พูดไม่สู้ลงมือทำ ถึงเช่นไรที่นี่ก็มีถ่านเลนอยู่ หยุนเจิงสั่งคนบดถ่านเลนมาเล็กน้อย กรองเอาจำนวนที่ค่อนข้างละเอียดออกมา จากนั้นก็ลงมือด้วยตัวเอง ผสมกับดินตรงนั้น ปากก็ร้องไม่หยุด “ยอดเพียงใด ตอนนี้ข้ากำลังเล่นโคลนอยู่ที่ซั่วเป่ย...”“องค์ชาย ท่านกำลังร้องเพลงใด?”จางซูถามด้วยความสงสัย“ไม่มีสิ่งใด”หยุนเจิงหัวเราะ “ก็แค่ฮัมเพลงไปเรื่อยเท่านั้น...”จางซูเมื่อได้ยิน ก็ไม่ถามสิ่งใดมากมาย เรียนการเล่นโคลนกับหยุนเจิงทั้งสองคนกำลังเล่นกันอย่างมีความสุข เมี่ยวอินและหมิงเย่ว์มองหน้ากันแล้วหัวเราะ“ศิษย์พี่ องค์ชายเรียกสิ่งเหล่านี้มาจากที่ใด?”หมิงเย่ว์กระซิบถามเมี่ยวอิน“ข้าจะรู้ได้เช่นไร?”เมี่ยวอินส่ายหน้าหัวเราะ “ถึงเช่นไรเรื่องที่พวกเราไม่รู้ เขาต่างบอกว่านี่เป็นสิ่งที่อ่านมาจากตำราโบราณนั่น ตอนนี้พวกเราขี้เกียจถามแล้ว ก็ทำเป็นคิดซะว่าเอาอ่านมาจากตำราโบราณนั่นแล้วกัน!”สำหรับตำราโบราณที่หยุนเจิงกล่าวถึง เมี่ยวอินสงสัยมาตลอดแต่ว่า เดิมทีนางก็เหมือนเป็นคนคนเดียวกับหยุนเจิง ไม่จำเป็นต้องค้นหาว่าเป็นเรื่องจริงหรือโกหกนางรู้เพียงง หยุนเจิงเป็นผู้ชายของนาง ไม่ทำร้ายนาง นี่ก็เพียง
“ไม่มีปัญหา!” จางซูหัวเราะเจ้าเล่ห์ “ถึงเช่นไรการรบครั้งนี้ก็จบลงแล้ว วันข้างหน้าพวกเรามีเวลาดื่มเหล้า”“มันก็จริง!”หยุนเจิงหัวเราะควรพักผ่อนได้แล้วเขาข้ามเวลามาเช่นนี้ ไม่ใช่มาเพื่อปกป้องโลกเสียหน่อยควรเสพสุขกับชีวิตได้แล้ว!ข้าต้องการลุ่มหลงมัวเมาและเสพสำราญ!หยุนเจิงตะโกนร้องในใจสนทนากับจางซูและหมิงเย่ว์สักพัก พวกหยุนเจิงเดินทางจากไปก่อน“เจ้าบอกองค์ชายเรื่องนั้นหรือยัง?”มองดูพวกหยุนเจิงจากไปแล้ว หมิงเย่ว์จึงถามจางซูจางซูส่ายหน้าหัวเราะแห้ง “มิฉะนั้น เจ้าไปบอกกับศิษย์พี่เจ้าเถอะ ให้ศิษย์พี่เจ้าช่วยข้า…”“น้อยๆ หน่อย!”หมิงเย่ว์ดับความคิดของจางซู “เป็นเจ้าที่คุยโวโอ้อวดแท้ๆ ข้าไม่ตามเช็ดก้นให้เจ้าหรอก! อีกอย่าง เจ้าพูดก็พูดเถอะ ต่อให้องค์ชายไม่เห็นด้วย เขายังจะเฆี่ยนตีเจ้าได้หรือ?”“ข้าไม่กลัวเรื่องนี้” จางซูใบหน้าทุกข์ทน “ข้าเกรงใจไม่กล้าเปิดปากแล้ว…”“ก็แค่เรื่องเดียว มีสิ่งใดต้องเกรงใจ?” หมิงเย่ว์จนใจ “เจ้าบอกไปตามความจริง อย่างมากก็แค่ถูกตำหนิสักรอบ! ใครใช้ให้เจ้าคุยโวโอ้อวดกับคนอื่นเล่า?”“ข้า…”จางซูอ้าปากเล็กน้อย ทันใดนั้นก็กล่าวสิ่งใดไม่ออกแล้วความจร
