ตำหนักชินหยางอ๋อง / เหลียงโจว
“ท่านอ๋อง!! หากพระองค์ไม่เคยรู้สึก…รักหม่อมฉันเลยสักนิด เหตุใดจึงไม่…”
“เหตุใดจึงไม่ปฏิเสธเจ้างั้นหรือ!! เจ้าเองก็รู้ดีอยู่แก่ใจ เจ้าใช้ฐานะสตรีสูงศักดิ์และบุตรีเสนาบดีเล่อมาบีบบังคับข้า และหากข้าไม่ยอมแต่งงานนั่นก็เท่ากับว่าขัดพระทัยเสด็จพ่อ เจ้ามันร้ายกาจมากแผนการยิ่งกว่าที่ข้าคิดเอาไว้ มาตอนนี้ยังต้องการสิ่งใดอีก”
“หยางอี้เหริน” ชินหยางอ๋องแห่งเหลียงโจวมองมายังพระชายาที่เขาพึ่งจะแต่งตั้งเข้ามาในตำหนักเพียงสามวันด้วยสายตาที่เย็นชาและไร้ความรู้สึก เขากับนางมิได้รักกันแต่เพราะความกดดันในสถานการณ์และการบีบคั้นรอบด้านในราชสำนักทำให้เขาต้องแต่งพระชายาเช่นนางเข้ามาโดยไม่เต็มใจ
“ท่านจะเข้าหอกับนางแต่ท่านอ๋องไม่แม้แต่จะ…. คืนที่เราอภิเษกกันท่านไม่เข้าแม้แต่พิธีรับตัวเจ้าสาว!!”
“แต่ตอนนี้เจ้าก็เป็นพระชายาแล้วมิใช่หรือ จากนี้ก็จงทำตัวให้ดี ดูแลตำหนักหลังตามหน้าที่ที่เจ้าควรจะทำ เจ้าอยากเข้ามาที่นี่เพื่อสิ่งนี้มิใช่หรืออย่างไรเล่อชุนหลัน”
“หากรู้ว่าท่านมิได้มีใจ ข้าคงไม่คิดจะฝืนใจท่าน”
ท่านอ๋องหนุ่มกำหมัดแน่น กรามเขาตึงจนขึ้นสันเมื่อได้ยินนางเอ่ยถ้อยคำนี้ออกมา “หากรู้ว่า…” งั้นหรือ
“เจ้ามาพูดเรื่องนี้ในตอนนี้เพื่อสิ่งใดกัน เจ้าก็รู้ว่ามันไม่ทันแล้ว เพราะฉะนั้นต่างคนก็ต่างทำหน้าที่ของตนเถอะ”
นางค่อย ๆ หลับตาเพื่อไล่น้ำตาของตนออกไป ตอนนี้เองที่ท่านอ๋องพึ่งจะรู้สึกปวดหนึบที่กลางดวงพระทัยราวกับทำบางสิ่งพลาดไป แต่สตรีตรงหน้าเขามากเล่ห์เจ้าแผนการจนเขาแทบจะมองนางดี ๆ ไม่ได้เลยสักครั้ง ทำให้เขาแสดงออกกับนางเช่นนี้
“เล่อชุนหลัน” ได้ชื่อว่าเป็นพระชายาท่านอ๋อง ตำแหน่งนี้เป็นสิ่งที่นางเคยใฝ่ฝันมาโดยตลอดตั้งแต่นางพบเขาเมื่อหลายปีก่อน เวลานั้นท่านอ๋องพึ่งมาปกครองเมืองเหลียงโจวตามบัญชาของฝ่าบาทและพึ่งชนะศึกแคว้นหว่านยงกลับมา ตั้งแต่ครั้งนั้นนางที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสาวงามอันดับหนึ่งและเป็นบุตรีของเสนาบดีผู้เรืองอำนาจก็มิเคยชายตามองบุรุษอื่นนอกจากเขา เพราะตำแหน่งของบิดาที่มิอาจปฏิเสธทำให้ท่านอ๋องต้องยอมรับนางเข้ามาเป็นพระชายา
“เอาล่ะ เจ้ารีบกลับไปที่ตำหนักของตนเองเถอะ ส่วนเรื่องพิธีการคงไม่ต้องรบกวนเจ้า เพราะข้าสั่งคนจัดการให้เรียบร้อยแล้ว”
เมื่อตรัสเสร็จแล้วท่านอ๋องก็หันเดินจากไปทันที หลังจากนั้นนางก็มิได้ออกมายุ่งวุ่นวายในพิธีของเขาแต่กลับมีเรื่องเกิดขึ้นเมื่อพิธีส่งตัวถูกคนก่อกวนและแน่นอนว่าเป้าหมายที่จะถูกเพ่งเล็งย่อมไม่พ้นนาง
“ข้าเตือนเจ้าแล้วนะเล่อชุนหลัน!! ว่าอย่าก่อเรื่อง”
เล่อชุนหลันวางจอกชาในมือลงที่โต๊ะด้วยความตกใจเพราะนางกำลังจะเข้านอนแต่กลับได้ยินเสียงโวยวายด้านนอก ท่านอ๋องในชุดเจ้าบ่าวสีแดงสดซึ่งนางไม่เคยเห็นในวันที่นางแต่งเข้ามาที่นี่ยืนอยู่ตรงหน้านาง
“ท่านว่าอะไรนะ ข้า…อ๊ะ!!”
เขาผลักนางลงไปที่เตียงและหันไปตะคอกนางอีกครั้ง
“เป็นเจ้าสินะที่แอบเอายาถ่ายใส่ในน้ำชาของจินเซียน แล้วยังสั่งให้คนจุดประทัดก่อกวน!!”
“อะไรนะ!! หม่อมฉัน…!!”
“เจ้ามันร้ายกาจเกินคาดเดาเหตุใดเจ้าต้องทำเช่นนี้ การรับนางเข้ามาข้าก็บอกกล่าวเจ้าก่อนแล้ว แต่เจ้ากลับยังหาเรื่องนางไม่เลิก!!”
เล่อชุนหลันตั้งสติได้ถึงกับนั่งหัวเราะตัวโยนเมื่อหันมามองเขาที่โกรธจนตกใจเมื่อเห็นสีหน้าของนางในตอนนี้
“นี่เจ้าเป็นบ้าไปแล้วอย่างนั้นหรือ หรือว่าเจ้ากำลังยอมรับงั้นหรือ”
“หึ ท่านอ๋องต่อให้หม่อมฉันไม่ยอมรับพระองค์ก็โยนความผิดนี้มาให้หม่อมฉันอยู่ดีมิใช่หรือเพคะ เช่นนั้นมันจะแตกต่างอันใด ทำหรือไม่ทำพระองค์ก็ทรงตัดสินโทษหม่อมฉันไปแล้ว”
“เจ้า!!”
