“หา อะไรนะ..” ยอดนรีผุดลุกขึ้นยืนมองเขาตาโต ดวงตาที่โตอยู่แล้วโตเท่าไข่ห่านก็คงไม่ผิดนัก เจคอปกอดอกมองเธอด้วยแววตาเรียบเฉย
“ใช่.. ตกลงจะทำไหม งานสบายเงินดี แค่แสดงเก่งๆ รับรองรุ่ง ฉันจะทำตุ๊กตาทองเป็นของรางวัลให้ด้วยถ้าเสร็จงาน”
“โห.. เจ้านายฮะ มันไม่ใช่งานง่ายนะฮะ ของแบบนี้ยอดต้องตีลังกาคิดอีกสักสามวันก่อนฮะ..”
ยอดนรีพูดพลางทำท่าล้อเลียนตัวละครชื่อดัง ท่าทางของเธอยียวนเสียนัก หญิงสาวทำทียกมือลูบคางไปมา ดวงตาที่โตเท่าไข่ห่านเมื่อครู่ฉายแววเจ้าเล่ห์ขึ้นมาทันที เจคอปยกยิ้มน้อยๆ กับท่าทางของเจ้าหล่อน
“เป็นอันว่าตกลง”
“เฮ้ยยย.. เดี๋ยวก่อนสิคะ ยอดยังไม่ได้ตกลงเลย”
“แค่เห็นแววตาเจ้าเล่ห์ของเธอฉันก็รู้แล้วว่าเธอตกลง”
“โห.. อะไรเนี่ย แววตาของยอดดูง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ ไหน.. มันเป็นยังไง”
หญิงสาวก้าวมาหยุดตรงหน้าแล้วแหงนเงยใบหน้านวลผ่องทำท่าทะเล้นใส่เขาโดยลืมไปว่าตอนนี้เธอกับเขาใกล้ชิดกันมาก เจคอปก้มลงมองหน้าคนที่ตัวเล็กกว่าและสูงแค่ไหล่ของเขาอย่างขบขันแกมเอ็นดู และก็มีอีกความรู้สึกแทรกเข้ามาซึ่งมันทำให้กายหนุ่มร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างไม่อาจจะหักห้ามได้ จนเขาต้องตีหน้าเข้มทำเสียงดุๆ ใส่เธอกลบเกลื่อน
“ทะลึ่งใหญ่แล้วยอด.. รีบไปเก็บของเตรียมตัวได้แล้วไป”
“แหม.. ทำเสียงเข้มหน้าดุเหมือนคุณครูจอมโหดไปได้ แต่ก่อนไป ยอดขอเบิกเงินสักก้อนก่อนได้มั้ย” หญิงสาวทำท่ากระเง้ากระงอด ก่อนจะเปลี่ยนโหมดเป็นจริงจัง
“ได้สิ ว่าแต่เงินเดือนที่ให้ทุกเดือนเอาไปทำอะไรหมด”
เขาอดถามไม่ได้ เพราะตั้งแต่เธอมาอยู่กับเขาหลังจากที่เขาช่วยเธออกมาจากผับนรกนั่นได้หกเดือนกว่าๆ แล้วนั้น เขาก็มีเงินเดือนให้ยอดนรีมาตลอด เดือนละหมื่นห้าตามที่เธอระบุไว้ ทั้งที่เธอจะขอมากกว่านี้เขาก็ยินดีจ่าย แต่ยอดนรีขอแค่นั้น
“ยังอยู่ค่ะ ยอดเก็บไว้เป็นค่าเลี้ยงดูตัวเองในยามแก่เฒ่า หากว่าหาสามีเลี้ยงดูไม่ได้ไง” หญิงสาวฉีกยิ้มกว้างจนตาหยี เจคอปส่ายหน้าช้าๆ เหมือนระอาใจ
“อย่างเธอใครได้เป็นเมีย ชีวิตคงวุ่นวายน่าดู ใครจะซวย ดวงตกขนาดนั้น”
“อ้าวววว คุณเจค แต่คุณเพิ่งขอให้ยอดเป็นเมียคุณนะ นั่นแสดงว่าคุณเจคดวงตกสิเนี่ย” เจอยอกย้อนเข้าแบบนี้เจคอปก็ทำหน้าไม่ถูกเหมือนกัน
