จุมพิตามองรอบกายด้วยความตื่นเต้นอยู่ไม่น้อย เทือกเขาเขียวขจีโอบล้อมรอบบ้านหลังงามที่ปลูกสร้างอย่างลงตัวกลมกลืนไปกับผืนป่าที่ปลูกขึ้นแซมกับป่าดั้งเดิม ดอกไม้หลากหลายสายพันธ์แข่งกันออกดอกชูช่อไสวล้อลมส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ ผสมกับกลิ่นหญ้าลอยมาตามสายลมเย็นสบาย อากาศเย็นสบายลำธารเล็กๆ ไหลผ่านทำให้ได้ยินเสียงน้ำไหลดั่งเสียงเพลงวารีขับกล่อมคนที่อยู่ภายในรีสอร์ตหรูที่เธอเคยได้ยินชื่อมาบ้าง
รีสอร์ตคิงส์เมาท์เท่น รีสอร์ตหรูระดับห้าดาวคงไม่พอเพราะความยิ่งใหญ่อลังการและงดงามราวกับเมืองในฝันที่เคยเห็นในภาพยนตร์หรือหนังสือและรายการโทรทัศน์เกี่ยวกับการท่องเที่ยวหากมีดาวจะให้อีกเธอคงทุ่มให้ที่นี่ล้านดวงไปเลย นี่สินะที่เขาเรียกว่า อลังการดาวล้านดวง แล้วยิ่งเรือนใหญ่ซึ่งเป็นเรือนเจ้าของสถานที่แห่งนี้ความอลังการไม่ต้องพูดถึงหากไม่มีคนเดินนำทางเธอก็คงเดินหลงไปไหนต่อไหน และต่อให้อยากจะไปไหนดังใจนึกตอนนี้จุมพิตาไม่ขอเสี่ยงเดินออกนอกเส้นทางที่สาวใช้หน้าแฉล้มกำลังเดินนำเธอไปหาบิดาอยู่ตอนนี้เป็นแน่
“เชิญเจ้า พ่อคุณจ๋อมอยู่ในห้องนี้เจ้า”
สาวใช้ผายมือไปยังประตูเกะสลักงดงามก่อนจะเดินจากไปเงียบๆ จุมพิตารีบเปิดประตูเข้าไปทันทีโดยไม่รั้งรอและสภาพบิดาที่เห็นแวบแรกน้ำตาเจ้ากรรมก็ไหลออกมาทันที
“พ่อจ๋า...” หญิงสาวโผเข้ากอดร่างผ่ายผอมของบิดาสองพ่อลูกร้องไห้แข่งกันอยู่ชั่วครู่ก่อนที่จุมพิตาจะเงยหน้าขึ้นจากอกของท่านที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำตาของตน หญิงสาวบรรจงเช็ดใบหน้าที่เปื้อนคราบน้ำตาของบิดาอย่างอ่อนโยนแล้วยิ้มให้ท่านบางๆ
“จ๋อมปลอดภัยดีนะคะพ่อย่าห่วงเลย จ๋อมอยากให้พ่อกินอะไรเสียหน่อยจะได้มีแรงนะ”
นายจักรพยักหน้าปากที่เบี้ยวน้อยๆ เหมือนจะยกยิ้มให้ลูกสาวและแววตาดูมีแววสดใสขึ้น เธอหยิบชามข้าวต้มที่ยังอุ่นอยู่อยู่มาป้อนบิดาไปเรื่อยๆ จนข้าวต้มหมดชาม จุมพิตาหยิบกระดาษมาซับมุมปากและจัดให้ท่านนั่งบนรถวีลแชร์ที่คนใจร้ายอุตส่าห์จัดเตรียมไว้ให้
“เดี๋ยวพ่อนั่งรับลมตรงนี้ก่อนนะจ๊ะ” จุมพิตาเข็นบิดามานั่งที่ระเบียงกว้างเพื่อให้ท่านได้ผ่อนคลายบ้าง
“ตอนนี้พวกเราคงต้องอยู่ที่นี่ไปจนกว่าเขาจะได้ของคืน แต่จ๋อมก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไรและไม่รู้ว่าเป็นจ้อยรึเปล่าที่เอาไป ป่านนี้ไม่รู้ว่าน้องเป็นยังไงบ้าง”
“อื้อๆ อาๆ” นายจักรทำเสียงรับรู้ในลำคอ จุมพิตายิ้มหวานแล้วปลอบท่านเบาๆ
“พ่อไม่ต้องห่วงหรอกค่ะตราบใดที่เราอยู่เป็นตัวประกันที่นี่ น้องจะต้องปลอดภัย ไม่ต้องคิดมากนะคะ จ๋อมยอมทำทุกอย่างเพื่อพวกเราทุกคน อย่างน้อยๆ ตอนนี้จ๋อมก็รู้ว่าพ่อปลอดภัยดี อีตานั่นคงไม่ทำอะไรพ่อหากจ๋อม เอ่อ.. ยอมเป็นผู้หญิงของเขา..”
