“ขอรับ!”ทุกคนรับคำสั่ง พาพวกหยุนเจิงเดินเข้าไปข้างในด้วยการนำทางของหัวหน้าค่ายทหาร ขณะเดินทางได้เดินรอบภายในค่ายทันทีเทียบกับครั้งก่อนที่พวกเขามา ภายในค่ายเปลี่ยนไปมากค่ายทหาร คอกม้าและสิ่งเหล่านี้ ล้วนสร้างเสร็จสมบูรณ์แล้วทั้งค่ายใหญ่ ดูเป็นระเบียบเรียบร้อย เสียงควบม้าศึกดังขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังจากเดินดูรอบๆ นายกองทหารม้าถามขึ้น “องค์ชาย ต้องการชมการแสดงวรยุทธทหารม้าของพวกเราสักหน่อยหรือไม่?”“ได้”หยุนเจิงพยักหน้า “ให้พวกเราได้ดูผลลัพธ์การฝึกฝนของพวกเจ้า”“ขอรับ!”นายกองทหารม้ารับคำสั่งด้วยความยินดี ส่งให้คนไปนำแท่นมาให้พวกหยุนเจิงตัวเขาเองไปจัดคนให้แสดงศิลปะการต่อสู้ทุกคนนั่งลงประจำที่ เกอเหอนำทหารองครักษ์ไปคุ้มครองความปลอดภัยรอบๆเวลาไม่นาน การแสดงเริ่มขึ้นทหารม้าควบม้าไปรอบๆ สนามฝึก แสดงสาทิตขี่ม้ายิงธนูอย่างน่าตื่นตาตื่นใจแต่ว่า หยุนเจิงที่อยู่บนแท่นกลับเหม่อลอยเล็กน้อยเยี่ยจื่อสังเกตเห็นสีหน้าของหยุนเจิง จากกระซิบถาม “เจ้าไม่พอใจทักษะการขี่ม้าของพวกเขา?”“พอได้อยู่!”หยุนเจิงส่ายหน้ายิ้ม “ข้ากำลังคิด หากเปลี่ยนที่นี่เป็นสำนักศึกษาเตรียมทหาร หรือควรเ
หยุนเจิงพักอยู่ที่เขาลั่วเสียสองวันหลักๆ เพื่อวางแผนสร้างค่ายฝึกทหารม้าของเขาลั่วเสียขึ้นใหม่ในเมื่อเป็นสำนักศึกษาเตรียมทหาร ย่อมต้องสร้างห้องเรือน รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกเรียบง่ายอื่นๆอื้อ ยังต้องทำแผนผังจำลองด้วยทรายขึ้นมาด้วยแน่นอน หยุนเจิงไม่มีทางเอาแต่หมกมุ่นอยู่กับงานอย่างเดียวมาถึงที่นี่แล้ว น้ำพุร้อนนี่ก็ต้องแช่สักหน่อยน่าเสียดาย เสิ่นลั่วเยี่ยนตั้งครรภ์ ภายใต้คำแนะนำของเมี่ยวอิน จึงไม่สามารถแช่น้ำพุร้อนได้ ทำให้แผนการสี่คนร่วมกันแช่น้ำพุร้อนของหนุนเจิงต้องล้มเหลวยังดีที่ ยังมีเมี่ยวอินและเยี่ยจื่อแช่น้ำพุร้อนเป็นเพื่อนเขารสชาติที่สวยงามนี้ มีเพียงพวกเขาที่ได้สัมผัสแต่ว่า ราคาที่ต้องจ่ายก็คือระหว่างทางที่กลับติ้งเป่ย ก็คือการหยอกล้อของเสิ่นลั่วเยี่ยนตลอดทางหยุนเจิงและเมี่ยวอินยังดีหน่อย แต่เยี่ยจือกลับหน้าบาง ตลอดทางหยิกหยุนเจิงคนสารเลวนี่ไม่น้อยเป็นเพราะเจ้าสารเลวนี่ทำร้าย!คนที่เสียเปรียบล้วนเป็นนางหากคนอื่นรู้เรื่องเหล่านี้ นางต้องรู้สึกอับอายมาก“องค์ชาย ด้านหน้าเหมือนจะมีผู้ลี้ภัย”เสียงของต่งกังลอยเข้ามาในรถม้ากะทันหันอันธพาล?หยุนเจิงเปิดผ้
