สองวันถัดมา / เรือนรับรองท่านหมอหวัง
“นังแพศยาเจ้ากล้าดีเช่นไรใช้มารยาหลอกล่อท่านอ๋องให้ลุ่มหลงวันนี้ข้าจะจัดการเจ้าที่บังอาจ...”
“พระชายารองท่านเองก็เป็นเพียงแค่เมียรองเท่านั้น ขนาดเมียเอกยังไม่พูดสิ่งใดท่านจะกล้าพูดอะไรอีกงั้นหรือ แหม ว่าก็ว่าเถอะนะท่านอ๋องเองก็ไม่น่าปล่อยให้ท่านนอนแห้งแล้งรอจนถึงวันนี้ ดูท่าแล้วนอกจากตำหนักของพระชายากับ...เรือนเล็ก ๆ ของข้าแล้ว ท่านอ๋องคงมิได้ใส่ใจไปแวะหาท่านเลยสินะ”
“นังคนอับปรีย์ ข้าจะฆ่าเจ้า จะฆ่าเจ้า”
“โอ๊ะ อย่าทำอะไรเลยเพคะ หม่อมฉันไม่มีแรงสู้กับพระองค์หรอกนะเพคะ เมื่อคืนอยู่อยู่กับท่านอ๋องทั้งคืนหม่อมฉันแทบจะไม่ได้นอนพักเลย”
“กรี๊ด!!! นังคนสารเลว!!”
“พระชายาเพคะ!!”
“จินถิง!! พาข้ากลับตำหนัก เดี๋ยวนี้”
“เพคะพระชายา”
เล่อชุนหลันไม่คิดว่าจะได้มาฟังเรื่องเช่นนี้ที่นี่ในวันนี้ คืนก่อนหน้านี้ท่านอ๋องพึ่งจะไปนอนค้างกับนางและเมื่อคืนนี้ เขากับหมอหญิงผู้นี้…
“พระชายาเพคะ พระองค์ยังเดินไหวอยู่หรือไม่เพคะ”
“ข้าไม่เป็นไร”
“ชุนหลัน!! เจ้าเป็นอะไรไป มานี่ข้าจะพานางไปเอง!!”
ท่านอ๋องที่พึ่งจะประชุมราชสำนักเสร็จรีบเดินเข้ามาหาพระชายาที่ทำท่าจะหกล้มแต่เมื่อเห็นเขาเดินมานางกลับปัดมือหนานั้นทิ้งและถอยออกมา
“หม่อมฉันไม่เป็นไรเพคะเพียงแค่เดินสะดุดเท่านั้น จินถิงเรารีบกลับกันเถอะ”
“ให้ข้า….”
“กรี๊ด!!”
เสียงกรีดร้องที่ดังขึ้นมานั้นทำให้เล่อชุนหลันหลับตาแน่นราวกับไม่อยากรับรู้ ท่านอ๋องรู้ได้ในทันทีว่าชุนหลันไปที่ใดมา
“อย่าเพคะพระชายารอง อย่าเพคะ”
“ปล่อยข้านะข้าจะฆ่ามัน นังสารเลว นังปีศาจจิ้งจอก"
"นั่นมันเกิดอะไรขึ้น!!”
“พระชายารอง ก็แค่ท่านอ๋องไม่นอนกับท่านแต่ใช้เวลากับข้าทั้งคืนก็เท่านั้นเอง โอ๊ย ท่านถึงกับโมโหเพียงนี้ โอ๊ย!!”
ท่านอ๋องตกใจสุดชีวิตเมื่อหันมามองใบหน้าซีดราวกระดาษไร้น้ำหมึกของพระชายาตรงหน้าที่แทบจะล้มทั้งยืน เขารีบหันไปคว้ากายนางเอาไว้แต่ชุนหลันถอยออกมาพร้อมกับน้ำตาที่รื้นเต็มสองดวงตา
“พระองค์รีบไปจัดการ “คน” ของพระองค์เถิดเพคะ หม่อมฉันคงจัดการแทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ทูลลาเพคะ”
“ชุนหลัน!! ข้าไม่ได้…เดี๋ยวสิเล่อชุนหลันฟังข้าก่อน”
“กรี๊ด!!!”
“ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ พระชายารองเอาน้ำร้อนสาดท่านหมอหวัง”
“อะไรนะ!!” พวกเจ้ารีบไปเร็วเข้า ชุน…."
เล่อชุนหลันเดินจากไปแล้ว ตำหนักนางเองก็ปิดประตูแล้วเช่นกันเมื่อนางเข้าไปด้านในแล้ว เขาหันกลับไปมองที่เรือนพักด้านหน้าและจึงรีบวิ่งไปสะสางเรื่องที่นั่นก่อน
ตำหนักพระชายา
“พระชายาเพคะ เป็นเช่นไรบ้างเพคะ”
“จินถิงเจ้าไปเตรียมน้ำอุ่นให้ข้าที ข้าอยากจะ…อาบน้ำเสียหน่อย”
“แต่ว่าจะปล่อยให้พระองค์อยู่คนเดียวเช่นนี้หาได้ไม่ หม่อมฉันไม่วางใจ”
“ข้าอยากอาบน้ำ เจ้ารีบไปเตรียมน้ำเถอะ”
“พระชายาเพคะ”
“เด็กโง่ ยังมีเรื่องใดในจวนนี้ที่ข้ายังรับไม่ได้อีกงั้นหรือ ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมานี้พวกเราเจอมา เรื่องเพียงเท่านี้เจ้าคิดว่าจะทำอะไรข้าได้งั้นหรือ”
“พระชายา…บ่าวเสียใจที่มิอาจช่วยอะไรพระองค์ได้เลย บ่าวมันไม่ได้เรื่อง ฮืออ….”
"รีบไปเถอะ ข้าอยากจะอาบน้ำแล้ว"
“เพคะ เช่นนั้นบ่าวจะรีบไปเตรียมน้ำนะเพคะ”
“รีบไปเถอะ”
เล่อชุนหลันมองตามหลังสาวใช้ผู้ภักดีเพียงคนเดียวของนางในตำหนักที่เย็นดุจถ้ำน้ำแข็งแห่งนี้ แต่วันนี้นางจะจบเรื่องนี้ลงเสียที พอกันทีกับความรักโง่เขลาที่มอบให้กับคนที่ไม่สมควรได้รับมัน
นางไม่ควรคิดและไม่ควรคาดหวังสิ่งใดในตัวท่านอ๋องผู้ใจร้ายอย่าง “หยางอี้เหริน” อีกต่อไป เรื่องในวันนี้เป็นบทพิสูจน์ที่เพียงพออยู่แล้วสำหรับนาง ต่อให้รักเขาสักปานใดแต่ในหัวใจของเขาก็ไม่มีพื้นที่ว่างสำหรับนางเลย
“หยางอี้เหริน วาสนาด้ายแดงในชาตินี้ข้าขอตัดขาดกับท่านด้วยตัวเอง หากแม้นชาติหน้าพบกันอีก ข้าไม่ขอผูกวาสนาใด ๆ กับคนใจร้ายเช่นพระองค์อีก!!”
