พยัคฆ์มองใบหน้านวลใสที่เริ่มมีสีสันของคนตัวเล็กที่หลับสนิทมาหลายชั่วโมงอย่างพิจารณา ใบหน้าเรียวได้รูปไม่ว่าจะเป็นปากคอคิ้วคางช่างดูเหมาะเจาะรับกันได้ดีแม้ไม่ได้ดูสวยผุดผาดบาดตาแต่เขากลับถอนสายตาจากใบหน้าของเธอได้ยากลำบากเหลือเกิน โดยเฉพาะดวงตากลมโตยามที่จ้องมองเขาอย่างตื่นตระหนก กับริมฝีปากระเรื่อที่เขาได้เชยชิมมันก่อนที่เจ้าตัวจะหมดสติไปด้วยความหวาดกลัว และตรงนี้เองที่ทำให้เขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นโจรโรคจิตหรือไม่ก็โจรหื่นกามที่คอยย่ำยีหญิงสาว ทั้งที่ความจริงแล้วตลอดชีวิตที่ผ่านมากว่าสามสิบสองปีของเขาไม่เคยขาดแคลนผู้หญิงจนต้องไปฉุดคร่าขืนใจ มีหญิงสาวสวยมากมายที่ผ่านเข้ามาในชีวิตนับไม่ถ้วน ทั้งสวยเริดระดับนางงาม นางแบบกระทั่งดาราแนวหน้าของเมืองไทย ไม่มีใครสักคนที่ทำท่าหวาดกลัวเขาและเป็นลมหมดสติเพียงแค่เขาจูบเจ้าหล่อน
แต่ยายจิ๋วเสียงนกหวีดคนนี้กลับทำให้เขาอ่อนปวกเปียกสำนึกดีชั่วตีกันวุ่นวาย สุดท้ายเขาก็หอบหิ้วเธอมาที่รีสอร์ตหรูของตนด้วย แล้วยังพ่วงพ่อของเจ้าหล่อนมาอีกคนหลังจากที่แข็งใจแสร้งแสดงละครเพื่อให้เธอบอกความจริงด้วยการทำเหมือนจะขืนใจ แต่แม่คุณก็ทั้งดิ้นทั้งทุบตีเขาไม่ยอมง่ายๆ จนเขาต้องแกล้งแสดงอาการหื่นกระหายรุนแรง แต่พอเขาจูบเธอเท่านั้นแม่คนที่กรีดร้องจนแสบแก้วหูก็หมดสติไปทันที ครั้นจะแสดงละครต่อก็ทำไม่ได้แม้จะติดใจในรสชาติจูบแบบไม่ตั้งใจนั้นก็ตาม แต่เขาก็แกล้งทิ้งร่องรอยบนผิวเนื้อขาวละมุนเป็นจุดๆ เพื่อหลอกให้เธอตายใจว่าตกเป็นของเขาแล้ว
“ว่าไงชาติชาย..” ชายหนุ่มลุกขึ้นรีบกดรับโทรศัพท์กลัวว่าเสียงเรียกเข้าจะรบกวนนิทรารมย์ของคนตัวเล็กแล้วเดินออกไปที่ระเบียงและปิดกระจกลง
“ยายป้าข้างบ้านสองคนนั้นแสบมากครับ เอาเรื่องที่เจ้านายมาที่นี่ไปพูดทั้งตลาด”
“พูดว่าไง”
“เขาไปพูดว่า เอ่อ ว่า...” ทางปลายสายอึกอักทำให้พยัคฆ์เริ่มหงุดหงิด
“ว่าอะไรวะ มันเป็นยังไงถึงพูดยากนัก”
“ก็แกไปพูดว่าคุณจ๋อมเป็นพวกหัวขโมยเป็นสิบแปดมงกุฎไปขโมยของสำคัญพ่อค้ายามา แล้วพ่อค้ายามาจับตัวไปเป็นโสเภณี แล้วเด็กๆ ในก๊วนของเธอเป็นเด็กส่งยาบ้า เป็นอาชญากร เขาว่าเจ้านายคือหัวหน้าแก๊งค้ายาครับ”
