เมี่ยวอินนิ่งเงียบเล็กน้อย จากนั้นก็สั่งต่งกัง “ถอนเสื้อของนางออกให้หมด!”“ห๊า?”ต่งกังชะงักเล็กน้อย จากนั้นก็มองเมี่ยวอินด้วยความตกใจฮูหยินเมี่ยวอินคิดทำสิ่งใด?โบยศพ?โบยศพก็ไม่ต้องถอดเสื้อผ้าเปลือยเปล่านี่?“เร็วเข้า!”เมี่ยวอินเร่งเร้าต่งกังได้สติกลับมา รีบทำตามความต้องการของเมี่ยวอินถอนเสื้อผ้าของคนแคระจนเปลือยเปล่าเมี่ยวอินพลิกร่างกายศพดูไปมาหลายรอบ จากนั้นก็สั่งให้พวกเขาจัดการศพ แล้วเดินไปหาหยุนเจิงเกาเหอพาคนไปตรวจสอบศพอื่นที่เหลือ ดูว่าสามารถหาสิ่งของมีค่าบนร้างกายศพพบหรือไม่“เกิดเรื่องใดขึ้น?”หยุนเจิงถามเมี่ยวอิน“ไม่มีเรื่องใด”เมี่ยวอินขมวดคิ้ว “ข้ารู้จักองค์กรนักฆ่าแห่งหนึ่ง ภายในน่าจะมีคนประเภทนี้! แต่ข้าถอดเสื้อนางออก บนตัวไม่มีสัญลักษณ์ขององค์กรนักฆ่านั้น! นางน่าจะไม่ใช่คนขององค์กรนักฆ่าแห่งนั้น!”“องค์กรนักฆ่าแห่งนั้นชื่ออะไร?” หยุนเจิงถาม“อีกาดำ”อีกาดำหรือ?อีกาเป็นสัญลักษณ์แห่งความตายชื่อนี้ เหมาะสมมากหยุนเจิงจดจำชื่อนี้ไว้เงียบๆไม่ว่าคนแคระผู้นี้เป็นคนของอีกาดำหรือไม่ ก็สามารถเริ่มจากอีกาดำได้นัยน์ตาหยุนเจิงฉายแววอาฆาต จากนั้นก็เรียก
การลอบสังหารณ์ที่มากะทันให้ทำให้บรรยากาศภายในรถตึงเครียดขึ้นมากหญิงสาวทั้งสามไม่ได้ไปรบกวนหยุนเจิง แล้วก็กำลังคาดเดาว่าที่แท้ใครเป็นคนทำสามารถเลี้ยงหน่วยพลีชีพที่จงรักภักดีได้เช่นนี้ ต้องบอกว่า ผู้บงการเบื้องหลังคนนี้ร้ายกาจมากหยุนเจิงนั่งพึงตัวรถม้า ภายในสมองความคิดโลดแล่นสิ่งแรกที่เขาคิดได้คือ คนเหล่านี้เป็นไปได้สูงว่าเจ้าสามส่งมาหากเขาตาย คนที่ดีใจมากที่สุด ย่อมต้องเป็นเจ้าสามแต่ เรื่องเจ้าสามอยากเอาชีวิตเขา โดยพื้นฐานแล้วทุกคนก็รู้กันดีคนเหล่านี้เหมือนว่าไม่จำเป็นต้องตายเพื่อเก็บความลับกระมัง?หรือว่า พวกเขาต้องใช้ความตายไร้หลักฐานกับเขา เพื่อป้องกันเขาไปหาเรื่องเจ้าสาม?หากตัดเจ้าสามทิ้ง คนที่ต้องการเอาชีวิตเขา ยังมีอีกมากมายบรรดาพี่น้องในเมืองจักรพรรดิ มีผู้ใดบ้างไม่ต้องการชีวิตเขา?เมื่อเขาตาย กองทหารมณฑลทางเหนือจะวุ่นวาย คนที่จงรักภักดีกับเขาต้องยกทัพบุกไปเปิดศึกกับราชสำนัก คืนความยุติธรรมแทนเขาถึงขั้นนั้นแล้ว ต้าเฉียนก็จะวุ่นวายเมื่อเป็นเช่นนี้ เหมือนว่าพวกเจ้าสอง เจ้าสี่ ก็จะมีโอกาสแล้วส่วนเสด็จพ่อที่เมี่ยวอินสงสัย แม้หยุนเจิงไม่เต็มใจยอมรับ แต่ก็มีคว
