หกเดือนผ่านไป
ศึกชายแดนยืดเยื้อกว่าที่คิดมากนัก จนในที่สุดในตอนเที่ยงของวันที่ฝนกำลังจะหยุดตก ราชสำนักก็ได้รับข่าวดีว่าท่านอ๋องทรงชนะศึกและกำลังเดินทางกลับเมืองเหลียงโจว
“พระชายาเพคะ พระองค์ยังเป็นหวัดอยู่ไม่ต้องออกไปรับเสด็จก็ได้กระมังเพคะ”
“ไม่ได้ ท่านอ๋องกลับมาพร้อมชัยชนะ ข้าในฐานะพระชายาหากว่าไม่ไปเจ้าคิดว่าผู้อื่นจะคิดเช่นไรกับสกุลเล่อ เหล่าขุนนางจะคิดเช่นไรกับท่านพ่อของข้า ในตอนนี้มีแต่ผู้ที่ต้องการให้บิดาของลี่จินเซียน…รับตำแหน่ง….”
“พระชายาเพคะ”
“ช่างเถอะ ไข้หวัดเป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องเป็นกันอยู่แล้วรีบแต่งตัวให้ข้าเถอะ วันนี้อากาศดีฝนพึ่งหยุดตกช่างเป็นวันที่ดียิ่งนัก”
เล่อชุนหันได้ยินเสียงแตรที่ให้สัญญาณเมื่อกองทัพและเหล่าอาชาศึกค่อย ๆ เคลื่อนพลเข้ามา รอยยิ้มที่ไม่ได้เห็นมาหลายเดือนเริ่มฉายแววมากขึ้นเมื่อกองทัพเริ่มเคลื่อนขบวนพร้อมกับธงที่โบกสะบัดอยู่ในมือขุนศึกผู้กล้า แต่เมื่อกองทัพเคลื่อนเข้ามา รอยยิ้มที่มีก็เริ่มลดลงจนกลายเป็นคิดไม่ถึง
“อะไรกัน นางคือผู้ใดกัน!!”
สตรีในชุดสีขาวที่มากับท่านอ๋อง นางนั่งม้าตัวเดียวกันกับเขาเคลื่อนเข้ามาจนถึงด้านหน้าและค่อย ๆ เคลื่อนมายังตำหนักท่านอ๋อง
“แม้แต่ในยามนี้ท่านก็ยังทำร้ายจิตใจข้าไม่หยุดยั้ง หยางอี้เหรินข้ารู้สึกเหนื่อยเหลือเกินแล้ว”
เล่อชุนหลันรู้สึกเช่นนั้นจริง ๆ เมื่อนางเห็นว่ามีสตรีอยู่บนหลังม้านั่งมากับเขาท่ามกลางความยินดีของเหล่าชาวเมืองเหลียงโจว
“จินถิงข้าเหนื่อยแล้ว อยากกลับเข้าไปพักผ่อน”
“ท่านพี่!! นี่ท่านจะมองอยู่เฉย ๆ เช่นนี้น่ะหรือเพคะ!!”
เสียงที่โกรธจัดของพระชายารองลี่จินเซียนแผดขึ้นทำให้ชุนหลันยิ่งปวดหัวหนักกว่าเดิม แต่นางไม่ต้องการเห็นไม่อยากรับฟังและได้ยินอะไรอีกแล้ว จินถิงและสาวใช้ในตำหนักค่อย ๆ พยุงนางกลับไปที่ตำหนัก
ท่านอ๋องที่มองเห็นรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยที่พระชายาไม่ทันจะต้อนรับเขาก็เดินกลับเข้าไป มีเพียงชายารองที่ยืนปั้นหน้าด้วยยิ้มท่าทางประหลาดเต็มทีอยู่หน้าตำหนักเพื่อรอเขา
“ถวายบังคมท่านอ๋องเพคะ ยินดีด้วยที่ชนะการศึกกลับมาเพคะ”
“อืม ขอแนะนำ ผู้นี้คือแม่นาง “หวังเจียวเมิ่ง” นางเป็นหมอที่เก่งกาจมากและตอนทำศึกครั้งนี้นางได้ช่วยกองทัพเอาไว้หลายครั้งดังนั้น…”
“ท่านอ๋องเพคะ พระองค์ทรงเหนื่อยแล้วรีบกลับเข้า…”
“ชายารองเจ้าไม่ได้ยินที่ข้าพูดงั้นหรือ เจ้ากล้าดีเช่นไรพูดขัดจังหวะข้า!!”
ลี่จินเซียนถึงกับตกใจกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของท่านอ๋องที่กล้าตำหนินางต่อหน้าเหล่าทหารและกองทัพ อีกทั้งสตรีที่พึ่งมากับเขาก็เห็นได้ชัดว่านางผู้นั้นลอบยิ้มอย่างพอใจอยู่ด้านหลังท่านอ๋อง
“หม่อมฉันขอประทานอภัยเพคะ แต่ว่า…”
“หึ พระชายาไปไหนเหตุใดยังไม่ทันได้มาต้อนรับก็กลับเข้าไปในตำหนัก”
“นะ…นาง…ช่วงนี้พระชายาเป็นไข้หวัดเพคะ หม่อมฉันเองก็เตือนท่านพี่แล้วว่าอย่าได้ออกมาจะได้…สุดท้ายนางก็ทนยืนไม่ไหวก็เลย….”
“เอาล่ะ ท่านหมอหวังข้าคงต้องรบกวนให้ท่านพักที่นี่ก่อน เสิ่นปา เสิ่นกง ให้คนจัดหาที่พักให้นางด้วย”
""พ่ะย่ะค่ะ""
“อะไรนะเพคะท่านอ๋อง ให้นางพักที่นี่งั้นหรือเพคะนางจะมาพักนานหรือไม่แล้วนางมาในฐานะอันใดเพคะ”
ท่านอ๋องหันไปด้วยสายตาที่ดุดัน เหี้ยมเกรียมที่ไม่เคยใช้มองนางมาก่อนเมื่อนางกล้าถามเขาเช่นนี้
“ข้าไม่จำเป็นต้องรายงานเรื่องนี้กับเจ้าทุกเรื่อง ทหาร!! ตามข้าเข้าวัง!!”