ปิ่นเงินคมกริบที่นางเตรียมเอาไว้อยู่ตลอดเวลาถูกดึงออกมา น้ำตาที่ไหลราวม่านน้ำตกมองไม่เห็นสิ่งใดนอกจากความมืดที่รออยู่ตรงหน้า เมื่อเล่อชุนหลันค่อย ๆ หลับตาลงเพื่อให้คุ้นเคยกับสิ่งที่กำลังจะพานางจากไป
มีดบนปิ่นในมือกรีดไปที่คองามระหงนั้น เลือดเริ่มสาดกระเซ็นไปทุกทิศทุกทางพร้อมกับเสียงประตูที่เปิดออกมาและใบหน้าของคนที่นางทั้งรักทั้งเกลียดในชาตินี้ แต่สายตาและหูนางแทบจะไม่เห็นและไม่ได้ยินอันใดอีกแล้ว แม้แต่น้ำตาและเสียงร้องไห้ที่เจ็บปวดของบุรุษที่นางเคยรักมากกว่าชีวิต นางก็หาได้ยินมันไม่…..
“ชุนหลัน!!!!!…..ไม่นะ!!!!!”
เสียงนกร้องในยามเช้าพร้อมกับเปลือกตาที่หนักอึ้งทำให้เล่อชุนหลันรู้สึกราวกับว่าตกจากที่สูง หนักจนนางแทบจะลุกไม่ขึ้นและไม่อยากคิดเลยว่านางจะถูกช่วยเอาไว้ นางอยากตายแต่กลับไม่ตายงั้นหรือ แม้แต่สวรรค์ก็ไม่อยากต้อนรับนางเช่นนั้นหรือ
“ท่านตื่นแล้วหรือเจ้าคะคุณหนู ท่านจะล้างหน้าเลยหรือไม่เจ้าคะ”
“อะไรนะ เจ้าเรียกข้าว่า…”
สาวใช้หน้าตาอ่อนวัยกว่านางเดินเข้ามาจนเกือบจะชิดเตียงระหว่างที่ชุนหลันค่อย ๆ จับที่คอและค่อย ๆ ลุกจากเตียงท่ามกลางความตกใจของสาวใช้ที่มองตามนางไปและนางเองก็ต้องตกใจอีกครั้ง
“บาดแผลล่ะ ใบหน้าข้าเหตุใดจึงงดงามเต่งตึงราวกับสาวแรกรุ่นเช่นนี้กัน”
“คุณหนูเจ้าคะนายท่านกับฮูหยินรอกินข้าวอยู่นะเจ้าคะ วันนี้จะต้องไปส่งคุณชายที่กรมคลังท่านลืมแล้วหรือไม่เจ้าคะ”
“อะไรนะ!! ที่นี่….ไม่จริง!!”
เล่อชุนหลันมองไปรอบ ๆ ราวกับไม่เชื่อสายตาตัวเอง นางแค่อยากตายเท่านั้นแต่มิได้อยากจะกลับมาเสียหน่อยแต่ก็ …..
“คุณหนูท่านร้องไห้ทำไมเจ้าคะ ท่านฝันร้ายงั้นหรือเจ้าคะ”
“ใช่ จินถิงเจ้าช่างแสนดีน่ารักเสียจริง ข้าฝันร้ายยาวนานเหลือเกิน แต่ว่า…จริงสิข้าในตอนนี้อายุเท่าไหร่แล้วงั้นหรือ”
“คุณหนูเจ้าคะ ท่านพึ่งพ้นพิธีปักปิ่นมาปีกว่า ๆ ตอนนี้ท่านอายุสิบเจ็ดแล้วเจ้าค่ะ เหตุใดท่านจึงถามอะไรแปลก ๆ เมื่อคืนนี้ท่านฝันเห็นอะไรกันแน่เจ้าคะ”
“สิบเจ็ด เยี่ยมไปเลย!!”
“เจ้าคะ? อะไรที่เยี่ยมไปเลย เมื่อวานคุณหนูยังบอกว่าคุณหนูอยากจะโตมากกว่านี้เพื่อจะได้เหมาะสมกับท่านอ๋องหยางผู้นั้นให้มากกว่านี้นี่เจ้าคะ”
“อะไรนะ ข้า…”
นางค่อย ๆ นึกทบทวน คงจะเคยมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นจริง ๆ นางอยากจะโตให้เร็วเพื่อจะได้เป็นพระชายาท่านอ๋องได้ แม้ว่าใคร ๆ ในเหลียงโจวต่างลงความเห็นว่าบุตรีของท่านเสนาบดีเล่องดงามเป็นอันดับหนึ่ง ในตอนนั้นนางไม่สนใจสักนิด ตำแหน่งเดียวที่นางสนใจและหมกมุ่นกับมันหลังผ่านพิธีปักปิ่นมาคือ “พระชายาท่านอ๋อง” เท่านั้น
“งี่เง่าชะมัด”
“คุณหนู ท่านด่าข้าอยู่งั้นหรือเจ้าคะ”
“เปล่า ๆ จะไปด่าเจ้าได้เช่นไรกันรีบไปเถอะเจ้าบอกว่าท่านพ่อท่านแม่รอข้าอยู่มิใช่หรือ พี่ใหญ่เล่าแต่งตัวเสร็จหรือยัง”
“เจ้าค่ะ ๆ ข้าจะรีบไปเตรียมน้ำเจ้าค่ะ”
จินถิงออกไปแล้ว เล่อชุนหลันเดินไปส่องกระจกอีกครั้ง นางรู้สึกพอใจกับใบหน้าในกระจกนี้มากเป็นพิเศษ ในเมื่อสวรรค์ให้นางย้อนกลับมาในช่วงเวลานี้นั่นก็เท่ากับให้นางมีโอกาสได้เลือกสินะ
“วันนี้เป็นวันที่พี่ใหญ่เข้าทำงานในกรมคลังวันแรก เกิดอะไรขึ้นกันนะ ใช่แล้ว!!…”
วันนี้เป็นวันที่พี่ใหญ่ของนางเข้าไปทำงานในกรมพระคลังวันแรกพร้อมกับสหายของเขา และในคืนนี้ก็จะเป็นวันที่มีการจัดงานเลี้ยงขึ้นในช่วงค่ำและท่านอ๋องก็ถูกกดดันให้เลือกอภิเษกกับผู้ที่เหมาะสมเพราะเขาขอเลื่อนเวลามามากกว่าสองปีแล้ว
“เช่นนั้นวันนี้ก็เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวเลวร้ายทั้งหมดนั่น ขอเพียงข้าปฏิเสธเขาไปแทนที่จะเป็นคนกดดันเขาให้เลือกข้าเป็นคู่อภิเษกเหมือนครั้งนั้นเรื่องทั้งหมดก็จะไม่เกิดขึ้น จากนี้ข้าจะขอผูกวาสนาด้ายแดงด้วยตัวเอง ข้าไม่เชื่อหรอกว่าจะไม่มีผู้ใดเหมาะสมกับข้าเท่ากับท่าน หยางอี้เหริน”
โต๊ะอาหาร
“ท่านพ่อท่านแม่ คิดถึงเหลือเกินเจ้าค่ะ”
เล่อชุนหลันโผเข้ากอดบิดามารดาของตัวเองด้วยเสียงสั่นเครือและเริ่มร้องไห้จนเล่อฮูหยินรู้สึกตกใจที่บุตรสาวที่เคยร่าเริงและสดใสจู่ ๆ ก็กระโดดกอดนางและร้องไห้เช่นนี้
“หลันเอ๋อร์ เจ้าเป็นอะไรไปหรือว่าเมื่อคืนเจ้าฝันร้ายอีกแล้ว”
“ฮ่า ๆ นั่นสิ เจ้าฝันร้ายทีไรต้องร้องไห้เช่นนี้ทุกที”
“ไม่เอาน่าหลันเอ๋อร์เจ้าจะอ้อนท่านแม่เกินไปแล้วนะ โตขนาดนี้แล้วไหนบอกว่าต้องพยายามทำตัวให้เหมาะสมกับตำแหน่งพระชายาท่านอ๋องอย่างไรเล่า ยังร้องไห้เป็นเด็กขี้แยเช่นนี้เมื่อไหร่จะโตเสียที”
“พี่ใหญ่!!”