ต่อก่อนที่ยังไม่รู้ตัวตนคนเหล่านี้ คงไม่สามารถยิงสังหารไม่เลือกหน้าได้กระมัง?มือสังหารเช่นนี้ ยากที่จะป้องกัน!พวกเขาก็ไม่สามารถเอาแต่อยู่ในจวนอ๋องไม่ออกไปไหนได้กระมัง?หยุนเจิงครุ่นคิดชั่วครู่ จากนั้นก็ถามเยี่ยจื่อ “ตอนนี้มีสายลับเท่าใด?”“ประมาณสองร้อยคิด” เยี่ยจื่อตอบประมาณสองร้อยคนหรือ?มันน้อยไปหน่อยแล้วหยุนเจิงคิด จากนั้นก็ถามเสิ่นลั่วเยี่ยน “กลับไปจากสายลับสองร้อยคนนี้เลือกออกมาห้าสิบคนที่ค่อนข้างฉลาด ข้าต้องการใช้!”“ได้!” เสิ่นลั่วเยี่ยนตอบรับทันที จากนั้นก็ถามอย่างเป็นห่วย “เจ้าคิดทำสิ่งใด?”“ข้าจะส่งพวกเขาเข้าไปในด่าน!”หยุนเจิงนัยน์ตาฉายแววอาฆาตเดิมเขาไม่อยากสนใจเรื่องภายในด่าน ในเมื่อมีคนอยู่ไม่สุข เช่นนั้นก็มาเถอะ!เขาใช้ห้าสิบคนเป็นกรอบ สร้างองค์กรข่าวกรองขนาดใหญ่ รวบรวมข่าวกรองภายในด่านหากเป็นไปได้ เขาหวังว่าคนเหล่านี้สามารถแทรงซึมเข้าไปในราชวังได้!เมื่อรู้ความคิดของหยุนเจิง หญิงสามทั้งสามคนไม่ได้กล่าวสิ่งใดมากความอีกจากนั้น หยุนเจิงถามเมี่ยวอิน “เจ้ารู้เรื่องเกี่ยวกับยุทธภพมากมาย?”“ไม่ถึงขึ้นรู้มากมาย”เมี่ยวอินส่ายหน้า “เพียงแต่อาจารย์ข้าในช่ว
สองวันต่อมา พวกหยุนเจิงกลับถึงติ้งเป่ยระหว่างทาง หยุนเจิงไม่ปรากฏตัวต่อสาธารณะอีกบรรยากาศทั้งซั่วเป่ยผิดปกติ ตามท้องถนนทุกแห่งมีทหารลาดตระเวนด้วยหน้าตาเคร่งขรึม คนเข้าออกติ้งเป่ย ล้วนได้รับการตรวจคนอย่างเข้มงวดแต่ว่าสามารถเห็นทหารส่งสารควบม้าจากภายในเมืองออกไปด้วยความรีบร้อนแต่ให้เป็นคนธรรมดา ก็สามารถรับรู้ได้ถึงแรงกดดันของพายุฝนที่กำลังจะมาถึงไม่มีผู้ใดรู้ว่าเกิดเรื่องใดขึ้น แต่หมอชื่อดังของติ้งเป่ยต่างก็ถูกพาเข้าไปในจวนอ๋องวันถัดไป ภายในเมืองก็มีข่าวลือ บอกว่าจิ้งเป่ยอ๋องพบกับการลอบสังหารตอนที่กลับจากเขาลั่วเสีย ตอนนี้ยังหมดสติอยู่ตามหลักแล้ว นี่คือข่าวจากหมอท่านหนึ่งที่ตรวจอาการให้จิ้งเป่ยอ๋องหมอท่านนั้นตอนกลางวันถูกคนของจวนอ๋องพาตัวไป เป็นตายไม่อาจรู้ได้สิ่งที่หมอท่านนี้เผชิญ ราวกับเป็นเครื่องยืนยันข่าวลือภายในเมือง“ต้องส่งข่าวให้เราแม่ทัพผู้นำแต่ละหน่วยหรือไม่?”“เรื่องการศึกของพวกเรากับเป่ยหวนเพิ่งจบ หากเกิดความวุ่นวายขึ้นมาก็ไม่ดีแล้ว”เสิ่นลั่วเยี่ยนอิงแอบในอ้อมกอดหยุนเจิง ปล่อยให้หยุนเจิงลูบท้องที่ยังตั้งครรภ์ของนางตามใจชอบตอนนี้หยุนเจิงอยู่สบาย ทั้งวัน
ขณะที่ทั้งสามคนกำลังสนทนากัน ประตูห้องถูกผลักอย่างแรงฮูหยินเสิ่นเดินตะบึงเข้ามา“ท่านแม่ เกิดเรื่องแล้ว?”เห็นสีหน้าของฮูหยินเสิ่นไม่ถูกต้อง เสิ่นลั่วเยี่ยนรีบถามสีหน้าของฮูหยินเสิ่นไม่ค่อยดี จากนั้นก็กล่าวเสียงเข้ม “เมื่อครู่ภายในจวนจับคนทำลับๆ ล่อๆ ได้หนึ่งคน ยังเป็นคนที่ช่วยงานราชการในซั่วเป่ยของจื่อเอ๋อร์ ไต่สวนปรากฏออกมาว่า เป็นคนของฝ่าบาท...”