ตำหนักชินหยางอ๋อง / เหลียงโจว
“ท่านอ๋อง!! หากพระองค์ไม่เคยรู้สึก…รักหม่อมฉันเลยสักนิด เหตุใดจึงไม่…”
“เหตุใดจึงไม่ปฏิเสธเจ้างั้นหรือ!! เจ้าเองก็รู้ดีอยู่แก่ใจ เจ้าใช้ฐานะสตรีสูงศักดิ์และบุตรีเสนาบดีเล่อมาบีบบังคับข้า และหากข้าไม่ยอมแต่งงานนั่นก็เท่ากับว่าขัดพระทัยเสด็จพ่อ เจ้ามันร้ายกาจมากแผนการยิ่งกว่าที่ข้าคิดเอาไว้ มาตอนนี้ยังต้องการสิ่งใดอีก”
“หยางอี้เหริน” ชินหยางอ๋องแห่งเหลียงโจวมองมายังพระชายาที่เขาพึ่งจะแต่งตั้งเข้ามาในตำหนักเพียงสามวันด้วยสายตาที่เย็นชาและไร้ความรู้สึก เขากับนางมิได้รักกันแต่เพราะความกดดันในสถานการณ์และการบีบคั้นรอบด้านในราชสำนักทำให้เขาต้องแต่งพระชายาเช่นนางเข้ามาโดยไม่เต็มใจ
“ท่านจะเข้าหอกับนางแต่ท่านอ๋องไม่แม้แต่จะ…. คืนที่เราอภิเษกกันท่านไม่เข้าแม้แต่พิธีรับตัวเจ้าสาว!!”
“แต่ตอนนี้เจ้าก็เป็นพระชายาแล้วมิใช่หรือ จากนี้ก็จงทำตัวให้ดี ดูแลตำหนักหลังตามหน้าที่ที่เจ้าควรจะทำ เจ้าอยากเข้ามาที่นี่เพื่อสิ่งนี้มิใช่หรืออย่างไรเล่อชุนหลัน”
“หากรู้ว่าท่านมิได้มีใจ ข้าคงไม่คิดจะฝืนใจท่าน”
ท่านอ๋องหนุ่มกำหมัดแน่น กรามเขาตึงจนขึ้นสันเมื่อได้ยินนางเอ่ยถ้อยคำนี้ออกมา “หากรู้ว่า…” งั้นหรือ
“เจ้ามาพูดเรื่องนี้ในตอนนี้เพื่อสิ่งใดกัน เจ้าก็รู้ว่ามันไม่ทันแล้ว เพราะฉะนั้นต่างคนก็ต่างทำหน้าที่ของตนเถอะ”
นางค่อย ๆ หลับตาเพื่อไล่น้ำตาของตนออกไป ตอนนี้เองที่ท่านอ๋องพึ่งจะรู้สึกปวดหนึบที่กลางดวงพระทัยราวกับทำบางสิ่งพลาดไป แต่สตรีตรงหน้าเขามากเล่ห์เจ้าแผนการจนเขาแทบจะมองนางดี ๆ ไม่ได้เลยสักครั้ง ทำให้เขาแสดงออกกับนางเช่นนี้
“เล่อชุนหลัน” ได้ชื่อว่าเป็นพระชายาท่านอ๋อง ตำแหน่งนี้เป็นสิ่งที่นางเคยใฝ่ฝันมาโดยตลอดตั้งแต่นางพบเขาเมื่อหลายปีก่อน เวลานั้นท่านอ๋องพึ่งมาปกครองเมืองเหลียงโจวตามบัญชาของฝ่าบาทและพึ่งชนะศึกแคว้นหว่านยงกลับมา ตั้งแต่ครั้งนั้นนางที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสาวงามอันดับหนึ่งและเป็นบุตรีของเสนาบดีผู้เรืองอำนาจก็มิเคยชายตามองบุรุษอื่นนอกจากเขา เพราะตำแหน่งของบิดาที่มิอาจปฏิเสธทำให้ท่านอ๋องต้องยอมรับนางเข้ามาเป็นพระชายา
“เอาล่ะ เจ้ารีบกลับไปที่ตำหนักของตนเองเถอะ ส่วนเรื่องพิธีการคงไม่ต้องรบกวนเจ้า เพราะข้าสั่งคนจัดการให้เรียบร้อยแล้ว”
เมื่อตรัสเสร็จแล้วท่านอ๋องก็หันเดินจากไปทันที หลังจากนั้นนางก็มิได้ออกมายุ่งวุ่นวายในพิธีของเขาแต่กลับมีเรื่องเกิดขึ้นเมื่อพิธีส่งตัวถูกคนก่อกวนและแน่นอนว่าเป้าหมายที่จะถูกเพ่งเล็งย่อมไม่พ้นนาง
“ข้าเตือนเจ้าแล้วนะเล่อชุนหลัน!! ว่าอย่าก่อเรื่อง”
เล่อชุนหลันวางจอกชาในมือลงที่โต๊ะด้วยความตกใจเพราะนางกำลังจะเข้านอนแต่กลับได้ยินเสียงโวยวายด้านนอก ท่านอ๋องในชุดเจ้าบ่าวสีแดงสดซึ่งนางไม่เคยเห็นในวันที่นางแต่งเข้ามาที่นี่ยืนอยู่ตรงหน้านาง
“ท่านว่าอะไรนะ ข้า…อ๊ะ!!”
เขาผลักนางลงไปที่เตียงและหันไปตะคอกนางอีกครั้ง
“เป็นเจ้าสินะที่แอบเอายาถ่ายใส่ในน้ำชาของจินเซียน แล้วยังสั่งให้คนจุดประทัดก่อกวน!!”
“อะไรนะ!! หม่อมฉัน…!!”
“เจ้ามันร้ายกาจเกินคาดเดาเหตุใดเจ้าต้องทำเช่นนี้ การรับนางเข้ามาข้าก็บอกกล่าวเจ้าก่อนแล้ว แต่เจ้ากลับยังหาเรื่องนางไม่เลิก!!”
เล่อชุนหลันตั้งสติได้ถึงกับนั่งหัวเราะตัวโยนเมื่อหันมามองเขาที่โกรธจนตกใจเมื่อเห็นสีหน้าของนางในตอนนี้
“นี่เจ้าเป็นบ้าไปแล้วอย่างนั้นหรือ หรือว่าเจ้ากำลังยอมรับงั้นหรือ”
“หึ ท่านอ๋องต่อให้หม่อมฉันไม่ยอมรับพระองค์ก็โยนความผิดนี้มาให้หม่อมฉันอยู่ดีมิใช่หรือเพคะ เช่นนั้นมันจะแตกต่างอันใด ทำหรือไม่ทำพระองค์ก็ทรงตัดสินโทษหม่อมฉันไปแล้ว”
“เจ้า!!”
