เล่อชุนหลันดิ้นรนอยู่ในอ้อมกอดนั้นจนเขาต้องใช้ขาเกี่ยวนางเอาไว้เพื่อไม่ให้นางดิ้น หน้านางซุกไปที่แผ่นอกกว้างที่หัวใจเต้นแรงของเขาอยู่ซึ่งมันเต้นแรงไม่ต่างกับหัวใจของนางเพียงแต่ตอนนี้นางเริ่มจะหายใจไม่ออกแล้ว“อื้อ…อื้อ”“ขอโทษทีข้าจะปล่อยแต่เจ้าต้องสัญญาว่าเจ้าจะเงียบ ตกลงหรือไม่”นางพยักหน้าให้เขา แสงไฟจากภายนอกส่องเข้ามาเล็กน้อยและในตอนนี้ตาของทั้งคู่ก็เริ่มปรับแสงได้จนมองเห็นกันอย่างลาง ๆ ในห้องนอนของนาง มือหนาค่อย ๆ ดึงออกมาจากปากนางแต่ไม่ทันที่จะพูดอะไรกันเล่อชุนหลันก็เริ่มจะร้องตะโกนจนเขาตกใจและ….“ช่วย!!……”เสียงของนางถูกกลืนไปในลำคอเมื่อเขาก้มลงมาและใช้ปากหนาที่เย็นนั้นประกบปิดปากนางเอาไว้ นางเริ่มดิ้นเพื่อจะหลบหนีจากอ้อมกอดนั้นแต่เขากลับไม่ยอมและดึงนางมากอดเอาไว้ ลิ้นสากหนาเริ่มทะลวงเข้าไปด้านในเพื่อรับรสหวานจากปากของคนดื้อดึงที่ไม่ยอมรับเขาในตอนนี้ ชุนหลันเริ่มหวั่นไหวอีกครั้งเมื่อถูกเขาจูบ ร่างกายนางกลับตอบสนองเขาและมือก็เริ่มโอบรอบคอเขาอย่างเต็มใจ“ข้าเตือนเจ้าแล้วว่าอย่าเสียงดัง ที่ข้ามาที่นี่ก็เพื่อจะมาวัดตัวเจ้า เอาล่ะชุนหลันลุกขึ้นมาเถอะ”“เหตุใดพระองค์ต้องมาทำเรื่องเช
""อะไรนะ!!""“เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นได้เช่นไร เหตุใดจึงไม่มีผู้ใดเฝ้าแล้วตอนนี้….”“ท่านพ่อท่านแม่ ขบวนเจ้าบ่าวมาถึงหน้าจวนแล้วขอรับ”“แย่แล้ว ๆ ทำเช่นไรดีล่ะนี่ เหตุใดขบวนเจ้าบ่าวจึงได้มาถึงก่อนฤกษ์ล่ะ เอาแบบนี้นะฮูหยินเจ้ารีบไปหาหลันเอ๋อร์ก่อนข้ากับหลงเอ๋อร์จะรีบไปรับหน้าขบวนเกี้ยวเอาไว้ก่อนแล้วค่อย….”“ท่านอ๋องเสด็จ!!”ทั้งสองสามีภรรยาพร้อมกับบุตรชายมองหน้ากันราวกับไม่เชื่อหู เพราะไม่คิดว่าท่านอ๋องจะเดินทางมารับเจ้าสาวด้วยตนเอง ซึ่งตามธรรมเนียมปฏิบัติเขาไม่จำเป็นต้องมาด้วยตนเองเพียงแค่รออยู่ที่ตำหนักเพื่อเข้าพิธีเท่านั้น“แย่แล้ว เหตุใดท่านอ๋องจึงได้เสด็จมาด้วยพระองค์เองล่ะ!!”“ไม่ทันแล้วขอรับข้าจะรีบไปดูหลันเอ๋อร์ก่อนพวกท่าน...”“ท่านพี่ เร็วเข้าเถิดเจ้าค่ะเรารีบออกไปรับเสด็จก่อน”เสนาบดีเล่อและฮูหยินต้องหันกลับมาเพื่อรับเสด็จท่านอ๋องก่อน ราวกับว่าท่านอ๋องจะทรงทราบมาก่อนแล้วว่าเล่อชุนหลันจะสร้างปัญหากับงานแต่งในครั้งนี้ หยางอี้เหรินในชุดเจ้าบ่าวสีแดงสดเข้าคู่กับชุดเจ้าสาวที่ตัดเย็บพร้อมกันเดินเข้ามาในจวนสกุลเล่อเสนาบดีเล่อฮูหยินและเล่อจื่อหลงรีบเข้ามาถวายบังคม ท่าทางของพวกเขาหยางอ
