วันหยุด
@ห้างสรรพสินค้า
ฟึด ฟึด
กลิ่นหอมของน้ำซุปในหม้อชาบูที่ลอยขึ้นสู่อากาศ เตะเข้าจมูกของปลาทูแทบน็อกคาร้าน จนถูกอคิณที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามใช้นิ้วจิ้มที่หน้าผากเป็นการผลักออก
“เดี๋ยวหน้าก็จุ่มลงหม้อ”
ปลาทูมักจะเป็นแบบนี้ทุกครั้งเวลามาทานชาบู เธอชอบที่จะเอาใบหน้าไปอังกับหม้อน้ำซุปที่เดือดจัด จนเขาต้องบ่น เพราะไอ้ที่เธอสูดเข้าไปนั้นมันหอมก็จริงแต่มันเป็นควัน ใช่ว่าจะดีต่อร่างกาย
“ให้มันจุ่มๆลงไปเถอะ ปลาทูอยากตัวหอมๆเหมือนหม้อชาบู”
“เหอะ อยากตัวหอม หน้าเธอได้ผุผองเป็นยัยหน้าเละสิไม่ว่า” ส่ายหัวเบาๆกับความคิดไม่เข้าท่าของน้อง
“ชิ!” ย่นจมูกใส่ให้คนตรงข้ามทีหนึ่งก่อนจะเอาพวกผักและซีฟู๊ดต่างๆลงหม้อ ส่วนพวกเนื้อวากิวหันสไลด์ ทั้งเธอและเขารู้ดีว่าต้องเอาลงคำต่อคำเพราะเนื้อมันจะนุ่มกว่า อร่อยกว่า
“เออพี่คิณ พี่เธอร์จะมีแข่งอีกเมื่อไหร่เหรอ ปลาทูอยากไปดู” เธอจำได้ว่าคราวแล้วที่ไปดูอาเธอร์แข่งรถ มันตื่นตาตื่นใจเธอเอามากๆ จึงอยากจะไปดูอีก
“น่าจะเดือนหน้ามั้ง” เขาว่าเรียบๆ ขณะใช้ตะเกียบที่พันด้วยเนื้อจุ่มลงหม้อน้ำที่เดือด
“งั้นถ้าพี่เธอร์แข่ง พี่คิณพาปลาทูไปด้วยนะ” กระพริบตาออดอ้อน
“คราวที่แล้วเธอบ่นร้อน ยังไม่ทันถึงบ้าน ผืนก็ขึ้นเต็มตัว ทำฉันลำบาก” ครั้งนั้นเขาจำได้ดี ก่อนจะถึงบ้านต้องแวะคลีนิคก่อนเพราะคนงอแงทนคันไม่ไหว
“คราวนั้นปลาทูไม่รู้นิว่าจะร้อนจนตับแทบแตก แต่รอบนี้ปลาทูจะเอาพัดลมไปด้วย” ประสานมือไว้กลางอก แววตาเป็นประกาย ปากก็เคี้ยวจนแก้มตุ่ย “ปลาทูอยากไปดูจะ...”
“เคี้ยวให้หมดแล้วคุยพูด” ใช้ตะเกียบในมือชี้หน้าเป็นการเตือน กลัวว่าพูดไปเคี้ยวไปแล้วจะสำลัก “ติดคอตายขึ้นมา ซวยทุกคนต้องจัดงานให้เธออีก”
ละดูคำพูดที่ใช้พูดกับน้อง ช่างเป็นพี่ชายที่สุภาพเหลือเกิน
“โหย พี่...”
“ยังอีก” เมื่อเด็กดื้อพูดไม่ฟัง คนปรามจึงเสียงเข้มขึ้น ทำเอาเด็กน้อยถูกขัดใจสะบัดหน้าหนี แต่แง่งอนได้ไม่นานก็ถูกง้อด้วยกุ้งที่คนพี่พึ่งแกะเสร็จแล้วยื่นมาตรงหน้า “อ่ะ”
ดวงตากลมโตทอประกายระยิบระยับ มือบางยื่นจานให้อคิณเอากุ้งวาง ทว่าเขากลับชักมือกลับแล้วเอาเข้าปากตัวเองพร้อมยักคิ้วยียวนใส่
“พี่คิณ ทำไมชอบแกล้ง” ทำหน้าหงิก
“เธอก็มีมือทำไมไม่แกะเอง?”
“ก็ปลาทูไม่อยากมือเปื้อน พี่คิณมือเปื้อนแล้วก็แกะให้ปลาทูหน่อยสิคะ” กลายร่างเป็นเด็กงอแง ขณะที่อีกฝ่ายจิปาก
“จิ! เธอนี้มัน...” น้ำเสียงเหนื่อยหน่ายแต่ก็ยอมแกะให้ ก่อนจะยื่นไปตรงหน้า “เอ้า”
งั้ม!
ความไม่ไว้ใจ กลัวว่าพี่จะแกล้งอีก มือบางจึงจับเข้าที่ข้อมือหนา ยกก้นขึ้นเล็กน้อย โน้มตัวอ้าปากงับกับกุ้งในมือ ก่อนจะกลับมานั่งลงตามเดิม ใบหน้าสุกใสแสดงถึงการเป็นผู้ชนะ
“หึ” อคิณหัวเราะในลำคอ ความเอ็นดูผุดขึ้นในแววตาพร้อมอมยิ้มหน่อยๆ ก่อนที่ทั้งสองจะพูดคุยพร้อมกับดื่มด่ำกับของตรงหน้าจนอิ่มแป้
“ปลาทูไปเข้าห้องน้ำก่อนนะพี่คิณ”
“อึม รีบไปรีบมา” เสียงทุ้มตอบเรียบๆ พอเห็นน้องเดินออกไปก็นั่งเอนหลังพิง ล้วงเอาโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงมากดเล่น ดูอะไรไปเรื่อยเปื่อย จนกระทั่ง
“ไหนคุณบอกว่าไม่ว่างไงคะอคิณ?” น้ำเสียงติดไม่พอใจทำให้เจ้าของชื่อช้อนสายตาขึ้นมองร่างอรชรของหญิงสาวรุ่นราวคราวเดียวกัน เธอคือคนที่เขาพึ่งคุยได้ไม่กี่วัน และดูท่าตอนนี้เธอกำลังจะทำทีเป็นจงอางหวงไข่ ซึ่งเขาไม่ชอบ
“ฉันนัดน้องเอาไว้ บอกเธอไปแล้วนิ” ตอบเรียบๆ สายตาที่มองเธอก็เหมือนกับที่มองผู้หญิงคนอื่นๆทั่วไป ไม่ได้พิเศษอะไร
“น้องหรือใครกันแน่คะ?” สายตาคาดคั้นเอาคำตอบ พลางมองไปยังกระเป๋าสะพายใบเล็กที่วางอยู่ตรงที่นั่งฝั่งตรงข้ามกับเขา ฟ้องว่าเขามากับผู้หญิง
เธอนัดกับเขาว่าวันหยุดนี้เราจะไปดูหนังด้วยกันแต่ทว่า ในตอนเช้าเขากลับส่งข้อความมาบอกว่าไม่ว่าง ติดธุระกับน้อง แล้วนี่ถ้าเธอไม่มากินข้าวกับเพื่อนคงไม่เห็นว่าเขาโกหก
เอ๊ะ?