เมื่อได้ฟังคำของฮูหยินเสิ่น สีหน้าเสิ่นลั่วเยี่ยนและเยี่ยจื่อเปลี่ยนไปพร้อมกันนึกไม่ถึงว่าจะเป็นภายในคนเหล่านั้น?ฝ่าบาทส่งคนสอดแนมไปถึงในนั้นด้วย?หยุนเจินยังดีผลลัพธ์นี้ไม่ได้เกินความคาดหมายเท่าใดในจวนมีคนที่เสด็จพ่อจัดหามา คนที่ลอบสังหารไม่จำเป็นต้องเป็นเสด็จพ่อส่งมาหยุนเจิงลังเล จากนั้นก็ถาม “คนผู้นั้นเข้ามาในจวนตั้งแต่เมื่อใด?”“ก็ตั้งแต่ที่ฝ่าบาทไปจากติ้งเป่ย”ฮูหยินเสิ่นตอบ “นับดูแล้ว เขาเป็นคนของฝ่าบาทมาตลอด ก่อนหน้านี้เพียงแค่ช่วยฝ่าบาทจับตาเว่ยเหวินจงเท่านั้น! ครั้งที่แล้วฝ่าบาทมายังติ้งเป่ย เคยส่งราชองครักษ์ไปติดต่อเขา เพียงสั่งให้เขาปะปนเข้ามาในจวนอ๋องเพื่อจับตาดูพวกเรา ไม่ได้กำชับเรื่องอื่น! จนถึงตอนนี้ เขายัง
หลายวันต่อมา หยุนเจิงยังคงไม่ยอมออกจากธรณีประตูมีคนเห็นคนของจวนอ๋องส่งยาจำนวนมากไปยังจวนอ๋องหยุนเจิงผู้เป็นท่านอ๋องเป็นหรือตาย ไม่มีใครรู้ ไม่มีใครสามารถเข้าใกล้จวนอ๋องได้ทั้งจวนอ๋องถูกกององครักษ์ของหยุนเจิงคุ้มกันไว้อย่างแน่นหนา มีคนคิดที่จะสืบเรื่องภายในจวนอ๋อง จะต้องพบกับการถูกทุบตีอย่างรุนแรงคนในจวนอ๋องประกาศต่อภายนอกว่า หยุนเจิงไม่เป็นไร แค่กำลังกำหนดแผนใหญ่เพื่อประชาชนชาวซั่วเป่ย ห้ามให้ผู้ใดรบกวนปฏิกิริยาของทหารยามจวนอ๋อง กลับทำตัวพิรุธน่าสงสัยว่าที่นี่ไม่มีเงินสามร้อยตำลึงด้วยเหตุนี้ ข่าวที่หยุนเจิงเจอกับการลอบสังหารแพร่ออกไปอย่างบ้าคลั่งแม้แต่ตู๋กูเช่อที่อยู่ชายแดนเว่ยยังได้รับข่าวด้วยเช่นกันตู๋กูเช่อไม่รู้ว่าหยุนเจิงพบการลอบสังหารจริงหรือไม่แต่ไร้ลมก็ไม่เกิดคลื่นในเมื่อมีข่าวลือเช่นนี้ เกรงว่าคงมีเหตุการณ์จริงบางส่วน!อีกทั้ง เขายังได้ยินว่า นักรบภูตสิบแปดที่กำลังพักผ่อนอยู่ที่ชายแดนกู้ไปเร่งเดินทางไปยังติ้งเป่ยแล้วสำหรับนักรบภูตสิบแปดของหยุนเจิง ตู๋กูเช่อย่อมรู้จักเช่นกันขอแค่นักรบภูตสิบแปดเคลื่อนไหว ย่อมไม่ใช่เรื่องดี!ตู๋กูเช่อยิ่งคิดยิ่งนั่งไม่ติ
ไม่ได้เขียนหรือ?ตู๋กูเช่อสายตาเย็นชาคำพูดนี้ของโจวที่ กลับไม่มีปัญหาใดแต่ว่า ด้วยประสบการณ์การวิเคราะห์ของเขา เห็นได้ชัดว่าโจวมี่กำลังโกหกตู๋กูเช่อปล่อยโจวที่ จากนั้นก็กัดฟัน “องค์ชายเป็นอย่างไรกันแน่?”“องค์ชายไม่เป็นไร” โจวมี่ยังคงยิ้มแห้ง“ใช่จะดีที่สุด!”ตู๋กูเช่อมองโจวที่อย่างเย็นชา “เช่นนั้นตอนนี้เจ้ากลับไปรายงานองค์ชาย บอกองค์ชาย ตู๋กูเช่อรับคำสั่ง! รอให้ข้าจัดการเรื่องเหล่านี้เสร็จแล้ว จะรีบไปติ้งเป่ยเพื่อเยี่ยมองค์ชาย!”พวกโจวมี่มาไว ไปก็ไวเช่นกันทันทีที่โจวมี่จากไป หัวหน้าทหารคนสนิทของตู๋กูเช่อก็วิ่งเข้ามา“รองแม่ทัพ องค์ชายเกิดเรื่องจริงใช่หรือไม่?”