“พ่ะย่ะค่ะ”
ชุนหลันได้รับข่าวจากเสิ่นปา องครักษ์ส่วนพระองค์ของท่านอ๋องแล้วว่าจะมีแขกมาพักด้วยนางเป็นท่านหมอหญิงที่ช่วยเหลือกองทัพที่ช่วยท่านอ๋องและเหล่าทหารเอาไว้
“รู้แล้ว ข้าจะสั่งให้คนจัดที่พักให้นางตามคำสั่งท่านอ๋อง”
“พระชายาเพคะ แต่ว่าพระองค์…ยังไม่หายดี”
“แขกของท่านอ๋องต้องดูแลนางให้ดี”
“พระชายา…”
“เจ้าไปเอาเสื้อคลุมมาให้ข้าแล้วรีบตามมา”
จินถิงส่งสายตาโกรธมาให้องครักษ์หนุ่มข้างกายท่านอ๋อง นางไม่พอใจอย่างที่สุด เสิ่นปาและเสิ่นกงนั้นคุ้นเคยกับสายตาของสาวใช้ผู้นี้ดี และพวกเขาต่างก็เข้าใจที่นางจะโกรธด้วย
เรือนรับรองแขก
“หวังเจียวเมิ่งถวายบังคมพระชายาเพคะ”
“ท่านหมอตามสบายเถิด ข้าจัดที่พักให้แล้วถ้าเจ้ามีสิ่งใดที่ต้องการเพิ่มก็แจ้งสาวใช้ได้ หากว่าไม่สะดวกสิ่งใดก็ให้คนมาแจ้งข้าส่วนรถม้าและองครักษ์ข้าจะให้เสิ่นปาจัดการให้เจ้าหากเจ้ามีธุระจะออกไปนอกจวน”
“ขอบพระทัยพระชายาเพคะ พระองค์สีหน้าไม่สู้ดีให้หม่อมฉันตรวจพระอาการให้สักหน่อยดีหรือไม่เพคะ”
“ไม่รบกวนท่านหมอ ท่านเดินทางมาไกลพักผ่อนเถิด”
“ขอบพระทัยเพคะพระชายา”
นางยิ้มให้หมอหญิงอย่างรวยรินเต็มทีและเดินกลับมาที่ตำหนักทั้งความโกรธและไม่พอใจของจินถิงที่ไม่เข้าใจว่าเหตุใดพระชายาต้องไปดูแลหมอหญิงผู้นั้นด้วย
“เจ้าอย่าได้โกรธไปเลย เรามีหน้าที่ต้องดูแลในฐานะที่นางเป็นแขกของท่านอ๋อง”
“แต่ว่าท่านก็ป่วยอยู่นะเพคะ”
“ตัวข้าน่ะแทบจะไม่มีความรู้สึกเจ็บอะไรแล้ว รู้สึกราวกับว่ามันเจ็บซ้ำ ๆ จนแทบจะไม่รู้สึกอะไรอีกต่อไป บางทีนี่อาจจะเป็นสิ่งสุดท้ายที่ทำให้เขาได้ในฐานะพระชายา”
“ไม่นะเพคะพระชายาอย่าทรงตรัสเช่นนี้เลยนะเพคะ พระองค์จะต้องหายดีในเร็ววันนะเพคะ เพียงแค่ไข้หวัดเท่านั้นมิอาจจะทำร้ายพระองค์ได้หรอกเพคะ”
ชุนหลันหันมายิ้มและลูบศีรษะสาวใช้เคียงกายด้วยความเอ็นดูอีกครั้ง นางเป็นคนที่อยู่ใกล้ชิดชุนหลันที่สุดทุกเวลา แต่ในยามนี้นางรู้แล้วว่าต่อให้ทำดีเพียงใด ผู้ที่ไม่รักทำอย่างไรก็มิอาจรักนางได้
“ไข้ของข้าเป็นไข้ใจที่ไม่มีหมอคนใดสามารถรักษาให้หายได้หรอกจินถิง และข้า…ก็จะไม่เสียเวลาที่จะรักษามันอีกต่อไปแล้ว”
“เจ้าบอกว่าท่านอ๋องไปพักที่เรือนพักของหมอหวังทุกคืนงั้นหรือ”
“เพคะ ตอนนี้พระชายารองก็กำลังจะไปที่นั่นเพคะ”
“ช่างเถอะไม่ใช่เรื่องของข้าเสียหน่อย เขามีชายารองได้หนึ่งคนจะมีอนุเพิ่มอีกสักคนก็ไม่เห็นแปลก ก่อนหน้านี้พวกเขาก็อยู่ในกองทัพมาด้วยกัน”
“พระชายาเพคะ หรือเราจะกลับจวนสกุลเล่อดีเพคะ”
“ไม่ได้ เจ้าคิดว่าหากข้ากลับจวนในตอนนี้ท่านพ่อท่านแม่และพี่ใหญ่จะคิดเช่นไรกับท่านอ๋อง”
“พระชายาเพคะ!! ท่านอ๋องไม่แม้แต่จะใส่พระทัยท่านเลยสักนิด กลับจากกองทัพมาเกือบเจ็ดวันแล้วแต่ก็ไม่เคยแวะมาหาท่านเลยสักครั้ง พระองค์ยังจะห่วงคนเช่นนั้นอีกหรือเพคะ”
“เจ้าว่าข้าโง่มากเลยใช่หรือไม่ ข้ารู้ว่าเจ้าคิดอะไรอยู่แต่ข้าคิดดีแล้วเรื่องนี้เป็นข้าที่ตัดสินใจเอง ดังนั้นจึงไม่อยากให้ท่านพ่อท่านแม่และพี่ใหญ่ต้องเป็นห่วง ข้าไม่ยอมรับยาจากหมอหวังผู้นั้น คิดว่าไม่นานเขาคงต้องมาหาเรื่องข้าอีกเป็นแน่”
“พระชายา…...”
“ท่านอ๋องเสด็จ!!”
“ไม่ทันขาดคำ…. คราวนี้มีเรื่องอันใดอีกเล่า”
เล่อชุนหลันเพียงแค่นั่งดื่มยาอยู่ด้านในและไม่สนใจที่จะออกไปต้อนรับเขาด้วยซ้ำ ท่านอ๋องเดินพรวดพราดเข้ามาในห้องนอนของนางด้วยความโมโห แต่เมื่อเห็นนางในสภาพที่อิดโรยตรงหน้าเพราะพิษไข้หวัด สายพระเนตรนั้นจึงอ่อนลงและค่อย ๆ เดินเข้ามา
“เหตุใดเจ้า…จึงปล่อยให้พระชายารองก่อเรื่องกับแขกที่มาพักในตำหนักได้”
“หม่อมฉันมีเพียงสองตาสองมือและสองเท้า มิอาจควบคุมดูแลได้ทั่วทั้งวังหลังให้พระองค์หรอกเพคะ ที่พักสาวใช้และอาหารก็จัดให้แล้วหากว่าพวกนางยังวุ่นวายเช่นนี้ ก็คงต้องย้อนถามแล้วว่าต้นเหตุมันเริ่มต้นมาจากผู้ใด”
“นี่เจ้ากำลังกล่าวโทษข้างั้นหรือ”
พระชายาเพียงแค่เงยหน้าขึ้นสบตาท่านอ๋องที่กำลังโกรธอยู่แต่เขาก็เถียงนางไม่ออก เล่อชุนหลันในวันนี้มิใช่สตรีที่เขาจะกล้ามีเรื่องด้วยเหมือนเช่นในวันวานอีกแล้ว เพียงแค่นางมองเขาเช่นนี้คำพูดร้ายกาจและอัดอั้นต่าง ๆ ก็ถูกกลืนลงคอไปหมดสิ้นเมื่อเห็นสายตาเย็นชาราวแผ่นน้ำแข็งของพระชายาตรงหน้าอีกครั้ง
“เรื่องนี้ข้าไม่โทษเจ้า ที่ข้าพาหมอหวังมาก็เพื่อ...”
“พวกนางล้วนเป็นสตรีที่พระองค์พาเข้ามา หม่อมฉันมีหน้าที่ดูแลให้พวกนางเป็นอยู่อย่างไม่ลำบากตามฐานะและหน้าที่ ส่วนปัญหาอื่น ๆ ที่หม่อมฉันมิอาจจัดการได้ เชิญพระองค์ลงไปจัดการเองเถิดเพคะหม่อมฉันรู้สึกเหนื่อย อยากพักผ่อนแล้ว”
“เหตุใดเจ้าจึงไม่ยอมกินยาที่นางจัดมาให้”
“ขอประทานอภัยแต่หม่อมฉันมียาที่กินอยู่ประจำและในเวลานี้หม่อมฉันอยากจะนอนพักเพคะ”
“เจ้าออกไปได้แล้ว”
ท่านอ๋องหันไปสั่งจินถิงด้วยเสียงที่ดังมากพอจะทำให้ทั้งคู่ตกใจ
“ท่านอ๋องเพคะ”
“เจ้ามีปัญหาอันใด คืนนี้ข้าจะนอนค้างที่ตำหนักนี้!!”