ปลาทูที่เดินกลับมาทันได้ยิน เห็นบรรยากาศกำลังมาคุจึงพลางตัว นั่งโต๊ะตัวที่อยู่ก่อนหน้า ทำเหมือนคนไม่รู้จักแต่จับปอยผมเกี่ยวหู ตั้งใจฟัง แม้เหตุการณ์นี้จะเห็นบ่อยครั้งแต่ก็ยังสนใจอยู่ดี
“ว่าไงคะอคิณ” เมื่อยังไม่ได้คำตอบ จึงถามย้ำ ส่งผลให้คิ้วเข้มขมวดปม บ่งบอกว่ากำลังไม่พอใจ
“จะน้องหรือใครแล้วมันเกี่ยวอะไรกับเธอวะ?”
“เกี่ยวสิคะ ก็เราคุยกัน...”
“แค่สามวัน” และเป็นสามวันที่เขาเสียเงิน จ่ายค่าพวกของแบร์นเนมให้เธอไปไม่น้อย “ถ้าจะงี่เง่าอยู่ไม่เป็นแบบนี้ ต่อไปไม่ต้องมาคุยกัน”
สำหรับผู้หญิงทุกคนที่เข้ามา ไม่ว่าเธอคนนั้นจะสวยหยาดฟ้าแค่ไหน หากทำตัวน่ารำคาญและล้ำเส้นมากเกินไป เขาพร้อมตัด
“มะ หมายความว่าไง? คุณจะเลิกติดต่อกับชมพูเหรอ?”
“ก็เข้าใจง่ายนิ แล้วจะถามทำไมวะ?”
ในตอนแรกอคิณมองว่าชมพูเป็นผู้หญิงที่สวยและคงจะฮอตเอามากในมหาลัยที่เธอเรียนอยู่ เมื่ออีกฝ่ายเข้ามาทำความรู้จัก เขาจึงไม่ปฏิเสธ และตอนนี้เขาก็รู้แล้วว่าเธอจงใจเข้ามาสูบเขาต่างหาก
อึก!
ปลาทูที่ฟังอยู่ถึงกับกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก รู้สึกหน้าชาแทนผู้หญิงคนนั้น
“อคิณ!” มือเล็กกำเข้าหากันแน่น มองคนตรงหน้าด้วยความโกรธเคือง ขณะที่คนอื่นๆเริ่มหันมามองด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“ขอบใจที่ยังจำชื่อฉันได้ ถ้าหมดธุระของเธอแล้วก็เชิญ ฉันขอไม่พูดซ้ำ” จากนั้นก็ก้มหน้าเล่นโทรศัพท์ต่ออย่างไม่นึกจะแยแส
ได้ยินว่าอคิณเป็นผู้ชายที่เปรียบเสมือนกับหมาป่าดุร้าย แต่ก็ไม่คิดว่าเขาจะสามารถบอกเลิกเธอได้เลือดเย็นขนาดนี้ แต่เธอจะไม่มีทางปล่อยคนที่เป็นเหมือนขุมทรัพย์ไปง่ายๆ
“แต่คุณได้ชมพูแล้วนะ จะทิ้งกันแบบนี้ไม่งะ...”
“นี้มันยุคไหนแล้วแม่คุ๊ณ” นึกขำในลำคอ “ตอนฉันกับเธอเอากัน เราก็วินๆกันทั้งคู่ป่ะวะ ยังจะเรียกร้องอะไรอีก”
“ความรับผิดชอบไง คุณต้องรับผิดชอบชมพู”
“ให้ตาย!” คนตัวโตนั่งไม่ติด ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง มองร่างเล็กตั้งแต่หัวจรดเท้า “เธออ้าขาขอร้องให้ฉันเย็_เธอเองนะเว้ย ยังจะมาบอกให้ฉันรับผิดชอบอีกเหรอวะ ถุงยางฉันก็ใส่ เงินฉันก็จ่าย แถมยังต้องมาเปย์พวกของที่เธออยากได้อีก ค่าตัวเธอที่ผ่านผู้ชายมาแล้วกี่คนต่อกี่คน มีสิทธิ์มาเรียกร้องด้วยเหรอวะ”
ตรงเหมือนไม่รู้จักเบรก ชัดเจนอย่างกับอยู่ในเหตุการณ์ คนแอบฟังเสียววูบ อยากได้ยาดมในกระป๋าตัวเอง
ไม่ใช่ว่าอคิณอยากจะดูถูกหรือพูดให้เธอดูเสียหาย แต่อีกฝ่ายเล่นจะให้เขารับผิดชอบเลยต้องงัดเหตุและผล รวมทั้งความเป็นจริงมาคุยกันหน่อย อีกอย่างตอนที่มีอะไรกันเขาไม่ได้เป็นคนเริ่มเลยด้วยซ้ำ เป็นชมพูที่หวังในตัวเขาตั้งแต่แรก
ชมพูรู้สึกอับอายต่อสายตาของทุกคนที่มองมาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ปากเขาร้ายเกินกว่าจะต่อกรจึงรีบวิ่งออกไป อคิณกุมขมับถอดหายใจเสียงดังพรืด ทว่ายังไม่ทันจะได้หายคอถนัด
แปะ แปะ แปะ
ปลาทูตบมือรัวๆ พร้อมกลับไปนั่งที่ตัวเอง “นายอคิณ ศิริกวีวัฒน์ ผู้เย็นชา ปากหมายิ่งกว่านางร้ายในละครหลังข่าว หักอกผู้หญิงคนที่สองของเดือนได้โหดร้าย เลือดเย็นและเจ็บแสบที่สุด” ทำเอาเธอนี่แสบทรวงไปถึงไส้ใน แทนเธอคนนั้น “ถามจริงเถอะ ทำไมพี่ไม่หัดเป็นคนดีแบบคนอื่นเขาบ้าง”
“ฉันก็เป็นอยู่”
“ตรงไหน?” ฉะเง้อคอมองหาตามตัวคนใจร้าย แต่ก็หาไม่เจอ
“กวนตีน”
“เหมือนมะม่วงกวนป่ะ?” ปั้นหน้าซื่อตาใส ง่ายๆคืออยากกวนพี่
“ปลาทู!” น้ำเสียงดุดัน คนยิ่งหงุดหงิดก็ยิ่งขุ่นเคืองไปกันใหญ่