“ล้อเล่นน่า.. คุณเจคของยอดน่ะเท่าสมาร์ตจะตาย ผู้หญิงนี่ตอมกันหึ่ง ต้องเรียกว่าดวงดี นารีอุปถัมภ์ถึงจะถูก”
หญิงสาวยิ้มล้อเลียน เจคอปจึงแจกมะเหงกลงบนหน้าผากนูนอย่างมันเขี้ยวและอดใจไม่ไหวกับท่าทางแสนทะเล้นนั่น
“โอ๊ย คุณเจคน่ะ เจ็บนะเนี่ย มะเหงกลูกเบ้อเริ่มเลย”
“นี่แม่คุณเลิกแสดงละครได้แล้ว ยังไม่ตอบคำถามเลยว่าจะเบิกเงินไปทำอะไร” เจคอปกอดอกมองหญิงสาวตรงหน้าจริงจัง ยอดนรีเองก็เลิกล้อเล่นเช่นกัน
“ยอดจะเอาไปซื้อของให้น้องๆ ที่บ้านเด็ก แล้วก็ให้ทุนคุณแม่ท่านไว้ใช้จ่ายสักหน่อยน่ะค่ะ” หญิงสาวมีแววตาที่เศร้าสร้อยลงเล็กน้อย ชายหนุ่มถอนใจ
“แค่นี้เอง ฉันให้เองไม่ต้องใช้เงินที่เป็นค่าจ้างของเธอหรอก”
“มาได้นะคะ ที่นั่นมันบ้าน มันครอบครัวของยอด” หญิงสาวท้วงหน้าตื่น
“ได้สิ ทำไมจะไม่ได้ ก็ฉันจะให้ครอบครัวเมียของฉัน ถือว่าเป็นค่าสินสอด..”
เจคอปพูดทื่อๆ ใบหน้าหล่อเหลาดูเรียบเฉยไม่ได้แสดงอารมณ์ใดๆ แต่ยอดนรีสิพูดไม่ออกบอกไม่ถูก
“แต่เอ่อ...”
“ถึงจะเป็นแค่การแสดงละคร แต่สิ่งที่ฉันให้ในส่วนนี้ ฉันให้ด้วยใจจริง อย่าดูถูกน้ำใจของฉันเลยยอด”
“เอ่อ ก็ได้ค่ะ แต่ให้มีชื่อยอดด้วยนะ ระบุว่าทุนทรัพย์ก้อนนี้เป็นของยอด ยอดอยากได้หน้าบ้าง”
แล้วหญิงสาวก็ฉีกยิ้มกว้างตามแบบของเธอ ที่มันทั้งสดใสสวยงามกระจ่างเจิดจ้ากว่ารอยยิ้มของหญิงสาวคนไหนๆ ที่เขาเคยผ่านมา เจคอปส่ายหน้าแล้วเอื้อมมือไปขยี้เรือนผมยาวสลวยนั้นจนยุ่งเหยิงด้วยความหมั่นไส้คนอยากได้หน้า...
เสียงหัวเราะของหนุ่มสาวดังขึ้น ทำให้บ้านหลังน้อยที่เคยแห้งแล้งและไร้เสียงหัวเราะ ดูสดใส และเหมือนว่า เขาทั้งสองเป็นสามีภรรยากันจริงๆ และกำลังอยู่ในช่วงข้าวใหม่ปลามัน...
หลังจากที่ทั้งสองไปบริจาคเงินและซื้อข้าวของมากมายไปแจกเด็กๆ ที่บ้านเด็กกำพร้า ซึ่งเป็นสานที่ ที่ยอดนรีกับน้องสาวคือ ยอดพธู เติบโตมา ทั้งสองเป็นเด็กกำพร้าที่ไม่รู้ว่าพ่อแม่เป็นใคร แต่ถูกนำมาทิ้งไว้หน้าบ้านเด็กกำพร้าพร้อมกัน และนับตั้งแต่นั้น เด็กฝาแฝดเพศหญิงสองคนก็กลายเป็นหนึ่งในสมาชิกของบ้านเด็กกำพร้าแห่งนี้ และตอนนี้พวกเขาตามหาตัวยอดพธูพบแล้ว ทั้งสองพี่น้องได้พบกันและยังติดต่อกันอยู่ และโชคดีเหลือเกินที่ยอดพธูนั้นรอดปากเหยี่ยวปากกาไปได้ และอยู่ดีมีความสุขกับครอบครัว...
“สบายใจจังเล้ยยย...”
