แสงแดดยามเช้าส่องผ่านหน้าต่าง หวังกุยหลันนั่งอยู่หน้าโต๊ะไม้เก่าๆ ในห้องตรวจคนไข้ของตระกูลหวัง นางกำลังพยายามทำความเข้าใจตำราแพทย์จีนโบราณที่วางอยู่ตรงหน้า ปัญหาของนางตอนนี้ก็คือตัวอักษรเหล่านี้เป็นอักษรโบราณ และยังต้องฝึกการจับพู่กันอีก นี่ก็ไม่ได้ใช้ของแบบนี้มานานมาก ใครจะไปรู้ว่าวันหนึ่งจะคิดถึงปากกา ดินสอและแท็ปแล็ตมากขนาดนี้
“ฉันอยากได้ปากกาของฉัน”
หญิงบ่นพึมพำ พลางขยี้ตาไปมานึกถึงวีรกรรมในห้องตรวจที่เผลอหยิบปากกาของพยาบาลมาใช้อยู่เสมอ ตอนนี้คงเป็นเพราะกรรมตามสนอง เธอไม่มีปากกาใช้ แค่ปากกายังไม่มีเลย!
ทันใดนั้น เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
"เข้ามา" หวังกุยหลันตอบรับ พลางจัดท่านั่งให้เรียบร้อย พลันประตูเปิดออก และคนที่ก้าวเข้ามาทำให้หวังกุยหลันแทบสำลักน้ำลายตัวเอง
"คุณชายเจียงไห่ถัง!" อุทานออกมาอย่างตกใจไม่คิดว่าจะได้เจอคนที่ไม่อยากเจออย่างนี้
ชายหนุ่มรูปงามยิ้มบางๆ พลางคำนับ “คุณหนูกุยหลัน ข้าหวังว่าจะไม่ได้รบกวนท่าน"
หวังกุยหลันรีบลุกขึ้นยืน แต่เผลอสะดุดชายกระโปรงตัวเองจนเซไปชนโต๊ะ ทำให้ขวดยาหลายใบกลิ้งตกพื้น
"โอ๊ะ! ระวังขอรับ!" เจียงไห่ถังรีบเข้ามาช่วยประคอง
หวังกุยหลันรู้สึกใบหน้าร้อนผ่าวด้วยความอับอาย "ขอบคุณ... เอ่อ... ท่านมาหาข้ามีธุระอันใดหรือ?"
เจียงไห่ถังยิ้มอย่างเขินอาย "ความจริงแล้ว ข้ามีปัญหาที่อยากปรึกษาท่าน"
"ปัญหา? ปัญหาอะไรหรือ?" หวังกุยหลันถามอย่างระแวง คิดในใจ
'อย่าบอกนะว่าเขาจะมาสารภาพรัก!'
"คือว่า..." เจียงไห่ถังพูดเสียงเบา "ข้า... ข้าเป็นโรคนอนกรน"
หวังกุยหลันทำตาปริบๆ ทบทวนที่เขาพูดมาแล้วก็ถามออกไปอีกครั้ว
" อาการนอนกรนหรือ?"
"ใช่ขอรับ" เจียงไห่ถังพยักหน้า สีหน้าเศร้าสร้อย "มันทำให้ข้าไม่กล้านอนใกล้ใคร กลัวว่าจะรบกวนการพักผ่อนของผู้อื่น โดยเฉพาะ... คู่หมั้นของข้า"
หวังกุยหลันถอนหายใจโล่งอก 'ดีแล้ว เขาไม่ได้มาสารภาพรัก’ ถึงจะหน้าตาดีแค่ไหนนางก็ไม่ได้มีความคิดที่จะแย่งเขามาจากน้องสาวเหมือนอย่างเจ้าของร่างเดิม
"อา... อาการนอนกรนนี่รักษาได้นะ" นางพูดอย่างมั่นใจ “การนอนกรนมีหลายระดับ กรนธรรมดา ไม่อันตราย เพราะไม่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับร่วมด้วย ผู้ป่วยไม่เดือดร้อน เพราะไม่มีผลกระทบต่อตัวผู้ป่วยเองมากนัก และกรนอันตรายมีภาวะหยุดหายใจขณะหลับร่วมด้วย นอกจากจะมีผลกระทบต่อคนรอบข้างแล้ว ถ้าผู้ป่วยไม่รักษา อาจมีอาการง่วงมากผิดปกติในเวลากลางวัน ทำให้เรียนหรือทำงานได้ไม่เต็มที่ นอกจากนั้นจะมีอัตราเสี่ยงสูงที่จะเป็นโรคอื่นๆ ได้ เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันจากการขาดเลือด ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ โรคความดันโลหิตในปอดสูง โรคหลอดเลือดในสมอง ผู้ป่วยอาจมีอายุสั้น อยู่ได้ไม่นาน โดยเฉพาะถ้าดัชนีหยุดหายใจและหายใจแผ่วเบา”
หญิงสาวร่ายยาวถอดตำราเรียนในโลกปัจจุบันมาเกือบหมด คนฟังได้แต่ทำหน้างุนงงไม่เข้าใจสิ่งที่เธอพูดออกมาสักคำ หวังกุยหลันเพิ่งนึกได้ว่าตอนนี้ไม่โลกปัจจุบันแล้ว เธอกระแอมไอเล็กน้อยแล้วพยายามนึกถึงที่คุณปู่เคยสอน
“เอาอย่างนี้ คุณชายมีอาการหลับยาก หงุดหงิด เบื่ออาหารอ่อนเพลียหรือไม่”