“เอาล่ะ ๆ หลันเอ๋อร์รีบมานั่งเถอะ รีบกินข้าววันนี้เราจะไปสายไม่ได้นะ "จื่อหลง" เจ้าก็รีบกินเข้า"
“ขอรับท่านพ่อ”
“ข้าไม่อยากเป็นพระชายาอะไรนั่นแล้วเจ้าค่ะ”
""หา อะไรนะ!!""
ทุกคนบนโต๊ะอาหารรวมถึงสาวใช้ของนาง จินถิงเองก็มองด้วยความตกใจ มิใช่ว่าพวกเขาต้องกินข้าวกับหยางอ๋องเพราะนางพร่ำพรรณนาถึงอ๋องหนุ่ม พระโอรสคนที่แปดของฝ่าบาทอยู่ทุกวันตั้งแต่พบกันครั้งแรกในพิธีปักปิ่นหรอกหรือ นางแทบจะเป็นตัวเลือกเดียวสำหรับท่านอ๋องสำหรับตำแหน่งพระชายาและนางเองก็ยอมรับมาโดยตลอดแต่มาวันนี้กลับ…
“เจ้าพูดตลกอันใดกัน หึ ฮูหยินลองชิมนี่หน่อยเนื้อนี่อร่อยมาก”
“ขอบคุณเจ้าค่ะท่านพี่”
“ข้าพูดจริง ๆ นะเจ้าคะเหตุใดพวกท่านไม่เชื่อข้า”
“หากว่าเจ้าไม่ได้พูดเรื่องท่านอ๋องกับพี่และท่านพ่อท่านแม่ทุกวันมาโดยตลอดสองปีนี้พี่ก็ยังจะเชื่อเจ้าอยู่ แต่ว่าเจ้ามาพูดในตอนนี้มันออกจะแปลก ไปหน่อยก็เท่านั้นเอง”
“แปลกตรงไหนกัน ข้าก็แค่ไม่อยากเป็นพระชายาอะไรนั่นแล้วและก็ไม่อยากรักคนที่เขาไม่รักเราด้วย มันทรมานนะเจ้าคะข้าอยากจะมีชีวิตคู่เหมือนกับท่านพ่อท่านแม่ที่รักกันยาวนาน พวกท่านยังดูแลกันอย่างดีจนถึงตอนนี้ ต่อให้ไม่เป็นอ๋องแล้วอย่างไรเล่าเจ้าคะ ใช่ว่าข้าสนใจเรื่องนั้นสักหน่อย”
“หลันเอ๋อร์ หรือว่ามีผู้ใดมาพูดอะไรให้เจ้าไม่พอใจหรือไม่ พ่อจะไปจัดการมันให้เอง”
“ไม่มีเจ้าค่ะไม่มี ลูกก็แค่เริ่มคิดได้ว่าตลอดเวลาสองสามปีที่ผ่านมานี้ ท่านอ๋องผู้นี้มิได้สนใจมองลูกเลยด้วยซ้ำ”
ทุกคนหันมามองหน้ากันและต้องรีบหลบสายตาไปในทันที ก็ใช่ว่าพวกเขาจะไม่ทราบเรื่องนี้แต่ในเมื่อบุตรสาวชอบพอท่านอ๋องถึงเพียงนี้คนเป็นบิดาจะทำสิ่งใดได้นอกจากรับฟังนาง ที่สำคัญเรื่องการแต่งงานของเชื้อพระวงศ์เช่นท่านอ๋องเองก็ถูกกำหนดมาแล้ว หากเขาไม่แต่งกับบุตรสาวขุนนางในราชสำนัก ก็ต้องแต่งงานกับองค์หญิงต่างแคว้นที่กำลังจะมาเยือนในไม่ช้า
“ชุนหลัน เจ้าคิดให้ดี ๆ นะ หากว่าเจ้าพูดเพียงอารมณ์ชั่ววูบ หลังจากนี้มิอาจเปลี่ยนแปลงสิ่งใดได้อีก เพราะอีกไม่กี่เดือนองค์หญิงของแคว้นอานฉวนก็จะเสด็จมาที่นี่ แต่หากเจ้ายังรับปากเรื่องงานหมั้นหมาย องค์หญิงผู้นั้นคงจะต้องไปยังเมืองอื่นที่องค์ชายหรือท่านอ๋องยังไม่แต่งงาน”
“ข้า…”
“เอาน่า ๆ คืนนี้เจ้าก็ลองตัดสินใจดูอีกครั้ง หากว่าเจ้าไม่อยากแต่งงานจริง ๆ พ่อก็จะกราบทูลฝ่าบาทและทูลท่านอ๋องให้เจ้าเอง เขาจะได้แต่งงานกับสตรีต่างเมืองผู้นั้นเพื่อผูกสัมพันธ์ระหว่างสองแคว้นแทน”
“เจ้าค่ะ อย่างไรลูกก็ยังยืนยันว่าลูกจะไม่แต่งงานกับท่านอ๋องเจ้าค่ะ ต่อให้ถามลูกอีกกี่ครั้ง คำตอบก็ไม่ต่างกัน”
บิดามารดาและพี่ชายนางมองหน้ากันด้วยความประหลาดใจเพราะนึกไม่ถึงว่าจู่ ๆ จะมีวันที่บุตรสาวจะเอ่ยคำว่า “ไม่อยากเป็นพระชายาท่านอ๋อง” ออกมาเพราะก่อนหน้านี้ผู้ใดในเหลียงโจวจะไม่รู้ว่านางเป็นผู้ที่ “เหมาะสม” กับตำแหน่งนี้มากที่สุด
“อาหารที่บ้านอร่อยที่สุดจริง ๆ ด้วยเจ้าค่ะ”
“พูดอย่างกับว่าเจ้าเคยไปกินอาหารจวนอื่นมาเช่นนั้นแหละ เอากินผักบุ้งนี้หน่อยหวานกรอบดีนะ”
เล่อชุนหลันชะงักไปนิดหน่อยเมื่อมารดาเอ่ยขึ้นมาเช่นนี้ แม้ว่านางจะไม่สามารถบอกได้แต่นางในเวลานี้ตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ย้อนกลับไปใช้ชีวิตที่แสนโง่เขลาเช่นที่ผ่านมาอีกแล้ว
“อย่างน้อยชีวิตนี้ข้าก็มีสิทธิ์เลือกที่จะไม่ไปกินข้าวที่จวนอื่นก็แล้วกันเจ้าค่ะ”
“เจ้าพูดราวกับโตขึ้นแล้วสักสองสามปีอย่างนั้นแหละ รีบกินข้าวเถอะจะได้ไปส่งพี่เจ้าเข้ากรมพระคลัง วันแรกอย่าไปสาย”“ท่านแม่ ข้าไปส่งพี่ใหญ่ที่กรมแต่ข้าไม่ไปงานเลี้ยงได้หรือไม่”“ทำไมล่ะหลันเอ๋อร์ เจ้าไม่อยากไปงั้นหรือ”“ข้ารู้สึกว่างานแบบนั้นมันช่างน่าเบื่อที่สำคัญก็มีแต่ขุนนางไม่เกี่ยวอะไรกับข้าดังนั้นก็เลยไม่ค่อยอยากไปเจ้าค่ะ”ทั้งเสนาบดีเล่อและฮูหยินต่างก็มองนางด้วยสีหน้าที่แปลกใจ “เช่นนั้นก็ตามใจเจ้า แต่วันนี้อย่างไรก็ไปส่งพี่เจ้าเข้าไปในวังก่อน”“เจ้าค่ะ”วังหลวงเหลียงโจวเหล่าขุนนางน้อยใหญ่ที่มาส่งบุตรชายของตนเองเข้ากรมที่สอบได้ร่วมแสดงความยินดีกันถ้วนหน้า เล่อฮูหยินกับเล่อชุนหลันที่มาส่งเล่อจางหลง ซึ่งตอนนี้ได้เข้าไปด้านในเพื่อรายงานตัวก็เริ่มรู้สึกเบื่อ “ท่านแม่เจ้าคะข้าขอตัวไปเดินเล่นในสวนหน่อยนะเจ้าคะ อยู่ตรงนี้เบื่อยิ่งนักกว่าพี่ใหญ่จะออกมาคงอีกสักพัก”“อย่าเดินไปไกลนักล่ะที่นี่เป็นเขตในวัง อย่างไรก็…”“ข้าทราบแล้วค่ะ แค่ออกไปเดินแก้ง่วงเท่านั้น”ชุนหลันเดินออกมาจากห้องห้องโถงรับขุนนางใหม่ซึ่งอยู่ด้านใน เมื่อออกมาเดินเล่นที่สวนเช่นนี้นางเริ่มรู้สึกสดชื่นขึ้นมาบ้างแล้วหลังจาก