“ออกไปเถิดเพคะ รีบไปทำพิธีให้เสร็จเถิดอย่าได้มายุ่งกับหม่อมฉันอีกเลยหม่อมฉัน…จะเข้านอนแล้ว”
“เล่อชุนหลันนี่เจ้า…”
“หรือพระองค์อยากจะค้างกับหม่อมฉันในคืนนี้เพคะ พอดีเลยเพราะหม่อมฉันยังไม่เคยเห็นพระองค์แต่งกายในชุดเจ้าบ่าวเลยสักครั้ง”
“เล่อชุนหลัน อย่าให้ข้าสืบรู้ว่าเจ้าอยู่เบื้องหลังในเรื่องนี้ก็แล้วกัน”
คนพูดไม่ได้สนใจความรู้สึกของผู้ฟังเลยสักนิด เมื่อพูดเสร็จเขาก็เดินโมโหออกไปจากตำหนัก ทิ้งให้นางรู้สึกเจ็บและผิดหวังอยู่ในนั้นเพียงคนเดียว
“พระชายาเพคะ เป็นอะไรหรือไม่เพคะ”
“ข้าน่ะหรือ…จะเป็นอะไรได้เล่า ก็เป็นคนที่เขาไม่รักน่ะสิ ข้ามันโง่เองที่รักเขาจนหลงลืมคำเตือนของคนรอบกายไปหมดสิ้น”
นางสิ้นหวังกับรักที่มีเพียงหนึ่งเดียวกับหยางอี้เหริน และเริ่มเหนื่อยเหลือเกินแล้วที่ต้องอยู่อย่างไร้ความหมายเช่นนี้
“ข้าเองก็อยากจะรู้ว่าเขาจะเกลียดข้าได้ถึงเพียงไหน เจ้ารู้หรือไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นในงานสมรส”
“ได้ข่าวว่าพระชายารองถูกวางยาในสุรามงคลเพคะ แต่นั่นเป็นยาถ่าย ตอนนี้นางจึง….”
“หึ ฮ่า ๆ ๆ ใครหนอช่างทำเสียจริง เขาไม่คิดจะสงสัยผู้อื่นเลยช่างน่าสมเพชตัวเองยิ่งนัก”
คิดว่าเรื่องราวจะจบเพียงเท่านั้น แม้ว่าหลังจากนั้นจะไม่มีเรื่องใดร้ายแรงแต่ขอเพียงแค่มีเล่อชุนหลันอยู่ใกล้ ๆ พระชายารองที่เขาพึ่งรับเข้าจวนมาก็พร้อมที่จะกล่าวโทษนางทันที
“ท่านพี่ ช่วยไม่ได้นะเพคะก็ท่านไม่ควรจะทำให้สำรับของท่านอ๋องตกเช่นนั้นเลย คืนนี้ก็นอนในห้องเก็บฟืนไปนะ ปิดประตูแล้วเฝ้าเอาไว้อย่าให้ผู้ใดแอบนำอาหารมาให้นางได้เล่า”
สามเดือนถัดมา
ครั้งแล้วครั้งเล่าที่เล่อชุนหลันตกเป็นเหยื่อ จนสามเดือนถัดมา ที่ เมืองชุ่นเกิดกบฏ ท่านอ๋องต้องจัดทัพไปออกศึกหลังจากที่พระชายารับโทษมาหลายต่อหลายครั้งโดยที่ไม่เคยปริปากบ่น ไม่โมโหและหากจะพูดตามความเป็นจริงคือ นางแทบจะไม่พูดสิ่งใดอีกเลยจนก่อนที่เขาจะออกทัพอีกสองวัน ท่านอ๋องจึงมาเสวยอาหารเย็นกับนางที่ตำหนักเป็นครั้งแรก
“ข้าคงไปไม่นาน เรื่องในตำหนักก็ฝากเจ้าดูแลด้วย”
“เพคะ”
“เจ้าไม่สบายงั้นหรือเหตุใดดูซูบลงไป”
“ท่านอ๋องตรัสถามเช่นนี้ ไม่ทราบจริง ๆ หรือเพคะว่า…”
“จินถิง”
พระชายาเรียกนางเอาไว้เพื่อไม่ให้นางพูดสิ่งใดที่ระคายพระกรรณท่านอ๋องเพราะเขากำลังจะออกศึกสำคัญไม่ควรต้องมากังวลใจเรื่องเล็กน้อยที่นางพบเจอในจวนอ๋องที่โหดร้ายแห่งนี้
“พระชายา บ่าว…”
“เจ้าไปเอาห่อยาที่ข้าเตรียมเอาไว้มาให้ท่านอ๋องติดตัวไปในกองทัพ แล้วก็ผ้าห่มที่เรา… พึ่งซื้อมานั่นด้วย”
“เพคะพระชายา”
“เจ้าไม่น่าลำบาก นี่เจ้าออกไปซื้อ…”
เมื่อเขาถามแล้วหันไปมองที่นิ้วมือของสตรีที่มักจะพูดว่านางร้ายกาจ และเป็นสตรีน่ารังเกียจที่บีบบังคับเขาทางอ้อมเพื่อให้แต่งนางเข้ามาก็ต้องตกใจอีกครั้ง เพราะนิ้วของนางเกือบทุกนิ้วมีแต่บาดแผลซึ่งเกิดจากมีดหรือเข็มเขาก็ไม่แน่ใจนัก เมื่อชามน้ำแกงถูกวางลงเขาหมายจะเอื้อมออกไปดึงมาดูแต่นางกลับรีบดึงมันกลับทำราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น
“ตอนนี้อากาศเริ่มเย็นลงแล้ว ควรจะต้องหาผ้าห่มไปเพิ่มให้มากหน่อยเพคะ”
“อ่อ ใช่ ขอบใจเจ้ามาก แล้วช่วงนี้เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”
“สบายดีทุกอย่างเพคะ”
เขาไม่เคยคิดจะถามเรื่องนี้แต่เกือบหกเดือนที่นางมาอยู่ที่นี่แม้ว่าเขาจะเคยรับฟังเรื่องที่นางกลั่นแกล้งชายารองแต่ก็ไม่ค่อยได้ใส่ใจเพราะเรื่องตำหนักหลังเขามอบให้นางดูแลแต่เท่าที่ดูจากสภาพนางในตอนนี้ ทั้งผอมซูบและขอบตาคล้ำอีกทั้งสุขภาพที่ดูอ่อนแอลง เขาคงจะละเลยนางไปมากจริง ๆ
“มือของเจ้า…”
“หม่อมฉันชอบปอกเม็ดเกาลัดไม่ทันระวังก็เลยมีแผลโปรดอย่าทรงกังวลเพคะ”
“เล่อชุนหลัน”
“ท่านอ๋องเพคะ นี่ก็ค่ำแล้วจินถิงเองก็ยกของไปที่ตำหนักกลางให้พระองค์แล้ว เสด็จกลับไปพักผ่อนเถอะเพคะ”
“แต่…”
“หม่อมฉันมีเรื่องอื่นที่ต้องทำคงไม่ไปส่งนะเพคะ”
นางโค้งคำนับให้เขาหลังจากที่เดินมาส่งเพียงหน้าตำหนักและรีบปิดประตูทันที ท่านอ๋องรู้สึกจุกที่ลำคอทั้ง ๆ ที่พึ่งกินอาหารมาเต็มท้อง เขาไม่รู้เลยว่าช่วงระยะเวลาไม่นาน พระชายาของเขาจะเปลี่ยนไปเช่นนี้แต่ตอนนี้เขาไม่มีเวลาใส่ใจเรื่องนี้ การศึกอยู่ตรงหน้าเขาต้องรีบจัดการเสียก่อน
“พระชายาเพคะ!!”
“รีบไปเอากระโถนมา ฮึก!!”