ถูกเมี่ยวอินกล่าวเช่นนี้ ทุกคนสังเกตกลุ่มคนที่มาอย่างละเอียดใช่แล้ว!คนกลุ่มนี้ดูเหมือนจะตายแหล่มิตายแหล่ รู้สึกเหมือนจะหกล้มได้ตลอดเวลา แต่พวกเขาก็ยังไม่หกล้มดูไปแล้วเหมือนจะไม่มีปัญหาแต่ดูอย่างละเอียดก็จะพบว่า ร่องรอยแห่งความตั้งใจนี้รุนแรงเกินไปมือสังหาร?นัยน์ตาหยุนเจิงฉายแววจิตสังหาร ทันใดนั้นก็สั่งต่งกง “รอให้เข้าใกล้สักหน่อย จัดการทันที! ผู้กล้าต่อต้าน ฆ่า!”เขายอมทำผิดพลาด กลับไปค่อยชดเชยให้คนเหล่านี้น แต่ไม่ยอมล้อเล่นกับชีวิตของตัวเองและผู้หญิงของเขาอีกทั้ง ตามที่เมี่ยวอินกล่าว คนกลุ่มนี้น่าสงสัยจริงๆต่งกังรับคำสั่ง กระซิบถ่ายทอดคำสั่งลงไปทันทีไม่นาน คนกลุ่มนั้นอยู่ในตำแหน่งห่างจากพวกเขาไม่ถึงห้าสิบเมตร ต่งกังพาคนเดินไปข้างหน้า กล่าวกับผู้เฒ่าผมขาวคนหนึ่งด้วยหน้าตายิ้มแย้ม “ท่านผู้เฒ่า ข้าพยุงท่านเถอะ!”ผู้เฒ่าต้องการปฏิเสธ ต่งกังเข้ามาพยุงผู้เฒ่าแล้ว ส่วนองครักษ์ที่เหลือก็พากันขึ้นหน้า เตรียมตัวพยุงคนที่เหลือขณะที่เข้าประชิด องครักษ์พลันควักมีดออกมา พาดไว้บนคอคนเหล่านั้นการกระทำกะทันหันของพวกเขาทำให้คนเหล่านี้มึนงง“ลงมือ!”เหม่อลอยไปชั่วขณะ หนึ่งในก
ต่งกังรับคำสั่งแล้วจากไปทว่า เด็กน้อยตกใจจนเสียสติแล้ว ทำเพียงร้องไห้อย่างแรง ต่งกังถามอยู่ตั้งนาน ก็ถามสิ่งใดออกมาไม่ได้ต่งกังวิ่งกลับมาหน้านิ่วคิ้วขมวดรายงานกับหยุนเจิงหยุนเจิงขมวดคิ้ว ออกคำสั่ง “พามา ข้าเอง...”“รอก่อนค่อยว่ากัน!”เมี่ยวอินดึงหยุนเจิงเอาไว้ “เด็กคนนั้นน่าจะเป็นท่าไม้ตายที่แท้จริง!”ท่าไม้ตาย?เยี่ยจื่อและเสิ่นลั่วเยี่ยนมองเมี่ยวอินอย่างประหลาดใจเด็กคนเดียว จะมีท่าไม้ตายใดได้?หยุนเจิงลูกตาหดลง “เจ้าหมายถึง นี่ไม่ใช่เด็ก? เป็นคนแคระ?”“เป็นไปได้มาก!”เมี่ยวอินพยักหน้าเบาๆ “ข้าเคยได้ฟังอาจารย์ข้าเล่า มีคนตาหาคนประเภทนี้โดยเฉพาะ เลี้ยงดูให้กลายเป็นมือสังหารอย่างลับๆ ฉวยโอกาสที่เป้าหมายไม่ทันได้ป้องกันตัวเปลี่ยนเป็นการลอบสังหาร...”เช่นนั้นหรือ?เสิ่นลั่วเยี่ยนปรายตามองเด็กสาวที่คุกเข่าร้องไห้อยู่ตรงนั้น ทันใดนั้นก็กล่าวกับหยุนเจิง “ฟังเมี่ยวอินเถอะ”“ใช่!”เยี่ยจื่อพยักหน้า “สุภาพบุรุษจะไม่ยืนอยู่ใต้กำแพงอันตราย ระวังไว้จะดีที่สุด!”นางและเสิ่นลั่วเยี่ยนไม่เข้าใจเรื่องบางอย่างของยุทธภพแต่ในเมื่อเมี่ยวอินบอกว่ามีคนประเภทนี้ ก็จำเป็นต้องระวังเอาไว้