เขานิ่งคิดไปครู่หนึ่งก่อนพยักหน้ารับ “แม่นางพูดออกมาข้าก็เพิ่งสังเกตว่าเป็นเช่นนั้นจริง”
“ขอข้าจับชีพจรคุณชายหน่อย” เธอเชิญให้เขานั่ง ว่ากันตามจริงเธอจับชีพจรแบบพื้นฐานได้แต่ยังไม่สามารถตรวจในระดับลึกได้ ถ้ามีสเต็ตโทสโคป (Stethoscope) หรือหูฟังหมออยู่กับตัว เธอจะยังวิเคราะห์ได้แม่นยำกว่า แต่เอาเถอะ ตอนนี้ไม่มีเครื่องมือ เธอต้องทำตามสัญชาตญาณ
หญิงสาวสงบใจและทำตามที่ปู่เคยสอน ครู่หนึ่งก็ดึงมือกลับแล้วขอให้คุณชายเจียงไห่ถังอ้าปาก
“อ้ากว้างๆ ขอดูลิ้นของคุณชายด้วย”
ชายหนุ่มมีท่าทีเก้อเขินก่อนทำตามที่สั่ง หวังกุยหลันพยักหน้าอย่างพอใจแล้วให้เขาปิดปากได้
“ระยะนี้คุณชายมีเรื่องให้วิตกกังวลใจใช่หรือไม่”
“เอ่อ เป็นเช่นนั้นจริง”
“ชีพจรซี่ซู่เกิดจากไตอินพร่อง หยางหัวใจมากเกินไป ใช้น้ำดับไฟ ให้ไตและหัวใจทำงานประสานกัน ต้องปรับสมดุลบำรุงม้ามกระเพาะ บำรุงเลือดหล่อเลี้ยงเสิน เพื่อให้อาการคงที่ ข้าสามารถเขียนเทียบยาให้คุณชายได้ แต่เรื่องการฝั่งเข็มนั้น...เอ่อ เอาเป็นว่าคุณชายลองกินยาและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตน ลดการดื่มสุรารสแรง หลังกินอาหารให้เดินย่อย ดื่มน้ำอุ่นละลายเสมหะและพักผ่อนให้เพียงพอ เวลานอนอย่าให้มีสิ่งรบกวนจะช่วยคุณชายได้มาก”
“ข้าไม่คิดว่าการนอนกรนจะบ่งบอกว่าร่างอ่อนแอถึงเพียงนี้”
“ร่างกายสะสมความเครียดและเหนื่อยล้าไว้มาก”
เจียงไห่ถังยิ้มกว้าง "ขอบคุณมากขอรับ คุณหนูกุยหลัน ข้าจะทำตามคำแนะนำของท่านทุกอย่าง"
หญิงสาวเขียนเทียบยาด้วยลายมือที่...ไม่สวยงามนัก แต่อย่างน้อยก็พอจะอ่านออกได้ล่ะ เจียงไห่ถังจากไปรับใบสั่งยาแล้วก็ขอตัวจากไป หวังกุยหลันก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่“นี่ฉันจะทำหน้าที่หมอในยุคโบราณนี้ได้จริงๆเหรอ แต่อย่างน้อยก็ผ่านไปได้ด้วยดี"ถ้ายังหาทางกลับบ้านไม่ได้ ก็คงต้องเรียนรู้ที่จะอยู่ที่นี่และเริ่มจากศึกษาตำรายาเหล่านั้น โอ๊ย! ฉันไม่ชอบยาจีน นี่ฉันต้องฝึกฝังเข็มใช่ไหม! ทันใดนั้น เสียงฝีเท้าเร่งรีบก็ดังมาจากนอกห้อง ก่อนที่ประตูจะเปิดผางออก"พี่สาว!" เสียงของหวังจูหรันดังขึ้น "ข้าได้ยินว่าคุณชายเจียงมาหาท่าน เกิดอะไรขึ้นหรือ?"หวังกุยหลัน มองน้องสาวที่กำลังจ้องนางด้วยสายตาคาดคั้น แล้วก็ส่ายหน้าไปมา"คุณชายเจียงน่ะหรือ?" หวังกุยหลันพูดเสียงราบเรียบโดยไม่ต้องฝืนเพราะเธอไม่ได้หวั่นไหวกับผู้ชายของน้องสาวเลยสักนิด"เรื่องอะไรหรือ พี่สาว?" หวังจูหรันเร่งเร้า ดวงตาเป็นประกาย" เรื่องการนอนกรน" หวังกุยหลันพูดแล้วเดินไปหยิบตำราแพทย์ที่อยู่บนชั้นออกมาเปิดดู เธอตั้งใจจะจดจำตำแหน่งต่างๆ ในการฝังเข็ม ปู่เคยสอนแต่มันก็นานมากแล้ว"นอนกรน?" หวังจูหรันทำหน้างุนงง "คุณชายเจียงมาปรึกษาพี่เรื่องนอนกรนอย
