หลังจากสนทนามากมายกับเจียเหยา หยุนเจิงตัดสินใจแล้วชีวิตของเจียเหยา เขาไม่ต้องการชั่วคราวข้อดีที่ใหญ่ที่สุดของเจียเหยาคือสายตาของนางกว้างไกลกว่าชาวเป่ยหวนคนอื่น อีกทั้ง ภายในใจนางมีชาวเป่ยหวนอยู่ ไม่เอาชีวิตของชาวเป่ยหวนมาเป็นเบี้ยล่างขอแค่นางไม่ทำสิ่งใดแผลงๆ ผลประโยชน์ที่เป่ยหวนนำมาให้ต้าเฉียนจะมีมากขึ้นหากนางทำสิ่งใดแผลงๆ เช่นนั้นเขาก็คงต้องใช้วิธีเด็ดขาดรุ่นแรงเหล่านั้นแล้วแม้เรื่องของเจียเหยาจัดการได้แล้ว แต่ชีวิตเคล้าสุรานารีในจินตนาการของหยุนเจิงยังไม่มาถึงต่อให้มีพวกเยี่ยจื่อคอยช่วยจัดการดูแลการปกครอง แต่ทุกวันก็มีเรื่องราวทุกรูปแบบมาหาเขา เรื่องราวมากมาย ล้วนต้องให้เขาตัดสินใจ ทำเอาหยุนเจิงมีความคิดอยากส่งคนไปลักพาตัวคนที่เมืองจักรพรรดิมาใช้งานที่ซั่วเป่ยแล้วเรื่องออกทะเล หยุนเจิงยังคิดไม่ตกแต่ว่า ก่อนออกทะเล ต้องสร้างท่าเรือก่อนส่วนเรื่องเรือ ตอนนี้หยุนเจิงยังไม่คิดจะสร้างเอง ด้านหนึ่งเพราะซั่วเป่ยมีช่างฝีมือสร้างเรือน้อยมาก อีกด้านหนึ่งคือเพราะการสร้างเรือด้วยตัวเองใช้เวลานานเกินไปมีเวลา ส่งคนไปยังอี๋โจว อวี้โจวซื้อเรือสินค้าขนาดใหญ่เอาพืชเกษตรที่ให้ผลผลิ
เขาเขียนสาส์นที่กราบทูลเรียบร้อยแล้ว คิดจะขอให้จักรพรรดิเหวินส่งสมาชิกทหารเรือและเรือรบมาให้เขาถึงเช่นไรต้าเฉียนก็ไม่ให้ความสำคัญกับทหารเรือ มาหาเขาที่นี่ ก็ยังสามารถแสดงความสามารถที่เป็นประโยชน์ได้แต่ว่า เขาไม่รู้ว่าจักรพรรดิเหวินจะใจกว้างเช่นนั้นหรือไม่ดังนั้น หากจางซูสามารถซื้อเรือรบของทหารเรือได้จะดีที่สุดแน่นอน นี่เป็นเพียงความคิดที่ใจกล้าเท่านั้น ไม่ได้บีบบังคับ“เรือรบเกรงว่าจะค่อยข้างยากกระมัง?”จางซูลูบคาง “พวกเราไปซื้อเรือรบของทหารเรือ ฝ่าบาทรู้ ต้องเฆี่ยนพวกเรา?”นั่นคือเรือรบเชียว!นี่ไม่ใช่สิ่งที่ใครคิดจะซื้อก็สามารถซื้อได้!“เฆี่ยนหรือไม่ ยังไม่ต้องสนใจ”หยุนเจิงยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ “ถึงเช่นไรทหารเรือต้าเฉียนพวกเราก็เป็นลูกเมียน้อย ไม่แน่มีคนกล้ารวบรวมเรือรบเป็นการส่วนตัวเล่า? หากมีโอกาส เจ้าสามาถบอกพวกเขา หากมีเรือรบของทหารเรือแล่นมายังซั่วเป่ยจริง ค่าจ้างทหารเพิ่มขึ้นสองเท่า ตั้งแต่ทหารราบจนถึงแม่ทัพ ล้วนมีรางวัลหนัก!”เมื่อได้ฟังคำของหยุนเจิง จางซูหน้าดำอึมครึมในทันทีองค์ชายช่างกล้าคิดเสียจริง!คิดจะเลื่อยเก้าอี้ตาแก่ของเขาหรือ?เขาไม่กลัวตาแก่ของเขาบุก
