Share

ตอนที่4.

ตอนที่4.

จุมพิตายืนขาสั่นอยู่ตรงหน้าร่างสูงใหญ่ที่แม้ว่าเขาจะนั่งอยู่บนเก้าอี้ทำงานตัวใหญ่ก็ไม่ได้ทำให้ความน่ากลัวของเขาลดลง กลับทำให้เขาดูทรงอำนาจน่าเกรงขามมากกว่าเดิมหลายเท่านัก เหมือนว่าเขากำลังอ่านเอกสารสำคัญอะไรสักอย่างและยังไม่ได้เงยหน้าขึ้นพูดอะไรกับเธอ ทำให้จุมพิตามีโอกาสได้สังเกตเขาอย่างละเอียดลออ

ใบหน้าเรียวยาวได้รูปมีเครื่องหน้าที่เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบไม่ว่าจะเป็นโค้งคิ้วดกหนาที่พาดยาวเหนือดวงตาคมใหญ่สีเทาเข้ม จมูกโด่งสวยคมสันไม่งองุ้มเขามีจมูกที่สวยมากเธอยอมรับโดยไม่มีข้อกังขา และแอบอิจฉาทั้งค่อนขอดว่าพระเจ้าช่างลำเอียงที่ประทานจมูกสวยๆ ให้เขาไปเสียหมด อีกทั้งริมฝีปากหยักสีชมพูเข้มอย่างคนสุขภาพดีนั่นอีก มันสวยกว่าปากของผู้หญิงบางคนเสียอีกที่สำคัญริมฝีปากคู่นี้ช่างร้ายกาจเสียนัก..

“มองพอรึยัง..”

เสียงห้าวดังขึ้นทำให้จุมพิตาสะดุ้งตื่นจากภวังค์กะพริบตาปริบๆ ก้มหน้างุดอย่างขัดเขินเมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมา

“คนบ้าจะเงยหน้าขึ้นมาก็ไม่ยอมบอก” หญิงสาวทำปากขมิบขมิบ

“มานี่สิ” เขาเรียกจุมพิตาขยับไปข้างหน้าเล็กน้อยแต่ยังไม่เงยหน้ามองเขา

“ใกล้เข้ามาอีก”

พยัคฆ์ย้ำหญิงสาวก็ก้าวเข้าไปอีกหนึ่งก้าว แล้วจุมพิตาก็ต้องตาโตด้วยความตกใจเมื่อคนที่คิดว่ายังอยู่ห่างจากตนเป็นวา เข้ามาถึงตัวเธอในเวลาเพียงแค่ไม่กี่วินาทีหลังจากที่ได้ยินเสียงเขาสบถในลำคออย่างฉุนเฉียวเมื่อกี้..

“คิดจะยั่วประสาทฉันเหรอ ฮึ จุมพิตา..”

“ปละ เปล่านะคะ คือจะ จ๋อม คือฉัน..”

หญิงสาวพูดไม่ออกทั้งยันแผงอกกว้างของเขาไว้กลัวว่ามันจะมาสัมผัสกับอกนุ่มของตนที่มีเพียงเสื้อเชิ้ตของเขากางกั้น ดีที่ว่าบนเรือนนี้เธอเห็นว่ามีเพียงผู้หญิงทั้งสาวใช้และคนทำสวน หรืออาจจะเพราะงานไม่ได้หนักหนาอะไรเขาจึงจ้างเฉพาะผู้หญิงซึ่งมันทำให้เธอโล่งใจอยู่ไม่น้อยเพราะหากมีผู้ชายสักคนบนเรือนนอกจากเขากับบิดา เธอคงทำหน้าไม่ถูก

“เห็นรึยังว่าพ่อเธอยังไม่ตาย และฉันยังใจดีจ้างพยาบาลมาดูแลพ่อของเธอด้วย ทั้งที่เธอเป็นเชลยของฉัน เห็นมั้ยว่าเธอได้เปรียบเห็นๆ เลยนะ”

คำพูดที่เหมือนทวงบุญคุณและหยิ่งโอหังทำให้จุมพิตาอยากตะกุยหน้าหล่อๆ นั่นนัก

ได้เปรียบเหรอ เธอได้เปรียบตรงไหนกัน... เธอไม่ได้รู้เรื่องอะไรกับเขาเลยแถมยังโดนกล่าวหาและถูกจับตัวมาเป็นเชลยของเขาให้เขาปู้ยี่ปู้ยำนี่นะ เรียกว่าได้เปรียบ..

“ไม่เห็นว่าจะได้เปรียบตรงไหน คุณพูดเองเออเอง” กล้าที่จะเถียงเขาบ้างแล้วหญิงสาวสูดลมหายใจลึกๆ 

“หรือเธออยากให้พ่อเธอตายล่ะ ก็ได้นะฉันทำได้หากเธอตุกติกอะไร”

“คนอย่างฉันจะไปตุกติกอะไรกับคุณได้ ฉันมันก็แค่ลูกไก่ตัวเล็กๆ ในกำมือของคุณ แถมยังเป็นแพะรับบาปที่ฉันก็ยังไม่รู้เลยว่าฉันไปทำอะไรให้คุณ..”

