไปในด่าน!”หยุนเจิงนัยน์ตาฉายแววอาฆาตเดิมเขาไม่อยากสนใจเรื่องภายในด่าน ในเมื่อมีคนอยู่ไม่สุข เช่นนั้นก็มาเถอะ!เขาใช้ห้าสิบคนเป็นกรอบ สร้างองค์กรข่าวกรองขนาดใหญ่ รวบรวมข่าวกรองภายในด่านหากเป็นไปได้ เขาหวังว่าคนเหล่านี้สามารถแทรงซึมเข้าไปในราชวังได้!เมื่อรู้ความคิดของหยุนเจิง หญิงสามทั้งสามคนไม่ได้กล่าวสิ่งใดมากความอีกจากนั้น หยุนเจิงถามเมี่ยวอิน “เจ้ารู้เรื่องเกี่ยวกับยุทธภพมากมาย?”“ไม่ถึงขึ้นรู้มากมาย”เมี่ยวอินส่ายหน้า “เพียงแต่อาจารย์ข้าในช่ว
สองวันต่อมา พวกหยุนเจิงกลับถึงติ้งเป่ยระหว่างทาง หยุนเจิงไม่ปรากฏตัวต่อสาธารณะอีกบรรยากาศทั้งซั่วเป่ยผิดปกติ ตามท้องถนนทุกแห่งมีทหารลาดตระเวนด้วยหน้าตาเคร่งขรึม คนเข้าออกติ้งเป่ย ล้วนได้รับการตรวจคนอย่างเข้มงวดแต่ว่าสามารถเห็นทหารส่งสารควบม้าจากภายในเมืองออกไปด้วยความรีบร้อนแต่ให้เป็นคนธรรมดา ก็สามารถรับรู้ได้ถึงแรงกดดันของพายุฝนที่กำลังจะมาถึงไม่มีผู้ใดรู้ว่าเกิดเรื่องใดขึ้น แต่หมอชื่อดังของติ้งเป่ยต่างก็ถูกพาเข้าไปในจวนอ๋องวันถัดไป ภายในเมืองก็มีข่าวลือ บอกว่าจิ้งเป่ยอ๋องพบกับการลอบสังหารตอนที่กลับจากเขาลั่วเสีย ตอนนี้ยังหมดสติอยู่ตามหลักแล้ว นี่คือข่าวจากหมอท่านหนึ่งที่ตรวจอาการให้จิ้งเป่ยอ๋องหมอท่านนั้นตอนกลางวันถูกคนของจวนอ๋องพาตัวไป เป็นตายไม่อาจรู้ได้สิ่งที่หมอท่านนี้เผชิญ ราวกับเป็นเครื่องยืนยันข่าวลือภายในเมือง“ต้องส่งข่าวให้เราแม่ทัพผู้นำแต่ละหน่วยหรือไม่?”“เรื่องการศึกของพวกเรากับเป่ยหวนเพิ่งจบ หากเกิดความวุ่นวายขึ้นมาก็ไม่ดีแล้ว”เสิ่นลั่วเยี่ยนอิงแอบในอ้อมกอดหยุนเจิง ปล่อยให้หยุนเจิงลูบท้องที่ยังตั้งครรภ์ของนางตามใจชอบตอนนี้หยุนเจิงอยู่สบาย ทั้งวัน
ขณะที่ทั้งสามคนกำลังสนทนากัน ประตูห้องถูกผลักอย่างแรงฮูหยินเสิ่นเดินตะบึงเข้ามา“ท่านแม่ เกิดเรื่องแล้ว?”เห็นสีหน้าของฮูหยินเสิ่นไม่ถูกต้อง เสิ่นลั่วเยี่ยนรีบถามสีหน้าของฮูหยินเสิ่นไม่ค่อยดี จากนั้นก็กล่าวเสียงเข้ม “เมื่อครู่ภายในจวนจับคนทำลับๆ ล่อๆ ได้หนึ่งคน ยังเป็นคนที่ช่วยงานราชการในซั่วเป่ยของจื่อเอ๋อร์ ไต่สวนปรากฏออกมาว่า เป็นคนของฝ่าบาท...”