หกเดือนผ่านไป
ศึกชายแดนยืดเยื้อกว่าที่คิดมากนัก จนในที่สุดในตอนเที่ยงของวันที่ฝนกำลังจะหยุดตก ราชสำนักก็ได้รับข่าวดีว่าท่านอ๋องทรงชนะศึกและกำลังเดินทางกลับเมืองเหลียงโจว
“พระชายาเพคะ พระองค์ยังเป็นหวัดอยู่ไม่ต้องออกไปรับเสด็จก็ได้กระมังเพคะ”
“ไม่ได้ ท่านอ๋องกลับมาพร้อมชัยชนะ ข้าในฐานะพระชายาหากว่าไม่ไปเจ้าคิดว่าผู้อื่นจะคิดเช่นไรกับสกุลเล่อ เหล่าขุนนางจะคิดเช่นไรกับท่านพ่อของข้า ในตอนนี้มีแต่ผู้ที่ต้องการให้บิดาของลี่จินเซียน…รับตำแหน่ง….”
“พระชายาเพคะ”
“ช่างเถอะ ไข้หวัดเป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องเป็นกันอยู่แล้วรีบแต่งตัวให้ข้าเถอะ วันนี้อากาศดีฝนพึ่งหยุดตกช่างเป็นวันที่ดียิ่งนัก”
เล่อชุนหันได้ยินเสียงแตรที่ให้สัญญาณเมื่อกองทัพและเหล่าอาชาศึกค่อย ๆ เคลื่อนพลเข้ามา รอยยิ้มที่ไม่ได้เห็นมาหลายเดือนเริ่มฉายแววมากขึ้นเมื่อกองทัพเริ่มเคลื่อนขบวนพร้อมกับธงที่โบกสะบัดอยู่ในมือขุนศึกผู้กล้า แต่เมื่อกองทัพเคลื่อนเข้ามา รอยยิ้มที่มีก็เริ่มลดลงจนกลายเป็นคิดไม่ถึง
“อะไรกัน นางคือผู้ใดกัน!!”
สตรีในชุดสีขาวที่มากับท่านอ๋อง นางนั่งม้าตัวเดียวกันกับเขาเคลื่อนเข้ามาจนถึงด้านหน้าและค่อย ๆ เคลื่อนมายังตำหนักท่านอ๋อง
“แม้แต่ในยามนี้ท่านก็ยังทำร้ายจิตใจข้าไม่หยุดยั้ง หยางอี้เหรินข้ารู้สึกเหนื่อยเหลือเกินแล้ว”
เล่อชุนหลันรู้สึกเช่นนั้นจริง ๆ เมื่อนางเห็นว่ามีสตรีอยู่บนหลังม้านั่งมากับเขาท่ามกลางความยินดีของเหล่าชาวเมืองเหลียงโจว
“จินถิงข้าเหนื่อยแล้ว อยากกลับเข้าไปพักผ่อน”
“ท่านพี่!! นี่ท่านจะมองอยู่เฉย ๆ เช่นนี้น่ะหรือเพคะ!!”
เสียงที่โกรธจัดของพระชายารองลี่จินเซียนแผดขึ้นทำให้ชุนหลันยิ่งปวดหัวหนักกว่าเดิม แต่นางไม่ต้องการเห็นไม่อยากรับฟังและได้ยินอะไรอีกแล้ว จินถิงและสาวใช้ในตำหนักค่อย ๆ พยุงนางกลับไปที่ตำหนัก
ท่านอ๋องที่มองเห็นรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยที่พระชายาไม่ทันจะต้อนรับเขาก็เดินกลับเข้าไป มีเพียงชายารองที่ยืนปั้นหน้าด้วยยิ้มท่าทางประหลาดเต็มทีอยู่หน้าตำหนักเพื่อรอเขา
“ถวายบังคมท่านอ๋องเพคะ ยินดีด้วยที่ชนะการศึกกลับมาเพคะ”
“อืม ขอแนะนำ ผู้นี้คือแม่นาง “หวังเจียวเมิ่ง” นางเป็นหมอที่เก่งกาจมากและตอนทำศึกครั้งนี้นางได้ช่วยกองทัพเอาไว้หลายครั้งดังนั้น…”
“ท่านอ๋องเพคะ พระองค์ทรงเหนื่อยแล้วรีบกลับเข้า…”
“ชายารองเจ้าไม่ได้ยินที่ข้าพูดงั้นหรือ เจ้ากล้าดีเช่นไรพูดขัดจังหวะข้า!!”
ลี่จินเซียนถึงกับตกใจกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของท่านอ๋องที่กล้าตำหนินางต่อหน้าเหล่าทหารและกองทัพ อีกทั้งสตรีที่พึ่งมากับเขาก็เห็นได้ชัดว่านางผู้นั้นลอบยิ้มอย่างพอใจอยู่ด้านหลังท่านอ๋อง
“หม่อมฉันขอประทานอภัยเพคะ แต่ว่า…”
“หึ พระชายาไปไหนเหตุใดยังไม่ทันได้มาต้อนรับก็กลับเข้าไปในตำหนัก”
“นะ…นาง…ช่วงนี้พระชายาเป็นไข้หวัดเพคะ หม่อมฉันเองก็เตือนท่านพี่แล้วว่าอย่าได้ออกมาจะได้…สุดท้ายนางก็ทนยืนไม่ไหวก็เลย….”
“เอาล่ะ ท่านหมอหวังข้าคงต้องรบกวนให้ท่านพักที่นี่ก่อน เสิ่นปา เสิ่นกง ให้คนจัดหาที่พักให้นางด้วย”
""พ่ะย่ะค่ะ""
“อะไรนะเพคะท่านอ๋อง ให้นางพักที่นี่งั้นหรือเพคะนางจะมาพักนานหรือไม่แล้วนางมาในฐานะอันใดเพคะ”
ท่านอ๋องหันไปด้วยสายตาที่ดุดัน เหี้ยมเกรียมที่ไม่เคยใช้มองนางมาก่อนเมื่อนางกล้าถามเขาเช่นนี้
“ข้าไม่จำเป็นต้องรายงานเรื่องนี้กับเจ้าทุกเรื่อง ทหาร!! ตามข้าเข้าวัง!!”
