"นางค่อย ๆ พยุงเขามานั่ง มีดสั้นยังปักอยู่ที่หลังแขนด้านขวาอยู่ เขาหันไปและดึงออกมาทันทีและทิ้งมีดนั้นไป มือของเขาค่อย ๆ กุมแผลเอาไว้เลือดเริ่มไหลไม่หยุด ชุนหลันหันมาและใช้ผ้าเช็ดหน้าของนางเดินเข้ามาทันที
“เลือดพระองค์ออกไม่หยุด ใช้ผ้านี้พันแผลเอาไว้ก่อนนะเพคะ”
“เจ้าไม่บาดเจ็บใช่หรือไม่”
“ไม่เพคะหม่อมฉันปลอดภัยดี”
“คุณหนู!!”
“จินถิงเจ้าไม่เป็นไรนะ”
“ข้าไม่เป็นไร ท่านปลอดภัยหรือไม่เจ้าคะคนร้ายถูกจับหมดแล้ว”
“ข้าไม่เป็นไรแต่ว่าท่านอ๋อง…”
ชุนหลันหันไปมองเขาที่หันมามองอีกครั้ง นางไม่คุ้นเคยกับสายตาเช่นนี้ของเขาเอาเสียเลยสู้ให้เขาทำเย็นชาเช่นเดิมจะดีกว่าเหตุใดต้องเข้ามาเกี่ยวข้องกันอีก
“เสร็จแล้วเพคะ”
“ขอบใจ เจ้านั่งรอข้าอยู่ตรงนี้ก่อน”
“เอ่อ…”
เขาลุกขึ้นทันทีแม้ว่าชุดสีขาวยังมีเลือดอยู่ประปรายแต่ตอนนี้เขาเดินเข้าไปสั่งการ คนร้ายที่เหลืออีกสี่คนถูกจับมานั่งรวมกันตรงหน้า
“เสิ่นกงเจ้าพามันไปขังในคุกก่อนข้าจะสอบสวนมันด้วยตัวเอง”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“พระองค์ได้รับบาดเจ็บรีบกลับไปทำแผลก่อนเถอะพ่ะย่ะค่ะ”
“อืม คุ้มกันให้เข้มงวดก่อนที่ข้าจะไปสอบสวน ห้ามให้พวกมันตายเป็นอันขาด”
""พ่ะย่ะค่ะ""
เมื่อเขาหันไปก็ไม่พบเล่อชุนหลันแล้ว นางคงเดินออกไปช่วงที่เขาหันไปสั่งเสิ่นกงกับเสิ่นปา คิดไม่ถึงว่าจะพบนางที่นี่
“เล่อชุนหลัน…”
เขาค่อย ๆ หันไปมองผ้าเช็ดหน้าที่ปักลายดอกโบตั๋นของนางที่ใช้พันแผลก่อนจะเดินออกมาจากโรงน้ำชาและกลับตำหนักทันทีเพื่อไปทำแผล จินถิงและชุนหลันที่ยังนั่งสั่นอยู่บนรถม้าก็เริ่มกลัวขึ้นมา
“คุณหนูเจ้าคะ”
“เรื่องนี้ห้ามบอกท่านพ่อท่านแม่เด็ดขาดนะ”
“เจ้าค่ะ”
เมื่อกลับถึงจวนทั้งชุนหลันและจินถิงต่างก็อยู่แต่ในห้องเงียบ ๆ นางไม่รู้เลยว่าตอนนี้ท่านอ๋องจะทำแผลแล้วหรือยังแต่ก็คงไม่ต้องห่วงเขามากเพราะบาดแผลเพียงแค่นั้นคงจะทำอะไรเขาไม่ได้
“เพราะข้าออกจากจวนงั้นหรือเหตุการณ์ถึงได้เปลี่ยนไป สุดท้ายก็ต้องเจอเขาจนได้แต่หากงานเลี้ยงคืนนี้ข้าไม่ไป เหตุการณ์น่าอึดอัดนั่นก็คงไม่เกิดขึ้นคราวนี้คงไม่มีเหตุการณ์นั้นแล้ว”
วันถัดมา
นางเดินออกมากินข้าวพร้อมกับฮูหยินแต่บิดาของนางเข้าวังไปตั้งแต่ช่วงเช้าแล้วเพราะราชการสำคัญ ส่วนพี่ชายก็มานั่งกินข้าวพร้อมกันก่อนจะออกไปทำงาน
“อะไรนะเจ้าคะ ท่านอ๋องมิได้ไปร่วมงานเลี้ยงหรือเจ้าคะ”
“ใช่แล้วล่ะเห็นว่าติดภารกิจด่วนนอกเมืองต้องไปทำ มีเพียงท่านราชครูเว่ยเท่านั้นที่ไปร่วมงาน”
“ที่จริงท่านอ๋องไม่ไปก็ดีเช่นกันพวกขุนนางแก่ ๆ ในนั้นเอาแต่พูดเรื่องอภิเษกของพระองค์จนน่าอึดอัด นี่น้องรองเจ้าไม่เห็นหน้าคู่ปรับของเจ้าเมื่อคืน น่าสงสารมากเลยล่ะ”
“คู่ปรับข้า… พี่ใหญ่ท่านกำลังพูดถึงลี่จินเซียน”
“ก็ใช่น่ะสิจะใครเสียอีกเล่าไม่คุยแล้วท่านแม่ข้าไปก่อนนะขอรับเดี๋ยวจะสาย ไปนะหลันเอ๋อร์”
แม้ว่าจะอยากถามต่อแต่นางก็ไม่ทันได้ถาม มารดาของนางจึงได้หันมาและเล่าให้ฟัง
“ท่านแม่ เมื่อคืนนี้มันเกิดอะไรขึ้นหรือเจ้าคะ”
“ก็เมื่อคืนนี้ท่านโหวลี่จางหย่งพาบุตรีไปหมายจะเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่น่ะสิ ที่สำคัญเจ้าไม่ไปงานนี้ด้วยก็เลยคิดว่าบุตรสาวจะได้โดดเด่นซึ่งนั่นก็จริงเพราะบุตรสกุลลี่เก่งทั้งการดีดพิณและยังงดงามตามวัยแต่เสียดาย นางอยากพบท่านอ๋องแต่เมื่อคืนนี้พระองค์มิได้เสด็จไป”
“ไม่ไปงั้นหรือเจ้าคะหรือว่า...”