“ออกไปเถิดเพคะ รีบไปทำพิธีให้เสร็จเถิดอย่าได้มายุ่งกับหม่อมฉันอีกเลยหม่อมฉัน…จะเข้านอนแล้ว”
“เล่อชุนหลันนี่เจ้า…”
“หรือพระองค์อยากจะค้างกับหม่อมฉันในคืนนี้เพคะ พอดีเลยเพราะหม่อมฉันยังไม่เคยเห็นพระองค์แต่งกายในชุดเจ้าบ่าวเลยสักครั้ง”
“เล่อชุนหลัน อย่าให้ข้าสืบรู้ว่าเจ้าอยู่เบื้องหลังในเรื่องนี้ก็แล้วกัน”
คนพูดไม่ได้สนใจความรู้สึกของผู้ฟังเลยสักนิด เมื่อพูดเสร็จเขาก็เดินโมโหออกไปจากตำหนัก ทิ้งให้นางรู้สึกเจ็บและผิดหวังอยู่ในนั้นเพียงคนเดียว
“พระชายาเพคะ เป็นอะไรหรือไม่เพคะ”
“ข้าน่ะหรือ…จะเป็นอะไรได้เล่า ก็เป็นคนที่เขาไม่รักน่ะสิ ข้ามันโง่เองที่รักเขาจนหลงลืมคำเตือนของคนรอบกายไปหมดสิ้น”
นางสิ้นหวังกับรักที่มีเพียงหนึ่งเดียวกับหยางอี้เหริน และเริ่มเหนื่อยเหลือเกินแล้วที่ต้องอยู่อย่างไร้ความหมายเช่นนี้
“ข้าเองก็อยากจะรู้ว่าเขาจะเกลียดข้าได้ถึงเพียงไหน เจ้ารู้หรือไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นในงานสมรส”
“ได้ข่าวว่าพระชายารองถูกวางยาในสุรามงคลเพคะ แต่นั่นเป็นยาถ่าย ตอนนี้นางจึง….”
“หึ ฮ่า ๆ ๆ ใครหนอช่างทำเสียจริง เขาไม่คิดจะสงสัยผู้อื่นเลยช่างน่าสมเพชตัวเองยิ่งนัก”
คิดว่าเรื่องราวจะจบเพียงเท่านั้น แม้ว่าหลังจากนั้นจะไม่มีเรื่องใดร้ายแรงแต่ขอเพียงแค่มีเล่อชุนหลันอยู่ใกล้ ๆ พระชายารองที่เขาพึ่งรับเข้าจวนมาก็พร้อมที่จะกล่าวโทษนางทันที
“ท่านพี่ ช่วยไม่ได้นะเพคะก็ท่านไม่ควรจะทำให้สำรับของท่านอ๋องตกเช่นนั้นเลย คืนนี้ก็นอนในห้องเก็บฟืนไปนะ ปิดประตูแล้วเฝ้าเอาไว้อย่าให้ผู้ใดแอบนำอาหารมาให้นางได้เล่า”
สามเดือนถัดมา
ครั้งแล้วครั้งเล่าที่เล่อชุนหลันตกเป็นเหยื่อ จนสามเดือนถัดมา ที่ เมืองชุ่นเกิดกบฏ ท่านอ๋องต้องจัดทัพไปออกศึกหลังจากที่พระชายารับโทษมาหลายต่อหลายครั้งโดยที่ไม่เคยปริปากบ่น ไม่โมโหและหากจะพูดตามความเป็นจริงคือ นางแทบจะไม่พูดสิ่งใดอีกเลยจนก่อนที่เขาจะออกทัพอีกสองวัน ท่านอ๋องจึงมาเสวยอาหารเย็นกับนางที่ตำหนักเป็นครั้งแรก
“ข้าคงไปไม่นาน เรื่องในตำหนักก็ฝากเจ้าดูแลด้วย”
“เพคะ”
“เจ้าไม่สบายงั้นหรือเหตุใดดูซูบลงไป”
“ท่านอ๋องตรัสถามเช่นนี้ ไม่ทราบจริง ๆ หรือเพคะว่า…”
“จินถิง”
พระชายาเรียกนางเอาไว้เพื่อไม่ให้นางพูดสิ่งใดที่ระคายพระกรรณท่านอ๋องเพราะเขากำลังจะออกศึกสำคัญไม่ควรต้องมากังวลใจเรื่องเล็กน้อยที่นางพบเจอในจวนอ๋องที่โหดร้ายแห่งนี้
“พระชายา บ่าว…”
“เจ้าไปเอาห่อยาที่ข้าเตรียมเอาไว้มาให้ท่านอ๋องติดตัวไปในกองทัพ แล้วก็ผ้าห่มที่เรา… พึ่งซื้อมานั่นด้วย”
“เพคะพระชายา”
“เจ้าไม่น่าลำบาก นี่เจ้าออกไปซื้อ…”
เมื่อเขาถามแล้วหันไปมองที่นิ้วมือของสตรีที่มักจะพูดว่านางร้ายกาจ และเป็นสตรีน่ารังเกียจที่บีบบังคับเขาทางอ้อมเพื่อให้แต่งนางเข้ามาก็ต้องตกใจอีกครั้ง เพราะนิ้วของนางเกือบทุกนิ้วมีแต่บาดแผลซึ่งเกิดจากมีดหรือเข็มเขาก็ไม่แน่ใจนัก เมื่อชามน้ำแกงถูกวางลงเขาหมายจะเอื้อมออกไปดึงมาดูแต่นางกลับรีบดึงมันกลับทำราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น
“ตอนนี้อากาศเริ่มเย็นลงแล้ว ควรจะต้องหาผ้าห่มไปเพิ่มให้มากหน่อยเพคะ”
“อ่อ ใช่ ขอบใจเจ้ามาก แล้วช่วงนี้เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”
“สบายดีทุกอย่างเพคะ”
เขาไม่เคยคิดจะถามเรื่องนี้แต่เกือบหกเดือนที่นางมาอยู่ที่นี่แม้ว่าเขาจะเคยรับฟังเรื่องที่นางกลั่นแกล้งชายารองแต่ก็ไม่ค่อยได้ใส่ใจเพราะเรื่องตำหนักหลังเขามอบให้นางดูแลแต่เท่าที่ดูจากสภาพนางในตอนนี้ ทั้งผอมซูบและขอบตาคล้ำอีกทั้งสุขภาพที่ดูอ่อนแอลง เขาคงจะละเลยนางไปมากจริง ๆ
“มือของเจ้า…”
“หม่อมฉันชอบปอกเม็ดเกาลัดไม่ทันระวังก็เลยมีแผลโปรดอย่าทรงกังวลเพคะ”
“เล่อชุนหลัน”
“ท่านอ๋องเพคะ นี่ก็ค่ำแล้วจินถิงเองก็ยกของไปที่ตำหนักกลางให้พระองค์แล้ว เสด็จกลับไปพักผ่อนเถอะเพคะ”
“แต่…”
“หม่อมฉันมีเรื่องอื่นที่ต้องทำคงไม่ไปส่งนะเพคะ”
นางโค้งคำนับให้เขาหลังจากที่เดินมาส่งเพียงหน้าตำหนักและรีบปิดประตูทันที ท่านอ๋องรู้สึกจุกที่ลำคอทั้ง ๆ ที่พึ่งกินอาหารมาเต็มท้อง เขาไม่รู้เลยว่าช่วงระยะเวลาไม่นาน พระชายาของเขาจะเปลี่ยนไปเช่นนี้แต่ตอนนี้เขาไม่มีเวลาใส่ใจเรื่องนี้ การศึกอยู่ตรงหน้าเขาต้องรีบจัดการเสียก่อน
“พระชายาเพคะ!!”
“รีบไปเอากระโถนมา ฮึก!!”