“อ้อ.. ยายป้าทึนทึกสองคนนั่นใช่มั้ย ส่งข้อมูลของสองป้ามหาภัยนั้นมาให้ฉัน”
พยัคฆ์สั่งเสียงเรียบแล้ววางสาย ดวงตาสีเทาเข้มเกือบดำดูขุ่นมัวด้วยความโกรธเมื่อนึกถึงสองสาวทึนทึกข้างบ้าน ชายหนุ่มอ่านข้อมูลของสองพี่น้องที่ชาติชายส่งมาให้ทางโทรศัพท์เครื่องหรูที่สามารถเข้าถึงข้อมูลต่างๆ ได้อย่างง่ายดายเพียงปลายนิ้วสัมผัสด้วยความไม่พอใจ ดีที่สมัยนี้มีเทคโนโลยีที่สามารถเข้าถึงข้อมูลต่างๆ ได้ไม่ยากและเขาก็สามารถรู้เรื่องราวและประวัติคร่าวๆ ของจุมพิตาได้จากสิ่งเหล่านี้เช่นกัน
วัชรากับอาภรณ์ สองพี่น้องสาวโสดวัยดึกเพื่อนบ้านของจุมพิตา วันๆ ไม่ทำอะไร คอยหาเรื่องนินทาชาวบ้านร้านตลาดไปทั่ว อาชีพหลักของสองพี่น้องคือการเล่นหวยและเล่นการพนันเล็กๆ น้อยๆ ตามงานศพบ้าง ตามบ่อนที่เปิดแบบลับๆ ในหมู่บ้านบ้างและที่สำคัญคอยแอบรับซื้อของโจรไปปล่อยต่อ แต่ภาพลักษณ์ภายนอกของสองพี่น้องนี่คือ หญิงวัยกลางคนที่ดูจิตใจดีแต่งตัวเรียบร้อยน่าเชื่อถือ
วัชราลักษณะท่าทางเหมือนจะเป็นทอมบอยพูดจาดูมีหลักการแต่ส่วนใหญ่เป็นเรื่องที่รู้ไม่จริงแต่มาใส่ไข่ใส่สีให้คนอื่นเข้าใจผิดคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง แล้วก็มักจะโบ้ยว่าคนอื่นพูดไม่เคยยอมรับว่าตนเป็นคนพูดหรือทำผิดและมักวิธีการพูดที่ทำให้ตัวเองดูดีต่อสายตาคนอื่นๆ อยู่เสมอ
ส่วนอาภรณ์น้องสาวชอบแต่งตัวสวยงามดูเป็นผู้ดีทุกกระเบียดนิ้วแต่ชอบเขียนคิ้วๆ เชิดๆ เหมือนงิ้วรองพื้นหนาๆ พูดจาดูมีหลักการมีความรู้ด้วยว่าเรียนจบระดับปริญญาตรีและเคยรับราชการมาก่อนแต่ต้องออกจากราชการเพราะทุจริต
เขาจำได้ดีว่าก่อนที่เขาจะพาจุมพิตาออกมา สองพี่น้องขาเม้าท์ออกมายืนเกาะรั้วแล้วพากันซุบซิบๆ เหมือนจะวิพากษ์วิจารณ์อะไรสักอย่าง ตอนนั้นเขาไม่คิดจะใส่ใจแต่ตอนนี้เขาไม่ใส่ใจไม่ได้แล้วเมื่อพาดหัวข่าวหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งมีชื่อของเขาเข้าไปพัวพัน
“บัดซบจริงๆ ยายป้ามหาภัยนั่นแสบมาก”
ชายหนุ่มพึมพำเบาๆ แล้วรีบหันหลังกลับเดินเข้าห้องอย่างรวดเร็วเมื่อเขาเห็นบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่ในห้อง
“กรี๊ดดด.. ปล่อยฉันนะไอ้สารเลว..”