นางกระอักเลือดออกมาไม่น้อยเมื่อพยายามอัดอั้นเอาไว้รอให้ท่านอ๋องกลับไปและรีบกลับเข้ามา แม้นว่าเขาจะไม่ค่อยใส่ใจนางแต่ในช่วงเวลานี้ที่กำลังจะออกศึกสำคัญเช่นนี้นางไม่อยากให้เขาต้องห่วงหน้าพะวงหลัง ถึงท่านอ๋องจะไม่เคยคิดเป็นห่วงนางเลยก็ตาม
“พระชายาเพคะหม่อมฉันคิดว่าควรบอกเรื่องนี้ให้ท่านอ๋องทรงทราบนะเพคะ”
“อย่าโวยวาย เจ้าอย่าร้องไห้เงียบ ๆ เอาไว้ข้าไม่เป็นไร พิษแค่นี้ทำอะไรข้าไม่ได้หรอกรีบไปเอายามาให้ข้า”
“เพคะ”
แม้ไม่ต้องเดานางก็รู้ว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้คือผู้ใด เพื่อตำแหน่งใหญ่ในราชสำนักเสนาบดีฝ่ายซ้ายที่ยังว่างอยู่ ท่านอ๋องยังมิได้ตัดสินพระทัยแต่งตั้งผู้ใด บุตรขุนนางขั้นสองอย่างลี่จินเซียนต้องทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยบิดานางอยู่แล้ว ขอเพียงขึ้นเป็นพระชายาได้ ตำแหน่งเสนาบดีของพ่อนางก็ไม่เกินเอื้อม แต่ต้องกำจัดผู้ที่ขวางนางเสียก่อน
“ช่างชั่วช้ายิ่งนัก ข้าจะทำเช่นไรดี ฮือ…”
“จินถิงอย่าเสียงดัง ท่านอ๋องกำลังจะออกศึกสำคัญเจ้าอย่าได้ให้เรื่องนี้หลุดรอดออกไป พิษนั้นเรื่องเล็กบ้านเมืองเรื่องใหญ่ต่อให้เขาไม่เคยรักข้าเลยแต่เราจะยอมให้เขามีกังวลเรื่องในจวน…ไม่ได้”
“เพคะ หม่อมฉันทราบแล้ว”
สองวันถัดมา
ท่านอ๋องจัดกองทัพเพื่อเตรียมจะเดินทางไปเมืองชุ่น ห่อยาที่นางให้ไปวันก่อนอยู่ในมือของเขา
“ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้าเห็นพระชายาบ้างหรือไม่”
“ท่านอ๋อง หม่อมฉันมาส่งพระองค์เพคะนี่เป็นเครื่องรางที่วัดหย่งไท่ซือ หม่อมฉัน...”
“อืม ขอบใจเจ้าสุขภาพไม่ค่อยดี พวกเจ้าพาชายารองเข้าไปพักเถอะ”
“เพคะท่านอ๋อง”
“เช่นนั้นหม่อมฉันขออวยพรให้พระองค์โชคดีนำชัยชนะกลับมาเหลียงโจวเพคะ”
ชายารองหันไปแล้วแต่เสียงที่ท่านอ๋องเอ่ยถามองครักษ์ประจำกายนั้นดังขึ้นมาตามหลังซึ่งนางได้ยินเต็มสองหู
“เจ้าไม่ได้แจ้งพระชายาหรอกหรือว่าข้าจะออกศึกในวันนี้ เหตุใดนางจึงไม่ออกมาส่งข้า”
“ลี่จินเซียน” กำหมัดแน่นเมื่อได้ยินเช่นนั้น นางเดินกลับไปที่ตำหนักทันทีพร้อมกับสอบถามสาวใช้
“แน่ใจแล้วใช่หรือไม่ว่ามันจะลุกขึ้นมาไม่ได้”
“เพคะพระชายารองหม่อมฉันมั่นใจเพคะ”
“ดี จากนี้ยังไม่ต้องวางยามัน ปล่อยไปก่อนถ้ามันตายช่วงที่ท่านอ๋องไม่อยู่จวนจะยิ่งน่าสงสัย”
“เพคะ บ่าวทราบแล้ว”
ท่านอ๋องที่พะว้าพะวังเมื่อมองไปยังด้านหลังทางเข้าตำหนักของนาง เขาเองก็ไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นเมื่อใดที่เขามักจะมองไปที่นั่นเสมอ แต่ก็ยังไม่มีเงาของเล่อชุนหลัน
“หรือนางจะไม่สบาย ข้าจะไปดูหน่อย!!”
“ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ จวนจะได้เวลาแล้วนะพ่ะย่ะค่ะ”
“แต่ว่านาง…”
“ท่านอ๋องเพคะ”
“เล่อชุนหลัน!! เหตุใดเจ้าเดินมาจากทางนี้”
ชุนหลันรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยเมื่อนางแอบเห็นแววตาดีใจของเขาแวบหนึ่งแต่ก็คิดว่าตาฝาดเพราะหลังจากนั้นท่าทีของบุรุษหนุ่มในชุดเกราะสีขาวนั้นก็นิ่งเฉยไปอีกครั้ง
“เหตุใดเจ้าจึงมาช้านัก”
“หม่อมฉันตื่นมาทำขนมเอาไว้ให้พระองค์ ตอนเดินทางจะได้ไม่หิวเพคะ จินถิงเอาออกมา”
สาวใช้ยื่นห่อขนมไปให้องครักษ์ของท่านอ๋องอย่างไม่เต็มใจจนเสิ่นกงนึกแปลกใจกับท่าทีนั้น แต่ท่านอ๋องกลับคว้าห่อผ้าในมือเสิ่นกงขึ้นมาเก็บเอาไว้เอง
“ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ ห่อนั้นยังร้อนอยู่”
“ขอบใจเจ้ามากนะพระชายา ข้าไม่อยู่เจ้าเองก็…. ดูแลตัวเองด้วย รอข้ากลับมา”
เล่อชุนหลันเงยหน้ามองเขาอีกครั้ง แต่สายตาของนางที่มองเขารู้สึกว่าจะเปลี่ยนไปมากแม้จะยังยิ้มแต่เป็นรอยยิ้มที่อ่อนแรงเต็มที หรือว่านางจะป่วยจริง ๆ โดยที่เขาไม่รู้มาก่อน
“เพคะ หม่อมฉันขออวยพรให้พระองค์นำชัยชนะกลับมาเหลียงโจวโดยเร็วนะเพคะ"