“ขา~” ทว่าคนน้องกลับชอบใจ ขานรับเสียงหวานปานน้ำผึ้ง ตั้งใจยั่วโมโหก่อนจะวิ่งออกนอกร้าน จึงไม่ทันได้เห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของเขา
“เด็กแสบเอ๊ย สักวันจะจับตีก้นซะให้เข็ด” ทั้งที่ควรจะควันออกหูมุมปากหยักกลับโค้งขึ้นเองอย่างควบคุมไม่ได้ อะไรที่แข็งๆก็หลอมละลายอ่อนลงอย่างง่ายดายจนไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน
3วันต่อมาหลังจากทานข้าวเที่ยงที่โรงอาหารเสร็จ สองสาวอย่างปลาทูกับยิ้มก็มานั่งทำงานใต้ตึกคณะเพื่อรอเรียนคาบบ่าย“ไม่คิดจะรอฉันเลยนะ” โบนัสมาถึงก็หย่อนก้นนั่งข้างๆปลาทู พร้อมกับถือวิสาสะเอาน้ำปั่นของเธอมาดูดหน้าตาเฉย ทำเอาคนที่ท้วงไม่ทันเกิดฉุนขึ้นมาเพราะหมอนั้นดันดูดหลอดเดียวกับเธอ“น่าเกลียด ใครจะกล้ากินต่อนาย”“ถ้าเธอไม่กล้า ก็ไปซื้อใหม่สิ” พูดจบก็ทำเฉย ก้มหน้าดูดเอาดูดเอาจนมือเล็กต้องดึงแก้วน้ำกลับมา เอาหนีให้ไกลจากมือเขา “แล้วมันเรื่องอะไรที่ฉันต้องไปซื้อใหม่” พอได้คุยได้รู้จักก็ไม่คิดว่าหมอนี้จะทำตัวตีสนิทไม่เกรงใจกัน นับวันยิ่งรู้จักก็ยิ่งอยากประทะ เธอไม่น่าหลวมตัวรู้จัก จนสนิทมักจีด้วยเลย“ก็น้ำ...เธออร่อย” จงใจพูดสองแง่สองง่ามแต่ปลาทูกลับไม่เข้าใจ ใช้นิ้วผลักหน้าผากของคนที่ยื่นหน้าเข้ามาให้ออกห่าง“อร่อยก็ไปซื้อเองเส้!” เริ่มขึ้นเสียง ขณะที่อีกฝ่ายเอาแต่ยักคิ้วยียวน“งั้นฉันไปซื้อให้นะ” ยิ้มที่มองอยู่นานแล้วเลยเสนอ เตรียมจะลุกขึ้นเพื่อนสาวจึงร้องห้าม“ใครอยากกินก็ให้เขาไปซื้อเองสิ เธอจะยอมลำบากเพื่อ?”“ก็เพื่อเพื่อนที่นิสัยดีอย่างฉันไง” โบนัสพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่หน้ามั่นไส้
หลังจากที่อยู่พูดคุยกันจนหายคิดถึง ปลาทูก็ขอตัวพร้อมได้ขนมตาลติดมือกลับมาด้วย เด็กน้อยชอบกินขนมไทย ปราณีจึงไม่ลืมที่จะซื้อกลับบ้านมาทุกครั้งนั่งทำการบ้านอยู่ตรงโต๊ะทานข้าว จนช่วงเย็นก็ได้ยินเสียงบิ๊กไบก์ขับเข้าบ้านข้างๆ ร่างเล็กจึงลุกไปหยิบเอาถุงกระดาษที่สาวสวยฝากไว้ตรงเคาน์เตอร์ครัวแล้วกลับมานั่งทำการบ้านตามเดิม ไม่ถึงห้านาที...“พอรู้ว่าแม่ฉันกลับมาก็ไปเสนอหน้าเลยนะ” ประโยคทักทายที่ได้ยินแล้วเป็นต้องถอดหายใจแรงๆไม่เคยจะทักกันเหมือนพี่น้องคู่อื่นเลยจริงๆ“อ่ะ” มือเล็กดันถุงที่ว่าไปตรงหน้าให้คนที่กำลังหย่อนก้นนั่ง อคิณนึกแปลกใจเล็กน้อยแต่ก็เปิดดู เห็นเป็นคุกกี้ก็เปิดฝากเอาเข้าปากในทันที ถือเป็นครั้งแรกที่ยัยตัวแสบซื้อขนมให้“นึกไงให้ขนมฉัน?” “พี่เค้กส้ม นิเทศปีสี่ฝากมาให้ค่ะ”“ห๊ะ!” คนตกใจวางทุกอย่างแล้วตรงเข้าห้องครัว คายสิ่งที่อยู่ในปากลงถังขยะ “ถึงกับต้องคายทิ้งเลยเหรอพี่คิณ” ปลาทูเดินตามไปเกาะประตูดู เป็นต้องตาโตเมื่อคนพี่หันไปเปิดตู้เย็น หยิบขวดน้ำมาเปิด นึกว่าจะกินแต่ไม่ เขาล้างปาก! แล้วบ้วนทิ้งลงซิงค์ล้างจาน “ตะ ต้องขนาดนั้นเลยเหรอพี่คิณ”“คิดว่าตัวเองเป็นแม่สื่อหรือไง” จัด
สายตาคู่นั้นใช่ว่าปลาทูจะไม่เห็น แต่เพราะคิดว่าตัวเองก็ไม่ได้ผิดอะไร จึงเลือกที่จะมองไม่เห็น แต่ก่อนขึ้นเรียนขอลองทำเป็นเดินเข้าไปเฉียดใกล้เขาหน่อย ทว่าไอ้พี่คนซืนก็ไม่รั้งไม่เรียกแม้แต่คำเดียวชิ! เมินให้ตลอดละกันไอ้พี่บ้า “จะงอนให้หนักเลย” บ่นอุบอิบ “งอนใครเหรอ?” ยิ้มที่เดินมาด้วยกันได้ยินพอดีจึงเอ่ยถาม ขณะที่โบนัสก็เดินตามมาติดๆก็หยุดฟัง“ปะ เปล่า ไม่มีอะไรหรอก” ฉีกยิ้มกว้างเพื่อยืนยันในคำตอบ ทว่าสายตาดันไปเห็นกลุ่มของพี่สาวคนสวยเมื่อวาน รอยยิ้มจึงค่อยๆเลื่อยหุบลงเหลือเพียงบางๆ“น้องปลาทู”“พี่เค้กส้ม สวัสดีค่ะ” มือน้อยยกไหว้ตามมารยาทรุ่นพี่รุ่นน้อง