“ขาย...ขายตำแหน่งขุนนาง?”ภายในลานด้านหลัง เมื่อได้รู้ความคิดของหยุนเจิง ทุกคนต่างตกตะลึงเยี่ยจื่อมองหยุนเจิงด้วยความอึ้ง วิธีที่เขาบอกว่าได้เงินมาอย่างรวดเร็ว ก็คือขายตำแหน่งขุนนาง?ไม่ใช่...เหตุใดเขาคิดเช่นนี้!ถึงเช่นไรเขาก็เป็นซั่วเป่ยเจี๋ยตู้สื่อ!ซั่วเป่ยแห่งนี้เป็นถิ่นฐานของเขาเหตุใดเขาจึงคิดวิธีขายตำแหน่งประเภทนี้?อย่าว่าแต่ตอนนี้พวกเขาไม่ได้ยากจนถึงขั้นบ้าไปแล้ว ต่อให้ยากจน ก็ไม่อาจทำเรื่องเช่นนี้ได้!นี่เขาไม่ใช่ทำลายรากฐานกิจการของตัวเองหรือ?“มันเรื่องใหญ่เท่าใดกันเชียว!”หยุนเจิงหัวเราะเสียงดัง “ดูท่าทางของพวกเจ้าสิ!”“นี่เรียกเรื่องเล็กหรือ?” คิ้วของฮูหยินเสิ่นใกล้ขมวดรวมเข้าด้วยกันแล้ว “เจ้าเป็นถึงองค์ชายตำแหน่งซั่วเป่ยเจี๋ยตู้สื่อคิดขายตำแหน่งขุนนาง เจ้าคิดจะสร้างความวุ่นวายที่ซั่วเป่ยหรือ? ลูกเขต เจ้าเลอะเลือนเช่นนี้ไม่ได้นะ!”หลังจากฮูหยินเสิ่นเอ่ยปาก ทุกคนก็พากันเกลี่ยกล่อม“ท่านอ๋อง เรื่องนี้ทำไม่ได้จริงๆ!”“องค์ชาย เรื่องนี้ไม่ได้เด็ดขาด...”“องร์ชาย หากท่านขาดแคลนเงิน ข้าไปช่วยหาเงิน ข้าจางซูรู้ข้อเสียของการขายตำแหน่งขุนนาง องค์ชายไม่รู้ได้เช่น
หลังจากเล่นหูเล่นตากับเยี่ยจื่อแล้ว หยุนเจิงกล่าวต่อไป “หากเป็นคนของเจ้าสาม แล้วก็เป็นคนมีความสามารถ ก็ปล่อยให้เขาทำงานตามปกติ! หากคิดหาเรื่อง ก็ต้องได้รับความเชื่อใจจากข้าก่อนกระมัง? หากไม่มีความสามารถ ก็ทิ้งให้ไปดูแลชาวเป่ยหวน!”“นี่...”เยี่ยจื่อกล่าวสิ่งใดไม่ออกแต่คิดอย่างละเอียด นี่ก็มีเหตุผลถึงเช่นไร เป็นจางซูที่ขายตำแหน่งขุนนางหยุนเจิงล้วนถูกทำให้งมโข่ง คนที่คิดละโมบถูกพบตัวแล้ว ต่อให้หยุนเจิงสั่งประหารเขาหลังพบเข้า คนอื่นก็กล่าวหาสิ่งใดไม่ไดทิ้งไปขุดเหมือง ดีไม่ดียังได้รับนามว่าเป็นคนมีเมตตาอารีส่วนคนสอดแนมเหล่านั้น หากคิดจะได้รับความเชื่อใจจากหยุนเจิง ตอนเริ่มต้น ก็พยายามแสดงออกอย่างเต็มที่รอให้ใช้งานเสร็จ คนมีความสามารถที่เซ่วเป่ยต้องการก็ขุดขึ้นมาได้แล้ว คนเหล่านั้นสมควรถูกลงโทษก็ต้องถูกลงโทษหากเขาสามารถทำให้คนเหล่านั้นก่อกบฏ หยุนลี่ก็นับว่าจ่ายงานส่งขุนนางมาให้หยุนเจิงใช้แล้วเรื่องนี้ ขอแค่จัดการให้ดี เหมือนว่าเช่นไรแล้วก็จะไม่ขาดทุนจักรพรรดิในประวัติศาสตร์ ไม่ใช่ใช้ขุนนางชั่วเสร็จแล้วก็กำจัดทิ้งหรือ“หากเป็นเช่นนี้ ข้าก็ไม่มีสิ่งใดต้องกังวลแล้ว”ฮูหยิ
บนรถม้า หยุนเจิงกับผู้หญิงสามคนของเขานั่งด้วยกัน ทั้งยังเกยขาของเขาไว้บนเรียวขาของเมี่ยวอินอย่างสบายอกสบายใจ ทั้งยังคอยเอารัดเอาเปรียบผู้หญิงทั้งสามคนตลอดเวลา เป็นชีวิตที่สุขสบายอย่างยิ่งนี่สิเรียกว่าชีวิต!ใครอยากจะข้ามเวลามาแล้วมีเอาแต่หมกมุ่นทำงานเล่า?ผู้กอบกู้โลก ใครอยากจะเป็นก็เป็นไป ถึงเช่นไรเขาก็ไม่เป็น!