สวนส้มสุริยะฉัตร เป็นสวนที่ใหญ่ที่สุดในแม่ฮ่องสอน ปลูกส้มมากกว่าสิบสายพันธุ์ แต่รู้จักกันมากก็คือ ส้มสายน้ำผึ้งเพราะได้รับความนิยม วันนี้ทุกคนทำงานอย่างขะมักเขม้นเหมือนอย่างเคย เพราะมีคิวที่ต้องส่งส้มเข้าสู่โรงงานหนึ่ง ซึ่งทางโรงงานต่างๆ ต้องมารับเองตามที่รับปากกันเอาไว้ ทว่าบางที่มันไม่เป็นอย่างที่คิดส้มกำลังถูกลำเลียงใส่ในตะกร้าพลาสติกสีเขียวทรงสี่เหลี่ยม แล้วนำมาวางเรียงรายกันที่หน้าสวนเป็นจุดๆ คนงานค่อนข้างจะเครียดเพราะอากาศร้อน อีกทั้งมีหัวหน้ามายืนเฝ้ายิ่งเครียดกันไปอีกเพราะต้องเร่งมือทำ ขณะที่หัวหน้ากำลังยืนคุมอยู่นั้น คนงานคนหนึ่งก็วิ่งเข้ามาหา“หัวหน้าครับมีตัวแทนจากโรงงานของเจ้าสัวบุญเสริมมาขอพบครับ” คนงานรายงานด้วยเสียงเรียบปกติ“ฮืม ตัวแทนจากโรงงานเจ้าสัวเหรอ ทำไมไม่เข้ามาหาฉันที่นี่วะ เขารออยู่ไหน” ชาติชายซึ่งเป็นหัวหน้าถามพลางขมวดคิ้วด้วยความสงสัย“รออยู่ออฟฟิศครับ” คนงานตอบ“ปกติมาที่นี่ไม่ใช่เหรอ ไหงไปรอที่ออฟฟิศ บอกนายหรือยังเนี่ย”“ยังไม่บอกครับ เธอเพิ่งมาถึงอีกอย่างผมก็ไม่เคยเห็นหน้าด้วย น่าจะเป็นตัวแทนของเจ้าสัวคนใหม่ล่ะมั้งครับ ท่าทางไฟแรงน่าดู ยังเด็กอยู่ด้วย”
ออฟฟิศของสวนส้มสุริยะฉัตรมีลักษณะคล้ายกับร้านกาแฟแต่ใหญ่กว่าหลายเท่า ตัวออฟฟิศเป็นกระจกหนารอบด้าน ทั้งหมดมีผ้าม่านสีขาวรอบด้านเช่นกัน ส่วนโครงสร้างเป็นไม้เชอร์ร่าสีดำ ภายในตกแต่งให้คล้ายร้านกาแฟคือมีเก้าอี้ไว้นั่งดื่ม รับแขก อีกทั้งเป็นโต๊ะทำงานของผู้ช่วยและเลขาฯ รวมถึงเจ้าหน้าที่แต่ละตำแหน่ง ห้องส่วนทำงานของปราบมีอีกห้องที่ต่อเติมเพิ่มนั่นเอง ส่วนแขกผู้มาเยือน นั่งรออยู่ที่โซฟารับแขก หงส์หยก เธอเป็นสาวสวย บุคลิกมีความมั่นใจสูง ภายนอกดูเหมือนหยิ่งจองหองจนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ ใบหน้าสวยเฉียวดึงดูดความสนใจของเหล่าพนักงานชายและหญิงได้เป็นอย่างดี ริมฝีปากหยักยิ้มเล็กน้อยคล้ายจะเย้ยหยันในที ทว่าเธอไม่ได้เย้ยหยันใคร เพียงแต่เป็นบุคลิกประจำตัวเท่านั้น