“ใช่ นี่หลันเอ๋อร์ได้ข่าวหรือไม่เห็นบอกว่าเมื่อวานนี้มีการจับคนร้ายในตลาดที่หอจินเซ่อ เป็นคนต่างแคว้นเห็นว่าทำท่านอ๋องบาดเจ็บแม่จึงคิดว่าสาเหตุที่พระองค์มิได้เสด็จไปที่งานเลี้ยงเมื่อคืนคงเพราะเหตุนี้ด้วย”
“ลูก…ก็ไม่ทราบเจ้าค่ะ แต่ก็ได้ยินข่าวอยู่เช่นกันแต่ว่าทำไมวันนี้ท่านพ่อเข้าวังแต่เช้าจนไม่รอพี่ใหญ่เล่าเจ้าคะ”
“เห็นว่าไปหารือเรื่องชายแดนกับมีรายงานด่วนมาจากเมืองหลวงน่ะ”
“อ้อ..”
จากเหตุการณ์เมื่อวานก็ทำให้เล่อชุนหลันไม่กล้าออกจากจวนอีก นางไม่นึกอยากจะเสี่ยงอันตรายสักเท่าไหร่แต่คิดไม่ถึงว่าเพียงแค่เหตุการณ์เดียวที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้จะเปลี่ยนแปลงเรื่องราวที่เกิดขึ้นไป
ห้องทรงงานท่านอ๋อง
“อะไรนะพ่ะย่ะค่ะ เช่นนั้นแสดงว่า…”
“เสนาบดีเล่อ ท่านอย่าได้ตกใจไปที่ข้าจะบอกก็คือนางช่วยข้าไว้มิได้ทำให้ข้าบาดเจ็บ”
“แต่ว่า!! เหตุใดหลันเอ๋อร์จึงไปอยู่ที่นั่นและถูกคนร้ายจับตัวได้”
“นางแค่ไปดูละครตามปกติ แต่โชคไม่ดีที่คนร้ายกลับจับตัวพวกนางเอาไว้ คิดไม่ถึงว่านางจะเอาตัวรอดได้ดีท่านสอนบุตรได้ดีมากทีเดียว”
“แต่พระองค์ทรงบาดเจ็บ”
“บาดแผลเล็กน้อยที่ข้าเรียกท่านเข้าวังมาแต่เช้าเพราะอยากจะปรึกษาท่านในเรื่องนี้”
ท่านอ๋องยื่นกล่องใส่ราชโองการสีเหลืองทองด้านในให้เสนาบดีเล่อดู เขาค่อย ๆ หยิบออกมา
“นี่คือ…”
“ราชโองการของเสด็จพ่อที่ส่งมาให้ ข้ายังไม่เปิดเผยที่เรียกท่านมาในวันนี้ก็เพื่อจะหารือเรื่องการแต่งตั้งพระชายา”
“พระชายา!! หรือว่านี่จะเป็น พระราชโองการสมรสหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“ท่านเข้าใจถูกต้องแล้ว ข้าเพียงอยากจะถามให้แน่ใจว่า ข้าหมายถึงบุตรสาวของท่านจะยินดีหมั้นหมายกับข้าหรือไม่”
“เรื่องนี้…”
หากเป็นก่อนหน้านี้เขาคงไม่ลังเลที่จะทูลท่านอ๋องว่าบุตรสาวของเขาเฝ้ารอราชโองการนี้มานานหนักหนา แต่บัดนี้เขากลับไม่แน่ใจเพราะท่าทีของบุตรสาวในช่วงสองสามวันนี้แปลกไปอย่างชัดเจน
“ท่านไม่จำเป็นต้องคิดมาก ที่ข้าให้ดูเพราะให้ท่านรับรู้เอาไว้เพียงเท่านั้นและไม่ต้องไปเร่งรัดนางเพราะข้าเองก็ไม่ได้รีบร้อนตราบใดที่…”
ไม่ทันที่ท่านอ๋องจะทรงได้ตรัสอะไรเสิ่นกงก็เดินเข้ามาในห้องและคำนับให้ทั้งคู่
“มีอะไร”
“ทูลท่านอ๋อง ใต้เท้าลี่จางหย่งมาขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ”
“ลี่จางหย่ง หึ คิดเอาไว้ไม่มีผิดเวลานี้สินะ รู้แล้วเจ้าบอกให้เขารออยู่ด้านนอกก่อนข้ายังคุยกับเสนาบดีเล่อยังไม่เสร็จ”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“ใต้เท้าเล่อ เรื่องนี้… ข้าหวังว่าท่านจะเก็บเป็นความลับก่อนอย่าพึ่งบอกผู้ใด”
“กระหม่อมทราบแล้วพ่ะย่ะค่ะ ส่วนบุตรสาวของกระหม่อมเอาไว้หากมีโอกาส...”