นางกระอักเลือดออกมาไม่น้อยเมื่อพยายามอัดอั้นเอาไว้รอให้ท่านอ๋องกลับไปและรีบกลับเข้ามา แม้นว่าเขาจะไม่ค่อยใส่ใจนางแต่ในช่วงเวลานี้ที่กำลังจะออกศึกสำคัญเช่นนี้นางไม่อยากให้เขาต้องห่วงหน้าพะวงหลัง ถึงท่านอ๋องจะไม่เคยคิดเป็นห่วงนางเลยก็ตาม
“พระชายาเพคะหม่อมฉันคิดว่าควรบอกเรื่องนี้ให้ท่านอ๋องทรงทราบนะเพคะ”
“อย่าโวยวาย เจ้าอย่าร้องไห้เงียบ ๆ เอาไว้ข้าไม่เป็นไร พิษแค่นี้ทำอะไรข้าไม่ได้หรอกรีบไปเอายามาให้ข้า”
“เพคะ”
แม้ไม่ต้องเดานางก็รู้ว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้คือผู้ใด เพื่อตำแหน่งใหญ่ในราชสำนักเสนาบดีฝ่ายซ้ายที่ยังว่างอยู่ ท่านอ๋องยังมิได้ตัดสินพระทัยแต่งตั้งผู้ใด บุตรขุนนางขั้นสองอย่างลี่จินเซียนต้องทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยบิดานางอยู่แล้ว ขอเพียงขึ้นเป็นพระชายาได้ ตำแหน่งเสนาบดีของพ่อนางก็ไม่เกินเอื้อม แต่ต้องกำจัดผู้ที่ขวางนางเสียก่อน
“ช่างชั่วช้ายิ่งนัก ข้าจะทำเช่นไรดี ฮือ…”
“จินถิงอย่าเสียงดัง ท่านอ๋องกำลังจะออกศึกสำคัญเจ้าอย่าได้ให้เรื่องนี้หลุดรอดออกไป พิษนั้นเรื่องเล็กบ้านเมืองเรื่องใหญ่ต่อให้เขาไม่เคยรักข้าเลยแต่เราจะยอมให้เขามีกังวลเรื่องในจวน…ไม่ได้”
“เพคะ หม่อมฉันทราบแล้ว”
สองวันถัดมา
ท่านอ๋องจัดกองทัพเพื่อเตรียมจะเดินทางไปเมืองชุ่น ห่อยาที่นางให้ไปวันก่อนอยู่ในมือของเขา
“ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้าเห็นพระชายาบ้างหรือไม่”
“ท่านอ๋อง หม่อมฉันมาส่งพระองค์เพคะนี่เป็นเครื่องรางที่วัดหย่งไท่ซือ หม่อมฉัน...”
“อืม ขอบใจเจ้าสุขภาพไม่ค่อยดี พวกเจ้าพาชายารองเข้าไปพักเถอะ”
“เพคะท่านอ๋อง”
“เช่นนั้นหม่อมฉันขออวยพรให้พระองค์โชคดีนำชัยชนะกลับมาเหลียงโจวเพคะ”
ชายารองหันไปแล้วแต่เสียงที่ท่านอ๋องเอ่ยถามองครักษ์ประจำกายนั้นดังขึ้นมาตามหลังซึ่งนางได้ยินเต็มสองหู
“เจ้าไม่ได้แจ้งพระชายาหรอกหรือว่าข้าจะออกศึกในวันนี้ เหตุใดนางจึงไม่ออกมาส่งข้า”
“ลี่จินเซียน” กำหมัดแน่นเมื่อได้ยินเช่นนั้น นางเดินกลับไปที่ตำหนักทันทีพร้อมกับสอบถามสาวใช้
“แน่ใจแล้วใช่หรือไม่ว่ามันจะลุกขึ้นมาไม่ได้”
“เพคะพระชายารองหม่อมฉันมั่นใจเพคะ”
“ดี จากนี้ยังไม่ต้องวางยามัน ปล่อยไปก่อนถ้ามันตายช่วงที่ท่านอ๋องไม่อยู่จวนจะยิ่งน่าสงสัย”
“เพคะ บ่าวทราบแล้ว”
ท่านอ๋องที่พะว้าพะวังเมื่อมองไปยังด้านหลังทางเข้าตำหนักของนาง เขาเองก็ไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นเมื่อใดที่เขามักจะมองไปที่นั่นเสมอ แต่ก็ยังไม่มีเงาของเล่อชุนหลัน
“หรือนางจะไม่สบาย ข้าจะไปดูหน่อย!!”
“ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ จวนจะได้เวลาแล้วนะพ่ะย่ะค่ะ”
“แต่ว่านาง…”
“ท่านอ๋องเพคะ”
“เล่อชุนหลัน!! เหตุใดเจ้าเดินมาจากทางนี้”
ชุนหลันรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยเมื่อนางแอบเห็นแววตาดีใจของเขาแวบหนึ่งแต่ก็คิดว่าตาฝาดเพราะหลังจากนั้นท่าทีของบุรุษหนุ่มในชุดเกราะสีขาวนั้นก็นิ่งเฉยไปอีกครั้ง
“เหตุใดเจ้าจึงมาช้านัก”
“หม่อมฉันตื่นมาทำขนมเอาไว้ให้พระองค์ ตอนเดินทางจะได้ไม่หิวเพคะ จินถิงเอาออกมา”
สาวใช้ยื่นห่อขนมไปให้องครักษ์ของท่านอ๋องอย่างไม่เต็มใจจนเสิ่นกงนึกแปลกใจกับท่าทีนั้น แต่ท่านอ๋องกลับคว้าห่อผ้าในมือเสิ่นกงขึ้นมาเก็บเอาไว้เอง
“ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ ห่อนั้นยังร้อนอยู่”
“ขอบใจเจ้ามากนะพระชายา ข้าไม่อยู่เจ้าเองก็…. ดูแลตัวเองด้วย รอข้ากลับมา”
เล่อชุนหลันเงยหน้ามองเขาอีกครั้ง แต่สายตาของนางที่มองเขารู้สึกว่าจะเปลี่ยนไปมากแม้จะยังยิ้มแต่เป็นรอยยิ้มที่อ่อนแรงเต็มที หรือว่านางจะป่วยจริง ๆ โดยที่เขาไม่รู้มาก่อน
“เพคะ หม่อมฉันขออวยพรให้พระองค์นำชัยชนะกลับมาเหลียงโจวโดยเร็วนะเพคะ"