หกเดือนผ่านไป ศึกชายแดนยืดเยื้อกว่าที่คิดมากนัก จนในที่สุดในตอนเที่ยงของวันที่ฝนกำลังจะหยุดตก ราชสำนักก็ได้รับข่าวดีว่าท่านอ๋องทรงชนะศึกและกำลังเดินทางกลับเมืองเหลียงโจว“พระชายาเพคะ พระองค์ยังเป็นหวัดอยู่ไม่ต้องออกไปรับเสด็จก็ได้กระมังเพคะ”“ไม่ได้ ท่านอ๋องกลับมาพร้อมชัยชนะ ข้าในฐานะพระชายาหากว่าไม่ไปเจ้าคิดว่าผู้อื่นจะคิดเช่นไรกับสกุลเล่อ เหล่าขุนนางจะคิดเช่นไรกับท่านพ่อของข้า ในตอนนี้มีแต่ผู้ที่ต้องการให้บิดาของลี่จินเซียน…รับตำแหน่ง….”“พระชายาเพคะ”“ช่างเถอะ ไข้หวัดเป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องเป็นกันอยู่แล้วรีบแต่งตัวให้ข้าเถอะ วันนี้อากาศดีฝนพึ่งหยุดตกช่างเป็นวันที่ดียิ่งนัก”เล่อชุนหันได้ยินเสียงแตรที่ให้สัญญาณเมื่อกองทัพและเหล่าอาชาศึกค่อย ๆ เคลื่อนพลเข้ามา รอยยิ้มที่ไม่ได้เห็นมาหลายเดือนเริ่มฉายแววมากขึ้นเมื่อกองทัพเริ่มเคลื่อนขบวนพร้อมกับธงที่โบกสะบัดอยู่ในมือขุนศึกผู้กล้า แต่เมื่อกองทัพเคลื่อนเข้ามา รอยยิ้มที่มีก็เริ่มลดลงจนกลายเป็นคิดไม่ถึง“อะไรกัน นางคือผู้ใดกัน!!”สตรีในชุดสีขาวที่มากับท่านอ๋อง นางนั่งม้าตัวเดียวกันกับเขาเคลื่อนเข้ามาจนถึงด้านหน้าและค่อย ๆ เคลื่อนมายังตำหนั
สองวันถัดมา / เรือนรับรองท่านหมอหวัง “นังแพศยาเจ้ากล้าดีเช่นไรใช้มารยาหลอกล่อท่านอ๋องให้ลุ่มหลงวันนี้ข้าจะจัดการเจ้าที่บังอาจ...”“พระชายารองท่านเองก็เป็นเพียงแค่เมียรองเท่านั้น ขนาดเมียเอกยังไม่พูดสิ่งใดท่านจะกล้าพูดอะไรอีกงั้นหรือ แหม ว่าก็ว่าเถอะนะท่านอ๋องเองก็ไม่น่าปล่อยให้ท่านนอนแห้งแล้งรอจนถึงวันนี้ ดูท่าแล้วนอกจากตำหนักของพระชายากับ...เรือนเล็ก ๆ ของข้าแล้ว ท่านอ๋องคงมิได้ใส่ใจไปแวะหาท่านเลยสินะ”“นังคนอับปรีย์ ข้าจะฆ่าเจ้า จะฆ่าเจ้า”“โอ๊ะ อย่าทำอะไรเลยเพคะ หม่อมฉันไม่มีแรงสู้กับพระองค์หรอกนะเพคะ เมื่อคืนอยู่อยู่กับท่านอ๋องทั้งคืนหม่อมฉันแทบจะไม่ได้นอนพักเลย”“กรี๊ด!!! นังคนสารเลว!!”“พระชายาเพคะ!!”“จินถิง!! พาข้ากลับตำหนัก เดี๋ยวนี้”“เพคะพระชายา”เล่อชุนหลันไม่คิดว่าจะได้มาฟังเรื่องเช่นนี้ที่นี่ในวันนี้ คืนก่อนหน้านี้ท่านอ๋องพึ่งจะไปนอนค้างกับนางและเมื่อคืนนี้ เขากับหมอหญิงผู้นี้…“พระชายาเพคะ พระองค์ยังเดินไหวอยู่หรือไม่เพคะ”“ข้าไม่เป็นไร”“ชุนหลัน!! เจ้าเป็นอะไรไป มานี่ข้าจะพานางไปเอง!!”ท่านอ๋องที่พึ่งจะประชุมราชสำนักเสร็จรีบเดินเข้ามาหาพระชายาที่ทำท่าจะหกล้มแต่เมื่อเห
“เจ้าพูดราวกับโตขึ้นแล้วสักสองสามปีอย่างนั้นแหละ รีบกินข้าวเถอะจะได้ไปส่งพี่เจ้าเข้ากรมพระคลัง วันแรกอย่าไปสาย”“ท่านแม่ ข้าไปส่งพี่ใหญ่ที่กรมแต่ข้าไม่ไปงานเลี้ยงได้หรือไม่”“ทำไมล่ะหลันเอ๋อร์ เจ้าไม่อยากไปงั้นหรือ”“ข้ารู้สึกว่างานแบบนั้นมันช่างน่าเบื่อที่สำคัญก็มีแต่ขุนนางไม่เกี่ยวอะไรกับข้าดังนั้นก็เลยไม่ค่อยอยากไปเจ้าค่ะ”ทั้งเสนาบดีเล่อและฮูหยินต่างก็มองนางด้วยสีหน้าที่แปลกใจ “เช่นนั้นก็ตามใจเจ้า แต่วันนี้อย่างไรก็ไปส่งพี่เจ้าเข้าไปในวังก่อน”“เจ้าค่ะ”วังหลวงเหลียงโจวเหล่าขุนนางน้อยใหญ่ที่มาส่งบุตรชายของตนเองเข้ากรมที่สอบได้ร่วมแสดงความยินดีกันถ้วนหน้า เล่อฮูหยินกับเล่อชุนหลันที่มาส่งเล่อจางหลง ซึ่งตอนนี้ได้เข้าไปด้านในเพื่อรายงานตัวก็เริ่มรู้สึกเบื่อ “ท่านแม่เจ้าคะข้าขอตัวไปเดินเล่นในสวนหน่อยนะเจ้าคะ อยู่ตรงนี้เบื่อยิ่งนักกว่าพี่ใหญ่จะออกมาคงอีกสักพัก”“อย่าเดินไปไกลนักล่ะที่นี่เป็นเขตในวัง อย่างไรก็…”“ข้าทราบแล้วค่ะ แค่ออกไปเดินแก้ง่วงเท่านั้น”ชุนหลันเดินออกมาจากห้องห้องโถงรับขุนนางใหม่ซึ่งอยู่ด้านใน เมื่อออกมาเดินเล่นที่สวนเช่นนี้นางเริ่มรู้สึกสดชื่นขึ้นมาบ้างแล้วหลังจาก
ห้องโถงใหญ่ “ท่านแม่เสร็จแล้วหรือเจ้าคะ”“ใช่เจ้าไปไหนมาพวกเรากำลังจะกลับกันแล้ว คืนนี้จะมีงานเลี้ยง… เหตุใดเจ้าถึงได้หน้าซีดเช่นนั้นเป็นอะไรไป”“นั่นสิน้องรองเจ้าเป็นอะไรไปน่ะ ทำไมหน้าตาตื่นแบบนั้น”“ข้าไม่เป็นไรเจ้าค่ะ เรารีบกลับกันดีกว่า”เล่อชุนหลันใช้เหตุผลนี้ไม่ไปร่วมงานเลี้ยงในตอนเย็น นางรู้ว่าเหตุการณ์ในงานเลี้ยงตอนเย็นจะเกิดอะไรขึ้น “จินถิงข้าอยากออกไปเดินเล่นสักหน่อย ไปเป็นเพื่อนข้าทีสิ”“คุณหนูท่านบอกว่าอยากพักผ่อนนี่เจ้าค่ะ”“เดินเล่นก็ถือว่าพักผ่อนมิใช่หรือ ที่สำคัญตอนเย็นข้าไม่ไปร่วมงานเลี้ยงแล้วก็ไม่จำเป็นต้องเตรียมตัวอะไร”“เจ้าค่ะ” ตลาดเมืองเหลียงโจว เล่อชุนหลันใช้เวลาเดินในตลาดและค่อย ๆ ซึมซับความรู้สึกที่หายใจโล่งมากขึ้นให้เต็มที่ นานแค่ไหนกันแล้วนะที่นางไม่ได้ออกมาเดินเล่นเช่นนี้ ก่อนหน้านั้นทั้งชีวิตนางเฝ้าเพียรแต่ร่ำเรียนจนมีทักษะที่ยอดเยี่ยมในทุก ๆ ด้านเพื่อให้เป็นสตรีที่เหมาะสมกับท่านอ๋องแม่ทัพแห่งดินแดนบูรพา ใครจะคิดว่าหลังจากอภิเษกไปแล้วนางจะกลายเป็นพระชายาที่ไร้ค่าอยู่ในตำหนักหลังที่เยือกเย็นนั่น“ในเมืองยังคึกคักเช่นเดิม”“คุณหนูวันนี้ท่านทำท่าทางแปลก ๆ