ปลายน้ำเสียงฟังดูหม่นหมองแต่เธอก็ไม่เคยมีอะไรปิดบังบิดา น้ำตาของนายจักรไหลออกมาอีกครั้งจนจุมพิตารีบเข้ามากอดท่านไว้
“พ่อจ๋าไม่เอาอย่าร้องไห้ ช่างมันเถอะ ถือว่าเป็นฝันร้าย ผู้ชายอย่างเขาคงไม่เก็บจ๋อมไว้นานหรอก เขาออกร่ำรวยมหาศาล จะมาเสียเวลากับเราทำไม ตอนนี้ขอแค่เขาได้ของคืนเราก็จะได้กลับบ้านแล้ว พ่ออย่าร้องไห้นะจ๊ะ จ๋อมไม่อยากเห็นน้ำตาของพ่อ”
หญิงสาวเช็ดน้ำตาให้บิดาอีกครั้งจนเมื่อมีพยาบาลสาววัยกลางคนเดินเข้ามาในห้อง จุมพิตาหน้าตื่นคิดว่าพ่อของตนอาจจะมีอะไรผิดปกติ
“เอ่อ.. คุณพยาบาล คือ มาทำไมคะ พ่อของจ๋อมเป็นอะไรหรือคะ”
“ดิฉันชื่อ อนงค์ ค่ะ คุณยักษ์ให้ดิฉันมาดูแลพ่อของคุณค่ะ ท่านจะต้องทำกายภาพบำบัดทุกวันและกินยาให้ตรงเวลา นี่ก็ได้เวลาทำกายภาพบำบัดแล้วและคุณยักษ์ให้คุณไปพบที่ห้องทำงานเดี๋ยวนี้ค่ะ”
“แต่ว่า..”
“คนที่จะพาคุณไปห้องทำงานคุณยักษ์อยู่หน้าห้องแล้วค่ะ”
อนงค์บอกยิ้มๆ แล้วหันไปคุยกับบิดาของเธอเบาๆ ทำให้จุมพิตาเดินคอตกไปที่หน้าห้องด้วยรู้ดีว่าขัดคำสั่งเขาไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรซ้ำยังจะเข้าตัวด้วย หญิงสาวถอนใจแล้วเดินออกไปนอกห้องก็พบว่ามีคนมารออยู่จริงๆ และไม่ต้องพูดมากแค่เดินตามไปเท่านั้นนั่นคือสิ่งที่ต้องทำ จุมพิตาเดินตามร่างสาวใช้คนเดิมไปพร้อมทั้งคิดถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้เมื่อสองสัปดาห์ก่อน
เธอเจอพยัคฆ์ที่ตลาดขายเครื่องประดับอันขึ้นชื่อของสถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่งที่ชายแดนไทย ลาว ตอนนั้นเธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาเป็นใคร วันนั้นเธอไปตามหาน้องชายเพราะเห็นว่าเย็นมากแล้วแต่ จ้อย น้องชายวัยสิบสองปีของเธอยังไม่กลับบ้าน แต่ด้วยเห็นว่าเป็นวันหยุดนักท่องเที่ยวเยอะเธอจึงเอากาวมหัศจรรย์ติดแน่นเหนียวหนึบไปขายด้วยเป็นการฆ่าเวลาเพราะกว่าตลาดจะปิดก็สี่ทุ่ม ตอนที่เธอกำลังโฆษณาขายกาวให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติอยู่นั้นบังเอิญสะดุดกับร่างสูงของเขาจนตัวเองเกือบล้ม หากว่าเขาไม่คว้าข้อมือเธอไว้เสียก่อน ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันกับที่น้องชายของเธอวิ่งมาหาพอดี