ห้องโถงใหญ่ “ท่านแม่เสร็จแล้วหรือเจ้าคะ”“ใช่เจ้าไปไหนมาพวกเรากำลังจะกลับกันแล้ว คืนนี้จะมีงานเลี้ยง… เหตุใดเจ้าถึงได้หน้าซีดเช่นนั้นเป็นอะไรไป”“นั่นสิน้องรองเจ้าเป็นอะไรไปน่ะ ทำไมหน้าตาตื่นแบบนั้น”“ข้าไม่เป็นไรเจ้าค่ะ เรารีบกลับกันดีกว่า”เล่อชุนหลันใช้เหตุผลนี้ไม่ไปร่วมงานเลี้ยงในตอนเย็น นางรู้ว่าเหตุการณ์ในงานเลี้ยงตอนเย็นจะเกิดอะไรขึ้น “จินถิงข้าอยากออกไปเดินเล่นสักหน่อย ไปเป็นเพื่อนข้าทีสิ”“คุณหนูท่านบอกว่าอยากพักผ่อนนี่เจ้าค่ะ”“เดินเล่นก็ถือว่าพักผ่อนมิใช่หรือ ที่สำคัญตอนเย็นข้าไม่ไปร่วมงานเลี้ยงแล้วก็ไม่จำเป็นต้องเตรียมตัวอะไร”“เจ้าค่ะ” ตลาดเมืองเหลียงโจว เล่อชุนหลันใช้เวลาเดินในตลาดและค่อย ๆ ซึมซับความรู้สึกที่หายใจโล่งมากขึ้นให้เต็มที่ นานแค่ไหนกันแล้วนะที่นางไม่ได้ออกมาเดินเล่นเช่นนี้ ก่อนหน้านั้นทั้งชีวิตนางเฝ้าเพียรแต่ร่ำเรียนจนมีทักษะที่ยอดเยี่ยมในทุก ๆ ด้านเพื่อให้เป็นสตรีที่เหมาะสมกับท่านอ๋องแม่ทัพแห่งดินแดนบูรพา ใครจะคิดว่าหลังจากอภิเษกไปแล้วนางจะกลายเป็นพระชายาที่ไร้ค่าอยู่ในตำหนักหลังที่เยือกเย็นนั่น“ในเมืองยังคึกคักเช่นเดิม”“คุณหนูวันนี้ท่านทำท่าทางแปลก ๆ
"นางค่อย ๆ พยุงเขามานั่ง มีดสั้นยังปักอยู่ที่หลังแขนด้านขวาอยู่ เขาหันไปและดึงออกมาทันทีและทิ้งมีดนั้นไป มือของเขาค่อย ๆ กุมแผลเอาไว้เลือดเริ่มไหลไม่หยุด ชุนหลันหันมาและใช้ผ้าเช็ดหน้าของนางเดินเข้ามาทันที“เลือดพระองค์ออกไม่หยุด ใช้ผ้านี้พันแผลเอาไว้ก่อนนะเพคะ”“เจ้าไม่บาดเจ็บใช่หรือไม่”“ไม่เพคะหม่อมฉันปลอดภัยดี”“คุณหนู!!”“จินถิงเจ้าไม่เป็นไรนะ”“ข้าไม่เป็นไร ท่านปลอดภัยหรือไม่เจ้าคะคนร้ายถูกจับหมดแล้ว”“ข้าไม่เป็นไรแต่ว่าท่านอ๋อง…”ชุนหลันหันไปมองเขาที่หันมามองอีกครั้ง นางไม่คุ้นเคยกับสายตาเช่นนี้ของเขาเอาเสียเลยสู้ให้เขาทำเย็นชาเช่นเดิมจะดีกว่าเหตุใดต้องเข้ามาเกี่ยวข้องกันอีก “เสร็จแล้วเพคะ”“ขอบใจ เจ้านั่งรอข้าอยู่ตรงนี้ก่อน”“เอ่อ…”เขาลุกขึ้นทันทีแม้ว่าชุดสีขาวยังมีเลือดอยู่ประปรายแต่ตอนนี้เขาเดินเข้าไปสั่งการ คนร้ายที่เหลืออีกสี่คนถูกจับมานั่งรวมกันตรงหน้า“เสิ่นกงเจ้าพามันไปขังในคุกก่อนข้าจะสอบสวนมันด้วยตัวเอง”“พ่ะย่ะค่ะ”“พระองค์ได้รับบาดเจ็บรีบกลับไปทำแผลก่อนเถอะพ่ะย่ะค่ะ”“อืม คุ้มกันให้เข้มงวดก่อนที่ข้าจะไปสอบสวน ห้ามให้พวกมันตายเป็นอันขาด”""พ่ะย่ะค่ะ""เมื่อเขาหันไปก
“ทูลท่านอ๋อง เมื่อวานนี้ในงานเลี้ยงขุนนางใหม่เห็นว่าท่านอ๋องติดภารกิจและบาดเจ็บดังนั้นวันนี้กระหม่อมกับบุตรสาวลี่จินเซียนนำของบำรุงและยาสมานแผลอย่างดีจากเมืองเหลียงมาถวายพ่ะย่ะค่ะ”“ขอบใจพวกท่านมาก วางไว้เถอะ”ลี่จินเซียนได้โอกาสเดินมาที่หน้าพระพักตร์ ท่านอ๋องหันไปสั่งเสิ่นกงให้เดินออกมาเพื่อรับแทน กันมิให้นางเดินเข้ามาถึงโต๊ะทรงงานของเขา ลี่จินเซียนหุบยิ้มไปเล็กน้อยก่อนจะส่งของไปให้องครักษ์ของท่านอ๋อง“ลี่จินเซียนขอให้ท่านอ๋องทรงแข็งแรงโดยเร็วเพคะ”“ขอบใจแม่นางลี่ พวกท่านมาด้วยธุระเรื่องนี้งั้นหรือ”“มิได้พ่ะย่ะค่ะ เมื่อวานนี้เนื่องจากท่านอ๋องไม่ได้เข้าร่วมในงานเลี้ยง เหล่าขุนนางจึงได้ซุบซิบกันสนุกปากกระหม่อมฟังแล้วไม่ใคร่พอใจนัก พวกเขาพูดถึงเรื่อง…เอ่อ...แต่งตั้งพระชายาที่เหมาะสมและงานอภิเษก ท่านอ๋องทรง...”“อ้อ เรื่องนั้นน่ะหรือข้าเองก็คิดเอาไว้เช่นกันทำไมหรือ ท่านโหวหรือว่าท่านมีคนที่เหมาะสมจะแนะนำงั้นหรือ ในตอนนี้ใคร ๆ ต่างก็ลงความเห็นว่า “เล่อชุนหลัน” บุตรีเสนาบดีเล่อเป็นผู้ที่เหมาะสมทั้งความงาม ความรู้และมารยาท ข้าเองก็คิดว่านางก็ดูจะเหมาะสมดี"“แต่ว่า… เร็ว ๆ นี้พึ่งจะมีข่าวลื