หกเดือนผ่านไป ศึกชายแดนยืดเยื้อกว่าที่คิดมากนัก จนในที่สุดในตอนเที่ยงของวันที่ฝนกำลังจะหยุดตก ราชสำนักก็ได้รับข่าวดีว่าท่านอ๋องทรงชนะศึกและกำลังเดินทางกลับเมืองเหลียงโจว“พระชายาเพคะ พระองค์ยังเป็นหวัดอยู่ไม่ต้องออกไปรับเสด็จก็ได้กระมังเพคะ”“ไม่ได้ ท่านอ๋องกลับมาพร้อมชัยชนะ ข้าในฐานะพระชายาหากว่าไม่ไปเจ้าคิดว่าผู้อื่นจะคิดเช่นไรกับสกุลเล่อ เหล่าขุนนางจะคิดเช่นไรกับท่านพ่อของข้า ในตอนนี้มีแต่ผู้ที่ต้องการให้บิดาของลี่จินเซียน…รับตำแหน่ง….”“พระชายาเพคะ”“ช่างเถอะ ไข้หวัดเป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องเป็นกันอยู่แล้วรีบแต่งตัวให้ข้าเถอะ วันนี้อากาศดีฝนพึ่งหยุดตกช่างเป็นวันที่ดียิ่งนัก”เล่อชุนหันได้ยินเสียงแตรที่ให้สัญญาณเมื่อกองทัพและเหล่าอาชาศึกค่อย ๆ เคลื่อนพลเข้ามา รอยยิ้มที่ไม่ได้เห็นมาหลายเดือนเริ่มฉายแววมากขึ้นเมื่อกองทัพเริ่มเคลื่อนขบวนพร้อมกับธงที่โบกสะบัดอยู่ในมือขุนศึกผู้กล้า แต่เมื่อกองทัพเคลื่อนเข้ามา รอยยิ้มที่มีก็เริ่มลดลงจนกลายเป็นคิดไม่ถึง“อะไรกัน นางคือผู้ใดกัน!!”สตรีในชุดสีขาวที่มากับท่านอ๋อง นางนั่งม้าตัวเดียวกันกับเขาเคลื่อนเข้ามาจนถึงด้านหน้าและค่อย ๆ เคลื่อนมายังตำหนั
สองวันถัดมา / เรือนรับรองท่านหมอหวัง “นังแพศยาเจ้ากล้าดีเช่นไรใช้มารยาหลอกล่อท่านอ๋องให้ลุ่มหลงวันนี้ข้าจะจัดการเจ้าที่บังอาจ...”“พระชายารองท่านเองก็เป็นเพียงแค่เมียรองเท่านั้น ขนาดเมียเอกยังไม่พูดสิ่งใดท่านจะกล้าพูดอะไรอีกงั้นหรือ แหม ว่าก็ว่าเถอะนะท่านอ๋องเองก็ไม่น่าปล่อยให้ท่านนอนแห้งแล้งรอจนถึงวันนี้ ดูท่าแล้วนอกจากตำหนักของพระชายากับ...เรือนเล็ก ๆ ของข้าแล้ว ท่านอ๋องคงมิได้ใส่ใจไปแวะหาท่านเลยสินะ”“นังคนอับปรีย์ ข้าจะฆ่าเจ้า จะฆ่าเจ้า”“โอ๊ะ อย่าทำอะไรเลยเพคะ หม่อมฉันไม่มีแรงสู้กับพระองค์หรอกนะเพคะ เมื่อคืนอยู่อยู่กับท่านอ๋องทั้งคืนหม่อมฉันแทบจะไม่ได้นอนพักเลย”“กรี๊ด!!! นังคนสารเลว!!”“พระชายาเพคะ!!”“จินถิง!! พาข้ากลับตำหนัก เดี๋ยวนี้”“เพคะพระชายา”เล่อชุนหลันไม่คิดว่าจะได้มาฟังเรื่องเช่นนี้ที่นี่ในวันนี้ คืนก่อนหน้านี้ท่านอ๋องพึ่งจะไปนอนค้างกับนางและเมื่อคืนนี้ เขากับหมอหญิงผู้นี้…“พระชายาเพคะ พระองค์ยังเดินไหวอยู่หรือไม่เพคะ”“ข้าไม่เป็นไร”“ชุนหลัน!! เจ้าเป็นอะไรไป มานี่ข้าจะพานางไปเอง!!”ท่านอ๋องที่พึ่งจะประชุมราชสำนักเสร็จรีบเดินเข้ามาหาพระชายาที่ทำท่าจะหกล้มแต่เมื่อเห
“เจ้าพูดราวกับโตขึ้นแล้วสักสองสามปีอย่างนั้นแหละ รีบกินข้าวเถอะจะได้ไปส่งพี่เจ้าเข้ากรมพระคลัง วันแรกอย่าไปสาย”“ท่านแม่ ข้าไปส่งพี่ใหญ่ที่กรมแต่ข้าไม่ไปงานเลี้ยงได้หรือไม่”“ทำไมล่ะหลันเอ๋อร์ เจ้าไม่อยากไปงั้นหรือ”“ข้ารู้สึกว่างานแบบนั้นมันช่างน่าเบื่อที่สำคัญก็มีแต่ขุนนางไม่เกี่ยวอะไรกับข้าดังนั้นก็เลยไม่ค่อยอยากไปเจ้าค่ะ”ทั้งเสนาบดีเล่อและฮูหยินต่างก็มองนางด้วยสีหน้าที่แปลกใจ “เช่นนั้นก็ตามใจเจ้า แต่วันนี้อย่างไรก็ไปส่งพี่เจ้าเข้าไปในวังก่อน”“เจ้าค่ะ”วังหลวงเหลียงโจวเหล่าขุนนางน้อยใหญ่ที่มาส่งบุตรชายของตนเองเข้ากรมที่สอบได้ร่วมแสดงความยินดีกันถ้วนหน้า เล่อฮูหยินกับเล่อชุนหลันที่มาส่งเล่อจางหลง ซึ่งตอนนี้ได้เข้าไปด้านในเพื่อรายงานตัวก็เริ่มรู้สึกเบื่อ “ท่านแม่เจ้าคะข้าขอตัวไปเดินเล่นในสวนหน่อยนะเจ้าคะ อยู่ตรงนี้เบื่อยิ่งนักกว่าพี่ใหญ่จะออกมาคงอีกสักพัก”“อย่าเดินไปไกลนักล่ะที่นี่เป็นเขตในวัง อย่างไรก็…”“ข้าทราบแล้วค่ะ แค่ออกไปเดินแก้ง่วงเท่านั้น”ชุนหลันเดินออกมาจากห้องห้องโถงรับขุนนางใหม่ซึ่งอยู่ด้านใน เมื่อออกมาเดินเล่นที่สวนเช่นนี้นางเริ่มรู้สึกสดชื่นขึ้นมาบ้างแล้วหลังจาก
ห้องโถงใหญ่ “ท่านแม่เสร็จแล้วหรือเจ้าคะ”“ใช่เจ้าไปไหนมาพวกเรากำลังจะกลับกันแล้ว คืนนี้จะมีงานเลี้ยง… เหตุใดเจ้าถึงได้หน้าซีดเช่นนั้นเป็นอะไรไป”“นั่นสิน้องรองเจ้าเป็นอะไรไปน่ะ ทำไมหน้าตาตื่นแบบนั้น”“ข้าไม่เป็นไรเจ้าค่ะ เรารีบกลับกันดีกว่า”เล่อชุนหลันใช้เหตุผลนี้ไม่ไปร่วมงานเลี้ยงในตอนเย็น นางรู้ว่าเหตุการณ์ในงานเลี้ยงตอนเย็นจะเกิดอะไรขึ้น “จินถิงข้าอยากออกไปเดินเล่นสักหน่อย ไปเป็นเพื่อนข้าทีสิ”“คุณหนูท่านบอกว่าอยากพักผ่อนนี่เจ้าค่ะ”“เดินเล่นก็ถือว่าพักผ่อนมิใช่หรือ ที่สำคัญตอนเย็นข้าไม่ไปร่วมงานเลี้ยงแล้วก็ไม่จำเป็นต้องเตรียมตัวอะไร”“เจ้าค่ะ” ตลาดเมืองเหลียงโจว เล่อชุนหลันใช้เวลาเดินในตลาดและค่อย ๆ ซึมซับความรู้สึกที่หายใจโล่งมากขึ้นให้เต็มที่ นานแค่ไหนกันแล้วนะที่นางไม่ได้ออกมาเดินเล่นเช่นนี้ ก่อนหน้านั้นทั้งชีวิตนางเฝ้าเพียรแต่ร่ำเรียนจนมีทักษะที่ยอดเยี่ยมในทุก ๆ ด้านเพื่อให้เป็นสตรีที่เหมาะสมกับท่านอ๋องแม่ทัพแห่งดินแดนบูรพา ใครจะคิดว่าหลังจากอภิเษกไปแล้วนางจะกลายเป็นพระชายาที่ไร้ค่าอยู่ในตำหนักหลังที่เยือกเย็นนั่น“ในเมืองยังคึกคักเช่นเดิม”“คุณหนูวันนี้ท่านทำท่าทางแปลก ๆ
