“ไม่มีปัญหา!” จางซูหัวเราะเจ้าเล่ห์ “ถึงเช่นไรการรบครั้งนี้ก็จบลงแล้ว วันข้างหน้าพวกเรามีเวลาดื่มเหล้า”“มันก็จริง!”หยุนเจิงหัวเราะควรพักผ่อนได้แล้วเขาข้ามเวลามาเช่นนี้ ไม่ใช่มาเพื่อปกป้องโลกเสียหน่อยควรเสพสุขกับชีวิตได้แล้ว!ข้าต้องการลุ่มหลงมัวเมาและเสพสำราญ!หยุนเจิงตะโกนร้องในใจสนทนากับจางซูและหมิงเย่ว์สักพัก พวกหยุนเจิงเดินทางจากไปก่อน“เจ้าบอกองค์ชายเรื่องนั้นหรือยัง?”มองดูพวกหยุนเจิงจากไปแล้ว หมิงเย่ว์จึงถามจางซูจางซูส่ายหน้าหัวเราะแห้ง “มิฉะนั้น เจ้าไปบอกกับศิษย์พี่เจ้าเถอะ ให้ศิษย์พี่เจ้าช่วยข้า…”“น้อยๆ หน่อย!”หมิงเย่ว์ดับความคิดของจางซู “เป็นเจ้าที่คุยโวโอ้อวดแท้ๆ ข้าไม่ตามเช็ดก้นให้เจ้าหรอก! อีกอย่าง เจ้าพูดก็พูดเถอะ ต่อให้องค์ชายไม่เห็นด้วย เขายังจะเฆี่ยนตีเจ้าได้หรือ?”“ข้าไม่กลัวเรื่องนี้” จางซูใบหน้าทุกข์ทน “ข้าเกรงใจไม่กล้าเปิดปากแล้ว…”“ก็แค่เรื่องเดียว มีสิ่งใดต้องเกรงใจ?” หมิงเย่ว์จนใจ “เจ้าบอกไปตามความจริง อย่างมากก็แค่ถูกตำหนิสักรอบ! ใครใช้ให้เจ้าคุยโวโอ้อวดกับคนอื่นเล่า?”“ข้า…”จางซูอ้าปากเล็กน้อย ทันใดนั้นก็กล่าวสิ่งใดไม่ออกแล้วความจร
“ยังยุ่งอยู่หรือ?”เมี่ยวอินเดินมาถึงข้างกายหยุนเจิง “เหล่าแม่ทัพที่ชายแดนกู้เหล่านั้นโวยวายจะจัดงานฉลองให้เจ้า! พวกเขาไม่กล้ารบกวนคนงานรัดตัวอย่างเจ้า เลยวานให้ข้ามาถามเจ้า”หยุนเจิงงานยุ่งมากกลับถึงชายแดนกู้ก็เริ่มทำงานเลยเห็นหยุนเจิงยุ่งเพียงนี้ นางเองก็ช่วยเหลือไม่ได้ เมี่ยวอินรู้สึกผิดในใจเช่นกันนางไม่ใช่เยี่ยจื่อ เรื่องการปกครองภายในเหล่านั้น นางช่วยหยุนเจิงไม่ได้จริงๆเรื่องนี้ นางและเสิ่นลั่วเยี่ยนเหมือนกันมาก แค่เห็นความซับซ้อนในการปกครองภายในก็ปวดหัวแล้ว“ฉลองเอาไว้ก่อนเถอะ”หยุนเจิงส่ายหน้า “ไม่ใช่ผลงานข้าเพียงคนเดียวเสียหน่อย รอให้คนกลับมาแล้วค่อยว่ากันเถอะ! จริงด้วย พวกอวี๋ซื่อจงทางนั้นส่งข่าวมาหรือยัง? พวกเขากับขบวนคุ้มกันนักโทษรวมตัวกันหรือยัง?”“ตอนนี้ยังไม่มีข่าว”เมี่ยวอินส่ายหน้าเบาๆ จากนั้นก็ยิ้มกล่าว “พวกเขาน่าจะไม่รวมตัวกันเร็วเพียงนั้น ฝนเหล่านี้ บนทุ่งหญ้าเปียกแฉะไปทุกที่ พวกเขาคุ้มกันเสบียงอาหาร ไม่อาจเดินทางได้เร็วนัก”“ก็จริง”หยุนเจิงรู้สึกปวดเมื่อยขมับ จากนั้นก็ถาม “เจียเหยาอารมณ์เป็นเช่นไร?”“นางจะมีอารมณ์ใดได้!”เมี่ยวอินเม้มปาก กล่าวหยอก
