หยุนเจิงอยู่ที่ชายแดนกู้สามวัน จัดการเรื่องที่ควรจัดการเรื่องของเจียเหยา เขายังไม่ได้ตัดสินใจเขาสับสนอย่างหนัก ไม่อาจตัดสินใจได้ชั่วคราวสุดท้าย หยุนเจิงก็ไม่ได้รอจนจางซูและหมิงเย่ว์กลับมา ทำได้เพียงวางแผนพาเจียเหยาไปยังติ้งเป่ยก่อนการไปครั้งนี้ เป็นการตัดสินว่าควรปฏิบัติต่อเจียเหยาเช่นไรสองวันให้หลัง พวกเขามาถึงติ้งเป่ย“นึกไม่ถึง ครั้งแรกที่ข้ามาติ้งเป่ย จะมาในฐานะเชลยศึก”มองกำแพงติ้งเป่ยเบื้องหน้า เจียเหยาเผยรอยยิ้มถากถางตัวเองอย่างควบคุมไม่อยู่“เจ้าไม่ใช่เชลยศึก”หยุนเจิงยิ้มเรียบ “เจ้าสามารถเห็นตัวเองเป็นทูต”“ทูตหรือ?”เจียเหยาหัวเราะถากถางตัวเองอีกครั้ง จากนั้นก็หันไปมองหยุนเจิง “พาข้าไปดูมันเทศดินก่อน ได้หรือไม่?”“……”เมื่อได้ฟังคำพูดของเจียเหยา คนรอบกายหยุนเจิงพากันหมดคำพูดพวกเขาไม่รู้จริงๆ เจียเหยายึดติดกับมันเทศดินเหล่านั้นเพียงใดนางไม่ลืมมันเทศดินแม้แต่ชั่วเวลาเดียว!ถึงเช่นไรมันเทศดินเหล่านี้ก็ไม่ใช่ของพวกเขาแล้ว เหตุใดนางจึงยึดติดกับมันเทศเหล่านี้ไม่ปล่อยด้วยเล่า?“ช้าหน่อยค่อยไปเถอะ!”หยุนเจิงปฏิเสธเจียเหยา “ข้าเพิ่งมาถึงติ้งเป่ย มีอย่างที่ใดบ้
“นี่คือสิ่งที่ลูกเขยควรทำ”หยุนเจิงถอนหายใจเบาๆ จากนั้นก็กล่าว “กลับไป พวกเราเลือกวัน ที่ซั่วเป่ยให้พวกเขา...”“ไม่ต้องหรอก”ฮูหยินเสิ่นส่ายหน้าเบาๆ “พวกเราแบ่งดินในถุงเป็นสามส่วน สร้างป้ายวิญญาณให้พวกเขาก็พอแล้ว”พวกเขาสามพ่อลูกมีหลุมฝังศพแล้วไม่จำเป็นต้องสร้างหลุมฝังศพอีกมีป้ายวิญญาณ ตอนวันส่งท้ายปีเก่าก็สามารถจุดธูปได้ในเมื่อฮูหยินเสิ่นกล่าวเช่นนี้แล้ว หยุนเจิงก็ไม่กล่าวมากความอีกดินถุงนี้ทำให้บรรยากาศการเฉลิมฉลองเจือจางลงเล็กน้อยแต่ว่า สามพ่อลูกเสิ่นหนานเจิงเสียชีวิตไปหกปีแล้ว ต่อให้โศกเศร้าเพียงใด ก็ล้วนถูกเวลาทำให้จืดจางแล้วพวกหยุนเจิงสามารถได้รับชัยชนะ นี่ถึงจะเป็นเรื่องควรค่าต่อการเฉลิมฉลองที่สุด“พอแล้ว พอแล้ว กลับจวนก่อนเถอะ!”ฮูหยินเสิ่นยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาในดวงตา “คืนนี้ พวกเราต้องเฉลิมฉลองกันให้ดี”เมื่อทุกคนได้ฟัง ก็พากันพยักหน้าหยุนเจิงเดินมาหาเยี่ยจื่อและเสิ่นลั่วเยี่ยน ไม่สนใจคนมากมายที่อยู่ในเหตุการณ์ หอมแก้มหญิงสาวทั้งสองคน ดึงดูดสายตาโกรธเคืองจากหญิงทั้งสอง“ลูกของพวกเราเชื่อฟังหรือไม่?”หยุนเจิงยกมือขึ้นลูบท้องของเสิ่นลั่วเยี่ยน เรากลับกำลังรับ