ขณะที่นั่งรอโจ๊ก หวังกุยหลันสังเกตเห็นผื่นแดงบนผิวของเด็กหนุ่ม"เจ้าเป็นโรคผิวหนังหรือ?" นางถามอย่างเป็นห่วงเด็กชายพยักหน้า "ใช่ขอรับ มันคันและเจ็บมาก"หวังกุยหลันครุ่นคิด 'นี่อาจเป็นโอกาสที่ข้าจะได้ใช้ความรู้ทางการแพทย์สมัยใหม่ช่วยเหลือคน'"หลังจากกินโจ๊กแล้ว เจ้าไปที่บ้านข้านะ ข้าจะลองรักษาโรคผิวหนังให้เจ้า"เด็กชายยิ้มกว้าง "จริงหรือขอรับ? ขอบคุณมากเลย คุณหนู!"ขณะที่ทั้งสองกำลังกินโจ๊ก หวังกุยหลันก็รู้สึกเหมือนมีใครกำลังจ้องมองอยู่ นางหันไปมองรอบๆ แต่ไม่เห็นใครที่น่าสงสัย'แปลกจัง' นางคิด 'รู้สึกเหมือนมีคนแอบดูเราอยู่... หรือว่าจะคิดไปเองนะ?'หวังกุยหลันพาเด็กหนุ่มขอทานกลับมาที่ห้องตรวจของนาง เขามองรอบห้องด้วยความตื่นตาตื่นใจ"นั่งลงตรงนี้นะ" หวังกุยหลันชี้ไปที่เก้าอี้ไม้ "ข้าชื่อหวังกุยหลัน แล้วเจ้าล่ะชื่ออะไร?""ข้าชื่อเสี่ยวหู (หนูน้อย) ขอรับ" เด็กหนุ่มตอบเสียงเบาหวังกุยหลันยิ้ม "ชื่อน่ารักดีนะ เสี่ยวหู ตอนนี้ข้าจะตรวจดูผิวหนังของเจ้า"นางเริ่มสำรวจผื่นแดงบนผิวของชายหนุ่ม พลางคิดหนัก 'ดูเหมือนจะเป็นโรคผิวหนังอักเสบ... แต่จะรักษาอย่างไรดีล่ะ?' หญิงสาวครุ่นคิด หากเป็นโลกที่จา
หวังกุยหลันตกใจ ถอยหลังไปก้าวหนึ่ง "เสี่ยวหู? เจ้าเป็นอะไรไป?"เสี่ยวหูยิ้มบางๆ "อันที่จริง ข้าไม่ใช่เด็กขอทานธรรมดา ข้าคือโอวหยางฮุ่ย หลานชายของเจ้าสำนักยุทธ์ที่มีชื่อเสียงในเมืองนี้"‘แล้วอย่างไร ข้าต้องตื่นเต้นหรือตกใจล่ะ’โอวหยางฮุ่ยยืนยันเพราะคิดว่าผู้มีพระคุณไม่เชื่อ " ข้าพูดความจริง ข้าปลอมตัวเป็นขอทานเพื่อทดสอบคุณธรรมของผู้คนในเมืองนี้ และท่านก็ผ่านการทดสอบอย่างงดงาม นี่ก็เป็นหนึ่งในบททดสอบของข้าที่ท่านปู่ให้มาเช่นกัน และข้าได้พบกับผู้ที่มีจิตใจงดงาม และมีความละเอียดรอบคอบ ดูออกว่าข้านั้นเป็นโรคผิวหนัง เช่นท่านเป็นคนแรก"หวังกุยหลันยืนนิ่งงัน สมองพยายามประมวลผลข้อมูลที่ได้รับ "แต่... แต่โรคผิวหนังของเจ้า..."โอวหยางฮุ่ยหัวเราะเบาๆ "เป็นแค่การแต่งหน้าขอรับ แต่วิธีรักษาของท่านก็ช่วยให้ข้ารู้สึกสบายผิวขึ้นจริง""นี่ข้าถูกหลอกให้ใช้น้ำส้มสายชูกับน้ำผึ้งทาตัวเจ้าอย่างนั้นหรือ?""ข้าต้องขอโทษที่หลอกท่าน" โอวหยางฮุ่ยพูดอย่างสำนึกผิด "แต่ข้าทำเพื่อทดสอบความเมตตาและปัญญาของท่าน และท่านก็ทำให้ข้าประทับใจมาก"หวังกุยหลันรู้สึกโกรธอยู่บ้าง นางช่วยเพราะเห็นคนลำบากไม่ใช่อยากถูกทดสอบแบบนี้
"แล้วใครจะเป็นคนป่วยล่ะ?" เจียงไห่ถังถามอย่างกังวลหวังจูหรันยิ้มกว้าง "ก็ท่านไงล่ะ คุณชายเจียง!""ข้าหรือ!?" เจียงไห่ถังอุทานเสียงหลง "แต่... แต่ข้าไม่เคยแสดงละครมาก่อนนะ""ไม่ต้องกังวลไปหรอก" หวังจูหรันยิ้มปลอบใจ นางชอบเขาก็เพราะไม่ว่านางจะทำอะไรหรือพูดสิ่งใด เขาล้วนเชื่อฟังนางเป็นที่สุด "ข้าจะสอนท่านเอง แค่นอนหลับตา แล้วทำเสียงครางๆ ก็พอแล้ว"เจียงไห่ถังถอนหายใจเฮือกใหญ่ "ถ้าท่านว่าอย่างนั้น... ข้าก็จะพยายามเต็มที่""ดีมาก!" หวังจูหรันยิ้มอย่างพอใจ "เตรียมตัวให้พร้อม พรุ่งนี้เราจะเริ่มแผนการของเรา!"ขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกัน ไม่มีใครสังเกตเห็นเงาดำที่แอบฟังอยู่หลังพุ่มไม้ เงานั้นค่อยๆ เคลื่อนตัวออกไปอย่างเงียบเชียบ"แผนการที่น่าสนใจเสียจริง" เสียงกระซิบของชายหนุ่มดังขึ้นเบาๆ "ข้าอยากรู้จังว่าคุณหนูกุยหลันจะรับมือกับสถานการณ์นี้อย่างไร"รุ่งเช้าวันใหม่ เสียงโวยวายดังลั่นจากห้องรับแขกของตระกูลหวัง"พี่สาว แย่แล้ว!! คุณชายเจียงป่วยหนักมาก!" หวังจูหรันร้องเสียงหลง วิ่งเข้ามาในห้องตรวจของหวังกุยหลันหวังกุยหลันที่กำลังดื่มชาอย่างสงบ สำลักจนชาพุ่งออกจากจมูก "อะไรนะ? คุณชายเจียงเป็นอะไร?"
