ตอนเช้า ตอนที่หยุนเจิงตื่น เมี่ยวอินกำลังนอนหลับฝันทั้งสองคนต่างแห้งแล้งมานาน เมื่อคืนพลอดรักกันหลายต่อหลายครั้ง ทรมานกันจนพอใจมองดูเมี่ยวอินที่หน้าแดงอยู่หลายส่วน หยุนเจิงอดไม่ได้ที่จะทอดถอนใจนี่สิถึงจะเรียกว่าชีวิต!เมื่อคิดได้เช่นนี้ หยุนเจิงโอบเอวเมี่ยวอินกอดด้วยความอบอุ่น คิดจะมัวเมาอยูในความอบอุ่นต่อไป“ทำกันทั้งคืนแล้ว ยังทรมานไม่พอหรือ?”เมี่ยวอินหันหน้ามา มองหยุนเจิงด้วยสายตาเต็ไปด้วยน้ำแห่งฤดูใบไม้ผลิ“เจ้าตื่นแล้วหรือ?”หยุนเจิงยิ้มเล็กน้อย แต่กอดเมี่ยวอินแน่นขึ้น“ข้าตื่นนานแล้ว”เมี่ยวอินหัวเราะ “ข้าเห็นเจ้ายังไม่ตื่น กลัวจะทำเจ้าตื่น ข้ากำลังหลับตาพักผ่อนจิตใจ! เจ้าดูสิ ข้าตื่นก่อนเจ้า เมื่อคืนควรเป็นข้าที่ชนะ”กล่าวจบ เที่ยวอินกระพริบตาพราวเสน่ห์“เจ้ากำลังท้าทายช้าหรือ?”หยุนเจิงตัวสั่น “ดูเหมือน ข้ายังต้องสั่งสอนดีๆ สักหน่อยแล้ว!”“เลิกเล่นได้แล้ว!”เมี่ยวอินใบหน้าบึ้งตึง หยิกหยุนเจิงเบาๆ “รีบลุกขึ้นมากินข้างเช้าได้แล้ว”ปากเมี่ยวอินบอกหยุนเจิงหยุดก่อเรื่อง แต่หน้าตานั้นทำราวกับกำลังกระซิบอยู่ข้างหูหยุนเจิง มาสิ เร็วเข้า…ว่ะฮ่ะๆ!นังปีศาจ!หยุนเจ
ครั้งนี้ เมี่ยวอินไม่ได้ปฏิเสธอีก เพียงแค่หยอกล้อเรื่องตลกอย่างควบคุมไม่อยู่ “หากคนไม่รู้ คงคิดว่าเจ้าเอาแต่ทำสงครามเพื่อชิงสถานะให้ผู้หญิงของตน...”“ข้ากำลังช่วยเสด็จพ่อแบ่งเบาความทุกข์ยาก” หยุนเจิงหัวเราะตอนที่ทั้งสองคนกำลังรักใคร่ลึกซึ้งกัน จู่ๆ ด้านนอกก็มีเสียงเคาะประตู“องค์ชาย ทหารยามเฝ้าองค์หญิงเจียเหยาส่งข่าวมา องค์หญิงเจียเหยาโวยวายต้องการพบท่าน”เสียงเกาเหอลอยมาจากนอกประตู“เจียเหยา?”หยุนเจิงขมวดคิ้วเล็กน้อย “ให้คนไปบอกนาง ข้าไม่ว่าง! มีเรื่องใด รอข้าว่างก่อนค่อยว่ากัน!”“ขอรับ!”เกาเหอจากไปไร้สุ่มไร้เสียง“เจ้าไปดูก่อนเถอะ”เมี่ยวอินลุกขึ้นนั่ง “ดีไม่ดี นางอาจมีเรื่องสำคัญ?”เมี่ยวอินพูดไปสวมเสื้อผ้าไปหยุนเจิงส่ายหน้า “เล่ห์เหลี่ยมเจียเหยามีมากมาย ปล่อยนางไว้สองสามวันก่อนค่อยว่ากัน!”ระหว่างที่พูด สายตาของหยุนเจิงทอดมองเมี่ยวอินที่เพิ่งสวมเสื้อซับในเผชิญกับสายตาหยุนเจิง เมี่ยวอินโมโห “เจ้ามันเป็นหมาป่าหิวกระหายไม่รู้จักอิ่ม?”เจ้าหมอนี่!ทำไปไม่รู้กี่รอบแล้ว?อย่างกับหมาป่าหิวโหยไม่กลัวทำให้ร่างกายทรุดโทรมหรืออื้ม ต่อไปห้ามทำเรื่องไร้สาระกับเขาเช่นนี