วันถัดมา “ทูลท่านอ๋องให้คนตรวจสอบของที่ใต้เท้าลี่นำมาให้แล้วพ่ะย่ะค่ะ”“พบสิ่งใดหรือไม่”“มีเพียงยาที่เอาไว้ใส่แผลที่มีส่วนผสมของหญ้า "ชีอัน" ซึ่งเป็นส่วนประกอบของพิษ…"“หญ้าฝันเลื่อนลอย”“พ่ะย่ะค่ะ”“เก็บหลักฐานเอาไว้ให้ดี จริงสิเสิ่นกงเจ้าสั่งให้คนนำกระถางกำยานนี่ออกไปด้วย ไม่ว่าจะในห้องไหนตำหนักไหนต่อไปเจ้าให้คนของเราทำ ไม่ต้องให้สาวใช้ในตำหนักเข้ามาทำเรื่องพวกนี้”“พ่ะย่ะค่ะ”เสิ่นกงเดินออกไปแล้ว พวกเขาแม้จะสงสัยแต่ก็ไม่เคยปริปากถามว่าเหตุใดท่านอ๋องจึงสั่งคำสั่งที่แปลกเช่นนี้ซึ่งตามปกติพระองค์จะไม่ยุ่งเรื่องจุกจิกในตำหนัก “เริ่มจากตรงนี้สินะ ลี่จางหย่งข้าจะดูสิว่าเจ้าจะแก้ตัวเช่นไร”ประชุมราชสำนัก “ใต้เท้าลี่ ข้ามีเรื่องหนึ่งอยากจะถามท่านสักหน่อย”“พ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง”“ยาที่ท่านให้ข้ามาวันก่อนยอดเยี่ยมยิ่งนัก ท่านนำมาจากผู้ใดงั้นหรือ”ลี่จางหย่งเดินยิ้มออกมาทันทีเมื่อท่านอ๋องทรงตรัสชมเขาต่อหน้าบรรดาขุนนาง“ทูลท่านอ๋อง ยาและขนมทั้งหมดบุตรสาวของกระหม่อมเป็นผู้จัดเตรียมด้วยตัวเองพ่ะย่ะค่ะ นางพิถีพิถันทุกขั้นตอนเพื่อจัดถวายให้กับพระองค์ด้วยหวังว่าบาดแผลของพระองค์จะหายโดยเร็วพ่ะย่ะค่
เล่อชุนหลันตกใจเล็กน้อยเมื่อรู้ว่าผู้ใดมาที่นี่ ในชาติก่อนไม่มีเลยสักครั้งที่ท่านอ๋องผู้นี้จะเดินเหยียบมาที่จวนเสนาบดีแห่งนี้ แม้แต่มารับเจ้าสาวก็ไม่มารับด้วยตัวเองแต่วันนี้เขากลับมาที่นี่ด้วยเหตุผลใดกันแน่“เร็ว ๆ เข้าไปรับเสด็จท่านอ๋องก่อน”“ต้องไปทุกคนเลยหรือเจ้าคะท่านพ่อ”“เจ้านี่อย่างไรนะไม่ไปไม่ได้เสียมารยาท เร็ว ๆ เข้า”ทุกคนพากันเดินออกมาเพื่อต้อนรับท่านอ๋องที่วันนี้มาเยือนที่จวนเสนาบดี เมื่อไปถึงห้องโถงก็พบท่านอ๋องที่ยืนกอดอกรออยู่ด้วยท่าทีที่สงบเมื่อเสนาบดีเล่อและคนอื่น ๆ เข้ามาถวายคำนับ""ถวายบังคมท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ / เพคะ""“พวกท่านตามสบายเถอะข้ามาแบบเร่งด่วนไม่คิดว่าจะมารบกวนต้องขอโทษด้วย”“มิได้พ่ะย่ะค่ะ พวกเจ้าไปจัดเตรียมของว่างและน้ำชามาเร็วเข้า”“ใต้เท้าเล่อไม่ต้องลำบาก วันนี้ที่ข้ามาเพราะมีธุระกับเล่อชุนหลันแวะคุยเพียงไม่นานก็จะรีบกลับ"ทุกคนหันมามองที่เล่อชุนหลันซึ่งตอนนี้ยืนตัวแข็งทื่อไปแล้วและไม่กล้าแม้แต่จะสบตาหยางอี้เหรินที่ยืนอยู่ตรงหน้า นางไม่รู้ว่าเขามาที่นี่ด้วยเหตุผลใดหรือว่าเขาจะมาบอกเรื่องวันก่อนที่พบนางที่หอจินเซ่อ เล่อจื่อหลงใช้แขนกระทุ้งให้นางรู้ตัว“เอ
ท่านอ๋องนิ่งไป เขาเพียงแค่มองมาที่นางเท่านั้นแต่ก็มิได้พูดอะไร ชุนหลันหันไปสบพระเนตรที่มั่นคงตรงหน้า เขาไม่คิดเช่นกันว่าจะได้คำตอบนี้จากนางจึงได้แต่นิ่งไป“ข้าไม่มีสิทธิ์ไปบังคับให้เจ้ามาหมั้นหมายกับข้าหรอก เรื่องนี้เอาไว้เจ้าเก็บไปคิดให้ดีก่อนแล้วเราค่อยคุยกันเถอะ”“แต่ว่าหม่อมฉันไม่อยากบังคับฝืนใจใคร หากพระองค์มิได้ชอบพอหม่อมฉันหรือมีสตรีอื่นในใจแล้วหม่อมฉันก็ยืนยันคำเดิมว่าเรื่องนี้พระองค์ควรจะไตร่ตรองให้ดีเพคะ ราชโองการเพียงฉบับเดียวคิดว่าพระองค์น่าจะ...”“ช่างเถอะเจ้าไม่ยอมรับก็คือไม่ยอมรับ แต่ข้าต้องการคำตอบที่มิใช่คำตอบนี้ เล่อชุนหลันข้ามาที่นี่เพื่อจะบอกเจ้าว่า… ข้าไม่ยอมรับคำตอบนี้ของเจ้าและจะพยายามให้เจ้ายอมรับคำขอหมั้นหมายนี้ให้จงได้”“เพื่ออะไรเพคะ หม่อมฉันไม่เข้าใจในเมื่อพระองค์ก็มีตัวเลือกมากมายเหตุใด…”“ตัวเลือกที่เจ้าว่า รวมถึงผู้ที่กำลังพยายามวางยาเพื่อจะควบคุมข้าอยู่งั้นหรือเล่อชุนหลัน เจ้าอยากให้ข้าเลือกนางจริง ๆ หรือ”เขาหันมามองนางด้วยแววตาที่เจ็บปวดอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน นางไม่เคยคิดว่าหยางอี้เหรินจะสามาถทำสีหน้าเช่นนี้ได้ด้วยซ้ำไป“คือว่า…หม่อมฉันอยากจะขอเวลาค