“พ่ะย่ะค่ะ”
ชุนหลันได้รับข่าวจากเสิ่นปา องครักษ์ส่วนพระองค์ของท่านอ๋องแล้วว่าจะมีแขกมาพักด้วยนางเป็นท่านหมอหญิงที่ช่วยเหลือกองทัพที่ช่วยท่านอ๋องและเหล่าทหารเอาไว้
“รู้แล้ว ข้าจะสั่งให้คนจัดที่พักให้นางตามคำสั่งท่านอ๋อง”
“พระชายาเพคะ แต่ว่าพระองค์…ยังไม่หายดี”
“แขกของท่านอ๋องต้องดูแลนางให้ดี”
“พระชายา…”
“เจ้าไปเอาเสื้อคลุมมาให้ข้าแล้วรีบตามมา”
จินถิงส่งสายตาโกรธมาให้องครักษ์หนุ่มข้างกายท่านอ๋อง นางไม่พอใจอย่างที่สุด เสิ่นปาและเสิ่นกงนั้นคุ้นเคยกับสายตาของสาวใช้ผู้นี้ดี และพวกเขาต่างก็เข้าใจที่นางจะโกรธด้วย
เรือนรับรองแขก
“หวังเจียวเมิ่งถวายบังคมพระชายาเพคะ”
“ท่านหมอตามสบายเถิด ข้าจัดที่พักให้แล้วถ้าเจ้ามีสิ่งใดที่ต้องการเพิ่มก็แจ้งสาวใช้ได้ หากว่าไม่สะดวกสิ่งใดก็ให้คนมาแจ้งข้าส่วนรถม้าและองครักษ์ข้าจะให้เสิ่นปาจัดการให้เจ้าหากเจ้ามีธุระจะออกไปนอกจวน”
“ขอบพระทัยพระชายาเพคะ พระองค์สีหน้าไม่สู้ดีให้หม่อมฉันตรวจพระอาการให้สักหน่อยดีหรือไม่เพคะ”
“ไม่รบกวนท่านหมอ ท่านเดินทางมาไกลพักผ่อนเถิด”
“ขอบพระทัยเพคะพระชายา”
นางยิ้มให้หมอหญิงอย่างรวยรินเต็มทีและเดินกลับมาที่ตำหนักทั้งความโกรธและไม่พอใจของจินถิงที่ไม่เข้าใจว่าเหตุใดพระชายาต้องไปดูแลหมอหญิงผู้นั้นด้วย
“เจ้าอย่าได้โกรธไปเลย เรามีหน้าที่ต้องดูแลในฐานะที่นางเป็นแขกของท่านอ๋อง”
“แต่ว่าท่านก็ป่วยอยู่นะเพคะ”
“ตัวข้าน่ะแทบจะไม่มีความรู้สึกเจ็บอะไรแล้ว รู้สึกราวกับว่ามันเจ็บซ้ำ ๆ จนแทบจะไม่รู้สึกอะไรอีกต่อไป บางทีนี่อาจจะเป็นสิ่งสุดท้ายที่ทำให้เขาได้ในฐานะพระชายา”
“ไม่นะเพคะพระชายาอย่าทรงตรัสเช่นนี้เลยนะเพคะ พระองค์จะต้องหายดีในเร็ววันนะเพคะ เพียงแค่ไข้หวัดเท่านั้นมิอาจจะทำร้ายพระองค์ได้หรอกเพคะ”
ชุนหลันหันมายิ้มและลูบศีรษะสาวใช้เคียงกายด้วยความเอ็นดูอีกครั้ง นางเป็นคนที่อยู่ใกล้ชิดชุนหลันที่สุดทุกเวลา แต่ในยามนี้นางรู้แล้วว่าต่อให้ทำดีเพียงใด ผู้ที่ไม่รักทำอย่างไรก็มิอาจรักนางได้
“ไข้ของข้าเป็นไข้ใจที่ไม่มีหมอคนใดสามารถรักษาให้หายได้หรอกจินถิง และข้า…ก็จะไม่เสียเวลาที่จะรักษามันอีกต่อไปแล้ว”
“เจ้าบอกว่าท่านอ๋องไปพักที่เรือนพักของหมอหวังทุกคืนงั้นหรือ”
“เพคะ ตอนนี้พระชายารองก็กำลังจะไปที่นั่นเพคะ”
“ช่างเถอะไม่ใช่เรื่องของข้าเสียหน่อย เขามีชายารองได้หนึ่งคนจะมีอนุเพิ่มอีกสักคนก็ไม่เห็นแปลก ก่อนหน้านี้พวกเขาก็อยู่ในกองทัพมาด้วยกัน”
“พระชายาเพคะ หรือเราจะกลับจวนสกุลเล่อดีเพคะ”
“ไม่ได้ เจ้าคิดว่าหากข้ากลับจวนในตอนนี้ท่านพ่อท่านแม่และพี่ใหญ่จะคิดเช่นไรกับท่านอ๋อง”
“พระชายาเพคะ!! ท่านอ๋องไม่แม้แต่จะใส่พระทัยท่านเลยสักนิด กลับจากกองทัพมาเกือบเจ็ดวันแล้วแต่ก็ไม่เคยแวะมาหาท่านเลยสักครั้ง พระองค์ยังจะห่วงคนเช่นนั้นอีกหรือเพคะ”
“เจ้าว่าข้าโง่มากเลยใช่หรือไม่ ข้ารู้ว่าเจ้าคิดอะไรอยู่แต่ข้าคิดดีแล้วเรื่องนี้เป็นข้าที่ตัดสินใจเอง ดังนั้นจึงไม่อยากให้ท่านพ่อท่านแม่และพี่ใหญ่ต้องเป็นห่วง ข้าไม่ยอมรับยาจากหมอหวังผู้นั้น คิดว่าไม่นานเขาคงต้องมาหาเรื่องข้าอีกเป็นแน่”
“พระชายา…...”
“ท่านอ๋องเสด็จ!!”
“ไม่ทันขาดคำ…. คราวนี้มีเรื่องอันใดอีกเล่า”
เล่อชุนหลันเพียงแค่นั่งดื่มยาอยู่ด้านในและไม่สนใจที่จะออกไปต้อนรับเขาด้วยซ้ำ ท่านอ๋องเดินพรวดพราดเข้ามาในห้องนอนของนางด้วยความโมโห แต่เมื่อเห็นนางในสภาพที่อิดโรยตรงหน้าเพราะพิษไข้หวัด สายพระเนตรนั้นจึงอ่อนลงและค่อย ๆ เดินเข้ามา
“เหตุใดเจ้า…จึงปล่อยให้พระชายารองก่อเรื่องกับแขกที่มาพักในตำหนักได้”
“หม่อมฉันมีเพียงสองตาสองมือและสองเท้า มิอาจควบคุมดูแลได้ทั่วทั้งวังหลังให้พระองค์หรอกเพคะ ที่พักสาวใช้และอาหารก็จัดให้แล้วหากว่าพวกนางยังวุ่นวายเช่นนี้ ก็คงต้องย้อนถามแล้วว่าต้นเหตุมันเริ่มต้นมาจากผู้ใด”
“นี่เจ้ากำลังกล่าวโทษข้างั้นหรือ”
พระชายาเพียงแค่เงยหน้าขึ้นสบตาท่านอ๋องที่กำลังโกรธอยู่แต่เขาก็เถียงนางไม่ออก เล่อชุนหลันในวันนี้มิใช่สตรีที่เขาจะกล้ามีเรื่องด้วยเหมือนเช่นในวันวานอีกแล้ว เพียงแค่นางมองเขาเช่นนี้คำพูดร้ายกาจและอัดอั้นต่าง ๆ ก็ถูกกลืนลงคอไปหมดสิ้นเมื่อเห็นสายตาเย็นชาราวแผ่นน้ำแข็งของพระชายาตรงหน้าอีกครั้ง
“เรื่องนี้ข้าไม่โทษเจ้า ที่ข้าพาหมอหวังมาก็เพื่อ...”
“พวกนางล้วนเป็นสตรีที่พระองค์พาเข้ามา หม่อมฉันมีหน้าที่ดูแลให้พวกนางเป็นอยู่อย่างไม่ลำบากตามฐานะและหน้าที่ ส่วนปัญหาอื่น ๆ ที่หม่อมฉันมิอาจจัดการได้ เชิญพระองค์ลงไปจัดการเองเถิดเพคะหม่อมฉันรู้สึกเหนื่อย อยากพักผ่อนแล้ว”
“เหตุใดเจ้าจึงไม่ยอมกินยาที่นางจัดมาให้”
“ขอประทานอภัยแต่หม่อมฉันมียาที่กินอยู่ประจำและในเวลานี้หม่อมฉันอยากจะนอนพักเพคะ”
“เจ้าออกไปได้แล้ว”
ท่านอ๋องหันไปสั่งจินถิงด้วยเสียงที่ดังมากพอจะทำให้ทั้งคู่ตกใจ
“ท่านอ๋องเพคะ”
“เจ้ามีปัญหาอันใด คืนนี้ข้าจะนอนค้างที่ตำหนักนี้!!”