หวังกุยหลันชะงัก นึกในใจ 'ข้าจะอธิบายอย่างไรดีนะ?' หญิงสาวยืนนิ่ง สมองกำลังคิดหาคำอธิบายอย่างรวดเร็ว ในขณะที่หวังจูหรันและเจียงไห่ถังจ้องมองนางอย่างคาดหวัง"ความจริงแล้ว... ข้า... ข้าได้รับการดลใจจากเทพเซียน!""หา!?" ทั้งสองอุทานพร้อมกัน"ใช่แล้ว!" หวังกุยหลันพยักหน้าหงึกๆ "เมื่อไม่กี่วันก่อน ข้าฝันเห็นเทพเซียนแห่งการแพทย์ ท่านมอบความรู้วิเศษให้ข้า ทำให้ข้าเปลี่ยนไป"หวังจูหรันทำตาโต "จริงหรือ พี่สาว? แล้วเหตุใดพี่ถึงไม่บอกข้า?""ก็... ก็เพราะข้ากลัวว่าเจ้าจะไม่เชื่อน่ะสิ" หวังกุยหลันตอบอย่างรวดเร็ว "และข้าก็ต้องการเวลาในการทำความเข้าใจความรู้ใหม่ๆ นี้ด้วย"เจียงไห่ถังพยักหน้าอย่างเข้าใจ " นั่นอธิบายได้ว่าเหตุใดวิธีรักษาของท่านจึงได้แปลกประหลาดแต่ได้ผลนัก" "ใช่แล้ว!" หวังกุยหลันเสริมอย่างมั่นใจยกมือกอดอก เชิดใบหน้าขึ้นเล็กน้อยยิ่งทำให้ดูหยิ่งยโสมากยิ่งขึ้น "เทพเซียนบอกข้าว่า บางครั้งวิธีที่ดูเหมือนบ้าๆ บอๆ ก็อาจเป็นทางรักษาที่ดีที่สุดก็ได้"หวังจูหรันยกมือทาบอก " พี่สาว นี่เป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์มาก! แต่... เหตุใดพี่ถึงดูงุ่มง่ามและลืมอะไรต่อมิอะไรล่ะ?" หวังกุยหลันยิ้มแข็งค้าง จะใ
"ไม่เป็นไรหรอก" หวังจูหรันตบบ่าพี่สาว "ข้าเชื่อในตัวท่าน และนี่ก็เป็นโอกาสดีที่จะพิสูจน์ว่าท่านคู่ควรกับตำแหน่งหมอเซียนแห่งหมู่บ้านเรา"ขณะที่กำลังคุยกัน จู่ๆ ก็มีเสียงหัวเราะดังลั่นมาจากอีกฟากของถนน"ฮ่า ฮ่า ฮ่า! ดูสิใครกำลังจะเข้าร่วมแข่งขัน" เสียงของหญิงสาวดังขึ้นหวังกุยหลันและหวังจูหรันหันไปมอง เห็นหญิงสาวรูปร่างอวบอ้วนในชุดหรูหรากำลังเดินมาพร้อมกับบ่าวรับใช้หญิงสองนาง"นั่นคือใครกัน?" หวังกุยหลันกระซิบถามน้องสาว"นางคือหลิวเสี่ยวเฟย บุตรสาวของหมอหลวงเมืองคนปัจจุบัน" หวังจูหรันตอบ "นางหยิ่งยโสและชอบดูถูกผู้อื่นมาก"หลิวเสี่ยวเฟยเดินมาหยุดตรงหน้าหวังกุยหลัน "เจ้าคิดว่าเจ้าจะมีปัญญาเอาชนะข้าหรือ หวังกุยหลัน? อย่าลืมสิว่าข้าเป็นถึงลูกศิษย์ และบุตรสาวของหมอหลวง"หวังกุยหลันยืนนิ่ง ไม่รู้จะตอบอย่างไร แต่หวังจูหรันกลับก้าวออกมา"พี่สาวข้าเก่งกว่าเจ้าเป็นร้อยเท่า!" หวังจูหรันตอบโต้ "นางได้รับพรจากดวงดาว ไม่ใช่แค่เรียนรู้จากตำราเก่าๆ เหมือนเจ้า"หลิวเสี่ยวเฟยหัวเราะเยาะ "พรจากดวงดาว? ช่างเป็นเรื่องเหลวไหลสิ้นดี! ข้าจะพิสูจน์ให้เห็นว่าใครกันแน่ที่เป็นหมอที่เก่งที่สุดในเมืองนี้"เมื่อหลิวเ
"ประเดี๋ยวก่อน... ท้องของลุงหลี่ดูบวมผิดปกตินะ"นางเข้าไปใกล้ๆ และสังเกตอย่างละเอียด "และกลิ่นนี้... มันคือกลิ่นเหล้า!"ทุกคนเงียบกริบ ลุงหลี่หยุดดิ้นและมองหวังกุยหลันด้วยสายตาตื่นตระหนก"ลุงหลี่" หวังกุยหลันพูดเสียงเข้ม "ท่านดื่มเหล้าเข้าไปใช่หรือไม่?"ลุงหลี่ทำหน้าเจื่อน "อา... ข้าแค่ดื่มนิดหน่อยเพื่อฉลองที่หายจากการปวดท้อง""นิดหน่อย?" หวังกุยหลันยกคิ้ว "ท่านดื่มไปกี่ขวดกันแน่?"ลุงหลี่กลืนน้ำลายเอื๊อก "สาม... สามขวด"เสียงฮือฮาดังขึ้นจากผู้ชม หลิวเสี่ยวเฟยอ้าปากค้าง"ลุงหลี่!" หวังกุยหลันตำหนิ "โรคปวดกระเพาะของท่านมันไม่หายไปทันที ต้องดูแลรักษาตัวอย่างต่อเนื่อง แล้วดื่มเหล้าตั้งสามขวดเลยหรือ? แน่นอนว่าท่านต้องปวดท้องสิ!"