"นางค่อย ๆ พยุงเขามานั่ง มีดสั้นยังปักอยู่ที่หลังแขนด้านขวาอยู่ เขาหันไปและดึงออกมาทันทีและทิ้งมีดนั้นไป มือของเขาค่อย ๆ กุมแผลเอาไว้เลือดเริ่มไหลไม่หยุด ชุนหลันหันมาและใช้ผ้าเช็ดหน้าของนางเดินเข้ามาทันที“เลือดพระองค์ออกไม่หยุด ใช้ผ้านี้พันแผลเอาไว้ก่อนนะเพคะ”“เจ้าไม่บาดเจ็บใช่หรือไม่”“ไม่เพคะหม่อมฉันปลอดภัยดี”“คุณหนู!!”“จินถิงเจ้าไม่เป็นไรนะ”“ข้าไม่เป็นไร ท่านปลอดภัยหรือไม่เจ้าคะคนร้ายถูกจับหมดแล้ว”“ข้าไม่เป็นไรแต่ว่าท่านอ๋อง…”ชุนหลันหันไปมองเขาที่หันมามองอีกครั้ง นางไม่คุ้นเคยกับสายตาเช่นนี้ของเขาเอาเสียเลยสู้ให้เขาทำเย็นชาเช่นเดิมจะดีกว่าเหตุใดต้องเข้ามาเกี่ยวข้องกันอีก “เสร็จแล้วเพคะ”“ขอบใจ เจ้านั่งรอข้าอยู่ตรงนี้ก่อน”“เอ่อ…”เขาลุกขึ้นทันทีแม้ว่าชุดสีขาวยังมีเลือดอยู่ประปรายแต่ตอนนี้เขาเดินเข้าไปสั่งการ คนร้ายที่เหลืออีกสี่คนถูกจับมานั่งรวมกันตรงหน้า“เสิ่นกงเจ้าพามันไปขังในคุกก่อนข้าจะสอบสวนมันด้วยตัวเอง”“พ่ะย่ะค่ะ”“พระองค์ได้รับบาดเจ็บรีบกลับไปทำแผลก่อนเถอะพ่ะย่ะค่ะ”“อืม คุ้มกันให้เข้มงวดก่อนที่ข้าจะไปสอบสวน ห้ามให้พวกมันตายเป็นอันขาด”""พ่ะย่ะค่ะ""เมื่อเขาหันไปก
“ทูลท่านอ๋อง เมื่อวานนี้ในงานเลี้ยงขุนนางใหม่เห็นว่าท่านอ๋องติดภารกิจและบาดเจ็บดังนั้นวันนี้กระหม่อมกับบุตรสาวลี่จินเซียนนำของบำรุงและยาสมานแผลอย่างดีจากเมืองเหลียงมาถวายพ่ะย่ะค่ะ”“ขอบใจพวกท่านมาก วางไว้เถอะ”ลี่จินเซียนได้โอกาสเดินมาที่หน้าพระพักตร์ ท่านอ๋องหันไปสั่งเสิ่นกงให้เดินออกมาเพื่อรับแทน กันมิให้นางเดินเข้ามาถึงโต๊ะทรงงานของเขา ลี่จินเซียนหุบยิ้มไปเล็กน้อยก่อนจะส่งของไปให้องครักษ์ของท่านอ๋อง“ลี่จินเซียนขอให้ท่านอ๋องทรงแข็งแรงโดยเร็วเพคะ”“ขอบใจแม่นางลี่ พวกท่านมาด้วยธุระเรื่องนี้งั้นหรือ”“มิได้พ่ะย่ะค่ะ เมื่อวานนี้เนื่องจากท่านอ๋องไม่ได้เข้าร่วมในงานเลี้ยง เหล่าขุนนางจึงได้ซุบซิบกันสนุกปากกระหม่อมฟังแล้วไม่ใคร่พอใจนัก พวกเขาพูดถึงเรื่อง…เอ่อ...แต่งตั้งพระชายาที่เหมาะสมและงานอภิเษก ท่านอ๋องทรง...”“อ้อ เรื่องนั้นน่ะหรือข้าเองก็คิดเอาไว้เช่นกันทำไมหรือ ท่านโหวหรือว่าท่านมีคนที่เหมาะสมจะแนะนำงั้นหรือ ในตอนนี้ใคร ๆ ต่างก็ลงความเห็นว่า “เล่อชุนหลัน” บุตรีเสนาบดีเล่อเป็นผู้ที่เหมาะสมทั้งความงาม ความรู้และมารยาท ข้าเองก็คิดว่านางก็ดูจะเหมาะสมดี"“แต่ว่า… เร็ว ๆ นี้พึ่งจะมีข่าวลื
วันถัดมา “ทูลท่านอ๋องให้คนตรวจสอบของที่ใต้เท้าลี่นำมาให้แล้วพ่ะย่ะค่ะ”“พบสิ่งใดหรือไม่”“มีเพียงยาที่เอาไว้ใส่แผลที่มีส่วนผสมของหญ้า "ชีอัน" ซึ่งเป็นส่วนประกอบของพิษ…"“หญ้าฝันเลื่อนลอย”“พ่ะย่ะค่ะ”“เก็บหลักฐานเอาไว้ให้ดี จริงสิเสิ่นกงเจ้าสั่งให้คนนำกระถางกำยานนี่ออกไปด้วย ไม่ว่าจะในห้องไหนตำหนักไหนต่อไปเจ้าให้คนของเราทำ ไม่ต้องให้สาวใช้ในตำหนักเข้ามาทำเรื่องพวกนี้”“พ่ะย่ะค่ะ”เสิ่นกงเดินออกไปแล้ว พวกเขาแม้จะสงสัยแต่ก็ไม่เคยปริปากถามว่าเหตุใดท่านอ๋องจึงสั่งคำสั่งที่แปลกเช่นนี้ซึ่งตามปกติพระองค์จะไม่ยุ่งเรื่องจุกจิกในตำหนัก “เริ่มจากตรงนี้สินะ ลี่จางหย่งข้าจะดูสิว่าเจ้าจะแก้ตัวเช่นไร”ประชุมราชสำนัก “ใต้เท้าลี่ ข้ามีเรื่องหนึ่งอยากจะถามท่านสักหน่อย”“พ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง”“ยาที่ท่านให้ข้ามาวันก่อนยอดเยี่ยมยิ่งนัก ท่านนำมาจากผู้ใดงั้นหรือ”ลี่จางหย่งเดินยิ้มออกมาทันทีเมื่อท่านอ๋องทรงตรัสชมเขาต่อหน้าบรรดาขุนนาง“ทูลท่านอ๋อง ยาและขนมทั้งหมดบุตรสาวของกระหม่อมเป็นผู้จัดเตรียมด้วยตัวเองพ่ะย่ะค่ะ นางพิถีพิถันทุกขั้นตอนเพื่อจัดถวายให้กับพระองค์ด้วยหวังว่าบาดแผลของพระองค์จะหายโดยเร็วพ่ะย่ะค่