“ดีเลย!”เมี่ยวอินยิ้มพราวเสน่ห์ จากนั้นก็กล่าวอย่างออดอ้อน “เจ้าคิดว่าข้าเป็นหญิงสาววัยแรกรุ่นหรือ?”กล่าวจบ เมี่ยวอินถอดเสื้อออกอย่างใจกว้างมองดูปีศาจเย้ายวนเช่นนี้ หยุนเจิงเกิดไฟราคะภายในใจอย่างควบคุมไม่อยู่ไม่นาน เมี่ยวอินถอนเสื้อผ้าจนหมด เผชิญหน้ากับสายตารุ่มร้อนของหยุนเจิงเดินลงไปในถังน้ำเมี่ยวอินเพิ่งเดินเข้ามา ก็ถูกหยุนเจิงอุ้มเอาไว้อย่าเห็นเมี่ยวอินอยู่ข้างกายเขาตลอด แต่ตอนที่เคลื่อนทัพทำสงคราม พวกเขาไม่อาจใกล้ชิดกันได้!หยุนเจิงเหมือนถือกระบอกน้ำพุในทะเลทรายมานานแล้ว“ใจร้อนสิ่งใดเล่า!”เมี่ยวอินตบหน้าอกหยุนเจิง กล่าวตำหนิ “ข้าช่วยเจ้าอาบน้ำก่อน”กล่าวจบ เมี่ยวอินเดินลงถังไม้อย่างใจกล้าตอนที่นางช่วยหยุนเจิงอาบน้ำ มือร้ายทั้งสองข้างของหยุนเจิงอยู่ไม่สุขเลยเมี่ยวอินตบตีหยุนเจิงอย่างตำหนิอยู่หลายครั้ง สายตาตกไปอยู่ที่รอยแผลบนแผ่นหลังของหยุนเจิงนี่เป็นรอยแผลที่เหลือไว้จากการต่อสู้กับฮูเจี๋ยปากแผลปิดสนิทแล้ว แต่รอยแผลเป็นยังอยู่รอยแผลเป็นประมาณสามนิ้ว แม้ไม่นับว่าน่ากลัวมาก แต่ในสายตาเที่ยวอิน ก็ยังคงรู้สึกปวดใจอยู่ดี“เป่ยหวนยอมจำนนแล้ว ต่อไปคงไม่มีสงคราม
ตอนเช้า ตอนที่หยุนเจิงตื่น เมี่ยวอินกำลังนอนหลับฝันทั้งสองคนต่างแห้งแล้งมานาน เมื่อคืนพลอดรักกันหลายต่อหลายครั้ง ทรมานกันจนพอใจมองดูเมี่ยวอินที่หน้าแดงอยู่หลายส่วน หยุนเจิงอดไม่ได้ที่จะทอดถอนใจนี่สิถึงจะเรียกว่าชีวิต!เมื่อคิดได้เช่นนี้ หยุนเจิงโอบเอวเมี่ยวอินกอดด้วยความอบอุ่น คิดจะมัวเมาอยูในความอบอุ่นต่อไป“ทำกันทั้งคืนแล้ว ยังทรมานไม่พอหรือ?”เมี่ยวอินหันหน้ามา มองหยุนเจิงด้วยสายตาเต็ไปด้วยน้ำแห่งฤดูใบไม้ผลิ“เจ้าตื่นแล้วหรือ?”หยุนเจิงยิ้มเล็กน้อย แต่กอดเมี่ยวอินแน่นขึ้น“ข้าตื่นนานแล้ว”เมี่ยวอินหัวเราะ “ข้าเห็นเจ้ายังไม่ตื่น กลัวจะทำเจ้าตื่น ข้ากำลังหลับตาพักผ่อนจิตใจ! เจ้าดูสิ ข้าตื่นก่อนเจ้า เมื่อคืนควรเป็นข้าที่ชนะ”กล่าวจบ เที่ยวอินกระพริบตาพราวเสน่ห์“เจ้ากำลังท้าทายช้าหรือ?”หยุนเจิงตัวสั่น “ดูเหมือน ข้ายังต้องสั่งสอนดีๆ สักหน่อยแล้ว!”“เลิกเล่นได้แล้ว!”เมี่ยวอินใบหน้าบึ้งตึง หยิกหยุนเจิงเบาๆ “รีบลุกขึ้นมากินข้างเช้าได้แล้ว”ปากเมี่ยวอินบอกหยุนเจิงหยุดก่อเรื่อง แต่หน้าตานั้นทำราวกับกำลังกระซิบอยู่ข้างหูหยุนเจิง มาสิ เร็วเข้า…ว่ะฮ่ะๆ!นังปีศาจ!หยุนเจ
ครั้งนี้ เมี่ยวอินไม่ได้ปฏิเสธอีก เพียงแค่หยอกล้อเรื่องตลกอย่างควบคุมไม่อยู่ “หากคนไม่รู้ คงคิดว่าเจ้าเอาแต่ทำสงครามเพื่อชิงสถานะให้ผู้หญิงของตน...”“ข้ากำลังช่วยเสด็จพ่อแบ่งเบาความทุกข์ยาก” หยุนเจิงหัวเราะตอนที่ทั้งสองคนกำลังรักใคร่ลึกซึ้งกัน จู่ๆ ด้านนอกก็มีเสียงเคาะประตู“องค์ชาย ทหารยามเฝ้าองค์หญิงเจียเหยาส่งข่าวมา องค์หญิงเจียเหยาโวยวายต้องการพบท่าน”เสียงเกาเหอลอยมาจากนอกประตู“เจียเหยา?”