"แล้วใครจะเป็นคนป่วยล่ะ?" เจียงไห่ถังถามอย่างกังวล
หวังจูหรันยิ้มกว้าง "ก็ท่านไงล่ะ คุณชายเจียง!"
"ข้าหรือ!?" เจียงไห่ถังอุทานเสียงหลง "แต่... แต่ข้าไม่เคยแสดงละครมาก่อนนะ"
"ไม่ต้องกังวลไปหรอก" หวังจูหรันยิ้มปลอบใจ นางชอบเขาก็เพราะไม่ว่านางจะทำอะไรหรือพูดสิ่งใด เขาล้วนเชื่อฟังนางเป็นที่สุด
"ข้าจะสอนท่านเอง แค่นอนหลับตา แล้วทำเสียงครางๆ ก็พอแล้ว"
เจียงไห่ถังถอนหายใจเฮือกใหญ่ "ถ้าท่านว่าอย่างนั้น... ข้าก็จะพยายามเต็มที่"
"ดีมาก!" หวังจูหรันยิ้มอย่างพอใจ "เตรียมตัวให้พร้อม พรุ่งนี้เราจะเริ่มแผนการของเรา!"
ขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกัน ไม่มีใครสังเกตเห็นเงาดำที่แอบฟังอยู่หลังพุ่มไม้ เงานั้นค่อยๆ เคลื่อนตัวออกไปอย่างเงียบเชียบ
"แผนการที่น่าสนใจเสียจริง" เสียงกระซิบของชายหนุ่มดังขึ้นเบาๆ "ข้าอยากรู้จังว่าคุณหนูกุยหลันจะรับมือกับสถานการณ์นี้อย่างไร"
รุ่งเช้าวันใหม่ เสียงโวยวายดังลั่นจากห้องรับแขกของตระกูลหวัง
"พี่สาว แย่แล้ว!! คุณชายเจียงป่วยหนักมาก!" หวังจูหรันร้องเสียงหลง วิ่งเข้ามาในห้องตรวจของหวังกุยหลัน
หวังกุยหลันที่กำลังดื่มชาอย่างสงบ สำลักจนชาพุ่งออกจากจมูก "อะไรนะ? คุณชายเจียงเป็นอะไร?"
"ข้าไม่รู้!" หวังจูหรันทำท่าตื่นตระหนก "เขานอนดิ้นทุรนทุรายอยู่ในห้องรับแขก ท่านต้องมาช่วยเขาเดี๋ยวนี้!"
หวังกุยหลันรีบลุกขึ้น วิ่งตามน้องสาวไปที่เรือนพักแขก เมื่อถึงที่หมาย นางก็เห็นเจียงไห่ถังนอนอยู่บนตั่งและตัวบิดไปมา สีหน้าเจ็บปวด
"โอ๊ย! ปวดท้อง... ปวดหัว... ปวดไปหมด!" เจียงไห่ถังครางเสียงดัง แต่เสียงฟังดูเหมือนกำลังอ่านบทละครมากกว่าคนป่วยจริง
หวังกุยหลันขมวดคิ้ว เดินเข้าไปใกล้ "คุณชายเจียง ท่านเป็นอะไรไป?"
เจียงไห่ถังลืมตาขึ้นมอง แล้วรีบหลับตาลงอีกครั้ง "ข้า... ข้าไม่รู้! รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างเข้าสิงร่างข้า!"
หวังกุยหลันเริ่มสงสัย ทำไมเขาไม่กล้าสบตานาง หรือว่า... 'นี่มันเรื่องอะไรกัน?’
"เอาล่ะ ข้าจะตรวจอาการท่าน" หวังกุยหลันพูด พลางจับชีพจรที่ข้อมือของเจียงไห่ถัง
ทันใดนั้น เจียงไห่ถังก็ผุดลุกขึ้นนั่ง ทำเสียงแปลกประหลาด "โอ๊ะ โอ๊ย! ข้าเป็นวิญญาณร้าย! ข้าจะครอบครองร่างนี้!"
หวังกุยหลันอ้าปากค้าง มองเจียงไห่ถังที่กำลังทำท่าทางประหลาด นางหันไปมองหวังจูหรันที่ยืนอยู่ข้างๆ
‘ผีเข้าที่ไหนจะมาบอกคนอื่นว่าผีเข้า!’
"น้องสาว นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?"
หวังจูหรันทำท่าตกใจ "โอ้! พี่สาว ดูเหมือนคุณชายเจียงจะถูกวิญญาณร้ายเข้าสิงจริงเสียด้วย! เราต้องช่วยเขา!"
เจียงไห่ถังยังคงแสดงต่อไป เขาลุกขึ้นยืนบนเก้าอี้ ทำท่าเหมือนนกบิน "ข้าเป็นวิญญาณนกกระยาง! กาบ กาบ!"
หวังกุยหลันกลั้นขำสุดกำลัง นี่มันตลกสิ้นดี! หากจะเล่นละครทั้งทีก็เขียนบทให้สมเหตุสมผลหน่อยมิได้หรือไร
"น้องสาว" หวังกุยหลันหันไปพูดกับหวังจูหรัน "เจ้าคิดว่าเราควรทำอย่างไรดี?"
หวังจูหรันรีบตอบ "เราต้องทำพิธีขับไล่วิญญาณ พี่สาว! ข้าเตรียมอุปกรณ์มาพร้อมแล้ว!"
นางรีบหยิบถังน้ำเปล่าและกิ่งไม้ออกมา "นี่คือน้ำมนต์และคทาวิเศษ! พี่สาวช่วยทำพิธีขับไล่วิญญาณเถอะ!"