"นางค่อย ๆ พยุงเขามานั่ง มีดสั้นยังปักอยู่ที่หลังแขนด้านขวาอยู่ เขาหันไปและดึงออกมาทันทีและทิ้งมีดนั้นไป มือของเขาค่อย ๆ กุมแผลเอาไว้เลือดเริ่มไหลไม่หยุด ชุนหลันหันมาและใช้ผ้าเช็ดหน้าของนางเดินเข้ามาทันที“เลือดพระองค์ออกไม่หยุด ใช้ผ้านี้พันแผลเอาไว้ก่อนนะเพคะ”“เจ้าไม่บาดเจ็บใช่หรือไม่”“ไม่เพคะหม่อมฉันปลอดภัยดี”“คุณหนู!!”“จินถิงเจ้าไม่เป็นไรนะ”“ข้าไม่เป็นไร ท่านปลอดภัยหรือไม่เจ้าคะคนร้ายถูกจับหมดแล้ว”“ข้าไม่เป็นไรแต่ว่าท่านอ๋อง…”ชุนหลันหันไปมองเขาที่หันมามองอีกครั้ง นางไม่คุ้นเคยกับสายตาเช่นนี้ของเขาเอาเสียเลยสู้ให้เขาทำเย็นชาเช่นเดิมจะดีกว่าเหตุใดต้องเข้ามาเกี่ยวข้องกันอีก “เสร็จแล้วเพคะ”“ขอบใจ เจ้านั่งรอข้าอยู่ตรงนี้ก่อน”“เอ่อ…”เขาลุกขึ้นทันทีแม้ว่าชุดสีขาวยังมีเลือดอยู่ประปรายแต่ตอนนี้เขาเดินเข้าไปสั่งการ คนร้ายที่เหลืออีกสี่คนถูกจับมานั่งรวมกันตรงหน้า“เสิ่นกงเจ้าพามันไปขังในคุกก่อนข้าจะสอบสวนมันด้วยตัวเอง”“พ่ะย่ะค่ะ”“พระองค์ได้รับบาดเจ็บรีบกลับไปทำแผลก่อนเถอะพ่ะย่ะค่ะ”“อืม คุ้มกันให้เข้มงวดก่อนที่ข้าจะไปสอบสวน ห้ามให้พวกมันตายเป็นอันขาด”""พ่ะย่ะค่ะ""เมื่อเขาหันไปก
“ทูลท่านอ๋อง เมื่อวานนี้ในงานเลี้ยงขุนนางใหม่เห็นว่าท่านอ๋องติดภารกิจและบาดเจ็บดังนั้นวันนี้กระหม่อมกับบุตรสาวลี่จินเซียนนำของบำรุงและยาสมานแผลอย่างดีจากเมืองเหลียงมาถวายพ่ะย่ะค่ะ”“ขอบใจพวกท่านมาก วางไว้เถอะ”ลี่จินเซียนได้โอกาสเดินมาที่หน้าพระพักตร์ ท่านอ๋องหันไปสั่งเสิ่นกงให้เดินออกมาเพื่อรับแทน กันมิให้นางเดินเข้ามาถึงโต๊ะทรงงานของเขา ลี่จินเซียนหุบยิ้มไปเล็กน้อยก่อนจะส่งของไปให้องครักษ์ของท่านอ๋อง“ลี่จินเซียนขอให้ท่านอ๋องทรงแข็งแรงโดยเร็วเพคะ”“ขอบใจแม่นางลี่ พวกท่านมาด้วยธุระเรื่องนี้งั้นหรือ”“มิได้พ่ะย่ะค่ะ เมื่อวานนี้เนื่องจากท่านอ๋องไม่ได้เข้าร่วมในงานเลี้ยง เหล่าขุนนางจึงได้ซุบซิบกันสนุกปากกระหม่อมฟังแล้วไม่ใคร่พอใจนัก พวกเขาพูดถึงเรื่อง…เอ่อ...แต่งตั้งพระชายาที่เหมาะสมและงานอภิเษก ท่านอ๋องทรง...”“อ้อ เรื่องนั้นน่ะหรือข้าเองก็คิดเอาไว้เช่นกันทำไมหรือ ท่านโหวหรือว่าท่านมีคนที่เหมาะสมจะแนะนำงั้นหรือ ในตอนนี้ใคร ๆ ต่างก็ลงความเห็นว่า “เล่อชุนหลัน” บุตรีเสนาบดีเล่อเป็นผู้ที่เหมาะสมทั้งความงาม ความรู้และมารยาท ข้าเองก็คิดว่านางก็ดูจะเหมาะสมดี"“แต่ว่า… เร็ว ๆ นี้พึ่งจะมีข่าวลื
วันถัดมา “ทูลท่านอ๋องให้คนตรวจสอบของที่ใต้เท้าลี่นำมาให้แล้วพ่ะย่ะค่ะ”“พบสิ่งใดหรือไม่”“มีเพียงยาที่เอาไว้ใส่แผลที่มีส่วนผสมของหญ้า "ชีอัน" ซึ่งเป็นส่วนประกอบของพิษ…"“หญ้าฝันเลื่อนลอย”“พ่ะย่ะค่ะ”“เก็บหลักฐานเอาไว้ให้ดี จริงสิเสิ่นกงเจ้าสั่งให้คนนำกระถางกำยานนี่ออกไปด้วย ไม่ว่าจะในห้องไหนตำหนักไหนต่อไปเจ้าให้คนของเราทำ ไม่ต้องให้สาวใช้ในตำหนักเข้ามาทำเรื่องพวกนี้”“พ่ะย่ะค่ะ”เสิ่นกงเดินออกไปแล้ว พวกเขาแม้จะสงสัยแต่ก็ไม่เคยปริปากถามว่าเหตุใดท่านอ๋องจึงสั่งคำสั่งที่แปลกเช่นนี้ซึ่งตามปกติพระองค์จะไม่ยุ่งเรื่องจุกจิกในตำหนัก “เริ่มจากตรงนี้สินะ ลี่จางหย่งข้าจะดูสิว่าเจ้าจะแก้ตัวเช่นไร”ประชุมราชสำนัก “ใต้เท้าลี่ ข้ามีเรื่องหนึ่งอยากจะถามท่านสักหน่อย”“พ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง”“ยาที่ท่านให้ข้ามาวันก่อนยอดเยี่ยมยิ่งนัก ท่านนำมาจากผู้ใดงั้นหรือ”ลี่จางหย่งเดินยิ้มออกมาทันทีเมื่อท่านอ๋องทรงตรัสชมเขาต่อหน้าบรรดาขุนนาง“ทูลท่านอ๋อง ยาและขนมทั้งหมดบุตรสาวของกระหม่อมเป็นผู้จัดเตรียมด้วยตัวเองพ่ะย่ะค่ะ นางพิถีพิถันทุกขั้นตอนเพื่อจัดถวายให้กับพระองค์ด้วยหวังว่าบาดแผลของพระองค์จะหายโดยเร็วพ่ะย่ะค่
