ร่างระหงของหญิงสาววัยยี่สิบสองวิ่งเข้าไปในบ้านหลังเล็กโกโรโกโสอย่างรวดเร็วด้วยความตื่นตระหนกเมื่อเห็นชายฉกรรจ์ในชุดสีดำ สวมแว่นกันแดดสีดำกว่าสิบคนยืนอยู่เต็มบริเวณบ้านอันคับแคบอย่างไม่เกรงกลัวอันตรายเพราะห่วงคนที่อยู่ในบ้านมากกว่าชีวิตของตนเอง
“พวกคุณเป็นใครแล้วมาทำอะไรในบ้านของฉัน..”
จุมพิตา ถามเสียงสั่นหน้าขาวซีดเมื่อเห็นท่าทางคุกคามจากอีกฝ่าย แม้ว่าคนเหล่านั้นจะยืนนิ่งเหมือนรอใครบางคนที่มีอำนาจเหนือกว่า
“ฉันมาตามของของฉันคืน...”
เสียงห้าวทรงอำนาจดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่มคนหนึ่งปรากฏอยู่ที่ประตูบ้าน ร่างใหญ่โตของเขาทำให้ประตูบ้านของเธอดูเล็กคับแคบไปทันที หญิงสาวเบิกตากว้างอย่างตระหนกเมื่อเจอหน้าคนพูด เขานั่นเอง.. ผู้ชายหน้าตาหล่อลากดินแต่แสนจะเย็นชาคนนั้นที่เธอเจอเขาที่ตลาดขายเครื่องประดับเมื่อวันก่อน แล้วเขามาบ้านของเธอทำไม
“คุ คุณ เอ่อ...” จุมพิตาพูดไม่ออกมือสั่นใจสั่นจริงๆ แล้วเธอสั่นไปทั้งตัวต่างหาก
“ของที่พวกเธอเอามาอยู่ไหน”
“ของ ของอะไรฉันไม่รู้เรื่อง”
“ฉันให้โอกาสเธอเป็นครั้งสุดท้ายแม่สาวน้อย สร้อยเส้นนั้นอยู่ไหน”
เสียงเข้มเย็นชาแววตาวาวโรจน์จนจุมพิตาอยากจะหายตัวไปจากตรงนั้นเสียให้ได้ แต่เธอก็ทำเช่นนั้นไม่ได้ ได้แต่อ้ำอึ้งไม่รู้จะเอื้อนเอ่ยคำไหนมาตอบโต้เขา
“ก็ได้หากเธอไม่ยอมคืน หรือไม่ยอมบอกว่ามันอยู่ที่ไหน ก็อย่าหาว่าฉันใจร้ายก็แล้วกัน..”
เขาจ้องมาด้วยแววตากราดเกรี้ยวจนจุมพิตาขาสั่นแทบจะยืนไม่ไหว แล้วจุมพิตาก็แทบสิ้นสติกับคำสั่งของเขาที่ทำให้เธอแทบใจสลาย
“เอาตัวไอ้แก่นั่นมาฉันจะกระทืบมันให้จมดินต่อหน้ายายตัวจิ๋วนี่”
“ไม่นะ อย่ายุ่งกับพ่อของฉัน”
คราวนี้จุมพิตาวิ่งฉิวเข้าไปขวางร่างสูงใหญ่นั้นไว้ ใบหน้าขาวซีดจนไร้สีเลือดทั้งที่เนื้อตัวก็เย็นเฉียบด้วยความหวาดกลัว แต่จุมพิตาจะไม่ยอมให้เขาทำร้ายพ่อของตนแน่
“ไม่อย่าทำร้ายพ่อของฉัน เขาเดินไม่ได้คุณจะทำร้ายคนแก่ไม่มีทางสู้เหรอ”
เป็นคำพูดที่ยาวที่สุดที่เธอพูดได้ในตอนนี้และหวังว่ามันจะปลุกสำนึกดีๆ ของชายหนุ่มตรงหน้าที่มองมาด้วยแววตากร้าวน่ากลัว
“ฉันไม่สนใจหรอก คนอย่าง พยัคฆ์ คิงส์ ไม่เคยเสียเหลี่ยมใคร และเธอกับพวกของเธอกล้ามากที่มาลองดีกับฉัน..”
ชายหนุ่มตะคอกกลับมา จุมพิตาก็หน้าซีดเผือดลงกว่าเดิมเมื่อคนของเขาที่ร่างกายใหญ่โตไม่แพ้ผู้เป็นนายหิ้วปีก นายจักร ผู้เป็นพ่อของเธอออกมาขาทั้งสองข้างของท่านลากอยู่กับพื้น ใบหน้าที่บิดเบี้ยวเพราะอัมพฤกษ์นั้นแม้ไม่ได้บิดเบ้ไปกว่าเดิมแต่แววตาของท่านกำลังบอกว่าเจ็บปวด...