หวังกุยหลันมองอุปกรณ์ในมือน้องสาว แล้วเหลือบไปมองเจียงไห่ถังที่ยังคง "บิน" ไปมาบนเก้าอี้ นางตัดสินใจเล่นตามน้ำพวกเขา ไหนๆ ก็อุตส่าห์เตรียมของมาเสียขนาดนี้แล้ว
"ได้!" หวังกุยหลันตอบอย่างจริงจัง "ข้าจะทำพิธีขับไล่วิญญาณเดี๋ยวนี้!"
นางคว้าถังน้ำและกิ่งไม้ แล้วเดินเข้าไปหาเจียงไห่ถัง "วิญญาณร้าย! เจ้าจงออกไปจากร่างของคุณชายเจียงเดี๋ยวนี้!"
หวังกุยหลันแกว่งกิ่งไม้ไปมาเลียนแบบการไล่ผีที่เคยดูในซีรีย์แล้วตามด้วยสาดน้ำใส่เจียงไห่ถังเต็มแรง
"โอ้ย!" เจียงไห่ถังร้องลั่น เซล้มลงจากเก้าอี้เนื้อตัวเปียกปอนดูน่าเวทนาไร้ราศีบัณฑิตหนุ่มของเมืองไปในทันที
หวังจูหรันรีบเข้าไปช่วยพยุงคู่หมั้น "คุณชายเจียง! ท่านเป็นอย่างไรบ้าง? วิญญาณร้ายออกไปแล้วหรือ?"
เจียงไห่ถังไอโขลกๆ "ใช่... ข้า... ข้ากลับมาแล้ว... แต่เหตุใดถึงเปียกไปทั้งตัวเช่นนี้?"
หวังกุยหลันยืนกอดอก มองทั้งสองคนด้วยสายตาขบขัน "เอาล่ะ พอได้แล้ว ทั้งสองคน เลิกแสดงละครได้แล้ว"
หวังจูหรันและเจียงไห่ถังหันมามองกัน สีหน้าเจื่อนลง
"พี่สาวรู้ได้อย่างไรกัน?" หวังจูหรันถามเสียงอ่อย
หวังกุยหลันหัวเราะ "ก็การแสดงของพวกเจ้ามันย่ำแย่เกินไปน่ะสิ โดยเฉพาะคุณชายเจียง ท่านควรไปเรียนการแสดงเพิ่มเติมนะ หรือท่านชอบด้านนี้จริงจังไปเรียนกับคณะงิ้วก็ได้"
“ข้าไม่ได้...” คุณชายเจียงเสียหน้ายิ่ง ไม่น่าทำตามที่คู่หมั้นวางแผนเลย แต่เขาก็ได้แต่ความรู้สึกอดสูไว้ในอก
"แต่พี่สาว" หวังจูหรันพูดขึ้นอย่างสิ้นความอดทน "เหตุใดพี่ถึงเปลี่ยนไปมากขนาดนี้ล่ะ? ถ้าไม่ใช่วิญญาณเข้าสิง แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?"
หวังกุยหลันชะงัก นึกในใจ 'ข้าจะอธิบายอย่างไรดีนะ?' หญิงสาวยืนนิ่ง สมองกำลังคิดหาคำอธิบายอย่างรวดเร็ว ในขณะที่หวังจูหรันและเจียงไห่ถังจ้องมองนางอย่างคาดหวัง"ความจริงแล้ว... ข้า... ข้าได้รับการดลใจจากเทพเซียน!""หา!?" ทั้งสองอุทานพร้อมกัน"ใช่แล้ว!" หวังกุยหลันพยักหน้าหงึกๆ "เมื่อไม่กี่วันก่อน ข้าฝันเห็นเทพเซียนแห่งการแพทย์ ท่านมอบความรู้วิเศษให้ข้า ทำให้ข้าเปลี่ยนไป"หวังจูหรันทำตาโต "จริงหรือ พี่สาว? แล้วเหตุใดพี่ถึงไม่บอกข้า?""ก็... ก็เพราะข้ากลัวว่าเจ้าจะไม่เชื่อน่ะสิ" หวังกุยหลันตอบอย่างรวดเร็ว "และข้าก็ต้องการเวลาในการทำความเข้าใจความรู้ใหม่ๆ นี้ด้วย"เจียงไห่ถังพยักหน้าอย่างเข้าใจ " นั่นอธิบายได้ว่าเหตุใดวิธีรักษาของท่านจึงได้แปลกประหลาดแต่ได้ผลนัก" "ใช่แล้ว!" หวังกุยหลันเสริมอย่างมั่นใจยกมือกอดอก เชิดใบหน้าขึ้นเล็กน้อยยิ่งทำให้ดูหยิ่งยโสมากยิ่งขึ้น "เทพเซียนบอกข้าว่า บางครั้งวิธีที่ดูเหมือนบ้าๆ บอๆ ก็อาจเป็นทางรักษาที่ดีที่สุดก็ได้"หวังจูหรันยกมือทาบอก " พี่สาว นี่เป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์มาก! แต่... เหตุใดพี่ถึงดูงุ่มง่ามและลืมอะไรต่อมิอะไรล่ะ?" หวังกุยหลันยิ้มแข็งค้าง จะใ