หยุนเจิงกำลังคิดเรื่อยเปื่อย พยายามสงบความคิดไร้ความทะเยอทะยานของเขาเขาแค่อยากจะเป็นปลาเค็มที่สามารถจะปกป้องตัวเองได้เท่านั้นเห็นใบหน้าเพลิดเพลินของหยุนเจิง หญิงทั้งสามคนพากันกรอกตาบนและกำหมัดทว่า ขณะที่หยุนเจิงไม่สนใจสิ่งใด เพลิดเพลินไปกับช่วงเวลาที่หายากและน่ารื่นรมย์นี้ให้จุใจ“ข้าสงสัยอย่างแรง เจ้าพาพวกเราไปเขาลั่วเสียต้องไม่เป็นเรื่องดี!”เสิ่นลั่วเยี่ยนกล่าว ทั้งยังมองไปมาระหว่างหยุนเจิงและเมี่ยวอินด้วยสายตาแฝงเลศนัยนางไม่ลืมที่ทั้งสองคนทำเรื่องที่น้ำพุร้อนก่อนหน้านี้เผชิญกับสายตาของเสิ่นลั่วเยี่ยน แม้แต่เมี่ยวอินที่นิสัยเปิดเผยยังอดหน้าแดงไม่ได้ไม่เพียงเสิ่นลั่วเยี่ยนคิดเช่นนี้ แม้แต่นางก็คิดเช่นนี้!นางถึงขั้นสงสัย หยุนเจิงคนหน้าไม่อายคิดจะพาพวกนางสา
“ขอรับ!”ทุกคนรับคำสั่ง พาพวกหยุนเจิงเดินเข้าไปข้างในด้วยการนำทางของหัวหน้าค่ายทหาร ขณะเดินทางได้เดินรอบภายในค่ายทันทีเทียบกับครั้งก่อนที่พวกเขามา ภายในค่ายเปลี่ยนไปมากค่ายทหาร คอกม้าและสิ่งเหล่านี้ ล้วนสร้างเสร็จสมบูรณ์แล้วทั้งค่ายใหญ่ ดูเป็นระเบียบเรียบร้อย เสียงควบม้าศึกดังขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังจากเดินดูรอบๆ นายกองทหารม้าถามขึ้น “องค์ชาย ต้องการชมการแสดงวรยุทธทหารม้าของพวกเราสักหน่อยหรือไม่?”“ได้”หยุนเจิงพยักหน้า “ให้พวกเราได้ดูผลลัพธ์การฝึกฝนของพวกเจ้า”“ขอรับ!”นายกองทหารม้ารับคำสั่งด้วยความยินดี ส่งให้คนไปนำแท่นมาให้พวกหยุนเจิงตัวเขาเองไปจัดคนให้แสดงศิลปะการต่อสู้ทุกคนนั่งลงประจำที่ เกอเหอนำทหารองครักษ์ไปคุ้มครองความปลอดภัยรอบๆเวลาไม่นาน การแสดงเริ่มขึ้นทหารม้าควบม้าไปรอบๆ สนามฝึก แสดงสาทิตขี่ม้ายิงธนูอย่างน่าตื่นตาตื่นใจแต่ว่า หยุนเจิงที่อยู่บนแท่นกลับเหม่อลอยเล็กน้อยเยี่ยจื่อสังเกตเห็นสีหน้าของหยุนเจิง จากกระซิบถาม “เจ้าไม่พอใจทักษะการขี่ม้าของพวกเขา?”“พอได้อยู่!”หยุนเจิงส่ายหน้ายิ้ม “ข้ากำลังคิด หากเปลี่ยนที่นี่เป็นสำนักศึกษาเตรียมทหาร หรือควรเ
หยุนเจิงพักอยู่ที่เขาลั่วเสียสองวันหลักๆ เพื่อวางแผนสร้างค่ายฝึกทหารม้าของเขาลั่วเสียขึ้นใหม่ในเมื่อเป็นสำนักศึกษาเตรียมทหาร ย่อมต้องสร้างห้องเรือน รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกเรียบง่ายอื่นๆอื้อ ยังต้องทำแผนผังจำลองด้วยทรายขึ้นมาด้วยแน่นอน หยุนเจิงไม่มีทางเอาแต่หมกมุ่นอยู่กับงานอย่างเดียวมาถึงที่นี่แล้ว น้ำพุร้อนนี่ก็ต้องแช่สักหน่อยน่าเสียดาย เสิ่นลั่วเยี่ยนตั้งครรภ์ ภายใต้คำแนะนำของเมี่ยวอิน จึงไม่สามารถแช่น้ำพุร้อนได้ ทำให้แผนการสี่คนร่วมกันแช่น้ำพุร้อนของหนุนเจิงต้องล้มเหลวยังดีที่ ยังมีเมี่ยวอินและเยี่ยจื่อแช่น้ำพุร้อนเป็นเพื่อนเขารสชาติที่สวยงามนี้ มีเพียงพวกเขาที่ได้สัมผัสแต่ว่า ราคาที่ต้องจ่ายก็คือระหว่างทางที่กลับติ้งเป่ย ก็คือการหยอกล้อของเสิ่นลั่วเยี่ยนตลอดทางหยุนเจิงและเมี่ยวอินยังดีหน่อย แต่เยี่ยจือกลับหน้าบาง ตลอดทางหยิกหยุนเจิงคนสารเลวนี่ไม่น้อยเป็นเพราะเจ้าสารเลวนี่ทำร้าย!