หญิงสาวได้แต่จิบกาแฟสดไปอย่างเพลินใจ พร้อมกับรับความเย็นสบายจากอากาศภายนอกที่โกรกเข้ามาทางหน้าทางบานสไลด์เพราะไม่ได้เปิดแอร์แต่อย่างใดเนื่องจากอากาศค่อนข้างเย็น แต่ระหว่างที่หงส์หยกกำลังนั่งดื่มกาแฟและรอเจ้าของสวนอยู่นั้น คนงานคนเดิมที่เพิ่งจะมาต้อนรับเธอ ก็เดินเข้ามาพร้อมกับเอ่ยขึ้น “เอ่อขอโทษครับ นายขอให้คุณไปพบที่สวนตรงที่มีรถโรงงานจอดขนส้
“อะไรนะ! ไม่มาอย่างนั้นเหรอ แกไปบอกเขาว่ายังไง” เจ้านายขี้ยั้วถามอย่างหัวเสียเมื่อมะเดี่ยวกลับมารายงาน“ผมบอกอย่างงที่นายบอกเลยครับ แต่เธอไม่ยอมมา และจะไม่ยอมกลับด้วย จะรออยู่ออฟฟิศจนกว่านายจะขึ้นไป” “ก็ดี รอได้ก็ให้รอไป”“นายครับ จะดีเหรอครับคนของเจ้าสัวไปจะฟ้องเจ้าสัวเอาได้นะครับว่าเราไม่ยอม” ชาติชายเสริมขึ้นเพราะกลัวว่าความเย่อหยิ่งของเจ้านายจะพาลเสียงาน และยกเลิกการซื้อส้มจากที่นี่ไปเลยก็ได้“ปกติแล้วเรากับคนของเจ้าสัวไม่เคยมีปัญหากัน ทำไมให้เด็กใหม่มาทำงาน จองหองสิ้นดี ไม่รู้เหรอว่าฉันเป็นใคร” “ก็อาจจะไม่รู้ครับท่าทางเธอใหม่มาก” มะเดี่ยวแทรกขึ้น“เจ้าสัวไม่เคยให้ผู้หญิงมาติดต่อ แต่ทำไมคราวนี้...” “เขาว่าผู้หญิงเวลาเจรจางานการ ธุรกิจ หรือแม้แต่เจรจาศึก เขาว่าได้ผลดีนักแล ท่านเจ้าสัวอาจจะคิดแบบนี้ ยิ่งเจ้าของสวนเป็นพวกห่างไกลความเจริญ ป่าเถื่อน ดุ ไหนจะขี้ยั้วอีก แบบนี้ก็ต้องใช้ผู้หญิงมาเจรจาว่าความ จริงไหมครับ” ชาติชายอธิบายพร้อมกับแซวไม่ดูตาม้าตาเรือเอาเสียเลย“แกว่าใครว่าวะ ก็สวนผลไม้มันต้องอยู่ห่างไกลความเจริญอยู่แล้ว มึงบ้าหรือเปล่า” ปราบถามเสียงเรียบแต่ก็ไม่ได้โกรธเคือง “
จนกระทั่งเวลากว่าห้าโมงเย็น ยังไม่มีวี่แววว่าเจ้าของสวนจะขึ้นไปรับรองแขก เพราะเขายังเคลียร์งานไม่เสร็จ แต่คนที่กระวนกระวายเหมือนจะเป็นบ้าเห็นทีจะเป็นคนที่รอ เพราะหงส์หยกมาตั้งแต่สิบโมงเช้า เวลานี้กว่าห้าโมงเย็นเข้าไปแล้ว ไม่คิดว่าคนที่เจ้าสัวบุญเสริมบอกว่าสุดยอดจะปล่อยให้เธอรอได้ขนาดนี้“ตกลงว่าเจ้าของสวนที่นี่ไม่อยากขายส้มให้กับเจ้าสัวบุญเสริมอีกแล้วใช่ไหม” หญิงสาวเริ่มโวยวายเสียงดัง