"ไม่เป็นไรหรอก" หวังจูหรันตบบ่าพี่สาว "ข้าเชื่อในตัวท่าน และนี่ก็เป็นโอกาสดีที่จะพิสูจน์ว่าท่านคู่ควรกับตำแหน่งหมอเซียนแห่งหมู่บ้านเรา"ขณะที่กำลังคุยกัน จู่ๆ ก็มีเสียงหัวเราะดังลั่นมาจากอีกฟากของถนน"ฮ่า ฮ่า ฮ่า! ดูสิใครกำลังจะเข้าร่วมแข่งขัน" เสียงของหญิงสาวดังขึ้นหวังกุยหลันและหวังจูหรันหันไปมอง เห็นหญิงสาวรูปร่างอวบอ้วนในชุดหรูหรากำลังเดินมาพร้อมกับบ่าวรับใช้หญิงสองนาง"นั่นคือใครกัน?" หวังกุยหลันกระซิบถามน้องสาว"นางคือหลิวเสี่ยวเฟย บุตรสาวของหมอหลวงเมืองคนปัจจุบัน" หวังจูหรันตอบ "นางหยิ่งยโสและชอบดูถูกผู้อื่นมาก"หลิวเสี่ยวเฟยเดินมาหยุดตรงหน้าหวังกุยหลัน "เจ้าคิดว่าเจ้าจะมีปัญญาเอาชนะข้าหรือ หวังกุยหลัน? อย่าลืมสิว่าข้าเป็นถึงลูกศิษย์ และบุตรสาวของหมอหลวง"หวังกุยหลันยืนนิ่ง ไม่รู้จะตอบอย่างไร แต่หวังจูหรันกลับก้าวออกมา"พี่สาวข้าเก่งกว่าเจ้าเป็นร้อยเท่า!" หวังจูหรันตอบโต้ "นางได้รับพรจากดวงดาว ไม่ใช่แค่เรียนรู้จากตำราเก่าๆ เหมือนเจ้า"หลิวเสี่ยวเฟยหัวเราะเยาะ "พรจากดวงดาว? ช่างเป็นเรื่องเหลวไหลสิ้นดี! ข้าจะพิสูจน์ให้เห็นว่าใครกันแน่ที่เป็นหมอที่เก่งที่สุดในเมืองนี้"เมื่อหลิวเ
ณ ห้องสมุดมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนในปักกิ่งยุคปัจจุบัน หญิงสาวร่างบางในชุดนักศึกษาสีขาวนั่งขมวดคิ้วจดจ่อกับตำราเล่มหนาเตอะ ผมยาวสลวยสีดำขลับของนางตกลงมาปรกใบหน้าเรียวงามหวังกุยหลัน-ดอกกล้วยไม้ล้ำค่า เป็นชื่อที่คุณปู่ตั้งให้ เธอเติบโตในตระกูลแพทย์แผนจีนดูดซับความสุขุมเยือกเย็นเช่นเดียวกับผู้เป็นปู่ แต่อย่างไรเธอก็เป็นเด็กสาวในโลกที่ก้าวล้ำทันสมัย ปู่หวังให้เธอสืบทอดวิชาแพทย์โบราณของตระกูล แต่เธอเลือกเรียนแพทย์แผนตะวันตก ทำให้ปู่ไม่ยอมพูดกับหลานสาวและเธอก็ไม่ใจอ่อนเข้าไปง้อ ผ่านมาสองปี แม่จึงเป็นฝ่ายเรียกลูกสาวมาคุยปรับความเข้าใจ เธอจึงยอมเรียนแพทย์แผนจีนเป็นวิชาเลือก อย่างน้อยก็ไม่ให้ความรู้ของตระกูลหายไปหญิงสาวขยับแว่นสายตา ดวงตางดงามไล่อ่านตัวอักษรโบราณ เบื้องหน้าคือตำราแพทย์โบราณล่ำค้าที่เก็บรักษาไว้ที่หอสมุดมหาวิทยาลัย เพราะความเป็นลูกหลานตระกูลหวังทำให้เธอสามารถยืมตำราที่ประเมินค่าไม่ได้เล่มนี้มาเปิดอ่านได้ลึกๆ แล้วเธอก็รู้สึกผิดต่อคุณปู่ พ่อมีลูกสาวเพียงคนเดียว เธอคือทายาทสกุลหวังแต่ไม่อาจสืบทอดวิชาแพทย์แผนจีนได้ เธอไม่ได้รังเกียจการแพทย์สมัยโบราณหรือการใช้ยาสมุนไพร เธอแค่อยา
หวังกุยหลันฉีกยิ้มแล้วปล่อยให้สาวใช้จูงมือพาออกจากห้อง ได้แต่ภาวนาในใจ 'ขอให้รอดพ้นวันนี้ไปได้ด้วยเถอะ!'หวังกุยหลันเดินตามสาวใช้ไปตามระเบียงทางเดินที่ประดับด้วยโคมไฟแดงและภาพวาดจีนโบราณ ปกติเธอมักสวมกางเกงเพื่อความคล่องตัว ถ้าเป็นกระโปรงก็ยาวคลุมเข่า แต่ชุดที่สวมอยู่ตอนนี้ทำให้สะดุดชายกระโปรงของตัวเองจนเซไปมา“คุณหนู ระวังด้วยเจ้าค่ะ” สาวใช้รีบประคองนาง “วันนี้ท่านดูเหมือนเด็กหัดเดินเลย คุณหนูไม่เป็นอะไรแน่นะเจ้าคะ”หวังกุยหลันยิ้มเจือน "ขอบใจเจ้า... เอ่อ... เจ้าชื่ออะไรนะ?"สาวใช้ทำหน้างง "ข้าชื่อหลิงเอ๋อร์เจ้าค่ะ คุณหนูเรียกข้าเช่นนี้มาตั้งแต่เด็กแล้วนะเจ้าคะ""อ๋อ! ใช่ๆ ข้าล้อเล่นน่ะ หลิงเอ๋อร์" หวังกุยหลันหัวเราะกลบเกลื่อนเมื่อมาถึงโถงกลาง หวังกุยหลันก็เห็นชายหญิงวัยกลางคนในชุดหรูหรานั่งอยู่ที่โต๊ะ พร้อมกับหญิงสาวอีกคนที่หน้าตาคล้ายกับเธอ“อาเหนียงของท่าน ท่านพ่อของท่าน และนั่นน้องสาวของท่านชื่อจูหรัน" หลิงเอ๋อร์กล่าวแนะนำเบาๆ เพราะรู้สึกว่าวันนี้คุณหนูแปลกไป อาจเพราะนอนมากเกินไปก็เป็นได้หวังกุยหลันรีบคำนับทันที "ลูกคารวะท่านพ่อ ท่านแม่"ทุกคนมองนางด้วยสีหน้าประหลาดใจ"กุยห