เมื่อได้ฟังคำของฮูหยินเสิ่น สีหน้าเสิ่นลั่วเยี่ยนและเยี่ยจื่อเปลี่ยนไปพร้อมกันนึกไม่ถึงว่าจะเป็นภายในคนเหล่านั้น?ฝ่าบาทส่งคนสอดแนมไปถึงในนั้นด้วย?หยุนเจินยังดีผลลัพธ์นี้ไม่ได้เกินความคาดหมายเท่าใดในจวนมีคนที่เสด็จพ่อจัดหามา คนที่ลอบสังหารไม่จำเป็นต้องเป็นเสด็จพ่อส่งมาหยุนเจิงลังเล จากนั้นก็ถาม “คนผู้นั้นเข้ามาในจวนตั้งแต่เมื่อใด?”“ก็ตั้งแต่ที่ฝ่าบาทไปจากติ้งเป่ย”ฮูหยินเสิ่นตอบ “นับดูแล้ว เขาเป็นคนของฝ่าบาทมาตลอด ก่อนหน้านี้เพียงแค่ช่วยฝ่าบาทจับตาเว่ยเหวินจงเท่านั้น! ครั้งที่แล้วฝ่าบาทมายังติ้งเป่ย เคยส่งราชองครักษ์ไปติดต่อเขา เพียงสั่งให้เขาปะปนเข้ามาในจวนอ๋องเพื่อจับตาดูพวกเรา ไม่ได้กำชับเรื่องอื่น! จนถึงตอนนี้ เขายัง
หลายวันต่อมา หยุนเจิงยังคงไม่ยอมออกจากธรณีประตูมีคนเห็นคนของจวนอ๋องส่งยาจำนวนมากไปยังจวนอ๋องหยุนเจิงผู้เป็นท่านอ๋องเป็นหรือตาย ไม่มีใครรู้ ไม่มีใครสามารถเข้าใกล้จวนอ๋องได้ทั้งจวนอ๋องถูกกององครักษ์ของหยุนเจิงคุ้มกันไว้อย่างแน่นหนา มีคนคิดที่จะสืบเรื่องภายในจวนอ๋อง จะต้องพบกับการถูกทุบตีอย่างรุนแรงคนในจวนอ๋องประกาศต่อภายนอกว่า หยุนเจิงไม่เป็นไร แค่กำลังกำหนดแผนใหญ่เพื่อประชาชนชาวซั่วเป่ย ห้ามให้ผู้ใดรบกวนปฏิกิริยาของทหารยามจวนอ๋อง กลับทำตัวพิรุธน่าสงสัยว่าที่นี่ไม่มีเงินสามร้อยตำลึงด้วยเหตุนี้ ข่าวที่หยุนเจิงเจอกับการลอบสังหารแพร่ออกไปอย่างบ้าคลั่งแม้แต่ตู๋กูเช่อที่อยู่ชายแดนเว่ยยังได้รับข่าวด้วยเช่นกันตู๋กูเช่อไม่รู้ว่าหยุนเจิงพบการลอบสังหารจริงหรือไม่แต่ไร้ลมก็ไม่เกิดคลื่นในเมื่อมีข่าวลือเช่นนี้ เกรงว่าคงมีเหตุการณ์จริงบางส่วน!อีกทั้ง เขายังได้ยินว่า นักรบภูตสิบแปดที่กำลังพักผ่อนอยู่ที่ชายแดนกู้ไปเร่งเดินทางไปยังติ้งเป่ยแล้วสำหรับนักรบภูตสิบแปดของหยุนเจิง ตู๋กูเช่อย่อมรู้จักเช่นกันขอแค่นักรบภูตสิบแปดเคลื่อนไหว ย่อมไม่ใช่เรื่องดี!ตู๋กูเช่อยิ่งคิดยิ่งนั่งไม่ติ