เวลาตอนบ่าย หยุนเจิงมาถึงยังสถานที่กักบริเวณเจียเหยาเจียเหยายังคงสงบนิ่ง มองดูแล้วไม่เห็นร่องรอยลนลานสักนิดก็เหมือนตอนที่หยุนเจิงกักบริเวณนางที่ซั่วฟาง“เจ้าตัดใจมาได้แล้ว?”เจียเหยามองหยุนเจิงด้วยความโมโห เหมือนกับลูกสะใภ้ที่ถูกเมินเฉยเผชิญกับสายตาของเจียเหยา หยุนเจิงอดไม่ได้ที่จะส่ายหน้าเจียเหยาเป็นผู้หญิงฉลาดแต่การกระทำของนางตอนนี้ช่างโง่นักนางยิ่งทำเช่นนี้ เขายิ่งไม่ไว้ใจนาง ยิ่งคิดอยากเอาชีวิตนาง“บอกมาเถอะ หาข้ามีเรื่องใด?”หยุนเจิงเดินเข้าไป นั่งอยู่ตรงข้ามเจียเหยา“เจ้าเป็นถึงจิ้งเป่ยอ๋อง ไม่จำเป็นต้องทำเรื่องคุมขังทูตของพวกเรากระมัง?”เจียเหยาจ้องหยุนเจิง “เจ้าคิดจะปล่อยกุ้ยโหยวและฟางหยุนซื่อเมื่อใด?”หยุนเจิงช้อนเปลือกตามองเล็กน้อย “เรื่องแค่นี้?”“เช่นนั้นเจ้าคิดว่าข้าหาเจ้าด้วยเรื่องใด?” เจียเหยาเลิกคิ้วหัวเราะ “หรือว่า เจ้าคิดว่าข้าจะคุยกับเจ้าเรื่องสายลม ดอกไม้ หิมะ พระจันทร์หรือ?”“หากเจ้าคิดจะสนทนา ข้าก็ไม่มีความเห็น”หยุนเจิงยักไหล่ “แต่ว่า เจ้าบอกว่าคุมขังทูตของพวกเจ้า นั่นไม่เป็นความจริงเลย! เดิมทีข้าเพียงคิดจะทำงานให้เสร็จก่อนค่อยต้อนรับพวกเขาเ
“เรื่องนี้ข้าเชื่อ”เจียเหยาไม่ได้รู้สึกหวาดกลัว ในทางกลับกันยังกล่าวด้วยความสนอกสนใจ “ก่อนหน้านี้ข้าขอให้เจ้าฆ่าข้า เจ้าก็ไม่ยอมฆ่าข้า เหตุใดตอนนี้จึงคิดอยากฆ่าข้าแล้ว?”หยุนเจิงกล่าวอย่างจริงใจ “เพราะเจ้าอดทนเก่งเกินไป”อดทนหรือ?เจียเหยายิ้มถากถางหากมีทางเลือก ใยนางต้องอดทน?“เทียบกับเจ้าแล้ว ข้าไม่กล้าบอกว่าข้าอดทนเก่ง! อย่างมากข้าก็แค่เลือกอย่างจนใจเท่านั้น”เจียเหยาจ้องมองหยุนเจิงด้วยสายตาแวววาว “คนอัจฉริยะเช่นเจ้า แต่ใช้เวลายี่สิบปีกลับถูกทำให้หลายเป็นคนไร้ประโยชน์ เจ้าคิดว่า ทั่วทั้งใต้หล้ายังจะมีผู้ใดอดทนได้มากกว่าเจ้าอีกหรือ?”เมื่อได้ฟังคำพูดของเจียเหยา หยุนเจิงอดไม่ได้ที่จะแอบหัวเราะข้าอดทนได้มากเลย!เช่นนั้นพวกพี่ชายก็เป็นแค่คนขี้ขลาดแล้ว!“ถึงเช่นไรพวกเราล้วนไม่ใช่คนดี แล้วก็ไม่ใช่คนโง่ จริงใจหน่อยเถอะ!”หยุนเจิงแนะนำด้วยความหวังดี “เอาล่ะ มากกว่านี้ข้าไม่พูดแล้ว! ไปเถอะ ข้าพาเจ้าไปพบพวกกุ้ยโหยว!”เจียเหยาเดินตามหลังหยุนเจิง มองแผ่นหลังหยุนเจิงด้วยความสับสนหยุนเจิงกลัวความอดทนของนางจริงหรือ?บางที ความจริงเขาอาจกลัวตกหลุมรักนาง?ทำให้หยุนเจิงตกหลุมรักนา
หยุนเจิงอยู่ที่ชายแดนกู้สามวัน จัดการเรื่องที่ควรจัดการเรื่องของเจียเหยา เขายังไม่ได้ตัดสินใจเขาสับสนอย่างหนัก ไม่อาจตัดสินใจได้ชั่วคราวสุดท้าย หยุนเจิงก็ไม่ได้รอจนจางซูและหมิงเย่ว์กลับมา ทำได้เพียงวางแผนพาเจียเหยาไปยังติ้งเป่ยก่อนการไปครั้งนี้ เป็นการตัดสินว่าควรปฏิบัติต่อเจียเหยาเช่นไรสองวันให้หลัง พวกเขามาถึงติ้งเป่ย“นึกไม่ถึง ครั้งแรกที่ข้ามาติ้งเป่ย จะมาในฐานะเชลยศึก”มองกำแพงติ้งเป่ยเบื้องหน้า เจียเหยาเผยรอยยิ้มถากถางตัวเองอย่างควบคุมไม่อยู่“เจ้าไม่ใช่เชลยศึก”หยุนเจิงยิ้มเรียบ “เจ้าสามารถเห็นตัวเองเป็นทูต”“ทูตหรือ?”