หญิงสาวกรีดร้องออกมาสุดเสียงเมื่อร่างที่กำลังจะไปถึงประตูถูกตวัดกลับเข้ามาปะทะกับอกกว้างของเขา พยัคฆ์พลิกร่างเล็กให้หันมาเผชิญหน้าซึ่งเจ้าหล่อนก็ทั้งร้องโวยวายและทุบตีเขาพัลวันจนเขาต้องรวบร่างบางไว้กับตัวแล้วรวบแขนทั้งสองข้างไว้ด้านหลังจนอกอวบนุ่มหยุ่นแนบไปกับอกแกร่งจนเขาเริ่มเกลียดการเข้าใกล้เธอเข้าให้แล้วเพราะมันทำให้เขาไม่ค่อยเป็นตัวของตัวเองนัก ไอ้สิ่งที่เคยสงบๆ ควบคุมได้ดีก็เริ่มจะควบคุมยากขึ้น กลิ่นกายสาวหอมละมุนก็รบกวนจิตใจให้ไขว้เขวจนน่าโมโห
“หยุด อย่าดิ้น”
“ฉันไม่หยุด ไอ้คนสารเลว ใจร้ายหน้ารังแกผู้หญิงไอ้คนทุเรศ..”
พยัคฆ์มองหน้าคนที่ต่อว่าเขานิ่ง ใบหน้าซีดเซียวบัดนี้แดงก่ำดวงตากลมโตที่เขานึกชมว่ามันงามระยับราวดวงตากวางน้อยเต็มไปด้วยความฉุนเฉียวแต่ก็ดูน่ารักดี
“ฟื้นมาก็ดีแล้วเราจะได้มาสานต่อสิ่งที่ค้างไว้อีกที เธอจะได้รับรู้ว่าตอนที่เธอหมดสติไปนั้นฉันทำอะไรกับเธอบ้าง”
“แก.. ไอ้คนสารเลว” หญิงสาวเค้นเสียงนัยน์ตาแดงๆ เหมือนจะร้องไห้พยัคฆ์ยิ้มเย็นอย่างพอใจ
“ด่าได้ดีมาก มีอะไรจะด่าอีกมั้ย..”
นึกสนุกที่ได้ต่อปากต่อคำกับเธอยิ่งนักแล้วกระชับวงแขนมากขึ้นและก้มหน้าลงไปใกล้ใบหน้าแดงก่ำเรื่อยๆ ในขณะที่เธอเอนกายหนีเขาจนสุดตัวและสุดท้ายปลายจมูกเล็กก็อยู่ห่างปลายจมูกโด่งของเขาเพียงเส้นด้ายกั้น
“มีเยอะแยะ แค่ยังคิดไม่ออก..”
หญิงสาวเบี่ยงหน้าหนีทำให้แก้มเนียนอยู่ใต้จมูกคมซึ่งเขาไม่ละเลยที่จะสูดกลิ่นแก้มสาวเข้าไปจนเต็มปอดอย่างอดใจไม่ไหว
“หึหึ.. ถ้าคิดไม่ออก เดี๋ยวจะแสดงให้ดูเผื่อคิดออกว่าคนสารเลวรังแกผู้หญิงของจริงเขาทำกันยังไง”
ตอนที่2.“อุ๊ย..” เสียงอุทานอย่างตื่นตระหนกออกจากปากบางเท่านั้นหญิงสาวก็ไม่มีโอกาสได้ตอบโต้เขาเมื่อริมฝีปากหยักสีเข้มทาบลงมาอย่างถนัดถนี่และฉวยโอกาสที่เธอเผยปากสอดลิ้นเข้าไปเกี่ยวรัดลิ้นเล็กที่ล่าถอยอย่างขลาดกลัวดูดดื่มเรียกร้องและหลอกล่อจนคนที่อ่อนเดียงสากว่าคล้อยตามด้วยความมึนงงมือหนาที่รวบข้อมือเล็กไว้ค่อยๆ คลายออกมาลูบไล้ที่เอวกิ่วที่เขานึกค่อนขอดอยู่ในใจว่าแค่มือข้างเดียวของเขาก็รวบมันได้หมดและถ้าออกแรงเยอะไปก็เกรงว่าเอวเธอจะหักเสียบัดนั้นแต่ความเนียนนุ่มของผิวเนื้อใต้เสื้อเชิ้ตตัวโคร่งของเขาที่เธอสวมอยู่ทั้งลิ้นเล็กที่จูบตอบเขาอย่างหลงลืมตัวก็ทำให้เขาหลงลืมทุกสิ่งทุกอย่างไปในทันที