ไม่ได้เขียนหรือ?ตู๋กูเช่อสายตาเย็นชาคำพูดนี้ของโจวที่ กลับไม่มีปัญหาใดแต่ว่า ด้วยประสบการณ์การวิเคราะห์ของเขา เห็นได้ชัดว่าโจวมี่กำลังโกหกตู๋กูเช่อปล่อยโจวที่ จากนั้นก็กัดฟัน “องค์ชายเป็นอย่างไรกันแน่?”“องค์ชายไม่เป็นไร” โจวมี่ยังคงยิ้มแห้ง“ใช่จะดีที่สุด!”ตู๋กูเช่อมองโจวที่อย่างเย็นชา “เช่นนั้นตอนนี้เจ้ากลับไปรายงานองค์ชาย บอกองค์ชาย ตู๋กูเช่อรับคำสั่ง! รอให้ข้าจัดการเรื่องเหล่านี้เสร็จแล้ว จะรีบไปติ้งเป่ยเพื่อเยี่ยมองค์ชาย!”พวกโจวมี่มาไว ไปก็ไวเช่นกันทันทีที่โจวมี่จากไป หัวหน้าทหารคนสนิทของตู๋กูเช่อก็วิ่งเข้ามา“รองแม่ทัพ องค์ชายเกิดเรื่องจริงใช่หรือไม่?”หัวหน้าทหารคนสนิทรีบร้อนถาม“ถามมากมายเพื่อสิ่งใด? นี่เป็นสิ่งที่เจ้าควรถามหรือ?”สีหน้าตู๋กูเช่อบึ้งตึง “ทำงานของเจ้าให้ดี ไม่ควรถามก็อย่าถาม!”“รองแม่ทัพ!” หัวหน้าทหารคนสนิทชะโงกหน้าเขามา กระซิบเกลี่ยกล้อม “นี่คือโอกาสที่รองแม่ทัพจะควบคุมกองทหารมณฑลทางเหนือ! หากรองแม่ทัพควบคุมกองทหารมณฑลทางเหนือ ค่อยนำอำนาจทางทหารมอบให้ฝ่าบาท ฝ่าบาทต้อง...”“หุบปาก!”ตู๋กูเช่อตัดบทหัวหน้าทหารคนสนิททอย่างเย็นชา “ข้าบอกเจ้า ข
ติ้งเป่ย“ยังมีเรื่องดีนี้ด้วย?”เมื่อได้ข่าวที่เมี่ยวอินนำกลับมา ดวงตาของหยุนเจิงเป็นประกายดวงตาสุนัขสะท้อนแสงนึกไม่ถึงว่าเมี่ยวอินจะจับกลุ่มมือสังหารที่ยังไม่ทันได้ลงมือที่เจ้าสามส่งมาได้โดยไม่ได้ตั้งใจ?“เจ้าเสพติดการถูกลอบสังหารแล้วกระมัง?”เมี่ยวอินหยิกหยุนเจิง “นี่เรียกว่าเรื่องดี?”การศึกต้าเฉียนกับเป่ยหวนเพิ่งสิ้นสุด หยุนเจิงกลายเป็นหนามในตาของคนจำนวนมากมายหยุนเจิงมักจะชอบกล่าวไม่ใช่หรือ ไม่กลัวโจรขโมย กลัวแต่โจรจะคิดถึงมีคนมากมายคิดถึงเขา เขายังคิดว่าเป็นเรื่องดี?“เจ้าวางแผนหลอกหยุนลี่ใช่หรือไม่?”เยี่ยจื่อกล่าวคำเดียวก็จี้จุดความคิดในใจของหยุนเจิงหยุนเจิงยิ้มเจ้าเล่ห์ ดึงเยี่ยจื่อเข้ามา จูบอย่างรุนแรง“อย่าก่อเรื่อง! ไม่รู้จักอายเลย!”เยี่ยจื่อตีหยุนเจิงอย่างเขินอาย“อยู่ต่อหน้าพี่อน้องของเจ้า มีเรื่องใดต้องอาย?”หยุนเจิงหัวเราะเจ้าเล่ห์ “อีกอย่าง ก็เป็นเรื่องเปิดเผยแล้ว...”คำพูดของหยุนเจิงกล่าวยังไม่ทันจบ สองสายตาเดือดดาลก็สาดมาที่เขาอย่างรุนแรงเมี่ยวอินและเยี่ยจื่อทั้งอายทั้งโมโห อยากจะถีบไอสารเลวนี่คนละทีไม่รู้ว่าเหตุใดหนังหน้าของไอสารเลวนี่จึงได้