“ยังยุ่งอยู่หรือ?”เมี่ยวอินเดินมาถึงข้างกายหยุนเจิง “เหล่าแม่ทัพที่ชายแดนกู้เหล่านั้นโวยวายจะจัดงานฉลองให้เจ้า! พวกเขาไม่กล้ารบกวนคนงานรัดตัวอย่างเจ้า เลยวานให้ข้ามาถามเจ้า”หยุนเจิงงานยุ่งมากกลับถึงชายแดนกู้ก็เริ่มทำงานเลยเห็นหยุนเจิงยุ่งเพียงนี้ นางเองก็ช่วยเหลือไม่ได้ เมี่ยวอินรู้สึกผิดในใจเช่นกันนางไม่ใช่เยี่ยจื่อ เรื่องการปกครองภายในเหล่านั้น นางช่วยหยุนเจิงไม่ได้จริงๆเรื่องนี้ นางและเสิ่นลั่วเยี่ยนเหมือนกันมาก แค่เห็นความซับซ้อนในการปกครองภายในก็ปวดหัวแล้ว“ฉลองเอาไว้ก่อนเถอะ”หยุนเจิงส่ายหน้า “ไม่ใช่ผลงานข้าเพียงคนเดียวเสียหน่อย รอให้คนกลับมาแล้วค่อยว่ากันเถอะ! จริงด้วย พวกอวี๋ซื่อจงทางนั้นส่งข่าวมาหรือยัง? พวกเขากับขบวนคุ้มกันนักโทษรวมตัวกันหรือยัง?”“ตอนนี้ยังไม่มีข่าว”เมี่ยวอินส่ายหน้าเบาๆ จากนั้นก็ยิ้มกล่าว “พวกเขาน่าจะไม่รวมตัวกันเร็วเพียงนั้น ฝนเหล่านี้ บนทุ่งหญ้าเปียกแฉะไปทุกที่ พวกเขาคุ้มกันเสบียงอาหาร ไม่อาจเดินทางได้เร็วนัก”“ก็จริง”หยุนเจิงรู้สึกปวดเมื่อยขมับ จากนั้นก็ถาม “เจียเหยาอารมณ์เป็นเช่นไร?”“นางจะมีอารมณ์ใดได้!”เมี่ยวอินเม้มปาก กล่าวหยอก
“ดีเลย!”เมี่ยวอินยิ้มพราวเสน่ห์ จากนั้นก็กล่าวอย่างออดอ้อน “เจ้าคิดว่าข้าเป็นหญิงสาววัยแรกรุ่นหรือ?”กล่าวจบ เมี่ยวอินถอดเสื้อออกอย่างใจกว้างมองดูปีศาจเย้ายวนเช่นนี้ หยุนเจิงเกิดไฟราคะภายในใจอย่างควบคุมไม่อยู่ไม่นาน เมี่ยวอินถอนเสื้อผ้าจนหมด เผชิญหน้ากับสายตารุ่มร้อนของหยุนเจิงเดินลงไปในถังน้ำเมี่ยวอินเพิ่งเดินเข้ามา ก็ถูกหยุนเจิงอุ้มเอาไว้อย่าเห็นเมี่ยวอินอยู่ข้างกายเขาตลอด แต่ตอนที่เคลื่อนทัพทำสงคราม พวกเขาไม่อาจใกล้ชิดกันได้!หยุนเจิงเหมือนถือกระบอกน้ำพุในทะเลทรายมานานแล้ว“ใจร้อนสิ่งใดเล่า!”เมี่ยวอินตบหน้าอกหยุนเจิง กล่าวตำหนิ “ข้าช่วยเจ้าอาบน้ำก่อน”กล่าวจบ เมี่ยวอินเดินลงถังไม้อย่างใจกล้าตอนที่นางช่วยหยุนเจิงอาบน้ำ มือร้ายทั้งสองข้างของหยุนเจิงอยู่ไม่สุขเลยเมี่ยวอินตบตีหยุนเจิงอย่างตำหนิอยู่หลายครั้ง สายตาตกไปอยู่ที่รอยแผลบนแผ่นหลังของหยุนเจิงนี่เป็นรอยแผลที่เหลือไว้จากการต่อสู้กับฮูเจี๋ยปากแผลปิดสนิทแล้ว แต่รอยแผลเป็นยังอยู่รอยแผลเป็นประมาณสามนิ้ว แม้ไม่นับว่าน่ากลัวมาก แต่ในสายตาเที่ยวอิน ก็ยังคงรู้สึกปวดใจอยู่ดี“เป่ยหวนยอมจำนนแล้ว ต่อไปคงไม่มีสงคราม