“อ้อ เรื่องนั้นให้ข้าจัดการเองเถอะ ยังมีอีกหลายเรื่องที่ข้าต้องค่อย ๆ คุยกับนาง”
“เช่นนั้นกระหม่อมทูลลาพ่ะย่ะค่ะ”
เสนาบดีเล่อเดินออกไป เขาสวนกับ “ลี่จางหย่ง” ท่านโหวที่กินตำแหน่งขุนนางขั้นที่สองเพราะน้องสาวเป็นพระสนมของฝ่าบาทและวันนี้เขาก็พาบุตรสาวมาด้วย “เล่ออันจ้าน” เพียงแค่ทักทายกับพวกเขาเท่านั้นและรีบออกมา
“ใต้เท้าลี่ เชิญขอรับ”
ทั้งสองพ่อลูกเดินเข้าไปในห้องทรงงาน ท่านอ๋องที่กำลังเก็บราชโองการอยู่หันมามองผู้ที่พึ่งเดินเข้ามา ซึ่งเข้าใจว่าลี่จางหย่งมาเพียงคนเดียวแต่วันนี้เขากลับพาบุตรสาวของเขามาด้วยซึ่งเมื่อวานนี้ไม่ได้มีโอกาสพบกับนางในงานเลี้ยงเพราะเขาไม่ได้ไปร่วม
“กระหม่อมลี่จางหย่งถวายบังคมท่านอ๋อง”
“หม่อมฉันลี่จินเซียนถวายบังคมท่านอ๋องเพคะ”
“ลุกขึ้นแล้วค่อยพูดเถอะ”
เมื่อทั้งสองลุกขึ้นและยืนขึ้นท่านอ๋องก็มองไปยังท่านโหวผู้ละโมบผู้นี้ ในสายตาของเขามันบ่งบอกว่าต้องการตำแหน่งเสนาบดีที่ว่างลงอยู่หนึ่งตำแหน่งและที่พาบุตรสาวมาในวันนี้ก็คงไม่พ้นที่อยากจะพานางเข้าวังซึ่งในเมืองเหลียงโจวนี้ผู้คนต่างก็รู้ดีว่านอกจากเล่อชุนหลันที่งดงามและมีความรู้ความสามารถและเป็นสตรีอันดับหนึ่งแล้ว รองลงมาก็คือ “ลี่จินเซียน”
“ลี่จางหย่งท่านมาหาข้าแต่เช้ามีเรื่องอะไรด่วนงั้นหรือ”
“ทูลท่านอ๋อง เมื่อวานนี้ในงานเลี้ยงขุนนางใหม่เห็นว่าท่านอ๋องติดภารกิจและบาดเจ็บดังนั้นวันนี้กระหม่อมกับบุตรสาวลี่จินเซียนนำของบำรุงและยาสมานแผลอย่างดีจากเมืองเหลียงมาถวายพ่ะย่ะค่ะ”“ขอบใจพวกท่านมาก วางไว้เถอะ”ลี่จินเซียนได้โอกาสเดินมาที่หน้าพระพักตร์ ท่านอ๋องหันไปสั่งเสิ่นกงให้เดินออกมาเพื่อรับแทน กันมิให้นางเดินเข้ามาถึงโต๊ะทรงงานของเขา ลี่จินเซียนหุบยิ้มไปเล็กน้อยก่อนจะส่งของไปให้องครักษ์ของท่านอ๋อง“ลี่จินเซียนขอให้ท่านอ๋องทรงแข็งแรงโดยเร็วเพคะ”“ขอบใจแม่นางลี่ พวกท่านมาด้วยธุระเรื่องนี้งั้นหรือ”“มิได้พ่ะย่ะค่ะ เมื่อวานนี้เนื่องจากท่านอ๋องไม่ได้เข้าร่วมในงานเลี้ยง เหล่าขุนนางจึงได้ซุบซิบกันสนุกปากกระหม่อมฟังแล้วไม่ใคร่พอใจนัก พวกเขาพูดถึงเรื่อง…เอ่อ...แต่งตั้งพระชายาที่เหมาะสมและงานอภิเษก ท่านอ๋องทรง...”“อ้อ เรื่องนั้นน่ะหรือข้าเองก็คิดเอาไว้เช่นกันทำไมหรือ ท่านโหวหรือว่าท่านมีคนที่เหมาะสมจะแนะนำงั้นหรือ ในตอนนี้ใคร ๆ ต่างก็ลงความเห็นว่า “เล่อชุนหลัน” บุตรีเสนาบดีเล่อเป็นผู้ที่เหมาะสมทั้งความงาม ความรู้และมารยาท ข้าเองก็คิดว่านางก็ดูจะเหมาะสมดี"“แต่ว่า… เร็ว ๆ นี้พึ่งจะมีข่าวลื
วันถัดมา “ทูลท่านอ๋องให้คนตรวจสอบของที่ใต้เท้าลี่นำมาให้แล้วพ่ะย่ะค่ะ”“พบสิ่งใดหรือไม่”“มีเพียงยาที่เอาไว้ใส่แผลที่มีส่วนผสมของหญ้า "ชีอัน" ซึ่งเป็นส่วนประกอบของพิษ…"“หญ้าฝันเลื่อนลอย”“พ่ะย่ะค่ะ”“เก็บหลักฐานเอาไว้ให้ดี จริงสิเสิ่นกงเจ้าสั่งให้คนนำกระถางกำยานนี่ออกไปด้วย ไม่ว่าจะในห้องไหนตำหนักไหนต่อไปเจ้าให้คนของเราทำ ไม่ต้องให้สาวใช้ในตำหนักเข้ามาทำเรื่องพวกนี้”“พ่ะย่ะค่ะ”เสิ่นกงเดินออกไปแล้ว พวกเขาแม้จะสงสัยแต่ก็ไม่เคยปริปากถามว่าเหตุใดท่านอ๋องจึงสั่งคำสั่งที่แปลกเช่นนี้ซึ่งตามปกติพระองค์จะไม่ยุ่งเรื่องจุกจิกในตำหนัก “เริ่มจากตรงนี้สินะ ลี่จางหย่งข้าจะดูสิว่าเจ้าจะแก้ตัวเช่นไร”ประชุมราชสำนัก “ใต้เท้าลี่ ข้ามีเรื่องหนึ่งอยากจะถามท่านสักหน่อย”“พ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง”“ยาที่ท่านให้ข้ามาวันก่อนยอดเยี่ยมยิ่งนัก ท่านนำมาจากผู้ใดงั้นหรือ”ลี่จางหย่งเดินยิ้มออกมาทันทีเมื่อท่านอ๋องทรงตรัสชมเขาต่อหน้าบรรดาขุนนาง“ทูลท่านอ๋อง ยาและขนมทั้งหมดบุตรสาวของกระหม่อมเป็นผู้จัดเตรียมด้วยตัวเองพ่ะย่ะค่ะ นางพิถีพิถันทุกขั้นตอนเพื่อจัดถวายให้กับพระองค์ด้วยหวังว่าบาดแผลของพระองค์จะหายโดยเร็วพ่ะย่ะค่