""อะไรนะเพคะ?""
ทั้งนายและบ่าวต่างพากันตกใจ ก็แน่ล่ะสิตลอดเวลาเกือบหนึ่งปีผ่านมานี้ท่านอ๋องไม่เคยเฉียดใกล้ตำหนักของพระชายามาก่อนเลย หากมาแล้วไม่ทะเลาะกันออกไปเห็นจะมีเพียงครั้งที่มาเสวยอาหารเย็นกับพระชายาก่อนออกศึกเมืองชุ่นเท่านั้น
“พวกเจ้าตกใจอันใดกัน ข้าจะค้างกับพระชายาของตัวเองยังต้องสงสัยถึงเพียงนี้เชียวงั้นหรือ”
“หึ ทำไปเพื่อสิ่งใดกัน ก็แค่หนีปัญหาชั่วคราวเท่านั้น”
“เจ้าบ่นพึมพำอะไร”
“หามิได้เพคะ หม่อมฉันจะถอดฉลองพระองค์ให้”
ท่านอ๋องยืนตรงหน้าและให้นางถอดชุดออกให้เหลือเพียงชุดนอน ฝนเริ่มตกอีกครั้งหลังจากสองวันมานี้แทบไม่ตกเลย ชุนหลันหันเอาชุดของท่านอ๋องไปเก็บและเดินกลับมาพบว่าเขาเอนกายลงนอนที่เตียงของนางก่อนแล้ว
“ไม่นอนงั้นหรือ ฝนเริ่มตกแล้วรีบมานอนเถอะอากาศเย็นเดี๋ยวจะไม่สบายเพิ่มเข้าไปอีก”
“หม่อมฉันไม่คุ้นเคยกับการนอนร่วมกับผู้อื่น…”
“เช่นนั้นเจ้าก็ต้องฝึกเอาไว้เพราะมันเป็นหน้าที่ของพระชายา”
ชุนหลันรู้สึกใจเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมาเสียให้ได้เมื่อสิ้นคำของบุรุษหนุ่มที่นางหวังจะนอนร่วมเตียงเคียงหมอนเช่นนี้กับเขามาโดยตลอด แต่ว่าในวันนี้ความรู้สึกของนางมันเริ่มเปลี่ยนไปแล้ว ต่อให้เขาจะนอนกอดนางเอาไว้เหมือนที่ทำอยู่ตอนนี้ก็มิได้ช่วยทำให้ความรู้สึกเจ็บปวดหัวใจที่มันสะสมมาแรมปีลดลงไปได้
“เหตุใดเจ้าจึงตัวสั่นเช่นนี้ หนาวงั้นหรือ”
“เปล่าเพคะพระองค์บรรทมเถิด หม่อมฉันเพียงแค่…รู้สึกตกใจเสียงฟ้าร้องเท่านั้น”
“อืม….”
เสียงของเขาเงียบไปแล้วพร้อมกับลมหายใจที่เริ่มนิ่งเมื่อนางค่อย ๆ ขยับตัวออกมาและหันไปมองใบหน้าของบุรุษซึ่งนางเคยรักและหลงใหลในตัวเขาจนได้แต่งงาน แต่ท้ายที่สุดก็มิอาจหลีกหนีความจริงเรื่องที่เขาไม่เคยรักนางเลย และยังต้องทนเห็นเขาเข้าพิธีส่งตัวกับสตรีอื่น อีกทั้งในตอนนี้เขาก็ยังพาสตรีอีกคนเข้ามาในจวนเพิ่มอีก
(“ขอบคุณสำหรับความเจ็บปวดนี้ มันควรจบสิ้นเสียที….”)
ร่างบางค่อย ๆ ลดมือลงจากใบหน้าที่เริ่มมีเคราขึ้นมานิดหน่อยแต่ใบหน้าคมคายยามหลับใหลก็ยังทำให้นางรู้สึกหวั่นไหวอยู่ไม่น้อย แม้ว่าในตอนนี้นางจะรู้สึกอบอุ่นมากที่สุดเมื่อเขากอดนางเอาไว้ แต่นางในยามนี้ต้องการอ้อมกอดนี้หรือไม่นั้น ตัวนางเองก็ยังให้คำตอบกับตัวเองไม่ได้เลย
เสียงฟ้าร้องดังขึ้นอีกครั้งแต่เล่อชุนหลันที่อยู่ในอ้อมกอดของเขานิ่งไปแล้ว ชุนหลันคงหลับสนิทเพราะฤทธิ์ยาที่พึ่งกินเข้าไปอีกทั้งตัวนางยังคงอุ่นรุม ๆ ราวกับมีไข้ที่ไม่ลดลงเสียที ท่านอ๋องค่อย ๆ ลืมตามองเล่อชุนหลันที่นอนขดตัวซุกเข้าหาแผงอกกว้างของเขา ยามหลับสนิทเช่นนี้เขาพึ่งได้พินิจมองนางอย่างเต็มตาอีกครั้ง
“เล่อชุนหลัน ความเจ็บปวดที่เจ้าได้รับข้าจะต้องใช้ทั้งชีวิตของข้าชดใช้คืนให้กับเจ้า ข้าผิดต่อเจ้ามานานจากนี้... จะไม่เป็นเช่นนั้นอีก ข้าจะทำอย่างไรให้เจ้ายอมดื่มยาถอนพิษในร่างกายเจ้าได้กันนะ”
สองวันถัดมา / เรือนรับรองท่านหมอหวัง “นังแพศยาเจ้ากล้าดีเช่นไรใช้มารยาหลอกล่อท่านอ๋องให้ลุ่มหลงวันนี้ข้าจะจัดการเจ้าที่บังอาจ...”“พระชายารองท่านเองก็เป็นเพียงแค่เมียรองเท่านั้น ขนาดเมียเอกยังไม่พูดสิ่งใดท่านจะกล้าพูดอะไรอีกงั้นหรือ แหม ว่าก็ว่าเถอะนะท่านอ๋องเองก็ไม่น่าปล่อยให้ท่านนอนแห้งแล้งรอจนถึงวันนี้ ดูท่าแล้วนอกจากตำหนักของพระชายากับ...เรือนเล็ก ๆ ของข้าแล้ว ท่านอ๋องคงมิได้ใส่ใจไปแวะหาท่านเลยสินะ”“นังคนอับปรีย์ ข้าจะฆ่าเจ้า จะฆ่าเจ้า”“โอ๊ะ อย่าทำอะไรเลยเพคะ หม่อมฉันไม่มีแรงสู้กับพระองค์หรอกนะเพคะ เมื่อคืนอยู่อยู่กับท่านอ๋องทั้งคืนหม่อมฉันแทบจะไม่ได้นอนพักเลย”“กรี๊ด!!! นังคนสารเลว!!”“พระชายาเพคะ!!”“จินถิง!! พาข้ากลับตำหนัก เดี๋ยวนี้”“เพคะพระชายา”เล่อชุนหลันไม่คิดว่าจะได้มาฟังเรื่องเช่นนี้ที่นี่ในวันนี้ คืนก่อนหน้านี้ท่านอ๋องพึ่งจะไปนอนค้างกับนางและเมื่อคืนนี้ เขากับหมอหญิงผู้นี้…“พระชายาเพคะ พระองค์ยังเดินไหวอยู่หรือไม่เพคะ”“ข้าไม่เป็นไร”“ชุนหลัน!! เจ้าเป็นอะไรไป มานี่ข้าจะพานางไปเอง!!”ท่านอ๋องที่พึ่งจะประชุมราชสำนักเสร็จรีบเดินเข้ามาหาพระชายาที่ทำท่าจะหกล้มแต่เมื่อเห