เล่อชุนหลันตกใจเล็กน้อยเมื่อรู้ว่าผู้ใดมาที่นี่ ในชาติก่อนไม่มีเลยสักครั้งที่ท่านอ๋องผู้นี้จะเดินเหยียบมาที่จวนเสนาบดีแห่งนี้ แม้แต่มารับเจ้าสาวก็ไม่มารับด้วยตัวเองแต่วันนี้เขากลับมาที่นี่ด้วยเหตุผลใดกันแน่“เร็ว ๆ เข้าไปรับเสด็จท่านอ๋องก่อน”“ต้องไปทุกคนเลยหรือเจ้าคะท่านพ่อ”“เจ้านี่อย่างไรนะไม่ไปไม่ได้เสียมารยาท เร็ว ๆ เข้า”ทุกคนพากันเดินออกมาเพื่อต้อนรับท่านอ๋องที่วันนี้มาเยือนที่จวนเสนาบดี เมื่อไปถึงห้องโถงก็พบท่านอ๋องที่ยืนกอดอกรออยู่ด้วยท่าทีที่สงบเมื่อเสนาบดีเล่อและคนอื่น ๆ เข้ามาถวายคำนับ""ถวายบังคมท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ / เพคะ""“พวกท่านตามสบายเถอะข้ามาแบบเร่งด่วนไม่คิดว่าจะมารบกวนต้องขอโทษด้วย”“มิได้พ่ะย่ะค่ะ พวกเจ้าไปจัดเตรียมของว่างและน้ำชามาเร็วเข้า”“ใต้เท้าเล่อไม่ต้องลำบาก วันนี้ที่ข้ามาเพราะมีธุระกับเล่อชุนหลันแวะคุยเพียงไม่นานก็จะรีบกลับ"ทุกคนหันมามองที่เล่อชุนหลันซึ่งตอนนี้ยืนตัวแข็งทื่อไปแล้วและไม่กล้าแม้แต่จะสบตาหยางอี้เหรินที่ยืนอยู่ตรงหน้า นางไม่รู้ว่าเขามาที่นี่ด้วยเหตุผลใดหรือว่าเขาจะมาบอกเรื่องวันก่อนที่พบนางที่หอจินเซ่อ เล่อจื่อหลงใช้แขนกระทุ้งให้นางรู้ตัว“เอ
“แต่ไม่ใช่ต่อหน้าผู้คนเช่นนี้ แล้วยังเป็นในงานมงคลของท่านพี่ข้าด้วย”“ไม่เป็นไรหรอกหลันเอ๋อร์พวกเราชินแล้ว เจ้าไม่รู้อะไรพวกเราน่ะต้องประชุมเรื่องทารกในครรภ์ของเจ้าในราชสำนักมากี่วันแล้ว”“จื่อหลง แม้ว่าเจ้าจะเป็นพี่ชายพระชายาข้าก็สั่งลงอาญาเจ้าได้นะหากเจ้ายังพูดมากข้าจะเรียกค่าเสียหายให้เจ้าหมดตัวเลยล่ะ”“กระหม่อมไม่กล้าแล้วพ่ะย่ะค่ะ โปรดทรงอภัย ทรงอภัยด้วย”“มา ดื่มเหล้ามงคลกับเจ้าหน่อย ยินดีด้วยที่หาพี่สะใภ้ให้พวกข้าได้เหมาะสม จากนี้ไปขอให้พวกเจ้าอยู่ด้วยกันยืนยาวลูกหลานเต็มเมือง แต่อย่าให้เกินข้าเพราะข้าจะไม่ยอมแพ้พวกเจ้า”“ฮ่า ๆ ท่านอ๋องทรงกล่าวเกินไปแล้ว กระหม่อมมีหรือ….”“พี่ใหญ่ ท่านพี่!! พวกท่านช่วยไว้หน้าข้าบ้างเถิด”“เอ้า ดื่ม ๆ”สุรามงคลหลายจอกทยอยนำมาให้ดื่ม มู่หรงเฉิงช่วยรับแขกอยู่ด้านนอกส่วนเจ้าบ่าวตอนนี้ถูกส่งไปที่ห้องส่งตัวแล้ว ท่านอ๋องจึงพาพระชายาของตนเองกลับจวนเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม เสนาบดีเล่อและฮูหยินเดินมาส่งทั้งคู่“ท่านแม่เอาไว้ชุนหลันใกล้คลอดข้าจะส่งคนมารับท่านให้ไปอยู่เป็นเพื่อนนาง อาจจะต้องรบกวนท่านพ่อหลายวันหน่อยนะขอรับ”“ท่านอ๋องอย่าทรงเกรงพระทัยเพคะ ท้องแ
แม้จะบอกว่าจะอ่อนโยนแต่ความดุดันและความต้องการของทั้งคู่ก็มิอาจอัดอั้นความต้องการไปได้เพราะท่านอ๋องอ่อนโยนได้เพียงชั่วครู่ก็ต้องเร่งจังหวะกลับเป็นเช่นเดิมตามความต้องการของพระชายา“อื้อ…ท่านพี่เพคะ เร็วอีกนิด จะ…ไม่ไหวแล้ว อ๊าา”เรือนร่างที่เคยเรียบเนียนผุดผ่องบัดนี้เต็มไปด้วยรอยแดงจากพระสวามีที่ฝากเอาไว้ แรงกระแทกที่ไม่ลดละจนเกิดเสียงดังเพราะน้ำรักของทั้งคู่ที่เอ่อล้นออกมาหลังผ่านศึกรักกันมาเกินสามรอบจนเตียงแทบจะไม่สามารถนอนได้แล้ว“อื้อ…อี้เหริน อ๊าาา”“ชุนหลันเจ้าเบาหน่อย ท่านี้มันกระแทกแรงไปหรือไม่เจ้า...ขย่มเบา ๆ อาา...”แต่เขากลับละสายตาจากสองเต้าคู่งามตรงหน้าไม่ได้เมื่อพระชายาเริ่มขยับเอวอยู่บนร่างของเขา ลิ้นหนาฉกเข้าไปดูดดื่มราวทารกกระหายน้ำนมมารดา เสียงครางดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับแรงขย่มเอวจากพระชายาจนนางเริ่มเกร็งตัวขึ้นอีกครั้ง“ชุนหลันน…อาาา ที่เหลือให้ข้าจัดการเอง”เขาไม่ได้ให้นางขยับไปไหนเพียงแค่จับเอวบางของนางกระแทกซ้ำมาที่เดิมและเอนกานรับจนตามนางไปอีกครั้ง ผมเผ้ายุ่งเหยิง เตียงที่ไม่สามารถใช้การได้เพราะความยุ่งเหยิงและเปียกชื้นทำให้ทั้งคู่ต้องเปลี่ยนมานอนที่ห้องนอนเล็กขอ