หวังกุยหลันลุกขบฟันด้วยความโกรธแล้วลุกขึ้นปัดฝุ่น พยายามรักษาหน้าตาไว้ " ข้าแค่กำลังคิดถึงตำรายาใหม่ที่จะคิดค้น จึงเผลอเหม่อไปเสียหน่อย"หวังจูหรันพยักหน้า แต่ดวงตายังฉายยิ้มเยาะ "ถ้าอย่างนั้นพี่สาวก็ระวังด้วยนะ อย่าให้เสียชื่อตระกูลของเรา"หวังกุยหลันยิ้มแข็งค้างบนใบหน้า นางยังเป็นแค่นักศึกแพทย์อยู่เลย จะรักษาผู้คนได้มากน้อยแค่ไหนกัน หญิงสาวแหงนหน้ามองฟ้า ‘สวรรค์! ทำไมส่งฉันมาที่นี่ด้วยนะ!’ขณะก่นด่าโชคชะตา หวังกุยหลันก็เก็บสมุนไพรไปด้วย ทั้งสองเดินเก็บสมุนไพรจนตะกร้าเกือบเต็ม หวังจูหรันเดินนำาถึงลำธารเล็กๆ กลางป่า ทั้งสองนั่งพักใต้ร่มไม้ริมน้ำ"พี่สาว" หวังจูหรันเอ่ยขึ้น "ข้าอยากถามอะไรท่านสักอย่าง"หวังกุยหลันกำลังดื่มน้ำจากกระบอกไม้ไผ่ "ว่ามาสิ""ท่านรู้สึกอย่างไรกับคุณชายเจียงไห่ถัง?" หวังจูหรันถามพลางจ้องมองปฏิกิริยาของพี่สาว"เอ๊ะ!?" หวังกุยหลันสำลักน้ำพรวด พ่นออกมาเป็นสายฝอยใส่หน้าน้องสาวเต็มๆ"อุ๊ย! พี่สาว!" หวังจูหรันร้องเสียงหลง รีบเช็ดหน้า"ขะ...ขอโทษ!" หวังกุยหลันรีบขอโทษ พลางคิดในใจ 'เจียงไห่ถังเป็นใครกัน??'"ท่านเป็นอะไรไป?" หวังจูหรันถามอย่างสงสัย "ปกติเวลาข้าถามเรื
แสงแดดยามเช้าส่องผ่านหน้าต่าง หวังกุยหลันนั่งอยู่หน้าโต๊ะไม้เก่าๆ ในห้องตรวจคนไข้ของตระกูลหวัง นางกำลังพยายามทำความเข้าใจตำราแพทย์จีนโบราณที่วางอยู่ตรงหน้า ปัญหาของนางตอนนี้ก็คือตัวอักษรเหล่านี้เป็นอักษรโบราณ และยังต้องฝึกการจับพู่กันอีก นี่ก็ไม่ได้ใช้ของแบบนี้มานานมาก ใครจะไปรู้ว่าวันหนึ่งจะคิดถึงปากกา ดินสอและแท็ปแล็ตมากขนาดนี้“ฉันอยากได้ปากกาของฉัน”หญิงบ่นพึมพำ พลางขยี้ตาไปมานึกถึงวีรกรรมในห้องตรวจที่เผลอหยิบปากกาของพยาบาลมาใช้อยู่เสมอ ตอนนี้คงเป็นเพราะกรรมตามสนอง เธอไม่มีปากกาใช้ แค่ปากกายังไม่มีเลย!ทันใดนั้น เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น"เข้ามา" หวังกุยหลันตอบรับ พลางจัดท่านั่งให้เรียบร้อย พลันประตูเปิดออก และคนที่ก้าวเข้ามาทำให้หวังกุยหลันแทบสำลักน้ำลายตัวเอง"คุณชายเจียงไห่ถัง!" อุทานออกมาอย่างตกใจไม่คิดว่าจะได้เจอคนที่ไม่อยากเจออย่างนี้ชายหนุ่มรูปงามยิ้มบางๆ พลางคำนับ “คุณหนูกุยหลัน ข้าหวังว่าจะไม่ได้รบกวนท่าน"หวังกุยหลันรีบลุกขึ้นยืน แต่เผลอสะดุดชายกระโปรงตัวเองจนเซไปชนโต๊ะ ทำให้ขวดยาหลายใบกลิ้งตกพื้น"โอ๊ะ! ระวังขอรับ!" เจียงไห่ถังรีบเข้ามาช่วยประคองหวังกุยหลันรู้สึกใบหน
หญิงสาวเขียนเทียบยาด้วยลายมือที่...ไม่สวยงามนัก แต่อย่างน้อยก็พอจะอ่านออกได้ล่ะ เจียงไห่ถังจากไปรับใบสั่งยาแล้วก็ขอตัวจากไป หวังกุยหลันก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่“นี่ฉันจะทำหน้าที่หมอในยุคโบราณนี้ได้จริงๆเหรอ แต่อย่างน้อยก็ผ่านไปได้ด้วยดี"ถ้ายังหาทางกลับบ้านไม่ได้ ก็คงต้องเรียนรู้ที่จะอยู่ที่นี่และเริ่มจากศึกษาตำรายาเหล่านั้น โอ๊ย! ฉันไม่ชอบยาจีน นี่ฉันต้องฝึกฝังเข็มใช่ไหม! ทันใดนั้น เสียงฝีเท้าเร่งรีบก็ดังมาจากนอกห้อง ก่อนที่ประตูจะเปิดผางออก"พี่สาว!" เสียงของหวังจูหรันดังขึ้น "ข้าได้ยินว่าคุณชายเจียงมาหาท่าน เกิดอะไรขึ้นหรือ?"