อึดอัดนิดหน่อยเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายมาหาด้วยเรื่องอะไร “เป็นไงบ้างจ๊ะ วันนี้พี่มีขนมของอคิณแล้วก็เค้กของน้องปลาทูด้วยนะ ถือว่าเป็นคำขอบคุณที่เมื่อวานน้องช่วยเอาขนมไปให้อคิณ” ที่จริงขนมเค้กในส่วนของเด็กนั้นเค้กส้มไม่ได้ซื้อ เธอกินไม่หมด จะทิ้งก็เสียดายของเหลือๆมันเหมาะกับยัยเด็กนี้ที่สุดแล้ว“ไม่เป็นไรค่ะ พี่เค้กเอากลับไปเถอะ ทั้งของพี่คิณแล้วก็เค้กที่จะให้ปลาทูด้วย” คำขอบคุณอะไรเธอไม่เอาทั้งนั้นแหละตอนนี้“ทำไมล่ะ อคิณเขาไม่รับเหรอ?” สีห
“พวกพี่จะชวนไปปาร์ตี้ร้านไอ้ทายน่ะ ถือเป็นการเชื้อมสัมพันธ์น้องรหัส”“น่าสนุกวะพี่ ผมขอไปด้วยสิ” โบนัสรีบเสนอตัว พร้อมว่างแขนพาดบนไหล่ของปลาทูอย่างลองเชิง ทำอคิณแทบขยับตัวพุ่งใส่แต่มาวินกับการินที่ประกบข้างก็จับไว้แน่น พลางกระซิบเตือนสติ“ท่องไว้ว่านั้นน้อง ไม่ใช่เมีย อย่าออกอาการเยอะ”“น้องเว้ย น้อง” สิ่งที่ทำได้คือกัดปาก ถอดหายใจหนักๆอย่างคนข่มอารมณ์ตัวเองแล้วทดเอาไว้ในใจ หมายหัวไอ้เด็กเวรนี้ลงบัญชีดำก่อนใครเพื่อน ขณะที่ปลาทูก็ปัดมือปลาหมึกออกแต่โบนัสก็พาดลงมาใหม่ เป็นแบบนี้อยู่หลายรอบจนเริ่มรำคาญเลยปล่อยไป ก่อนจะหันกลับมาสนใจรุ่นพี่ตรงหน้า“งั้นปลาทูขอถาม...ผู้ปกครองก่อนนะคะ” ผู้ปกครองที่ว่านั้นก็ไม่ใช่ใคร คือพี่ข้างบ้านนั้นแหละ ดูสิว่าพูดขนาดนี้แล้วพี่คนขี้งอนจะว่าไง“อ่า...งั้นถือว่าไป เพราะผู้ปกครองของเราก็ไป” อาเธอร์ตบบ่าเพื่อนเบาๆ“ใช่ป่ะมึง?” การินก็ส่งสายตาถามเจ้าตัว“อึม” ตอบเรียบๆ ทว่าในใจกลับลุ้นหนักว่าน้องจะว่าไงต่อ“งั้น...” สีหน้าครุ่นคิด “ไปก็ได้ค่ะ”แค่นั้นใบหน้าของรุ่นพี่ทุกคนก็ประดับด้วยรอยยิ้ม ปลาทูจึงหันไปชวนยิ้มให้ไปด้วยกันซึ่งยิ้มก็ตอบตกลง ส่วนโบนัสที่ขอไปด้
“ปลาทู ยิ้ม นี้ปันปัน น้องรหัสพี่” มาวินแนะนำสาวน้อยหน้าตาน่ารักภายใต้แว่นกรอบหนาให้สองสาวรู้จัก ปลุกให้คนที่กำลังอยู่กับความคิดตัวเองได้สติ“เราเรียนสาขาและห้องเดียวกันค่ะ” ยิ้มอธิบาย ขณะที่ปลาทูก็มีสีหน้าคล้ายคนที่พึ่งจะนึกออก “ใช่ๆ จำได้ล่ะ” ปลาทูนั้นพอจะเคยเห็นปันปันอยู่บ้าง เพียงแต่อีกฝ่ายนั้นค่อยข้างเป็นคนที่เงียบขรึม เราเลยไม่ค่อยได้คุยกัน “งั้นยินดีที่ได้รู้จักอย่างเป็นทางการนะปันปัน”“อึม” เจ้าของชื่อขานรับในรลำคอ พลางระบายยิ้มบางๆ ไม่ใช่ว่าหยิ่ง แต่เธอแค่เป็นประเภทที่ไม่ชอบเข้าสังคม ติดสันโดษ จะเรียกว่า Introvert ก็คงไม่ผิด นี่ถ้าพี่รหัสไม่ชวนมาเธอคงจะนั่งเขียนนิยายอยยู่ในห้องการินกับเพทายก็แนะนำหญิงสาวน้องรหัสของตัวเองให้ทั้งสามรู้จักบ้าง ทำให้ปลาทูเริ่มจะพูดมากขึ้นเพราะเป็นคนพูดไม่หยุดอยู่แล้ว“งั้นวันนี้พวกเราอยากดื่มอะไรก็สั่งเลยนะ พวกพี่เลี้ยงเอง” “เย้!” สาวๆรุ่นน้องชอบใจก่อนที่เพทายจะยกมือเรียกพนักงาน ทุกคนสั่งกันเรียบร้อยปลาทูก็เตรียมจะอ้าปาก“คอสโม” อคิณสั่งแทน คอสโมโพลิแทนเป็นเครื่องดื่มที่มีเหล้าน้อย ดื่มง่าย น่าจะเหมาะที่สุดสำหรับคนที่ไม่เคยดื่มแอลกอฮอล์อย่างเธ
“พี่คิณ หนูขอโทษ” ปลาทูพึมพำทั้งที่เปลือกตายังปิดสนิท ทำนิ้วเรียวของพี่ชะงัก “หนูไม่รู้ว่าพี่จะโกรธหนูขนาดนี้ ถ้ารู้หนูคงไม่ทำ พี่เค้กส้มเขาชอบพี่มาก”“...”นิ่งฟัง ขณะที่หัวใจกระตุกเต้นไร้จังหวะ เหตุเพราะคำว่า ‘หนู’ ที่คนตัวเล็กใช้แทนตัวเองเป็นครั้งแรก “อย่าโกรธหนูเลยนะ หนูไม่ชอบตัวเองเลยตอนเราทะเลาะกัน”อคิณขยับใบหน้าเข้าไปใกล้ สัมผัสได้ถึงลมหายใจของอีกฝ่ายที่เจือกลิ่นแอลกอฮอล์ทำเอาอยากจะเข้าไปอีก “ทำไม?” เอ่ยถามคนละเมอด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา แอบกลืนน้ำลายลงคอพร้อมกับมองสำรวจดวงหน้าสีหวาน “ไม่มีความสุข ใจหนูมันโหวงๆตลอดเวลา ไม่ชอบสักนิด”“แล้วชอบแบบไหน?” ไม่รู้อะไรดลใจให้ถามอะไรที่มันส่งผลกับใจตัวเองแบบนั้น ทว่าเหนือสิ่งอื่นใด เปลือกตาคู่น้อยค่อยๆปรือขึ้น ฟ้องว่าทั้งหมดที่พูดมา เด็กน้อยไม่ได้ละเมอ“ชอบแบบที่เป็นพี่คิณ...