เจียเหยาหัวเราะถากถางตัวเองอีกครั้ง จากนั้นก็หันไปมองหยุนเจิง “พาข้าไปดูมันเทศดินก่อน ได้หรือไม่?”“……”เมื่อได้ฟังคำพูดของเจียเหยา คนรอบกายหยุนเจิงพากันหมดคำพูดพวกเขาไม่รู้จริงๆ เจียเหยายึดติดกับมันเทศดินเหล่านั้นเพียงใดนางไม่ลืมมันเทศดินแม้แต่ชั่วเวลาเดียว!ถึงเช่นไรมันเทศดินเหล่านี้ก็ไม่ใช่ของพวกเขาแล้ว เหตุใดนางจึงยึดติดกับมันเทศเหล่านี้ไม่ปล่อยด้วยเล่า?“ช้าหน่อยค่อยไปเถอะ!”หยุนเจิงปฏิเสธเจียเหยา “ข้าเพิ่งมาถึงติ้งเป่ย มีอย่างที่ใดบ้
“นี่คือสิ่งที่ลูกเขยควรทำ”หยุนเจิงถอนหายใจเบาๆ จากนั้นก็กล่าว “กลับไป พวกเราเลือกวัน ที่ซั่วเป่ยให้พวกเขา...”“ไม่ต้องหรอก”ฮูหยินเสิ่นส่ายหน้าเบาๆ “พวกเราแบ่งดินในถุงเป็นสามส่วน สร้างป้ายวิญญาณให้พวกเขาก็พอแล้ว”พวกเขาสามพ่อลูกมีหลุมฝังศพแล้วไม่จำเป็นต้องสร้างหลุมฝังศพอีกมีป้ายวิญญาณ ตอนวันส่งท้ายปีเก่าก็สามารถจุดธูปได้ในเมื่อฮูหยินเสิ่นกล่าวเช่นนี้แล้ว หยุนเจิงก็ไม่กล่าวมากความอีกดินถุงนี้ทำให้บรรยากาศการเฉลิมฉลองเจือจางลงเล็กน้อยแต่ว่า สามพ่อลูกเสิ่นหนานเจิงเสียชีวิตไปหกปีแล้ว ต่อให้โศกเศร้าเพียงใด ก็ล้วนถูกเวลาทำให้จืดจางแล้วพวกหยุนเจิงสามารถได้รับชัยชนะ นี่ถึงจะเป็นเรื่องควรค่าต่อการเฉลิมฉลองที่สุด“พอแล้ว พอแล้ว กลับจวนก่อนเถอะ!”ฮูหยินเสิ่นยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาในดวงตา “คืนนี้ พวกเราต้องเฉลิมฉลองกันให้ดี”เมื่อทุกคนได้ฟัง ก็พากันพยักหน้าหยุนเจิงเดินมาหาเยี่ยจื่อและเสิ่นลั่วเยี่ยน ไม่สนใจคนมากมายที่อยู่ในเหตุการณ์ หอมแก้มหญิงสาวทั้งสองคน ดึงดูดสายตาโกรธเคืองจากหญิงทั้งสอง“ลูกของพวกเราเชื่อฟังหรือไม่?”หยุนเจิงยกมือขึ้นลูบท้องของเสิ่นลั่วเยี่ยน เรากลับกำลังรับ
กลางคืน ทุกคนย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะฉลองใหญ่กันสักรอบเพียงแต่ว่า เรื่องครึกครื้นและการฉลองนี้ล้วนไม่เกี่ยวข้องกับเจียเหยาเจียเหยายังคงถูกกักบริเวณ แต่ว่า เรื่องการกิน หยุนเจิงไม่ได้ทารุณนางไม่เพียงส่งอาหารสมบูรณ์หลากหลายไปให้นาง ยังส่งเหล้าให้นางหนึ่งกาด้วยทว่า คนที่เฝ้าเจียเหยารายงานกลับมา เจียเหยาหนักอกหนักใจ แทบไม่มีความคิดอยากกินอาหารเลย เอาแต่ดื่มสุราติดต่อกันหลายแก้วหลังอาหารค่ำ หยุนเจิงพาทุกคนนั่งตากลมภายในลานบ้านเยี่ยจื่อนำราชโองการและสาสน์ตราตั้งที่จักรพรรดิเหวินส่งมามอบให้หยุนเจิง อีกอย่าง ยังมีจดหมายส่วนพระองค์ที่จักรพรรดิเหวินมอบให้หยุนเจิงราชทูตจากไปตั้งหลายวันแล้ว ของสองสิ่งนี้ เดิมเป็นสิ่งที่ต้องให้หยุนเจิงสั่งคนไปส่งที่เป่ยหวนแต่ว่า