เมี่ยวอินนิ่งเงียบเล็กน้อย จากนั้นก็สั่งต่งกัง “ถอนเสื้อของนางออกให้หมด!”“ห๊า?”ต่งกังชะงักเล็กน้อย จากนั้นก็มองเมี่ยวอินด้วยความตกใจฮูหยินเมี่ยวอินคิดทำสิ่งใด?โบยศพ?โบยศพก็ไม่ต้องถอดเสื้อผ้าเปลือยเปล่านี่?“เร็วเข้า!”เมี่ยวอินเร่งเร้าต่งกังได้สติกลับมา รีบทำตามความต้องการของเมี่ยวอินถอนเสื้อผ้าของคนแคระจนเปลือยเปล่าเมี่ยวอินพลิกร่างกายศพดูไปมาหลายรอบ จากนั้นก็สั่งให้พวกเขาจัดการศพ แล้วเดินไปหาหยุนเจิงเกาเหอพาคนไปตรวจสอบศพอื่นที่เหลือ ดูว่าสามารถหาสิ่งของมีค่าบนร้างกายศพพบหรือไม่“เกิดเรื่องใดขึ้น?”หยุนเจิงถามเมี่ยวอิน“ไม่มีเรื่องใด”เมี่ยวอินขมวดคิ้ว “ข้ารู้จักองค์กรนักฆ่าแห่งหนึ่ง ภายในน่าจะมีคนประเภทนี้! แต่ข้าถอดเสื้อนางออก บนตัวไม่มีสัญลักษณ์ขององค์กรนักฆ่านั้น! นางน่าจะไม่ใช่คนขององค์กรนักฆ่าแห่งนั้น!”“องค์กรนักฆ่าแห่งนั้นชื่ออะไร?” หยุนเจิงถาม“อีกาดำ”อีกาดำหรือ?อีกาเป็นสัญลักษณ์แห่งความตายชื่อนี้ เหมาะสมมากหยุนเจิงจดจำชื่อนี้ไว้เงียบๆไม่ว่าคนแคระผู้นี้เป็นคนของอีกาดำหรือไม่ ก็สามารถเริ่มจากอีกาดำได้นัยน์ตาหยุนเจิงฉายแววอาฆาต จากนั้นก็เรียก
การลอบสังหารณ์ที่มากะทันให้ทำให้บรรยากาศภายในรถตึงเครียดขึ้นมากหญิงสาวทั้งสามไม่ได้ไปรบกวนหยุนเจิง แล้วก็กำลังคาดเดาว่าที่แท้ใครเป็นคนทำสามารถเลี้ยงหน่วยพลีชีพที่จงรักภักดีได้เช่นนี้ ต้องบอกว่า ผู้บงการเบื้องหลังคนนี้ร้ายกาจมากหยุนเจิงนั่งพึงตัวรถม้า ภายในสมองความคิดโลดแล่นสิ่งแรกที่เขาคิดได้คือ คนเหล่านี้เป็นไปได้สูงว่าเจ้าสามส่งมาหากเขาตาย คนที่ดีใจมากที่สุด ย่อมต้องเป็นเจ้าสามแต่ เรื่องเจ้าสามอยากเอาชีวิตเขา โดยพื้นฐานแล้วทุกคนก็รู้กันดีคนเหล่านี้เหมือนว่าไม่จำเป็นต้องตายเพื่อเก็บความลับกระมัง?หรือว่า พวกเขาต้องใช้ความตายไร้หลักฐานกับเขา เพื่อป้องกันเขาไปหาเรื่องเจ้าสาม?หากตัดเจ้าสามทิ้ง คนที่ต้องการเอาชีวิตเขา ยังมีอีกมากมายบรรดาพี่น้องในเมืองจักรพรรดิ มีผู้ใดบ้างไม่ต้องการชีวิตเขา?เมื่อเขาตาย กองทหารมณฑลทางเหนือจะวุ่นวาย คนที่จงรักภักดีกับเขาต้องยกทัพบุกไปเปิดศึกกับราชสำนัก คืนความยุติธรรมแทนเขาถึงขั้นนั้นแล้ว ต้าเฉียนก็จะวุ่นวายเมื่อเป็นเช่นนี้ เหมือนว่าพวกเจ้าสอง เจ้าสี่ ก็จะมีโอกาสแล้วส่วนเสด็จพ่อที่เมี่ยวอินสงสัย แม้หยุนเจิงไม่เต็มใจยอมรับ แต่ก็มีคว
ต่อก่อนที่ยังไม่รู้ตัวตนคนเหล่านี้ คงไม่สามารถยิงสังหารไม่เลือกหน้าได้กระมัง?มือสังหารเช่นนี้ ยากที่จะป้องกัน!พวกเขาก็ไม่สามารถเอาแต่อยู่ในจวนอ๋องไม่ออกไปไหนได้กระมัง?หยุนเจิงครุ่นคิดชั่วครู่ จากนั้นก็ถามเยี่ยจื่อ “ตอนนี้มีสายลับเท่าใด?”“ประมาณสองร้อยคิด” เยี่ยจื่อตอบประมาณสองร้อยคนหรือ?มันน้อยไปหน่อยแล้วหยุนเจิงคิด จากนั้นก็ถามเสิ่นลั่วเยี่ยน “กลับไปจากสายลับสองร้อยคนนี้เลือกออกมาห้าสิบคนที่ค่อนข้างฉลาด ข้าต้องการใช้!”