หวังกุยหลัน มองน้องสาวที่กำลังจ้องนางด้วยสายตาคาดคั้น แล้วก็ส่ายหน้าไปมา"คุณชายเจียงน่ะหรือ?" หวังกุยหลันพูดเสียงราบเรียบโดยไม่ต้องฝืนเพราะเธอไม่ได้หวั่นไหวกับผู้ชายของน้องสาวเลยสักนิด"เรื่องอะไรหรือ พี่สาว?" หวังจูหรันเร่งเร้า ดวงตาเป็นประกาย" เรื่องการนอนกรน" หวังกุยหลันพูดแล้วเดินไปหยิบตำราแพทย์ที่อยู่บนชั้นออกมาเปิดดู เธอตั้งใจจะจดจำตำแหน่งต่างๆ ในการฝังเข็ม ปู่เคยสอนแต่มันก็นานมากแล้ว"นอนกรน?" หวังจูหรันทำหน้างุนงง "คุณชายเจียงมาปรึกษาพี่เรื่องนอนกรนอย
ขณะที่นั่งรอโจ๊ก หวังกุยหลันสังเกตเห็นผื่นแดงบนผิวของเด็กหนุ่ม"เจ้าเป็นโรคผิวหนังหรือ?" นางถามอย่างเป็นห่วงเด็กชายพยักหน้า "ใช่ขอรับ มันคันและเจ็บมาก"หวังกุยหลันครุ่นคิด 'นี่อาจเป็นโอกาสที่ข้าจะได้ใช้ความรู้ทางการแพทย์สมัยใหม่ช่วยเหลือคน'"หลังจากกินโจ๊กแล้ว เจ้าไปที่บ้านข้านะ ข้าจะลองรักษาโรคผิวหนังให้เจ้า"เด็กชายยิ้มกว้าง "จริงหรือขอรับ? ขอบคุณมากเลย คุณหนู!"ขณะที่ทั้งสองกำลังกินโจ๊ก หวังกุยหลันก็รู้สึกเหมือนมีใครกำลังจ้องมองอยู่ นางหันไปมองรอบๆ แต่ไม่เห็นใครที่น่าสงสัย'แปลกจัง' นางคิด 'รู้สึกเหมือนมีคนแอบดูเราอยู่... หรือว่าจะคิดไปเองนะ?'หวังกุยหลันพาเด็กหนุ่มขอทานกลับมาที่ห้องตรวจของนาง เขามองรอบห้องด้วยความตื่นตาตื่นใจ"นั่งลงตรงนี้นะ" หวังกุยหลันชี้ไปที่เก้าอี้ไม้ "ข้าชื่อหวังกุยหลัน แล้วเจ้าล่ะชื่ออะไร?""ข้าชื่อเสี่ยวหู (หนูน้อย) ขอรับ" เด็กหนุ่มตอบเสียงเบาหวังกุยหลันยิ้ม "ชื่อน่ารักดีนะ เสี่ยวหู ตอนนี้ข้าจะตรวจดูผิวหนังของเจ้า"นางเริ่มสำรวจผื่นแดงบนผิวของชายหนุ่ม พลางคิดหนัก 'ดูเหมือนจะเป็นโรคผิวหนังอักเสบ... แต่จะรักษาอย่างไรดีล่ะ?' หญิงสาวครุ่นคิด หากเป็นโลกที่จา
"ไม่เป็นไรหรอก" หวังจูหรันตบบ่าพี่สาว "ข้าเชื่อในตัวท่าน และนี่ก็เป็นโอกาสดีที่จะพิสูจน์ว่าท่านคู่ควรกับตำแหน่งหมอเซียนแห่งหมู่บ้านเรา"ขณะที่กำลังคุยกัน จู่ๆ ก็มีเสียงหัวเราะดังลั่นมาจากอีกฟากของถนน"ฮ่า ฮ่า ฮ่า! ดูสิใครกำลังจะเข้าร่วมแข่งขัน" เสียงของหญิงสาวดังขึ้นหวังกุยหลันและหวังจูหรันหันไปมอง เห็นหญิงสาวรูปร่างอวบอ้วนในชุดหรูหรากำลังเดินมาพร้อมกับบ่าวรับใช้หญิงสองนาง"นั่นคือใครกัน?" หวังกุยหลันกระซิบถามน้องสาว"นางคือหลิวเสี่ยวเฟย บุตรสาวของหมอหลวงเมืองคนปัจจุบัน" หวังจูหรันตอบ "นางหยิ่งยโสและชอบดูถูกผู้อื่นมาก"หลิวเสี่ยวเฟยเดินมาหยุดตรงหน้าหวังกุยหลัน "เจ้าคิดว่าเจ้าจะมีปัญญาเอาชนะข้าหรือ หวังกุยหลัน? อย่าลืมสิว่าข้าเป็นถึงลูกศิษย์ และบุตรสาวของหมอหลวง"หวังกุยหลันยืนนิ่ง ไม่รู้จะตอบอย่างไร แต่หวังจูหรันกลับก้าวออกมา"พี่สาวข้าเก่งกว่าเจ้าเป็นร้อยเท่า!" หวังจูหรันตอบโต้ "นางได้รับพรจากดวงดาว ไม่ใช่แค่เรียนรู้จากตำราเก่าๆ เหมือนเจ้า"หลิวเสี่ยวเฟยหัวเราะเยาะ "พรจากดวงดาว? ช่างเป็นเรื่องเหลวไหลสิ้นดี! ข้าจะพิสูจน์ให้เห็นว่าใครกันแน่ที่เป็นหมอที่เก่งที่สุดในเมืองนี้"เมื่อหลิวเ