ยอดนรีร้องออกมาแล้วกางแขนออกกว้างเงยหน้ารับลมทะเลที่ปะทะใบหน้าอย่างสดชื่นแจ่มใส เจคอปมองคนที่ทำท่าราวเด็กๆ อย่างขบขัน
พลางนึกไปถึงวันแรกที่ได้เจอกัน เขาเจอทั้งหมัดทั้งเท้าของเธอซัดเข้าใส่เพราะเจ้าหล่อนคิดว่าเขาเป็นลูกค้าของผับนรกที่ลักพาตัวเธอมาประมูลในงานประมูลใต้เดินของเหล่าเศรษฐีคนดัง และหลังจากที่เขากับพยัคฆ์ผู้เป็นเพื่อนรักจัดการเรื่องราวต่างๆ ในวันนั้นเสร็จสิ้นลง แต่กลับเหลือหนึ่งชีวิตที่ไม่สามารถจัดการได้ นั่นก็คือ ยอดนรี พยัคฆ์จึงขอร้องให้เขาช่วยดูแลเธอและอีกอย่างไม่รู้ว่าเพราะอะไรดลใจ จึงทำให้เขารับเธอไว้และให้เธอมาทำหน้าที่เป็นแม่บ้าน คอยดูแลบ้านของเขาที่นานๆ จะกลับมาพักอาศัย ก่อนที่เขาและเธอจะค่อยๆ ทำความรู้จักสนิทสนมคุ้นเคยกัน
และก็แปลกมากที่เขากลับรู้สึกสบายใจและไว้ใจยอดนรีมาก ทั้งที่อาชีพของเขานั้นเรียกได้ว่าระแวงทุกคนที่อยู่รอบกาย หลายปีที่เขาทำงานในหน้าที่ผู้รักษากฎหมาย ต้องทำทุกอย่างให้ถูกต้องโปร่งใส ต้องจัดการกับผู้ร้ายและอีกหลายๆ อย่างที่เคร่งเครียด น้อยมากที่จะมีเวลาที่ผ่อนคลายหรือหาความสุขใส่ตัว แต่เมื่อมียอดนรีเข้ามาในชีวิต เจคอปกลับรู้สึกว่า ทุกอย่างในชีวิตมันซอฟต์ลง โลกที่มีสีเทาๆ ทมึน ก็ดูสว่างไสว สดใสขึ้น อารมณ์ของเขาดีขึ้นเมื่อได้พูดคุยกับเธอ...
ตอนที่2.และเหมือนว่า เขาเคยชินกับการที่มียอดนรีอยู่ในชีวิตไปแล้ว ในระยะเวลาเพียงสั้นๆ เท่านั้นเอง มันเป็นไปได้อย่างไรเขาก็ไม่อาจจะรู้ได้ แต่มันเป็นไปแล้ว โดยที่เขาก็ไม่อาจจะปฏิเสธได้ด้วย “หึ.. สบายใจล่ะสิ ตัวเองไม่ได้จ่ายสักบาทแต่เอาหน้าเสียยกใหญ่”เจคอปแกล้งประชดประชัน ความจริงแล้วเงินที่จ่ายไปกว่าเจ็ดหลักให้กับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเหล่านั้นเขาไม่ได้เสียดายสักนิด ยังคิดว่ามันน้อยเกินไปด้วยซ้ำ เพราะที่นั่นมีเด็กนับร้อยชีวิต ความเป็นอยู่ก็ไม่ได้ถือว่าดีนัก เนื่องจากมีเด็กหลายคนและยังมีพนักงาน เจ้าหน้าที่ ที่ต้องดูแลพวกเด็กๆ อีก เขาคิดว่าจะต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อเด็กๆ เหล่านั้นในอนาคต“แหม.. ตอนนี้เราก็เหมือนคนคนเดียวกัน ของผัวก็เหมือนของเมียแหละน่า แม้จะแค่หลอกๆ ชั่วคราวก็เถอะ ผัวที่ดีต้องให้เมียออกนอกหน้าสิ”หญิงสาวทำทีค้อน เจคอปส่ายหน้ากับความแสบสันของเจ้าหล่อนนัก ยอดนรีไม่เหมือนผู้หญิงที่เขาเคยพบเจอมาก่อนเลยแน่นนอนว่า ชีวิตหนุ่มโสดหล่อรวย หน้าที่การงานดีอย่างเขา ย่อมมีหญิงสาวมากมายวนเวียนเข้ามาในชีวิต สมัยที่เขาอยู่อิตาลีคู่ควงของเขาก็ล้วนแล้วแต่เป็นสาวสังคมสวย รวย เก่งทั้งเรื่องง