ตอนนี้เจียเหยาอยู่ในมือหยุนเจิงแล้ว ไม่จำเป็นต้องให้หยุนเจิงส่งคนไปอีกสาสน์ตราตั้งฉบับนี้สลักขึ้นจากแผ่นกระดาษทองแดง ไม่เพียงอลังกาล ยังวิจิตรสวยงามเนื้อหาในสาสน์ตราตั้งค่อนข้างซับซ้อนแต่ใจความสำคัญคือให้องค์ชายหกแห่งต้าเฉียนและองค์หญิงเจียเหยาแห่งเป่ยหวนแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์แต่ว่า ไม่รู้ว่าจักรพรรดิเหวินมีเจตนาหรือ
หยุนเจิงกำลังเดินไปที่ห้องของเสิ่นชั่วเยี่ยน แต่ถูกเสิ่นลั่วเยี่ยนดึงเอาไว้เสิ่นลั่วเยี่ยนหน้าแดงเล็กน้อย กระซิบกล่าว “ท่านแม่บอกว่า ข้าเพิ่งตั้งครรภ์ไม่นาน ไม่อาจรวมหอ เจ้าไปอยู่เป็นเพื่อนพี่จื่อเอ๋อร์เถอะ! นางเอาแต่คิดถึงเจ้าทั้งวัน เป็นห่วงและพว้าพะวงเพราะเจ้า…”“กล่าวสิ่งใด?”หยุนเจิงมองเสิ่นลั่วเยี่ยนอย่างจนใจ “ข้ากลับห้องกับเจ้า มีเพียงเรื่องนั้นหรือ? พวกเราไม่ได้พบกันนานเพียงนี้ ยังไม่อาจร่วมสนทนาด้วยกันได้หรือ?”กล่าวจบ หยุนเจิงยังเรียกเมี่ยวอินและเยี่ยจื่อ ไปห้องเยี่ยจื่อด้วยกันนับเวลาแล้ว ครั้งนี้พวกเขาแยกจากกันสองเดือนแล้วไม่ได้เจอกันนานเพียงนี้ เขาก็อยากพูดคุยกับผู้หญิงของเขาคิดจะพลอดรักกันสักรอบ ต่อไปก็ยังมีเวลา!คืนนี้ ทุกคนสนทนากันถึงเช้ารอจนเมี่ยวอินและเสิ่นลั่วเยี่ยนจากไป หยุนเจิงเป็นสุภาพบุรุษอย่างหาได้ยาก ไม่ได้ไปทรมานเยี่ยจื่อที่ง่วงนอน เพียงกอดนางไว้แล้วหลับไปด้วยกันวันที่สอง หยุนเจิงพาเจียเหยาไปดูมันเทศดินที่นางคิดถึงคะนึงหาทุกคนรู้ว่าหยุนเจิงให้ความสำคัญมันเทศดินเหล่านี้มาก มันเทศดินเหล่านี้ได้รับการดูแลอย่างดีทุกวันนี้ ต้นกล้ามันเทศดินที่ปักช
“ลูก…ลูกสาวเพคะ”หมอตำแยที่ตกใจกับท่าทางของหยุนเจิงก่อนหน้านี้ เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ“ลูกสาวดี! ลูกสาวดี!”หยุนเจิงพึมพำกับตัวเอง ก่อนก้มลงมองเด็กน้อยที่ยังคงร้องไห้เสียงดังไม่เหมือนหยุนชางเลย เด็กหญิงตัวน้อยคนนี้เกิดมาโดยแทบไม่มีริ้วรอยบนผิวเลย เพียงแค่ตัวแดงระเรื่อเท่านั้น“เจ้าตัวน้อย เจ้านี่เกือบทำให้แม่ของเจ้าสิ้นชีวิตเลยนะ…”เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ หัวใจของหยุนเจิงยังคงสั่นไหวเขาไม่อาจจินตนาการได้เลยว่า หากเขาสูญเสียเยี่ยจื่อไป เขาจะต้องเจ็บปวดเพียงใดโชคดีที่มันเป็นเพียงความหวาดกลัวลวงตา!“อุแว๊ๆ…”เด็กน้อยยังคงร้องไห้ และดูเหมือนเสียงของนางจะแจ่มชัดขึ้นเรื่อยๆหยุนเจิงลูบแผ่วเบาบนผ้าห่อตัวของนาง ก่อนหันไปมองหมอตำแยทั้งสามที่ยังยืนไม่มั่นใจ “ให้รางวัล! ให้รางวัลทุกคน! คนละห้าร้อยตำลึง!”ห้าร้อยตำลึง!?หมอตำแยทั้งสามแทบไม่เชื่อหูตัวเองท่านอ๋องผู้นี้ ช่างใจกว้างนัก!แค่เอ่ยปาก ก็แจกเงินรางวัลมากมายถึงเพียงนี้!“เอาล่ะ พวกเจ้าทำความสะอาดให้เรียบร้อยเถิด”หยุนเจิงเรียกสติหมอตำแย “เสร็จแล้วก็ไปรับรางวัลได้เลย”หยุนเจิงกล่าวจบ ก็กอดลูกสาวไปนั่งลงที่