คนที่เสียเปรียบล้วนเป็นนางหากคนอื่นรู้เรื่องเหล่านี้ นางต้องรู้สึกอับอายมาก“องค์ชาย ด้านหน้าเหมือนจะมีผู้ลี้ภัย”เสียงของต่งกังลอยเข้ามาในรถม้ากะทันหันอันธพาล?หยุนเจิงเปิดผ้
ถูกเมี่ยวอินกล่าวเช่นนี้ ทุกคนสังเกตกลุ่มคนที่มาอย่างละเอียดใช่แล้ว!คนกลุ่มนี้ดูเหมือนจะตายแหล่มิตายแหล่ รู้สึกเหมือนจะหกล้มได้ตลอดเวลา แต่พวกเขาก็ยังไม่หกล้มดูไปแล้วเหมือนจะไม่มีปัญหาแต่ดูอย่างละเอียดก็จะพบว่า ร่องรอยแห่งความตั้งใจนี้รุนแรงเกินไปมือสังหาร?นัยน์ตาหยุนเจิงฉายแววจิตสังหาร ทันใดนั้นก็สั่งต่งกง “รอให้เข้าใกล้สักหน่อย จัดการทันที! ผู้กล้าต่อต้าน ฆ่า!”เขายอมทำผิดพลาด กลับไปค่อยชดเชยให้คนเหล่านี้น แต่ไม่ยอมล้อเล่นกับชีวิตของตัวเองและผู้หญิงของเขาอีกทั้ง ตามที่เมี่ยวอินกล่าว คนกลุ่มนี้น่าสงสัยจริงๆต่งกังรับคำสั่ง กระซิบถ่ายทอดคำสั่งลงไปทันทีไม่นาน คนกลุ่มนั้นอยู่ในตำแหน่งห่างจากพวกเขาไม่ถึงห้าสิบเมตร ต่งกังพาคนเดินไปข้างหน้า กล่าวกับผู้เฒ่าผมขาวคนหนึ่งด้วยหน้าตายิ้มแย้ม “ท่านผู้เฒ่า ข้าพยุงท่านเถอะ!”ผู้เฒ่าต้องการปฏิเสธ ต่งกังเข้ามาพยุงผู้เฒ่าแล้ว ส่วนองครักษ์ที่เหลือก็พากันขึ้นหน้า เตรียมตัวพยุงคนที่เหลือขณะที่เข้าประชิด องครักษ์พลันควักมีดออกมา พาดไว้บนคอคนเหล่านั้นการกระทำกะทันหันของพวกเขาทำให้คนเหล่านี้มึนงง“ลงมือ!”เหม่อลอยไปชั่วขณะ หนึ่งในก
“ลูกเข้าใจพ่ะย่ะค่ะ!”หยุนลี่รีบรับคำสั่ง“จำไว้! ฮั่วเหวินจิ้งถูกนักฆ่าสังหาร ไม่ใช่ตายเพราะป่วย!”จักรพรรดิเหวินกล่าวเตือนหยุนลี่ด้วยใบหน้าเย็นชา ก่อนเสด็จออกจากจวนองค์รัชทายาทแม้จะนั่งอยู่ในเกี้ยวแล้ว แต่เพลิงโทสะของจักรพรรดิเหวินยังคงลุกโชนไม่มอดอย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความโกรธเกรี้ยวในพระทัย ก็ยังมีความรู้สึกซับซ้อนบางอย่างซ่อนอยู่เขารู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งไม่ใช่คนของหยุนเจิงหากสามารถเค้นเอาความจริงจากฮั่วเหวินจิ้งได้ จนรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง บางทีพระองค์เองอาจไม่รู้ว่าควรจัดการอย่างไรหากเป็นพระโอรสองค์ใดองค์หนึ่ง หรือแม้แต่นางสนมคนใดคนหนึ่งของพระองค์ พระองค์จะต้องลงพระอาญาสังหารพวกเขาด้วยพระองค์เองอย่างนั้นหรือ?