ขุนนางในห้องโถงต่างตกใจเมื่อท่านอ๋องเอ่ยเรื่องนี้ขึ้น ทุกคนหันไปมองยังประตูด้านหลังพร้อมกับมี่กงกงที่เชิญพระราชโองการสีเหลืองทองเข้ามายังห้องโถง ขุนนางในห้องนั้นต้องรีบคุกเข่าลงในทันที เมื่อมี่กงกงเริ่มเปิดพระราชโองการของฝ่าบาทอ่านต่อหน้าพระพักตร์ท่านอ๋องและเหล่าขุนนางในห้องโถง“ราชโองการแห่งโอรสสวรรค์ ทรงพระราชทานสมรสให้องค์ชายแปดหยางอี้เหรินชินหยางอ๋องแห่งเหลียงโจวผู้สำเร็จราชการแทนฝ่าบาทในเมืองเหลียงโจว หยางโจวและซื่อโจวสามดินแดนในเขตบูรพาที่ยิ่งใหญ่ กับบุตรีคนรองของเสนาบดีเล่ออันจ้าน ขุนนางและเสนาบดีสองสมัยผู้จงรักภักดีต่อราชบัลลังก์ต้าจินโจวนามว่า “เล่อชุนหลัน” กำหนดวันสมรสพระราชทานนับจากนี้ไปอีกยี่สิบวัน...จบราชโองการ”“อะไรนะ!!”“บุตรีของเสนาบดีเล่องั้นหรือ”“เฮ้อ เป็นไปตามคาดสินะ”มีเพียงผู้ที่แทบจะนิ่งชะงักไปอย่างลี่จางหย่งที่แทบจะไม่เชื่อหูของตัวเอง เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะมีราชโองการลงมาเช่นนี้ หากว่ารู้คงยุยงพระสนมลี่ให้ทูลขอราชโองการให้บุตรสาวของตัวเองก่อนหน้านี้แล้ว แต่พระสนมลี่เคยบอกเขาว่าฝ่าบาทจะไม่เข้ามายุ่งเรื่องการแต่งงานของชินหยางอ๋องมิใช่หรือ เหตุใดจู่ ๆ จึงมีรา
เล่อชุนหลันเดินตามแม่สื่อออกไป นางสังเกตว่าครั้งนี้ท่านอ๋องให้เสิ่นกงเดินตามมาด้วยซึ่งเป็นเรื่องที่น่าแปลกยิ่งนัก และเมื่อนางเดินไปถึงตำหนักและห้องส่งตัวต้องตกใจเมื่อห้องส่งตัวครั้งนี้กลับเป็นตำหนักใหญ่และ….“ห้องบรรทมของท่านอ๋องอย่างนั้นหรือ”“พระชายาเชิญเข้าห้องส่งตัวเถิดเพคะ”“แต่ว่า…ข้ามิต้องถูกส่งไปที่ตำหนักหลังหรอกหรือ เหตุใดจึงส่งตัวที่ห้องนี่ล่ะ”แม่สื่อมองหน้าพระชายาท่านอ๋องด้วยความงุนงงสงสัย และหันไปมองเสิ่นกงที่ตามมาด้วย“เอ่อ พระชายาเพคะห้องนี้เป็นห้องส่งตัวที่ท่านอ๋องทรงจัดเตรียมเอาไว้แต่แรกแล้วนะเพคะ”“แต่ว่า!!…. ช่างเถอะขอบคุณท่านมาก”“เพคะ”แม่สื่อเดินออกไปแต่เสิ่นกงยังยืนอยู่หน้าห้อง ชุนหลันต้องแปลกใจอีกครั้งที่เขาเป็นผู้เฝ้าอยู่หน้าห้องนาง“แม่สื่อก็ออกไปแล้ว เจ้าไม่ออกไปด้วยหรือเสิ่น…. เอ่อ ท่านองครักษ์”แม้ว่าชาติก่อนนางจะคุ้นเคยกับองครักษ์สองพี่น้องดีแต่นางในตอนนี้แทบจะไม่รู้จักเขาเลยหากว่าเผลอเรียกชื่อพวกเขาไปก็อาจจะดูแปลก ๆ “ทูลพระชายา กระหม่อมมีหน้าที่อารักขาพระชายานับจากนี้เป็นต้นไปพ่ะย่ะค่ะ”“อะไรนะ!! อารักขาข้างั้นหรือ”“พ่ะย่ะค่ะ”“แต่ว่า…”“เป็นพระบัญชาขอ
เล่อชุนหลันถึงกับพูดไม่ออกเมื่อมองไปที่มงกุฎสีทองที่เปล่งประกายที่ท่านอ๋องค่อย ๆ วางเอาไว้ที่โต๊ะ ครั้งนี้นางคงต้องยอมแพ้แล้วจริง ๆ เพราะเขาเตรียมการมาเป็นอย่างดีที่จะไม่ให้นางหนีพ้นได้เลย และเครื่องประดับที่ล้ำค่าถึงเพียงนี้เขายังนำมันมาให้นางสวม ในหัวใจนางตอนนี้พองโตราวกับจะหลุดออกมาได้อยู่แล้ว “ข้าจะออกไปรอที่ห้องโถง พวกเจ้าจัดการให้ดีพระชายาของข้าต้องงดงามที่สุดในวันนี้”""รับบัญชาเพคะท่านอ๋อง"" ครึ่งชั่วยามผ่านไป ท่านอ๋องเดินไปรอนางที่ห้องโถงเพื่อจัดเตรียมทุกอย่างเอาไว้ เขาและเสนาบดีเล่อช่วยกันรับแขกที่ทยอยมาร่วมงานที่จวนสกุลเล่อ เรื่องไฟไหม้ที่ห้องแต่งตัวของเจ้าสาวถูกปิดเอาไว้อย่างมิดชิดจนเมื่อถึงเวลาที่แม่สื่อเดินมาแจ้งว่าเจ้าสาวพร้อมแล้ว ทั้งหมดจึงเบนความสนใจไปที่ทางเดินทันที“ทูลท่านอ๋อง ครั้งนี้ไม่มีอะไรผิดพลาดแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“ดีมาก”เขามองไปที่เจ้าสาวของเขาที่เดินมาพร้อมกับแม่สื่อและข้าง ๆ นางคือสาวใช้ของนางเมื่อนางเดินเข้ามาใกล้ ๆ แขกที่อยู่ในงานต่างต้องตกใจอีกครั้งกับชุดเจ้าสาวและเครื่องประดับบนศีรษะของนาง “นะ…นั่น ๆ ๆ ใช่มงกุฎหงส์หรือไม่”งานนี้เป็นงานที่ผู้คนในเมืองเ