ของหนู” เป็นอีกครั้งที่ลำคอหนาแห้งเผือด กลืนน้ำลงคออย่างยากลำบาก “อย่าโกรธหนูเลยนะคะ”“อย่าทำหน้าแบบนี้?” จังหวะนี้โดนน็อกแทบไม่เหลือความเคร่งขรึม ปลายนิ้วลูบไล้เบาๆบนผิวแก้มน้อง ที่ตอนนี้สีชัดกว่าปกติ“พี่คิณ หายโกรธหนูนะ” ยังคงอ้อนพร้อมทำตาแป๋ว ชนิดที่นอกจากหัวใจจะสั่
ความเสียดเสียวเล่นงานจนเผลอกัดปากล่างตัวเอง มือบางขย้ำลงกับผ้าปูจนยับยู่ระบายความวาบหวามที่ก่อเกิด หายใจหอบหนักยิ่งกว่าการแข่งวิ่ง อีกฝ่ายก็เล่นกับความรู้สึกและจิตใจโดยการ เกี่ยวแพนตี้ไปด้านข้างแล้วสอดนิ้วกลางเข้ามารุกรานภายในร่องเปียกชื้นที่คับแน่น เล่นเอาใบหน้างามเหยเก จนพี่หวั่นใจ“เจ็บเหรอ?”“...” ปลาทูส่ายหน้า ไม่เข้าใจความรู้สึกตอนนี้ จะเจ็บก็ไม่เจ็บจะเสียวก็ไม่เสียว มันแน่นไปจนน่าอึดอัด “ใจเย็นๆแล้วมองหน้าฉัน” เวลานี้ไม่รู้หรอกว่าควรจะปลอบยังไง เพราะไม่เคยต้องเล้าโลมหรือใจเย็นกับผู้หญิงคนไหนมากเท่านี้มาก่อน เด็กน้อยลืมตา ช้อนขึ้นมองดวงตาคมกริบที่ตอนนี้หยาดเยิ้มไม่ต่างกัน “อย่าเกร็ง ไม่งั้นเธอจะเจ็บ”“ตะ แต่ปลาทู...” “ใจเย็นๆ” แววตากังวนฉายชัด อคิณจึงตัดบท เขารู้ว่าเธอกำลังกลัว “มองตาฉันแล้วอย่าว่อกแวก” หลอกล่อด้วยคำพูดเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ เริ่มขยับช่วงล่างจากเชิงช้าแล้วค่อยเพิ่มจังหวะ พลางลอบมองดวงหน้าหวานไปด้วย เมื่อไหร่ที่เธอเกร็ง นิ้วเรียวก็จะหยุด “ใจเย็นๆ ฉันอยู่นี้ ฉันจะไม่ทำเธอเจ็บ” และเมื่อไหร่ที่ร่องสาวเริ่มผ่อนแรงอคิณก็เร่งเร้า แต่หลังๆมาอดใจไม่ได้ เพิ่มจำนวนนิ้วจา
“พะ พี่คิณก็ขยับอยู่” “ฉันหมายถึง...เย_เธอแรงๆ” คำพูดที่ตรงไปตรงมาเป็นสิ่งที่ไวต่อความรู้สึกของคนใต้ร่าง นอกจากโพรงสาวจะตอดรัดแล้วยังผลิตน้ำออกมา ช่วยให้ลำกายที่ผลุบเข้าผลุบออก ทำหน้าที่ได้ดียิ่งขึ้น“ดะ เดี๋ยวพี่คิณ อร๊าย อะ” ปลาทูร้องเสียงหลงเมื่อคนร้อนแรงไม่คิดจะรอคำตอบ ออกแรงกระแทกความแข็งขื่อเข้ามาอย่างเอาแต่ใจ พร้อมกับเลื่อนปลายนิ้วผ่านผิวกายขึ้นมาสะกิดเขี่ยยอดอกที่ตั้งชัน ทำเอาคนเสียวกระสันแอ่นกายบิดเร่า อคิณมองว่าคนตัวเล็กโคตรเซ็กซี่ อดใจไม่อยู่ก้มลงดูดดึงเต้าอวบนุ่ม ยิ่งกว่าโหยหา สูดกลิ่นหอมเข้าปอดหนักๆ หลงใหลเรือนร่างยิ่งกว่าสิ่งใดพลับ พลับ พลับทุกการเคลื่อนไหวขับเคลื่อนเต็มไปด้วยความหนักหน่วง เสียงเนื้อกระทบบวกกับเสียงครวญคราง ส่งผลให้เราทั้งคู่จมอยู่ในห้วงของอารมณ์ความต้องการ ใบหน้าหล่อเหล่าผุดเหงื่อเม็ดเล็กเต็มกรอบหน้าและคิดว่าน้องก็คงเป็นเหมือนกัน“รีโมทแอร์อยู่ไหน” เอ่ยถาม กลัวว่าน้องจะผืนขึ้นจนเอาต่อไม่ได้“ยะ อยู่ตรงประตู อ่ะ” ฝ่ามือใหญ่จับแขนเล็กให้โอบลอบลำคอ ก่อนจะสอดท่อนแขนเข้าใต้แผ่นหลังเนียนที่ตอนนี้ชื้นไปด้วยเหงื่อ กระชับจับร่างเล็กพลิกมานั่งคร่อมบนตัก เอ็น