หากเรื่องนี้ทำให้คนที่รอดพ้นจากเคราะห์ครั้งนี้ได้สำนึกและเลิกล้มความคิดที่จะก่อความวุ่นวาย นั่นก็คงเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับตัวการเบื้องหลังของฮั่วเหวินจิ้ง จักรพรรดิเหวินเองก็พอมีข้อสันนิษฐานอยู่ในพระทัยแต่เป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐาน พระองค์ยังไม่สามารถสรุปได้แน่ชัดยิ่งไปกว่านั้น คนที่พระองค์สงสัยมีอยู่หลายคน ทำให้ไม่อาจฟันธงได้ว่าเป็นผู้ใดกันแน่ดูเหมือ
ภายในพระราชวัง จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังตรวจสอบข่าวเร่งด่วนจากเมืองฝูโจวอย่างไรก็ตาม ทั้งสองเพียงกวาดตามองก็ขว้างเอกสารฉบับนั้นทิ้งด้วยความโกรธอย่าว่าแต่หยุนลี่เลย แม้แต่จักรพรรดิเหวินก็อดด่าหยุนเจิงในใจไม่ได้ลูกอกตัญญูผู้นี้ ชักจะเหลวไหลขึ้นทุกวันเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็กล้าใช้ชื่อข่าวเร่งด่วนทางทหารส่งมาถึงเมืองหลวงนี่เป็นครั้งที่สองแล้ว!ข่าวเร่งด่วนทางทหารถูกเขาใช้เป็นของเล่นไปแล้ว!คราวหน้า ถ้าเจอตัวเจ้าเด็กเหลือขอนั่น ข้าจะเตะมันให้กระอักสองทีแน่!“กราบทูลฝ่าบาท องค์รัชทายาทฝ่าบาท กองกำลังของกระหม่อมถูกลอบโจมตีโดยนักฆ่าที่ถนนเป่ยเจีย……”ขณะที่จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังเดือดดาลกับหยุนเจิง เฉียวเหยียนเซียนก็ส่งคนมาแจ้งข่าวนักฆ่าหลายสิบคนที่ร่วมมือกันสังหารฮั่วเหวินจิ้งและครอบครัว ถูกสังหารหรือถูกจับกุมเป็นส่วนใหญ่มีเพียงไม่กี่คนที่ฉวยโอกาสความชุลมุนหลบหนีไปได้ครั้งนี้ การวางแผนของพวกเขารัดกุมยิ่งนักหากไม่ใช่เพราะพลส่งสารข่าวเร่งด่วนโผล่มาขัดจังหวะ คงไม่มีทางที่นักฆ่าจะรอดไปได้เลยนอกจากนี้ พวกเขายังพบหน้าไม้ทรงอานุภาพจำนวนมากในที่เกิดเหตุเมื่อรายงานมาถ
ขณะที่เฉียวเหยียนเซียนนำกำลังคุมตัวนักโทษผ่านถนนเป่ยเจีย หน้าต่างบนหอคอยของอาคารสองหลังที่อยู่สองฟากถนนค่อยๆ เปิดออกเล็กน้อยหน้าไม้จำนวนมากถูกเล็งออกมาจากช่องหน้าต่างโดยไร้เสียง เพียงแค่รอให้กรงนักโทษเข้าสู่ระยะยิง พวกเขาก็จะลงมือทันทีขบวนคุ้มกันเข้าใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ เงาสองก็เตรียมพร้อมเช่นกันเขาไม่รู้ว่าฮั่วเหวินจิ้งมีความสำคัญต่อหยุนเจิงเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากอีกาดำมากขึ้น เขาจำเป็นต้องร่วมมือสังหารเหล่านักโทษเหล่านี้แต่เขาก็รู้ดีว่า หากลงมือแล้ว การจะหลบหนีออกจากเมืองหลวงไม่ใช่เรื่องง่ายแต่เขาต้องรอด!