""อะไรนะเพคะ?""
ทั้งนายและบ่าวต่างพากันตกใจ ก็แน่ล่ะสิตลอดเวลาเกือบหนึ่งปีผ่านมานี้ท่านอ๋องไม่เคยเฉียดใกล้ตำหนักของพระชายามาก่อนเลย หากมาแล้วไม่ทะเลาะกันออกไปเห็นจะมีเพียงครั้งที่มาเสวยอาหารเย็นกับพระชายาก่อนออกศึกเมืองชุ่นเท่านั้น
“พวกเจ้าตกใจอันใดกัน ข้าจะค้างกับพระชายาของตัวเองยังต้องสงสัยถึงเพียงนี้เชียวงั้นหรือ”
“หึ ทำไปเพื่อสิ่งใดกัน ก็แค่หนีปัญหาชั่วคราวเท่านั้น”
“เจ้าบ่นพึมพำอะไร”
“หามิได้เพคะ หม่อมฉันจะถอดฉลองพระองค์ให้”
ท่านอ๋องยืนตรงหน้าและให้นางถอดชุดออกให้เหลือเพียงชุดนอน ฝนเริ่มตกอีกครั้งหลังจากสองวันมานี้แทบไม่ตกเลย ชุนหลันหันเอาชุดของท่านอ๋องไปเก็บและเดินกลับมาพบว่าเขาเอนกายลงนอนที่เตียงของนางก่อนแล้ว
“ไม่นอนงั้นหรือ ฝนเริ่มตกแล้วรีบมานอนเถอะอากาศเย็นเดี๋ยวจะไม่สบายเพิ่มเข้าไปอีก”
“หม่อมฉันไม่คุ้นเคยกับการนอนร่วมกับผู้อื่น…”
“เช่นนั้นเจ้าก็ต้องฝึกเอาไว้เพราะมันเป็นหน้าที่ของพระชายา”
ชุนหลันรู้สึกใจเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมาเสียให้ได้เมื่อสิ้นคำของบุรุษหนุ่มที่นางหวังจะนอนร่วมเตียงเคียงหมอนเช่นนี้กับเขามาโดยตลอด แต่ว่าในวันนี้ความรู้สึกของนางมันเริ่มเปลี่ยนไปแล้ว ต่อให้เขาจะนอนกอดนางเอาไว้เหมือนที่ทำอยู่ตอนนี้ก็มิได้ช่วยทำให้ความรู้สึกเจ็บปวดหัวใจที่มันสะสมมาแรมปีลดลงไปได้
“เหตุใดเจ้าจึงตัวสั่นเช่นนี้ หนาวงั้นหรือ”
“เปล่าเพคะพระองค์บรรทมเถิด หม่อมฉันเพียงแค่…รู้สึกตกใจเสียงฟ้าร้องเท่านั้น”
“อืม….”
เสียงของเขาเงียบไปแล้วพร้อมกับลมหายใจที่เริ่มนิ่งเมื่อนางค่อย ๆ ขยับตัวออกมาและหันไปมองใบหน้าของบุรุษซึ่งนางเคยรักและหลงใหลในตัวเขาจนได้แต่งงาน แต่ท้ายที่สุดก็มิอาจหลีกหนีความจริงเรื่องที่เขาไม่เคยรักนางเลย และยังต้องทนเห็นเขาเข้าพิธีส่งตัวกับสตรีอื่น อีกทั้งในตอนนี้เขาก็ยังพาสตรีอีกคนเข้ามาในจวนเพิ่มอีก
(“ขอบคุณสำหรับความเจ็บปวดนี้ มันควรจบสิ้นเสียที….”)
ร่างบางค่อย ๆ ลดมือลงจากใบหน้าที่เริ่มมีเคราขึ้นมานิดหน่อยแต่ใบหน้าคมคายยามหลับใหลก็ยังทำให้นางรู้สึกหวั่นไหวอยู่ไม่น้อย แม้ว่าในตอนนี้นางจะรู้สึกอบอุ่นมากที่สุดเมื่อเขากอดนางเอาไว้ แต่นางในยามนี้ต้องการอ้อมกอดนี้หรือไม่นั้น ตัวนางเองก็ยังให้คำตอบกับตัวเองไม่ได้เลย
เสียงฟ้าร้องดังขึ้นอีกครั้งแต่เล่อชุนหลันที่อยู่ในอ้อมกอดของเขานิ่งไปแล้ว ชุนหลันคงหลับสนิทเพราะฤทธิ์ยาที่พึ่งกินเข้าไปอีกทั้งตัวนางยังคงอุ่นรุม ๆ ราวกับมีไข้ที่ไม่ลดลงเสียที ท่านอ๋องค่อย ๆ ลืมตามองเล่อชุนหลันที่นอนขดตัวซุกเข้าหาแผงอกกว้างของเขา ยามหลับสนิทเช่นนี้เขาพึ่งได้พินิจมองนางอย่างเต็มตาอีกครั้ง
“เล่อชุนหลัน ความเจ็บปวดที่เจ้าได้รับข้าจะต้องใช้ทั้งชีวิตของข้าชดใช้คืนให้กับเจ้า ข้าผิดต่อเจ้ามานานจากนี้... จะไม่เป็นเช่นนั้นอีก ข้าจะทำอย่างไรให้เจ้ายอมดื่มยาถอนพิษในร่างกายเจ้าได้กันนะ”
สองวันถัดมา / เรือนรับรองท่านหมอหวัง “นังแพศยาเจ้ากล้าดีเช่นไรใช้มารยาหลอกล่อท่านอ๋องให้ลุ่มหลงวันนี้ข้าจะจัดการเจ้าที่บังอาจ...”“พระชายารองท่านเองก็เป็นเพียงแค่เมียรองเท่านั้น ขนาดเมียเอกยังไม่พูดสิ่งใดท่านจะกล้าพูดอะไรอีกงั้นหรือ แหม ว่าก็ว่าเถอะนะท่านอ๋องเองก็ไม่น่าปล่อยให้ท่านนอนแห้งแล้งรอจนถึงวันนี้ ดูท่าแล้วนอกจากตำหนักของพระชายากับ...เรือนเล็ก ๆ ของข้าแล้ว ท่านอ๋องคงมิได้ใส่ใจไปแวะหาท่านเลยสินะ”“นังคนอับปรีย์ ข้าจะฆ่าเจ้า จะฆ่าเจ้า”“โอ๊ะ อย่าทำอะไรเลยเพคะ หม่อมฉันไม่มีแรงสู้กับพระองค์หรอกนะเพคะ เมื่อคืนอยู่อยู่กับท่านอ๋องทั้งคืนหม่อมฉันแทบจะไม่ได้นอนพักเลย”“กรี๊ด!!! นังคนสารเลว!!”“พระชายาเพคะ!!”“จินถิง!! พาข้ากลับตำหนัก เดี๋ยวนี้”“เพคะพระชายา”เล่อชุนหลันไม่คิดว่าจะได้มาฟังเรื่องเช่นนี้ที่นี่ในวันนี้ คืนก่อนหน้านี้ท่านอ๋องพึ่งจะไปนอนค้างกับนางและเมื่อคืนนี้ เขากับหมอหญิงผู้นี้…“พระชายาเพคะ พระองค์ยังเดินไหวอยู่หรือไม่เพคะ”“ข้าไม่เป็นไร”“ชุนหลัน!! เจ้าเป็นอะไรไป มานี่ข้าจะพานางไปเอง!!”ท่านอ๋องที่พึ่งจะประชุมราชสำนักเสร็จรีบเดินเข้ามาหาพระชายาที่ทำท่าจะหกล้มแต่เมื่อเห