หยุนเจิงขมวดคิ้วเล็กน้อย “ให้คนไปบอกนาง ข้าไม่ว่าง! มีเรื่องใด รอข้าว่างก่อนค่อยว่ากัน!”“ขอรับ!”เกาเหอจากไปไร้สุ่มไร้เสียง“เจ้าไปดูก่อนเถอะ”เมี่ยวอินลุกขึ้นนั่ง “ดีไม่ดี นางอาจมีเรื่องสำคัญ?”เมี่ยวอินพูดไปสวมเสื้อผ้าไปหยุนเจิงส่ายหน้า “เล่ห์เหลี่ยมเจียเหยามีมากมาย ปล่อยนางไว้สองสามวันก่อนค่อยว่ากัน!”ระหว่างที่พูด สายตาของหยุนเจิงทอดมองเมี่ยวอินที่เพิ่งสวมเสื้อซับในเผชิญกับสายตาหยุนเจิง เมี่ยวอินโมโห “เจ้ามันเป็นหมาป่าหิวกระหายไม่รู้จักอิ่ม?”เจ้าหมอนี่!ทำไปไม่รู้กี่รอบแล้ว?อย่างกับหมาป่าหิวโหยไม่กลัวทำให้ร่างกายทรุดโทรมหรืออื้ม ต่อไปห้ามทำเรื่องไร้สาระกับเขาเช่นนี
เวลาตอนบ่าย หยุนเจิงมาถึงยังสถานที่กักบริเวณเจียเหยาเจียเหยายังคงสงบนิ่ง มองดูแล้วไม่เห็นร่องรอยลนลานสักนิดก็เหมือนตอนที่หยุนเจิงกักบริเวณนางที่ซั่วฟาง“เจ้าตัดใจมาได้แล้ว?”เจียเหยามองหยุนเจิงด้วยความโมโห เหมือนกับลูกสะใภ้ที่ถูกเมินเฉยเผชิญกับสายตาของเจียเหยา หยุนเจิงอดไม่ได้ที่จะส่ายหน้าเจียเหยาเป็นผู้หญิงฉลาดแต่การกระทำของนางตอนนี้ช่างโง่นักนางยิ่งทำเช่นนี้ เขายิ่งไม่ไว้ใจนาง ยิ่งคิดอยากเอาชีวิตนาง“บอกมาเถอะ หาข้ามีเรื่องใด?”หยุนเจิงเดินเข้าไป นั่งอยู่ตรงข้ามเจียเหยา“เจ้าเป็นถึงจิ้งเป่ยอ๋อง ไม่จำเป็นต้องทำเรื่องคุมขังทูตของพวกเรากระมัง?”เจียเหยาจ้องหยุนเจิง “เจ้าคิดจะปล่อยกุ้ยโหยวและฟางหยุนซื่อเมื่อใด?”หยุนเจิงช้อนเปลือกตามองเล็กน้อย “เรื่องแค่นี้?”“เช่นนั้นเจ้าคิดว่าข้าหาเจ้าด้วยเรื่องใด?” เจียเหยาเลิกคิ้วหัวเราะ “หรือว่า เจ้าคิดว่าข้าจะคุยกับเจ้าเรื่องสายลม ดอกไม้ หิมะ พระจันทร์หรือ?”“หากเจ้าคิดจะสนทนา ข้าก็ไม่มีความเห็น”หยุนเจิงยักไหล่ “แต่ว่า เจ้าบอกว่าคุมขังทูตของพวกเจ้า นั่นไม่เป็นความจริงเลย! เดิมทีข้าเพียงคิดจะทำงานให้เสร็จก่อนค่อยต้อนรับพวกเขาเ
“เรื่องนี้ข้าเชื่อ”เจียเหยาไม่ได้รู้สึกหวาดกลัว ในทางกลับกันยังกล่าวด้วยความสนอกสนใจ “ก่อนหน้านี้ข้าขอให้เจ้าฆ่าข้า เจ้าก็ไม่ยอมฆ่าข้า เหตุใดตอนนี้จึงคิดอยากฆ่าข้าแล้ว?”หยุนเจิงกล่าวอย่างจริงใจ “เพราะเจ้าอดทนเก่งเกินไป”อดทนหรือ?เจียเหยายิ้มถากถางหากมีทางเลือก ใยนางต้องอดทน?“เทียบกับเจ้าแล้ว ข้าไม่กล้าบอกว่าข้าอดทนเก่ง! อย่างมากข้าก็แค่เลือกอย่างจนใจเท่านั้น”เจียเหยาจ้องมองหยุนเจิงด้วยสายตาแวววาว “คนอัจฉริยะเช่นเจ้า แต่ใช้เวลายี่สิบปีกลับถูกทำให้หลายเป็นคนไร้ประโยชน์ เจ้าคิดว่า ทั่วทั้งใต้หล้ายังจะมีผู้ใดอดทนได้มากกว่าเจ้าอีกหรือ?”เมื่อได้ฟังคำพูดของเจียเหยา หยุนเจิงอดไม่ได้ที่จะแอบหัวเราะข้าอดทนได้มากเลย!