“พ่อ.. อย่าทำอะไรพ่อฉันนะ ปล่อยสิ พวกสารเลวรังแกคนไม่มีทางสู้ หน้ารังแกผู้หญิงรังแกคนแก่ ปล่อยพ่อฉันนะ กรี๊ดดด..”
หญิงสาววิ่งไปหาบิดาปากก็ร้องด่าทอเท่าที่จะสรรหาคำมาพูดได้ทั้งทุบทั้งเตะชายสองคนที่ลากถูบิดาของตนอย่างบ้าคลั่ง แต่ดูเหมือนเธอกำลังทุบตีหินผาอย่างไรอย่างนั้น แต่แล้วเธอก็ต้องกรีดร้องออกมาอย่างตกใจเมื่อร่างเล็กๆ ของตนลอยหวือขึ้นจากพื้นด้วยแรงจากวงแขนของคนตัวโตที่เธอคิดว่าเขาเหมือนยักษ์เฝ้าประตูวัด
“พวกนายเอาตาแก่นี่ไปจัดการส่วนยายตัวจิ๋วเสียงเหมือนนกหวีดนี่ฉันจัดการเอง”
สิ้นคำสั่งกร้าวร่างของบิดาก็ถูกลากเข้าไปยังห้องโถงเล็กๆ ที่เป็นทั้งห้องรับแขกและห้องนั่งเล่นของบ้าน จุมพิตากรีดร้องตามไป ทั้งดิ้นทั้งเตะทั้งทุบคนตัวโตกว่าที่ใช้วงแขนรัดเอวบางของตนจนขาเรียวลอยพ้นพื้นกว่าหนึ่งฟุตแผ่นหลังบางแนบชิดไปกับแผงอกกว้างที่ตึงแน่นแข็งกระด้างราวกำแพงหินจนเธอรู้สึกได้ แต่ตอนนี้หญิงสาวไม่ใส่ใจอะไรทั้งนั้นนอกจากบิดาของตน...
“ปล่อยฉันนะไอ้คนสารเลว ไอ้หน้ารังแกผู้หญิงปล่อยนะ ปล้อยย กรี๊ดดด..”
เสียงร้องโวยวายจนแสบแก้วหูอย่างที่เขาเปรียบเทียบว่าเหมือนเสียงนกหวีดดังก้องไปทั้งบ้าน แต่เขาก็ไม่เปิดโอกาสให้เธอได้ส่งเสียงนานเมื่อมือใหญ่เอื้อมมาปิดปากของเธอไว้
“เงียบ.. หากยังส่งเสียงโวยวาย พ่อเธอตายคามือคาเท้าของลูกน้องฉันแน่ ส่วนเธอ.. หึหึ ฉันจะให้ลูกน้องฉันจัดการเธอทีละคนๆ คงเข้าใจนะว่าผู้หญิงตัวเล็กๆ จะถูกจัดการยังไง”
เขากระซิบชิดใบหูเล็กด้วยน้ำเสียงเหี้ยมเยียบเย็น จุมพิตาตัวแข็งรู้สึกเหมือนลมหายใจขาดห้วงและหยุดดิ้นหยุดส่งเสียงทันที
“เจ้านายครับ ผมว่าไอ้แก่นี่มันไม่รู้เรื่องหรอก เราจัดการให้มันจบๆ ไปดีมั้ยครับ ผมว่าไร้ประโยชน์ที่เราจะเสียเวลากับคนพวกนี้”
หนึ่งในชายสองคนที่หิ้วปีกบิดาของเธอไปพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาจุมพิตาตาโตด้วยความหวาดกลัว ในขณะที่นายจักรหน้าซีดน้ำตาไหลพรากยิ่งทำให้หญิงสาวคับแค้นใจที่ไม่สามารถทำอะไรได้มากกว่านั้น
“เอาล่ะฉันจะให้โอกาสเธออีกรอบ ของของฉันอยู่ที่ไหน แล้วไอ้เด็กนั่น เด็กในแก๊งตุ้มตุ๋นของเธออยู่ที่ไหน บอกมา..”
น้ำเสียงคุกคามทั้งวงแขนก็รัดแน่นเข้าจนร่างเล็กแทบจะจมหายเข้าไปในร่างใหญ่โตของเขา จุมพิตาได้แต่ส่ายหน้าหวือน้ำตาเริ่มคลอหน่วยด้วยความหวาดกลัว
“ในเมื่อฉันให้โอกาสแล้วเธอไม่รับฉันก็จะทำตามวิธีของฉันก็แล้วกัน พวกนายดูทางนี้ไว้ให้ดีๆ ถ้ามีใครเจ๋อเข้ามายิงทิ้งได้เลย..”