หัวหน้าทหารคนสนิทรีบร้อนถาม“ถามมากมายเพื่อสิ่งใด? นี่เป็นสิ่งที่เจ้าควรถามหรือ?”สีหน้าตู๋กูเช่อบึ้งตึง “ทำงานของเจ้าให้ดี ไม่ควรถามก็อย่าถาม!”“รองแม่ทัพ!” หัวหน้าทหารคนสนิทชะโงกหน้าเขามา กระซิบเกลี่ยกล้อม “นี่คือโอกาสที่รองแม่ทัพจะควบคุมกองทหารมณฑลทางเหนือ! หากรองแม่ทัพควบคุมกองทหารมณฑลทางเหนือ ค่อยนำอำนาจทางทหารมอบให้ฝ่าบาท ฝ่าบาทต้อง...”“หุบปาก!”ตู๋กูเช่อตัดบทหัวหน้าทหารคนสนิททอย่างเย็นชา “ข้าบอกเจ้า ข
ติ้งเป่ย“ยังมีเรื่องดีนี้ด้วย?”เมื่อได้ข่าวที่เมี่ยวอินนำกลับมา ดวงตาของหยุนเจิงเป็นประกายดวงตาสุนัขสะท้อนแสงนึกไม่ถึงว่าเมี่ยวอินจะจับกลุ่มมือสังหารที่ยังไม่ทันได้ลงมือที่เจ้าสามส่งมาได้โดยไม่ได้ตั้งใจ?“เจ้าเสพติดการถูกลอบสังหารแล้วกระมัง?”เมี่ยวอินหยิกหยุนเจิง “นี่เรียกว่าเรื่องดี?”การศึกต้าเฉียนกับเป่ยหวนเพิ่งสิ้นสุด หยุนเจิงกลายเป็นหนามในตาของคนจำนวนมากมายหยุนเจิงมักจะชอบกล่าวไม่ใช่หรือ ไม่กลัวโจรขโมย กลัวแต่โจรจะคิดถึงมีคนมากมายคิดถึงเขา เขายังคิดว่าเป็นเรื่องดี?“เจ้าวางแผนหลอกหยุนลี่ใช่หรือไม่?”เยี่ยจื่อกล่าวคำเดียวก็จี้จุดความคิดในใจของหยุนเจิงหยุนเจิงยิ้มเจ้าเล่ห์ ดึงเยี่ยจื่อเข้ามา จูบอย่างรุนแรง“อย่าก่อเรื่อง! ไม่รู้จักอายเลย!”เยี่ยจื่อตีหยุนเจิงอย่างเขินอาย“อยู่ต่อหน้าพี่อน้องของเจ้า มีเรื่องใดต้องอาย?”หยุนเจิงหัวเราะเจ้าเล่ห์ “อีกอย่าง ก็เป็นเรื่องเปิดเผยแล้ว...”คำพูดของหยุนเจิงกล่าวยังไม่ทันจบ สองสายตาเดือดดาลก็สาดมาที่เขาอย่างรุนแรงเมี่ยวอินและเยี่ยจื่อทั้งอายทั้งโมโห อยากจะถีบไอสารเลวนี่คนละทีไม่รู้ว่าเหตุใดหนังหน้าของไอสารเลวนี่จึงได้
“ลูกเข้าใจพ่ะย่ะค่ะ!”หยุนลี่รีบรับคำสั่ง“จำไว้! ฮั่วเหวินจิ้งถูกนักฆ่าสังหาร ไม่ใช่ตายเพราะป่วย!”จักรพรรดิเหวินกล่าวเตือนหยุนลี่ด้วยใบหน้าเย็นชา ก่อนเสด็จออกจากจวนองค์รัชทายาทแม้จะนั่งอยู่ในเกี้ยวแล้ว แต่เพลิงโทสะของจักรพรรดิเหวินยังคงลุกโชนไม่มอดอย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความโกรธเกรี้ยวในพระทัย ก็ยังมีความรู้สึกซับซ้อนบางอย่างซ่อนอยู่เขารู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งไม่ใช่คนของหยุนเจิงหากสามารถเค้นเอาความจริงจากฮั่วเหวินจิ้งได้ จนรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง บางทีพระองค์เองอาจไม่รู้ว่าควรจัดการอย่างไรหากเป็นพระโอรสองค์ใดองค์หนึ่ง หรือแม้แต่นางสนมคนใดคนหนึ่งของพระองค์ พระองค์จะต้องลงพระอาญาสังหารพวกเขาด้วยพระองค์เองอย่างนั้นหรือ?