เช่นนั้นพวกพี่ชายก็เป็นแค่คนขี้ขลาดแล้ว!“ถึงเช่นไรพวกเราล้วนไม่ใช่คนดี แล้วก็ไม่ใช่คนโง่ จริงใจหน่อยเถอะ!”หยุนเจิงแนะนำด้วยความหวังดี “เอาล่ะ มากกว่านี้ข้าไม่พูดแล้ว! ไปเถอะ ข้าพาเจ้าไปพบพวกกุ้ยโหยว!”เจียเหยาเดินตามหลังหยุนเจิง มองแผ่นหลังหยุนเจิงด้วยความสับสนหยุนเจิงกลัวความอดทนของนางจริงหรือ?บางที ความจริงเขาอาจกลัวตกหลุมรักนาง?ทำให้หยุนเจิงตกหลุมรักนา
หยุนเจิงอยู่ที่ชายแดนกู้สามวัน จัดการเรื่องที่ควรจัดการเรื่องของเจียเหยา เขายังไม่ได้ตัดสินใจเขาสับสนอย่างหนัก ไม่อาจตัดสินใจได้ชั่วคราวสุดท้าย หยุนเจิงก็ไม่ได้รอจนจางซูและหมิงเย่ว์กลับมา ทำได้เพียงวางแผนพาเจียเหยาไปยังติ้งเป่ยก่อนการไปครั้งนี้ เป็นการตัดสินว่าควรปฏิบัติต่อเจียเหยาเช่นไรสองวันให้หลัง พวกเขามาถึงติ้งเป่ย“นึกไม่ถึง ครั้งแรกที่ข้ามาติ้งเป่ย จะมาในฐานะเชลยศึก”มองกำแพงติ้งเป่ยเบื้องหน้า เจียเหยาเผยรอยยิ้มถากถางตัวเองอย่างควบคุมไม่อยู่“เจ้าไม่ใช่เชลยศึก”หยุนเจิงยิ้มเรียบ “เจ้าสามารถเห็นตัวเองเป็นทูต”“ทูตหรือ?”เจียเหยาหัวเราะถากถางตัวเองอีกครั้ง จากนั้นก็หันไปมองหยุนเจิง “พาข้าไปดูมันเทศดินก่อน ได้หรือไม่?”“……”เมื่อได้ฟังคำพูดของเจียเหยา คนรอบกายหยุนเจิงพากันหมดคำพูดพวกเขาไม่รู้จริงๆ เจียเหยายึดติดกับมันเทศดินเหล่านั้นเพียงใดนางไม่ลืมมันเทศดินแม้แต่ชั่วเวลาเดียว!ถึงเช่นไรมันเทศดินเหล่านี้ก็ไม่ใช่ของพวกเขาแล้ว เหตุใดนางจึงยึดติดกับมันเทศเหล่านี้ไม่ปล่อยด้วยเล่า?“ช้าหน่อยค่อยไปเถอะ!”หยุนเจิงปฏิเสธเจียเหยา “ข้าเพิ่งมาถึงติ้งเป่ย มีอย่างที่ใดบ้
“ลูกเข้าใจพ่ะย่ะค่ะ!”หยุนลี่รีบรับคำสั่ง“จำไว้! ฮั่วเหวินจิ้งถูกนักฆ่าสังหาร ไม่ใช่ตายเพราะป่วย!”จักรพรรดิเหวินกล่าวเตือนหยุนลี่ด้วยใบหน้าเย็นชา ก่อนเสด็จออกจากจวนองค์รัชทายาทแม้จะนั่งอยู่ในเกี้ยวแล้ว แต่เพลิงโทสะของจักรพรรดิเหวินยังคงลุกโชนไม่มอดอย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความโกรธเกรี้ยวในพระทัย ก็ยังมีความรู้สึกซับซ้อนบางอย่างซ่อนอยู่เขารู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งไม่ใช่คนของหยุนเจิงหากสามารถเค้นเอาความจริงจากฮั่วเหวินจิ้งได้ จนรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง บางทีพระองค์เองอาจไม่รู้ว่าควรจัดการอย่างไรหากเป็นพระโอรสองค์ใดองค์หนึ่ง หรือแม้แต่นางสนมคนใดคนหนึ่งของพระองค์ พระองค์จะต้องลงพระอาญาสังหารพวกเขาด้วยพระองค์เองอย่างนั้นหรือ?