กลางคืน ทุกคนย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะฉลองใหญ่กันสักรอบเพียงแต่ว่า เรื่องครึกครื้นและการฉลองนี้ล้วนไม่เกี่ยวข้องกับเจียเหยาเจียเหยายังคงถูกกักบริเวณ แต่ว่า เรื่องการกิน หยุนเจิงไม่ได้ทารุณนางไม่เพียงส่งอาหารสมบูรณ์หลากหลายไปให้นาง ยังส่งเหล้าให้นางหนึ่งกาด้วยทว่า คนที่เฝ้าเจียเหยารายงานกลับมา เจียเหยาหนักอกหนักใจ แทบไม่มีความคิดอยากกินอาหารเลย เอาแต่ดื่มสุราติดต่อกันหลายแก้วหลังอาหารค่ำ หยุนเจิงพาทุกคนนั่งตากลมภายในลานบ้านเยี่ยจื่อนำราชโองการและสาสน์ตราตั้งที่จักรพรรดิเหวินส่งมามอบให้หยุนเจิง อีกอย่าง ยังมีจดหมายส่วนพระองค์ที่จักรพรรดิเหวินมอบให้หยุนเจิงราชทูตจากไปตั้งหลายวันแล้ว ของสองสิ่งนี้ เดิมเป็นสิ่งที่ต้องให้หยุนเจิงสั่งคนไปส่งที่เป่ยหวนแต่ว่า ตอนนี้เจียเหยาอยู่ในมือหยุนเจิงแล้ว ไม่จำเป็นต้องให้หยุนเจิงส่งคนไปอีกสาสน์ตราตั้งฉบับนี้สลักขึ้นจากแผ่นกระดาษทองแดง ไม่เพียงอลังกาล ยังวิจิตรสวยงามเนื้อหาในสาสน์ตราตั้งค่อนข้างซับซ้อนแต่ใจความสำคัญคือให้องค์ชายหกแห่งต้าเฉียนและองค์หญิงเจียเหยาแห่งเป่ยหวนแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์แต่ว่า ไม่รู้ว่าจักรพรรดิเหวินมีเจตนาหรือ
หยุนเจิงกำลังเดินไปที่ห้องของเสิ่นชั่วเยี่ยน แต่ถูกเสิ่นลั่วเยี่ยนดึงเอาไว้เสิ่นลั่วเยี่ยนหน้าแดงเล็กน้อย กระซิบกล่าว “ท่านแม่บอกว่า ข้าเพิ่งตั้งครรภ์ไม่นาน ไม่อาจรวมหอ เจ้าไปอยู่เป็นเพื่อนพี่จื่อเอ๋อร์เถอะ! นางเอาแต่คิดถึงเจ้าทั้งวัน เป็นห่วงและพว้าพะวงเพราะเจ้า…”“กล่าวสิ่งใด?”หยุนเจิงมองเสิ่นลั่วเยี่ยนอย่างจนใจ “ข้ากลับห้องกับเจ้า มีเพียงเรื่องนั้นหรือ? พวกเราไม่ได้พบกันนานเพียงนี้ ยังไม่อาจร่วมสนทนาด้วยกันได้หรือ?”กล่าวจบ หยุนเจิงยังเรียกเมี่ยวอินและเยี่ยจื่อ ไปห้องเยี่ยจื่อด้วยกันนับเวลาแล้ว ครั้งนี้พวกเขาแยกจากกันสองเดือนแล้วไม่ได้เจอกันนานเพียงนี้ เขาก็อยากพูดคุยกับผู้หญิงของเขาคิดจะพลอดรักกันสักรอบ ต่อไปก็ยังมีเวลา!คืนนี้ ทุกคนสนทนากันถึงเช้ารอจนเมี่ยวอินและเสิ่นลั่วเยี่ยนจากไป หยุนเจิงเป็นสุภาพบุรุษอย่างหาได้ยาก ไม่ได้ไปทรมานเยี่ยจื่อที่ง่วงนอน เพียงกอดนางไว้แล้วหลับไปด้วยกันวันที่สอง หยุนเจิงพาเจียเหยาไปดูมันเทศดินที่นางคิดถึงคะนึงหาทุกคนรู้ว่าหยุนเจิงให้ความสำคัญมันเทศดินเหล่านี้มาก มันเทศดินเหล่านี้ได้รับการดูแลอย่างดีทุกวันนี้ ต้นกล้ามันเทศดินที่ปักช