“เจ้าพูดราวกับโตขึ้นแล้วสักสองสามปีอย่างนั้นแหละ รีบกินข้าวเถอะจะได้ไปส่งพี่เจ้าเข้ากรมพระคลัง วันแรกอย่าไปสาย”“ท่านแม่ ข้าไปส่งพี่ใหญ่ที่กรมแต่ข้าไม่ไปงานเลี้ยงได้หรือไม่”“ทำไมล่ะหลันเอ๋อร์ เจ้าไม่อยากไปงั้นหรือ”“ข้ารู้สึกว่างานแบบนั้นมันช่างน่าเบื่อที่สำคัญก็มีแต่ขุนนางไม่เกี่ยวอะไรกับข้าดังนั้นก็เลยไม่ค่อยอยากไปเจ้าค่ะ”ทั้งเสนาบดีเล่อและฮูหยินต่างก็มองนางด้วยสีหน้าที่แปลกใจ “เช่นนั้นก็ตามใจเจ้า แต่วันนี้อย่างไรก็ไปส่งพี่เจ้าเข้าไปในวังก่อน”“เจ้าค่ะ”วังหลวงเหลียงโจวเหล่าขุนนางน้อยใหญ่ที่มาส่งบุตรชายของตนเองเข้ากรมที่สอบได้ร่วมแสดงความยินดีกันถ้วนหน้า เล่อฮูหยินกับเล่อชุนหลันที่มาส่งเล่อจางหลง ซึ่งตอนนี้ได้เข้าไปด้านในเพื่อรายงานตัวก็เริ่มรู้สึกเบื่อ “ท่านแม่เจ้าคะข้าขอตัวไปเดินเล่นในสวนหน่อยนะเจ้าคะ อยู่ตรงนี้เบื่อยิ่งนักกว่าพี่ใหญ่จะออกมาคงอีกสักพัก”“อย่าเดินไปไกลนักล่ะที่นี่เป็นเขตในวัง อย่างไรก็…”“ข้าทราบแล้วค่ะ แค่ออกไปเดินแก้ง่วงเท่านั้น”ชุนหลันเดินออกมาจากห้องห้องโถงรับขุนนางใหม่ซึ่งอยู่ด้านใน เมื่อออกมาเดินเล่นที่สวนเช่นนี้นางเริ่มรู้สึกสดชื่นขึ้นมาบ้างแล้วหลังจาก
ห้องโถงใหญ่ “ท่านแม่เสร็จแล้วหรือเจ้าคะ”“ใช่เจ้าไปไหนมาพวกเรากำลังจะกลับกันแล้ว คืนนี้จะมีงานเลี้ยง… เหตุใดเจ้าถึงได้หน้าซีดเช่นนั้นเป็นอะไรไป”“นั่นสิน้องรองเจ้าเป็นอะไรไปน่ะ ทำไมหน้าตาตื่นแบบนั้น”“ข้าไม่เป็นไรเจ้าค่ะ เรารีบกลับกันดีกว่า”เล่อชุนหลันใช้เหตุผลนี้ไม่ไปร่วมงานเลี้ยงในตอนเย็น นางรู้ว่าเหตุการณ์ในงานเลี้ยงตอนเย็นจะเกิดอะไรขึ้น “จินถิงข้าอยากออกไปเดินเล่นสักหน่อย ไปเป็นเพื่อนข้าทีสิ”“คุณหนูท่านบอกว่าอยากพักผ่อนนี่เจ้าค่ะ”“เดินเล่นก็ถือว่าพักผ่อนมิใช่หรือ ที่สำคัญตอนเย็นข้าไม่ไปร่วมงานเลี้ยงแล้วก็ไม่จำเป็นต้องเตรียมตัวอะไร”“เจ้าค่ะ” ตลาดเมืองเหลียงโจว เล่อชุนหลันใช้เวลาเดินในตลาดและค่อย ๆ ซึมซับความรู้สึกที่หายใจโล่งมากขึ้นให้เต็มที่ นานแค่ไหนกันแล้วนะที่นางไม่ได้ออกมาเดินเล่นเช่นนี้ ก่อนหน้านั้นทั้งชีวิตนางเฝ้าเพียรแต่ร่ำเรียนจนมีทักษะที่ยอดเยี่ยมในทุก ๆ ด้านเพื่อให้เป็นสตรีที่เหมาะสมกับท่านอ๋องแม่ทัพแห่งดินแดนบูรพา ใครจะคิดว่าหลังจากอภิเษกไปแล้วนางจะกลายเป็นพระชายาที่ไร้ค่าอยู่ในตำหนักหลังที่เยือกเย็นนั่น“ในเมืองยังคึกคักเช่นเดิม”“คุณหนูวันนี้ท่านทำท่าทางแปลก ๆ
"นางค่อย ๆ พยุงเขามานั่ง มีดสั้นยังปักอยู่ที่หลังแขนด้านขวาอยู่ เขาหันไปและดึงออกมาทันทีและทิ้งมีดนั้นไป มือของเขาค่อย ๆ กุมแผลเอาไว้เลือดเริ่มไหลไม่หยุด ชุนหลันหันมาและใช้ผ้าเช็ดหน้าของนางเดินเข้ามาทันที“เลือดพระองค์ออกไม่หยุด ใช้ผ้านี้พันแผลเอาไว้ก่อนนะเพคะ”“เจ้าไม่บาดเจ็บใช่หรือไม่”“ไม่เพคะหม่อมฉันปลอดภัยดี”“คุณหนู!!”“จินถิงเจ้าไม่เป็นไรนะ”“ข้าไม่เป็นไร ท่านปลอดภัยหรือไม่เจ้าคะคนร้ายถูกจับหมดแล้ว”“ข้าไม่เป็นไรแต่ว่าท่านอ๋อง…”ชุนหลันหันไปมองเขาที่หันมามองอีกครั้ง นางไม่คุ้นเคยกับสายตาเช่นนี้ของเขาเอาเสียเลยสู้ให้เขาทำเย็นชาเช่นเดิมจะดีกว่าเหตุใดต้องเข้ามาเกี่ยวข้องกันอีก “เสร็จแล้วเพคะ”“ขอบใจ เจ้านั่งรอข้าอยู่ตรงนี้ก่อน”“เอ่อ…”เขาลุกขึ้นทันทีแม้ว่าชุดสีขาวยังมีเลือดอยู่ประปรายแต่ตอนนี้เขาเดินเข้าไปสั่งการ คนร้ายที่เหลืออีกสี่คนถูกจับมานั่งรวมกันตรงหน้า“เสิ่นกงเจ้าพามันไปขังในคุกก่อนข้าจะสอบสวนมันด้วยตัวเอง”“พ่ะย่ะค่ะ”“พระองค์ได้รับบาดเจ็บรีบกลับไปทำแผลก่อนเถอะพ่ะย่ะค่ะ”“อืม คุ้มกันให้เข้มงวดก่อนที่ข้าจะไปสอบสวน ห้ามให้พวกมันตายเป็นอันขาด”""พ่ะย่ะค่ะ""เมื่อเขาหันไปก