“เจ้าพูดราวกับโตขึ้นแล้วสักสองสามปีอย่างนั้นแหละ รีบกินข้าวเถอะจะได้ไปส่งพี่เจ้าเข้ากรมพระคลัง วันแรกอย่าไปสาย”“ท่านแม่ ข้าไปส่งพี่ใหญ่ที่กรมแต่ข้าไม่ไปงานเลี้ยงได้หรือไม่”“ทำไมล่ะหลันเอ๋อร์ เจ้าไม่อยากไปงั้นหรือ”“ข้ารู้สึกว่างานแบบนั้นมันช่างน่าเบื่อที่สำคัญก็มีแต่ขุนนางไม่เกี่ยวอะไรกับข้าดังนั้นก็เลยไม่ค่อยอยากไปเจ้าค่ะ”ทั้งเสนาบดีเล่อและฮูหยินต่างก็มองนางด้วยสีหน้าที่แปลกใจ “เช่นนั้นก็ตามใจเจ้า แต่วันนี้อย่างไรก็ไปส่งพี่เจ้าเข้าไปในวังก่อน”“เจ้าค่ะ”วังหลวงเหลียงโจวเหล่าขุนนางน้อยใหญ่ที่มาส่งบุตรชายของตนเองเข้ากรมที่สอบได้ร่วมแสดงความยินดีกันถ้วนหน้า เล่อฮูหยินกับเล่อชุนหลันที่มาส่งเล่อจางหลง ซึ่งตอนนี้ได้เข้าไปด้านในเพื่อรายงานตัวก็เริ่มรู้สึกเบื่อ “ท่านแม่เจ้าคะข้าขอตัวไปเดินเล่นในสวนหน่อยนะเจ้าคะ อยู่ตรงนี้เบื่อยิ่งนักกว่าพี่ใหญ่จะออกมาคงอีกสักพัก”“อย่าเดินไปไกลนักล่ะที่นี่เป็นเขตในวัง อย่างไรก็…”“ข้าทราบแล้วค่ะ แค่ออกไปเดินแก้ง่วงเท่านั้น”ชุนหลันเดินออกมาจากห้องห้องโถงรับขุนนางใหม่ซึ่งอยู่ด้านใน เมื่อออกมาเดินเล่นที่สวนเช่นนี้นางเริ่มรู้สึกสดชื่นขึ้นมาบ้างแล้วหลังจาก
ห้องโถงใหญ่ “ท่านแม่เสร็จแล้วหรือเจ้าคะ”“ใช่เจ้าไปไหนมาพวกเรากำลังจะกลับกันแล้ว คืนนี้จะมีงานเลี้ยง… เหตุใดเจ้าถึงได้หน้าซีดเช่นนั้นเป็นอะไรไป”“นั่นสิน้องรองเจ้าเป็นอะไรไปน่ะ ทำไมหน้าตาตื่นแบบนั้น”“ข้าไม่เป็นไรเจ้าค่ะ เรารีบกลับกันดีกว่า”เล่อชุนหลันใช้เหตุผลนี้ไม่ไปร่วมงานเลี้ยงในตอนเย็น นางรู้ว่าเหตุการณ์ในงานเลี้ยงตอนเย็นจะเกิดอะไรขึ้น “จินถิงข้าอยากออกไปเดินเล่นสักหน่อย ไปเป็นเพื่อนข้าทีสิ”“คุณหนูท่านบอกว่าอยากพักผ่อนนี่เจ้าค่ะ”“เดินเล่นก็ถือว่าพักผ่อนมิใช่หรือ ที่สำคัญตอนเย็นข้าไม่ไปร่วมงานเลี้ยงแล้วก็ไม่จำเป็นต้องเตรียมตัวอะไร”“เจ้าค่ะ” ตลาดเมืองเหลียงโจว เล่อชุนหลันใช้เวลาเดินในตลาดและค่อย ๆ ซึมซับความรู้สึกที่หายใจโล่งมากขึ้นให้เต็มที่ นานแค่ไหนกันแล้วนะที่นางไม่ได้ออกมาเดินเล่นเช่นนี้ ก่อนหน้านั้นทั้งชีวิตนางเฝ้าเพียรแต่ร่ำเรียนจนมีทักษะที่ยอดเยี่ยมในทุก ๆ ด้านเพื่อให้เป็นสตรีที่เหมาะสมกับท่านอ๋องแม่ทัพแห่งดินแดนบูรพา ใครจะคิดว่าหลังจากอภิเษกไปแล้วนางจะกลายเป็นพระชายาที่ไร้ค่าอยู่ในตำหนักหลังที่เยือกเย็นนั่น“ในเมืองยังคึกคักเช่นเดิม”“คุณหนูวันนี้ท่านทำท่าทางแปลก ๆ
"นางค่อย ๆ พยุงเขามานั่ง มีดสั้นยังปักอยู่ที่หลังแขนด้านขวาอยู่ เขาหันไปและดึงออกมาทันทีและทิ้งมีดนั้นไป มือของเขาค่อย ๆ กุมแผลเอาไว้เลือดเริ่มไหลไม่หยุด ชุนหลันหันมาและใช้ผ้าเช็ดหน้าของนางเดินเข้ามาทันที“เลือดพระองค์ออกไม่หยุด ใช้ผ้านี้พันแผลเอาไว้ก่อนนะเพคะ”“เจ้าไม่บาดเจ็บใช่หรือไม่”“ไม่เพคะหม่อมฉันปลอดภัยดี”“คุณหนู!!”“จินถิงเจ้าไม่เป็นไรนะ”“ข้าไม่เป็นไร ท่านปลอดภัยหรือไม่เจ้าคะคนร้ายถูกจับหมดแล้ว”“ข้าไม่เป็นไรแต่ว่าท่านอ๋อง…”ชุนหลันหันไปมองเขาที่หันมามองอีกครั้ง นางไม่คุ้นเคยกับสายตาเช่นนี้ของเขาเอาเสียเลยสู้ให้เขาทำเย็นชาเช่นเดิมจะดีกว่าเหตุใดต้องเข้ามาเกี่ยวข้องกันอีก “เสร็จแล้วเพคะ”“ขอบใจ เจ้านั่งรอข้าอยู่ตรงนี้ก่อน”“เอ่อ…”เขาลุกขึ้นทันทีแม้ว่าชุดสีขาวยังมีเลือดอยู่ประปรายแต่ตอนนี้เขาเดินเข้าไปสั่งการ คนร้ายที่เหลืออีกสี่คนถูกจับมานั่งรวมกันตรงหน้า“เสิ่นกงเจ้าพามันไปขังในคุกก่อนข้าจะสอบสวนมันด้วยตัวเอง”“พ่ะย่ะค่ะ”“พระองค์ได้รับบาดเจ็บรีบกลับไปทำแผลก่อนเถอะพ่ะย่ะค่ะ”“อืม คุ้มกันให้เข้มงวดก่อนที่ข้าจะไปสอบสวน ห้ามให้พวกมันตายเป็นอันขาด”""พ่ะย่ะค่ะ""เมื่อเขาหันไปก