หากเรื่องนี้ทำให้คนที่รอดพ้นจากเคราะห์ครั้งนี้ได้สำนึกและเลิกล้มความคิดที่จะก่อความวุ่นวาย นั่นก็คงเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับตัวการเบื้องหลังของฮั่วเหวินจิ้ง จักรพรรดิเหวินเองก็พอมีข้อสันนิษฐานอยู่ในพระทัยแต่เป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐาน พระองค์ยังไม่สามารถสรุปได้แน่ชัดยิ่งไปกว่านั้น คนที่พระองค์สงสัยมีอยู่หลายคน ทำให้ไม่อาจฟันธงได้ว่าเป็นผู้ใดกันแน่ดูเหมือ
ภายในพระราชวัง จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังตรวจสอบข่าวเร่งด่วนจากเมืองฝูโจวอย่างไรก็ตาม ทั้งสองเพียงกวาดตามองก็ขว้างเอกสารฉบับนั้นทิ้งด้วยความโกรธอย่าว่าแต่หยุนลี่เลย แม้แต่จักรพรรดิเหวินก็อดด่าหยุนเจิงในใจไม่ได้ลูกอกตัญญูผู้นี้ ชักจะเหลวไหลขึ้นทุกวันเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็กล้าใช้ชื่อข่าวเร่งด่วนทางทหารส่งมาถึงเมืองหลวงนี่เป็นครั้งที่สองแล้ว!ข่าวเร่งด่วนทางทหารถูกเขาใช้เป็นของเล่นไปแล้ว!คราวหน้า ถ้าเจอตัวเจ้าเด็กเหลือขอนั่น ข้าจะเตะมันให้กระอักสองทีแน่!“กราบทูลฝ่าบาท องค์รัชทายาทฝ่าบาท กองกำลังของกระหม่อมถูกลอบโจมตีโดยนักฆ่าที่ถนนเป่ยเจีย……”ขณะที่จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังเดือดดาลกับหยุนเจิง เฉียวเหยียนเซียนก็ส่งคนมาแจ้งข่าวนักฆ่าหลายสิบคนที่ร่วมมือกันสังหารฮั่วเหวินจิ้งและครอบครัว ถูกสังหารหรือถูกจับกุมเป็นส่วนใหญ่มีเพียงไม่กี่คนที่ฉวยโอกาสความชุลมุนหลบหนีไปได้ครั้งนี้ การวางแผนของพวกเขารัดกุมยิ่งนักหากไม่ใช่เพราะพลส่งสารข่าวเร่งด่วนโผล่มาขัดจังหวะ คงไม่มีทางที่นักฆ่าจะรอดไปได้เลยนอกจากนี้ พวกเขายังพบหน้าไม้ทรงอานุภาพจำนวนมากในที่เกิดเหตุเมื่อรายงานมาถ
ขณะที่เฉียวเหยียนเซียนนำกำลังคุมตัวนักโทษผ่านถนนเป่ยเจีย หน้าต่างบนหอคอยของอาคารสองหลังที่อยู่สองฟากถนนค่อยๆ เปิดออกเล็กน้อยหน้าไม้จำนวนมากถูกเล็งออกมาจากช่องหน้าต่างโดยไร้เสียง เพียงแค่รอให้กรงนักโทษเข้าสู่ระยะยิง พวกเขาก็จะลงมือทันทีขบวนคุ้มกันเข้าใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ เงาสองก็เตรียมพร้อมเช่นกันเขาไม่รู้ว่าฮั่วเหวินจิ้งมีความสำคัญต่อหยุนเจิงเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากอีกาดำมากขึ้น เขาจำเป็นต้องร่วมมือสังหารเหล่านักโทษเหล่านี้แต่เขาก็รู้ดีว่า หากลงมือแล้ว การจะหลบหนีออกจากเมืองหลวงไม่ใช่เรื่องง่ายแต่เขาต้องรอด!ส่วนหนึ่งเพราะเขาไม่ต้องการตาย อีกส่วนหนึ่งก็เพราะ หากเขารอด เขาจะมีโอกาสพบกับผู้ที่คอยสนับสนุนการหลบหนีของพวกเขาและบุคคลนี้ อาจเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดโปงผู้อยู่เบื้องหลังตัวจริง!