หวังกุยหลันชะงัก นึกในใจ 'ข้าจะอธิบายอย่างไรดีนะ?' หญิงสาวยืนนิ่ง สมองกำลังคิดหาคำอธิบายอย่างรวดเร็ว ในขณะที่หวังจูหรันและเจียงไห่ถังจ้องมองนางอย่างคาดหวัง"ความจริงแล้ว... ข้า... ข้าได้รับการดลใจจากเทพเซียน!""หา!?" ทั้งสองอุทานพร้อมกัน"ใช่แล้ว!" หวังกุยหลันพยักหน้าหงึกๆ "เมื่อไม่กี่วันก่อน ข้าฝันเห็นเทพเซียนแห่งการแพทย์ ท่านมอบความรู้วิเศษให้ข้า ทำให้ข้าเปลี่ยนไป"หวังจูหรันทำตาโต "จริงหรือ พี่สาว? แล้วเหตุใดพี่ถึงไม่บอกข้า?""ก็... ก็เพราะข้ากลัวว่าเจ้าจะไม่เชื่อน่ะสิ" หวังกุยหลันตอบอย่างรวดเร็ว "และข้าก็ต้องการเวลาในการทำความเข้าใจความรู้ใหม่ๆ นี้ด้วย"เจียงไห่ถังพยักหน้าอย่างเข้าใจ " นั่นอธิบายได้ว่าเหตุใดวิธีรักษาของท่านจึงได้แปลกประหลาดแต่ได้ผลนัก" "ใช่แล้ว!" หวังกุยหลันเสริมอย่างมั่นใจยกมือกอดอก เชิดใบหน้าขึ้นเล็กน้อยยิ่งทำให้ดูหยิ่งยโสมากยิ่งขึ้น "เทพเซียนบอกข้าว่า บางครั้งวิธีที่ดูเหมือนบ้าๆ บอๆ ก็อาจเป็นทางรักษาที่ดีที่สุดก็ได้"หวังจูหรันยกมือทาบอก " พี่สาว นี่เป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์มาก! แต่... เหตุใดพี่ถึงดูงุ่มง่ามและลืมอะไรต่อมิอะไรล่ะ?" หวังกุยหลันยิ้มแข็งค้าง จะใ
"แล้วใครจะเป็นคนป่วยล่ะ?" เจียงไห่ถังถามอย่างกังวลหวังจูหรันยิ้มกว้าง "ก็ท่านไงล่ะ คุณชายเจียง!""ข้าหรือ!?" เจียงไห่ถังอุทานเสียงหลง "แต่... แต่ข้าไม่เคยแสดงละครมาก่อนนะ""ไม่ต้องกังวลไปหรอก" หวังจูหรันยิ้มปลอบใจ นางชอบเขาก็เพราะไม่ว่านางจะทำอะไรหรือพูดสิ่งใด เขาล้วนเชื่อฟังนางเป็นที่สุด "ข้าจะสอนท่านเอง แค่นอนหลับตา แล้วทำเสียงครางๆ ก็พอแล้ว"เจียงไห่ถังถอนหายใจเฮือกใหญ่ "ถ้าท่านว่าอย่างนั้น... ข้าก็จะพยายามเต็มที่""ดีมาก!" หวังจูหรันยิ้มอย่างพอใจ "เตรียมตัวให้พร้อม พรุ่งนี้เราจะเริ่มแผนการของเรา!"ขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกัน ไม่มีใครสังเกตเห็นเงาดำที่แอบฟังอยู่หลังพุ่มไม้ เงานั้นค่อยๆ เคลื่อนตัวออกไปอย่างเงียบเชียบ"แผนการที่น่าสนใจเสียจริง" เสียงกระซิบของชายหนุ่มดังขึ้นเบาๆ "ข้าอยากรู้จังว่าคุณหนูกุยหลันจะรับมือกับสถานการณ์นี้อย่างไร"รุ่งเช้าวันใหม่ เสียงโวยวายดังลั่นจากห้องรับแขกของตระกูลหวัง"พี่สาว แย่แล้ว!! คุณชายเจียงป่วยหนักมาก!" หวังจูหรันร้องเสียงหลง วิ่งเข้ามาในห้องตรวจของหวังกุยหลันหวังกุยหลันที่กำลังดื่มชาอย่างสงบ สำลักจนชาพุ่งออกจากจมูก "อะไรนะ? คุณชายเจียงเป็นอะไร?"
หวังกุยหลันตกใจ ถอยหลังไปก้าวหนึ่ง "เสี่ยวหู? เจ้าเป็นอะไรไป?"เสี่ยวหูยิ้มบางๆ "อันที่จริง ข้าไม่ใช่เด็กขอทานธรรมดา ข้าคือโอวหยางฮุ่ย หลานชายของเจ้าสำนักยุทธ์ที่มีชื่อเสียงในเมืองนี้"‘แล้วอย่างไร ข้าต้องตื่นเต้นหรือตกใจล่ะ’โอวหยางฮุ่ยยืนยันเพราะคิดว่าผู้มีพระคุณไม่เชื่อ " ข้าพูดความจริง ข้าปลอมตัวเป็นขอทานเพื่อทดสอบคุณธรรมของผู้คนในเมืองนี้ และท่านก็ผ่านการทดสอบอย่างงดงาม นี่ก็เป็นหนึ่งในบททดสอบของข้าที่ท่านปู่ให้มาเช่นกัน และข้าได้พบกับผู้ที่มีจิตใจงดงาม และมีความละเอียดรอบคอบ ดูออกว่าข้านั้นเป็นโรคผิวหนัง เช่นท่านเป็นคนแรก"หวังกุยหลันยืนนิ่งงัน สมองพยายามประมวลผลข้อมูลที่ได้รับ "แต่... แต่โรคผิวหนังของเจ้า..."โอวหยางฮุ่ยหัวเราะเบาๆ "เป็นแค่การแต่งหน้าขอรับ แต่วิธีรักษาของท่านก็ช่วยให้ข้ารู้สึกสบายผิวขึ้นจริง""นี่ข้าถูกหลอกให้ใช้น้ำส้มสายชูกับน้ำผึ้งทาตัวเจ้าอย่างนั้นหรือ?""ข้าต้องขอโทษที่หลอกท่าน" โอวหยางฮุ่ยพูดอย่างสำนึกผิด "แต่ข้าทำเพื่อทดสอบความเมตตาและปัญญาของท่าน และท่านก็ทำให้ข้าประทับใจมาก"หวังกุยหลันรู้สึกโกรธอยู่บ้าง นางช่วยเพราะเห็นคนลำบากไม่ใช่อยากถูกทดสอบแบบนี้