“ทูลท่านอ๋อง เมื่อวานนี้ในงานเลี้ยงขุนนางใหม่เห็นว่าท่านอ๋องติดภารกิจและบาดเจ็บดังนั้นวันนี้กระหม่อมกับบุตรสาวลี่จินเซียนนำของบำรุงและยาสมานแผลอย่างดีจากเมืองเหลียงมาถวายพ่ะย่ะค่ะ”“ขอบใจพวกท่านมาก วางไว้เถอะ”ลี่จินเซียนได้โอกาสเดินมาที่หน้าพระพักตร์ ท่านอ๋องหันไปสั่งเสิ่นกงให้เดินออกมาเพื่อรับแทน กันมิให้นางเดินเข้ามาถึงโต๊ะทรงงานของเขา ลี่จินเซียนหุบยิ้มไปเล็กน้อยก่อนจะส่งของไปให้องครักษ์ของท่านอ๋อง“ลี่จินเซียนขอให้ท่านอ๋องทรงแข็งแรงโดยเร็วเพคะ”“ขอบใจแม่นางลี่ พวกท่านมาด้วยธุระเรื่องนี้งั้นหรือ”“มิได้พ่ะย่ะค่ะ เมื่อวานนี้เนื่องจากท่านอ๋องไม่ได้เข้าร่วมในงานเลี้ยง เหล่าขุนนางจึงได้ซุบซิบกันสนุกปากกระหม่อมฟังแล้วไม่ใคร่พอใจนัก พวกเขาพูดถึงเรื่อง…เอ่อ...แต่งตั้งพระชายาที่เหมาะสมและงานอภิเษก ท่านอ๋องทรง...”“อ้อ เรื่องนั้นน่ะหรือข้าเองก็คิดเอาไว้เช่นกันทำไมหรือ ท่านโหวหรือว่าท่านมีคนที่เหมาะสมจะแนะนำงั้นหรือ ในตอนนี้ใคร ๆ ต่างก็ลงความเห็นว่า “เล่อชุนหลัน” บุตรีเสนาบดีเล่อเป็นผู้ที่เหมาะสมทั้งความงาม ความรู้และมารยาท ข้าเองก็คิดว่านางก็ดูจะเหมาะสมดี"“แต่ว่า… เร็ว ๆ นี้พึ่งจะมีข่าวลื
วันถัดมา “ทูลท่านอ๋องให้คนตรวจสอบของที่ใต้เท้าลี่นำมาให้แล้วพ่ะย่ะค่ะ”“พบสิ่งใดหรือไม่”“มีเพียงยาที่เอาไว้ใส่แผลที่มีส่วนผสมของหญ้า "ชีอัน" ซึ่งเป็นส่วนประกอบของพิษ…"“หญ้าฝันเลื่อนลอย”“พ่ะย่ะค่ะ”“เก็บหลักฐานเอาไว้ให้ดี จริงสิเสิ่นกงเจ้าสั่งให้คนนำกระถางกำยานนี่ออกไปด้วย ไม่ว่าจะในห้องไหนตำหนักไหนต่อไปเจ้าให้คนของเราทำ ไม่ต้องให้สาวใช้ในตำหนักเข้ามาทำเรื่องพวกนี้”“พ่ะย่ะค่ะ”เสิ่นกงเดินออกไปแล้ว พวกเขาแม้จะสงสัยแต่ก็ไม่เคยปริปากถามว่าเหตุใดท่านอ๋องจึงสั่งคำสั่งที่แปลกเช่นนี้ซึ่งตามปกติพระองค์จะไม่ยุ่งเรื่องจุกจิกในตำหนัก “เริ่มจากตรงนี้สินะ ลี่จางหย่งข้าจะดูสิว่าเจ้าจะแก้ตัวเช่นไร”ประชุมราชสำนัก “ใต้เท้าลี่ ข้ามีเรื่องหนึ่งอยากจะถามท่านสักหน่อย”“พ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง”“ยาที่ท่านให้ข้ามาวันก่อนยอดเยี่ยมยิ่งนัก ท่านนำมาจากผู้ใดงั้นหรือ”ลี่จางหย่งเดินยิ้มออกมาทันทีเมื่อท่านอ๋องทรงตรัสชมเขาต่อหน้าบรรดาขุนนาง“ทูลท่านอ๋อง ยาและขนมทั้งหมดบุตรสาวของกระหม่อมเป็นผู้จัดเตรียมด้วยตัวเองพ่ะย่ะค่ะ นางพิถีพิถันทุกขั้นตอนเพื่อจัดถวายให้กับพระองค์ด้วยหวังว่าบาดแผลของพระองค์จะหายโดยเร็วพ่ะย่ะค่
เล่อชุนหลันตกใจเล็กน้อยเมื่อรู้ว่าผู้ใดมาที่นี่ ในชาติก่อนไม่มีเลยสักครั้งที่ท่านอ๋องผู้นี้จะเดินเหยียบมาที่จวนเสนาบดีแห่งนี้ แม้แต่มารับเจ้าสาวก็ไม่มารับด้วยตัวเองแต่วันนี้เขากลับมาที่นี่ด้วยเหตุผลใดกันแน่“เร็ว ๆ เข้าไปรับเสด็จท่านอ๋องก่อน”“ต้องไปทุกคนเลยหรือเจ้าคะท่านพ่อ”“เจ้านี่อย่างไรนะไม่ไปไม่ได้เสียมารยาท เร็ว ๆ เข้า”ทุกคนพากันเดินออกมาเพื่อต้อนรับท่านอ๋องที่วันนี้มาเยือนที่จวนเสนาบดี เมื่อไปถึงห้องโถงก็พบท่านอ๋องที่ยืนกอดอกรออยู่ด้วยท่าทีที่สงบเมื่อเสนาบดีเล่อและคนอื่น ๆ เข้ามาถวายคำนับ""ถวายบังคมท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ / เพคะ""“พวกท่านตามสบายเถอะข้ามาแบบเร่งด่วนไม่คิดว่าจะมารบกวนต้องขอโทษด้วย”“มิได้พ่ะย่ะค่ะ พวกเจ้าไปจัดเตรียมของว่างและน้ำชามาเร็วเข้า”“ใต้เท้าเล่อไม่ต้องลำบาก วันนี้ที่ข้ามาเพราะมีธุระกับเล่อชุนหลันแวะคุยเพียงไม่นานก็จะรีบกลับ"ทุกคนหันมามองที่เล่อชุนหลันซึ่งตอนนี้ยืนตัวแข็งทื่อไปแล้วและไม่กล้าแม้แต่จะสบตาหยางอี้เหรินที่ยืนอยู่ตรงหน้า นางไม่รู้ว่าเขามาที่นี่ด้วยเหตุผลใดหรือว่าเขาจะมาบอกเรื่องวันก่อนที่พบนางที่หอจินเซ่อ เล่อจื่อหลงใช้แขนกระทุ้งให้นางรู้ตัว“เอ