ตอนนั้นเธอไม่ได้คิดมากและไม่ได้คิดว่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ตัวเองต้องมาอยู่ที่นี่ เธอจำได้ดีว่าเขาหน้าบึ้งใส่เธอทั้งยังทำท่าโมโหเป็นอย่างมาก คนที่ติดตามเขามาอีกสองคนก็ทำท่าเหมือนจะเข้ามาบีบคอเธอเสียให้ได้ ที่ซุ่มซ่ามชนเขา แต่ด้วยความที่เธอแต่งตัวมอซอหน้าตามอมแมมผมเผ้าค่อนข้างยุ่งเพราะเพิ่งไปส่งของให้ร้านเครื่องประดับที่ทำงานอยู่ ลักษณะท่าทางของเธอในวันนั้นอาจจะทำให้เขาคิดว่าเธอเป็นเด็กเร่ขายของ หรือแก๊งมิจฉาชีพก็เป็นได้ ก่อนที่เขาจะพูดภาษาอะไรที่เธอไม่เข้าใจแล้วรีบเดินลิ่วๆ จากไปด้วยความรีบเร่ง แต่ใบหน้าหล่อเหลาคมเข้มสะดุดตาของเขาก็ติดตาอยู่ไม่น้อย แต่จุมพิตาก็ไม่ได้คิดว่าเขาจะย้อนกลับมาในชีวิตอีกครั้งในลักษณะเช่นนี้...
แล้วน้องชายของเธอเอาอะไรของเขามา และทำไมเขาจะต้องกล่าวหาว่าเธอเป็นพวกสิบแปดมงกุฎด้วย จุมพิตาคิดไปเรื่อยเปื่อยจนมาหยุดหน้าประตูห้องไม้สักแกะสลักงดงาม หญิงสาวก้มหน้างุดไม่กล้าเงยหน้ามองคนที่เดินนำทางตนมาเพราะความอับอายกับสภาพตัวเอง ไม่ต้องอธิบายอะไรคนที่เห็นก็คงคิดไปถึงไหนต่อไหนว่าเธอกับพยัคฆ์ถึงขั้นไหนแล้ว...
จุมพิตาถอนใจอีกครั้งก่อนจะเอื้อมมือเปิดประตูเข้าไปหลังจากที่คนของเขาเคาะประตูเบาๆ เพื่อให้คนข้างในรับรู้
ตอนที่4.จุมพิตายืนขาสั่นอยู่ตรงหน้าร่างสูงใหญ่ที่แม้ว่าเขาจะนั่งอยู่บนเก้าอี้ทำงานตัวใหญ่ก็ไม่ได้ทำให้ความน่ากลัวของเขาลดลง กลับทำให้เขาดูทรงอำนาจน่าเกรงขามมากกว่าเดิมหลายเท่านัก เหมือนว่าเขากำลังอ่านเอกสารสำคัญอะไรสักอย่างและยังไม่ได้เงยหน้าขึ้นพูดอะไรกับเธอ ทำให้จุมพิตามีโอกาสได้สังเกตเขาอย่างละเอียดลออใบหน้าเรียวยาวได้รูปมีเครื่องหน้าที่เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบไม่ว่าจะเป็นโค้งคิ้วดกหนาที่พาดยาวเหนือดวงตาคมใหญ่สีเทาเข้ม จมูกโด่งสวยคมสันไม่งองุ้มเขามีจมูกที่สวยมากเธอยอมรับโดยไม่มีข้อกังขา และแอบอิจฉาทั้งค่อนขอดว่าพระเจ้าช่างลำเอียงที่ประทานจมูกสวยๆ ให้เขาไปเสียหมด อีกทั้งริมฝีปากหยักสีชมพูเข้มอย่างคนสุขภาพดีนั่นอีก มันสวยกว่าปากของผู้หญิงบางคนเสียอีกที่สำคัญริมฝีปากคู่นี้ช่างร้ายกาจเสียนัก..