“อ๊าก…”เสียงกรีดร้องของเยี่ยจื่อสะท้อนก้องอยู่ในหูของหยุนเจิง ราวกับสามารถฉีกหัวใจของเขาออกเป็นเสี่ยงๆ“พอแล้ว! อย่าคลอดแล้ว! ข้าไม่ต้องการลูกแล้ว! ข้าต้องการแค่เจ้า!”หยุนเจิงน้ำตาคลอเบ้า ส่ายศีรษะไปมาอย่างร้อนรน ก่อนจะหันไปตะโกนลั่นใส่หมอตำแยข้างๆ “ช่วยนางไว้! อย่าไปสนใจเด็ก!”เขากลัว!เขากลัวจริงๆ!แม้ว่าเขาจะไม่ใช่หมอ แต่เขาก็รู้ดีว่า หากพลาดแม้แต่นิดเดียว นางอาจตกเลือดหนักได้แม้แต่ในยุคปัจจุบัน การตกเลือดมากก็ยังยากที่จะรักษา แล้วนี่เป็นยุคโบราณ“ออกมาแล้ว! ออกมาแล้ว!”ขณะนั้นเอง หมอตำแยก็ร้องขึ้นด้วยเสียงตื่นเต้น“อุแว๊…”เสียงร้องแหลมใสของทารกดังขึ้นภายในห้องคลอด แต่ในขณะเดียวกัน เสียงของเยี่ยจื่อกลับเงียบลงอย่างกะทันหัน!หมอตำแยคนหนึ่งรีบเช็ดเลือดที่เปรอะเปื้อนตัวทารก ขณะที่อีกคนเตรียมห่อทารกในผ้าห่ม และหันไปแสดงความยินดีกับหยุนเจิง “ขอแสดงความยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง เด็กน้อยเป็น…”“ช่างลูกก่อน! ดูจื่อเอ๋อร์ก่อนว่านางเป็นอย่างไรบ้าง!”หยุนเจิงตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยโทสะและความหวาดหวั่น มือของเขาที่กุมมือเยี่ยจื่อไว้สั่นเทาอย่างรุนแรงตอน
เสียงร้องของเยี่ยจื่อ ทำให้หัวใจของหยุนเจิงบีบรัดตามไปด้วย“จื่อเอ๋อร์! ข้ากลับมาแล้ว!”หยุนเจิงไม่สนใจพูดคุยกับเสิ่นลั่วเยี่ยนและคนอื่นๆ เขารีบพุ่งไปที่ประตู แล้วตะโกนเข้าไปข้างใน“สามี!”เสียงร้องเจ็บปวดของเยี่ยจื่อดังขึ้นอีกครั้งแม้หยุนเจิงจะมองไม่เห็นสถานการณ์ภายในห้อง แต่เขาก็นึกภาพออกว่าเยี่ยจื่อต้องเจ็บปวดเพียงใดหากเป็นไปได้ เขาอยากจะแบ่งเบาความเจ็บปวดของนาง“จื่อเอ๋อร์ อย่ากลัว! สามีอยู่ที่นี่กับเจ้า!”หยุนเจิงกล่าวปลอบ แล้วรีบหันไปถามเสิ่นลั่วเยี่ยน “จื่อเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง?”เสิ่นลั่วเยี่ยนที่ดวงตาแดงก่ำ แอบมองไปทางประตูห้อง ก่อนจะตอบเสียงแผ่วเบา “หมอตำแยบอกว่า ตำแหน่งของทารกไม่ค่อยปกติ อาจคลอดได้ยาก เมี่ยวอินก็กำลังช่วยอยู่ เราเองก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ยืนร้อนใจอยู่ข้างนอก……”ตำแหน่งทารกผิดปกติ!เมื่อได้ยินคำนี้ หัวใจของหยุนเจิงพลันเต้นรัวขึ้นมาทันที เขาหันขวับไปมองฮูหยินเสิ่นและเว่ยซวงที่ยืนอยู่ใกล้ๆพบว่าทั้งสองต่างมีดวงตาแดงก่ำ ใบหน้าหม่นหมอง เห็นได้ชัดว่ากระวนกระวายใจไม่น้อยหยุนเจิงเข้าใจทันทีว่า เสิ่นลั่วเยี่ยนคงไม่อยากให้เขากังวลเกินไป จึงบอกเพียงว่าคลอ