เล่อชุนหลันตกใจเล็กน้อยเมื่อรู้ว่าผู้ใดมาที่นี่ ในชาติก่อนไม่มีเลยสักครั้งที่ท่านอ๋องผู้นี้จะเดินเหยียบมาที่จวนเสนาบดีแห่งนี้ แม้แต่มารับเจ้าสาวก็ไม่มารับด้วยตัวเองแต่วันนี้เขากลับมาที่นี่ด้วยเหตุผลใดกันแน่“เร็ว ๆ เข้าไปรับเสด็จท่านอ๋องก่อน”“ต้องไปทุกคนเลยหรือเจ้าคะท่านพ่อ”“เจ้านี่อย่างไรนะไม่ไปไม่ได้เสียมารยาท เร็ว ๆ เข้า”ทุกคนพากันเดินออกมาเพื่อต้อนรับท่านอ๋องที่วันนี้มาเยือนที่จวนเสนาบดี เมื่อไปถึงห้องโถงก็พบท่านอ๋องที่ยืนกอดอกรออยู่ด้วยท่าทีที่สงบเมื่อเสนาบดีเล่อและคนอื่น ๆ เข้ามาถวายคำนับ""ถวายบังคมท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ / เพคะ""“พวกท่านตามสบายเถอะข้ามาแบบเร่งด่วนไม่คิดว่าจะมารบกวนต้องขอโทษด้วย”“มิได้พ่ะย่ะค่ะ พวกเจ้าไปจัดเตรียมของว่างและน้ำชามาเร็วเข้า”“ใต้เท้าเล่อไม่ต้องลำบาก วันนี้ที่ข้ามาเพราะมีธุระกับเล่อชุนหลันแวะคุยเพียงไม่นานก็จะรีบกลับ"ทุกคนหันมามองที่เล่อชุนหลันซึ่งตอนนี้ยืนตัวแข็งทื่อไปแล้วและไม่กล้าแม้แต่จะสบตาหยางอี้เหรินที่ยืนอยู่ตรงหน้า นางไม่รู้ว่าเขามาที่นี่ด้วยเหตุผลใดหรือว่าเขาจะมาบอกเรื่องวันก่อนที่พบนางที่หอจินเซ่อ เล่อจื่อหลงใช้แขนกระทุ้งให้นางรู้ตัว“เอ
เล่อชุนหลันเดินตามแม่สื่อออกไป นางสังเกตว่าครั้งนี้ท่านอ๋องให้เสิ่นกงเดินตามมาด้วยซึ่งเป็นเรื่องที่น่าแปลกยิ่งนัก และเมื่อนางเดินไปถึงตำหนักและห้องส่งตัวต้องตกใจเมื่อห้องส่งตัวครั้งนี้กลับเป็นตำหนักใหญ่และ….“ห้องบรรทมของท่านอ๋องอย่างนั้นหรือ”“พระชายาเชิญเข้าห้องส่งตัวเถิดเพคะ”“แต่ว่า…ข้ามิต้องถูกส่งไปที่ตำหนักหลังหรอกหรือ เหตุใดจึงส่งตัวที่ห้องนี่ล่ะ”แม่สื่อมองหน้าพระชายาท่านอ๋องด้วยความงุนงงสงสัย และหันไปมองเสิ่นกงที่ตามมาด้วย“เอ่อ พระชายาเพคะห้องนี้เป็นห้องส่งตัวที่ท่านอ๋องทรงจัดเตรียมเอาไว้แต่แรกแล้วนะเพคะ”“แต่ว่า!!…. ช่างเถอะขอบคุณท่านมาก”“เพคะ”แม่สื่อเดินออกไปแต่เสิ่นกงยังยืนอยู่หน้าห้อง ชุนหลันต้องแปลกใจอีกครั้งที่เขาเป็นผู้เฝ้าอยู่หน้าห้องนาง“แม่สื่อก็ออกไปแล้ว เจ้าไม่ออกไปด้วยหรือเสิ่น…. เอ่อ ท่านองครักษ์”แม้ว่าชาติก่อนนางจะคุ้นเคยกับองครักษ์สองพี่น้องดีแต่นางในตอนนี้แทบจะไม่รู้จักเขาเลยหากว่าเผลอเรียกชื่อพวกเขาไปก็อาจจะดูแปลก ๆ “ทูลพระชายา กระหม่อมมีหน้าที่อารักขาพระชายานับจากนี้เป็นต้นไปพ่ะย่ะค่ะ”“อะไรนะ!! อารักขาข้างั้นหรือ”“พ่ะย่ะค่ะ”“แต่ว่า…”“เป็นพระบัญชาขอ
เล่อชุนหลันถึงกับพูดไม่ออกเมื่อมองไปที่มงกุฎสีทองที่เปล่งประกายที่ท่านอ๋องค่อย ๆ วางเอาไว้ที่โต๊ะ ครั้งนี้นางคงต้องยอมแพ้แล้วจริง ๆ เพราะเขาเตรียมการมาเป็นอย่างดีที่จะไม่ให้นางหนีพ้นได้เลย และเครื่องประดับที่ล้ำค่าถึงเพียงนี้เขายังนำมันมาให้นางสวม ในหัวใจนางตอนนี้พองโตราวกับจะหลุดออกมาได้อยู่แล้ว “ข้าจะออกไปรอที่ห้องโถง พวกเจ้าจัดการให้ดีพระชายาของข้าต้องงดงามที่สุดในวันนี้”""รับบัญชาเพคะท่านอ๋อง"" ครึ่งชั่วยามผ่านไป ท่านอ๋องเดินไปรอนางที่ห้องโถงเพื่อจัดเตรียมทุกอย่างเอาไว้ เขาและเสนาบดีเล่อช่วยกันรับแขกที่ทยอยมาร่วมงานที่จวนสกุลเล่อ เรื่องไฟไหม้ที่ห้องแต่งตัวของเจ้าสาวถูกปิดเอาไว้อย่างมิดชิดจนเมื่อถึงเวลาที่แม่สื่อเดินมาแจ้งว่าเจ้าสาวพร้อมแล้ว ทั้งหมดจึงเบนความสนใจไปที่ทางเดินทันที“ทูลท่านอ๋อง ครั้งนี้ไม่มีอะไรผิดพลาดแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“ดีมาก”เขามองไปที่เจ้าสาวของเขาที่เดินมาพร้อมกับแม่สื่อและข้าง ๆ นางคือสาวใช้ของนางเมื่อนางเดินเข้ามาใกล้ ๆ แขกที่อยู่ในงานต่างต้องตกใจอีกครั้งกับชุดเจ้าสาวและเครื่องประดับบนศีรษะของนาง “นะ…นั่น ๆ ๆ ใช่มงกุฎหงส์หรือไม่”งานนี้เป็นงานที่ผู้คนในเมืองเ