“อะไรนะ ปัดความรับผิดชอบแต่เหตุใดพระสนมจึงได้…”“พระสนมในตอนนั้นทั้งโกรธและโมโหแต่ก็ไม่อยากเอาเรื่อง ขอเพียงออกจากวังหลวงต้าจินโจวไปได้ดังนั้นจึงทูลขอฝ่าบาทว่าหากยินยอมให้นางซึ่งเป็นสนมที่ถูกส่งมาเพื่อเชื่อมสัมพันธ์ได้มีอิสระนางก็จะยอมมอบยาถอนพิษให้ ฝ่าบาทจึงปล่อยนางออกมาจากเมืองหลวงและให้คนพานางมาอยู่ที่อารามแห่งนี้”“เช่นนั้นเสด็จพ่อต้องส่งคนมาปกป้องพระสนม”“ใช่แล้ว คนผู้นั้นคือขุนนางคู่พระวรกาย ผู้จงรักภักดีต่อฝ่าบาทและยังเป็นเสนาบดีข้างพระวรกายมาหลายปี “เล่ออันจ้าน” บิดาของพระชายา"เรื่องราวของพระสนมผู้นี้เขาไม่เคยทราบมาก่อนเพราะเสด็จพ่อของเขามีสนมถึงยี่สิบกว่าคนและบางคนเขาก็ไม่รู้จัก อีกอย่างเรื่องนี้หากวันนี้เขาไม่ได้มาที่นี่ก็คงไม่เคยทราบเรื่องเช่นนี้มาก่อนและไม่รู้เลยว่าลี่จางหย่งยังมีบุตรชายอีกคนหนึ่งอยู่“เช่นนั้น เสนาบดีเล่อก็ปิดเรื่องนี้เป็นความลับมาโดยตลอด มิน่าเล่าปีนั้นเขาถึงถูกส่งมาที่นี่ ที่แท้เรื่องราวเป็นเช่นนี้นี่เอง”“ใช่ ฮูหยินของเขาก็ทราบทั้งสองช่วยกันดูแลพระสนมและอาตมามาโดยตลอด ที่ดินตรงนี้แต่เดิมก็คือที่ดินของสกุลเล่อ เสนาบดีเล่อและฮูหยินดูแลพระสนมจนถึงวาระสุด
“ใต้ซือที่ท่านพูดหมายถึง….”ใต้ซืออู๋หยวนเพียงแค่ยิ้มให้พวกเขาเท่านั้น“จริงสิยินดีด้วยที่ได้พบกับคนที่เจ้าตามหา”“อาจารย์ทราบด้วยหรือเจ้าคะ”“หึหึ เจ้าพามาด้วยเช่นนี้ไม่ว่าผู้ใดก็คาดเดาได้”“ขอบคุณอาจารย์ที่ชี้แนะบอกให้ข้าลงจากเขาไปวันนั้นเพื่อบอกว่าให้ไปพบกับคนที่จะพาข้าไปหาพี่ชายและก็ได้พบจริง ๆ”"อะไรนะ เจียวเมิ่งนี่เจ้า… กำลังหมายถึงข้างั้นหรือ"“เจ้าค่ะพี่ชุนหลัน อาจารย์บอกให้ข้าลงเขาไปวันที่พบท่านในเมืองและบอกว่าจะได้พบกับผู้ช่วยเหลือ วันนั้นก็เป็นท่านและท่านอ๋องที่เข้ามาช่วยข้าจริง ๆ เจ้าค่ะ”ท่านอ๋องและเล่อชุนหลันหันมามองหน้ากัน พวกเขามั่นใจว่าไม่เคยพบใต้ซืออู๋หยวนมาก่อนในชาติก่อนแต่เหตุใดดูเหมือนว่าใต้ซือผู้นี้จะรู้ทุกเรื่องที่เกิดขึ้นในเมือง“จริงสิเจียวเมิ่งในเมื่อเจ้าพบกับพี่ชายแล้วเหตุใดจึงไม่พาเข้าไปสักการะและไหว้พระในวิหารสักหน่อยเล่า”“อ้อ เจ้าค่ะอาจารย์พี่ใหญ่ไปเถอะข้าจะพาท่านเดินชมทั่ว ๆ วัดหลังจากที่ไหว้พระ จื่อหลงท่านก็มาด้วยกันสิ”“อ้อ ได้สิ เสี่ยวเฉิงไปเถอะ”ทั้งหมดพากันเดินออกไปแล้วจึงเหลือเพียงท่านอ๋องและพระชายาเท่านั้นส่วนจินถิงและสององครักษ์ก็เดินออกมาเฝ้าด้
“เอาตัวนางไปขังให้คนเฝ้าเอาไว้ ข้าจะไปหาท่านอ๋องที่ท้องพระโรง”“พ่ะย่ะค่ะ”กลับมาที่ตำหนักกลาง “เล่อชุนหลัน ความอัปยศนี้ข้าจะให้เจ้าเป็นผู้รับทั้งหมด”“นางอยู่นี่พ่ะย่ะค่ะ”ท่านอ๋องพร้อมกับพระชายาและคนที่เหลือเดินเข้ามาในห้องเพื่อมาสอบสวนลี่จินเซียนเพิ่มเติม แต่เมื่อมาถึงนางกลับไม่พูดอะไรเพียงแค่มองออกไปที่นอกหน้าต่างและเห็นว่าบิดากำลังถูกดูถูกอยู่ตรงด้านหน้าท้องพระโรงและรอให้รถนักโทษมารับไปยังคุกหลวงเพื่อรอการประหาร“ลี่จินเซียน ข้าจะให้โอกาสเจ้าได้สารภาพมาว่าเจ้ามีส่วนรู้เห็นในแผนการครั้งนี้หรือไม่”“หึ หากว่าพูดว่าไม่พระองค์จะทรงเชื่อหรือเพคะ ไม่ว่าจะอย่างไรหม่อมฉันก็เป็นคนผิดในสายตาพระองค์อยู่แล้ว ไม่เหมือนนางที่ทำสิ่งใดก็ถูกหมด พระองค์มันหน้ามืดตามัวลุ่มหลงจนมองไม่เห็นผู้อื่น”“ลี่จินเซียน ข้าถามเจ้าดี ๆ”“หม่อมฉันก็ตอบดี ๆ แล้วนี่เพคะ อีกอย่างแค่ถามดี ๆ แต่กลับล่ามตัวข้าเอาไว้เช่นนี้ หึ ถามดีจริง ๆ”“เสิ่นกงปล่อยนาง”“พระชายา!!” / เสิ่นกง“ปล่อยนาง มีข้าอยู่ไม่เป็นไรหรอกหากนางอยากคิดจะทำอะไรโง่ ๆ ครั้งนี้ก็โทษข้าไม่ได้แล้ว” / ท่านอ๋องเสิ่นกงเป็นคนไปปลดเชือกที่มัดลี่จินเซียนเอา
“เจ้า!!”“ข้าไม่ทำผู้ใดก่อนหากนางไม่สั่งคนมาจับข้าเพื่อจะใช้เป็นข้อต่อรองกับท่านอ๋อง ช่วยไม่ได้นะพวกท่านเริ่มก่อนเองในเมื่อหาเรื่องก็ต้องยอมรับผลของมันสิ”“ชุนหลัน แล้วลูก…”“ข้ากับลูกปลอดภัยเพคะพระองค์ไม่ต้องห่วง”“เจ้าทำอย่างไรถึงได้ต้านทานทหารของข้าได้ พวกเขาล้วนเป็นนักฆ่ารับจ้างฝีมือดี ไม่มีทางที่จะจัดการได้ง่าย”“นักฆ่าที่โหดเหี้ยมฝีมือดีข้ายอมรับ แต่พวกมันมาฆ่าเพราะคำสั่งและค่าจ้าง อีกอย่างท่านก็คงจะลืมใส่สมองมาให้พวกมันกระมัง แค่โดนค่ายกลของข้าเพียงสองด่านพวกมันก็หลุดเข้ามาในตำหนักไม่ได้แล้ว อ้อจริงสิมีแค่ลี่จินเซียนที่ข้าตั้งใจให้นางเข้ามาเท่านั้นเพราะไม่อยากทำร้ายนางด้วยเข็มพิษและธนูอาบยาพิษเจ็ดไฟกัลป์ ท่านคุ้นชื่อนี้บ้างหรือไม่ใต้เท้าลี่”“เจ้า!! อ๊ากกกกก!!!”ท่านอ๋องดึงชุนหลันเข้ามากอดเอาไว้แน่นเมื่อเห็นว่าลี่จางหย่งเริ่มเสียสติและตะโกนลั่นจนกระอักเลือด เขานึกออกแล้วครั้งก่อนที่นางใช้เงินห้าพันตำลึงนั้นไปซื้อยุทโธปกรณ์ก็เพื่อวางค่ายกลเอาไว้รอบตำหนักด้วยนี่เองส่วนเข็มพิษและพิษร้ายแรงนั่นคงมาจากหวังเจียวเมิ่งที่ใส่เอาไว้ในอาวุธ เดิมทีเขาแค่วางกำลังปกป้องนางเงียบ ๆ รอบตำหนักแ