“ทูลท่านอ๋อง เมื่อวานนี้ในงานเลี้ยงขุนนางใหม่เห็นว่าท่านอ๋องติดภารกิจและบาดเจ็บดังนั้นวันนี้กระหม่อมกับบุตรสาวลี่จินเซียนนำของบำรุงและยาสมานแผลอย่างดีจากเมืองเหลียงมาถวายพ่ะย่ะค่ะ”“ขอบใจพวกท่านมาก วางไว้เถอะ”ลี่จินเซียนได้โอกาสเดินมาที่หน้าพระพักตร์ ท่านอ๋องหันไปสั่งเสิ่นกงให้เดินออกมาเพื่อรับแทน กันมิให้นางเดินเข้ามาถึงโต๊ะทรงงานของเขา ลี่จินเซียนหุบยิ้มไปเล็กน้อยก่อนจะส่งของไปให้องครักษ์ของท่านอ๋อง“ลี่จินเซียนขอให้ท่านอ๋องทรงแข็งแรงโดยเร็วเพคะ”“ขอบใจแม่นางลี่ พวกท่านมาด้วยธุระเรื่องนี้งั้นหรือ”“มิได้พ่ะย่ะค่ะ เมื่อวานนี้เนื่องจากท่านอ๋องไม่ได้เข้าร่วมในงานเลี้ยง เหล่าขุนนางจึงได้ซุบซิบกันสนุกปากกระหม่อมฟังแล้วไม่ใคร่พอใจนัก พวกเขาพูดถึงเรื่อง…เอ่อ...แต่งตั้งพระชายาที่เหมาะสมและงานอภิเษก ท่านอ๋องทรง...”“อ้อ เรื่องนั้นน่ะหรือข้าเองก็คิดเอาไว้เช่นกันทำไมหรือ ท่านโหวหรือว่าท่านมีคนที่เหมาะสมจะแนะนำงั้นหรือ ในตอนนี้ใคร ๆ ต่างก็ลงความเห็นว่า “เล่อชุนหลัน” บุตรีเสนาบดีเล่อเป็นผู้ที่เหมาะสมทั้งความงาม ความรู้และมารยาท ข้าเองก็คิดว่านางก็ดูจะเหมาะสมดี"“แต่ว่า… เร็ว ๆ นี้พึ่งจะมีข่าวลื
วันถัดมา “ทูลท่านอ๋องให้คนตรวจสอบของที่ใต้เท้าลี่นำมาให้แล้วพ่ะย่ะค่ะ”“พบสิ่งใดหรือไม่”“มีเพียงยาที่เอาไว้ใส่แผลที่มีส่วนผสมของหญ้า "ชีอัน" ซึ่งเป็นส่วนประกอบของพิษ…"“หญ้าฝันเลื่อนลอย”“พ่ะย่ะค่ะ”“เก็บหลักฐานเอาไว้ให้ดี จริงสิเสิ่นกงเจ้าสั่งให้คนนำกระถางกำยานนี่ออกไปด้วย ไม่ว่าจะในห้องไหนตำหนักไหนต่อไปเจ้าให้คนของเราทำ ไม่ต้องให้สาวใช้ในตำหนักเข้ามาทำเรื่องพวกนี้”“พ่ะย่ะค่ะ”เสิ่นกงเดินออกไปแล้ว พวกเขาแม้จะสงสัยแต่ก็ไม่เคยปริปากถามว่าเหตุใดท่านอ๋องจึงสั่งคำสั่งที่แปลกเช่นนี้ซึ่งตามปกติพระองค์จะไม่ยุ่งเรื่องจุกจิกในตำหนัก “เริ่มจากตรงนี้สินะ ลี่จางหย่งข้าจะดูสิว่าเจ้าจะแก้ตัวเช่นไร”ประชุมราชสำนัก “ใต้เท้าลี่ ข้ามีเรื่องหนึ่งอยากจะถามท่านสักหน่อย”“พ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง”“ยาที่ท่านให้ข้ามาวันก่อนยอดเยี่ยมยิ่งนัก ท่านนำมาจากผู้ใดงั้นหรือ”ลี่จางหย่งเดินยิ้มออกมาทันทีเมื่อท่านอ๋องทรงตรัสชมเขาต่อหน้าบรรดาขุนนาง“ทูลท่านอ๋อง ยาและขนมทั้งหมดบุตรสาวของกระหม่อมเป็นผู้จัดเตรียมด้วยตัวเองพ่ะย่ะค่ะ นางพิถีพิถันทุกขั้นตอนเพื่อจัดถวายให้กับพระองค์ด้วยหวังว่าบาดแผลของพระองค์จะหายโดยเร็วพ่ะย่ะค่
เล่อชุนหลันตกใจเล็กน้อยเมื่อรู้ว่าผู้ใดมาที่นี่ ในชาติก่อนไม่มีเลยสักครั้งที่ท่านอ๋องผู้นี้จะเดินเหยียบมาที่จวนเสนาบดีแห่งนี้ แม้แต่มารับเจ้าสาวก็ไม่มารับด้วยตัวเองแต่วันนี้เขากลับมาที่นี่ด้วยเหตุผลใดกันแน่“เร็ว ๆ เข้าไปรับเสด็จท่านอ๋องก่อน”“ต้องไปทุกคนเลยหรือเจ้าคะท่านพ่อ”“เจ้านี่อย่างไรนะไม่ไปไม่ได้เสียมารยาท เร็ว ๆ เข้า”ทุกคนพากันเดินออกมาเพื่อต้อนรับท่านอ๋องที่วันนี้มาเยือนที่จวนเสนาบดี เมื่อไปถึงห้องโถงก็พบท่านอ๋องที่ยืนกอดอกรออยู่ด้วยท่าทีที่สงบเมื่อเสนาบดีเล่อและคนอื่น ๆ เข้ามาถวายคำนับ""ถวายบังคมท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ / เพคะ""“พวกท่านตามสบายเถอะข้ามาแบบเร่งด่วนไม่คิดว่าจะมารบกวนต้องขอโทษด้วย”“มิได้พ่ะย่ะค่ะ พวกเจ้าไปจัดเตรียมของว่างและน้ำชามาเร็วเข้า”“ใต้เท้าเล่อไม่ต้องลำบาก วันนี้ที่ข้ามาเพราะมีธุระกับเล่อชุนหลันแวะคุยเพียงไม่นานก็จะรีบกลับ"ทุกคนหันมามองที่เล่อชุนหลันซึ่งตอนนี้ยืนตัวแข็งทื่อไปแล้วและไม่กล้าแม้แต่จะสบตาหยางอี้เหรินที่ยืนอยู่ตรงหน้า นางไม่รู้ว่าเขามาที่นี่ด้วยเหตุผลใดหรือว่าเขาจะมาบอกเรื่องวันก่อนที่พบนางที่หอจินเซ่อ เล่อจื่อหลงใช้แขนกระทุ้งให้นางรู้ตัว“เอ