เงาสองครุ่นคิดเงียบๆ พร้อมเหลือบมองหน้าไม้ในมือพวกเขาปลอมตัวเป็นพ่อค้าเพื่อแฝงตัวเข้าเมืองหลวง ย่อมไม่สามารถพกพาอาวุธเหล่านี้มาเองได้หน้าไม้เหล่านี้ถูกเตรียมไว้ล่วงหน้า ถูกซุกซ่อนไว้ที่เนินเขาเหมียวเอ่อร์ซานสิ่งเหล่านี้เป็นอาวุธของกองทัพ!แม้ทางราชสำนักจะควบคุมอาวุธประเภทนี
“ฝ่าบาท เงาสามแจ้งข่าวด่วน!”จิงหยางฟู่ เสิ่นควานถือจดหมายฉบับหนึ่ง รีบรุดเข้ามาด้วยท่าทีเร่งรีบเงาสาม?นี่เป็นหนึ่งในคนที่สามารถแทรกซึมเข้าไปในอีกาดำได้สำเร็จเงาสามส่งข่าวด่วนมา ดูท่าแล้ว อีกาดำคงจะลงมือแล้วแน่หากไม่มีอะไรผิดพลาด อีกาดำน่าจะต้องการสังหารฮั่วเหวินจิ้งเพื่อกำจัดภัยร้ายอย่างสิ้นซาก!หยุนเจิงครุ่นคิดไปพลาง รับจดหมายจากเสิ่นควานและเปิดออกดูเมื่อเห็นเนื้อหาในจดหมาย หยุนเจิงก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวข่าวที่เงาสามส่งมา ตรงกับที่เขาคาดการณ์ไว้ไม่มีผิดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวนำทัพมาด้วยตนเอง ต้องการฆ่าฮั่วเหวินจิ้งให้ได้!แม้แต่เงาสองก็ถูกเลือกให้เข้าร่วมภารกิจลอบสังหารครั้งนี้ตอนนี้ พวกเขาได้รับเพียงคำสั่งให้เตรียมพร้อม แต่ยังไม่รู้เวลาและสถานที่ลงมือที่แน่ชัดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวตั้งใจปกปิดข้อมูล ไม่ให้ผู้ใดซักถาม ใครที่ร่วมภารกิจก็แค่ทำตามคำสั่งในขณะลงมือเท่านั้นพวกเขากลัวว่าจะถูกสงสัย จึงไม่กล้าไต่ถามอะไรมากข่าวที่เงาสามส่งกลับมา สำหรับหยุนเจิงแล้ว ไม่ใช่ข่าวดีเลยเขายอมจ่ายเงินกว่าล้านตำลึงเพื่อให้ครอบครัวฮั่วเหวินจิ้งปลอดภัยและมาถึงมือเขาแต่ตอนนี
หญิงสาวนิ่งเงียบ ทำอย่างไรดี? นางเองก็อยากหาคนมาปรึกษา ว่าควรทำเช่นไรในสถานการณ์นี้ แต่เวลานี้… เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดสามารถให้คำตอบแก่นางได้ ไม่นึกเลยว่า… แผนการที่นางวางมาอย่างรอบคอบมายาวนาน กลับจะพังทลายลงในมือของหยุนลี่! เฮ้อ! นางทอดถอนใจยาวในใจ แต่ในดวงตากลับปรากฏประกายเย็นยะเยือก "ไม่ว่าอย่างไร… ฮั่วเหวินจิ้งต้องไม่มีชีวิตรอดไปถึงมือหยุนเจิง! หากไร้ซึ่งความกังวลเรื่องครอบครัว ฮั่วเหวินจิ้งจะต้องเปิดโปงเราทั้งหมดแน่!" นางรู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งกำลังกังวลสิ่งใด สิ่งที่ฮั่วเหวินจิ้งกังวลที่สุดในตอนนี้ คือความปลอดภัยของครอบครัว เขาจึงไม่กล้าเปิดโปงนางออกไป แต่หากครอบครัวของฮั่วเหวินจิ้งถูกส่งไปถึงมือหยุนเจิงอย่างปลอดภัย เช่นนั้น