ลุงหลี่ทำหน้าสำนึกผิด "ข้าขออภัย คุณหนู ข้าแค่ดีใจมากเกินไป"หวังกุยหลันถอนหายใจ "เอาล่ะ ข้าจะรักษาท่านอีกครั้ง แต่คราวนี้ท่านต้องสัญญาว่าจะไม่ดื่มเหล้าอีก"นางหันไปสั่งผู้ช่วย "เอาน้ำอุ่นผสมน้ำผึ้งและน้ำมะนาวมาให้ข้าที"หลังจากให้ลุงหลี่ดื่มยา อาการของเขาก็ดีขึ้นอย่างรวดเร็วผู้ประกาศตะโกนขึ้น "เยี่ยมมาก คุณหนูกุยหลัน! ท่านไม่เพียงรักษาโรคได้ แต่ยังรู้จักสังเกตแ
หวังกุยหลันขมวดคิ้ว เดินเข้าไปหาฮูหยินหลิน "ฮูหยินหลิน ท่านรู้สึกอย่างไรบ้าง?"ฮูหยินหลินยกมือปิดจมูก "ข้า... ข้ารู้สึกคันจมูกมาก และจามไม่หยุด แต่ผื่นที่หน้าก็หายไปแล้วนะ"หวังกุยหลันสังเกตใกล้ๆ แล้วก็พบสาเหตุ นางหยิบอะไรบางอย่างออกจากชายแขนเสื้อของฮูหยินหลิน"นี่ไงล่ะ" หวังกุยหลันชูสิ่งที่หยิบมาให้ทุกคนดู "เกสรดอกไม้! ฮูหยินหลินคงแพ้เกสรดอกไม้"ทุกคนอ้าปากค้าง หลิวเสี่ยวเฟยทำหน้าเจื่อน"แต่... แต่นั่นมันมาจากไหนกัน?" หลิวเสี่ยวเฟยถามอย่างงุนงงฮูหยินหลินตาโต "อ๋อ! ข้านึกออกแล้ว ก่อนมาที่นี่ ข้าเดินผ่านสวนดอกไม้ คงมีเกสรปลิวมาติดเสื้อข้า"หวังกุยหลันยิ้ม "เห็นหรือไม่? นี่แหละคือเหตุผลที่เราต้องสังเกตและถามคนไข้ให้ละเอียด ไม่ใช่แค่ทายาตามตำราอย่างเดียว"ผู้คนรอบข้างพากันปรบมือชื่นชม หลิวเสี่ยวเฟยได้แต่ยืนอึ้ง ไม่รู้จะพูดอะไร"เอาล่ะ" หวังกุยหลันพูด "ข้าจะให้ยาแก่ฮูหยินหลิน แล้วอาการจามก็จะหายไป"ขณะที่หวังกุยหลันกำลังจัดยาให้ฮูหยินหลิน หลิวเสี่ยวเฟยก็เดินจากไปด้วยความโมโห"รอดูเถอะ หวังกุยหลัน!" หลิวเสี่ยวเฟยพูดกับตัวเอง "รอบสุดท้าย ข้าจะต้องเอาชนะเจ้าให้ได้!"หวังกุยหลันได้ยินคำพูดนั
“ผมไม่รู้” เขาส่ายหน้าไปมา “ผมเปิดหนังสือเล่มนี้ไม่รู้กี่ร้อยครั้งก็ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง บางทีอาจเป็นคุณที่ต้องเปิดมัน”“ฉัน...”“ถ้าคุณอยากกลับนะ” เขาถอนหายใจเบาๆ “ได้ยินว่าคุณกับคู่หมั้นของน้องสาว...”“ไม่ใช่เสียหน่อย” หญิงสาวแยกเขี้ยวใส่ “นั้นมันเรื่องของเจ้าของร่างนี้ต่างหาก”“ผมไม่รู้ว่าเราจะกลับไปได้ไหม แต่ก็อยากลองดู” โอวหยางฮุ่ยค่อยยิ้มออกมาได้ “แต่เราต้องทิ้งทุกอย่างที่นี่กลับไปในปี2025”หญิงสาวกวาดตามองโดยรอบแล้วคลี่ยิ้มออกมา “ฉันคิดว่า...ฉันเข้าใจที่คุณปู่อยากให้ฉันสานต่อแพทย์แผนจีนแล้ว ท่านอยากให้ฉันเป็นหมอที่ดี บางทีนี่อาจเป็นเหตุผลที่ฉันมาที่นี่”“ถ้าคุณไม่มีอะไรติดค้างที่นี่...เราลองเปิดตำราเล่มนั้นดูไหม ถ้าได้กลับก็ดี ไม่ได้กลับก็ไม่เป็นไร ถึงยังไงอยู่ในร่างโอวหยางฮุ่ยก็ไม่ได้แย่”หวังกุยหลันหัวเราะออกมา เธอผ่อนคลายลงมากแล้วก็เพิ่งนึกได้ว่าจับมือเขาอยู่จึงดึงมือตัวเองออกมา“ร่างนี้ก็ไม่ได้แย่ แต่อยากกลับบ้านมากกว่า”“ไม่ต้องห่วงนะ ถ้า...ถ้ากลับไม่ได้ ผมก็อยู่เป็นเพื่อนคุณ”“คุณไม่โกรธฉันเหรอที่ต้องมาติดแหงกในโลกนี้เพราะฉัน”เขายักไหล่แล้วส่งยิ้มทะเล้น “ก็มาแล้วจะให้