“มองพอรึยัง..”เสียงห้าวดังขึ้นทำให้จุมพิตาสะดุ้งตื่นจากภวังค์กะพริบตาปริบๆ ก้มหน้างุดอย่างขัดเขินเมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมา“คนบ้าจะเงยหน้าขึ้นมาก็ไม่ยอมบอก” หญิงสาวทำปากขมิบขมิบ“มานี่สิ” เขาเรียกจุมพิตาขยับไปข้างหน้าเล็กน้อยแต่ยังไม่เงยหน้ามองเขา“ใกล้เข้ามาอีก”พยัคฆ์ย้ำหญิงสาวก็ก้าวเข้าไปอีกหนึ่งก
บทนำ.ร่างระหงของหญิงสาววัยยี่สิบสองวิ่งเข้าไปในบ้านหลังเล็กโกโรโกโสอย่างรวดเร็วด้วยความตื่นตระหนกเมื่อเห็นชายฉกรรจ์ในชุดสีดำ สวมแว่นกันแดดสีดำกว่าสิบคนยืนอยู่เต็มบริเวณบ้านอันคับแคบอย่างไม่เกรงกลัวอันตรายเพราะห่วงคนที่อยู่ในบ้านมากกว่าชีวิตของตนเอง“พวกคุณเป็นใครแล้วมาทำอะไรในบ้านของฉัน..”จุมพิตา ถามเสียงสั่นหน้าขาวซีดเมื่อเห็นท่าทางคุกคามจากอีกฝ่าย แม้ว่าคนเหล่านั้นจะยืนนิ่งเหมือนรอใครบางคนที่มีอำนาจเหนือกว่า“ฉันมาตามของของฉันคืน...”เสียงห้าวทรงอำนาจดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่มคนหนึ่งปรากฏอยู่ที่ประตูบ้าน ร่างใหญ่โตของเขาทำให้ประตูบ้านของเธอดูเล็กคับแคบไปทันที หญิงสาวเบิกตากว้างอย่างตระหนกเมื่อเจอหน้าคนพูด เขานั่นเอง.. ผู้ชายหน้าตาหล่อลากดินแต่แสนจะเย็นชาคนนั้นที่เธอเจอเขาที่ตลาดขายเครื่องประดับเมื่อวันก่อน แล้วเขามาบ้านของเธอทำไม “คุ คุณ เอ่อ...” จุมพิตาพูดไม่ออกมือสั่นใจสั่นจริงๆ แล้วเธอสั่นไปทั้งตัวต่างหาก“ของที่พวกเธอเอามาอยู่ไหน”“ของ ของอะไรฉันไม่รู้เรื่อง”“ฉันให้โอกาสเธอเป็นครั้งสุดท้ายแม่สาวน้อย สร้อยเส้นนั้นอยู่ไหน”เสียงเข้มเย็นชาแววตาวาวโรจน์จนจุมพิตาอยากจะ
ตอนที่1.