""อะไรนะ!!""“เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นได้เช่นไร เหตุใดจึงไม่มีผู้ใดเฝ้าแล้วตอนนี้….”“ท่านพ่อท่านแม่ ขบวนเจ้าบ่าวมาถึงหน้าจวนแล้วขอรับ”“แย่แล้ว ๆ ทำเช่นไรดีล่ะนี่ เหตุใดขบวนเจ้าบ่าวจึงได้มาถึงก่อนฤกษ์ล่ะ เอาแบบนี้นะฮูหยินเจ้ารีบไปหาหลันเอ๋อร์ก่อนข้ากับหลงเอ๋อร์จะรีบไปรับหน้าขบวนเกี้ยวเอาไว้ก่อนแล้วค่อย….”“ท่านอ๋องเสด็จ!!”ทั้งสองสามีภรรยาพร้อมกับบุตรชายมองหน้ากันราวกับไม่เชื่อหู เพราะไม่คิดว่าท่านอ๋องจะเดินทางมารับเจ้าสาวด้วยตนเอง ซึ่งตามธรรมเนียมปฏิบัติเขาไม่จำเป็นต้องมาด้วยตนเองเพียงแค่รออยู่ที่ตำหนักเพื่อเข้าพิธีเท่านั้น“แย่แล้ว เหตุใดท่านอ๋องจึงได้เสด็จมาด้วยพระองค์เองล่ะ!!”“ไม่ทันแล้วขอรับข้าจะรีบไปดูหลันเอ๋อร์ก่อนพวกท่าน...”“ท่านพี่ เร็วเข้าเถิดเจ้าค่ะเรารีบออกไปรับเสด็จก่อน”เสนาบดีเล่อและฮูหยินต้องหันกลับมาเพื่อรับเสด็จท่านอ๋องก่อน ราวกับว่าท่านอ๋องจะทรงทราบมาก่อนแล้วว่าเล่อชุนหลันจะสร้างปัญหากับงานแต่งในครั้งนี้ หยางอี้เหรินในชุดเจ้าบ่าวสีแดงสดเข้าคู่กับชุดเจ้าสาวที่ตัดเย็บพร้อมกันเดินเข้ามาในจวนสกุลเล่อเสนาบดีเล่อฮูหยินและเล่อจื่อหลงรีบเข้ามาถวายบังคม ท่าทางของพวกเขาหยางอ
เล่อชุนหลันดิ้นรนอยู่ในอ้อมกอดนั้นจนเขาต้องใช้ขาเกี่ยวนางเอาไว้เพื่อไม่ให้นางดิ้น หน้านางซุกไปที่แผ่นอกกว้างที่หัวใจเต้นแรงของเขาอยู่ซึ่งมันเต้นแรงไม่ต่างกับหัวใจของนางเพียงแต่ตอนนี้นางเริ่มจะหายใจไม่ออกแล้ว“อื้อ…อื้อ”“ขอโทษทีข้าจะปล่อยแต่เจ้าต้องสัญญาว่าเจ้าจะเงียบ ตกลงหรือไม่”นางพยักหน้าให้เขา แสงไฟจากภายนอกส่องเข้ามาเล็กน้อยและในตอนนี้ตาของทั้งคู่ก็เริ่มปรับแสงได้จนมองเห็นกันอย่างลาง ๆ ในห้องนอนของนาง มือหนาค่อย ๆ ดึงออกมาจากปากนางแต่ไม่ทันที่จะพูดอะไรกันเล่อชุนหลันก็เริ่มจะร้องตะโกนจนเขาตกใจและ….“ช่วย!!……”เสียงของนางถูกกลืนไปในลำคอเมื่อเขาก้มลงมาและใช้ปากหนาที่เย็นนั้นประกบปิดปากนางเอาไว้ นางเริ่มดิ้นเพื่อจะหลบหนีจากอ้อมกอดนั้นแต่เขากลับไม่ยอมและดึงนางมากอดเอาไว้ ลิ้นสากหนาเริ่มทะลวงเข้าไปด้านในเพื่อรับรสหวานจากปากของคนดื้อดึงที่ไม่ยอมรับเขาในตอนนี้ ชุนหลันเริ่มหวั่นไหวอีกครั้งเมื่อถูกเขาจูบ ร่างกายนางกลับตอบสนองเขาและมือก็เริ่มโอบรอบคอเขาอย่างเต็มใจ“ข้าเตือนเจ้าแล้วว่าอย่าเสียงดัง ที่ข้ามาที่นี่ก็เพื่อจะมาวัดตัวเจ้า เอาล่ะชุนหลันลุกขึ้นมาเถอะ”“เหตุใดพระองค์ต้องมาทำเรื่องเช
“หม่อมฉัน… ทูลลาเพคะ”นางเดินออกไปโดยไม่พูดอะไรอีก ผ้าเช็ดหน้านี้เป็นผืนที่สองแล้วที่เขาได้รับมาจากนาง ครั้งนี้นางปักรูปดอกเหมยและยังมีกลิ่นกายของนางติดอยู่“พระชายาของข้ามีเพียงเจ้าคนเดียวเท่านั้น… เล่อชุนหลัน”ห้องส่วนตัวเล่อชุนหลัน “ไม่ถูกต้อง”“อะไรเจ้าคะคุณหนู ท่านละเมออีกแล้วหรือเจ้าคะ”“ไม่ใช่เจ้าคิดดูนะจินถิง คนที่ไม่เคยชอบหน้ากัน ไม่แม้แต่จะมองหน้าเกลียดชนิดที่ว่าไม่อยากพบเห็น เจอกันก็ทะเลาะกันทุกทีเหตุใดจู่ ๆ ถึงมีท่าทีเปลี่ยนไป ราวกับว่า….”“อะไรหรือเจ้าคะคุณหนู ท่านจะพูดอะไรเจ้าคะ”“เปล่า ๆ ข้าคงคิดเหลวไหลไปไกลแล้ว วันนี้ข้ากินมากเกินไปคงจะเริ่มเพ้อเจ้อแล้วล่ะ”“คุณหนูแต่ว่าหลายปีมานี้ท่านเอาแต่พูดถึงท่านอ๋องหยางท่านนี้มาโดยตลอดไม่ดีใจหรือเจ้าคะที่จะได้อภิเษกเป็นพระชายาสมดั่งใจท่านปรารถนา”“ก่อนหน้านั้นอาจจะใช่ แต่ตอนนี้…. ช่างเถอะนอนให้เต็มอิ่มก่อนค่อยคิดดับไฟเถอะ”“เจ้าค่ะ เช่นนั้นข้าออกไปแล้วนะเจ้าคะ”จินถิงดับไฟและเดินออกจากห้องของคุณหนูรองไปแล้ว ไฟดับจนมืดสนิท เตียงที่อุ่นทำให้นางรู้สึกราวกับฝันไปที่ได้มีโอกาสกลับมาที่นี่อีกครั้ง“จะเป็นไปได้หรือที่ข้าจะมิได้กลับมาคน
“ทะ ท่านอ๋อง… คือว่า มันเป็นอุบัติเหตุเพคะ หม่อมฉันก็แค่..”“ท่านอ๋องเพคะ เอาผ้าเย็นนี้เช็ดหน้าก่อนเพคะ”หยางอี้เหรินหันไปมองเล่อชุนหลันที่นำผ้าเช็ดหน้าไปชุบน้ำเย็นและรีบนำมันมาให้ท่านอ๋องซับหน้าที่ถูกลี่จินเซียนสาดน้ำร้อนใส่ แต่เขาไม่ได้รับเพียงแค่หันมาถามนางด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ“เจ้าบาดเจ็บหรือไม่ โดนน้ำร้อนหรือเปล่า”“หม่อมฉันไม่โดนอะไร แต่ว่าท่านอ๋องเช็ดพระพักตร์ก่อนเถิดเพคะ”เขารับผ้าเช็ดหน้าของนางและมาซับ กลิ่นที่ติดอยู่ที่ผ้าเช็ดหน้าทำให้เขาผ่อนคลายลงแต่ยังไม่ลดละความโกรธต่อคนสกุลลี่ตรงหน้านี้ได้ คิดไม่ถึงว่านางจะร้ายกาจถึงเพียงนี้ ชาติก่อนเขาปกป้องเล่อชุนหลันไม่ได้แต่ในชาตินี้ผู้ใดก็อย่าหวังได้ทำร้ายนางต่อหน้าเขา เขายื่นผ้าคืนให้นางก่อนจะหันมาเอาเรื่องอีกฝ่ายทันที“ลี่จินเซียน เจ้าบอกว่านี่เป็นอุบัติเหตุงั้นหรือ”“เพคะท่านอ๋อง”“อุบัติเหตุหรือ ข้าเห็นเจ้าเดินหยิบกาน้ำชานั่นและเรียกเล่อชุนหลันหมายจะสาดใส่หน้านาง ต่อหน้าข้าเจ้ายังกล้าโกหกอีกงั้นหรือ บังอาจเกินไปแล้ว เสิ่นกง!!”“พ่ะย่ะค่ะ”“จับตัวพวกนางไปที่ศาลาว่าการ สั่งโบยคนละสิบไม้”“ท่านอ๋องเพคะ!! หม่อมฉันไม่ได้ตั้งใจนะเพคะ น