“คุณชาย....ท่านเป็นใครกันแน่ เหตุใดข้าพบท่านบ่อยเหลือเกิน ท่านคงว่างงานมากสินะ”ชายหนุ่มหัวเราะร่วนอารมณ์ดี สตรีนางนี้ไม่เหมือนผู้ใดจริงๆ สมแล้วที่...เป็นที่หมายตาและ... "หากข้าบอกว่า...ข้าไม่ใช่คนธรรมดาล่ะ?"นางจ้องหน้าเขาแล้วฉีกยิ้มยียวน “แล้วถ้าข้าบอกว่าข้าไม่ใช่คนธรรมดาล่ะ”‘เพราะข้าเองก็ทะลุมิติมาจากปีค.ศ.2025’“หรือท่านเจ็บป่วยเป็นโรคประหลาดหรือโรคที่พูดกับผู้อื่นไม่ได้” นางกวาดตามองชายตรงหน้า เขารูปร่างสูงใหญ่สวมชุดเรียบๆ แต่ตัดเย็บประณีตสีเข้ม นางเพิ่งสังเกตว่าชายผู้นี้ก็มีใบหน้าหล่อเหลาไม่น้อย ถ้าเป็นยุคปัจจุบันคนผู้นี้ก็เป็นดารานักแสดงได้สบายๆเลยทีเดียว“เหตุใดเจ้าคิดเช่นนั้น”“ท่านมาทดสอบข้าหลายครั้งแล้วมิใช่รึ” นางเบ้ปากใส่ “คนป่วยที่รักษายากที่สุดก็คือคนป่วยที่ไม่ยอมรับว่าตัวเองป่วย”โอวหยางฮุ่ยกระแอมไอ “หากเจ้ารู้แล้ว เจ้าจะลองรักษาข้าดูหรือไม่”“ข้าไม่ได้ตรวจร่างกายท่าน ไม่ทราบอาการ จะรู้ได้อย่างไรว่ารักษาได้หรือไม่” คราวนี้นางตอบจริงจัง“เช่นนั้น พรุ่งนี้ข้าจะให้รถม้าไปรับคุณหนูมาที่จวนของข้า”“ได้ ข้าจะรอ”รถม้าเรียบหรูประเมินด้วยสายตาก็รู้ว่าเป็นรถม้าชั้นดี หวังกุ
หลิวเสี่ยวเฟยเชิดหน้า "แน่นอน ข้าเป็นถึงบุตรสาวของอดีตหมอหลวง ไม่เหมือนใครบางคนที่โชคดีได้ตำแหน่งมาแบบไม่น่าเชื่อ"บรรยากาศรอบข้างเริ่มตึงเครียด ทุกคนต่างหันมามองการเผชิญหน้าของสองสาวโอวหยางฮุ่ยยิ้มมุมปาก "คุณหนูหลิว ข้าว่าท่านอิจฉาความสามารถของคุณหนูกุยหลันหรือไม่?"หลิวเสี่ยวเฟยหน้าแดงก่ำ "อิจฉา? ฮึ! ข้าแค่สงสัยว่านางใช้เล่ห์เหลี่ยมอะไรถึงได้ชนะการแข่งขัน"หวังกุยหลันกำลังจะตอบโต้ แต่จู่ๆ ก็มีเสียงกรีดร้องดังขึ้น"กรี๊ด! งูงู!"เสียงของสตรีผู้หนึ่งดังลั่นทุกคนหันไปมอง เห็นงูเขียวตัวใหญ่เลื้อยอยู่บนพื้น มุ่งหน้ามาทางกลุ่มของหวังกุยหลัน"ช่วยด้วย!" หลิวเสี่ยวเฟยร้องเสียงหลง พยายามปีนขึ้นไปยืนบนโต๊ะใกล้ๆ แต่โต๊ะนั้นเป็นโต๊ะวางขนม พอหลิวเสี่ยวเฟยกระโดดขึ้นไป มันก็พังครืนลงมา ทำให้ขนมและน้ำชากระเด็นเปรอะเปื้อนไปทั่ว โดยเฉพาะบนร่างของหญิงผู้ก่อเหตุอย่างคุณหนูหลิว หวังกุยหลันมองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยความตกใจ แต่แล้วนางก็สังเกตเห็นบางอย่าง"เดี๋ยวก่อน..." นางพูดเสียงดัง "นั่นไม่ใช่งูจริงนี่!"นางก้มลงหยิบ "งู" ตัวนั้นขึ้นมา มันเป็นแค่เชือกผ้าไหมสีเขียวที่หลุดมาจากชุดของใครบางคน ทุกคนอ้าปากค้
"ท่านรู้ได้อย่างไร?" หวังกุยหลันทวนคำ “หรือท่านเป็นคนทำ!”"หึ" โอวหยางฮุ่ยเบ้ปากแล้วยกมือขึ้นกอดอก "เรื่องแค่นี้ไม่ต้องถึงมือข้าหรอก"หวังกุยหลันขมวดคิ้ว "อุบัติเหตุ?"โอวหยางฮุ่ยยิ้มกริ่ม "ย่อมเป็นเช่นนั้น "หวังกุยหลันคร้านจะพูดจากับเขาอีก นางหันไปสนใจคนเจ็บอ้าตรวจจนมั่นใจว่าไม่มีส่วนใดแตกหักหรือบอบช้ำภายใน“เจ้ารู้หรือไม่ว่าชายหญิงไม่ควรแตะเนื้อต้องตัว” โอวหยางฮุ่ยเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม“ข้าเป็นหมอ จะไม่ให้แตะเนื้อต้องตัวได้อย่างไร” นางเลิกคิ้วเป็นท้าทายแล้วหันไปเขียนเทียบยาให้คนเจ็บที่ได้สติแล้ว“น่าสนใจ” ชายหนุ่มพูดแล้วเดินเข้าไปใกล้ หวังกุยหลันขยับตัวถอยห่างทำให้บุรุษหนุ่มเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม นางกลับเชิดใบหน้าขึ้นแล้วเอ่ย“ท่านไม่รู้รึว่าชายหญิงไม่ควรแตะเนื้อต้องตัว”โอวหยางฮุ่ยหัวเราะลั่นไม่เคยมีสตรีใดกล้าต่อปากต่อคำเขาเช่นนี้มาก่อน "โลกนี้เต็มไปด้วยเรื่องประหลาด คุณหนูกุยหลัน ข้าชอบท่านมากจริงๆ"หญิงสาวได้อ้าปากค้างกับสิ่งที่ได้ยิน เขาพูดทิ้งไว้ไร้คำอธิบายแล้วก็หมุนตัวเดินปะปนกับชาวบ้านหายไปจากสายตานาง‘ประหลาด! เจ้านั้นแหละคนประหลาด!’แสงแดดยามเช้าส่องผ่านหน้าต่างห