ท่านอ๋องนิ่งไป เขาเพียงแค่มองมาที่นางเท่านั้นแต่ก็มิได้พูดอะไร ชุนหลันหันไปสบพระเนตรที่มั่นคงตรงหน้า เขาไม่คิดเช่นกันว่าจะได้คำตอบนี้จากนางจึงได้แต่นิ่งไป“ข้าไม่มีสิทธิ์ไปบังคับให้เจ้ามาหมั้นหมายกับข้าหรอก เรื่องนี้เอาไว้เจ้าเก็บไปคิดให้ดีก่อนแล้วเราค่อยคุยกันเถอะ”“แต่ว่าหม่อมฉันไม่อยากบังคับฝืนใจใคร หากพระองค์มิได้ชอบพอหม่อมฉันหรือมีสตรีอื่นในใจแล้วหม่อมฉันก็ยืนยันคำเดิมว่าเรื่องนี้พระองค์ควรจะไตร่ตรองให้ดีเพคะ ราชโองการเพียงฉบับเดียวคิดว่าพระองค์น่าจะ...”“ช่างเถอะเจ้าไม่ยอมรับก็คือไม่ยอมรับ แต่ข้าต้องการคำตอบที่มิใช่คำตอบนี้ เล่อชุนหลันข้ามาที่นี่เพื่อจะบอกเจ้าว่า… ข้าไม่ยอมรับคำตอบนี้ของเจ้าและจะพยายามให้เจ้ายอมรับคำขอหมั้นหมายนี้ให้จงได้”“เพื่ออะไรเพคะ หม่อมฉันไม่เข้าใจในเมื่อพระองค์ก็มีตัวเลือกมากมายเหตุใด…”“ตัวเลือกที่เจ้าว่า รวมถึงผู้ที่กำลังพยายามวางยาเพื่อจะควบคุมข้าอยู่งั้นหรือเล่อชุนหลัน เจ้าอยากให้ข้าเลือกนางจริง ๆ หรือ”เขาหันมามองนางด้วยแววตาที่เจ็บปวดอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน นางไม่เคยคิดว่าหยางอี้เหรินจะสามาถทำสีหน้าเช่นนี้ได้ด้วยซ้ำไป“คือว่า…หม่อมฉันอยากจะขอเวลาค
“แต่ไม่ใช่ต่อหน้าผู้คนเช่นนี้ แล้วยังเป็นในงานมงคลของท่านพี่ข้าด้วย”“ไม่เป็นไรหรอกหลันเอ๋อร์พวกเราชินแล้ว เจ้าไม่รู้อะไรพวกเราน่ะต้องประชุมเรื่องทารกในครรภ์ของเจ้าในราชสำนักมากี่วันแล้ว”“จื่อหลง แม้ว่าเจ้าจะเป็นพี่ชายพระชายาข้าก็สั่งลงอาญาเจ้าได้นะหากเจ้ายังพูดมากข้าจะเรียกค่าเสียหายให้เจ้าหมดตัวเลยล่ะ”“กระหม่อมไม่กล้าแล้วพ่ะย่ะค่ะ โปรดทรงอภัย ทรงอภัยด้วย”“มา ดื่มเหล้ามงคลกับเจ้าหน่อย ยินดีด้วยที่หาพี่สะใภ้ให้พวกข้าได้เหมาะสม จากนี้ไปขอให้พวกเจ้าอยู่ด้วยกันยืนยาวลูกหลานเต็มเมือง แต่อย่าให้เกินข้าเพราะข้าจะไม่ยอมแพ้พวกเจ้า”“ฮ่า ๆ ท่านอ๋องทรงกล่าวเกินไปแล้ว กระหม่อมมีหรือ….”“พี่ใหญ่ ท่านพี่!! พวกท่านช่วยไว้หน้าข้าบ้างเถิด”“เอ้า ดื่ม ๆ”สุรามงคลหลายจอกทยอยนำมาให้ดื่ม มู่หรงเฉิงช่วยรับแขกอยู่ด้านนอกส่วนเจ้าบ่าวตอนนี้ถูกส่งไปที่ห้องส่งตัวแล้ว ท่านอ๋องจึงพาพระชายาของตนเองกลับจวนเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม เสนาบดีเล่อและฮูหยินเดินมาส่งทั้งคู่“ท่านแม่เอาไว้ชุนหลันใกล้คลอดข้าจะส่งคนมารับท่านให้ไปอยู่เป็นเพื่อนนาง อาจจะต้องรบกวนท่านพ่อหลายวันหน่อยนะขอรับ”“ท่านอ๋องอย่าทรงเกรงพระทัยเพคะ ท้องแ
แม้จะบอกว่าจะอ่อนโยนแต่ความดุดันและความต้องการของทั้งคู่ก็มิอาจอัดอั้นความต้องการไปได้เพราะท่านอ๋องอ่อนโยนได้เพียงชั่วครู่ก็ต้องเร่งจังหวะกลับเป็นเช่นเดิมตามความต้องการของพระชายา“อื้อ…ท่านพี่เพคะ เร็วอีกนิด จะ…ไม่ไหวแล้ว อ๊าา”เรือนร่างที่เคยเรียบเนียนผุดผ่องบัดนี้เต็มไปด้วยรอยแดงจากพระสวามีที่ฝากเอาไว้ แรงกระแทกที่ไม่ลดละจนเกิดเสียงดังเพราะน้ำรักของทั้งคู่ที่เอ่อล้นออกมาหลังผ่านศึกรักกันมาเกินสามรอบจนเตียงแทบจะไม่สามารถนอนได้แล้ว“อื้อ…อี้เหริน อ๊าาา”“ชุนหลันเจ้าเบาหน่อย ท่านี้มันกระแทกแรงไปหรือไม่เจ้า...ขย่มเบา ๆ อาา...”แต่เขากลับละสายตาจากสองเต้าคู่งามตรงหน้าไม่ได้เมื่อพระชายาเริ่มขยับเอวอยู่บนร่างของเขา ลิ้นหนาฉกเข้าไปดูดดื่มราวทารกกระหายน้ำนมมารดา เสียงครางดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับแรงขย่มเอวจากพระชายาจนนางเริ่มเกร็งตัวขึ้นอีกครั้ง“ชุนหลันน…อาาา ที่เหลือให้ข้าจัดการเอง”เขาไม่ได้ให้นางขยับไปไหนเพียงแค่จับเอวบางของนางกระแทกซ้ำมาที่เดิมและเอนกานรับจนตามนางไปอีกครั้ง ผมเผ้ายุ่งเหยิง เตียงที่ไม่สามารถใช้การได้เพราะความยุ่งเหยิงและเปียกชื้นทำให้ทั้งคู่ต้องเปลี่ยนมานอนที่ห้องนอนเล็กขอ
“อะไรนะ ปัดความรับผิดชอบแต่เหตุใดพระสนมจึงได้…”“พระสนมในตอนนั้นทั้งโกรธและโมโหแต่ก็ไม่อยากเอาเรื่อง ขอเพียงออกจากวังหลวงต้าจินโจวไปได้ดังนั้นจึงทูลขอฝ่าบาทว่าหากยินยอมให้นางซึ่งเป็นสนมที่ถูกส่งมาเพื่อเชื่อมสัมพันธ์ได้มีอิสระนางก็จะยอมมอบยาถอนพิษให้ ฝ่าบาทจึงปล่อยนางออกมาจากเมืองหลวงและให้คนพานางมาอยู่ที่อารามแห่งนี้”“เช่นนั้นเสด็จพ่อต้องส่งคนมาปกป้องพระสนม”“ใช่แล้ว คนผู้นั้นคือขุนนางคู่พระวรกาย ผู้จงรักภักดีต่อฝ่าบาทและยังเป็นเสนาบดีข้างพระวรกายมาหลายปี “เล่ออันจ้าน” บิดาของพระชายา"เรื่องราวของพระสนมผู้นี้เขาไม่เคยทราบมาก่อนเพราะเสด็จพ่อของเขามีสนมถึงยี่สิบกว่าคนและบางคนเขาก็ไม่รู้จัก อีกอย่างเรื่องนี้หากวันนี้เขาไม่ได้มาที่นี่ก็คงไม่เคยทราบเรื่องเช่นนี้มาก่อนและไม่รู้เลยว่าลี่จางหย่งยังมีบุตรชายอีกคนหนึ่งอยู่“เช่นนั้น เสนาบดีเล่อก็ปิดเรื่องนี้เป็นความลับมาโดยตลอด มิน่าเล่าปีนั้นเขาถึงถูกส่งมาที่นี่ ที่แท้เรื่องราวเป็นเช่นนี้นี่เอง”“ใช่ ฮูหยินของเขาก็ทราบทั้งสองช่วยกันดูแลพระสนมและอาตมามาโดยตลอด ที่ดินตรงนี้แต่เดิมก็คือที่ดินของสกุลเล่อ เสนาบดีเล่อและฮูหยินดูแลพระสนมจนถึงวาระสุด
“ใต้ซือที่ท่านพูดหมายถึง….”ใต้ซืออู๋หยวนเพียงแค่ยิ้มให้พวกเขาเท่านั้น“จริงสิยินดีด้วยที่ได้พบกับคนที่เจ้าตามหา”“อาจารย์ทราบด้วยหรือเจ้าคะ”“หึหึ เจ้าพามาด้วยเช่นนี้ไม่ว่าผู้ใดก็คาดเดาได้”“ขอบคุณอาจารย์ที่ชี้แนะบอกให้ข้าลงจากเขาไปวันนั้นเพื่อบอกว่าให้ไปพบกับคนที่จะพาข้าไปหาพี่ชายและก็ได้พบจริง ๆ”"อะไรนะ เจียวเมิ่งนี่เจ้า… กำลังหมายถึงข้างั้นหรือ"“เจ้าค่ะพี่ชุนหลัน อาจารย์บอกให้ข้าลงเขาไปวันที่พบท่านในเมืองและบอกว่าจะได้พบกับผู้ช่วยเหลือ วันนั้นก็เป็นท่านและท่านอ๋องที่เข้ามาช่วยข้าจริง ๆ เจ้าค่ะ”ท่านอ๋องและเล่อชุนหลันหันมามองหน้ากัน พวกเขามั่นใจว่าไม่เคยพบใต้ซืออู๋หยวนมาก่อนในชาติก่อนแต่เหตุใดดูเหมือนว่าใต้ซือผู้นี้จะรู้ทุกเรื่องที่เกิดขึ้นในเมือง“จริงสิเจียวเมิ่งในเมื่อเจ้าพบกับพี่ชายแล้วเหตุใดจึงไม่พาเข้าไปสักการะและไหว้พระในวิหารสักหน่อยเล่า”“อ้อ เจ้าค่ะอาจารย์พี่ใหญ่ไปเถอะข้าจะพาท่านเดินชมทั่ว ๆ วัดหลังจากที่ไหว้พระ จื่อหลงท่านก็มาด้วยกันสิ”“อ้อ ได้สิ เสี่ยวเฉิงไปเถอะ”ทั้งหมดพากันเดินออกไปแล้วจึงเหลือเพียงท่านอ๋องและพระชายาเท่านั้นส่วนจินถิงและสององครักษ์ก็เดินออกมาเฝ้าด้
“เอาตัวนางไปขังให้คนเฝ้าเอาไว้ ข้าจะไปหาท่านอ๋องที่ท้องพระโรง”“พ่ะย่ะค่ะ”กลับมาที่ตำหนักกลาง “เล่อชุนหลัน ความอัปยศนี้ข้าจะให้เจ้าเป็นผู้รับทั้งหมด”“นางอยู่นี่พ่ะย่ะค่ะ”ท่านอ๋องพร้อมกับพระชายาและคนที่เหลือเดินเข้ามาในห้องเพื่อมาสอบสวนลี่จินเซียนเพิ่มเติม แต่เมื่อมาถึงนางกลับไม่พูดอะไรเพียงแค่มองออกไปที่นอกหน้าต่างและเห็นว่าบิดากำลังถูกดูถูกอยู่ตรงด้านหน้าท้องพระโรงและรอให้รถนักโทษมารับไปยังคุกหลวงเพื่อรอการประหาร“ลี่จินเซียน ข้าจะให้โอกาสเจ้าได้สารภาพมาว่าเจ้ามีส่วนรู้เห็นในแผนการครั้งนี้หรือไม่”“หึ หากว่าพูดว่าไม่พระองค์จะทรงเชื่อหรือเพคะ ไม่ว่าจะอย่างไรหม่อมฉันก็เป็นคนผิดในสายตาพระองค์อยู่แล้ว ไม่เหมือนนางที่ทำสิ่งใดก็ถูกหมด พระองค์มันหน้ามืดตามัวลุ่มหลงจนมองไม่เห็นผู้อื่น”“ลี่จินเซียน ข้าถามเจ้าดี ๆ”“หม่อมฉันก็ตอบดี ๆ แล้วนี่เพคะ อีกอย่างแค่ถามดี ๆ แต่กลับล่ามตัวข้าเอาไว้เช่นนี้ หึ ถามดีจริง ๆ”“เสิ่นกงปล่อยนาง”“พระชายา!!” / เสิ่นกง“ปล่อยนาง มีข้าอยู่ไม่เป็นไรหรอกหากนางอยากคิดจะทำอะไรโง่ ๆ ครั้งนี้ก็โทษข้าไม่ได้แล้ว” / ท่านอ๋องเสิ่นกงเป็นคนไปปลดเชือกที่มัดลี่จินเซียนเอา
“เจ้า!!”“ข้าไม่ทำผู้ใดก่อนหากนางไม่สั่งคนมาจับข้าเพื่อจะใช้เป็นข้อต่อรองกับท่านอ๋อง ช่วยไม่ได้นะพวกท่านเริ่มก่อนเองในเมื่อหาเรื่องก็ต้องยอมรับผลของมันสิ”“ชุนหลัน แล้วลูก…”“ข้ากับลูกปลอดภัยเพคะพระองค์ไม่ต้องห่วง”“เจ้าทำอย่างไรถึงได้ต้านทานทหารของข้าได้ พวกเขาล้วนเป็นนักฆ่ารับจ้างฝีมือดี ไม่มีทางที่จะจัดการได้ง่าย”“นักฆ่าที่โหดเหี้ยมฝีมือดีข้ายอมรับ แต่พวกมันมาฆ่าเพราะคำสั่งและค่าจ้าง อีกอย่างท่านก็คงจะลืมใส่สมองมาให้พวกมันกระมัง แค่โดนค่ายกลของข้าเพียงสองด่านพวกมันก็หลุดเข้ามาในตำหนักไม่ได้แล้ว อ้อจริงสิมีแค่ลี่จินเซียนที่ข้าตั้งใจให้นางเข้ามาเท่านั้นเพราะไม่อยากทำร้ายนางด้วยเข็มพิษและธนูอาบยาพิษเจ็ดไฟกัลป์ ท่านคุ้นชื่อนี้บ้างหรือไม่ใต้เท้าลี่”“เจ้า!! อ๊ากกกกก!!!”ท่านอ๋องดึงชุนหลันเข้ามากอดเอาไว้แน่นเมื่อเห็นว่าลี่จางหย่งเริ่มเสียสติและตะโกนลั่นจนกระอักเลือด เขานึกออกแล้วครั้งก่อนที่นางใช้เงินห้าพันตำลึงนั้นไปซื้อยุทโธปกรณ์ก็เพื่อวางค่ายกลเอาไว้รอบตำหนักด้วยนี่เองส่วนเข็มพิษและพิษร้ายแรงนั่นคงมาจากหวังเจียวเมิ่งที่ใส่เอาไว้ในอาวุธ เดิมทีเขาแค่วางกำลังปกป้องนางเงียบ ๆ รอบตำหนักแ