กระดุมเสื้อดูเหมือนจะเกะกะขวางหูขวางตาจนในที่สุดเขาก็กระชากมันรวดเดียวจนกระดุมขาดออกจากรังกระเด็นกระดอนไม่รู้ทิศ“โอ.. พระเจ้า.. ยายตัวจิ๋วเธอสวยเหลือเกิน”พยัคฆ์ครางพร่าเมื่อทรวงอกอวบอิ่มที่ประดับด้วยเม็ดทับทิมสีชมพูสดไหวสะท้านจากแรงหอบหายใจของเธอ ดวงตาหลับพริ้มริมฝีปากบวมเจ่อเผยอครางแผ่วๆ ด้วยความซ่านรัญจวนยิ่งกระตุ้นอารมณ์ดิบเถื่อนของบุรุษเพศให้กระเจิดกระเจิงยิ่งต่ำลงไปกว่านั้นสติของเขาก็แทบขาดผึง.
ตอนที่3.จุมพิตามองรอบกายด้วยความตื่นเต้นอยู่ไม่น้อย เทือกเขาเขียวขจีโอบล้อมรอบบ้านหลังงามที่ปลูกสร้างอย่างลงตัวกลมกลืนไปกับผืนป่าที่ปลูกขึ้นแซมกับป่าดั้งเดิม ดอกไม้หลากหลายสายพันธ์แข่งกันออกดอกชูช่อไสวล้อลมส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ ผสมกับกลิ่นหญ้าลอยมาตามสายลมเย็นสบาย อากาศเย็นสบายลำธารเล็กๆ ไหลผ่านทำให้ได้ยินเสียงน้ำไหลดั่งเสียงเพลงวารีขับกล่อมคนที่อยู่ภายในรีสอร์ตหรูที่เธอเคยได้ยินชื่อมาบ้างรีสอร์ตคิงส์เมาท์เท่น รีสอร์ตหรูระดับห้าดาวคงไม่พอเพราะความยิ่งใหญ่อลังการและงดงามราวกับเมืองในฝันที่เคยเห็นในภาพยนตร์หรือหนังสือและรายการโทรทัศน์เกี่ยวกับการท่องเที่ยวหากมีดาวจะให้อีกเธอคงทุ่มให้ที่นี่ล้านดวงไปเลย นี่สินะที่เขาเรียกว่า อลังการดาวล้านดวง แล้วยิ่งเรือนใหญ่ซึ่งเป็นเรือนเจ้าของสถานที่แห่งนี้ความอลังการไม่ต้องพูดถึงหากไม่มีคนเดินนำทางเธอก็คงเดินหลงไปไหนต่อไหน และต่อให้อยากจะไปไหนดังใจนึกตอนนี้จุมพิตาไม่ขอเสี่ยงเดินออกนอกเส้นทางที่สาวใช้หน้าแฉล้มกำลังเดินนำเธอไปหาบิดาอยู่ตอนนี้เป็นแน่“เชิญเจ้า พ่อคุณจ๋อมอยู่ในห้องนี้เจ้า”สาวใช้ผายมือไปยังประตูเกะสลักงดงามก่อนจะเดินจากไปเงียบๆ จุมพิตารีบเปิ