ท่านอ๋องนิ่งไป เขาเพียงแค่มองมาที่นางเท่านั้นแต่ก็มิได้พูดอะไร ชุนหลันหันไปสบพระเนตรที่มั่นคงตรงหน้า เขาไม่คิดเช่นกันว่าจะได้คำตอบนี้จากนางจึงได้แต่นิ่งไป“ข้าไม่มีสิทธิ์ไปบังคับให้เจ้ามาหมั้นหมายกับข้าหรอก เรื่องนี้เอาไว้เจ้าเก็บไปคิดให้ดีก่อนแล้วเราค่อยคุยกันเถอะ”“แต่ว่าหม่อมฉันไม่อยากบังคับฝืนใจใคร หากพระองค์มิได้ชอบพอหม่อมฉันหรือมีสตรีอื่นในใจแล้วหม่อมฉันก็ยืนยันคำเดิมว่าเรื่องนี้พระองค์ควรจะไตร่ตรองให้ดีเพคะ ราชโองการเพียงฉบับเดียวคิดว่าพระองค์น่าจะ...”“ช่างเถอะเจ้าไม่ยอมรับก็คือไม่ยอมรับ แต่ข้าต้องการคำตอบที่มิใช่คำตอบนี้ เล่อชุนหลันข้ามาที่นี่เพื่อจะบอกเจ้าว่า… ข้าไม่ยอมรับคำตอบนี้ของเจ้าและจะพยายามให้เจ้ายอมรับคำขอหมั้นหมายนี้ให้จงได้”“เพื่ออะไรเพคะ หม่อมฉันไม่เข้าใจในเมื่อพระองค์ก็มีตัวเลือกมากมายเหตุใด…”“ตัวเลือกที่เจ้าว่า รวมถึงผู้ที่กำลังพยายามวางยาเพื่อจะควบคุมข้าอยู่งั้นหรือเล่อชุนหลัน เจ้าอยากให้ข้าเลือกนางจริง ๆ หรือ”เขาหันมามองนางด้วยแววตาที่เจ็บปวดอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน นางไม่เคยคิดว่าหยางอี้เหรินจะสามาถทำสีหน้าเช่นนี้ได้ด้วยซ้ำไป“คือว่า…หม่อมฉันอยากจะขอเวลาค
เล่อชุนหลันเดินตามแม่สื่อออกไป นางสังเกตว่าครั้งนี้ท่านอ๋องให้เสิ่นกงเดินตามมาด้วยซึ่งเป็นเรื่องที่น่าแปลกยิ่งนัก และเมื่อนางเดินไปถึงตำหนักและห้องส่งตัวต้องตกใจเมื่อห้องส่งตัวครั้งนี้กลับเป็นตำหนักใหญ่และ….“ห้องบรรทมของท่านอ๋องอย่างนั้นหรือ”“พระชายาเชิญเข้าห้องส่งตัวเถิดเพคะ”“แต่ว่า…ข้ามิต้องถูกส่งไปที่ตำหนักหลังหรอกหรือ เหตุใดจึงส่งตัวที่ห้องนี่ล่ะ”แม่สื่อมองหน้าพระชายาท่านอ๋องด้วยความงุนงงสงสัย และหันไปมองเสิ่นกงที่ตามมาด้วย“เอ่อ พระชายาเพคะห้องนี้เป็นห้องส่งตัวที่ท่านอ๋องทรงจัดเตรียมเอาไว้แต่แรกแล้วนะเพคะ”“แต่ว่า!!…. ช่างเถอะขอบคุณท่านมาก”“เพคะ”แม่สื่อเดินออกไปแต่เสิ่นกงยังยืนอยู่หน้าห้อง ชุนหลันต้องแปลกใจอีกครั้งที่เขาเป็นผู้เฝ้าอยู่หน้าห้องนาง“แม่สื่อก็ออกไปแล้ว เจ้าไม่ออกไปด้วยหรือเสิ่น…. เอ่อ ท่านองครักษ์”แม้ว่าชาติก่อนนางจะคุ้นเคยกับองครักษ์สองพี่น้องดีแต่นางในตอนนี้แทบจะไม่รู้จักเขาเลยหากว่าเผลอเรียกชื่อพวกเขาไปก็อาจจะดูแปลก ๆ “ทูลพระชายา กระหม่อมมีหน้าที่อารักขาพระชายานับจากนี้เป็นต้นไปพ่ะย่ะค่ะ”“อะไรนะ!! อารักขาข้างั้นหรือ”“พ่ะย่ะค่ะ”“แต่ว่า…”“เป็นพระบัญชาขอ
เล่อชุนหลันถึงกับพูดไม่ออกเมื่อมองไปที่มงกุฎสีทองที่เปล่งประกายที่ท่านอ๋องค่อย ๆ วางเอาไว้ที่โต๊ะ ครั้งนี้นางคงต้องยอมแพ้แล้วจริง ๆ เพราะเขาเตรียมการมาเป็นอย่างดีที่จะไม่ให้นางหนีพ้นได้เลย และเครื่องประดับที่ล้ำค่าถึงเพียงนี้เขายังนำมันมาให้นางสวม ในหัวใจนางตอนนี้พองโตราวกับจะหลุดออกมาได้อยู่แล้ว “ข้าจะออกไปรอที่ห้องโถง พวกเจ้าจัดการให้ดีพระชายาของข้าต้องงดงามที่สุดในวันนี้”""รับบัญชาเพคะท่านอ๋อง"" ครึ่งชั่วยามผ่านไป ท่านอ๋องเดินไปรอนางที่ห้องโถงเพื่อจัดเตรียมทุกอย่างเอาไว้ เขาและเสนาบดีเล่อช่วยกันรับแขกที่ทยอยมาร่วมงานที่จวนสกุลเล่อ เรื่องไฟไหม้ที่ห้องแต่งตัวของเจ้าสาวถูกปิดเอาไว้อย่างมิดชิดจนเมื่อถึงเวลาที่แม่สื่อเดินมาแจ้งว่าเจ้าสาวพร้อมแล้ว ทั้งหมดจึงเบนความสนใจไปที่ทางเดินทันที“ทูลท่านอ๋อง ครั้งนี้ไม่มีอะไรผิดพลาดแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“ดีมาก”เขามองไปที่เจ้าสาวของเขาที่เดินมาพร้อมกับแม่สื่อและข้าง ๆ นางคือสาวใช้ของนางเมื่อนางเดินเข้ามาใกล้ ๆ แขกที่อยู่ในงานต่างต้องตกใจอีกครั้งกับชุดเจ้าสาวและเครื่องประดับบนศีรษะของนาง “นะ…นั่น ๆ ๆ ใช่มงกุฎหงส์หรือไม่”งานนี้เป็นงานที่ผู้คนในเมืองเ
""อะไรนะ!!""“เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นได้เช่นไร เหตุใดจึงไม่มีผู้ใดเฝ้าแล้วตอนนี้….”“ท่านพ่อท่านแม่ ขบวนเจ้าบ่าวมาถึงหน้าจวนแล้วขอรับ”“แย่แล้ว ๆ ทำเช่นไรดีล่ะนี่ เหตุใดขบวนเจ้าบ่าวจึงได้มาถึงก่อนฤกษ์ล่ะ เอาแบบนี้นะฮูหยินเจ้ารีบไปหาหลันเอ๋อร์ก่อนข้ากับหลงเอ๋อร์จะรีบไปรับหน้าขบวนเกี้ยวเอาไว้ก่อนแล้วค่อย….”“ท่านอ๋องเสด็จ!!”ทั้งสองสามีภรรยาพร้อมกับบุตรชายมองหน้ากันราวกับไม่เชื่อหู เพราะไม่คิดว่าท่านอ๋องจะเดินทางมารับเจ้าสาวด้วยตนเอง ซึ่งตามธรรมเนียมปฏิบัติเขาไม่จำเป็นต้องมาด้วยตนเองเพียงแค่รออยู่ที่ตำหนักเพื่อเข้าพิธีเท่านั้น“แย่แล้ว เหตุใดท่านอ๋องจึงได้เสด็จมาด้วยพระองค์เองล่ะ!!”“ไม่ทันแล้วขอรับข้าจะรีบไปดูหลันเอ๋อร์ก่อนพวกท่าน...”“ท่านพี่ เร็วเข้าเถิดเจ้าค่ะเรารีบออกไปรับเสด็จก่อน”เสนาบดีเล่อและฮูหยินต้องหันกลับมาเพื่อรับเสด็จท่านอ๋องก่อน ราวกับว่าท่านอ๋องจะทรงทราบมาก่อนแล้วว่าเล่อชุนหลันจะสร้างปัญหากับงานแต่งในครั้งนี้ หยางอี้เหรินในชุดเจ้าบ่าวสีแดงสดเข้าคู่กับชุดเจ้าสาวที่ตัดเย็บพร้อมกันเดินเข้ามาในจวนสกุลเล่อเสนาบดีเล่อฮูหยินและเล่อจื่อหลงรีบเข้ามาถวายบังคม ท่าทางของพวกเขาหยางอ