เล่อชุนหลันตกใจเล็กน้อยเมื่อรู้ว่าผู้ใดมาที่นี่ ในชาติก่อนไม่มีเลยสักครั้งที่ท่านอ๋องผู้นี้จะเดินเหยียบมาที่จวนเสนาบดีแห่งนี้ แม้แต่มารับเจ้าสาวก็ไม่มารับด้วยตัวเองแต่วันนี้เขากลับมาที่นี่ด้วยเหตุผลใดกันแน่“เร็ว ๆ เข้าไปรับเสด็จท่านอ๋องก่อน”“ต้องไปทุกคนเลยหรือเจ้าคะท่านพ่อ”“เจ้านี่อย่างไรนะไม่ไปไม่ได้เสียมารยาท เร็ว ๆ เข้า”ทุกคนพากันเดินออกมาเพื่อต้อนรับท่านอ๋องที่วันนี้มาเยือนที่จวนเสนาบดี เมื่อไปถึงห้องโถงก็พบท่านอ๋องที่ยืนกอดอกรออยู่ด้วยท่าทีที่สงบเมื่อเสนาบดีเล่อและคนอื่น ๆ เข้ามาถวายคำนับ""ถวายบังคมท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ / เพคะ""“พวกท่านตามสบายเถอะข้ามาแบบเร่งด่วนไม่คิดว่าจะมารบกวนต้องขอโทษด้วย”“มิได้พ่ะย่ะค่ะ พวกเจ้าไปจัดเตรียมของว่างและน้ำชามาเร็วเข้า”“ใต้เท้าเล่อไม่ต้องลำบาก วันนี้ที่ข้ามาเพราะมีธุระกับเล่อชุนหลันแวะคุยเพียงไม่นานก็จะรีบกลับ"ทุกคนหันมามองที่เล่อชุนหลันซึ่งตอนนี้ยืนตัวแข็งทื่อไปแล้วและไม่กล้าแม้แต่จะสบตาหยางอี้เหรินที่ยืนอยู่ตรงหน้า นางไม่รู้ว่าเขามาที่นี่ด้วยเหตุผลใดหรือว่าเขาจะมาบอกเรื่องวันก่อนที่พบนางที่หอจินเซ่อ เล่อจื่อหลงใช้แขนกระทุ้งให้นางรู้ตัว“เอ
ท่านอ๋องนิ่งไป เขาเพียงแค่มองมาที่นางเท่านั้นแต่ก็มิได้พูดอะไร ชุนหลันหันไปสบพระเนตรที่มั่นคงตรงหน้า เขาไม่คิดเช่นกันว่าจะได้คำตอบนี้จากนางจึงได้แต่นิ่งไป“ข้าไม่มีสิทธิ์ไปบังคับให้เจ้ามาหมั้นหมายกับข้าหรอก เรื่องนี้เอาไว้เจ้าเก็บไปคิดให้ดีก่อนแล้วเราค่อยคุยกันเถอะ”“แต่ว่าหม่อมฉันไม่อยากบังคับฝืนใจใคร หากพระองค์มิได้ชอบพอหม่อมฉันหรือมีสตรีอื่นในใจแล้วหม่อมฉันก็ยืนยันคำเดิมว่าเรื่องนี้พระองค์ควรจะไตร่ตรองให้ดีเพคะ ราชโองการเพียงฉบับเดียวคิดว่าพระองค์น่าจะ...”“ช่างเถอะเจ้าไม่ยอมรับก็คือไม่ยอมรับ แต่ข้าต้องการคำตอบที่มิใช่คำตอบนี้ เล่อชุนหลันข้ามาที่นี่เพื่อจะบอกเจ้าว่า… ข้าไม่ยอมรับคำตอบนี้ของเจ้าและจะพยายามให้เจ้ายอมรับคำขอหมั้นหมายนี้ให้จงได้”“เพื่ออะไรเพคะ หม่อมฉันไม่เข้าใจในเมื่อพระองค์ก็มีตัวเลือกมากมายเหตุใด…”“ตัวเลือกที่เจ้าว่า รวมถึงผู้ที่กำลังพยายามวางยาเพื่อจะควบคุมข้าอยู่งั้นหรือเล่อชุนหลัน เจ้าอยากให้ข้าเลือกนางจริง ๆ หรือ”เขาหันมามองนางด้วยแววตาที่เจ็บปวดอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน นางไม่เคยคิดว่าหยางอี้เหรินจะสามาถทำสีหน้าเช่นนี้ได้ด้วยซ้ำไป“คือว่า…หม่อมฉันอยากจะขอเวลาค
ขุนนางในห้องโถงต่างตกใจเมื่อท่านอ๋องเอ่ยเรื่องนี้ขึ้น ทุกคนหันไปมองยังประตูด้านหลังพร้อมกับมี่กงกงที่เชิญพระราชโองการสีเหลืองทองเข้ามายังห้องโถง ขุนนางในห้องนั้นต้องรีบคุกเข่าลงในทันที เมื่อมี่กงกงเริ่มเปิดพระราชโองการของฝ่าบาทอ่านต่อหน้าพระพักตร์ท่านอ๋องและเหล่าขุนนางในห้องโถง“ราชโองการแห่งโอรสสวรรค์ ทรงพระราชทานสมรสให้องค์ชายแปดหยางอี้เหรินชินหยางอ๋องแห่งเหลียงโจวผู้สำเร็จราชการแทนฝ่าบาทในเมืองเหลียงโจว หยางโจวและซื่อโจวสามดินแดนในเขตบูรพาที่ยิ่งใหญ่ กับบุตรีคนรองของเสนาบดีเล่ออันจ้าน ขุนนางและเสนาบดีสองสมัยผู้จงรักภักดีต่อราชบัลลังก์ต้าจินโจวนามว่า “เล่อชุนหลัน” กำหนดวันสมรสพระราชทานนับจากนี้ไปอีกยี่สิบวัน...จบราชโองการ”“อะไรนะ!!”“บุตรีของเสนาบดีเล่องั้นหรือ”“เฮ้อ เป็นไปตามคาดสินะ”มีเพียงผู้ที่แทบจะนิ่งชะงักไปอย่างลี่จางหย่งที่แทบจะไม่เชื่อหูของตัวเอง เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะมีราชโองการลงมาเช่นนี้ หากว่ารู้คงยุยงพระสนมลี่ให้ทูลขอราชโองการให้บุตรสาวของตัวเองก่อนหน้านี้แล้ว แต่พระสนมลี่เคยบอกเขาว่าฝ่าบาทจะไม่เข้ามายุ่งเรื่องการแต่งงานของชินหยางอ๋องมิใช่หรือ เหตุใดจู่ ๆ จึงมีรา