ตอนเช้า ตอนที่หยุนเจิงตื่น เมี่ยวอินกำลังนอนหลับฝันทั้งสองคนต่างแห้งแล้งมานาน เมื่อคืนพลอดรักกันหลายต่อหลายครั้ง ทรมานกันจนพอใจมองดูเมี่ยวอินที่หน้าแดงอยู่หลายส่วน หยุนเจิงอดไม่ได้ที่จะทอดถอนใจนี่สิถึงจะเรียกว่าชีวิต!เมื่อคิดได้เช่นนี้ หยุนเจิงโอบเอวเมี่ยวอินกอดด้วยความอบอุ่น คิดจะมัวเมาอยูในความอบอุ่นต่อไป“ทำกันทั้งคืนแล้ว ยังทรมานไม่พอหรือ?”เมี่ยวอินหันหน้ามา มองหยุนเจิงด้วยสายตาเต็ไปด้วยน้ำแห่งฤดูใบไม้ผลิ“เจ้าตื่นแล้วหรือ?”หยุนเจิงยิ้มเล็กน้อย แต่กอดเมี่ยวอินแน่นขึ้น“ข้าตื่นนานแล้ว”เมี่ยวอินหัวเราะ “ข้าเห็นเจ้ายังไม่ตื่น กลัวจะทำเจ้าตื่น ข้ากำลังหลับตาพักผ่อนจิตใจ! เจ้าดูสิ ข้าตื่นก่อนเจ้า เมื่อคืนควรเป็นข้าที่ชนะ”กล่าวจบ เที่ยวอินกระพริบตาพราวเสน่ห์“เจ้ากำลังท้าทายช้าหรือ?”หยุนเจิงตัวสั่น “ดูเหมือน ข้ายังต้องสั่งสอนดีๆ สักหน่อยแล้ว!”“เลิกเล่นได้แล้ว!”เมี่ยวอินใบหน้าบึ้งตึง หยิกหยุนเจิงเบาๆ “รีบลุกขึ้นมากินข้างเช้าได้แล้ว”ปากเมี่ยวอินบอกหยุนเจิงหยุดก่อเรื่อง แต่หน้าตานั้นทำราวกับกำลังกระซิบอยู่ข้างหูหยุนเจิง มาสิ เร็วเข้า…ว่ะฮ่ะๆ!นังปีศาจ!หยุนเจ
ครั้งนี้ เมี่ยวอินไม่ได้ปฏิเสธอีก เพียงแค่หยอกล้อเรื่องตลกอย่างควบคุมไม่อยู่ “หากคนไม่รู้ คงคิดว่าเจ้าเอาแต่ทำสงครามเพื่อชิงสถานะให้ผู้หญิงของตน...”“ข้ากำลังช่วยเสด็จพ่อแบ่งเบาความทุกข์ยาก” หยุนเจิงหัวเราะตอนที่ทั้งสองคนกำลังรักใคร่ลึกซึ้งกัน จู่ๆ ด้านนอกก็มีเสียงเคาะประตู“องค์ชาย ทหารยามเฝ้าองค์หญิงเจียเหยาส่งข่าวมา องค์หญิงเจียเหยาโวยวายต้องการพบท่าน”เสียงเกาเหอลอยมาจากนอกประตู“เจียเหยา?”หยุนเจิงขมวดคิ้วเล็กน้อย “ให้คนไปบอกนาง ข้าไม่ว่าง! มีเรื่องใด รอข้าว่างก่อนค่อยว่ากัน!”“ขอรับ!”เกาเหอจากไปไร้สุ่มไร้เสียง“เจ้าไปดูก่อนเถอะ”เมี่ยวอินลุกขึ้นนั่ง “ดีไม่ดี นางอาจมีเรื่องสำคัญ?”เมี่ยวอินพูดไปสวมเสื้อผ้าไปหยุนเจิงส่ายหน้า “เล่ห์เหลี่ยมเจียเหยามีมากมาย ปล่อยนางไว้สองสามวันก่อนค่อยว่ากัน!”ระหว่างที่พูด สายตาของหยุนเจิงทอดมองเมี่ยวอินที่เพิ่งสวมเสื้อซับในเผชิญกับสายตาหยุนเจิง เมี่ยวอินโมโห “เจ้ามันเป็นหมาป่าหิวกระหายไม่รู้จักอิ่ม?”เจ้าหมอนี่!ทำไปไม่รู้กี่รอบแล้ว?อย่างกับหมาป่าหิวโหยไม่กลัวทำให้ร่างกายทรุดโทรมหรืออื้ม ต่อไปห้ามทำเรื่องไร้สาระกับเขาเช่นนี