เจียเหยาในใจเต็มไปด้วยสงสัย ถูกหยุนเจิงพามายังหน้าภูเขาแห้งแล้งแห่งหนึ่งบนภูเขามีต้นไม้ไม่กี่ต้นบริเวณโดยรอบไม่มีสิ่งใดน่าดูชมเจียเหยาไม่เข้าใจ “เจ้าพาข้ามาที่นี่เพื่อสิ่งใด?”“เดี๋ยวเจ้าก็รู้แล้ว”หยุนเจิงไม่ได้อธิบายมากความ เรียกเกาเหอเข้ามา กระซิบข้างหูเขาไม่กี่ประโยคเกาเหอรับคำสั่ง ควบม้าไปยังภูเขาแห้งแล้งอย่างรวดเร็วหลังจากเกาเหอไปแล้ว นักรบภูตเก้าที่รออยู่ตรงนั้นนานแล้วปรากฎตัวออกมาอย่างรวดเร็วสองคนทักทายสองสามประโยค เกาเหอรีบควบม้ากลับมา“องค์ชาย สั่งการเรียบร้อยแล้ว”เกาเหอกลับมารายงานหยุนเจิง“ยกธง!”หยุนเจิงสั่งการ“ขอรับ!”เกาเหอรับคำสั่ง รับธงสีเขียวมาจากมือคนด้านข้างอย่างรวดเร็วนักรบภูตเก้ารู้ นี่เป็นการบอกเขาให้เตรียมความพร้อมนักรบภูตเก้าเตรียมพร้อมแล้ว ให้นักรบภูตสิบโบกธงสีเขียวกลับเมื่อเห็นธงสีเขียวที่อยู่ตรงหน้า หยุนเจิงสั่งเกาเหอ “ธงแดง!”“ขอรับ!”เกาเหอรับธงสีแดงมาโบกเจียเหยามองพวกหยุนเจิงด้วยสีหน้าประหลาด ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาต้องการทำสิ่งใดฝึกฝนหรือ?นี่ฝึกสิ่งใดออกมาไม่ได้!ขณะที่เจียเหยากำลังสงสัย ภูตเก้าและภูตสิบหนีไปจากภูเขาแห้ง
เพื่อข่มขวัญเจียเหยา หยุนเจิงจึงยอมเสียเลือดหากเจียเหยายังไม่ยอมสยบ ยังคิดเล่นเล่ห์เหลี่ยมเหล่านั้น ก็อย่าโทษที่เขาใจร้ายเจียเหยาเรียกสติกลับมาอย่างยากเย็น มองหยุนเจิงด้วยสีหน้าเจ็บปวด “เจ้าใช้สิ่งนี้สร้างหิมะถล่มสังหารทหารชั้นยอดสองหมื่นคนของพวกเรา?”“ใช่!”หยุนเจิงพยักหน้า “ดังนั้น ตอนนี้เจ้ารู้แล้วว่าเหตุข้าไม่กลัวจะให้เวลาพวกเจ้าพัฒนายี่สิบปีแล้วกระมัง?”ต่อให้เวลาพวกเจ้ายี่สิบปี พวกเจ้าก็ทำได้เพียงสร้างทาสให้ข้ามากขึ้นคำพูดของหยุนเจิงก่อนหน้านี้ ดังขึ้นมาในสมองของเจียเหยาเวลานี้ ภายในใจเจียเหยาเกิดความรู้สึกไร้เรี่ยวแรงเป็นความรู้สึกไร้เรี่ยวแรงที่ไม่เคยมีมาก่อน!นางไม่รู้สิ่งนี้ทำขึ้นได้เช่นไรแต่นางรู้ หากใช้สิ่งนี้บนสนามรบ สำหรับเป่ยหวนแล้ว เรียกได้ว่าเป็นการโจมตีที่โหดร้ายรุนแรงอย่างอื่นไม่ต้องกล่าวถึง เสียงแค่เสียงดังสนั่นหู ก็สามารถทำให้ม้าศึกตกใจกลัวจนเกิดความวุ่นวายแล้วยังไม่ทันได้เปิดศึก ฝ่ายนางก็คงวุ่นวายก่อนแล้วเป่ยหวน นอกจากยอมสวามิภักดิ์แล้ว ก็ไม่มีทางออกอื่นแล้วหรือ? “ความจริงเจ้าควรรู้ ข้าจัดการกับเป่ยหวนนับว่าออมมือแล้ว”“บอกตามตรง ต่อให้ข้า