พูดจบชายหนุ่มก็ตวัดร่างบางพาดบ่าแล้วเดินไปยังห้องเล็กๆ ที่ใกล้ที่สุด และมันก็เป็นห้องนอนของเธอเอง จุมพิตาจะกรีดร้องก็ร้องไม่ออกได้แต่น้ำตารินด้วยความกลัวกับชะตากรรมที่ตนกำลังจะได้รับไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขาจะทำอะไรกับเธอ..
ตอนที่1.พยัคฆ์มองใบหน้านวลใสที่เริ่มมีสีสันของคนตัวเล็กที่หลับสนิทมาหลายชั่วโมงอย่างพิจารณา ใบหน้าเรียวได้รูปไม่ว่าจะเป็นปากคอคิ้วคางช่างดูเหมาะเจาะรับกันได้ดีแม้ไม่ได้ดูสวยผุดผาดบาดตาแต่เขากลับถอนสายตาจากใบหน้าของเธอได้ยากลำบากเหลือเกิน โดยเฉพาะดวงตากลมโตยามที่จ้องมองเขาอย่างตื่นตระหนก กับริมฝีปากระเรื่อที่เขาได้เชยชิมมันก่อนที่เจ้าตัวจะหมดสติไปด้วยความหวาดกลัว และตรงนี้เองที่ทำให้เขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นโจรโรคจิตหรือไม่ก็โจรหื่นกามที่คอยย่ำยีหญิงสาว ทั้งที่ความจริงแล้วตลอดชีวิตที่ผ่านมากว่าสามสิบสองปีของเขาไม่เคยขาดแคลนผู้หญิงจนต้องไปฉุดคร่าขืนใจ มีหญิงสาวสวยมากมายที่ผ่านเข้ามาในชีวิตนับไม่ถ้วน ทั้งสวยเริดระดับนางงาม นางแบบกระทั่งดาราแนวหน้าของเมืองไทย ไม่มีใครสักคนที่ทำท่าหวาดกลัวเขาและเป็นลมหมดสติเพียงแค่เขาจูบเจ้าหล่อนแต่ยายจิ๋วเสียงนกหวีดคนนี้กลับทำให้เขาอ่อนปวกเปียกสำนึกดีชั่วตีกันวุ่นวาย สุดท้ายเขาก็หอบหิ้วเธอมาที่รีสอร์ตหรูของตนด้วย แล้วยังพ่วงพ่อของเจ้าหล่อนมาอีกคนหลังจากที่แข็งใจแสร้งแสดงละครเพื่อให้เธอบอกความจริงด้วยการทำเหมือนจะขืนใจ แต่แม่คุณก็ทั้งดิ้นทั้งทุบตีเขาไม่ย
ตอนที่2.“อุ๊ย..” เสียงอุทานอย่างตื่นตระหนกออกจากปากบางเท่านั้นหญิงสาวก็ไม่มีโอกาสได้ตอบโต้เขาเมื่อริมฝีปากหยักสีเข้มทาบลงมาอย่างถนัดถนี่และฉวยโอกาสที่เธอเผยปากสอดลิ้นเข้าไปเกี่ยวรัดลิ้นเล็กที่ล่าถอยอย่างขลาดกลัวดูดดื่มเรียกร้องและหลอกล่อจนคนที่อ่อนเดียงสากว่าคล้อยตามด้วยความมึนงงมือหนาที่รวบข้อมือเล็กไว้ค่อยๆ คลายออกมาลูบไล้ที่เอวกิ่วที่เขานึกค่อนขอดอยู่ในใจว่าแค่มือข้างเดียวของเขาก็รวบมันได้หมดและถ้าออกแรงเยอะไปก็เกรงว่าเอวเธอจะหักเสียบัดนั้นแต่ความเนียนนุ่มของผิวเนื้อใต้เสื้อเชิ้ตตัวโคร่งของเขาที่เธอสวมอยู่ทั้งลิ้นเล็กที่จูบตอบเขาอย่างหลงลืมตัวก็ทำให้เขาหลงลืมทุกสิ่งทุกอย่างไปในทันที กระดุมเสื้อดูเหมือนจะเกะกะขวางหูขวางตาจนในที่สุดเขาก็กระชากมันรวดเดียวจนกระดุมขาดออกจากรังกระเด็นกระดอนไม่รู้ทิศ“โอ.. พระเจ้า.. ยายตัวจิ๋วเธอสวยเหลือเกิน”พยัคฆ์ครางพร่าเมื่อทรวงอกอวบอิ่มที่ประดับด้วยเม็ดทับทิมสีชมพูสดไหวสะท้านจากแรงหอบหายใจของเธอ ดวงตาหลับพริ้มริมฝีปากบวมเจ่อเผยอครางแผ่วๆ ด้วยความซ่านรัญจวนยิ่งกระตุ้นอารมณ์ดิบเถื่อนของบุรุษเพศให้กระเจิดกระเจิงยิ่งต่ำลงไปกว่านั้นสติของเขาก็แทบขาดผึง.