หากเรื่องนี้ทำให้คนที่รอดพ้นจากเคราะห์ครั้งนี้ได้สำนึกและเลิกล้มความคิดที่จะก่อความวุ่นวาย นั่นก็คงเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับตัวการเบื้องหลังของฮั่วเหวินจิ้ง จักรพรรดิเหวินเองก็พอมีข้อสันนิษฐานอยู่ในพระทัยแต่เป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐาน พระองค์ยังไม่สามารถสรุปได้แน่ชัดยิ่งไปกว่านั้น คนที่พระองค์สงสัยมีอยู่หลายคน ทำให้ไม่อาจฟันธงได้ว่าเป็นผู้ใดกันแน่ดูเหมือ
ภายในพระราชวัง จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังตรวจสอบข่าวเร่งด่วนจากเมืองฝูโจวอย่างไรก็ตาม ทั้งสองเพียงกวาดตามองก็ขว้างเอกสารฉบับนั้นทิ้งด้วยความโกรธอย่าว่าแต่หยุนลี่เลย แม้แต่จักรพรรดิเหวินก็อดด่าหยุนเจิงในใจไม่ได้ลูกอกตัญญูผู้นี้ ชักจะเหลวไหลขึ้นทุกวันเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็กล้าใช้ชื่อข่าวเร่งด่วนทางทหารส่งมาถึงเมืองหลวงนี่เป็นครั้งที่สองแล้ว!ข่าวเร่งด่วนทางทหารถูกเขาใช้เป็นของเล่นไปแล้ว!คราวหน้า ถ้าเจอตัวเจ้าเด็กเหลือขอนั่น ข้าจะเตะมันให้กระอักสองทีแน่!“กราบทูลฝ่าบาท องค์รัชทายาทฝ่าบาท กองกำลังของกระหม่อมถูกลอบโจมตีโดยนักฆ่าที่ถนนเป่ยเจีย……”ขณะที่จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังเดือดดาลกับหยุนเจิง เฉียวเหยียนเซียนก็ส่งคนมาแจ้งข่าวนักฆ่าหลายสิบคนที่ร่วมมือกันสังหารฮั่วเหวินจิ้งและครอบครัว ถูกสังหารหรือถูกจับกุมเป็นส่วนใหญ่มีเพียงไม่กี่คนที่ฉวยโอกาสความชุลมุนหลบหนีไปได้ครั้งนี้ การวางแผนของพวกเขารัดกุมยิ่งนักหากไม่ใช่เพราะพลส่งสารข่าวเร่งด่วนโผล่มาขัดจังหวะ คงไม่มีทางที่นักฆ่าจะรอดไปได้เลยนอกจากนี้ พวกเขายังพบหน้าไม้ทรงอานุภาพจำนวนมากในที่เกิดเหตุเมื่อรายงานมาถ
ขณะที่เฉียวเหยียนเซียนนำกำลังคุมตัวนักโทษผ่านถนนเป่ยเจีย หน้าต่างบนหอคอยของอาคารสองหลังที่อยู่สองฟากถนนค่อยๆ เปิดออกเล็กน้อยหน้าไม้จำนวนมากถูกเล็งออกมาจากช่องหน้าต่างโดยไร้เสียง เพียงแค่รอให้กรงนักโทษเข้าสู่ระยะยิง พวกเขาก็จะลงมือทันทีขบวนคุ้มกันเข้าใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ เงาสองก็เตรียมพร้อมเช่นกันเขาไม่รู้ว่าฮั่วเหวินจิ้งมีความสำคัญต่อหยุนเจิงเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากอีกาดำมากขึ้น เขาจำเป็นต้องร่วมมือสังหารเหล่านักโทษเหล่านี้แต่เขาก็รู้ดีว่า หากลงมือแล้ว การจะหลบหนีออกจากเมืองหลวงไม่ใช่เรื่องง่ายแต่เขาต้องรอด!ส่วนหนึ่งเพราะเขาไม่ต้องการตาย อีกส่วนหนึ่งก็เพราะ หากเขารอด เขาจะมีโอกาสพบกับผู้ที่คอยสนับสนุนการหลบหนีของพวกเขาและบุคคลนี้ อาจเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดโปงผู้อยู่เบื้องหลังตัวจริง!