“ได้!” เสิ่นลั่วเยี่ยนตอบรับทันที จากนั้นก็ถามอย่างเป็นห่วย “เจ้าคิดทำสิ่งใด?”“ข้าจะส่งพวกเขาเข้าไปในด่าน!”หยุนเจิงนัยน์ตาฉายแววอาฆาตเดิมเขาไม่อยากสนใจเรื่องภายในด่าน ในเมื่อมีคนอยู่ไม่สุข เช่นนั้นก็มาเถอะ!เขาใช้ห้าสิบคนเป็นกรอบ สร้างองค์กรข่าวกรองขนาดใหญ่ รวบรวมข่าวกรองภายในด่านหากเป็นไปได้ เขาหวังว่าคนเหล่านี้สามารถแทรงซึมเข้าไปในราชวังได้!เมื่อรู้ความคิดของหยุนเจิง หญิงสามทั้งสามคนไม่ได้กล่าวสิ่งใดมากความอีกจากนั้น หยุนเจิงถามเมี่ยวอิน “เจ้ารู้เรื่องเกี่ยวกับยุทธภพมากมาย?”“ไม่ถึงขึ้นรู้มากมาย”เมี่ยวอินส่ายหน้า “เพียงแต่อาจารย์ข้าในช่ว
สองวันต่อมา พวกหยุนเจิงกลับถึงติ้งเป่ยระหว่างทาง หยุนเจิงไม่ปรากฏตัวต่อสาธารณะอีกบรรยากาศทั้งซั่วเป่ยผิดปกติ ตามท้องถนนทุกแห่งมีทหารลาดตระเวนด้วยหน้าตาเคร่งขรึม คนเข้าออกติ้งเป่ย ล้วนได้รับการตรวจคนอย่างเข้มงวดแต่ว่าสามารถเห็นทหารส่งสารควบม้าจากภายในเมืองออกไปด้วยความรีบร้อนแต่ให้เป็นคนธรรมดา ก็สามารถรับรู้ได้ถึงแรงกดดันของพายุฝนที่กำลังจะมาถึงไม่มีผู้ใดรู้ว่าเกิดเรื่องใดขึ้น แต่หมอชื่อดังของติ้งเป่ยต่างก็ถูกพาเข้าไปในจวนอ๋องวันถัดไป ภายในเมืองก็มีข่าวลือ บอกว่าจิ้งเป่ยอ๋องพบกับการลอบสังหารตอนที่กลับจากเขาลั่วเสีย ตอนนี้ยังหมดสติอยู่ตามหลักแล้ว นี่คือข่าวจากหมอท่านหนึ่งที่ตรวจอาการให้จิ้งเป่ยอ๋องหมอท่านนั้นตอนกลางวันถูกคนของจวนอ๋องพาตัวไป เป็นตายไม่อาจรู้ได้สิ่งที่หมอท่านนี้เผชิญ ราวกับเป็นเครื่องยืนยันข่าวลือภายในเมือง“ต้องส่งข่าวให้เราแม่ทัพผู้นำแต่ละหน่วยหรือไม่?”“เรื่องการศึกของพวกเรากับเป่ยหวนเพิ่งจบ หากเกิดความวุ่นวายขึ้นมาก็ไม่ดีแล้ว”เสิ่นลั่วเยี่ยนอิงแอบในอ้อมกอดหยุนเจิง ปล่อยให้หยุนเจิงลูบท้องที่ยังตั้งครรภ์ของนางตามใจชอบตอนนี้หยุนเจิงอยู่สบาย ทั้งวัน
หญิงสาวนิ่งเงียบ ทำอย่างไรดี? นางเองก็อยากหาคนมาปรึกษา ว่าควรทำเช่นไรในสถานการณ์นี้ แต่เวลานี้… เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดสามารถให้คำตอบแก่นางได้ ไม่นึกเลยว่า… แผนการที่นางวางมาอย่างรอบคอบมายาวนาน กลับจะพังทลายลงในมือของหยุนลี่! เฮ้อ! นางทอดถอนใจยาวในใจ แต่ในดวงตากลับปรากฏประกายเย็นยะเยือก "ไม่ว่าอย่างไร… ฮั่วเหวินจิ้งต้องไม่มีชีวิตรอดไปถึงมือหยุนเจิง! หากไร้ซึ่งความกังวลเรื่องครอบครัว ฮั่วเหวินจิ้งจะต้องเปิดโปงเราทั้งหมดแน่!" นางรู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งกำลังกังวลสิ่งใด สิ่งที่ฮั่วเหวินจิ้งกังวลที่สุดในตอนนี้ คือความปลอดภัยของครอบครัว เขาจึงไม่กล้าเปิดโปงนางออกไป แต่หากครอบครัวของฮั่วเหวินจิ้งถูกส่งไปถึงมือหยุนเจิงอย่างปลอดภัย เช่นนั้น เขาย่อมไม่มีเหตุผลใดให้ปิดปากอีกต่อไป! ระหว่างหยุนลี่กับหยุนเจิง นางเกรงกลัวหยุนเจิงมากกว่า เพราะหยุนเจิงคือผู้กุมอำนาจกองทัพ… หากหยุนเจิงรู้ว่า ผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้คือตัวนางเอง เช่นนั้น… นางคงหนีไม่พ้นความตาย! ไม่ใช่แค่หยุนเจิง… แม้แต่หยุนลี่ หรือแม้กระทั่งองค์จักรพรรดิ… ก็คงไม่ปล่อยนางไปเช่นกัน! เมื่อได้ยินเช่
สองวันต่อมา หยุนลี่ได้รับจดหมายตอบกลับจากหยุนเจิง เมื่อมองเนื้อหาในจดหมาย หยุนลี่แทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง เขาถึงกับขยี้ตาหลายรอบ กลัวว่าตัวเองจะมองผิดไป ตกลงแล้ว! เจ้าหกสุนัขชั่วนั่นตอบตกลงจริงๆ! หยุนเจิงยอมจ่ายเงิน หนึ่งล้านสองแสนตำลึง พร้อมกับส่งตัวหยางหุยโจว เพื่อแลกกับอิสรภาพของฮั่วเหวินจิ้งและครอบครัวทั้งสิบสามชีวิต ท้ายจดหมาย หยุนเจิงยังกล่าวข่มขู่ หากครอบครัวฮั่วเหวินจิ้งมีอันเป็นไป อย่าได้โทษว่าเขาไม่ไว้หน้า! "ฮ่าๆๆ!" เมื่อแน่ใจว่าตัวเองไม่ได้อ่านผิดไป หยุนลี่ถึงกับหัวเราะลั่น หนึ่งล้านสองแสนตำลึง แม้จะยังไม่เทียบเท่ากับจำนวนเงินที่เขาเคยถูกหยุนเจิงโกงไป แต่หนึ่งล้านสองแสนตำลึงก็เป็นเงินจำนวนไม่น้อย สำหรับเขาแล้ว นี่มีความหมายไม่น้อยนี่เป็นครั้งแรกที่เขาสามารถหลอกเอาเงินจากหยุนเจิงได้! และครั้งแรกนี้ก็เล่นไปถึง หนึ่งล้านสองแสนตำลึง! จะไม่ให้เขาดีใจได้อย่างไร!? ปากของฮั่วเหวินจิ้งแข็งเกินไป หากฆ่าฮั่วเหวินจิ้งทิ้งเพียงเพราะความโกรธ ก็มีแต่เสียเปล่า แต่ถ้าใช้เขามารีดเงินจากเจ้าหกได้… ไม่ใช่ว่าเป็นประโยชน์กว่าหรือ!? คิดไม่ถึงว่า มันสำเร
เมื่อหยุนเจิงกล่าวจบ ก็เล่าถึงข้อสันนิษฐานของตนให้เสิ่นควานฟัง นอกจากเหตุผลนี้แล้ว เขาก็นึกไม่ออกถึงสาเหตุอื่นเลย หยุนลี่คงไม่ถึงกับยากจนขนาดจับใครมาเรียกค่าไถ่จากเขาโดยไม่มีเหตุผลหรอกใช่ไหม? หากมีสิ่งผิดปกติ ย่อมต้องมีเงื่อนงำซ่อนอยู่! เมื่อได้ฟังคำพูดของหยุนเจิง เสิ่นควานก็อดไม่ได้ที่จะครุ่นคิด ว่ากันตามตรง ข้อสันนิษฐานของฝ่าบาทก็มีความเป็นไปได้อยู่มาก ฝ่าบาทจับตัวคนของหยุนลี่ แล้วเรียกค่าไถ่ หยุนลี่ก็ทำตามแบบเดียวกัน จับตัวคนที่เขาคิดว่าเป็นสายของฝ่าบาท แล้วเรียกค่าไถ่บ้าง? หรือว่านี่จะเป็นการใช้วิธีของศัตรูมาตอบโต้ศัตรูแบบที่ฝ่าบาทเคยพูดสินะ? “กราบทูลฝ่าบาท แม่ทัพอวี่ชื่อจงส่งสาสน์เร่งด่วนมา!” ในขณะนั้นเอง