ส่วนหนึ่งเพราะเขาไม่ต้องการตาย อีกส่วนหนึ่งก็เพราะ หากเขารอด เขาจะมีโอกาสพบกับผู้ที่คอยสนับสนุนการหลบหนีของพวกเขาและบุคคลนี้ อาจเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดโปงผู้อยู่เบื้องหลังตัวจริง!เงาสองครุ่นคิดเงียบๆ พร้อมเหลือบมองหน้าไม้ในมือพวกเขาปลอมตัวเป็นพ่อค้าเพื่อแฝงตัวเข้าเมืองหลวง ย่อมไม่สามารถพกพาอาวุธเหล่านี้มาเองได้หน้าไม้เหล่านี้ถูกเตรียมไว้ล่วงหน้า ถูกซุกซ่อนไว้ที่เนินเขาเหมียวเอ่อร์ซานสิ่งเหล่านี้เป็นอาวุธของกองทัพ!แม้ทางราชสำนักจะควบคุมอาวุธประเภทนี
“ฝ่าบาท เงาสามแจ้งข่าวด่วน!”จิงหยางฟู่ เสิ่นควานถือจดหมายฉบับหนึ่ง รีบรุดเข้ามาด้วยท่าทีเร่งรีบเงาสาม?นี่เป็นหนึ่งในคนที่สามารถแทรกซึมเข้าไปในอีกาดำได้สำเร็จเงาสามส่งข่าวด่วนมา ดูท่าแล้ว อีกาดำคงจะลงมือแล้วแน่หากไม่มีอะไรผิดพลาด อีกาดำน่าจะต้องการสังหารฮั่วเหวินจิ้งเพื่อกำจัดภัยร้ายอย่างสิ้นซาก!หยุนเจิงครุ่นคิดไปพลาง รับจดหมายจากเสิ่นควานและเปิดออกดูเมื่อเห็นเนื้อหาในจดหมาย หยุนเจิงก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวข่าวที่เงาสามส่งมา ตรงกับที่เขาคาดการณ์ไว้ไม่มีผิดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวนำทัพมาด้วยตนเอง ต้องการฆ่าฮั่วเหวินจิ้งให้ได้!แม้แต่เงาสองก็ถูกเลือกให้เข้าร่วมภารกิจลอบสังหารครั้งนี้ตอนนี้ พวกเขาได้รับเพียงคำสั่งให้เตรียมพร้อม แต่ยังไม่รู้เวลาและสถานที่ลงมือที่แน่ชัดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวตั้งใจปกปิดข้อมูล ไม่ให้ผู้ใดซักถาม ใครที่ร่วมภารกิจก็แค่ทำตามคำสั่งในขณะลงมือเท่านั้นพวกเขากลัวว่าจะถูกสงสัย จึงไม่กล้าไต่ถามอะไรมากข่าวที่เงาสามส่งกลับมา สำหรับหยุนเจิงแล้ว ไม่ใช่ข่าวดีเลยเขายอมจ่ายเงินกว่าล้านตำลึงเพื่อให้ครอบครัวฮั่วเหวินจิ้งปลอดภัยและมาถึงมือเขาแต่ตอนนี
หญิงสาวนิ่งเงียบ ทำอย่างไรดี? นางเองก็อยากหาคนมาปรึกษา ว่าควรทำเช่นไรในสถานการณ์นี้ แต่เวลานี้… เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดสามารถให้คำตอบแก่นางได้ ไม่นึกเลยว่า… แผนการที่นางวางมาอย่างรอบคอบมายาวนาน กลับจะพังทลายลงในมือของหยุนลี่! เฮ้อ! นางทอดถอนใจยาวในใจ แต่ในดวงตากลับปรากฏประกายเย็นยะเยือก "ไม่ว่าอย่างไร… ฮั่วเหวินจิ้งต้องไม่มีชีวิตรอดไปถึงมือหยุนเจิง! หากไร้ซึ่งความกังวลเรื่องครอบครัว ฮั่วเหวินจิ้งจะต้องเปิดโปงเราทั้งหมดแน่!" นางรู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งกำลังกังวลสิ่งใด สิ่งที่ฮั่วเหวินจิ้งกังวลที่สุดในตอนนี้ คือความปลอดภัยของครอบครัว เขาจึงไม่กล้าเปิดโปงนางออกไป แต่หากครอบครัวของฮั่วเหวินจิ้งถูกส่งไปถึงมือหยุนเจิงอย่างปลอดภัย