เล่อชุนหลันดิ้นรนอยู่ในอ้อมกอดนั้นจนเขาต้องใช้ขาเกี่ยวนางเอาไว้เพื่อไม่ให้นางดิ้น หน้านางซุกไปที่แผ่นอกกว้างที่หัวใจเต้นแรงของเขาอยู่ซึ่งมันเต้นแรงไม่ต่างกับหัวใจของนางเพียงแต่ตอนนี้นางเริ่มจะหายใจไม่ออกแล้ว“อื้อ…อื้อ”“ขอโทษทีข้าจะปล่อยแต่เจ้าต้องสัญญาว่าเจ้าจะเงียบ ตกลงหรือไม่”นางพยักหน้าให้เขา แสงไฟจากภายนอกส่องเข้ามาเล็กน้อยและในตอนนี้ตาของทั้งคู่ก็เริ่มปรับแสงได้จนมองเห็นกันอย่างลาง ๆ ในห้องนอนของนาง มือหนาค่อย ๆ ดึงออกมาจากปากนางแต่ไม่ทันที่จะพูดอะไรกันเล่อชุนหลันก็เริ่มจะร้องตะโกนจนเขาตกใจและ….“ช่วย!!……”เสียงของนางถูกกลืนไปในลำคอเมื่อเขาก้มลงมาและใช้ปากหนาที่เย็นนั้นประกบปิดปากนางเอาไว้ นางเริ่มดิ้นเพื่อจะหลบหนีจากอ้อมกอดนั้นแต่เขากลับไม่ยอมและดึงนางมากอดเอาไว้ ลิ้นสากหนาเริ่มทะลวงเข้าไปด้านในเพื่อรับรสหวานจากปากของคนดื้อดึงที่ไม่ยอมรับเขาในตอนนี้ ชุนหลันเริ่มหวั่นไหวอีกครั้งเมื่อถูกเขาจูบ ร่างกายนางกลับตอบสนองเขาและมือก็เริ่มโอบรอบคอเขาอย่างเต็มใจ“ข้าเตือนเจ้าแล้วว่าอย่าเสียงดัง ที่ข้ามาที่นี่ก็เพื่อจะมาวัดตัวเจ้า เอาล่ะชุนหลันลุกขึ้นมาเถอะ”“เหตุใดพระองค์ต้องมาทำเรื่องเช
“หม่อมฉัน… ทูลลาเพคะ”นางเดินออกไปโดยไม่พูดอะไรอีก ผ้าเช็ดหน้านี้เป็นผืนที่สองแล้วที่เขาได้รับมาจากนาง ครั้งนี้นางปักรูปดอกเหมยและยังมีกลิ่นกายของนางติดอยู่“พระชายาของข้ามีเพียงเจ้าคนเดียวเท่านั้น… เล่อชุนหลัน”ห้องส่วนตัวเล่อชุนหลัน “ไม่ถูกต้อง”“อะไรเจ้าคะคุณหนู ท่านละเมออีกแล้วหรือเจ้าคะ”“ไม่ใช่เจ้าคิดดูนะจินถิง คนที่ไม่เคยชอบหน้ากัน ไม่แม้แต่จะมองหน้าเกลียดชนิดที่ว่าไม่อยากพบเห็น เจอกันก็ทะเลาะกันทุกทีเหตุใดจู่ ๆ ถึงมีท่าทีเปลี่ยนไป ราวกับว่า….”“อะไรหรือเจ้าคะคุณหนู ท่านจะพูดอะไรเจ้าคะ”“เปล่า ๆ ข้าคงคิดเหลวไหลไปไกลแล้ว วันนี้ข้ากินมากเกินไปคงจะเริ่มเพ้อเจ้อแล้วล่ะ”“คุณหนูแต่ว่าหลายปีมานี้ท่านเอาแต่พูดถึงท่านอ๋องหยางท่านนี้มาโดยตลอดไม่ดีใจหรือเจ้าคะที่จะได้อภิเษกเป็นพระชายาสมดั่งใจท่านปรารถนา”“ก่อนหน้านั้นอาจจะใช่ แต่ตอนนี้…. ช่างเถอะนอนให้เต็มอิ่มก่อนค่อยคิดดับไฟเถอะ”“เจ้าค่ะ เช่นนั้นข้าออกไปแล้วนะเจ้าคะ”จินถิงดับไฟและเดินออกจากห้องของคุณหนูรองไปแล้ว ไฟดับจนมืดสนิท เตียงที่อุ่นทำให้นางรู้สึกราวกับฝันไปที่ได้มีโอกาสกลับมาที่นี่อีกครั้ง“จะเป็นไปได้หรือที่ข้าจะมิได้กลับมาคน
“ทะ ท่านอ๋อง… คือว่า มันเป็นอุบัติเหตุเพคะ หม่อมฉันก็แค่..”“ท่านอ๋องเพคะ เอาผ้าเย็นนี้เช็ดหน้าก่อนเพคะ”หยางอี้เหรินหันไปมองเล่อชุนหลันที่นำผ้าเช็ดหน้าไปชุบน้ำเย็นและรีบนำมันมาให้ท่านอ๋องซับหน้าที่ถูกลี่จินเซียนสาดน้ำร้อนใส่ แต่เขาไม่ได้รับเพียงแค่หันมาถามนางด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ“เจ้าบาดเจ็บหรือไม่ โดนน้ำร้อนหรือเปล่า”“หม่อมฉันไม่โดนอะไร แต่ว่าท่านอ๋องเช็ดพระพักตร์ก่อนเถิดเพคะ”เขารับผ้าเช็ดหน้าของนางและมาซับ กลิ่นที่ติดอยู่ที่ผ้าเช็ดหน้าทำให้เขาผ่อนคลายลงแต่ยังไม่ลดละความโกรธต่อคนสกุลลี่ตรงหน้านี้ได้ คิดไม่ถึงว่านางจะร้ายกาจถึงเพียงนี้ ชาติก่อนเขาปกป้องเล่อชุนหลันไม่ได้แต่ในชาตินี้ผู้ใดก็อย่าหวังได้ทำร้ายนางต่อหน้าเขา เขายื่นผ้าคืนให้นางก่อนจะหันมาเอาเรื่องอีกฝ่ายทันที“ลี่จินเซียน เจ้าบอกว่านี่เป็นอุบัติเหตุงั้นหรือ”“เพคะท่านอ๋อง”“อุบัติเหตุหรือ ข้าเห็นเจ้าเดินหยิบกาน้ำชานั่นและเรียกเล่อชุนหลันหมายจะสาดใส่หน้านาง ต่อหน้าข้าเจ้ายังกล้าโกหกอีกงั้นหรือ บังอาจเกินไปแล้ว เสิ่นกง!!”“พ่ะย่ะค่ะ”“จับตัวพวกนางไปที่ศาลาว่าการ สั่งโบยคนละสิบไม้”“ท่านอ๋องเพคะ!! หม่อมฉันไม่ได้ตั้งใจนะเพคะ น