ขณะที่นั่งรอโจ๊ก หวังกุยหลันสังเกตเห็นผื่นแดงบนผิวของเด็กหนุ่ม"เจ้าเป็นโรคผิวหนังหรือ?" นางถามอย่างเป็นห่วงเด็กชายพยักหน้า "ใช่ขอรับ มันคันและเจ็บมาก"หวังกุยหลันครุ่นคิด 'นี่อาจเป็นโอกาสที่ข้าจะได้ใช้ความรู้ทางการแพทย์สมัยใหม่ช่วยเหลือคน'"หลังจากกินโจ๊กแล้ว เจ้าไปที่บ้านข้านะ ข้าจะลองรักษาโรคผิวหนังให้เจ้า"เด็กชายยิ้มกว้าง "จริงหรือขอรับ? ขอบคุณมากเลย คุณหนู!"ขณะที่ทั้งสองกำลังกินโจ๊ก หวังกุยหลันก็รู้สึกเหมือนมีใครกำลังจ้องมองอยู่ นางหันไปมองรอบๆ แต่ไม่เห็นใครที่น่าสงสัย'แปลกจัง' นางคิด 'รู้สึกเหมือนมีคนแอบดูเราอยู่... หรือว่าจะคิดไปเองนะ?'หวังกุยหลันพาเด็กหนุ่มขอทานกลับมาที่ห้องตรวจของนาง เขามองรอบห้องด้วยความตื่นตาตื่นใจ"นั่งลงตรงนี้นะ" หวังกุยหลันชี้ไปที่เก้าอี้ไม้ "ข้าชื่อหวังกุยหลัน แล้วเจ้าล่ะชื่ออะไร?""ข้าชื่อเสี่ยวหู (หนูน้อย) ขอรับ" เด็กหนุ่มตอบเสียงเบาหวังกุยหลันยิ้ม "ชื่อน่ารักดีนะ เสี่ยวหู ตอนนี้ข้าจะตรวจดูผิวหนังของเจ้า"นางเริ่มสำรวจผื่นแดงบนผิวของชายหนุ่ม พลางคิดหนัก 'ดูเหมือนจะเป็นโรคผิวหนังอักเสบ... แต่จะรักษาอย่างไรดีล่ะ?' หญิงสาวครุ่นคิด หากเป็นโลกที่จา
หญิงสาวเขียนเทียบยาด้วยลายมือที่...ไม่สวยงามนัก แต่อย่างน้อยก็พอจะอ่านออกได้ล่ะ เจียงไห่ถังจากไปรับใบสั่งยาแล้วก็ขอตัวจากไป หวังกุยหลันก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่“นี่ฉันจะทำหน้าที่หมอในยุคโบราณนี้ได้จริงๆเหรอ แต่อย่างน้อยก็ผ่านไปได้ด้วยดี"ถ้ายังหาทางกลับบ้านไม่ได้ ก็คงต้องเรียนรู้ที่จะอยู่ที่นี่และเริ่มจากศึกษาตำรายาเหล่านั้น โอ๊ย! ฉันไม่ชอบยาจีน นี่ฉันต้องฝึกฝังเข็มใช่ไหม! ทันใดนั้น เสียงฝีเท้าเร่งรีบก็ดังมาจากนอกห้อง ก่อนที่ประตูจะเปิดผางออก"พี่สาว!" เสียงของหวังจูหรันดังขึ้น "ข้าได้ยินว่าคุณชายเจียงมาหาท่าน เกิดอะไรขึ้นหรือ?"หวังกุยหลัน มองน้องสาวที่กำลังจ้องนางด้วยสายตาคาดคั้น แล้วก็ส่ายหน้าไปมา"คุณชายเจียงน่ะหรือ?" หวังกุยหลันพูดเสียงราบเรียบโดยไม่ต้องฝืนเพราะเธอไม่ได้หวั่นไหวกับผู้ชายของน้องสาวเลยสักนิด"เรื่องอะไรหรือ พี่สาว?" หวังจูหรันเร่งเร้า ดวงตาเป็นประกาย" เรื่องการนอนกรน" หวังกุยหลันพูดแล้วเดินไปหยิบตำราแพทย์ที่อยู่บนชั้นออกมาเปิดดู เธอตั้งใจจะจดจำตำแหน่งต่างๆ ในการฝังเข็ม ปู่เคยสอนแต่มันก็นานมากแล้ว"นอนกรน?" หวังจูหรันทำหน้างุนงง "คุณชายเจียงมาปรึกษาพี่เรื่องนอนกรนอย