""อะไรนะ!!""“เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นได้เช่นไร เหตุใดจึงไม่มีผู้ใดเฝ้าแล้วตอนนี้….”“ท่านพ่อท่านแม่ ขบวนเจ้าบ่าวมาถึงหน้าจวนแล้วขอรับ”“แย่แล้ว ๆ ทำเช่นไรดีล่ะนี่ เหตุใดขบวนเจ้าบ่าวจึงได้มาถึงก่อนฤกษ์ล่ะ เอาแบบนี้นะฮูหยินเจ้ารีบไปหาหลันเอ๋อร์ก่อนข้ากับหลงเอ๋อร์จะรีบไปรับหน้าขบวนเกี้ยวเอาไว้ก่อนแล้วค่อย….”“ท่านอ๋องเสด็จ!!”ทั้งสองสามีภรรยาพร้อมกับบุตรชายมองหน้ากันราวกับไม่เชื่อหู เพราะไม่คิดว่าท่านอ๋องจะเดินทางมารับเจ้าสาวด้วยตนเอง ซึ่งตามธรรมเนียมปฏิบัติเขาไม่จำเป็นต้องมาด้วยตนเองเพียงแค่รออยู่ที่ตำหนักเพื่อเข้าพิธีเท่านั้น“แย่แล้ว เหตุใดท่านอ๋องจึงได้เสด็จมาด้วยพระองค์เองล่ะ!!”“ไม่ทันแล้วขอรับข้าจะรีบไปดูหลันเอ๋อร์ก่อนพวกท่าน...”“ท่านพี่ เร็วเข้าเถิดเจ้าค่ะเรารีบออกไปรับเสด็จก่อน”เสนาบดีเล่อและฮูหยินต้องหันกลับมาเพื่อรับเสด็จท่านอ๋องก่อน ราวกับว่าท่านอ๋องจะทรงทราบมาก่อนแล้วว่าเล่อชุนหลันจะสร้างปัญหากับงานแต่งในครั้งนี้ หยางอี้เหรินในชุดเจ้าบ่าวสีแดงสดเข้าคู่กับชุดเจ้าสาวที่ตัดเย็บพร้อมกันเดินเข้ามาในจวนสกุลเล่อเสนาบดีเล่อฮูหยินและเล่อจื่อหลงรีบเข้ามาถวายบังคม ท่าทางของพวกเขาหยางอ
เล่อชุนหลันดิ้นรนอยู่ในอ้อมกอดนั้นจนเขาต้องใช้ขาเกี่ยวนางเอาไว้เพื่อไม่ให้นางดิ้น หน้านางซุกไปที่แผ่นอกกว้างที่หัวใจเต้นแรงของเขาอยู่ซึ่งมันเต้นแรงไม่ต่างกับหัวใจของนางเพียงแต่ตอนนี้นางเริ่มจะหายใจไม่ออกแล้ว“อื้อ…อื้อ”“ขอโทษทีข้าจะปล่อยแต่เจ้าต้องสัญญาว่าเจ้าจะเงียบ ตกลงหรือไม่”นางพยักหน้าให้เขา แสงไฟจากภายนอกส่องเข้ามาเล็กน้อยและในตอนนี้ตาของทั้งคู่ก็เริ่มปรับแสงได้จนมองเห็นกันอย่างลาง ๆ ในห้องนอนของนาง มือหนาค่อย ๆ ดึงออกมาจากปากนางแต่ไม่ทันที่จะพูดอะไรกันเล่อชุนหลันก็เริ่มจะร้องตะโกนจนเขาตกใจและ….“ช่วย!!……”เสียงของนางถูกกลืนไปในลำคอเมื่อเขาก้มลงมาและใช้ปากหนาที่เย็นนั้นประกบปิดปากนางเอาไว้ นางเริ่มดิ้นเพื่อจะหลบหนีจากอ้อมกอดนั้นแต่เขากลับไม่ยอมและดึงนางมากอดเอาไว้ ลิ้นสากหนาเริ่มทะลวงเข้าไปด้านในเพื่อรับรสหวานจากปากของคนดื้อดึงที่ไม่ยอมรับเขาในตอนนี้ ชุนหลันเริ่มหวั่นไหวอีกครั้งเมื่อถูกเขาจูบ ร่างกายนางกลับตอบสนองเขาและมือก็เริ่มโอบรอบคอเขาอย่างเต็มใจ“ข้าเตือนเจ้าแล้วว่าอย่าเสียงดัง ที่ข้ามาที่นี่ก็เพื่อจะมาวัดตัวเจ้า เอาล่ะชุนหลันลุกขึ้นมาเถอะ”“เหตุใดพระองค์ต้องมาทำเรื่องเช
“หม่อมฉัน… ทูลลาเพคะ”นางเดินออกไปโดยไม่พูดอะไรอีก ผ้าเช็ดหน้านี้เป็นผืนที่สองแล้วที่เขาได้รับมาจากนาง ครั้งนี้นางปักรูปดอกเหมยและยังมีกลิ่นกายของนางติดอยู่“พระชายาของข้ามีเพียงเจ้าคนเดียวเท่านั้น… เล่อชุนหลัน”ห้องส่วนตัวเล่อชุนหลัน “ไม่ถูกต้อง”“อะไรเจ้าคะคุณหนู ท่านละเมออีกแล้วหรือเจ้าคะ”“ไม่ใช่เจ้าคิดดูนะจินถิง คนที่ไม่เคยชอบหน้ากัน ไม่แม้แต่จะมองหน้าเกลียดชนิดที่ว่าไม่อยากพบเห็น เจอกันก็ทะเลาะกันทุกทีเหตุใดจู่ ๆ ถึงมีท่าทีเปลี่ยนไป ราวกับว่า….”“อะไรหรือเจ้าคะคุณหนู ท่านจะพูดอะไรเจ้าคะ”“เปล่า ๆ ข้าคงคิดเหลวไหลไปไกลแล้ว วันนี้ข้ากินมากเกินไปคงจะเริ่มเพ้อเจ้อแล้วล่ะ”“คุณหนูแต่ว่าหลายปีมานี้ท่านเอาแต่พูดถึงท่านอ๋องหยางท่านนี้มาโดยตลอดไม่ดีใจหรือเจ้าคะที่จะได้อภิเษกเป็นพระชายาสมดั่งใจท่านปรารถนา”“ก่อนหน้านั้นอาจจะใช่ แต่ตอนนี้…. ช่างเถอะนอนให้เต็มอิ่มก่อนค่อยคิดดับไฟเถอะ”“เจ้าค่ะ เช่นนั้นข้าออกไปแล้วนะเจ้าคะ”จินถิงดับไฟและเดินออกจากห้องของคุณหนูรองไปแล้ว ไฟดับจนมืดสนิท เตียงที่อุ่นทำให้นางรู้สึกราวกับฝันไปที่ได้มีโอกาสกลับมาที่นี่อีกครั้ง“จะเป็นไปได้หรือที่ข้าจะมิได้กลับมาคน
“ทะ ท่านอ๋อง… คือว่า มันเป็นอุบัติเหตุเพคะ หม่อมฉันก็แค่..”“ท่านอ๋องเพคะ เอาผ้าเย็นนี้เช็ดหน้าก่อนเพคะ”หยางอี้เหรินหันไปมองเล่อชุนหลันที่นำผ้าเช็ดหน้าไปชุบน้ำเย็นและรีบนำมันมาให้ท่านอ๋องซับหน้าที่ถูกลี่จินเซียนสาดน้ำร้อนใส่ แต่เขาไม่ได้รับเพียงแค่หันมาถามนางด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ“เจ้าบาดเจ็บหรือไม่ โดนน้ำร้อนหรือเปล่า”“หม่อมฉันไม่โดนอะไร แต่ว่าท่านอ๋องเช็ดพระพักตร์ก่อนเถิดเพคะ”เขารับผ้าเช็ดหน้าของนางและมาซับ กลิ่นที่ติดอยู่ที่ผ้าเช็ดหน้าทำให้เขาผ่อนคลายลงแต่ยังไม่ลดละความโกรธต่อคนสกุลลี่ตรงหน้านี้ได้ คิดไม่ถึงว่านางจะร้ายกาจถึงเพียงนี้ ชาติก่อนเขาปกป้องเล่อชุนหลันไม่ได้แต่ในชาตินี้ผู้ใดก็อย่าหวังได้ทำร้ายนางต่อหน้าเขา เขายื่นผ้าคืนให้นางก่อนจะหันมาเอาเรื่องอีกฝ่ายทันที“ลี่จินเซียน เจ้าบอกว่านี่เป็นอุบัติเหตุงั้นหรือ”“เพคะท่านอ๋อง”“อุบัติเหตุหรือ ข้าเห็นเจ้าเดินหยิบกาน้ำชานั่นและเรียกเล่อชุนหลันหมายจะสาดใส่หน้านาง ต่อหน้าข้าเจ้ายังกล้าโกหกอีกงั้นหรือ บังอาจเกินไปแล้ว เสิ่นกง!!”“พ่ะย่ะค่ะ”“จับตัวพวกนางไปที่ศาลาว่าการ สั่งโบยคนละสิบไม้”“ท่านอ๋องเพคะ!! หม่อมฉันไม่ได้ตั้งใจนะเพคะ น