ขุนนางในห้องโถงต่างตกใจเมื่อท่านอ๋องเอ่ยเรื่องนี้ขึ้น ทุกคนหันไปมองยังประตูด้านหลังพร้อมกับมี่กงกงที่เชิญพระราชโองการสีเหลืองทองเข้ามายังห้องโถง ขุนนางในห้องนั้นต้องรีบคุกเข่าลงในทันที เมื่อมี่กงกงเริ่มเปิดพระราชโองการของฝ่าบาทอ่านต่อหน้าพระพักตร์ท่านอ๋องและเหล่าขุนนางในห้องโถง“ราชโองการแห่งโอรสสวรรค์ ทรงพระราชทานสมรสให้องค์ชายแปดหยางอี้เหรินชินหยางอ๋องแห่งเหลียงโจวผู้สำเร็จราชการแทนฝ่าบาทในเมืองเหลียงโจว หยางโจวและซื่อโจวสามดินแดนในเขตบูรพาที่ยิ่งใหญ่ กับบุตรีคนรองของเสนาบดีเล่ออันจ้าน ขุนนางและเสนาบดีสองสมัยผู้จงรักภักดีต่อราชบัลลังก์ต้าจินโจวนามว่า “เล่อชุนหลัน” กำหนดวันสมรสพระราชทานนับจากนี้ไปอีกยี่สิบวัน...จบราชโองการ”“อะไรนะ!!”“บุตรีของเสนาบดีเล่องั้นหรือ”“เฮ้อ เป็นไปตามคาดสินะ”มีเพียงผู้ที่แทบจะนิ่งชะงักไปอย่างลี่จางหย่งที่แทบจะไม่เชื่อหูของตัวเอง เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะมีราชโองการลงมาเช่นนี้ หากว่ารู้คงยุยงพระสนมลี่ให้ทูลขอราชโองการให้บุตรสาวของตัวเองก่อนหน้านี้แล้ว แต่พระสนมลี่เคยบอกเขาว่าฝ่าบาทจะไม่เข้ามายุ่งเรื่องการแต่งงานของชินหยางอ๋องมิใช่หรือ เหตุใดจู่ ๆ จึงมีรา
ท่านอ๋องนิ่งไป เขาเพียงแค่มองมาที่นางเท่านั้นแต่ก็มิได้พูดอะไร ชุนหลันหันไปสบพระเนตรที่มั่นคงตรงหน้า เขาไม่คิดเช่นกันว่าจะได้คำตอบนี้จากนางจึงได้แต่นิ่งไป“ข้าไม่มีสิทธิ์ไปบังคับให้เจ้ามาหมั้นหมายกับข้าหรอก เรื่องนี้เอาไว้เจ้าเก็บไปคิดให้ดีก่อนแล้วเราค่อยคุยกันเถอะ”“แต่ว่าหม่อมฉันไม่อยากบังคับฝืนใจใคร หากพระองค์มิได้ชอบพอหม่อมฉันหรือมีสตรีอื่นในใจแล้วหม่อมฉันก็ยืนยันคำเดิมว่าเรื่องนี้พระองค์ควรจะไตร่ตรองให้ดีเพคะ ราชโองการเพียงฉบับเดียวคิดว่าพระองค์น่าจะ...”“ช่างเถอะเจ้าไม่ยอมรับก็คือไม่ยอมรับ แต่ข้าต้องการคำตอบที่มิใช่คำตอบนี้ เล่อชุนหลันข้ามาที่นี่เพื่อจะบอกเจ้าว่า… ข้าไม่ยอมรับคำตอบนี้ของเจ้าและจะพยายามให้เจ้ายอมรับคำขอหมั้นหมายนี้ให้จงได้”“เพื่ออะไรเพคะ หม่อมฉันไม่เข้าใจในเมื่อพระองค์ก็มีตัวเลือกมากมายเหตุใด…”“ตัวเลือกที่เจ้าว่า รวมถึงผู้ที่กำลังพยายามวางยาเพื่อจะควบคุมข้าอยู่งั้นหรือเล่อชุนหลัน เจ้าอยากให้ข้าเลือกนางจริง ๆ หรือ”เขาหันมามองนางด้วยแววตาที่เจ็บปวดอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน นางไม่เคยคิดว่าหยางอี้เหรินจะสามาถทำสีหน้าเช่นนี้ได้ด้วยซ้ำไป“คือว่า…หม่อมฉันอยากจะขอเวลาค
เล่อชุนหลันตกใจเล็กน้อยเมื่อรู้ว่าผู้ใดมาที่นี่ ในชาติก่อนไม่มีเลยสักครั้งที่ท่านอ๋องผู้นี้จะเดินเหยียบมาที่จวนเสนาบดีแห่งนี้ แม้แต่มารับเจ้าสาวก็ไม่มารับด้วยตัวเองแต่วันนี้เขากลับมาที่นี่ด้วยเหตุผลใดกันแน่“เร็ว ๆ เข้าไปรับเสด็จท่านอ๋องก่อน”“ต้องไปทุกคนเลยหรือเจ้าคะท่านพ่อ”“เจ้านี่อย่างไรนะไม่ไปไม่ได้เสียมารยาท เร็ว ๆ เข้า”ทุกคนพากันเดินออกมาเพื่อต้อนรับท่านอ๋องที่วันนี้มาเยือนที่จวนเสนาบดี เมื่อไปถึงห้องโถงก็พบท่านอ๋องที่ยืนกอดอกรออยู่ด้วยท่าทีที่สงบเมื่อเสนาบดีเล่อและคนอื่น ๆ เข้ามาถวายคำนับ""ถวายบังคมท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ / เพคะ""“พวกท่านตามสบายเถอะข้ามาแบบเร่งด่วนไม่คิดว่าจะมารบกวนต้องขอโทษด้วย”“มิได้พ่ะย่ะค่ะ พวกเจ้าไปจัดเตรียมของว่างและน้ำชามาเร็วเข้า”“ใต้เท้าเล่อไม่ต้องลำบาก วันนี้ที่ข้ามาเพราะมีธุระกับเล่อชุนหลันแวะคุยเพียงไม่นานก็จะรีบกลับ"ทุกคนหันมามองที่เล่อชุนหลันซึ่งตอนนี้ยืนตัวแข็งทื่อไปแล้วและไม่กล้าแม้แต่จะสบตาหยางอี้เหรินที่ยืนอยู่ตรงหน้า นางไม่รู้ว่าเขามาที่นี่ด้วยเหตุผลใดหรือว่าเขาจะมาบอกเรื่องวันก่อนที่พบนางที่หอจินเซ่อ เล่อจื่อหลงใช้แขนกระทุ้งให้นางรู้ตัว“เอ