กองทหารองครักษ์นายหนึ่งวิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อน พร้อมถือจดหมายฉบับหนึ่งไว้ในมือ สาสน์ด่วนจากอวี่ชื่อจง? หรือว่าเจ้าสามคิดลงมือแล้ว!? เจ้าสามคงไม่บ้าถึงขั้นเปิดศึกในเวลานี้หรอกกระมัง? “นำมานี่!” หยุนเจิงรีบให้เสิ่นควานรับจดหมายมา เมื่อได้รับจดหมายจากเสิ่นควาน หยุนเจิงก็เปิดอ่านอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อเห็นเนื้อหาในจดหมาย สีหน้าของเขากลั
อุทยานบุปผาหลวง หลังจากการประชุมเช้าเสร็จสิ้น จักรพรรดิเหวินรับสั่งให้คนไปแจ้งหยุนลี่ ให้มาเดินเล่นเป็นเพื่อน บิดาและบุตรก้าวเดินไปข้างหน้า ขณะที่มู่ชุ่นและขุนนางติดตามคนอื่นๆ จงใจเว้นระยะห่างออกไป "ฮั่วเหวินจิ้งยังไม่ยอมเปิดปากรึ?" จักรพรรดิเหวินทรงไขว้พระหัตถ์ไว้เบื้องหลัง ตรัสถามด้วยพระพักตร์เคร่งขรึม "ยังพ่ะย่ะค่ะ" หยุนลี่ส่ายศีรษะเบาๆ "ฮั่วเหวินจิ้งไม่กลัวทั้งไม้อ่อนและไม้แข็ง ยืนกรานไม่ยอมเปิดเผยรายชื่อพรรคพวก" จักรพรรดิเหวินตรัส "ในเมื่อฮั่วเหวินจิ้งไม่ยอมพูด เช่นนั้นก็เปลี่ยนวิธีเถิด!" เปลี่ยนวิธี? หยุนลี่มองจักรพรรดิเหวินด้วยความฉงน "เสด็จพ่อทรงมีแผนใด?" "แผนการวิเศษอะไรนั้นไม่มี มีแค่แผนโง่ๆ แผนหนึ่ง" จักรพรรดิเหวินแย้มสรวล "เจ้าหกไม่เคยเล่นงานเจ้ารึ? เช่นนั้นเจ้าก็เอาฮั่วเหวินจิ้งมาเล่นงานเขาบ้างสิ! ให้เขานำเงินมาไถ่ตัวฮั่วเหวินจิ้งและครอบครัวของเขา!" อืม? หยุนลี่ได้ฟังคำพูดของจักรพรรดิเหวินเช่นนั้น พลันเกิดประกายความคิด สามารถทำเช่นนี้ได้ด้วยรึ? "แผนนี้ของเสด็จพ่อแยบยลยิ่ง!" หยุนลี่รีบกล่าวคำเยินยอจักรพรรดิเวหิน ก่อนจะมีท่าทีล
"ข้าให้ความไว้วางใจเจ้าไม่น้อย แต่เจ้าเอาความภักดีไปให้สุนัขกินแล้วหรือ?" "ข้าทำผิดอะไรกับเจ้าหรือ?" ยิ่งพูดยิ่งโกรธ หยุนลี่กระทืบฮั่วเหวินจิ้งซ้ำอีกหลายครั้ง หากไม่ใช่เพราะต้องการเก็บชีวิตของมันไว้เพื่อรีดข้อมูล เขาคงสั่งให้จับมันไปประหารเจ็ดชั่วโคตรไปแล้ว! "แค่กๆ..." ฮั่วเหวินจิ้งถูกเตะซ้ำๆ จนกระอักเลือดออกมาเป็นสาย หยุนลี่พยายามข่มอารมณ์ไม่ให้เผลอฆ่ามันซะก่อน ตะคอกเสียงดัง "บอกมา! ยังมีพวกของเจ้ากี่คน!?" ฮั่วเหวินจิ้งนอนตัวสั่นอยู่บนพื้น แววตาเจ็บปวด "กระหม่อม...ไม่รู้จริงๆ... แค่กๆ..." กล่าวจบฮั่วเหวินจิ้งก็สำลักเลือดออกมาอีก "ไม่รู้? คิดว่าข้าเป็นคนโง่หรือไง!?" หยุนลี่มองฮั่วเหวินจิ้งด้วยสายตาเย็นชา "ข้ากำลังให้โอกาสเจ้า หากเจ้ายังไม่เห็นค่าของมัน ข้าไม่เพียงจะทำให้เจ้าอยู่ก็ไม่ได้ ตายก็ไม่ได้ แต่จะส่งคนไปสังหารทั้งตระกูลเจ้าให้สิ้นซาก!" น้ำเสียงของหยุนลี่เย็นเยียบดุจน้ำแข็ง เขาต้องรีดเอาข้อมูลออกมาให้ได้! ต้องรู้ให้แน่ชัดว่าข้างกายเขายังมีคนของเจ้าหกแฝงตัวอยู่อีกหรือไม่! "กระหม่อมไม่รู้จริงๆ!" ฮั่วเหวินจิ้งส่งเสียงคร่ำครวญ "ต่อให้ฝ่าบาทสั