พูดไปก็ก้าวตามคนตัวโตไปเมื่อเขารั้งเธอไปยังโซฟาตัวใหญ่มุมระเบียงห้องทำงานที่มองเห็นทิวทัศน์อันงดงามด้านนอกได้สุดลูกหูลูกตา รอบกายเธองดงามน่าชื่นชมแต่หญิงสาวไม่มีอารมณ์จะชายตาดื่มด่ำกับความงามเหล่านั้นเลยแม้แต่น้อย ร่างสูงนั่งลงโดยรั้งให้เธอนั่งคร่อมตักกว้างของเขาและแน่นอนจุมพิตาไม่มีทางได้ขัดขืน

“พูดเก่งนี่ หรือว่าเก่งทุกเรื่องนะ”

“คุณต้องการอะไรกันแน่ และฉันไปทำอะไรให้คุณ”

จุมพิตาอดรนทนไม่ได้เมื่อเขาทำท่าจะนอกเรื่องและมือใหญ่ก็เริ่มยุ่งวุ่นวายกับเนื้อตัวเธอ

“ไม่รู้จริงๆ หรือแกล้งไม่รู้กันแน่”

“ถ้าคุณจะกรุณา..”

หญิงสาวค้อนเขาอย่างอดไม่ได้ทั้งเอนกายหนีใบหน้าที่โน้มเข้ามาใกล้ใจสั่นสะท้านเต้นระรัวจนเหนื่อยหอบ คนอะไรหล่อเป็นบ้า ยิ่งมองยิ่งหล่อ จุมพิตาบอกตัวเองทั้งยังพยายามห้ามใจไม่ให้หวั่นไหวกับเขา 

“สร้อยเส้นนั้น เธอเอามันไปให้ใคร”

“สร้อย สร้อยอะไรคะ”

สร้อยเพชรชมพู ที่น้องของเธอฉกไปจากกระเป๋าของฉันไปให้เจ้านายเธอไงล่ะ เธอเอามันไปส่งให้ใคร”

“น้องชายฉันไปเอาของคุณมาตอนไหน แล้วฉันก็ส่งของให้เจ้านายฉันเยอะแยะ ฉันจะรู้ได้ไงว่าอันไหนมันของคุณ และเจ้านายฉันไม่มีทางรับซื้อของโจรแน่ๆ”

หญิงสาวหน้าตื่นไม่อยากจะเชื่อว่าเรื่องที่เขาบอกมานั้นเป็นเรื่องจริง

“น้องชายเธอขโมยมันไปวันนั้น..”

“อย่ามาใส่ร้ายเรานะ จ้อยไม่มีวันทำแบบนั้น”

“ไม่ทำเหรอ เธอจะดูกล้องวงจรปิดของตลาดมั้ย โชคร้ายหน่อยนะที่ตรงนั้นมันมีกล้องวงจรปิดอยู่ น้องชายเธอฉกมันไปจากกระเป๋าเสื้อของฉัน” เขายืนยันแววตาจริงจัง

“ถ้าของมันมีค่ากับคุณขนาดนั้นทำไมเอามันออกมาเดินตลาดด้วยล่ะ คนโง่ๆ เท่านั้นล่ะจะทำกันแบบนั้น”

อดไม่ได้จุมพิตาก็สวนกลับไปด้วยความโมโห ถึงเธอจะเป็นเพียงแค่เด็กส่งของให้ร้านเครื่องประดับที่มีชื่อเสียงที่สุดในตลาดไม่ได้เรียบจบปริญญาตรีแต่เธอก็มีศักดิ์ศรีความเป็นคนเหมือนกัน

“ตั้งแต่เกิดมาไม่มีใครมาเถียงฉันฉอดๆ และว่าฉันโง่แบบนี้เลยนะ เธอกล้ามากแม่สาวน้อย”

“ฉันไม่ได้เถียงนะ แค่พูดตามความจริง ถึงฉันกับน้องจะหาเช้ากินค่ำ แต่เราไม่ใช่หัวขโมยและไม่ได้เป็นพวกสิบแปดมงกุฎด้วย”

“ในเมื่อเธอมั่นใจว่าน้องชายของเธอบริสุทธิ์ เธอก็ดูนั่นสิ..”

พูดจบเขาก็จับร่างเธอหันหลังกลับแต่ก็ยังคร่อมตักกว้างเช่นเดิม และเมื่อหันมาทีวีจอใหญ่ราวจอภาพยนตร์ในโรงก็ปรากฏภาพของน้องชายเธอในขณะที่วิ่งกลับมาหาเธอช่วงเวลาเดียวกับที่เขาช่วยดึงเธอไว้ไม่ให้ล้มลงไป แล้วพยัคฆ์ก็หยุดภาพไว้แล้วซูมภาพเข้าไปใกล้ๆ ก็พบว่าจ้อยล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อของเขาและในมือของน้องชายมีอะไรบางอย่างติดไปด้วยจริงๆ ก่อนที่เขากับเธอจะแยกย้ายกันไปและเวลามันแค่เสี้ยววินาทีจริงๆ

“เห็นรึยัง ว่าฉันไม่ได้ปรักปรำเธอ ลักษณะนี้มันเป็นการทำงานเป็นทีม อีกอย่างไอ้ของที่เธอขายน่ะ มันก็ไม่ได้มีคุณภาพดีอย่างที่เธอโฆษณาด้วยซ้ำ มันก็แค่น้ำผสมกาวธรรมดา สรุปแล้วเธอก็คือสิบแปดมงกุฎ” เขาสรุปให้ในตอนท้ายเพื่อตอกย้ำสถานะสิบแปดมงกุฎของเธอ 

“พูดไม่ออกล่ะสิ..” เมื่อเห็นว่าเธอเงียบไปเขาก็ย้ำมาอีก

“ฉัน ไม่รู้จริงๆ ว่าจ้อยเอาของของคุณไปไว้ไหน ฉันไม่รู้”

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status