พร้อมกับเดินตรงไปยังโต๊ะทำงานของเลขาฯ หน้าห้อง“เอ่อ เรื่องนี้เราไม่ทราบค่ะ ต้องขอโทษด้วยจริงๆ นายบอกว่าจะไม่ขึ้นมาไม่ใช่เหรอคะ” เลขานุการสาวตอบเสียงสั่นเล็กน้อย“แย่มากเลยนะที่ปล่อยให้ตัวแทนรอแบบนี้ ตกลงเขาจะไม่ขึ้นมาจริงๆ ใช่ไหม”“ปกตินายจะไม่ขึ้นมาค่ะ วันนี้ต้องเอาส้มเข้าโรงงานด้วยเกรงว่าจะดึกด้วยซ้ำ” “ทำงานแบบนี้ไม่มีวันเจริญหรอกนะ ได้ยินมาว่าดีลกับโรงงานเจ้าสัวมาเป็นสิบปี แต่คราวนี้บอกได้เลยว่าฉันจะสั่งเจ้าสัวให้เลิกติดต่อกับที่นี่” ให้ตายแล้วหาเรื่องคอขาดบาดตายมาให้ทุกคนในสวนเสียแล้ว ไม่มีใครรู้ว่าเธอเป็นใครแต่ที่แน่ๆ มีอำนาจสั่งการแน่นอน“เอ่อใจเย็นๆ นะคะ”“ตั้งแต่มาถึงที่นี่คุณเห็นฉันใจร้อนอย่าง
“อันที่จริง ผมก็ไม่อยากรู้จักคนที่ทำงานไม่เป็นมืออาชีพหรอกนะ แล้วคนรุ่นใหม่ไฟแรงอย่างคุณ ผมเห็นตายไปจากอาชีพเยอะแยะ เพราะอะไรรู้ไหม เพราะคุณเพิ่งจะฟักออกมาจากไข่ เพิ่งหัดเดินแล้วดันมาเจอคนสวนมืออาชีพอย่างผมไง ความไฟแรงมันไม่ช่วยอะไร นอกจากทำให้องค์กรมอดไหม้ไปด้วย เจ้าสัวรู้จักผมเป็นอย่างดี ฉะนั้นฝากบอกท่านว่า ถ้าอยากให้การค้าของเราราบรื่นไปอีกสิบปียี่สิบปีข้างหน้าล่ะก็ อย่าเอาน้องใหม่มาติดต่องาน ผมไม่ชอบ” คำพูดทั้งหมดทั้งมวลเขาต่อว่าเธอชัดๆ แล้วอย่างนี้จะไม่ให้ปรี๊ดแตกได้อย่างไร“นาย... นายว่าฉัน นายกล้าดียังไง นายไม่รู้เหรอว่าฉันเป็น...” เธอโมโหสุดขีด แต่เขายังคงยืนนิ่งชักสีหน้าเข้มใส่เธอ“ผมไม่รู้ว่าคุณเป็นใคร ชาติ ส่งแขก” เขาแทรกขึ้นและออกปากไล่เสียเลย แต่เธอจะกลับได้อย่างไรหากกลับไปมือเปล่า เจ้าสัวบุญเสริมต้องต่อว่าเธอแน่ๆ อาจจะมีการลดตำแหน่งให้เธอไปทำงานอย่างอื่นแทนน่ะสิ“ได้ครับนาย” ชาติชายรับคำแต่เธอไม่ยอมแพ้แน่ๆ“ตกลงว่านายจะไม่คุยกับฉัน” เพราะอยากคุยกับเขาสินะถึงได้ยอมรอจนเกือบค่ำขนาดนี้ “ผมบอกคุณแล้วว่า ใจเย็นให้เป็นเสียก่อนเถอะแล้วเราค่อยคุยกัน” เขานี่มันเล่นตัวเสียจริง เธ