“ทะ ท่านอ๋อง… คือว่า มันเป็นอุบัติเหตุเพคะ หม่อมฉันก็แค่..”“ท่านอ๋องเพคะ เอาผ้าเย็นนี้เช็ดหน้าก่อนเพคะ”หยางอี้เหรินหันไปมองเล่อชุนหลันที่นำผ้าเช็ดหน้าไปชุบน้ำเย็นและรีบนำมันมาให้ท่านอ๋องซับหน้าที่ถูกลี่จินเซียนสาดน้ำร้อนใส่ แต่เขาไม่ได้รับเพียงแค่หันมาถามนางด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ“เจ้าบาดเจ็บหรือไม่ โดนน้ำร้อนหรือเปล่า”“หม่อมฉันไม่โดนอะไร แต่ว่าท่านอ๋องเช็ดพระพักตร์ก่อนเถิดเพคะ”เขารับผ้าเช็ดหน้าของนางและมาซับ กลิ่นที่ติดอยู่ที่ผ้าเช็ดหน้าทำให้เขาผ่อนคลายลงแต่ยังไม่ลดละความโกรธต่อคนสกุลลี่ตรงหน้านี้ได้ คิดไม่ถึงว่านางจะร้ายกาจถึงเพียงนี้ ชาติก่อนเขาปกป้องเล่อชุนหลันไม่ได้แต่ในชาตินี้ผู้ใดก็อย่าหวังได้ทำร้ายนางต่อหน้าเขา เขายื่นผ้าคืนให้นางก่อนจะหันมาเอาเรื่องอีกฝ่ายทันที“ลี่จินเซียน เจ้าบอกว่านี่เป็นอุบัติเหตุงั้นหรือ”“เพคะท่านอ๋อง”“อุบัติเหตุหรือ ข้าเห็นเจ้าเดินหยิบกาน้ำชานั่นและเรียกเล่อชุนหลันหมายจะสาดใส่หน้านาง ต่อหน้าข้าเจ้ายังกล้าโกหกอีกงั้นหรือ บังอาจเกินไปแล้ว เสิ่นกง!!”“พ่ะย่ะค่ะ”“จับตัวพวกนางไปที่ศาลาว่าการ สั่งโบยคนละสิบไม้”“ท่านอ๋องเพคะ!! หม่อมฉันไม่ได้ตั้งใจนะเพคะ น
“หม่อมฉัน… ทูลลาเพคะ”นางเดินออกไปโดยไม่พูดอะไรอีก ผ้าเช็ดหน้านี้เป็นผืนที่สองแล้วที่เขาได้รับมาจากนาง ครั้งนี้นางปักรูปดอกเหมยและยังมีกลิ่นกายของนางติดอยู่“พระชายาของข้ามีเพียงเจ้าคนเดียวเท่านั้น… เล่อชุนหลัน”ห้องส่วนตัวเล่อชุนหลัน “ไม่ถูกต้อง”“อะไรเจ้าคะคุณหนู ท่านละเมออีกแล้วหรือเจ้าคะ”“ไม่ใช่เจ้าคิดดูนะจินถิง คนที่ไม่เคยชอบหน้ากัน ไม่แม้แต่จะมองหน้าเกลียดชนิดที่ว่าไม่อยากพบเห็น เจอกันก็ทะเลาะกันทุกทีเหตุใดจู่ ๆ ถึงมีท่าทีเปลี่ยนไป ราวกับว่า….”“อะไรหรือเจ้าคะคุณหนู ท่านจะพูดอะไรเจ้าคะ”“เปล่า ๆ ข้าคงคิดเหลวไหลไปไกลแล้ว วันนี้ข้ากินมากเกินไปคงจะเริ่มเพ้อเจ้อแล้วล่ะ”“คุณหนูแต่ว่าหลายปีมานี้ท่านเอาแต่พูดถึงท่านอ๋องหยางท่านนี้มาโดยตลอดไม่ดีใจหรือเจ้าคะที่จะได้อภิเษกเป็นพระชายาสมดั่งใจท่านปรารถนา”“ก่อนหน้านั้นอาจจะใช่ แต่ตอนนี้…. ช่างเถอะนอนให้เต็มอิ่มก่อนค่อยคิดดับไฟเถอะ”“เจ้าค่ะ เช่นนั้นข้าออกไปแล้วนะเจ้าคะ”จินถิงดับไฟและเดินออกจากห้องของคุณหนูรองไปแล้ว ไฟดับจนมืดสนิท เตียงที่อุ่นทำให้นางรู้สึกราวกับฝันไปที่ได้มีโอกาสกลับมาที่นี่อีกครั้ง“จะเป็นไปได้หรือที่ข้าจะมิได้กลับมาคน
เล่อชุนหลันดิ้นรนอยู่ในอ้อมกอดนั้นจนเขาต้องใช้ขาเกี่ยวนางเอาไว้เพื่อไม่ให้นางดิ้น หน้านางซุกไปที่แผ่นอกกว้างที่หัวใจเต้นแรงของเขาอยู่ซึ่งมันเต้นแรงไม่ต่างกับหัวใจของนางเพียงแต่ตอนนี้นางเริ่มจะหายใจไม่ออกแล้ว“อื้อ…อื้อ”“ขอโทษทีข้าจะปล่อยแต่เจ้าต้องสัญญาว่าเจ้าจะเงียบ ตกลงหรือไม่”นางพยักหน้าให้เขา แสงไฟจากภายนอกส่องเข้ามาเล็กน้อยและในตอนนี้ตาของทั้งคู่ก็เริ่มปรับแสงได้จนมองเห็นกันอย่างลาง ๆ ในห้องนอนของนาง มือหนาค่อย ๆ ดึงออกมาจากปากนางแต่ไม่ทันที่จะพูดอะไรกันเล่อชุนหลันก็เริ่มจะร้องตะโกนจนเขาตกใจและ….“ช่วย!!……”เสียงของนางถูกกลืนไปในลำคอเมื่อเขาก้มลงมาและใช้ปากหนาที่เย็นนั้นประกบปิดปากนางเอาไว้ นางเริ่มดิ้นเพื่อจะหลบหนีจากอ้อมกอดนั้นแต่เขากลับไม่ยอมและดึงนางมากอดเอาไว้ ลิ้นสากหนาเริ่มทะลวงเข้าไปด้านในเพื่อรับรสหวานจากปากของคนดื้อดึงที่ไม่ยอมรับเขาในตอนนี้ ชุนหลันเริ่มหวั่นไหวอีกครั้งเมื่อถูกเขาจูบ ร่างกายนางกลับตอบสนองเขาและมือก็เริ่มโอบรอบคอเขาอย่างเต็มใจ“ข้าเตือนเจ้าแล้วว่าอย่าเสียงดัง ที่ข้ามาที่นี่ก็เพื่อจะมาวัดตัวเจ้า เอาล่ะชุนหลันลุกขึ้นมาเถอะ”“เหตุใดพระองค์ต้องมาทำเรื่องเช