เงาสองครุ่นคิดเงียบๆ พร้อมเหลือบมองหน้าไม้ในมือพวกเขาปลอมตัวเป็นพ่อค้าเพื่อแฝงตัวเข้าเมืองหลวง ย่อมไม่สามารถพกพาอาวุธเหล่านี้มาเองได้หน้าไม้เหล่านี้ถูกเตรียมไว้ล่วงหน้า ถูกซุกซ่อนไว้ที่เนินเขาเหมียวเอ่อร์ซานสิ่งเหล่านี้เป็นอาวุธของกองทัพ!แม้ทางราชสำนักจะควบคุมอาวุธประเภทนี
“ฝ่าบาท เงาสามแจ้งข่าวด่วน!”จิงหยางฟู่ เสิ่นควานถือจดหมายฉบับหนึ่ง รีบรุดเข้ามาด้วยท่าทีเร่งรีบเงาสาม?นี่เป็นหนึ่งในคนที่สามารถแทรกซึมเข้าไปในอีกาดำได้สำเร็จเงาสามส่งข่าวด่วนมา ดูท่าแล้ว อีกาดำคงจะลงมือแล้วแน่หากไม่มีอะไรผิดพลาด อีกาดำน่าจะต้องการสังหารฮั่วเหวินจิ้งเพื่อกำจัดภัยร้ายอย่างสิ้นซาก!หยุนเจิงครุ่นคิดไปพลาง รับจดหมายจากเสิ่นควานและเปิดออกดูเมื่อเห็นเนื้อหาในจดหมาย หยุนเจิงก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวข่าวที่เงาสามส่งมา ตรงกับที่เขาคาดการณ์ไว้ไม่มีผิดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวนำทัพมาด้วยตนเอง ต้องการฆ่าฮั่วเหวินจิ้งให้ได้!แม้แต่เงาสองก็ถูกเลือกให้เข้าร่วมภารกิจลอบสังหารครั้งนี้ตอนนี้ พวกเขาได้รับเพียงคำสั่งให้เตรียมพร้อม แต่ยังไม่รู้เวลาและสถานที่ลงมือที่แน่ชัดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวตั้งใจปกปิดข้อมูล ไม่ให้ผู้ใดซักถาม ใครที่ร่วมภารกิจก็แค่ทำตามคำสั่งในขณะลงมือเท่านั้นพวกเขากลัวว่าจะถูกสงสัย จึงไม่กล้าไต่ถามอะไรมากข่าวที่เงาสามส่งกลับมา สำหรับหยุนเจิงแล้ว ไม่ใช่ข่าวดีเลยเขายอมจ่ายเงินกว่าล้านตำลึงเพื่อให้ครอบครัวฮั่วเหวินจิ้งปลอดภัยและมาถึงมือเขาแต่ตอนนี
หญิงสาวนิ่งเงียบ ทำอย่างไรดี? นางเองก็อยากหาคนมาปรึกษา ว่าควรทำเช่นไรในสถานการณ์นี้ แต่เวลานี้… เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดสามารถให้คำตอบแก่นางได้ ไม่นึกเลยว่า… แผนการที่นางวางมาอย่างรอบคอบมายาวนาน กลับจะพังทลายลงในมือของหยุนลี่! เฮ้อ! นางทอดถอนใจยาวในใจ แต่ในดวงตากลับปรากฏประกายเย็นยะเยือก "ไม่ว่าอย่างไร… ฮั่วเหวินจิ้งต้องไม่มีชีวิตรอดไปถึงมือหยุนเจิง! หากไร้ซึ่งความกังวลเรื่องครอบครัว ฮั่วเหวินจิ้งจะต้องเปิดโปงเราทั้งหมดแน่!" นางรู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งกำลังกังวลสิ่งใด สิ่งที่ฮั่วเหวินจิ้งกังวลที่สุดในตอนนี้ คือความปลอดภัยของครอบครัว เขาจึงไม่กล้าเปิดโปงนางออกไป แต่หากครอบครัวของฮั่วเหวินจิ้งถูกส่งไปถึงมือหยุนเจิงอย่างปลอดภัย เช่นนั้น