พยัคฆ์มองใบหน้านวลใสที่เริ่มมีสีสันของคนตัวเล็กที่หลับสนิทมาหลายชั่วโมงอย่างพิจารณา ใบหน้าเรียวได้รูปไม่ว่าจะเป็นปากคอคิ้วคางช่างดูเหมาะเจาะรับกันได้ดีแม้ไม่ได้ดูสวยผุดผาดบาดตาแต่เขากลับถอนสายตาจากใบหน้าของเธอได้ยากลำบากเหลือเกิน โดยเฉพาะดวงตากลมโตยามที่จ้องมองเขาอย่างตื่นตระหนก กับริมฝีปากระเรื่อที่เขาได้เชยชิมมันก่อนที่เจ้าตัวจะหมดสติไปด้วยความหวาดกลัว และตรงนี้เองที่ทำให้เขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นโจรโรคจิตหรือไม่ก็โจรหื่นกามที่คอยย่ำยีหญิงสาว ทั้งที่ความจริงแล้วตลอดชีวิตที่ผ่านมากว่าสามสิบสองปีของเขาไม่เคยขาดแคลนผู้หญิงจนต้องไปฉุดคร่าขืนใจ มีหญิงสาวสวยมากมายที่ผ่านเข้ามาในชีวิตนับไม่ถ้วน ทั้งสวยเริดระดับนางงาม นางแบบกระทั่งดาราแนวหน้าของเมืองไทย ไม่มีใครสักคนที่ทำท่าหวาดกลัวเขาและเป็นลมหมดสติเพียงแค่เขาจูบเจ้าหล่อนแต่ยายจิ๋วเสียงนกหวีดคนนี้กลับทำให้เขาอ่อนปวกเปียกสำนึกดีชั่วตีกันวุ่นวาย สุดท้ายเขาก็หอบหิ้วเธอมาที่รีสอร์ตหรูของตนด้วย แล้วยังพ่วงพ่อของเจ้าหล่อนมาอีกคนหลังจากที่แข็งใจแสร้งแสดงละครเพื่อให้เธอบอกความจริงด้วยการทำเหมือนจะขืนใจ แต่แม่คุณก็ทั้งดิ้นทั้งทุบตีเขาไม่ย
ตอนที่2.“อุ๊ย..” เสียงอุทานอย่างตื่นตระหนกออกจากปากบางเท่านั้นหญิงสาวก็ไม่มีโอกาสได้ตอบโต้เขาเมื่อริมฝีปากหยักสีเข้มทาบลงมาอย่างถนัดถนี่และฉวยโอกาสที่เธอเผยปากสอดลิ้นเข้าไปเกี่ยวรัดลิ้นเล็กที่ล่าถอยอย่างขลาดกลัวดูดดื่มเรียกร้องและหลอกล่อจนคนที่อ่อนเดียงสากว่าคล้อยตามด้วยความมึนงงมือหนาที่รวบข้อมือเล็กไว้ค่อยๆ คลายออกมาลูบไล้ที่เอวกิ่วที่เขานึกค่อนขอดอยู่ในใจว่าแค่มือข้างเดียวของเขาก็รวบมันได้หมดและถ้าออกแรงเยอะไปก็เกรงว่าเอวเธอจะหักเสียบัดนั้นแต่ความเนียนนุ่มของผิวเนื้อใต้เสื้อเชิ้ตตัวโคร่งของเขาที่เธอสวมอยู่ทั้งลิ้นเล็กที่จูบตอบเขาอย่างหลงลืมตัวก็ทำให้เขาหลงลืมทุกสิ่งทุกอย่างไปในทันที กระดุมเสื้อดูเหมือนจะเกะกะขวางหูขวางตาจนในที่สุดเขาก็กระชากมันรวดเดียวจนกระดุมขาดออกจากรังกระเด็นกระดอนไม่รู้ทิศ“โอ.. พระเจ้า.. ยายตัวจิ๋วเธอสวยเหลือเกิน”พยัคฆ์ครางพร่าเมื่อทรวงอกอวบอิ่มที่ประดับด้วยเม็ดทับทิมสีชมพูสดไหวสะท้านจากแรงหอบหายใจของเธอ ดวงตาหลับพริ้มริมฝีปากบวมเจ่อเผยอครางแผ่วๆ ด้วยความซ่านรัญจวนยิ่งกระตุ้นอารมณ์ดิบเถื่อนของบุรุษเพศให้กระเจิดกระเจิงยิ่งต่ำลงไปกว่านั้นสติของเขาก็แทบขาดผึง.