เล่อชุนหลันเดินตามแม่สื่อออกไป นางสังเกตว่าครั้งนี้ท่านอ๋องให้เสิ่นกงเดินตามมาด้วยซึ่งเป็นเรื่องที่น่าแปลกยิ่งนัก และเมื่อนางเดินไปถึงตำหนักและห้องส่งตัวต้องตกใจเมื่อห้องส่งตัวครั้งนี้กลับเป็นตำหนักใหญ่และ….“ห้องบรรทมของท่านอ๋องอย่างนั้นหรือ”“พระชายาเชิญเข้าห้องส่งตัวเถิดเพคะ”“แต่ว่า…ข้ามิต้องถูกส่งไปที่ตำหนักหลังหรอกหรือ เหตุใดจึงส่งตัวที่ห้องนี่ล่ะ”แม่สื่อมองหน้าพระชายาท่านอ๋องด้วยความงุนงงสงสัย และหันไปมองเสิ่นกงที่ตามมาด้วย“เอ่อ พระชายาเพคะห้องนี้เป็นห้องส่งตัวที่ท่านอ๋องทรงจัดเตรียมเอาไว้แต่แรกแล้วนะเพคะ”“แต่ว่า!!…. ช่างเถอะขอบคุณท่านมาก”“เพคะ”แม่สื่อเดินออกไปแต่เสิ่นกงยังยืนอยู่หน้าห้อง ชุนหลันต้องแปลกใจอีกครั้งที่เขาเป็นผู้เฝ้าอยู่หน้าห้องนาง“แม่สื่อก็ออกไปแล้ว เจ้าไม่ออกไปด้วยหรือเสิ่น…. เอ่อ ท่านองครักษ์”แม้ว่าชาติก่อนนางจะคุ้นเคยกับองครักษ์สองพี่น้องดีแต่นางในตอนนี้แทบจะไม่รู้จักเขาเลยหากว่าเผลอเรียกชื่อพวกเขาไปก็อาจจะดูแปลก ๆ “ทูลพระชายา กระหม่อมมีหน้าที่อารักขาพระชายานับจากนี้เป็นต้นไปพ่ะย่ะค่ะ”“อะไรนะ!! อารักขาข้างั้นหรือ”“พ่ะย่ะค่ะ”“แต่ว่า…”“เป็นพระบัญชาขอ
เล่อชุนหลันถึงกับพูดไม่ออกเมื่อมองไปที่มงกุฎสีทองที่เปล่งประกายที่ท่านอ๋องค่อย ๆ วางเอาไว้ที่โต๊ะ ครั้งนี้นางคงต้องยอมแพ้แล้วจริง ๆ เพราะเขาเตรียมการมาเป็นอย่างดีที่จะไม่ให้นางหนีพ้นได้เลย และเครื่องประดับที่ล้ำค่าถึงเพียงนี้เขายังนำมันมาให้นางสวม ในหัวใจนางตอนนี้พองโตราวกับจะหลุดออกมาได้อยู่แล้ว “ข้าจะออกไปรอที่ห้องโถง พวกเจ้าจัดการให้ดีพระชายาของข้าต้องงดงามที่สุดในวันนี้”""รับบัญชาเพคะท่านอ๋อง"" ครึ่งชั่วยามผ่านไป ท่านอ๋องเดินไปรอนางที่ห้องโถงเพื่อจัดเตรียมทุกอย่างเอาไว้ เขาและเสนาบดีเล่อช่วยกันรับแขกที่ทยอยมาร่วมงานที่จวนสกุลเล่อ เรื่องไฟไหม้ที่ห้องแต่งตัวของเจ้าสาวถูกปิดเอาไว้อย่างมิดชิดจนเมื่อถึงเวลาที่แม่สื่อเดินมาแจ้งว่าเจ้าสาวพร้อมแล้ว ทั้งหมดจึงเบนความสนใจไปที่ทางเดินทันที“ทูลท่านอ๋อง ครั้งนี้ไม่มีอะไรผิดพลาดแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“ดีมาก”เขามองไปที่เจ้าสาวของเขาที่เดินมาพร้อมกับแม่สื่อและข้าง ๆ นางคือสาวใช้ของนางเมื่อนางเดินเข้ามาใกล้ ๆ แขกที่อยู่ในงานต่างต้องตกใจอีกครั้งกับชุดเจ้าสาวและเครื่องประดับบนศีรษะของนาง “นะ…นั่น ๆ ๆ ใช่มงกุฎหงส์หรือไม่”งานนี้เป็นงานที่ผู้คนในเมืองเ
""อะไรนะ!!""“เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นได้เช่นไร เหตุใดจึงไม่มีผู้ใดเฝ้าแล้วตอนนี้….”“ท่านพ่อท่านแม่ ขบวนเจ้าบ่าวมาถึงหน้าจวนแล้วขอรับ”“แย่แล้ว ๆ ทำเช่นไรดีล่ะนี่ เหตุใดขบวนเจ้าบ่าวจึงได้มาถึงก่อนฤกษ์ล่ะ เอาแบบนี้นะฮูหยินเจ้ารีบไปหาหลันเอ๋อร์ก่อนข้ากับหลงเอ๋อร์จะรีบไปรับหน้าขบวนเกี้ยวเอาไว้ก่อนแล้วค่อย….”“ท่านอ๋องเสด็จ!!”ทั้งสองสามีภรรยาพร้อมกับบุตรชายมองหน้ากันราวกับไม่เชื่อหู เพราะไม่คิดว่าท่านอ๋องจะเดินทางมารับเจ้าสาวด้วยตนเอง ซึ่งตามธรรมเนียมปฏิบัติเขาไม่จำเป็นต้องมาด้วยตนเองเพียงแค่รออยู่ที่ตำหนักเพื่อเข้าพิธีเท่านั้น“แย่แล้ว เหตุใดท่านอ๋องจึงได้เสด็จมาด้วยพระองค์เองล่ะ!!”“ไม่ทันแล้วขอรับข้าจะรีบไปดูหลันเอ๋อร์ก่อนพวกท่าน...”“ท่านพี่ เร็วเข้าเถิดเจ้าค่ะเรารีบออกไปรับเสด็จก่อน”เสนาบดีเล่อและฮูหยินต้องหันกลับมาเพื่อรับเสด็จท่านอ๋องก่อน ราวกับว่าท่านอ๋องจะทรงทราบมาก่อนแล้วว่าเล่อชุนหลันจะสร้างปัญหากับงานแต่งในครั้งนี้ หยางอี้เหรินในชุดเจ้าบ่าวสีแดงสดเข้าคู่กับชุดเจ้าสาวที่ตัดเย็บพร้อมกันเดินเข้ามาในจวนสกุลเล่อเสนาบดีเล่อฮูหยินและเล่อจื่อหลงรีบเข้ามาถวายบังคม ท่าทางของพวกเขาหยางอ