ตอนที่3.จุมพิตามองรอบกายด้วยความตื่นเต้นอยู่ไม่น้อย เทือกเขาเขียวขจีโอบล้อมรอบบ้านหลังงามที่ปลูกสร้างอย่างลงตัวกลมกลืนไปกับผืนป่าที่ปลูกขึ้นแซมกับป่าดั้งเดิม ดอกไม้หลากหลายสายพันธ์แข่งกันออกดอกชูช่อไสวล้อลมส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ ผสมกับกลิ่นหญ้าลอยมาตามสายลมเย็นสบาย อากาศเย็นสบายลำธารเล็กๆ ไหลผ่านทำให้ได้ยินเสียงน้ำไหลดั่งเสียงเพลงวารีขับกล่อมคนที่อยู่ภายในรีสอร์ตหรูที่เธอเคยได้ยินชื่อมาบ้างรีสอร์ตคิงส์เมาท์เท่น รีสอร์ตหรูระดับห้าดาวคงไม่พอเพราะความยิ่งใหญ่อลังการและงดงามราวกับเมืองในฝันที่เคยเห็นในภาพยนตร์หรือหนังสือและรายการโทรทัศน์เกี่ยวกับการท่องเที่ยวหากมีดาวจะให้อีกเธอคงทุ่มให้ที่นี่ล้านดวงไปเลย นี่สินะที่เขาเรียกว่า อลังการดาวล้านดวง แล้วยิ่งเรือนใหญ่ซึ่งเป็นเรือนเจ้าของสถานที่แห่งนี้ความอลังการไม่ต้องพูดถึงหากไม่มีคนเดินนำทางเธอก็คงเดินหลงไปไหนต่อไหน และต่อให้อยากจะไปไหนดังใจนึกตอนนี้จุมพิตาไม่ขอเสี่ยงเดินออกนอกเส้นทางที่สาวใช้หน้าแฉล้มกำลังเดินนำเธอไปหาบิดาอยู่ตอนนี้เป็นแน่“เชิญเจ้า พ่อคุณจ๋อมอยู่ในห้องนี้เจ้า”สาวใช้ผายมือไปยังประตูเกะสลักงดงามก่อนจะเดินจากไปเงียบๆ จุมพิตารีบเปิ
ตอนที่4.จุมพิตายืนขาสั่นอยู่ตรงหน้าร่างสูงใหญ่ที่แม้ว่าเขาจะนั่งอยู่บนเก้าอี้ทำงานตัวใหญ่ก็ไม่ได้ทำให้ความน่ากลัวของเขาลดลง กลับทำให้เขาดูทรงอำนาจน่าเกรงขามมากกว่าเดิมหลายเท่านัก เหมือนว่าเขากำลังอ่านเอกสารสำคัญอะไรสักอย่างและยังไม่ได้เงยหน้าขึ้นพูดอะไรกับเธอ ทำให้จุมพิตามีโอกาสได้สังเกตเขาอย่างละเอียดลออใบหน้าเรียวยาวได้รูปมีเครื่องหน้าที่เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบไม่ว่าจะเป็นโค้งคิ้วดกหนาที่พาดยาวเหนือดวงตาคมใหญ่สีเทาเข้ม จมูกโด่งสวยคมสันไม่งองุ้มเขามีจมูกที่สวยมากเธอยอมรับโดยไม่มีข้อกังขา และแอบอิจฉาทั้งค่อนขอดว่าพระเจ้าช่างลำเอียงที่ประทานจมูกสวยๆ ให้เขาไปเสียหมด อีกทั้งริมฝีปากหยักสีชมพูเข้มอย่างคนสุขภาพดีนั่นอีก มันสวยกว่าปากของผู้หญิงบางคนเสียอีกที่สำคัญริมฝีปากคู่นี้ช่างร้ายกาจเสียนัก..“มองพอรึยัง..”เสียงห้าวดังขึ้นทำให้จุมพิตาสะดุ้งตื่นจากภวังค์กะพริบตาปริบๆ ก้มหน้างุดอย่างขัดเขินเมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมา“คนบ้าจะเงยหน้าขึ้นมาก็ไม่ยอมบอก” หญิงสาวทำปากขมิบขมิบ“มานี่สิ” เขาเรียกจุมพิตาขยับไปข้างหน้าเล็กน้อยแต่ยังไม่เงยหน้ามองเขา“ใกล้เข้ามาอีก”พยัคฆ์ย้ำหญิงสาวก็ก้าวเข้าไปอีกหนึ่งก