ขุนนางในห้องโถงต่างตกใจเมื่อท่านอ๋องเอ่ยเรื่องนี้ขึ้น ทุกคนหันไปมองยังประตูด้านหลังพร้อมกับมี่กงกงที่เชิญพระราชโองการสีเหลืองทองเข้ามายังห้องโถง ขุนนางในห้องนั้นต้องรีบคุกเข่าลงในทันที เมื่อมี่กงกงเริ่มเปิดพระราชโองการของฝ่าบาทอ่านต่อหน้าพระพักตร์ท่านอ๋องและเหล่าขุนนางในห้องโถง“ราชโองการแห่งโอรสสวรรค์ ทรงพระราชทานสมรสให้องค์ชายแปดหยางอี้เหรินชินหยางอ๋องแห่งเหลียงโจวผู้สำเร็จราชการแทนฝ่าบาทในเมืองเหลียงโจว หยางโจวและซื่อโจวสามดินแดนในเขตบูรพาที่ยิ่งใหญ่ กับบุตรีคนรองของเสนาบดีเล่ออันจ้าน ขุนนางและเสนาบดีสองสมัยผู้จงรักภักดีต่อราชบัลลังก์ต้าจินโจวนามว่า “เล่อชุนหลัน” กำหนดวันสมรสพระราชทานนับจากนี้ไปอีกยี่สิบวัน...จบราชโองการ”“อะไรนะ!!”“บุตรีของเสนาบดีเล่องั้นหรือ”“เฮ้อ เป็นไปตามคาดสินะ”มีเพียงผู้ที่แทบจะนิ่งชะงักไปอย่างลี่จางหย่งที่แทบจะไม่เชื่อหูของตัวเอง เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะมีราชโองการลงมาเช่นนี้ หากว่ารู้คงยุยงพระสนมลี่ให้ทูลขอราชโองการให้บุตรสาวของตัวเองก่อนหน้านี้แล้ว แต่พระสนมลี่เคยบอกเขาว่าฝ่าบาทจะไม่เข้ามายุ่งเรื่องการแต่งงานของชินหยางอ๋องมิใช่หรือ เหตุใดจู่ ๆ จึงมีรา
ท่านอ๋องนิ่งไป เขาเพียงแค่มองมาที่นางเท่านั้นแต่ก็มิได้พูดอะไร ชุนหลันหันไปสบพระเนตรที่มั่นคงตรงหน้า เขาไม่คิดเช่นกันว่าจะได้คำตอบนี้จากนางจึงได้แต่นิ่งไป“ข้าไม่มีสิทธิ์ไปบังคับให้เจ้ามาหมั้นหมายกับข้าหรอก เรื่องนี้เอาไว้เจ้าเก็บไปคิดให้ดีก่อนแล้วเราค่อยคุยกันเถอะ”“แต่ว่าหม่อมฉันไม่อยากบังคับฝืนใจใคร หากพระองค์มิได้ชอบพอหม่อมฉันหรือมีสตรีอื่นในใจแล้วหม่อมฉันก็ยืนยันคำเดิมว่าเรื่องนี้พระองค์ควรจะไตร่ตรองให้ดีเพคะ ราชโองการเพียงฉบับเดียวคิดว่าพระองค์น่าจะ...”“ช่างเถอะเจ้าไม่ยอมรับก็คือไม่ยอมรับ แต่ข้าต้องการคำตอบที่มิใช่คำตอบนี้ เล่อชุนหลันข้ามาที่นี่เพื่อจะบอกเจ้าว่า… ข้าไม่ยอมรับคำตอบนี้ของเจ้าและจะพยายามให้เจ้ายอมรับคำขอหมั้นหมายนี้ให้จงได้”“เพื่ออะไรเพคะ หม่อมฉันไม่เข้าใจในเมื่อพระองค์ก็มีตัวเลือกมากมายเหตุใด…”“ตัวเลือกที่เจ้าว่า รวมถึงผู้ที่กำลังพยายามวางยาเพื่อจะควบคุมข้าอยู่งั้นหรือเล่อชุนหลัน เจ้าอยากให้ข้าเลือกนางจริง ๆ หรือ”เขาหันมามองนางด้วยแววตาที่เจ็บปวดอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน นางไม่เคยคิดว่าหยางอี้เหรินจะสามาถทำสีหน้าเช่นนี้ได้ด้วยซ้ำไป“คือว่า…หม่อมฉันอยากจะขอเวลาค
เล่อชุนหลันตกใจเล็กน้อยเมื่อรู้ว่าผู้ใดมาที่นี่ ในชาติก่อนไม่มีเลยสักครั้งที่ท่านอ๋องผู้นี้จะเดินเหยียบมาที่จวนเสนาบดีแห่งนี้ แม้แต่มารับเจ้าสาวก็ไม่มารับด้วยตัวเองแต่วันนี้เขากลับมาที่นี่ด้วยเหตุผลใดกันแน่“เร็ว ๆ เข้าไปรับเสด็จท่านอ๋องก่อน”“ต้องไปทุกคนเลยหรือเจ้าคะท่านพ่อ”“เจ้านี่อย่างไรนะไม่ไปไม่ได้เสียมารยาท เร็ว ๆ เข้า”ทุกคนพากันเดินออกมาเพื่อต้อนรับท่านอ๋องที่วันนี้มาเยือนที่จวนเสนาบดี เมื่อไปถึงห้องโถงก็พบท่านอ๋องที่ยืนกอดอกรออยู่ด้วยท่าทีที่สงบเมื่อเสนาบดีเล่อและคนอื่น ๆ เข้ามาถวายคำนับ""ถวายบังคมท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ / เพคะ""“พวกท่านตามสบายเถอะข้ามาแบบเร่งด่วนไม่คิดว่าจะมารบกวนต้องขอโทษด้วย”“มิได้พ่ะย่ะค่ะ พวกเจ้าไปจัดเตรียมของว่างและน้ำชามาเร็วเข้า”“ใต้เท้าเล่อไม่ต้องลำบาก วันนี้ที่ข้ามาเพราะมีธุระกับเล่อชุนหลันแวะคุยเพียงไม่นานก็จะรีบกลับ"ทุกคนหันมามองที่เล่อชุนหลันซึ่งตอนนี้ยืนตัวแข็งทื่อไปแล้วและไม่กล้าแม้แต่จะสบตาหยางอี้เหรินที่ยืนอยู่ตรงหน้า นางไม่รู้ว่าเขามาที่นี่ด้วยเหตุผลใดหรือว่าเขาจะมาบอกเรื่องวันก่อนที่พบนางที่หอจินเซ่อ เล่อจื่อหลงใช้แขนกระทุ้งให้นางรู้ตัว“เอ