ตอนที่3.“โอยยย.. อึดอัดชะมัดเลย” ยอดนรีทิ้งตัวลงบนเตียงกว้างแสนนุ่มหยุ่นจนร่างระหงเด้งขึ้นตามสปริงชั้นดีที่รองรับอยู่เจคอปส่ายหน้าช้าๆ อย่างขบขันกับท่าทางของเธอ ที่ทิ้งตัวลงนอนโดยไม่รักษากิริยา แทบจะเอาขามาก่ายหน้าผาก มีแต่ผู้หญิงจะนอนบนเตียงรอเขาด้วยท่วงท่าแสนเย้ายวนยั่วให้เขาอยากร่วมเตียงกับพวกเจ้าหล่อนให้ถึงพริกถึงขิง แต่ดูเจ้าหล่อนไม่ได้ใส่ใจตรงนั้น เพราะยอดนรีนอนกางแขนกางขาด้วยท่วงท่าแสนตลก ชายหนุ่มกอดอกมองเธอด้วยความขบขันแกมเอ็นดู อยู่กับยอดนรีเขาอารมณ์ดีได้ทั้งวันนั่นล่ะ“เป็นไงบ้าง.. พอรับมือไหวไหม”“รับมือกับศัตรูที่เผยโฉมต่อหน้าน่ะไม่ยากหรอกค่ะ แต่พวกแอบแฝงนี่สิ ต้องใช้เวลา แต่ยอดรู้ว่ามีแน่นอน เพราะยอดรู้สึกได้” หญิงสาวบอกตามที่รู้สึก“ยอดรู้สึกถึงสายตาอันเป็นอริราชศัตรู มันผู้นั้นต้องมาดร้ายหมายปองเอาชีวิตของข้าอย่างแน่นอน”ยอดนรีลุกขึ้นทำท่าทางขึงขังจริงจังเลียนแบบนักแสดงละครย้อนยุค แต่มันดูน่าขันมากกว่าน่าเกรงขาม“นี่แน่ะ เด็กบ้า สรุปเอาจริงเอาจังหรือแค่ล้อเล่นเนี่ย”เจคอปอดใจไม่ไหวเขกหน้าผากมนเบาๆ ไปหนึ่งที แต่เบาๆ ของเขายอดนรีก็คลำหน้าผากป้อยๆ มองค้อนเขาหน้ามุ่ย“ยอด
บทนำเจคอป บาร์ตัน หรือ อีกนามสกุลของเขาก็คือ สิริพัฒน์พนา ขมวดคิ้วยุ่งเมื่อคุยธุระสำคัญจบลง ใบหน้าหล่อเหลายุ่งเหยิงมีแววกังวลอย่างเห็นได้ชัด ปัญหาที่เขาจะต้องเผชิญในคราวนี้มันหนักหนาสาหัสเอาการอยู่ และการจะต้องกลับไปอยู่ในดงอสรพิษนั้นมันไม่ง่ายและไม่อาจจะไว้ใจใครได้เลย แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เพราะเขาคิดว่าสามารถรับมือกับพวกญาติๆ ผู้หิวโหยเหมือนเปรตเดินดินได้อยู่แล้วแต่สิ่งที่เจคอปเป็นห่วงก็คือ ยายจำปูน ผู้เป็นยายแท้ๆ ของเขาซึ่งตอนนี้กำลังอยู่ในสภาวะที่เรียกว่าเป็นตายเท่ากัน“คุณ.. คุณตำรวจ.. คุ้นนนน”“อะไรของเธอนี่ยายบ๊องเรียกเสียงดังเชียว เสียงแหลมอย่างกะนกหวีดขี้หูฉันเต้นระบำแล้วมั้ง”เจคอปหันไปทำเสียงขุ่นๆ ใส่หญิงสาวหน้าแฉล้มที่มีอันต้องมาเกี่ยวข้องกันโดยไม่ตั้งใจ“ก็ฉันเรียกคุณตั้งนานแล้วคุณไม่หือไม่อือ เหมือนกำลังตกอยู่ในภวังค์รักอันแสนหวาน ฝันหวานอยู่รึไง” ยอดนรียิ้มเผล่ล้อเลียน“ไม่รู้อะไรก็อย่าเดามั่วๆ ฉันไม่ได้คิดถึงใครทั้งนั้นล่ะ กำลังเครียดๆ ว่าแต่เธอเถอะทำงานที่ฉันสั่งเสร็จแล้วเหรอ”“เรียบร้อยแล้วค้าบบบบ เจ้านายยยย มีไรจะใช้ไอ้ยอดอีกไหมครับทั่นนน..”ยอดนรีทำท่าทะเล้นจนเจ