เล่อชุนหลันดิ้นรนอยู่ในอ้อมกอดนั้นจนเขาต้องใช้ขาเกี่ยวนางเอาไว้เพื่อไม่ให้นางดิ้น หน้านางซุกไปที่แผ่นอกกว้างที่หัวใจเต้นแรงของเขาอยู่ซึ่งมันเต้นแรงไม่ต่างกับหัวใจของนางเพียงแต่ตอนนี้นางเริ่มจะหายใจไม่ออกแล้ว“อื้อ…อื้อ”“ขอโทษทีข้าจะปล่อยแต่เจ้าต้องสัญญาว่าเจ้าจะเงียบ ตกลงหรือไม่”นางพยักหน้าให้เขา แสงไฟจากภายนอกส่องเข้ามาเล็กน้อยและในตอนนี้ตาของทั้งคู่ก็เริ่มปรับแสงได้จนมองเห็นกันอย่างลาง ๆ ในห้องนอนของนาง มือหนาค่อย ๆ ดึงออกมาจากปากนางแต่ไม่ทันที่จะพูดอะไรกันเล่อชุนหลันก็เริ่มจะร้องตะโกนจนเขาตกใจและ….“ช่วย!!……”เสียงของนางถูกกลืนไปในลำคอเมื่อเขาก้มลงมาและใช้ปากหนาที่เย็นนั้นประกบปิดปากนางเอาไว้ นางเริ่มดิ้นเพื่อจะหลบหนีจากอ้อมกอดนั้นแต่เขากลับไม่ยอมและดึงนางมากอดเอาไว้ ลิ้นสากหนาเริ่มทะลวงเข้าไปด้านในเพื่อรับรสหวานจากปากของคนดื้อดึงที่ไม่ยอมรับเขาในตอนนี้ ชุนหลันเริ่มหวั่นไหวอีกครั้งเมื่อถูกเขาจูบ ร่างกายนางกลับตอบสนองเขาและมือก็เริ่มโอบรอบคอเขาอย่างเต็มใจ“ข้าเตือนเจ้าแล้วว่าอย่าเสียงดัง ที่ข้ามาที่นี่ก็เพื่อจะมาวัดตัวเจ้า เอาล่ะชุนหลันลุกขึ้นมาเถอะ”“เหตุใดพระองค์ต้องมาทำเรื่องเช
“หม่อมฉัน… ทูลลาเพคะ”นางเดินออกไปโดยไม่พูดอะไรอีก ผ้าเช็ดหน้านี้เป็นผืนที่สองแล้วที่เขาได้รับมาจากนาง ครั้งนี้นางปักรูปดอกเหมยและยังมีกลิ่นกายของนางติดอยู่“พระชายาของข้ามีเพียงเจ้าคนเดียวเท่านั้น… เล่อชุนหลัน”ห้องส่วนตัวเล่อชุนหลัน “ไม่ถูกต้อง”“อะไรเจ้าคะคุณหนู ท่านละเมออีกแล้วหรือเจ้าคะ”“ไม่ใช่เจ้าคิดดูนะจินถิง คนที่ไม่เคยชอบหน้ากัน ไม่แม้แต่จะมองหน้าเกลียดชนิดที่ว่าไม่อยากพบเห็น เจอกันก็ทะเลาะกันทุกทีเหตุใดจู่ ๆ ถึงมีท่าทีเปลี่ยนไป ราวกับว่า….”“อะไรหรือเจ้าคะคุณหนู ท่านจะพูดอะไรเจ้าคะ”“เปล่า ๆ ข้าคงคิดเหลวไหลไปไกลแล้ว วันนี้ข้ากินมากเกินไปคงจะเริ่มเพ้อเจ้อแล้วล่ะ”“คุณหนูแต่ว่าหลายปีมานี้ท่านเอาแต่พูดถึงท่านอ๋องหยางท่านนี้มาโดยตลอดไม่ดีใจหรือเจ้าคะที่จะได้อภิเษกเป็นพระชายาสมดั่งใจท่านปรารถนา”“ก่อนหน้านั้นอาจจะใช่ แต่ตอนนี้…. ช่างเถอะนอนให้เต็มอิ่มก่อนค่อยคิดดับไฟเถอะ”“เจ้าค่ะ เช่นนั้นข้าออกไปแล้วนะเจ้าคะ”จินถิงดับไฟและเดินออกจากห้องของคุณหนูรองไปแล้ว ไฟดับจนมืดสนิท เตียงที่อุ่นทำให้นางรู้สึกราวกับฝันไปที่ได้มีโอกาสกลับมาที่นี่อีกครั้ง“จะเป็นไปได้หรือที่ข้าจะมิได้กลับมาคน
“ทะ ท่านอ๋อง… คือว่า มันเป็นอุบัติเหตุเพคะ หม่อมฉันก็แค่..”“ท่านอ๋องเพคะ เอาผ้าเย็นนี้เช็ดหน้าก่อนเพคะ”หยางอี้เหรินหันไปมองเล่อชุนหลันที่นำผ้าเช็ดหน้าไปชุบน้ำเย็นและรีบนำมันมาให้ท่านอ๋องซับหน้าที่ถูกลี่จินเซียนสาดน้ำร้อนใส่ แต่เขาไม่ได้รับเพียงแค่หันมาถามนางด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ“เจ้าบาดเจ็บหรือไม่ โดนน้ำร้อนหรือเปล่า”“หม่อมฉันไม่โดนอะไร แต่ว่าท่านอ๋องเช็ดพระพักตร์ก่อนเถิดเพคะ”เขารับผ้าเช็ดหน้าของนางและมาซับ กลิ่นที่ติดอยู่ที่ผ้าเช็ดหน้าทำให้เขาผ่อนคลายลงแต่ยังไม่ลดละความโกรธต่อคนสกุลลี่ตรงหน้านี้ได้ คิดไม่ถึงว่านางจะร้ายกาจถึงเพียงนี้ ชาติก่อนเขาปกป้องเล่อชุนหลันไม่ได้แต่ในชาตินี้ผู้ใดก็อย่าหวังได้ทำร้ายนางต่อหน้าเขา เขายื่นผ้าคืนให้นางก่อนจะหันมาเอาเรื่องอีกฝ่ายทันที“ลี่จินเซียน เจ้าบอกว่านี่เป็นอุบัติเหตุงั้นหรือ”“เพคะท่านอ๋อง”“อุบัติเหตุหรือ ข้าเห็นเจ้าเดินหยิบกาน้ำชานั่นและเรียกเล่อชุนหลันหมายจะสาดใส่หน้านาง ต่อหน้าข้าเจ้ายังกล้าโกหกอีกงั้นหรือ บังอาจเกินไปแล้ว เสิ่นกง!!”“พ่ะย่ะค่ะ”“จับตัวพวกนางไปที่ศาลาว่าการ สั่งโบยคนละสิบไม้”“ท่านอ๋องเพคะ!! หม่อมฉันไม่ได้ตั้งใจนะเพคะ น