เวลาตอนบ่าย หยุนเจิงมาถึงยังสถานที่กักบริเวณเจียเหยาเจียเหยายังคงสงบนิ่ง มองดูแล้วไม่เห็นร่องรอยลนลานสักนิดก็เหมือนตอนที่หยุนเจิงกักบริเวณนางที่ซั่วฟาง“เจ้าตัดใจมาได้แล้ว?”เจียเหยามองหยุนเจิงด้วยความโมโห เหมือนกับลูกสะใภ้ที่ถูกเมินเฉยเผชิญกับสายตาของเจียเหยา หยุนเจิงอดไม่ได้ที่จะส่ายหน้าเจียเหยาเป็นผู้หญิงฉลาดแต่การกระทำของนางตอนนี้ช่างโง่นักนางยิ่งทำเช่นนี้ เขายิ่งไม่ไว้ใจนาง ยิ่งคิดอยากเอาชีวิตนาง“บอกมาเถอะ หาข้ามีเรื่องใด?”หยุนเจิงเดินเข้าไป นั่งอยู่ตรงข้ามเจียเหยา“เจ้าเป็นถึงจิ้งเป่ยอ๋อง ไม่จำเป็นต้องทำเรื่องคุมขังทูตของพวกเรากระมัง?”เจียเหยาจ้องหยุนเจิง “เจ้าคิดจะปล่อยกุ้ยโหยวและฟางหยุนซื่อเมื่อใด?”หยุนเจิงช้อนเปลือกตามองเล็กน้อย “เรื่องแค่นี้?”“เช่นนั้นเจ้าคิดว่าข้าหาเจ้าด้วยเรื่องใด?” เจียเหยาเลิกคิ้วหัวเราะ “หรือว่า เจ้าคิดว่าข้าจะคุยกับเจ้าเรื่องสายลม ดอกไม้ หิมะ พระจันทร์หรือ?”“หากเจ้าคิดจะสนทนา ข้าก็ไม่มีความเห็น”หยุนเจิงยักไหล่ “แต่ว่า เจ้าบอกว่าคุมขังทูตของพวกเจ้า นั่นไม่เป็นความจริงเลย! เดิมทีข้าเพียงคิดจะทำงานให้เสร็จก่อนค่อยต้อนรับพวกเขาเ
“เรื่องนี้ข้าเชื่อ”เจียเหยาไม่ได้รู้สึกหวาดกลัว ในทางกลับกันยังกล่าวด้วยความสนอกสนใจ “ก่อนหน้านี้ข้าขอให้เจ้าฆ่าข้า เจ้าก็ไม่ยอมฆ่าข้า เหตุใดตอนนี้จึงคิดอยากฆ่าข้าแล้ว?”หยุนเจิงกล่าวอย่างจริงใจ “เพราะเจ้าอดทนเก่งเกินไป”อดทนหรือ?เจียเหยายิ้มถากถางหากมีทางเลือก ใยนางต้องอดทน?“เทียบกับเจ้าแล้ว ข้าไม่กล้าบอกว่าข้าอดทนเก่ง! อย่างมากข้าก็แค่เลือกอย่างจนใจเท่านั้น”เจียเหยาจ้องมองหยุนเจิงด้วยสายตาแวววาว “คนอัจฉริยะเช่นเจ้า แต่ใช้เวลายี่สิบปีกลับถูกทำให้หลายเป็นคนไร้ประโยชน์ เจ้าคิดว่า ทั่วทั้งใต้หล้ายังจะมีผู้ใดอดทนได้มากกว่าเจ้าอีกหรือ?”เมื่อได้ฟังคำพูดของเจียเหยา หยุนเจิงอดไม่ได้ที่จะแอบหัวเราะข้าอดทนได้มากเลย!เช่นนั้นพวกพี่ชายก็เป็นแค่คนขี้ขลาดแล้ว!“ถึงเช่นไรพวกเราล้วนไม่ใช่คนดี แล้วก็ไม่ใช่คนโง่ จริงใจหน่อยเถอะ!”หยุนเจิงแนะนำด้วยความหวังดี “เอาล่ะ มากกว่านี้ข้าไม่พูดแล้ว! ไปเถอะ ข้าพาเจ้าไปพบพวกกุ้ยโหยว!”เจียเหยาเดินตามหลังหยุนเจิง มองแผ่นหลังหยุนเจิงด้วยความสับสนหยุนเจิงกลัวความอดทนของนางจริงหรือ?บางที ความจริงเขาอาจกลัวตกหลุมรักนาง?ทำให้หยุนเจิงตกหลุมรักนา