ไม่กี่วันต่อมา ขณะที่หยุนเจิงอยู่ที่จิงหยางฝู่ เขาได้รับข่าวสารฮั่วเหวินจิ้งตายแล้ว!ไม่ได้ถูกฆ่าปิดปาก แต่ตายเพราะป่วย!หยุนเจิงคาดว่า ฮั่วเหวินจิ้งคงเสียชีวิตเพราะบาดแผลติดเชื้อเมื่อได้รับข่าวนี้ หยุนเจิงแทบอยากจะด่าหยุนลี่ว่าโง่เง่าเป็นหมูเสียจริงทำไมเขาถึงไม่ใช้วิธีทรมานก่อน แล้วค่อยให้หมอรักษาไว้ล่ะ?อีกแค่ก้าวเดียว เขากำลังจะสาวไปถึงตัวการเบื้องหลังได้อยู่แล้วแท้ๆ แต่ฮั่วเหวินจิ้งกลับมาตายเสียก่อนมันเหมือนกับฟ้ากำลังเล่นตลกกับเขา!สิ่งเดียวที่พอทำให้โล่งใจได้บ้างคือ อีกาดำและอีกาขาวต่างได้รับความเสียหายหนัก คนของเขาที่แทรกซึมอยู่ในอีกาดำ น่าจะสามารถก้าวขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งได้หากสามารถทำให้คนของเขากลายเป็นหัวหน้าของอีกาดำได้ ก็คงดี!แต่ไม่รู้ว่าเงาสอง ที่ร่วมเดินทางไปเมืองหลวงเพื่อฆ่าปิดปาก ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ขอให้รอดปลอดภัยเถอะ!หยุนเจิงถอนหายใจเงียบๆ ก่อนลุกขึ้นยืนในเมื่อฮั่วเหวินจิ้งตายไปแล้ว เขาก็ไม่ต้องรอสอบสวนอะไรอีกเรื่องที่เหลือ ก็ปล่อยให้ทัวฮวนจัดการไปก็แล้วกัน!“ส่งคำสั่งถึงอวี่ซื่อจง ให้เหลือทหารห้าพันนายประจำการอยู่ที่นี่ ภายใต้การบัญชาของรองแม่ท
“ลูกเข้าใจพ่ะย่ะค่ะ!”หยุนลี่รีบรับคำสั่ง“จำไว้! ฮั่วเหวินจิ้งถูกนักฆ่าสังหาร ไม่ใช่ตายเพราะป่วย!”จักรพรรดิเหวินกล่าวเตือนหยุนลี่ด้วยใบหน้าเย็นชา ก่อนเสด็จออกจากจวนองค์รัชทายาทแม้จะนั่งอยู่ในเกี้ยวแล้ว แต่เพลิงโทสะของจักรพรรดิเหวินยังคงลุกโชนไม่มอดอย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความโกรธเกรี้ยวในพระทัย ก็ยังมีความรู้สึกซับซ้อนบางอย่างซ่อนอยู่เขารู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งไม่ใช่คนของหยุนเจิงหากสามารถเค้นเอาความจริงจากฮั่วเหวินจิ้งได้ จนรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง บางทีพระองค์เองอาจไม่รู้ว่าควรจัดการอย่างไรหากเป็นพระโอรสองค์ใดองค์หนึ่ง หรือแม้แต่นางสนมคนใดคนหนึ่งของพระองค์ พระองค์จะต้องลงพระอาญาสังหารพวกเขาด้วยพระองค์เองอย่างนั้นหรือ?หากเรื่องนี้ทำให้คนที่รอดพ้นจากเคราะห์ครั้งนี้ได้สำนึกและเลิกล้มความคิดที่จะก่อความวุ่นวาย นั่นก็คงเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับตัวการเบื้องหลังของฮั่วเหวินจิ้ง จักรพรรดิเหวินเองก็พอมีข้อสันนิษฐานอยู่ในพระทัยแต่เป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐาน พระองค์ยังไม่สามารถสรุปได้แน่ชัดยิ่งไปกว่านั้น คนที่พระองค์สงสัยมีอยู่หลายคน ทำให้ไม่อาจฟันธงได้ว่าเป็นผู้ใดกันแน่ดูเหมือ