ขุนนางในห้องโถงต่างตกใจเมื่อท่านอ๋องเอ่ยเรื่องนี้ขึ้น ทุกคนหันไปมองยังประตูด้านหลังพร้อมกับมี่กงกงที่เชิญพระราชโองการสีเหลืองทองเข้ามายังห้องโถง ขุนนางในห้องนั้นต้องรีบคุกเข่าลงในทันที เมื่อมี่กงกงเริ่มเปิดพระราชโองการของฝ่าบาทอ่านต่อหน้าพระพักตร์ท่านอ๋องและเหล่าขุนนางในห้องโถง“ราชโองการแห่งโอรสสวรรค์ ทรงพระราชทานสมรสให้องค์ชายแปดหยางอี้เหรินชินหยางอ๋องแห่งเหลียงโจวผู้สำเร็จราชการแทนฝ่าบาทในเมืองเหลียงโจว หยางโจวและซื่อโจวสามดินแดนในเขตบูรพาที่ยิ่งใหญ่ กับบุตรีคนรองของเสนาบดีเล่ออันจ้าน ขุนนางและเสนาบดีสองสมัยผู้จงรักภักดีต่อราชบัลลังก์ต้าจินโจวนามว่า “เล่อชุนหลัน” กำหนดวันสมรสพระราชทานนับจากนี้ไปอีกยี่สิบวัน...จบราชโองการ”“อะไรนะ!!”“บุตรีของเสนาบดีเล่องั้นหรือ”“เฮ้อ เป็นไปตามคาดสินะ”มีเพียงผู้ที่แทบจะนิ่งชะงักไปอย่างลี่จางหย่งที่แทบจะไม่เชื่อหูของตัวเอง เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะมีราชโองการลงมาเช่นนี้ หากว่ารู้คงยุยงพระสนมลี่ให้ทูลขอราชโองการให้บุตรสาวของตัวเองก่อนหน้านี้แล้ว แต่พระสนมลี่เคยบอกเขาว่าฝ่าบาทจะไม่เข้ามายุ่งเรื่องการแต่งงานของชินหยางอ๋องมิใช่หรือ เหตุใดจู่ ๆ จึงมีรา
ท่านอ๋องนิ่งไป เขาเพียงแค่มองมาที่นางเท่านั้นแต่ก็มิได้พูดอะไร ชุนหลันหันไปสบพระเนตรที่มั่นคงตรงหน้า เขาไม่คิดเช่นกันว่าจะได้คำตอบนี้จากนางจึงได้แต่นิ่งไป“ข้าไม่มีสิทธิ์ไปบังคับให้เจ้ามาหมั้นหมายกับข้าหรอก เรื่องนี้เอาไว้เจ้าเก็บไปคิดให้ดีก่อนแล้วเราค่อยคุยกันเถอะ”“แต่ว่าหม่อมฉันไม่อยากบังคับฝืนใจใคร หากพระองค์มิได้ชอบพอหม่อมฉันหรือมีสตรีอื่นในใจแล้วหม่อมฉันก็ยืนยันคำเดิมว่าเรื่องนี้พระองค์ควรจะไตร่ตรองให้ดีเพคะ ราชโองการเพียงฉบับเดียวคิดว่าพระองค์น่าจะ...”“ช่างเถอะเจ้าไม่ยอมรับก็คือไม่ยอมรับ แต่ข้าต้องการคำตอบที่มิใช่คำตอบนี้ เล่อชุนหลันข้ามาที่นี่เพื่อจะบอกเจ้าว่า… ข้าไม่ยอมรับคำตอบนี้ของเจ้าและจะพยายามให้เจ้ายอมรับคำขอหมั้นหมายนี้ให้จงได้”“เพื่ออะไรเพคะ หม่อมฉันไม่เข้าใจในเมื่อพระองค์ก็มีตัวเลือกมากมายเหตุใด…”“ตัวเลือกที่เจ้าว่า รวมถึงผู้ที่กำลังพยายามวางยาเพื่อจะควบคุมข้าอยู่งั้นหรือเล่อชุนหลัน เจ้าอยากให้ข้าเลือกนางจริง ๆ หรือ”เขาหันมามองนางด้วยแววตาที่เจ็บปวดอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน นางไม่เคยคิดว่าหยางอี้เหรินจะสามาถทำสีหน้าเช่นนี้ได้ด้วยซ้ำไป“คือว่า…หม่อมฉันอยากจะขอเวลาค
เล่อชุนหลันตกใจเล็กน้อยเมื่อรู้ว่าผู้ใดมาที่นี่ ในชาติก่อนไม่มีเลยสักครั้งที่ท่านอ๋องผู้นี้จะเดินเหยียบมาที่จวนเสนาบดีแห่งนี้ แม้แต่มารับเจ้าสาวก็ไม่มารับด้วยตัวเองแต่วันนี้เขากลับมาที่นี่ด้วยเหตุผลใดกันแน่“เร็ว ๆ เข้าไปรับเสด็จท่านอ๋องก่อน”“ต้องไปทุกคนเลยหรือเจ้าคะท่านพ่อ”“เจ้านี่อย่างไรนะไม่ไปไม่ได้เสียมารยาท เร็ว ๆ เข้า”ทุกคนพากันเดินออกมาเพื่อต้อนรับท่านอ๋องที่วันนี้มาเยือนที่จวนเสนาบดี เมื่อไปถึงห้องโถงก็พบท่านอ๋องที่ยืนกอดอกรออยู่ด้วยท่าทีที่สงบเมื่อเสนาบดีเล่อและคนอื่น ๆ เข้ามาถวายคำนับ""ถวายบังคมท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ / เพคะ""“พวกท่านตามสบายเถอะข้ามาแบบเร่งด่วนไม่คิดว่าจะมารบกวนต้องขอโทษด้วย”“มิได้พ่ะย่ะค่ะ พวกเจ้าไปจัดเตรียมของว่างและน้ำชามาเร็วเข้า”“ใต้เท้าเล่อไม่ต้องลำบาก วันนี้ที่ข้ามาเพราะมีธุระกับเล่อชุนหลันแวะคุยเพียงไม่นานก็จะรีบกลับ"ทุกคนหันมามองที่เล่อชุนหลันซึ่งตอนนี้ยืนตัวแข็งทื่อไปแล้วและไม่กล้าแม้แต่จะสบตาหยางอี้เหรินที่ยืนอยู่ตรงหน้า นางไม่รู้ว่าเขามาที่นี่ด้วยเหตุผลใดหรือว่าเขาจะมาบอกเรื่องวันก่อนที่พบนางที่หอจินเซ่อ เล่อจื่อหลงใช้แขนกระทุ้งให้นางรู้ตัว“เอ