เขาย่อมไม่มีเหตุผลใดให้ปิดปากอีกต่อไป! ระหว่างหยุนลี่กับหยุนเจิง นางเกรงกลัวหยุนเจิงมากกว่า เพราะหยุนเจิงคือผู้กุมอำนาจกองทัพ… หากหยุนเจิงรู้ว่า ผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้คือตัวนางเอง เช่นนั้น… นางคงหนีไม่พ้นความตาย! ไม่ใช่แค่หยุนเจิง… แม้แต่หยุนลี่ หรือแม้กระทั่งองค์จักรพรรดิ… ก็คงไม่ปล่อยนางไปเช่นกัน! เมื่อได้ยินเช่
สองวันต่อมา หยุนลี่ได้รับจดหมายตอบกลับจากหยุนเจิง เมื่อมองเนื้อหาในจดหมาย หยุนลี่แทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง เขาถึงกับขยี้ตาหลายรอบ กลัวว่าตัวเองจะมองผิดไป ตกลงแล้ว! เจ้าหกสุนัขชั่วนั่นตอบตกลงจริงๆ! หยุนเจิงยอมจ่ายเงิน หนึ่งล้านสองแสนตำลึง พร้อมกับส่งตัวหยางหุยโจว เพื่อแลกกับอิสรภาพของฮั่วเหวินจิ้งและครอบครัวทั้งสิบสามชีวิต ท้ายจดหมาย หยุนเจิงยังกล่าวข่มขู่ หากครอบครัวฮั่วเหวินจิ้งมีอันเป็นไป อย่าได้โทษว่าเขาไม่ไว้หน้า! "ฮ่าๆๆ!" เมื่อแน่ใจว่าตัวเองไม่ได้อ่านผิดไป หยุนลี่ถึงกับหัวเราะลั่น หนึ่งล้านสองแสนตำลึง แม้จะยังไม่เทียบเท่ากับจำนวนเงินที่เขาเคยถูกหยุนเจิงโกงไป แต่หนึ่งล้านสองแสนตำลึงก็เป็นเงินจำนวนไม่น้อย สำหรับเขาแล้ว นี่มีความหมายไม่น้อยนี่เป็นครั้งแรกที่เขาสามารถหลอกเอาเงินจากหยุนเจิงได้! และครั้งแรกนี้ก็เล่นไปถึง หนึ่งล้านสองแสนตำลึง! จะไม่ให้เขาดีใจได้อย่างไร!? ปากของฮั่วเหวินจิ้งแข็งเกินไป หากฆ่าฮั่วเหวินจิ้งทิ้งเพียงเพราะความโกรธ ก็มีแต่เสียเปล่า แต่ถ้าใช้เขามารีดเงินจากเจ้าหกได้… ไม่ใช่ว่าเป็นประโยชน์กว่าหรือ!? คิดไม่ถึงว่า มันสำเร
เมื่อหยุนเจิงกล่าวจบ ก็เล่าถึงข้อสันนิษฐานของตนให้เสิ่นควานฟัง นอกจากเหตุผลนี้แล้ว เขาก็นึกไม่ออกถึงสาเหตุอื่นเลย หยุนลี่คงไม่ถึงกับยากจนขนาดจับใครมาเรียกค่าไถ่จากเขาโดยไม่มีเหตุผลหรอกใช่ไหม? หากมีสิ่งผิดปกติ ย่อมต้องมีเงื่อนงำซ่อนอยู่! เมื่อได้ฟังคำพูดของหยุนเจิง เสิ่นควานก็อดไม่ได้ที่จะครุ่นคิด ว่ากันตามตรง ข้อสันนิษฐานของฝ่าบาทก็มีความเป็นไปได้อยู่มาก ฝ่าบาทจับตัวคนของหยุนลี่ แล้วเรียกค่าไถ่ หยุนลี่ก็ทำตามแบบเดียวกัน จับตัวคนที่เขาคิดว่าเป็นสายของฝ่าบาท แล้วเรียกค่าไถ่บ้าง? หรือว่านี่จะเป็นการใช้วิธีของศัตรูมาตอบโต้ศัตรูแบบที่ฝ่าบาทเคยพูดสินะ? “กราบทูลฝ่าบาท แม่ทัพอวี่ชื่อจงส่งสาสน์เร่งด่วนมา!” ในขณะนั้นเอง กองทหารองครักษ์นายหนึ่งวิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อน พร้อมถือจดหมายฉบับหนึ่งไว้ในมือ สาสน์ด่วนจากอวี่ชื่อจง? หรือว่าเจ้าสามคิดลงมือแล้ว!? เจ้าสามคงไม่บ้าถึงขั้นเปิดศึกในเวลานี้หรอกกระมัง? “นำมานี่!” หยุนเจิงรีบให้เสิ่นควานรับจดหมายมา เมื่อได้รับจดหมายจากเสิ่นควาน หยุนเจิงก็เปิดอ่านอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อเห็นเนื้อหาในจดหมาย สีหน้าของเขากลั