เขาย่อมไม่มีเหตุผลใดให้ปิดปากอีกต่อไป! ระหว่างหยุนลี่กับหยุนเจิง นางเกรงกลัวหยุนเจิงมากกว่า เพราะหยุนเจิงคือผู้กุมอำนาจกองทัพ… หากหยุนเจิงรู้ว่า ผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้คือตัวนางเอง เช่นนั้น… นางคงหนีไม่พ้นความตาย! ไม่ใช่แค่หยุนเจิง… แม้แต่หยุนลี่ หรือแม้กระทั่งองค์จักรพรรดิ… ก็คงไม่ปล่อยนางไปเช่นกัน! เมื่อได้ยินเช่
สองวันต่อมา หยุนลี่ได้รับจดหมายตอบกลับจากหยุนเจิง เมื่อมองเนื้อหาในจดหมาย หยุนลี่แทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง เขาถึงกับขยี้ตาหลายรอบ กลัวว่าตัวเองจะมองผิดไป ตกลงแล้ว! เจ้าหกสุนัขชั่วนั่นตอบตกลงจริงๆ! หยุนเจิงยอมจ่ายเงิน หนึ่งล้านสองแสนตำลึง พร้อมกับส่งตัวหยางหุยโจว เพื่อแลกกับอิสรภาพของฮั่วเหวินจิ้งและครอบครัวทั้งสิบสามชีวิต ท้ายจดหมาย หยุนเจิงยังกล่าวข่มขู่ หากครอบครัวฮั่วเหวินจิ้งมีอันเป็นไป อย่าได้โทษว่าเขาไม่ไว้หน้า! "ฮ่าๆๆ!" เมื่อแน่ใจว่าตัวเองไม่ได้อ่านผิดไป หยุนลี่ถึงกับหัวเราะลั่น หนึ่งล้านสองแสนตำลึง แม้จะยังไม่เทียบเท่ากับจำนวนเงินที่เขาเคยถูกหยุนเจิงโกงไป แต่หนึ่งล้านสองแสนตำลึงก็เป็นเงินจำนวนไม่น้อย สำหรับเขาแล้ว นี่มีความหมายไม่น้อยนี่เป็นครั้งแรกที่เขาสามารถหลอกเอาเงินจากหยุนเจิงได้! และครั้งแรกนี้ก็เล่นไปถึง หนึ่งล้านสองแสนตำลึง! จะไม่ให้เขาดีใจได้อย่างไร!? ปากของฮั่วเหวินจิ้งแข็งเกินไป หากฆ่าฮั่วเหวินจิ้งทิ้งเพียงเพราะความโกรธ ก็มีแต่เสียเปล่า แต่ถ้าใช้เขามารีดเงินจากเจ้าหกได้… ไม่ใช่ว่าเป็นประโยชน์กว่าหรือ!? คิดไม่ถึงว่า มันสำเร
เมื่อหยุนเจิงกล่าวจบ ก็เล่าถึงข้อสันนิษฐานของตนให้เสิ่นควานฟัง นอกจากเหตุผลนี้แล้ว เขาก็นึกไม่ออกถึงสาเหตุอื่นเลย หยุนลี่คงไม่ถึงกับยากจนขนาดจับใครมาเรียกค่าไถ่จากเขาโดยไม่มีเหตุผลหรอกใช่ไหม? หากมีสิ่งผิดปกติ ย่อมต้องมีเงื่อนงำซ่อนอยู่! เมื่อได้ฟังคำพูดของหยุนเจิง เสิ่นควานก็อดไม่ได้ที่จะครุ่นคิด ว่ากันตามตรง ข้อสันนิษฐานของฝ่าบาทก็มีความเป็นไปได้อยู่มาก ฝ่าบาทจับตัวคนของหยุนลี่ แล้วเรียกค่าไถ่ หยุนลี่ก็ทำตามแบบเดียวกัน จับตัวคนที่เขาคิดว่าเป็นสายของฝ่าบาท แล้วเรียกค่าไถ่บ้าง? หรือว่านี่จะเป็นการใช้วิธีของศัตรูมาตอบโต้ศัตรูแบบที่ฝ่าบาทเคยพูดสินะ? “กราบทูลฝ่าบาท แม่ทัพอวี่ชื่อจงส่งสาสน์เร่งด่วนมา!” ในขณะนั้นเอง กองทหารองครักษ์นายหนึ่งวิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อน พร้อมถือจดหมายฉบับหนึ่งไว้ในมือ สาสน์ด่วนจากอวี่ชื่อจง? หรือว่าเจ้าสามคิดลงมือแล้ว!? เจ้าสามคงไม่บ้าถึงขั้นเปิดศึกในเวลานี้หรอกกระมัง? “นำมานี่!” หยุนเจิงรีบให้เสิ่นควานรับจดหมายมา เมื่อได้รับจดหมายจากเสิ่นควาน หยุนเจิงก็เปิดอ่านอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อเห็นเนื้อหาในจดหมาย สีหน้าของเขากลั