ภายในพระราชวัง จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังตรวจสอบข่าวเร่งด่วนจากเมืองฝูโจวอย่างไรก็ตาม ทั้งสองเพียงกวาดตามองก็ขว้างเอกสารฉบับนั้นทิ้งด้วยความโกรธอย่าว่าแต่หยุนลี่เลย แม้แต่จักรพรรดิเหวินก็อดด่าหยุนเจิงในใจไม่ได้ลูกอกตัญญูผู้นี้ ชักจะเหลวไหลขึ้นทุกวันเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็กล้าใช้ชื่อข่าวเร่งด่วนทางทหารส่งมาถึงเมืองหลวงนี่เป็นครั้งที่สองแล้ว!ข่าวเร่งด่วนทางทหารถูกเขาใช้เป็นของเล่นไปแล้ว!คราวหน้า ถ้าเจอตัวเจ้าเด็กเหลือขอนั่น ข้าจะเตะมันให้กระอักสองทีแน่!“กราบทูลฝ่าบาท องค์รัชทายาทฝ่าบาท กองกำลังของกระหม่อมถูกลอบโจมตีโดยนักฆ่าที่ถนนเป่ยเจีย……”ขณะที่จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังเดือดดาลกับหยุนเจิง เฉียวเหยียนเซียนก็ส่งคนมาแจ้งข่าวนักฆ่าหลายสิบคนที่ร่วมมือกันสังหารฮั่วเหวินจิ้งและครอบครัว ถูกสังหารหรือถูกจับกุมเป็นส่วนใหญ่มีเพียงไม่กี่คนที่ฉวยโอกาสความชุลมุนหลบหนีไปได้ครั้งนี้ การวางแผนของพวกเขารัดกุมยิ่งนักหากไม่ใช่เพราะพลส่งสารข่าวเร่งด่วนโผล่มาขัดจังหวะ คงไม่มีทางที่นักฆ่าจะรอดไปได้เลยนอกจากนี้ พวกเขายังพบหน้าไม้ทรงอานุภาพจำนวนมากในที่เกิดเหตุเมื่อรายงานมาถ
ขณะที่เฉียวเหยียนเซียนนำกำลังคุมตัวนักโทษผ่านถนนเป่ยเจีย หน้าต่างบนหอคอยของอาคารสองหลังที่อยู่สองฟากถนนค่อยๆ เปิดออกเล็กน้อยหน้าไม้จำนวนมากถูกเล็งออกมาจากช่องหน้าต่างโดยไร้เสียง เพียงแค่รอให้กรงนักโทษเข้าสู่ระยะยิง พวกเขาก็จะลงมือทันทีขบวนคุ้มกันเข้าใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ เงาสองก็เตรียมพร้อมเช่นกันเขาไม่รู้ว่าฮั่วเหวินจิ้งมีความสำคัญต่อหยุนเจิงเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากอีกาดำมากขึ้น เขาจำเป็นต้องร่วมมือสังหารเหล่านักโทษเหล่านี้แต่เขาก็รู้ดีว่า หากลงมือแล้ว การจะหลบหนีออกจากเมืองหลวงไม่ใช่เรื่องง่ายแต่เขาต้องรอด!ส่วนหนึ่งเพราะเขาไม่ต้องการตาย อีกส่วนหนึ่งก็เพราะ หากเขารอด เขาจะมีโอกาสพบกับผู้ที่คอยสนับสนุนการหลบหนีของพวกเขาและบุคคลนี้ อาจเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดโปงผู้อยู่เบื้องหลังตัวจริง!เงาสองครุ่นคิดเงียบๆ พร้อมเหลือบมองหน้าไม้ในมือพวกเขาปลอมตัวเป็นพ่อค้าเพื่อแฝงตัวเข้าเมืองหลวง ย่อมไม่สามารถพกพาอาวุธเหล่านี้มาเองได้หน้าไม้เหล่านี้ถูกเตรียมไว้ล่วงหน้า ถูกซุกซ่อนไว้ที่เนินเขาเหมียวเอ่อร์ซานสิ่งเหล่านี้เป็นอาวุธของกองทัพ!แม้ทางราชสำนักจะควบคุมอาวุธประเภทนี