ขุนนางในห้องโถงต่างตกใจเมื่อท่านอ๋องเอ่ยเรื่องนี้ขึ้น ทุกคนหันไปมองยังประตูด้านหลังพร้อมกับมี่กงกงที่เชิญพระราชโองการสีเหลืองทองเข้ามายังห้องโถง ขุนนางในห้องนั้นต้องรีบคุกเข่าลงในทันที เมื่อมี่กงกงเริ่มเปิดพระราชโองการของฝ่าบาทอ่านต่อหน้าพระพักตร์ท่านอ๋องและเหล่าขุนนางในห้องโถง“ราชโองการแห่งโอรสสวรรค์ ทรงพระราชทานสมรสให้องค์ชายแปดหยางอี้เหรินชินหยางอ๋องแห่งเหลียงโจวผู้สำเร็จราชการแทนฝ่าบาทในเมืองเหลียงโจว หยางโจวและซื่อโจวสามดินแดนในเขตบูรพาที่ยิ่งใหญ่ กับบุตรีคนรองของเสนาบดีเล่ออันจ้าน ขุนนางและเสนาบดีสองสมัยผู้จงรักภักดีต่อราชบัลลังก์ต้าจินโจวนามว่า “เล่อชุนหลัน” กำหนดวันสมรสพระราชทานนับจากนี้ไปอีกยี่สิบวัน...จบราชโองการ”“อะไรนะ!!”“บุตรีของเสนาบดีเล่องั้นหรือ”“เฮ้อ เป็นไปตามคาดสินะ”มีเพียงผู้ที่แทบจะนิ่งชะงักไปอย่างลี่จางหย่งที่แทบจะไม่เชื่อหูของตัวเอง เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะมีราชโองการลงมาเช่นนี้ หากว่ารู้คงยุยงพระสนมลี่ให้ทูลขอราชโองการให้บุตรสาวของตัวเองก่อนหน้านี้แล้ว แต่พระสนมลี่เคยบอกเขาว่าฝ่าบาทจะไม่เข้ามายุ่งเรื่องการแต่งงานของชินหยางอ๋องมิใช่หรือ เหตุใดจู่ ๆ จึงมีรา
ท่านอ๋องนิ่งไป เขาเพียงแค่มองมาที่นางเท่านั้นแต่ก็มิได้พูดอะไร ชุนหลันหันไปสบพระเนตรที่มั่นคงตรงหน้า เขาไม่คิดเช่นกันว่าจะได้คำตอบนี้จากนางจึงได้แต่นิ่งไป“ข้าไม่มีสิทธิ์ไปบังคับให้เจ้ามาหมั้นหมายกับข้าหรอก เรื่องนี้เอาไว้เจ้าเก็บไปคิดให้ดีก่อนแล้วเราค่อยคุยกันเถอะ”“แต่ว่าหม่อมฉันไม่อยากบังคับฝืนใจใคร หากพระองค์มิได้ชอบพอหม่อมฉันหรือมีสตรีอื่นในใจแล้วหม่อมฉันก็ยืนยันคำเดิมว่าเรื่องนี้พระองค์ควรจะไตร่ตรองให้ดีเพคะ ราชโองการเพียงฉบับเดียวคิดว่าพระองค์น่าจะ...”“ช่างเถอะเจ้าไม่ยอมรับก็คือไม่ยอมรับ แต่ข้าต้องการคำตอบที่มิใช่คำตอบนี้ เล่อชุนหลันข้ามาที่นี่เพื่อจะบอกเจ้าว่า… ข้าไม่ยอมรับคำตอบนี้ของเจ้าและจะพยายามให้เจ้ายอมรับคำขอหมั้นหมายนี้ให้จงได้”“เพื่ออะไรเพคะ หม่อมฉันไม่เข้าใจในเมื่อพระองค์ก็มีตัวเลือกมากมายเหตุใด…”“ตัวเลือกที่เจ้าว่า รวมถึงผู้ที่กำลังพยายามวางยาเพื่อจะควบคุมข้าอยู่งั้นหรือเล่อชุนหลัน เจ้าอยากให้ข้าเลือกนางจริง ๆ หรือ”เขาหันมามองนางด้วยแววตาที่เจ็บปวดอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน นางไม่เคยคิดว่าหยางอี้เหรินจะสามาถทำสีหน้าเช่นนี้ได้ด้วยซ้ำไป“คือว่า…หม่อมฉันอยากจะขอเวลาค
เล่อชุนหลันตกใจเล็กน้อยเมื่อรู้ว่าผู้ใดมาที่นี่ ในชาติก่อนไม่มีเลยสักครั้งที่ท่านอ๋องผู้นี้จะเดินเหยียบมาที่จวนเสนาบดีแห่งนี้ แม้แต่มารับเจ้าสาวก็ไม่มารับด้วยตัวเองแต่วันนี้เขากลับมาที่นี่ด้วยเหตุผลใดกันแน่“เร็ว ๆ เข้าไปรับเสด็จท่านอ๋องก่อน”“ต้องไปทุกคนเลยหรือเจ้าคะท่านพ่อ”“เจ้านี่อย่างไรนะไม่ไปไม่ได้เสียมารยาท เร็ว ๆ เข้า”ทุกคนพากันเดินออกมาเพื่อต้อนรับท่านอ๋องที่วันนี้มาเยือนที่จวนเสนาบดี เมื่อไปถึงห้องโถงก็พบท่านอ๋องที่ยืนกอดอกรออยู่ด้วยท่าทีที่สงบเมื่อเสนาบดีเล่อและคนอื่น ๆ เข้ามาถวายคำนับ""ถวายบังคมท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ / เพคะ""“พวกท่านตามสบายเถอะข้ามาแบบเร่งด่วนไม่คิดว่าจะมารบกวนต้องขอโทษด้วย”“มิได้พ่ะย่ะค่ะ พวกเจ้าไปจัดเตรียมของว่างและน้ำชามาเร็วเข้า”“ใต้เท้าเล่อไม่ต้องลำบาก วันนี้ที่ข้ามาเพราะมีธุระกับเล่อชุนหลันแวะคุยเพียงไม่นานก็จะรีบกลับ"ทุกคนหันมามองที่เล่อชุนหลันซึ่งตอนนี้ยืนตัวแข็งทื่อไปแล้วและไม่กล้าแม้แต่จะสบตาหยางอี้เหรินที่ยืนอยู่ตรงหน้า นางไม่รู้ว่าเขามาที่นี่ด้วยเหตุผลใดหรือว่าเขาจะมาบอกเรื่องวันก่อนที่พบนางที่หอจินเซ่อ เล่อจื่อหลงใช้แขนกระทุ้งให้นางรู้ตัว“เอ