“พี่ไม่ได้จะทำอะไร แล้วเราล่ะเป็นอะไร? ทำไมต้องหนีพี่?” ปากบอกไม่ทำแต่สายตานี้แทบจะกลืนกิน “มะ ไม่ได้หนีค่ะ” “พูดติดขัด ลมหายใจผิดปกติ แบบนี้...มันมีพิรุธนะคะ” น้ำเสียงกระเซ่าเย้าแหย่ ทำเด็กน้อยอ้าปากพะงาบ ทำตัวไม่ถูก รู้สึกใบหน้าเห่อร้อนอย่างช่วยไม่ได้ คนมันเขี้ยวจึงโน้มลงไปจุ๊บปากจุ๊บปลาทูรีบยกมือขึ้นปิดปาก กระพริบตาปริบๆ เกิดอาการขวยเขินจนอยากกดหน้าลงหมอนแล้วกรี๊ดออกมาดังๆ อะไรกันครับเนี่ย พี่คิณ...เปลี่ยนไป“เป็นอะไรครับ เขินพี่เหรอ?” ละดูน้ำเสียง แถมคนพูดยังเกลี่ยผิวแก้มกันเบาๆอีก อร๊าย...ตายๆ ใจบางแล้วค่ะคุณพี่“งะ ง่วงค่ะ” คิดอะไรไม่ออกก็บอกง่วงไปก่อน พร้อมดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดหน้า ทว่าเป็นต้องหวั่นใจเมื่อเขาแทรกตัวเองเข้ามาอยู่ในผ้าห่มเหมือนกัน “จะ จะทำอะไรคะ?”“อยากนอนด้วยค่ะ” แล้วกระพริบตาปริบๆ“...” ใจเย็นไว้ปลาทู ใจเย็นไว้ หายใจเข้าลึกๆ หายใจออกช้าๆ“ขอพี่นอนด้วยนะครับ”กรี๊ด!!! ไม่ไหว ไม่ไหวถึงกับต้องนอนหันหลังให้ ดาเมจพี่คิณจะแรงอะไรเบอร์นั้น นี่หน้าตาดีไม่พอ คารมก็ดีด้วยใบหน้าหล่อเหลาอมยิ้มจนแก้มปริ แทบไม่อยากจะเชื่อว่าคนอย่างเขาก็พูดจาเลียนๆ ออดอ้อน เสียงเล็กเสียงน้
“ที่รัก ลูก...” ในขณะที่คนเป็นภรรยาทำตัวไม่ถูก ทินกรก็เดินขึ้นบันไดมาเห็นชายหนุ่มยืนอยู่หน้าห้องลูกสาวขณะเปลือยท่อนบนก็เข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร จึงปรับน้ำเสียง “ลุงขอคุยด้วยหน่อยสิคิณ” ว่าจบก็เดินไปนั่งรอที่โซนนั่งเล่นอคิณถึงกับนิ่งไปที่อยู่ๆทินกรก็กลับไปใช้คำเรียกแทนตัวเองเช่นเดิม ทั้งที่ก่อนหน้ายังให้เขาเรียกว่าพ่ออยู่เลย“เกี่ยวกับน้องหรือเปล่าครับ?” หันไปถามดารีด้วยน้ำเสียงปกติ แต่ข้างในเหมือนคนกำลังตกลงเหวไปแล้วดารีไม่ได้ตอบนอกจากการระบายยิ้มบางๆ ไม่ว่ายังไงเธอยังคงเห็นอคิณป็นเหมือนลูกชายคนหนึ่ง “น้าของเข้าไปปลุก...”“อย่าเอาน้องไปจากคิณ” อคิณบอกก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้อง เอาเสื้อยืดตัวเมื่อคืนที่ตกพื้นมาใส่ ก่อนออกจากห้องลงไปคุยกับทินกรก็ปิดประตูล็อกห้องเสร็จสรรพ ทำเอาดารีที่ยืนอยู่นึกแปลกใจ ตกลงว่าเด็กหนุ่มจะเอายังไงกับลูกสาวเธอกันแน่ไม่ต้องถามว่าทำไมถึงรู้ว่าเมื่อวานที่ปลาทูร้องไห้เป็นเพราะอคิณ ก็ทั้งตลอดชีวิตที่ผ่านมาของลูกสาว อคิณไม่เคยให้หนุ่มๆที่ไหนเข้าใกล้ลูกสาวเธอเลย และไม่ว่าจะไปไหนทำอะไรอคิณไม่เคยปล่อยให้ลูกสาวเธอได้ฉายเดี่ยว ไปด้วยตลอดเหมือนเงาตามตัว เพราะงั้นมันจึงไ
ปลาทูไม่อาจห้ามความรู้สึกที่กำลังก่อตัวขึ้นมาทีละนิดภายในจิตใจ ไม่สามารถมองหน้าคนกลัดมันให้เป็นดั่งพี่ชายได้เหมือนเดิม ปล่อยให้ความรู้สึกและหัวใจนำพา“จะ จูบได้ไหมคะ?” อคิณช้อนตาขึ้นสบกับดวงตาหยาดเยิ้ม มุมปากหยัดผุดขึ้นชวนหลงใหล ตอบน้ำเสียงน่าฟังไม่ต่างกัน “ได้สิคะ” หากไม่ใช่เพราะเด็กน้อยใต้ร่าง คาดว่าชีวิตนี้เขาคงไม่คิดว่าตัวเองจะปากหวานได้ถึงขนาดนี้......ก็ช่วยไม่ได้อ่ะนะ ในเมื่อเด็กมันยั่ว น่ารัก น่าฟัด น่าขย้ำไปหมดริมฝีปากหนาบรรจงจูบกับเรียวปากนุ่มด้วยความดูดดื่มสลับกับเร่าร้อน คล้ายกำลังส่งผ่านความรู้สึกที่อัดแน่นทั้งหมดให้เธอได้รับรู้ พลางใช้ฝ่ามือขย้ำความอวบอิ่มอย่างหนักมือ จนเนื้อสาวปริตามง่ามนิ้ว ทุกแรงขับเคลื่อนที่ดุดันและหนักหน่วง ส่วนลึกถูกจู่โจมโดยไม่เว้นระยะทำให้สมองน้อยขาวโพลน เนื้อตัวชาวาบ ลมหายใจขาดห้วงก่อนจะโอบกอดคนตัวโตแล้วกระตุกเกร็งนำไปก่อน“พี่ขอบ้างนะ” หยัดตัวขึ้น จับเรียวขาคนหมดแรงขึ้นพาดบ่า แยกขาอีกข้างให้อ้าออกแล้วกดจมลงกับเตียง ก้มมองจุดเชื่อมระหว่างเรา ที่จ้วงลึกสุดออกสุด ไม่วางตา “ซี๊ด น้ำเยอะแต่โคตรแน่น”เด็กน้อยเหนื่อยหอบแต่คนร้อนแรงยังคงควบเอวใส่กั