“พวกท่านหลบไป”“ท่านอ๋องแต่ว่า”“ข้าบอกให้หลบไป ท่านพ่อ ข้าฝากท่านดูแลท่านราชครูด้วย”“พ่ะย่ะค่ะ”แม่ทัพหลงเป็นคนเดียวที่ไม่ยอมหลบไปตามคำสั่ง ท่านอ๋องมองไปยังลี่จางหย่งที่ยืนยิ้มอยู่ตรงหน้า ขุนนางทั้งหลายถูกล้อมเข้ามารวมอยู่ที่เดียวกัน “ท่านอ๋องวันนี้ไม่ว่าผู้ใดก็จะออกไปจากท้องพระโรงนี้ไม่ได้”“งั้นหรือ เพราะอะไรล่ะเพราะเจ้างั้นหรือ”“ท่านอ๋อง!! จะตายอยู่แล้วยังทำท่าถือดีเช่นนี้อยู่ ทหารองครักษ์ถูกข้าล้อมเอาไว้จนหมดแล้วท่านไม่มีทางรอดออกไปได้หรอก”หยางอี้เหรินหันมายิ้มเยาะให้ลี่จางหย่งเล็กน้อย รอยยิ้มนั้นน่าขนลุกพอ ๆ กับฝ่าบาทเพราะท่านอ๋องไม่ได้มีทีท่าว่าจะหวาดกลัวหรือตกใจเลยแม้แต่น้อย แต่ลี่จางหย่งในตอนนี้มาไกลเกินกว่าจะถอยแล้ว“มันเริ่มจากตรงไหนนะ อ้อ… งานเทศกาล ไม่สิ ๆ ตั้งแต่เจ้าเข้าวังหลวงไปสมคบคิดกับพระสนมลี่นั่นต่างหาก ปลอมแปลงราชโองการให้พาบุตรสาวเจ้าเข้าวัง เริ่มให้สาวใช้ลอบวางยาพิษข้าและพระชายาของข้าเพื่อจะได้ให้นางตายและควบคุมข้า แล้วอะไรอีกนะขอข้าคิดก่อนนะ”“นี่ท่าน!!…”“วางยาพิษที่กระถางกำยาน ง่ายและรวดเร็วก็จริงแต่โชคร้ายที่ข้าไม่ได้เปิดโอกาสให้คนของเจ้าทำได้สำเร็จ ถ้าจ
“มีเรื่องอะไรด่วนงั้นหรือพี่หลง”“ไม่มีอะไรหรอก เจ้าก็รู้ว่าตอนนี้ท่านอ๋องคงไม่มีอะไรด่วนไปมากกว่าเรื่องของพระชายาอีกแล้วรีบกลับกันเถอะ”วันถัดมา “เหตุใดวันนี้ถึงต้องให้พี่ใหญ่มาเฝ้าข้าด้วยเล่าเพคะ”“เพราะพวกเขามีข่าวดีมาบอกเจ้าน่ะสิ เจ้าไม่อยากยินดีกับหมอหวังสักหน่อยหรือที่นางหาพี่ชายพบแล้ว เอาล่ะข้าไม่มีเวลาแล้วจะต้องรีบเข้าประชุม”“หยางอี้เหรินท่านหยุดนะ”ท่านอ๋องหยุดชะงักเมื่อเห็นสีหน้าของนาง เล่อชุนหลันเริ่มสงสัยกับพฤติกรรมแปลก ๆ ของเขาตั้งแต่เมื่อคืนนี้แม้ว่าจะไม่ได้ถามเพราะนางอ่อนเพลียและหลับไปก่อนแต่รู้แน่ว่าเขามิได้กลับมานอนที่เตียงเพราะที่ข้าง ๆ นางนั้นเย็นและราบเรียบ“ท่านมีอะไรปิดบังข้าอยู่”“เปล่านะ ข้า…ไม่มี ใครจะกล้า”“อี้เหรินหากว่าท่านไม่พูดข้าจะกลับไปอยู่จวนสกุลเล่อกับท่านแม่”“ชุนหลันทำไมเจ้าต้องข่มขู่ข้าแบบนี้ เจ้าเองก็รู้ว่าปกติหลังจากงานเลี้ยงก็ต้องกินดื่มกันจนเกินเลยเวลาอยู่แล้ว ข้าก็แค่…”“ข้ายังไม่ได้พูดเลยว่าท่านโกหกเรื่องอะไร อี้เหรินหากท่านอยากจะปกปิดข้าเพราะอยากปกป้องแต่ข้าเองก็ต้องรู้ตัวด้วยว่าท่านกำลังปกป้องข้าจากอะไร สิ่งใดและผู้ใดหรือว่าท่านลืมเรื่องท
“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันเจ้าค่ะ พี่จื่อหลงเองกล่าวเกินไปแล้วข้าเป็นเพียงแค่หมอธรรมดาเท่านั้นหากว่าพี่มู่หรงมีสิ่งใดให้ช่วยก็บอกได้นะเจ้าคะ”“ข้าน่ะหรือ โชคดีที่ข้าสุขภาพค่อนข้างแข็งแรงแต่เด็กแต่ว่าพี่หลงของข้าน่ะสิอาจจะต้องรบกวนให้หมอหวังดูแลเขาให้มาก ๆ เสียหน่อย”“พูดมากน่า ว่าแต่เรื่องที่เมืองชุ่นเป็นอย่างไรบ้าง”“ผ่านไปได้ด้วยดี ที่จริงต้องบอกว่าองค์หญิงห้าของพวกเขาเข้ามากู้วิกฤติครั้งนี้ทันล่ะนะ”“หมายความว่าอย่างไร”“ดูเหมือนว่านางจะถูกใจองค์รัชทายาทของเรา การเจรจาจึงได้ง่ายขึ้น อีกอย่างยังได้สัญญาสงบศึกติดมือมาด้วยครั้งนี้คงต้องยกย่องท่านอ๋องที่เป็นตำนานแห่งแม่ทัพที่เลื่องชื่อ ในดินแดนบูรพานี้ไม่มีผู้ใดเทียบพระองค์ได้ องค์ชายใหญ่ของอานฉวนให้ความนับถือท่านอ๋องของเราไม่น้อยเลยเพียงแต่ว่า…”“เพราะว่าท่านอ๋องมีพระชายาแล้วสินะ”“ใช่ ดังนั้นเรื่องภาระนี้จึงตกเป็นขององค์รัชทายาทแต่ดู ๆ แล้วทั้งสองคงเข้ากันได้ไม่ยากเพราะก่อนหน้านั้นทั้งคู่ก็ออกไปขี่ม้าล่าสัตว์ด้วยกันบ่อย ๆ พักหลัง ๆ ตัวแทบจะติดกันดังนั้นเรื่องการเจรจาฝ่ายพวกเราเพียงแค่ทำสัญญาซื้อขายและแบ่งที่ทางในการขุดเหมืองร่วมกันเท่