เช่นนั้น เขาย่อมไม่มีเหตุผลใดให้ปิดปากอีกต่อไป! ระหว่างหยุนลี่กับหยุนเจิง นางเกรงกลัวหยุนเจิงมากกว่า เพราะหยุนเจิงคือผู้กุมอำนาจกองทัพ… หากหยุนเจิงรู้ว่า ผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้คือตัวนางเอง เช่นนั้น… นางคงหนีไม่พ้นความตาย! ไม่ใช่แค่หยุนเจิง… แม้แต่หยุนลี่ หรือแม้กระทั่งองค์จักรพรรดิ… ก็คงไม่ปล่อยนางไปเช่นกัน! เมื่อได้ยินเช่
สองวันต่อมา หยุนลี่ได้รับจดหมายตอบกลับจากหยุนเจิง เมื่อมองเนื้อหาในจดหมาย หยุนลี่แทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง เขาถึงกับขยี้ตาหลายรอบ กลัวว่าตัวเองจะมองผิดไป ตกลงแล้ว! เจ้าหกสุนัขชั่วนั่นตอบตกลงจริงๆ! หยุนเจิงยอมจ่ายเงิน หนึ่งล้านสองแสนตำลึง พร้อมกับส่งตัวหยางหุยโจว เพื่อแลกกับอิสรภาพของฮั่วเหวินจิ้งและครอบครัวทั้งสิบสามชีวิต ท้ายจดหมาย หยุนเจิงยังกล่าวข่มขู่ หากครอบครัวฮั่วเหวินจิ้งมีอันเป็นไป อย่าได้โทษว่าเขาไม่ไว้หน้า! "ฮ่าๆๆ!" เมื่อแน่ใจว่าตัวเองไม่ได้อ่านผิดไป หยุนลี่ถึงกับหัวเราะลั่น หนึ่งล้านสองแสนตำลึง แม้จะยังไม่เทียบเท่ากับจำนวนเงินที่เขาเคยถูกหยุนเจิงโกงไป แต่หนึ่งล้านสองแสนตำลึงก็เป็นเงินจำนวนไม่น้อย สำหรับเขาแล้ว นี่มีความหมายไม่น้อยนี่เป็นครั้งแรกที่เขาสามารถหลอกเอาเงินจากหยุนเจิงได้! และครั้งแรกนี้ก็เล่นไปถึง หนึ่งล้านสองแสนตำลึง! จะไม่ให้เขาดีใจได้อย่างไร!? ปากของฮั่วเหวินจิ้งแข็งเกินไป หากฆ่าฮั่วเหวินจิ้งทิ้งเพียงเพราะความโกรธ ก็มีแต่เสียเปล่า แต่ถ้าใช้เขามารีดเงินจากเจ้าหกได้… ไม่ใช่ว่าเป็นประโยชน์กว่าหรือ!? คิดไม่ถึงว่า มันสำเร
เมื่อหยุนเจิงกล่าวจบ ก็เล่าถึงข้อสันนิษฐานของตนให้เสิ่นควานฟัง นอกจากเหตุผลนี้แล้ว เขาก็นึกไม่ออกถึงสาเหตุอื่นเลย หยุนลี่คงไม่ถึงกับยากจนขนาดจับใครมาเรียกค่าไถ่จากเขาโดยไม่มีเหตุผลหรอกใช่ไหม? หากมีสิ่งผิดปกติ ย่อมต้องมีเงื่อนงำซ่อนอยู่! เมื่อได้ฟังคำพูดของหยุนเจิง เสิ่นควานก็อดไม่ได้ที่จะครุ่นคิด ว่ากันตามตรง ข้อสันนิษฐานของฝ่าบาทก็มีความเป็นไปได้อยู่มาก ฝ่าบาทจับตัวคนของหยุนลี่ แล้วเรียกค่าไถ่ หยุนลี่ก็ทำตามแบบเดียวกัน จับตัวคนที่เขาคิดว่าเป็นสายของฝ่าบาท แล้วเรียกค่าไถ่บ้าง? หรือว่านี่จะเป็นการใช้วิธีของศัตรูมาตอบโต้ศัตรูแบบที่ฝ่าบาทเคยพูดสินะ? “กราบทูลฝ่าบาท แม่ทัพอวี่ชื่อจงส่งสาสน์เร่งด่วนมา!” ในขณะนั้นเอง กองทหารองครักษ์นายหนึ่งวิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อน พร้อมถือจดหมายฉบับหนึ่งไว้ในมือ สาสน์ด่วนจากอวี่ชื่อจง? หรือว่าเจ้าสามคิดลงมือแล้ว!? เจ้าสามคงไม่บ้าถึงขั้นเปิดศึกในเวลานี้หรอกกระมัง? “นำมานี่!” หยุนเจิงรีบให้เสิ่นควานรับจดหมายมา เมื่อได้รับจดหมายจากเสิ่นควาน หยุนเจิงก็เปิดอ่านอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อเห็นเนื้อหาในจดหมาย สีหน้าของเขากลั