หลังจากที่อุณหภูมิกลับมาเป็นปกติ คนพึ่งเสร็จสมปรับสภาพได้ อคิณก็ถอดนิ้วออกมาเช็ดกับหน้าอกอวบ ก่อนจะผละจูบแล้วก้มหน้าปาดชิมน้ำรักพร้อมกับดูดงับกับส่วนยอด สายตาช้อนขึ้นสบกับคนอ่อนประสบการณ์“พี่ทรมานมาก หนูรู้ใช่ไหม?” ทรมานจนปวด จนไม่อาจรอได้แล้วอึก! คนถูกถามกลืนน้ำลายลงคอ พยักหน้าเข้าใจในสิ่งที่เขาพูด ขณะที่อคิณขยับขึ้นมา สอดแขนโอบกอดแล้วจับร่างเปลือยเปล่าให้พลิกขึ้นมาทับบนร่างตัวเอง มือเล็กทั้งสองข้างวางเกยบนอกแกร่ง สัมผัสได้ถึงการเต้นแรงของหัวใจดวงโต ส่งผลให้หัวใจเธอเต้นตามเป็นจังหวะเดียวกัน ก่อเกิดความรู้สึกวูบไหว...คล้ายมีผีเสื้อนับล้านตัวกำลังบินว่อนอยู่ในท้อง“งั้น...เด็กดีช่วยพี่หน่อยได้ไหมคะ”“ตะ แต่หนูทำไม่เป็น”“เดี๋ยวพี่สอน” ประคองใบหน้าเนียนขึ้นสีระเรื่อมาจ้องตากัน ขณะที่ฝ่ามืออีกข้างก็ลูบไล้ ไปทั่วแผนหลังชุ่มเหงื่อ “เริ่มจาก...เอานมหนูมาป้อนใส่ปากพี่ก่อน”ปลาทูลอบกลืนน้ำลาย ถ้อยคำการสอนที่ตรงไปตรงมาทำเอาคนฟังเขินหนัก ช่วยไม่ได้ที่ใบหน้าจะเห่อร้อนจนต้องเม้มริมฝีปากเข้าหากัน แอบสะดุ้งตัวเล็กน้อยเมื่อปลายนิ้วซุกซนเลื่อนลงมาวนลูบไล้แถวบั้นท้าย “นะครับ ป้อนพี่หน่อย” น้ำเสียง
“หื้ม?”“ปล่อยนะ ไอ้คนบ้า อื้ม” เสียงใสถูกกลืนกินด้วยริมฝีปากหนาที่ทาบลงมาจูบกับเรียวปากนุ่มสีหวาน บดคลึงเบาๆไม่รุนแรงก่อนจะสอดลิ้นร้อนเข้าไปช่วงชิมความหอมหวานละมุนจากปลายลิ้นน้อยของน้อง ปลุกเร้าอารมณ์สาวที่กำลังหลับใหลให้ก่อตัวลำกายขยายใหญ่ภายใต้กางเกงยีนส์ที่สัมผัสบริเวณท้อง น้อย ทำเอาคนใต้ร่างตาตื่นหัวใจสั่นไหว ความโกรธเมื่อตอนเย็นพลันหายไปอย่างน่ากลัว กลัวใจตัวเองนี่แหละ ที่มันชอบไปเป็นของเขาอุณหภูมิภายในของปลาทูพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆตามระดับของกลีบปากหยักที่บดเคล้าลงมาอย่างดูดดื่ม จากขัดขืนเรี่ยวแรงและร่างกายก็ค่อยๆโอนอ่อน คล้อยตามคนช่ำชองและมากไปด้วยประสบการณ์ เผลอจูบตอบเลียนแบบ แม้จะเงอะงะแต่มันกลับกระชากอารมณ์หนุ่มอคิณสำรวจดวงหน้าละมุนด้วยสายตาหยาดเยิ้มหลังจากที่ผละจูบออก กลืนน้ำลายลงคอครั้งแล้วครั้งเล่า ยิ่งมองก็ยิ่งกระตุ้นอารมณ์ตัวเองเข้าไปใหญ่ ใช้มือข้างหนึ่งประคองใบหน้าเธอเอาไว้ด้วยลมหายใจที่ติดขัด ก่อนจะก้มลงประกบจูบลงมาอีกครั้งอย่างห้ามใจไม่อยู่ร่างกายหนาร้อนยิ่งกว่าไฟ ขยับบดเบียดกับจุดกึ่งกลางสาว ปลาทูถึงกับสั่นสะท้านไปทั้งตัว เผลอไผลกับรสจูบอันร้อนแรง ยากที่จะดึงสติตัว
“กู...” ที่ผ่านมาก็ไม่เคยถามตัวเองแบบนี้เหมือนกัน ทว่าพอคิดว่าเจ้าของใบหน้าหวานละมุนจะหายไป ร่างกายและหัวใจมันก็พลันจะอ่อนแรงลงขึ้นมาเสียดื้อๆ และยิ่งต้องนึกว่าจะมีคนอื่นที่ได้รับความรู้สึกทั้งหมดจากเธอ ก็รู้สึกเจ็บร้าวในอกคล้ายมีคนเอาแท่งเหล็กมาเสียบเข้ากลางอกย้ำๆซ้ำๆตรงจุดเดิมความรู้สึกทั้งหมดนี้เขาไม่ชอบ“มึงไม่ต้องเครียดเพื่อน ค่อยๆคิด ยังไงเด็กนั้นก็ไม่ไปไหนหรอก” ตบบ่าให้กำลังใจ แต่ก็กลัวอีกคนจะคิดไม่ได้ “แต่แมวตัวอื่นที่รอมึงเผลอ อันนี้กูว่าไม่แน่”“ไอ้เหี้ยทาย!” อคิณลุกขึ้นตะโกนด่าไล่หลังเพื่อน ทว่าพอกลับมานั่งใบหน้าก็ผุดรอยยิ้มกว้างอย่างไม่ปิดบัง พลันนึกถึงดวงหน้าหวานพร้อมกับรอยยิ้มออดอ้อนที่เธอชอบใช้เวลาอยากได้ของ แค่นั้นก็ชื่นใจ โอเค ยอมรับแล้วว่าชอบยัยเด็กทิงเจอร์...แล้วทีนี้กูต้องเริ่มจีบน้องมันยังไงวะเนี่ย@บ้านอคิณดวงตาคมกริบมองไปยังบ้านข้างๆที่ตอนนี้ได้ถูกความมืดมิดปกคลุม เขายืนลังเลอยู่ตรงประตูเชื่อมระหว่างบ้านเขากับบ้านเธอมาเกือบหนึ่งชั่วโมงเต็ม แต่ยังไม่มีทีท่าว่าจะย้ายไปไหนถ้าเคาะประตูแล้วตะโกนเรียก พ่อกับแม่เธอจะตื่นด้วยไหมวะ“หรือว่ากูต้องปีนขึ้นห้องเมียตัวเอ