ยามดึกสงัด ณ จวนองค์รัชทายาท แม้เวลาจะล่วงเข้าสู่เที่ยงคืนแล้ว แต่หยุนลี่ยังคงไม่ยอมนอน ฎีกาจากกรมกองต่างๆ ถูกส่งมารวมไว้ที่เขาทั้งหมด ปกติแล้วฎีกาเหล่านี้ก็มีไม่น้อยอยู่แล้ว แต่ช่วงนี้เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ปริมาณฎีกาเพิ่มขึ้นจากเดิมเกือบเท่าตัว ที่สำคัญ เนื้อหาในฎีกาส่วนใหญ่มีเพียงเรื่องเดียว ขอเงิน! แม้เขาจะหาทางแก้ปัญหาเรื่องเงินไปบางส่วนแล้ว แต่เงินในท้องพระคลังยังคงร่อยหรอ ไม่น่าแปลกใจที่เจ้าหกสุนัขชั่วนั่นคิดหาวิธีหลอกเอาเงินอยู่ตลอด! ขณะหยุนลีกำลังอ่านฎีกาชุดสุดท้าย ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นจากด้านนอก "ขอทูลองค์รัชทายาทฝ่าบาท ฮั่วเหวินจิ้งถูกจับกุมแล้วพ่ะย่ะค่ะ!" เมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของหยุนลี่ก็เปลี่ยนไปทันที ฮั่วเหวินจิ้ง! สารเลว! ที่แท้มันก็คือเขาจริงๆ ! "เข้ามา!" ประกายสังหารพุ่งวาบขึ้นในดวงตาของหยุนลี่ เขาแทบอยากฉีกทึ้งฮั่วเหวินจิ้งเป็นชิ้นๆ ยังดีที่เขาระแวดระวังไว้ก่อน ไม่เช่นนั้น ไม่รู้ว่าชายชั่วผู้นี้จะซ่อนตัวอยู่ข้างกายเขาอีกนานเท่าใด! สมควรตาย! ไม่นานนัก องครักษ์ผู้รายงานข่าวก็เดินเข้ามา "จับตัวได้เมื่อใด?
ณ ชั่วขณะนั้น หยุนลี่พลันเข้าใจถึงความยากลำบากของจักรพรรดิเหวิน เหล่าขุนนางในราชสำนักนั้น ทั้งต้องใช้งาน แต่ขณะเดียวกันก็ต้องไม่ปล่อยให้พวกเขามีอำนาจมากเกินไป จำเป็นต้องหาจุดสมดุลระหว่างการใช้งานกับการควบคุมพวกเขา ในราชสำนัก ย่อมไม่อาจปล่อยให้ขุนนางผู้ใดมีอำนาจล้นฟ้า แม้แต่ผู้ที่เขาไว้วางใจที่สุด! … ยามโพล้เพล้ ณ จวนฮั่ว "ฮั่วผิง นี่ก็ใกล้ถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว เจ้าจะออกไปไหน?" พ่อบ้านที่ประจำอยู่หน้าจวนฮั่วทักขึ้นเมื่อเห็นฮั่วผิงกำลังจูงม้าเทียมเกวียนออกจากจวน ฮั่วผิงตอบกลับ "ฟืนถ่านในจวนใกล้หมดแล้ว นายท่านสั่งให้ข้ารีบออกไปซื้อก่อนที่ฟ้าจะมืด" "เช่นนั้นเจ้าต้องรีบกลับมาให้ทันมื้อเย็นนะ ถ้าพลาดเวลาอาหารก็ต้องอดข้าวแล้ว" พ่อบ้านที่เฝ้าประตูเตือนขึ้น ฮั่วผิงยิ้มขื่นๆ พยักหน้ารับ ก่อนจะขับเกวียนออกไป ไม่นาน ฮั่วผิงก็มาถึงตลาดขายถ่านทางตอนใต้ของเมือง ขณะที่เขามาถึง ร้านค้าถ่านก็เตรียมจะปิดร้านกันแล้ว "พ่อค้า รอก่อน! ข้าจะซื้อถ่าน" ฮั่วผิงตะโกนเรียกพ่อค้าผู้กำลังจะปิดร้าน พ่อค้าหันมามอง ก่อนจะชะงักมือที่กำลังปิดประตูร้าน "พี่ฮั่ว ทำไมเจ้าถึง