อุทยานบุปผาหลวง หลังจากการประชุมเช้าเสร็จสิ้น จักรพรรดิเหวินรับสั่งให้คนไปแจ้งหยุนลี่ ให้มาเดินเล่นเป็นเพื่อน บิดาและบุตรก้าวเดินไปข้างหน้า ขณะที่มู่ชุ่นและขุนนางติดตามคนอื่นๆ จงใจเว้นระยะห่างออกไป "ฮั่วเหวินจิ้งยังไม่ยอมเปิดปากรึ?" จักรพรรดิเหวินทรงไขว้พระหัตถ์ไว้เบื้องหลัง ตรัสถามด้วยพระพักตร์เคร่งขรึม "ยังพ่ะย่ะค่ะ" หยุนลี่ส่ายศีรษะเบาๆ "ฮั่วเหวินจิ้งไม่กลัวทั้งไม้อ่อนและไม้แข็ง ยืนกรานไม่ยอมเปิดเผยรายชื่อพรรคพวก" จักรพรรดิเหวินตรัส "ในเมื่อฮั่วเหวินจิ้งไม่ยอมพูด เช่นนั้นก็เปลี่ยนวิธีเถิด!" เปลี่ยนวิธี? หยุนลี่มองจักรพรรดิเหวินด้วยความฉงน "เสด็จพ่อทรงมีแผนใด?" "แผนการวิเศษอะไรนั้นไม่มี มีแค่แผนโง่ๆ แผนหนึ่ง" จักรพรรดิเหวินแย้มสรวล "เจ้าหกไม่เคยเล่นงานเจ้ารึ? เช่นนั้นเจ้าก็เอาฮั่วเหวินจิ้งมาเล่นงานเขาบ้างสิ! ให้เขานำเงินมาไถ่ตัวฮั่วเหวินจิ้งและครอบครัวของเขา!" อืม? หยุนลี่ได้ฟังคำพูดของจักรพรรดิเหวินเช่นนั้น พลันเกิดประกายความคิด สามารถทำเช่นนี้ได้ด้วยรึ? "แผนนี้ของเสด็จพ่อแยบยลยิ่ง!" หยุนลี่รีบกล่าวคำเยินยอจักรพรรดิเวหิน ก่อนจะมีท่าทีล
"ข้าให้ความไว้วางใจเจ้าไม่น้อย แต่เจ้าเอาความภักดีไปให้สุนัขกินแล้วหรือ?" "ข้าทำผิดอะไรกับเจ้าหรือ?" ยิ่งพูดยิ่งโกรธ หยุนลี่กระทืบฮั่วเหวินจิ้งซ้ำอีกหลายครั้ง หากไม่ใช่เพราะต้องการเก็บชีวิตของมันไว้เพื่อรีดข้อมูล เขาคงสั่งให้จับมันไปประหารเจ็ดชั่วโคตรไปแล้ว! "แค่กๆ..." ฮั่วเหวินจิ้งถูกเตะซ้ำๆ จนกระอักเลือดออกมาเป็นสาย หยุนลี่พยายามข่มอารมณ์ไม่ให้เผลอฆ่ามันซะก่อน ตะคอกเสียงดัง "บอกมา! ยังมีพวกของเจ้ากี่คน!?" ฮั่วเหวินจิ้งนอนตัวสั่นอยู่บนพื้น แววตาเจ็บปวด "กระหม่อม...ไม่รู้จริงๆ... แค่กๆ..." กล่าวจบฮั่วเหวินจิ้งก็สำลักเลือดออกมาอีก "ไม่รู้? คิดว่าข้าเป็นคนโง่หรือไง!?" หยุนลี่มองฮั่วเหวินจิ้งด้วยสายตาเย็นชา "ข้ากำลังให้โอกาสเจ้า หากเจ้ายังไม่เห็นค่าของมัน ข้าไม่เพียงจะทำให้เจ้าอยู่ก็ไม่ได้ ตายก็ไม่ได้ แต่จะส่งคนไปสังหารทั้งตระกูลเจ้าให้สิ้นซาก!" น้ำเสียงของหยุนลี่เย็นเยียบดุจน้ำแข็ง เขาต้องรีดเอาข้อมูลออกมาให้ได้! ต้องรู้ให้แน่ชัดว่าข้างกายเขายังมีคนของเจ้าหกแฝงตัวอยู่อีกหรือไม่! "กระหม่อมไม่รู้จริงๆ!" ฮั่วเหวินจิ้งส่งเสียงคร่ำครวญ "ต่อให้ฝ่าบาทสั