“พวกท่านหลบไป”“ท่านอ๋องแต่ว่า”“ข้าบอกให้หลบไป ท่านพ่อ ข้าฝากท่านดูแลท่านราชครูด้วย”“พ่ะย่ะค่ะ”แม่ทัพหลงเป็นคนเดียวที่ไม่ยอมหลบไปตามคำสั่ง ท่านอ๋องมองไปยังลี่จางหย่งที่ยืนยิ้มอยู่ตรงหน้า ขุนนางทั้งหลายถูกล้อมเข้ามารวมอยู่ที่เดียวกัน “ท่านอ๋องวันนี้ไม่ว่าผู้ใดก็จะออกไปจากท้องพระโรงนี้ไม่ได้”“งั้นหรือ เพราะอะไรล่ะเพราะเจ้างั้นหรือ”“ท่านอ๋อง!! จะตายอยู่แล้วยังทำท่าถือดีเช่นนี้อยู่ ทหารองครักษ์ถูกข้าล้อมเอาไว้จนหมดแล้วท่านไม่มีทางรอดออกไปได้หรอก”หยางอี้เหรินหันมายิ้มเยาะให้ลี่จางหย่งเล็กน้อย รอยยิ้มนั้นน่าขนลุกพอ ๆ กับฝ่าบาทเพราะท่านอ๋องไม่ได้มีทีท่าว่าจะหวาดกลัวหรือตกใจเลยแม้แต่น้อย แต่ลี่จางหย่งในตอนนี้มาไกลเกินกว่าจะถอยแล้ว“มันเริ่มจากตรงไหนนะ อ้อ… งานเทศกาล ไม่สิ ๆ ตั้งแต่เจ้าเข้าวังหลวงไปสมคบคิดกับพระสนมลี่นั่นต่างหาก ปลอมแปลงราชโองการให้พาบุตรสาวเจ้าเข้าวัง เริ่มให้สาวใช้ลอบวางยาพิษข้าและพระชายาของข้าเพื่อจะได้ให้นางตายและควบคุมข้า แล้วอะไรอีกนะขอข้าคิดก่อนนะ”“นี่ท่าน!!…”“วางยาพิษที่กระถางกำยาน ง่ายและรวดเร็วก็จริงแต่โชคร้ายที่ข้าไม่ได้เปิดโอกาสให้คนของเจ้าทำได้สำเร็จ ถ้าจ
“มีเรื่องอะไรด่วนงั้นหรือพี่หลง”“ไม่มีอะไรหรอก เจ้าก็รู้ว่าตอนนี้ท่านอ๋องคงไม่มีอะไรด่วนไปมากกว่าเรื่องของพระชายาอีกแล้วรีบกลับกันเถอะ”วันถัดมา “เหตุใดวันนี้ถึงต้องให้พี่ใหญ่มาเฝ้าข้าด้วยเล่าเพคะ”“เพราะพวกเขามีข่าวดีมาบอกเจ้าน่ะสิ เจ้าไม่อยากยินดีกับหมอหวังสักหน่อยหรือที่นางหาพี่ชายพบแล้ว เอาล่ะข้าไม่มีเวลาแล้วจะต้องรีบเข้าประชุม”“หยางอี้เหรินท่านหยุดนะ”ท่านอ๋องหยุดชะงักเมื่อเห็นสีหน้าของนาง เล่อชุนหลันเริ่มสงสัยกับพฤติกรรมแปลก ๆ ของเขาตั้งแต่เมื่อคืนนี้แม้ว่าจะไม่ได้ถามเพราะนางอ่อนเพลียและหลับไปก่อนแต่รู้แน่ว่าเขามิได้กลับมานอนที่เตียงเพราะที่ข้าง ๆ นางนั้นเย็นและราบเรียบ“ท่านมีอะไรปิดบังข้าอยู่”“เปล่านะ ข้า…ไม่มี ใครจะกล้า”“อี้เหรินหากว่าท่านไม่พูดข้าจะกลับไปอยู่จวนสกุลเล่อกับท่านแม่”“ชุนหลันทำไมเจ้าต้องข่มขู่ข้าแบบนี้ เจ้าเองก็รู้ว่าปกติหลังจากงานเลี้ยงก็ต้องกินดื่มกันจนเกินเลยเวลาอยู่แล้ว ข้าก็แค่…”“ข้ายังไม่ได้พูดเลยว่าท่านโกหกเรื่องอะไร อี้เหรินหากท่านอยากจะปกปิดข้าเพราะอยากปกป้องแต่ข้าเองก็ต้องรู้ตัวด้วยว่าท่านกำลังปกป้องข้าจากอะไร สิ่งใดและผู้ใดหรือว่าท่านลืมเรื่องท
“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันเจ้าค่ะ พี่จื่อหลงเองกล่าวเกินไปแล้วข้าเป็นเพียงแค่หมอธรรมดาเท่านั้นหากว่าพี่มู่หรงมีสิ่งใดให้ช่วยก็บอกได้นะเจ้าคะ”“ข้าน่ะหรือ โชคดีที่ข้าสุขภาพค่อนข้างแข็งแรงแต่เด็กแต่ว่าพี่หลงของข้าน่ะสิอาจจะต้องรบกวนให้หมอหวังดูแลเขาให้มาก ๆ เสียหน่อย”“พูดมากน่า ว่าแต่เรื่องที่เมืองชุ่นเป็นอย่างไรบ้าง”“ผ่านไปได้ด้วยดี ที่จริงต้องบอกว่าองค์หญิงห้าของพวกเขาเข้ามากู้วิกฤติครั้งนี้ทันล่ะนะ”“หมายความว่าอย่างไร”“ดูเหมือนว่านางจะถูกใจองค์รัชทายาทของเรา การเจรจาจึงได้ง่ายขึ้น อีกอย่างยังได้สัญญาสงบศึกติดมือมาด้วยครั้งนี้คงต้องยกย่องท่านอ๋องที่เป็นตำนานแห่งแม่ทัพที่เลื่องชื่อ ในดินแดนบูรพานี้ไม่มีผู้ใดเทียบพระองค์ได้ องค์ชายใหญ่ของอานฉวนให้ความนับถือท่านอ๋องของเราไม่น้อยเลยเพียงแต่ว่า…”“เพราะว่าท่านอ๋องมีพระชายาแล้วสินะ”“ใช่ ดังนั้นเรื่องภาระนี้จึงตกเป็นขององค์รัชทายาทแต่ดู ๆ แล้วทั้งสองคงเข้ากันได้ไม่ยากเพราะก่อนหน้านั้นทั้งคู่ก็ออกไปขี่ม้าล่าสัตว์ด้วยกันบ่อย ๆ พักหลัง ๆ ตัวแทบจะติดกันดังนั้นเรื่องการเจรจาฝ่ายพวกเราเพียงแค่ทำสัญญาซื้อขายและแบ่งที่ทางในการขุดเหมืองร่วมกันเท่