“ฉัน...” คำถามนี้เขาก็ไม่รู้จะตอบยังไง จะบอกว่าโกรธที่เธอคุยกับคนอื่น ส่งยิ้มให้คนอื่นแบบนี้เหรอ มันดูไม่ใช่เขาเลยสักนิด“ก่อนหน้านี้พี่คิณบอกเองว่าไม่อยากได้ปลาทูเป็นเมีย แล้วตอนนี้พี่คิณเป็นอะไร จูบปลาทูทำไม?” อยู่ๆดวงตามันก็ร้อนผ่าวขึ้นมา รู้สึกเหมือนมีอะไรมาแทงที่อก“...”“ถ้าพี่คิณไม่ชอบปลาทู ไม่ได้รู้สึกแบบนั้น พี่คิณก็ควรจะอยู่ให้ห่างสิ ไม่ใช่มาทำอะไรแบบนี้งะ” ยิ่งเขาทำแบบนี้คนที่จะเป็นบ้าก็คือตัวเธอเอง“...”“ตะ ต่อไปพี่คิณอย่าทำแบบนี้กับปลาทูอีก” ว่าจบก็เปิดประตูลงจากรถแล้ววิ่งเข้าบ้านตัวเอง การที่เขาปิดปากเงียบไม่พูด ก็เท่ากับว่าต้องการที่จะรักษาคำว่าพี่น้องระหว่างเราเอาไว้ มันเลยทำเธอรู้สึกแย่และเจ็บไม่น้อยไม่รู้ว่าเผลอพาพี่คนนั้นเข้ามาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เขาคิดอยากจะทำอะไรกับตัวเธอเขาก็ทำ แล้วเธอก็ประเคนให้เขาหมด หมดแล้ว หมดเลยจริงๆ“ปลาทูเป็นอะไรลูก?” ดารีออกมาจากในครัวเห็นลูกสาวตัวน้อยยืนน้ำตาไหลจับหน้าอกตัวเองอยู่ตรงประตูก็ตกใจ เข้ามาดู “แม่คะ ฮึก” น้ำเสียงสิ้นหวังสั่นเครือ ขณะโผเข้ากอดผู้เป็นแม่ “ปลาทูเจ็บค่ะ เจ็บตรงนี้งะ” ชี้ที่อกข้างซ้ายต
20นาทีต่อมาหมดเวลาพักทุกคนก็กลับลงสนาม ไปประจำตำแหน่งของตัวเอง ปลาทูจึงได้กลับเข้าไปอยู่ในโลกของตัวเองเช่นกัน เธอเอาหูฟังมาใส่เปิดเพลงกลอกหูแล้ววาดรูปต่อ เก็บรายละเอียดเพียงเล็กน้อยก็เอามือถือขึ้นมาถ่าย เข้าโปรแกรมระบายสีที่โหลดไว้ติดเครื่องนิ้วเรียวกดหน้าจอที่แสดงภาพจานสีก่อนจะบรรจงระบายอย่างตั้งใจ อาจจะดูเละเทะไปหน่อยเพราะใช้นิ้วแทนปากกา แต่อย่างน้อยก็ไม่ได้ดูแย่จนเหมือนเด็กอนุบาลระบายสี ก่อนจะชะงักเมื่อเหลือบเห็นขาของใครบางคนอยู่ตรงหน้า “สวัสดีครับ” คนแปลกหน้ากล่าวทักทายพร้อมโบกมือด้วยรอยยิ้ม ปลาทูจึงถอดหูฟังออกแล้วตอบกลับอย่างมีมารยาท“สวัสดีค่ะ” เดาจากสายตาความสูงน่าจะพอๆกับพี่คิณ เรื่องหน้าตาถือว่าหล่อจัด“พี่ชื่อคิมนะครับ อยู่สถาปัตย์ปีสาม เห็นเราวาดรูปน่ารักดีพี่เลยมาทัก” “อ่อ ขอบคุณค่ะ” พอเข้าใจ ใบหน้าหวานละมุมก็ฉีกยิ้มให้อย่างเป็นมิตร “พอดีปลาทูมารอพี่ชายเล่นบอลน่ะค่ะเลยหาอะไรฆ่าเวลา”“พี่ชายที่จ้องจะงับเองละสิไม่ว่า” เสียงเอ่ยเบาๆของเค้กส้ม ทำให้ทั้งปลาทูและคิมหันไปมอง เจ้าตัวจึงแกล้งตีหน้าใสซื่อ “อุ้ย พี่พูดเสียงดังไปเหรอ ขอโทษนะ”“ไม่เป็นไร ปลาทูไม่ได้ยินที่พี่เค้กส้ม
ดวงตาคมกริบที่นอกจากจะต้องมองตามลูกบอลกลมๆที่ถูกคนนู้นคนนี้เตะส่งกันไปมาแล้ว ยังคอยสอดส่องไปยังร่างเล็กที่นั่งก้มหน้าก้มตาทำอะไรสักอย่าง แต่ถ้าให้เดาปลาทูคงจะนั่งเขียนการบ้านหรือไม่ก็นั่งวาดรูปอะไรไปเรื่อยเปื่อยเขาจำได้ว่าตอนเด็กๆน้องชอบวาดรูปมาก แต่พอโตขึ้น เวลาที่เคยมีก็ถูกถ่ายเทไปให้กับการเรียนบ้าง กับซีรีย์บ้าง หรือไม่ก็กับพี่ชายอย่างเขาเอง ไม่รู้ทำไมมันอยู่ไม่สุข ถ้าไม่ได้เล่นเกมส์ด้วยกัน“หึ” มันช่วยไม่ได้ที่พอนึกถึงแล้วจะไม่หัวเราะ“บอลอยู่ในสนาม ไม่ใช่อยู่ข้างสนามโว้ย!” การินวิ่งหอบเข้ามาตบหัวเพื่อนหนึ่งที โทษฐานที่วอกแวก คาดว่ามันคงสนใจสิ่งนั้นมากกว่าลูกบอลแล้วตอนนี้“กูขอเถอะนะไอ้คิณ สนใจเพื่อนก่อน จบเกมส์มึงอยากจะทำอะไรมึงก็ไป” ประธานรุ่นถึงกับออกปากเพราะนี่ไม่ใช่การซ้อมเล่นๆเหมือนทุกๆวัน แต่เป็นการซ้อมใหญ่เพื่อไปแข่งจริงในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า จะเรียกว่าศึกของศักดิ์ศรีเลยก็ได้“พ่อมึงเรียกละ” การินว่าทิ้งท้ายก่อนจะแยกออกไป อคิณหันไปมองใบหน้าหวานอีกครั้งก่อนจะกลับมาโฟกัสในสนาม“แก...พี่คิณหันมามองฉันด้วย” น้ำเสียงตื่นเต้นของผู้หญิงกลุ่มหนึ่งที่นั่งอยู่ไม่ไกลเรียกความสนใจขอ