"หา!?" ลุงหลี่อุทาน "แต่ถ้าข้าไม่ดื่มเหล้า แล้วใครจะร้องเพลงให้ข้าฟังล่ะ?"หวังกุยหลันได้แต่ส่ายหน้า "ลุงหลี่..."บ่ายวันนั้น ขณะที่หวังกุยหลันกำลังจัดยาให้คนไข้คนสุดท้าย จู่ๆ ก็มีเสียงเอะอะดังมาจากด้านนอก"หลีกทาง! หลีกทางด้วย!" เสียงตะโกนดังขึ้นประตู โรงหมอเปิดผางออก เผยให้เห็นร่างของชายหนุ่มรูปงามในชุดขุนนาง"คุณชายเจียงไห่ถัง!" หวังกุยหลันอุทานด้วยความประหลาดใจเจียงไห่ถังเดินเข้ามาในโรงหมอสีหน้าดูกระวนกระวายใจ "คุณหนูกุยหลัน ข้ามีเรื่องด่วนต้องปรึกษาท่าน!"หวังกุยหลันรีบลุกขึ้น "มีอะไรหรือเจ้าคะ? ท่านดูไม่ค่อยสบายเลย"เจียงไห่ถังมองซ้ายมองขวา ก่อนจะกระซิบ "ข้า... ข้ามีปัญหาเรื่องการนอน"หวังกุยหลันเลิกคิ้ว "อาการนอนกรนของท่านกลับมาอีกหรือ?""ไม่ใช่!" เจียงไห่ถังส่ายหน้า "คราวนี้ข้า... ข้าฝันประหลาด""ฝันประหลาด?" หวังกุยหลันทวนคำ "ประหลาดอย่างไรหรือเจ้าคะ?"เจียงไห่ถังกลืนน้ำลายเอื๊อก "ข้าฝันว่าตัวเองกลายเป็นเป็ด แล้วว่ายน้ำอยู่ในทะเลเต้าหู้"หวังกุยหลันพยายามกลั้นขำ "แล้ว... แล้วมันเป็นปัญหาตรงไหนหรือเจ้าคะ?""ปัญหาคือ..." เจียงไห่ถังทำหน้าเครียด "พอข้าตื่นขึ้นมา ข้าก็อยากกินแต
หวังกุยหลันมองโอวหยางฮุ่ยด้วยความประหลาดใจ 'เขามาอยู่ตรงนี้ได้อย่างไรกัน?'"เอาล่ะ" ท่านเจ้าเมืองพูดขึ้น "มาจบพิธีมอบรางวัลกันเถอะ"แต่เมื่อเขาสวมหมวกกลับไป จู่ๆ ก็เกิดอาการคันศีรษะอย่างรุนแรง"โอ๊ย! มันคัน!" ท่านเจ้าเมืองร้องลั่น เกาศีรษะไปมาหวังกุยหลันรีบเข้าไปช่วย "ท่านเจ้าเมือง! ท่านต้องถอดหมวกออกก่อน!"ในที่สุด พิธีมอบรางวัลก็จบลงด้วยภาพของท่านเจ้าเมืองนั่งเกาหัวแปรงๆ หวังกุยหลันกำลังทายาให้ และโอวหยางฮุ่ยยืนอุ้มกบอยู่ข้างๆ ชาวบ้านได้แต่หัวเราะและปรบมือด้วยความขบขันหวังกุยหลันถอนหายใจ คิดในใจ ' นี่มันงานมอบรางวัลหรืองานละครตลกกันแน่?'หลังจากพิธีมอบรางวัลอันวุ่นวาย ท่านเจ้าเมืองได้จัดงานเลี้ยงฉลองชัยให้หวังกุยหลันที่จวนของท่าน บรรดาขุนนางและชาวบ้านชั้นสูงต่างมาร่วมงานกันอย่างคับคั่ง หวังกุยหลันยืนอยู่กลางห้องโถงใหญ่ สวมชุดผ้าไหมเนื้อดีสีแดงแสด แต่ใบหน้ายังคงมีรอยสีเขียวจางๆ"ขอแสดงความยินดีด้วย คุณหนูกุยหลัน!" แขกผู้หนึ่งเอ่ยทัก "ท่านสมควรได้รับตำแหน่งหมอหลวงเมืองจริง"หวังกุยหลันยิ้มเขินๆ "ขอบคุณมากเจ้าค่ะ ข้าจะพยายามทำหน้าที่ให้ดีที่สุด"ทันใดนั้น เสียงโวยวายก็ดังขึ้นจากโต๊