“ฝ่าบาท เงาสามแจ้งข่าวด่วน!”จิงหยางฟู่ เสิ่นควานถือจดหมายฉบับหนึ่ง รีบรุดเข้ามาด้วยท่าทีเร่งรีบเงาสาม?นี่เป็นหนึ่งในคนที่สามารถแทรกซึมเข้าไปในอีกาดำได้สำเร็จเงาสามส่งข่าวด่วนมา ดูท่าแล้ว อีกาดำคงจะลงมือแล้วแน่หากไม่มีอะไรผิดพลาด อีกาดำน่าจะต้องการสังหารฮั่วเหวินจิ้งเพื่อกำจัดภัยร้ายอย่างสิ้นซาก!หยุนเจิงครุ่นคิดไปพลาง รับจดหมายจากเสิ่นควานและเปิดออกดูเมื่อเห็นเนื้อหาในจดหมาย หยุนเจิงก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวข่าวที่เงาสามส่งมา ตรงกับที่เขาคาดการณ์ไว้ไม่มีผิดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวนำทัพมาด้วยตนเอง ต้องการฆ่าฮั่วเหวินจิ้งให้ได้!แม้แต่เงาสองก็ถูกเลือกให้เข้าร่วมภารกิจลอบสังหารครั้งนี้ตอนนี้ พวกเขาได้รับเพียงคำสั่งให้เตรียมพร้อม แต่ยังไม่รู้เวลาและสถานที่ลงมือที่แน่ชัดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวตั้งใจปกปิดข้อมูล ไม่ให้ผู้ใดซักถาม ใครที่ร่วมภารกิจก็แค่ทำตามคำสั่งในขณะลงมือเท่านั้นพวกเขากลัวว่าจะถูกสงสัย จึงไม่กล้าไต่ถามอะไรมากข่าวที่เงาสามส่งกลับมา สำหรับหยุนเจิงแล้ว ไม่ใช่ข่าวดีเลยเขายอมจ่ายเงินกว่าล้านตำลึงเพื่อให้ครอบครัวฮั่วเหวินจิ้งปลอดภัยและมาถึงมือเขาแต่ตอนนี
หญิงสาวนิ่งเงียบ ทำอย่างไรดี? นางเองก็อยากหาคนมาปรึกษา ว่าควรทำเช่นไรในสถานการณ์นี้ แต่เวลานี้… เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดสามารถให้คำตอบแก่นางได้ ไม่นึกเลยว่า… แผนการที่นางวางมาอย่างรอบคอบมายาวนาน กลับจะพังทลายลงในมือของหยุนลี่! เฮ้อ! นางทอดถอนใจยาวในใจ แต่ในดวงตากลับปรากฏประกายเย็นยะเยือก "ไม่ว่าอย่างไร… ฮั่วเหวินจิ้งต้องไม่มีชีวิตรอดไปถึงมือหยุนเจิง! หากไร้ซึ่งความกังวลเรื่องครอบครัว ฮั่วเหวินจิ้งจะต้องเปิดโปงเราทั้งหมดแน่!" นางรู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งกำลังกังวลสิ่งใด สิ่งที่ฮั่วเหวินจิ้งกังวลที่สุดในตอนนี้ คือความปลอดภัยของครอบครัว เขาจึงไม่กล้าเปิดโปงนางออกไป แต่หากครอบครัวของฮั่วเหวินจิ้งถูกส่งไปถึงมือหยุนเจิงอย่างปลอดภัย เช่นนั้น เขาย่อมไม่มีเหตุผลใดให้ปิดปากอีกต่อไป! ระหว่างหยุนลี่กับหยุนเจิง นางเกรงกลัวหยุนเจิงมากกว่า เพราะหยุนเจิงคือผู้กุมอำนาจกองทัพ… หากหยุนเจิงรู้ว่า ผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้คือตัวนางเอง เช่นนั้น… นางคงหนีไม่พ้นความตาย! ไม่ใช่แค่หยุนเจิง… แม้แต่หยุนลี่ หรือแม้กระทั่งองค์จักรพรรดิ… ก็คงไม่ปล่อยนางไปเช่นกัน! เมื่อได้ยินเช่