อุทยานบุปผาหลวง หลังจากการประชุมเช้าเสร็จสิ้น จักรพรรดิเหวินรับสั่งให้คนไปแจ้งหยุนลี่ ให้มาเดินเล่นเป็นเพื่อน บิดาและบุตรก้าวเดินไปข้างหน้า ขณะที่มู่ชุ่นและขุนนางติดตามคนอื่นๆ จงใจเว้นระยะห่างออกไป "ฮั่วเหวินจิ้งยังไม่ยอมเปิดปากรึ?" จักรพรรดิเหวินทรงไขว้พระหัตถ์ไว้เบื้องหลัง ตรัสถามด้วยพระพักตร์เคร่งขรึม "ยังพ่ะย่ะค่ะ" หยุนลี่ส่ายศีรษะเบาๆ "ฮั่วเหวินจิ้งไม่กลัวทั้งไม้อ่อนและไม้แข็ง ยืนกรานไม่ยอมเปิดเผยรายชื่อพรรคพวก" จักรพรรดิเหวินตรัส "ในเมื่อฮั่วเหวินจิ้งไม่ยอมพูด เช่นนั้นก็เปลี่ยนวิธีเถิด!" เปลี่ยนวิธี? หยุนลี่มองจักรพรรดิเหวินด้วยความฉงน "เสด็จพ่อทรงมีแผนใด?" "แผนการวิเศษอะไรนั้นไม่มี มีแค่แผนโง่ๆ แผนหนึ่ง" จักรพรรดิเหวินแย้มสรวล "เจ้าหกไม่เคยเล่นงานเจ้ารึ? เช่นนั้นเจ้าก็เอาฮั่วเหวินจิ้งมาเล่นงานเขาบ้างสิ! ให้เขานำเงินมาไถ่ตัวฮั่วเหวินจิ้งและครอบครัวของเขา!" อืม? หยุนลี่ได้ฟังคำพูดของจักรพรรดิเหวินเช่นนั้น พลันเกิดประกายความคิด สามารถทำเช่นนี้ได้ด้วยรึ? "แผนนี้ของเสด็จพ่อแยบยลยิ่ง!" หยุนลี่รีบกล่าวคำเยินยอจักรพรรดิเวหิน ก่อนจะมีท่าทีล
"ข้าให้ความไว้วางใจเจ้าไม่น้อย แต่เจ้าเอาความภักดีไปให้สุนัขกินแล้วหรือ?" "ข้าทำผิดอะไรกับเจ้าหรือ?" ยิ่งพูดยิ่งโกรธ หยุนลี่กระทืบฮั่วเหวินจิ้งซ้ำอีกหลายครั้ง หากไม่ใช่เพราะต้องการเก็บชีวิตของมันไว้เพื่อรีดข้อมูล เขาคงสั่งให้จับมันไปประหารเจ็ดชั่วโคตรไปแล้ว! "แค่กๆ..." ฮั่วเหวินจิ้งถูกเตะซ้ำๆ จนกระอักเลือดออกมาเป็นสาย หยุนลี่พยายามข่มอารมณ์ไม่ให้เผลอฆ่ามันซะก่อน ตะคอกเสียงดัง "บอกมา! ยังมีพวกของเจ้ากี่คน!?" ฮั่วเหวินจิ้งนอนตัวสั่นอยู่บนพื้น แววตาเจ็บปวด "กระหม่อม...ไม่รู้จริงๆ... แค่กๆ..." กล่าวจบฮั่วเหวินจิ้งก็สำลักเลือดออกมาอีก "ไม่รู้? คิดว่าข้าเป็นคนโง่หรือไง!?" หยุนลี่มองฮั่วเหวินจิ้งด้วยสายตาเย็นชา "ข้ากำลังให้โอกาสเจ้า หากเจ้ายังไม่เห็นค่าของมัน ข้าไม่เพียงจะทำให้เจ้าอยู่ก็ไม่ได้ ตายก็ไม่ได้ แต่จะส่งคนไปสังหารทั้งตระกูลเจ้าให้สิ้นซาก!" น้ำเสียงของหยุนลี่เย็นเยียบดุจน้ำแข็ง เขาต้องรีดเอาข้อมูลออกมาให้ได้! ต้องรู้ให้แน่ชัดว่าข้างกายเขายังมีคนของเจ้าหกแฝงตัวอยู่อีกหรือไม่! "กระหม่อมไม่รู้จริงๆ!" ฮั่วเหวินจิ้งส่งเสียงคร่ำครวญ "ต่อให้ฝ่าบาทสั