"ท่านเจ้าเมือง" หวังกุยหลันถาม "ท่านมีอาการอย่างไรบ้างหรือ?"ท่านเจ้าเมืองถอนหายใจ "ข้ามีอาการปวดหัวอย่างรุนแรง มึนงง และคลื่นไส้ มันเป็นเช่นนี้มาหลายวันแล้ว"หลิวเสี่ยวเฟยรีบพูด "ข้าทราบแล้ว! ท่านคงเป็นไข้หวัดใหญ่แน่ๆ ข้าจะปรุงยาสมุนไพรแก้ไข้ให้ท่านเดี๋ยวนี้"แต่หวังกุยหลันกลับสังเกตบางอย่าง "เดี๋ยวก่อน... ท่านเจ้าเมือง ข้าขออนุญาตตรวจดูใกล้ๆ หน่อยนะเจ้าคะ"นางเข้าไปใกล้และสังเกตอย่างละเอียด "ท่านเจ้าเมือง... ท่านสวมหมวกใบนี้ตลอดเวลาหรือเจ้าคะ?"ท่านเจ้าเมืองพยักหน้า "ใช่ มันเป็นหมวกประจำตำแหน่งของข้า ข้าต้องสวมมันตลอดเวลาที่ปรากฏตัวต่อสาธารณชน"หวังกุยหลันพยักหน้าเข้าใจ "ข้าขออนุญาตถอดหมวกของท่านหน่อยนะเจ้าคะ"ท่านเจ้าเมืองดูลังเล แต่ก็ยอมให้นางถอดหมวก ทันทีที่หมวกถูกถอดออก ทุกคนก็อุทานด้วยความตกใจ"โอ้! ศีรษะของท่านเจ้าเมือง!" หลิวเสี่ยวเฟยร้องลั่นบนศีรษะของท่านเจ้าเมืองมีรอยแดงและผื่นคันเต็มไปหมดหวังกุยหลันยิ้มบาง "ข้าเข้าใจแล้ว ท่านเจ้าเมือง ท่านแพ้วัสดุที่ใช้ทำหมวกนี่เอง การสวมมันตลอดเวลาทำให้มีเหงื่อไหลและเกิดอาการแพ้ และนั่นเป็นสาเหตุของอาการปวดหัวและมึนงงของท่าน"ท่านเจ้าเม
หวังกุยหลันขมวดคิ้ว เดินเข้าไปหาฮูหยินหลิน "ฮูหยินหลิน ท่านรู้สึกอย่างไรบ้าง?"ฮูหยินหลินยกมือปิดจมูก "ข้า... ข้ารู้สึกคันจมูกมาก และจามไม่หยุด แต่ผื่นที่หน้าก็หายไปแล้วนะ"หวังกุยหลันสังเกตใกล้ๆ แล้วก็พบสาเหตุ นางหยิบอะไรบางอย่างออกจากชายแขนเสื้อของฮูหยินหลิน"นี่ไงล่ะ" หวังกุยหลันชูสิ่งที่หยิบมาให้ทุกคนดู "เกสรดอกไม้! ฮูหยินหลินคงแพ้เกสรดอกไม้"ทุกคนอ้าปากค้าง หลิวเสี่ยวเฟยทำหน้าเจื่อน"แต่... แต่นั่นมันมาจากไหนกัน?" หลิวเสี่ยวเฟยถามอย่างงุนงงฮูหยินหลินตาโต "อ๋อ! ข้านึกออกแล้ว ก่อนมาที่นี่ ข้าเดินผ่านสวนดอกไม้ คงมีเกสรปลิวมาติดเสื้อข้า"หวังกุยหลันยิ้ม "เห็นหรือไม่? นี่แหละคือเหตุผลที่เราต้องสังเกตและถามคนไข้ให้ละเอียด ไม่ใช่แค่ทายาตามตำราอย่างเดียว"ผู้คนรอบข้างพากันปรบมือชื่นชม หลิวเสี่ยวเฟยได้แต่ยืนอึ้ง ไม่รู้จะพูดอะไร"เอาล่ะ" หวังกุยหลันพูด "ข้าจะให้ยาแก่ฮูหยินหลิน แล้วอาการจามก็จะหายไป"ขณะที่หวังกุยหลันกำลังจัดยาให้ฮูหยินหลิน หลิวเสี่ยวเฟยก็เดินจากไปด้วยความโมโห"รอดูเถอะ หวังกุยหลัน!" หลิวเสี่ยวเฟยพูดกับตัวเอง "รอบสุดท้าย ข้าจะต้องเอาชนะเจ้าให้ได้!"หวังกุยหลันได้ยินคำพูดนั
"ประเดี๋ยวก่อน... ท้องของลุงหลี่ดูบวมผิดปกตินะ"นางเข้าไปใกล้ๆ และสังเกตอย่างละเอียด "และกลิ่นนี้... มันคือกลิ่นเหล้า!"ทุกคนเงียบกริบ ลุงหลี่หยุดดิ้นและมองหวังกุยหลันด้วยสายตาตื่นตระหนก"ลุงหลี่" หวังกุยหลันพูดเสียงเข้ม "ท่านดื่มเหล้าเข้าไปใช่หรือไม่?"ลุงหลี่ทำหน้าเจื่อน "อา... ข้าแค่ดื่มนิดหน่อยเพื่อฉลองที่หายจากการปวดท้อง""นิดหน่อย?" หวังกุยหลันยกคิ้ว "ท่านดื่มไปกี่ขวดกันแน่?"ลุงหลี่กลืนน้ำลายเอื๊อก "สาม... สามขวด"เสียงฮือฮาดังขึ้นจากผู้ชม หลิวเสี่ยวเฟยอ้าปากค้าง"ลุงหลี่!" หวังกุยหลันตำหนิ "โรคปวดกระเพาะของท่านมันไม่หายไปทันที ต้องดูแลรักษาตัวอย่างต่อเนื่อง แล้วดื่มเหล้าตั้งสามขวดเลยหรือ? แน่นอนว่าท่านต้องปวดท้องสิ!"ลุงหลี่ทำหน้าสำนึกผิด "ข้าขออภัย คุณหนู ข้าแค่ดีใจมากเกินไป"หวังกุยหลันถอนหายใจ "เอาล่ะ ข้าจะรักษาท่านอีกครั้ง แต่คราวนี้ท่านต้องสัญญาว่าจะไม่ดื่มเหล้าอีก"นางหันไปสั่งผู้ช่วย "เอาน้ำอุ่นผสมน้ำผึ้งและน้ำมะนาวมาให้ข้าที"หลังจากให้ลุงหลี่ดื่มยา อาการของเขาก็ดีขึ้นอย่างรวดเร็วผู้ประกาศตะโกนขึ้น "เยี่ยมมาก คุณหนูกุยหลัน! ท่านไม่เพียงรักษาโรคได้ แต่ยังรู้จักสังเกตแ