แสงแดดยามเช้าส่องผ่านหน้าต่าง หวังกุยหลันนั่งอยู่หน้าโต๊ะไม้เก่าๆ ในห้องตรวจคนไข้ของตระกูลหวัง นางกำลังพยายามทำความเข้าใจตำราแพทย์จีนโบราณที่วางอยู่ตรงหน้า ปัญหาของนางตอนนี้ก็คือตัวอักษรเหล่านี้เป็นอักษรโบราณ และยังต้องฝึกการจับพู่กันอีก นี่ก็ไม่ได้ใช้ของแบบนี้มานานมาก ใครจะไปรู้ว่าวันหนึ่งจะคิดถึงปากกา ดินสอและแท็ปแล็ตมากขนาดนี้“ฉันอยากได้ปากกาของฉัน”หญิงบ่นพึมพำ พลางขยี้ตาไปมานึกถึงวีรกรรมในห้องตรวจที่เผลอหยิบปากกาของพยาบาลมาใช้อยู่เสมอ ตอนนี้คงเป็นเพราะกรรมตามสนอง เธอไม่มีปากกาใช้ แค่ปากกายังไม่มีเลย!ทันใดนั้น เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น"เข้ามา" หวังกุยหลันตอบรับ พลางจัดท่านั่งให้เรียบร้อย พลันประตูเปิดออก และคนที่ก้าวเข้ามาทำให้หวังกุยหลันแทบสำลักน้ำลายตัวเอง"คุณชายเจียงไห่ถัง!" อุทานออกมาอย่างตกใจไม่คิดว่าจะได้เจอคนที่ไม่อยากเจออย่างนี้ชายหนุ่มรูปงามยิ้มบางๆ พลางคำนับ “คุณหนูกุยหลัน ข้าหวังว่าจะไม่ได้รบกวนท่าน"หวังกุยหลันรีบลุกขึ้นยืน แต่เผลอสะดุดชายกระโปรงตัวเองจนเซไปชนโต๊ะ ทำให้ขวดยาหลายใบกลิ้งตกพื้น"โอ๊ะ! ระวังขอรับ!" เจียงไห่ถังรีบเข้ามาช่วยประคองหวังกุยหลันรู้สึกใบหน
หวังกุยหลันลุกขบฟันด้วยความโกรธแล้วลุกขึ้นปัดฝุ่น พยายามรักษาหน้าตาไว้ " ข้าแค่กำลังคิดถึงตำรายาใหม่ที่จะคิดค้น จึงเผลอเหม่อไปเสียหน่อย"หวังจูหรันพยักหน้า แต่ดวงตายังฉายยิ้มเยาะ "ถ้าอย่างนั้นพี่สาวก็ระวังด้วยนะ อย่าให้เสียชื่อตระกูลของเรา"หวังกุยหลันยิ้มแข็งค้างบนใบหน้า นางยังเป็นแค่นักศึกแพทย์อยู่เลย จะรักษาผู้คนได้มากน้อยแค่ไหนกัน หญิงสาวแหงนหน้ามองฟ้า ‘สวรรค์! ทำไมส่งฉันมาที่นี่ด้วยนะ!’ขณะก่นด่าโชคชะตา หวังกุยหลันก็เก็บสมุนไพรไปด้วย ทั้งสองเดินเก็บสมุนไพรจนตะกร้าเกือบเต็ม หวังจูหรันเดินนำาถึงลำธารเล็กๆ กลางป่า ทั้งสองนั่งพักใต้ร่มไม้ริมน้ำ"พี่สาว" หวังจูหรันเอ่ยขึ้น "ข้าอยากถามอะไรท่านสักอย่าง"หวังกุยหลันกำลังดื่มน้ำจากกระบอกไม้ไผ่ "ว่ามาสิ""ท่านรู้สึกอย่างไรกับคุณชายเจียงไห่ถัง?" หวังจูหรันถามพลางจ้องมองปฏิกิริยาของพี่สาว"เอ๊ะ!?" หวังกุยหลันสำลักน้ำพรวด พ่นออกมาเป็นสายฝอยใส่หน้าน้องสาวเต็มๆ"อุ๊ย! พี่สาว!" หวังจูหรันร้องเสียงหลง รีบเช็ดหน้า"ขะ...ขอโทษ!" หวังกุยหลันรีบขอโทษ พลางคิดในใจ 'เจียงไห่ถังเป็นใครกัน??'"ท่านเป็นอะไรไป?" หวังจูหรันถามอย่างสงสัย "ปกติเวลาข้าถามเรื
หวังกุยหลันฉีกยิ้มแล้วปล่อยให้สาวใช้จูงมือพาออกจากห้อง ได้แต่ภาวนาในใจ 'ขอให้รอดพ้นวันนี้ไปได้ด้วยเถอะ!'หวังกุยหลันเดินตามสาวใช้ไปตามระเบียงทางเดินที่ประดับด้วยโคมไฟแดงและภาพวาดจีนโบราณ ปกติเธอมักสวมกางเกงเพื่อความคล่องตัว ถ้าเป็นกระโปรงก็ยาวคลุมเข่า แต่ชุดที่สวมอยู่ตอนนี้ทำให้สะดุดชายกระโปรงของตัวเองจนเซไปมา“คุณหนู ระวังด้วยเจ้าค่ะ” สาวใช้รีบประคองนาง “วันนี้ท่านดูเหมือนเด็กหัดเดินเลย คุณหนูไม่เป็นอะไรแน่นะเจ้าคะ”หวังกุยหลันยิ้มเจือน "ขอบใจเจ้า... เอ่อ... เจ้าชื่ออะไรนะ?"สาวใช้ทำหน้างง "ข้าชื่อหลิงเอ๋อร์เจ้าค่ะ คุณหนูเรียกข้าเช่นนี้มาตั้งแต่เด็กแล้วนะเจ้าคะ""อ๋อ! ใช่ๆ ข้าล้อเล่นน่ะ หลิงเอ๋อร์" หวังกุยหลันหัวเราะกลบเกลื่อนเมื่อมาถึงโถงกลาง หวังกุยหลันก็เห็นชายหญิงวัยกลางคนในชุดหรูหรานั่งอยู่ที่โต๊ะ พร้อมกับหญิงสาวอีกคนที่หน้าตาคล้ายกับเธอ“อาเหนียงของท่าน ท่านพ่อของท่าน และนั่นน้องสาวของท่านชื่อจูหรัน" หลิงเอ๋อร์กล่าวแนะนำเบาๆ เพราะรู้สึกว่าวันนี้คุณหนูแปลกไป อาจเพราะนอนมากเกินไปก็เป็นได้หวังกุยหลันรีบคำนับทันที "ลูกคารวะท่านพ่อ ท่านแม่"ทุกคนมองนางด้วยสีหน้าประหลาดใจ"กุยห