แม้กู้ซิวจะคัดค้านอย่างหนัก แต่ก็ไม่อาจเปลี่ยนการตัดสินใจของหยุนลี่ได้ ท้ายที่สุด เรื่องนี้ก็ถูกกำหนดลงไป หยุนลี่ยังสั่งกำชับทั้งห้าว่าห้ามเผยแพร่เรื่องนี้ออกไป เมื่อทุกคนค่อยๆ ถอนตัวออกไป สวีสือฝู่กลับอ้างว่ามีเรื่องสำคัญต้องหารือกับหยุนลี่ และขออยู่ต่อ "ฝ่าบาท ท่านคิดจะทำอะไรกันแน่?" สวีสือฝู่ขมวดคิ้ว ถามหยุนลี่ด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม "ตกปลา!" หยุนลี่เผยรอยยิ้มลึกลับ ดวงตามีแววเจ้าเล่ห์และภาคภูมิใจอยู่ลึกๆ ความกังวลของกู้ซิวนั้นช่างเกินเหตุไป เขาคือองค์รัชทายาทผู้สำเร็จราชการในฐานะผู้แทนพระองค์ และเป็นจักรพรรดิในอนาคต! ย่อมเข้าใจผลกระทบของเรื่องนี้เป็นอย่างดี ไม่มีทางโง่เขลาถึงขั้นปล่อยเงินปลอมเข้าสู่ตลาดโดยตรง "ตกปลา?" แววตาของสวีสือฝู่ฉายแววเย็นเยียบ "ฝ่าบาททรงสงสัยว่ามีคนในพวกเราห้าคนนี้ไม่น่าไว้วางใจหรือ?" "ไม่ ไม่ใช่!" หยุนลี่รีบโบกมือ "ข้าย่อมเชื่อใจท่านลุงและพ่อตาแน่นอน! ข้าเพียงแต่สงสัยฮั่วเหวินจิ้งเท่านั้น…" กล่าวพลาง หยุนลี่ก็เล่าถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ที่ฮั่วเหวินจิ้งพยายามบ่ายเบี่ยงไม่เดินทางไปฟู่โจว เขาถึงขั้นสงสัยว่า ครั้งก่อนท
หากกองทัพเกิดความวุ่นวายขนานใหญ่ ต้าเฉียนก็จะเข้าสู่กลียุคในไม่ช้า"พวกเจ้าดูเถิด!" หยุนลี่ใบหน้ามืดครึ้ม หยิบจดหมายสองฉบับบนโต๊ะส่งให้ทั้งห้าคนดู ทั้งห้าคนไม่กล้าชักช้า รีบรุดเข้ามาอ่านเนื้อหาในจดหมาย "สามล้านตำลึงเงิน เสบียงอาหารสองแสนชั่ง ช่างต่อเรือหนึ่งพันคน เขาช่างกล้าขอจริงๆ…" "ก็ต้องให้สิ! ไม่ให้แล้วจะทำอย่างไร? นี่ล้วนเป็นสิ่งที่องค์รัชทายาทฝ่าบาทรับปากไว้ไม่ใช่หรือ?" "ต่อให้รับปากแล้ว ก็ยังสามารถถ่วงเวลาไปก่อนได้มิใช่หรือ?" "จะถ่วงเวลาอย่างไร? หากถ่วงไปอีก ก็จะเลยฤดูกาลเพาะพันธุ์มันเทศแล้ว!" "ค่าไถ่ตัวหยางหุยโจวก็ต้องจ่าย หากปล่อยให้หยุนเจิงประหารหยางหุยโจว เช่นนั้นจะกระทบต่อพระเกียรติยศของฝ่าบาท…" ยังไม่ทันที่หยุนลี่จะเอ่ยถาม ทั้งห้าก็ถกเถียงกันขึ้นมาเอง การถ่วงเวลาออกไป ย่อมเป็นผลดีต่อพวกเขา แต่ปัญหาก็คือ หยุนเจิงได้เตือนมาในจดหมายแล้ว หากยังไม่ส่งเงิน เสบียง และช่างต่อเรือไปยังฟู่โจว ฤดูกาลเพาะพันธุ์มันเทศก็จะผ่านพ้นไป และหากต้องการมันเทศอีก ก็ต้องรอจนถึงปีหน้า ขณะที่ทั้งห้าคนยังวิตกกังวล หยุนลี่กลับเผยรอยยิ้มออกมา "ต้องให้แน่นอน! มันเทศต้