ตอนที่4.จุมพิตายืนขาสั่นอยู่ตรงหน้าร่างสูงใหญ่ที่แม้ว่าเขาจะนั่งอยู่บนเก้าอี้ทำงานตัวใหญ่ก็ไม่ได้ทำให้ความน่ากลัวของเขาลดลง กลับทำให้เขาดูทรงอำนาจน่าเกรงขามมากกว่าเดิมหลายเท่านัก เหมือนว่าเขากำลังอ่านเอกสารสำคัญอะไรสักอย่างและยังไม่ได้เงยหน้าขึ้นพูดอะไรกับเธอ ทำให้จุมพิตามีโอกาสได้สังเกตเขาอย่างละเอียดลออใบหน้าเรียวยาวได้รูปมีเครื่องหน้าที่เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบไม่ว่าจะเป็นโค้งคิ้วดกหนาที่พาดยาวเหนือดวงตาคมใหญ่สีเทาเข้ม จมูกโด่งสวยคมสันไม่งองุ้มเขามีจมูกที่สวยมากเธอยอมรับโดยไม่มีข้อกังขา และแอบอิจฉาทั้งค่อนขอดว่าพระเจ้าช่างลำเอียงที่ประทานจมูกสวยๆ ให้เขาไปเสียหมด อีกทั้งริมฝีปากหยักสีชมพูเข้มอย่างคนสุขภาพดีนั่นอีก มันสวยกว่าปากของผู้หญิงบางคนเสียอีกที่สำคัญริมฝีปากคู่นี้ช่างร้ายกาจเสียนัก..“มองพอรึยัง..”เสียงห้าวดังขึ้นทำให้จุมพิตาสะดุ้งตื่นจากภวังค์กะพริบตาปริบๆ ก้มหน้างุดอย่างขัดเขินเมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมา“คนบ้าจะเงยหน้าขึ้นมาก็ไม่ยอมบอก” หญิงสาวทำปากขมิบขมิบ“มานี่สิ” เขาเรียกจุมพิตาขยับไปข้างหน้าเล็กน้อยแต่ยังไม่เงยหน้ามองเขา“ใกล้เข้ามาอีก”พยัคฆ์ย้ำหญิงสาวก็ก้าวเข้าไปอีกหนึ่งก
บทนำ.ร่างระหงของหญิงสาววัยยี่สิบสองวิ่งเข้าไปในบ้านหลังเล็กโกโรโกโสอย่างรวดเร็วด้วยความตื่นตระหนกเมื่อเห็นชายฉกรรจ์ในชุดสีดำ สวมแว่นกันแดดสีดำกว่าสิบคนยืนอยู่เต็มบริเวณบ้านอันคับแคบอย่างไม่เกรงกลัวอันตรายเพราะห่วงคนที่อยู่ในบ้านมากกว่าชีวิตของตนเอง“พวกคุณเป็นใครแล้วมาทำอะไรในบ้านของฉัน..”จุมพิตา ถามเสียงสั่นหน้าขาวซีดเมื่อเห็นท่าทางคุกคามจากอีกฝ่าย แม้ว่าคนเหล่านั้นจะยืนนิ่งเหมือนรอใครบางคนที่มีอำนาจเหนือกว่า“ฉันมาตามของของฉันคืน...”เสียงห้าวทรงอำนาจดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่มคนหนึ่งปรากฏอยู่ที่ประตูบ้าน ร่างใหญ่โตของเขาทำให้ประตูบ้านของเธอดูเล็กคับแคบไปทันที หญิงสาวเบิกตากว้างอย่างตระหนกเมื่อเจอหน้าคนพูด เขานั่นเอง.. ผู้ชายหน้าตาหล่อลากดินแต่แสนจะเย็นชาคนนั้นที่เธอเจอเขาที่ตลาดขายเครื่องประดับเมื่อวันก่อน แล้วเขามาบ้านของเธอทำไม “คุ คุณ เอ่อ...” จุมพิตาพูดไม่ออกมือสั่นใจสั่นจริงๆ แล้วเธอสั่นไปทั้งตัวต่างหาก“ของที่พวกเธอเอามาอยู่ไหน”“ของ ของอะไรฉันไม่รู้เรื่อง”“ฉันให้โอกาสเธอเป็นครั้งสุดท้ายแม่สาวน้อย สร้อยเส้นนั้นอยู่ไหน”เสียงเข้มเย็นชาแววตาวาวโรจน์จนจุมพิตาอยากจะ