อุทยานบุปผาหลวง หลังจากการประชุมเช้าเสร็จสิ้น จักรพรรดิเหวินรับสั่งให้คนไปแจ้งหยุนลี่ ให้มาเดินเล่นเป็นเพื่อน บิดาและบุตรก้าวเดินไปข้างหน้า ขณะที่มู่ชุ่นและขุนนางติดตามคนอื่นๆ จงใจเว้นระยะห่างออกไป "ฮั่วเหวินจิ้งยังไม่ยอมเปิดปากรึ?" จักรพรรดิเหวินทรงไขว้พระหัตถ์ไว้เบื้องหลัง ตรัสถามด้วยพระพักตร์เคร่งขรึม "ยังพ่ะย่ะค่ะ" หยุนลี่ส่ายศีรษะเบาๆ "ฮั่วเหวินจิ้งไม่กลัวทั้งไม้อ่อนและไม้แข็ง ยืนกรานไม่ยอมเปิดเผยรายชื่อพรรคพวก" จักรพรรดิเหวินตรัส "ในเมื่อฮั่วเหวินจิ้งไม่ยอมพูด เช่นนั้นก็เปลี่ยนวิธีเถิด!" เปลี่ยนวิธี? หยุนลี่มองจักรพรรดิเหวินด้วยความฉงน "เสด็จพ่อทรงมีแผนใด?" "แผนการวิเศษอะไรนั้นไม่มี มีแค่แผนโง่ๆ แผนหนึ่ง" จักรพรรดิเหวินแย้มสรวล "เจ้าหกไม่เคยเล่นงานเจ้ารึ? เช่นนั้นเจ้าก็เอาฮั่วเหวินจิ้งมาเล่นงานเขาบ้างสิ! ให้เขานำเงินมาไถ่ตัวฮั่วเหวินจิ้งและครอบครัวของเขา!" อืม? หยุนลี่ได้ฟังคำพูดของจักรพรรดิเหวินเช่นนั้น พลันเกิดประกายความคิด สามารถทำเช่นนี้ได้ด้วยรึ? "แผนนี้ของเสด็จพ่อแยบยลยิ่ง!" หยุนลี่รีบกล่าวคำเยินยอจักรพรรดิเวหิน ก่อนจะมีท่าทีล
"ข้าให้ความไว้วางใจเจ้าไม่น้อย แต่เจ้าเอาความภักดีไปให้สุนัขกินแล้วหรือ?" "ข้าทำผิดอะไรกับเจ้าหรือ?" ยิ่งพูดยิ่งโกรธ หยุนลี่กระทืบฮั่วเหวินจิ้งซ้ำอีกหลายครั้ง หากไม่ใช่เพราะต้องการเก็บชีวิตของมันไว้เพื่อรีดข้อมูล เขาคงสั่งให้จับมันไปประหารเจ็ดชั่วโคตรไปแล้ว! "แค่กๆ..." ฮั่วเหวินจิ้งถูกเตะซ้ำๆ จนกระอักเลือดออกมาเป็นสาย หยุนลี่พยายามข่มอารมณ์ไม่ให้เผลอฆ่ามันซะก่อน ตะคอกเสียงดัง "บอกมา! ยังมีพวกของเจ้ากี่คน!?" ฮั่วเหวินจิ้งนอนตัวสั่นอยู่บนพื้น แววตาเจ็บปวด "กระหม่อม...ไม่รู้จริงๆ... แค่กๆ..." กล่าวจบฮั่วเหวินจิ้งก็สำลักเลือดออกมาอีก "ไม่รู้? คิดว่าข้าเป็นคนโง่หรือไง!?" หยุนลี่มองฮั่วเหวินจิ้งด้วยสายตาเย็นชา "ข้ากำลังให้โอกาสเจ้า หากเจ้ายังไม่เห็นค่าของมัน ข้าไม่เพียงจะทำให้เจ้าอยู่ก็ไม่ได้ ตายก็ไม่ได้ แต่จะส่งคนไปสังหารทั้งตระกูลเจ้าให้สิ้นซาก!" น้ำเสียงของหยุนลี่เย็นเยียบดุจน้ำแข็ง เขาต้องรีดเอาข้อมูลออกมาให้ได้! ต้องรู้ให้แน่ชัดว่าข้างกายเขายังมีคนของเจ้าหกแฝงตัวอยู่อีกหรือไม่! "กระหม่อมไม่รู้จริงๆ!" ฮั่วเหวินจิ้งส่งเสียงคร่ำครวญ "ต่อให้ฝ่าบาทสั