กระทั่งกลับถึงจวนอ๋อง เจียเหยาล้วนไม่ได้กล่าวสิ่งใดสักประโยคไม่มีใครรู้เจียเหยากำลังคิดสิ่งใดแต่ทุกคนต่างรู้ เจียเหยาตกใจกระทบกระเทือนเพราะเรื่องวันนี้แล้วพวกเขา ไหนเลยจะไม่ตกใจกระทบกระเทือนเล่า?เมื่อเห็นเจียเหยาถูกส่งตัวกลับไปกักบริเวณที่เรือนเล็กของนาง ผู้หญิงทุกคนอดไม่ได้ที่จะคร่ำครวญหยุนเจิงไม่คิดมากมายต่อแล้ว จากนั้นก็เรียกพวกเยี่ยจื่อมาเยี่ยจื่อเลือกคนมีความสามารถมาจากทุกเมือง เป็นองครักษ์ที่ปรึกษาของจวนอ๋อง ช่วยนางจัดการเรื่องทางการเมืองเวลาส่วนใหญ่ที่หยุนเจิงออกไปทำสงครามข้างนอก คนภายในนี้ นอกจากสองคนก่อนหน้านี้ที่ช่วยเจียเหยาจัดการเรื่องเบ็ดเตล็ดภายในจวนอ๋องแล้ว หลายคนเขาล้วนไม่รู้จัก เยี่ยจื่อแนะนำให้หยุนเจิงรู้จักทีละคนหยุนเจิงคิดว่า ด้วยสถานการณ์ตรงหน้า ดูเหมือนจะมีรูปแบบสำนักปกครองภายในแล้วต่อไป ก็สามารถทำตามวิธีนี้ได้แต่ว่า ต้องหาคนที่มีความสามารถจัดตั้งสำนักปกครองภายในอย่างเป็นทางการไม่แน่ อาจให้เยี่ยจื่อเป็นผู้ช่วยปกครองหญิงภายในสำนักก็ได้มีสิ่งนี้ รอให้มีเงินทองในมือเหลือเฟือแล้ว จำเป็นต้องสร้างศาลาว่าการอย่างเป็นทางการก่อนหน้านี้เป็นเพราะค่าใ
สมุดบัญชีหยุนเจิงเพียงกวาดตามองคร่าวๆ ก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมาแล้วคลังทั้งซั่วเป่ย แทบไม่ต้องนับเลยคลังส่วนตัวของหยุนเจิง เหลือเพียงหนึ่งล้านกว่าตำลึงเงินเท่านั้นเนื่องจากจางซูช่วยหาเงินให้พวกเขาอยู่ตลอดเงินที่เขานำมาจากเมืองจักรพรรดิ ใช้จ่ายหมดได้นานแล้ว!อีกทั้ง นี่ยังไม่นับรวมเงินชดเชยบำนาญของทหารเสียชีวิตในสนามรบครั้งนี้และเงินรางวัลชองคนที่มีผลงานหากนับรวมเหล่านั้นเข้าไปด้วย หนึ่งล้านตำลึงเงินของเขา ไม่มีทางเพียงพอเด็ดขาดดูสมุดบัญชีตรงหน้า หยุนเจิงแทบทนไม่ไหวอยากส่งคนของนักรบภูตสิบแปดเขาไปปล้นเศรษฐีภายในด่านแล้วมารดาเขาสิ!เงินนี้แม้จะดูเยอะ แต่ใช้จ่ายขึ้นมา กลับไม่เพียงพอใช้จ่าย“เอาล่ะ พวกเจ้าออกไปทำงานก่อนเถอะ!”หยุนเจิงนวดขมับ จากนั้นก็ลุกขึ้นดึงมือเยี่ยจื่อ “ไปเดินเล่นกับข้าเถอะ!”เยี่ยจื่อยกมุมปากหัวเราะ เดินไปสวนดอกไม้ของจวนอ๋องกับหยุนเจิง“เริ่มกลุ้มใจเรื่องเงินแล้ว?”เยี่ยจื่อยิ้มถามหยุนเจิง“กลุ้มใจนิดหน่อย แต่ก็ยังดีหน่อย”หยุนเจิงส่ายหน้าหัวเราะ จากนั้นก็บอกความคิดของเขาที่จะสร้างสำนักปกครองภายในและให้เยี่ยจื่อเป็นผู้ช่วยดูแลสำนักปกครองภายในกับนาง