เล่อชุนหลันถึงกับพูดไม่ออกเมื่อมองไปที่มงกุฎสีทองที่เปล่งประกายที่ท่านอ๋องค่อย ๆ วางเอาไว้ที่โต๊ะ ครั้งนี้นางคงต้องยอมแพ้แล้วจริง ๆ เพราะเขาเตรียมการมาเป็นอย่างดีที่จะไม่ให้นางหนีพ้นได้เลย และเครื่องประดับที่ล้ำค่าถึงเพียงนี้เขายังนำมันมาให้นางสวม ในหัวใจนางตอนนี้พองโตราวกับจะหลุดออกมาได้อยู่แล้ว “ข้าจะออกไปรอที่ห้องโถง พวกเจ้าจัดการให้ดีพระชายาของข้าต้องงดงามที่สุดในวันนี้”""รับบัญชาเพคะท่านอ๋อง"" ครึ่งชั่วยามผ่านไป ท่านอ๋องเดินไปรอนางที่ห้องโถงเพื่อจัดเตรียมทุกอย่างเอาไว้ เขาและเสนาบดีเล่อช่วยกันรับแขกที่ทยอยมาร่วมงานที่จวนสกุลเล่อ เรื่องไฟไหม้ที่ห้องแต่งตัวของเจ้าสาวถูกปิดเอาไว้อย่างมิดชิดจนเมื่อถึงเวลาที่แม่สื่อเดินมาแจ้งว่าเจ้าสาวพร้อมแล้ว ทั้งหมดจึงเบนความสนใจไปที่ทางเดินทันที“ทูลท่านอ๋อง ครั้งนี้ไม่มีอะไรผิดพลาดแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“ดีมาก”เขามองไปที่เจ้าสาวของเขาที่เดินมาพร้อมกับแม่สื่อและข้าง ๆ นางคือสาวใช้ของนางเมื่อนางเดินเข้ามาใกล้ ๆ แขกที่อยู่ในงานต่างต้องตกใจอีกครั้งกับชุดเจ้าสาวและเครื่องประดับบนศีรษะของนาง “นะ…นั่น ๆ ๆ ใช่มงกุฎหงส์หรือไม่”งานนี้เป็นงานที่ผู้คนในเมืองเ
เล่อชุนหลันเดินตามแม่สื่อออกไป นางสังเกตว่าครั้งนี้ท่านอ๋องให้เสิ่นกงเดินตามมาด้วยซึ่งเป็นเรื่องที่น่าแปลกยิ่งนัก และเมื่อนางเดินไปถึงตำหนักและห้องส่งตัวต้องตกใจเมื่อห้องส่งตัวครั้งนี้กลับเป็นตำหนักใหญ่และ….“ห้องบรรทมของท่านอ๋องอย่างนั้นหรือ”“พระชายาเชิญเข้าห้องส่งตัวเถิดเพคะ”“แต่ว่า…ข้ามิต้องถูกส่งไปที่ตำหนักหลังหรอกหรือ เหตุใดจึงส่งตัวที่ห้องนี่ล่ะ”แม่สื่อมองหน้าพระชายาท่านอ๋องด้วยความงุนงงสงสัย และหันไปมองเสิ่นกงที่ตามมาด้วย“เอ่อ พระชายาเพคะห้องนี้เป็นห้องส่งตัวที่ท่านอ๋องทรงจัดเตรียมเอาไว้แต่แรกแล้วนะเพคะ”“แต่ว่า!!…. ช่างเถอะขอบคุณท่านมาก”“เพคะ”แม่สื่อเดินออกไปแต่เสิ่นกงยังยืนอยู่หน้าห้อง ชุนหลันต้องแปลกใจอีกครั้งที่เขาเป็นผู้เฝ้าอยู่หน้าห้องนาง“แม่สื่อก็ออกไปแล้ว เจ้าไม่ออกไปด้วยหรือเสิ่น…. เอ่อ ท่านองครักษ์”แม้ว่าชาติก่อนนางจะคุ้นเคยกับองครักษ์สองพี่น้องดีแต่นางในตอนนี้แทบจะไม่รู้จักเขาเลยหากว่าเผลอเรียกชื่อพวกเขาไปก็อาจจะดูแปลก ๆ “ทูลพระชายา กระหม่อมมีหน้าที่อารักขาพระชายานับจากนี้เป็นต้นไปพ่ะย่ะค่ะ”“อะไรนะ!! อารักขาข้างั้นหรือ”“พ่ะย่ะค่ะ”“แต่ว่า…”“เป็นพระบัญชาขอ
ใช่ นางลืมไปหมดสิ้นแล้วเพราะในชาติที่แล้วแม้ว่าจะท่องทุกพิธีการมาอย่างดีแต่เป็นเขามิใช่หรือที่ไม่เคยยอมให้นางทำตามธรรมเนียมใด ๆ เลย แต่มาในชาตินี้กลับใช้ “ธรรมเนียมแต่งงาน” กับนางทุกข้อไม่บิดพลิ้ว หากไม่นับที่เขาแอบไปหานางตอนดึกคืนนั้นเพื่อวัดตัว ชุนหลันทำตัวไม่ถูกเมื่อต้องเข้าห้องอาบน้ำไปพร้อมกับท่านอ๋องซึ่งเดินมาพร้อมกับสวมเพียงชุดนอนสีขาวบาง แนบเนื้อที่นางไม่คุ้นตาเอาเสียเลย“เจ้าไม่หนาวหรือเหตุใดไม่รีบอาบน้ำเล่า”"หม่อมฉันคิดว่าจะอาบให้พระองค์ก่อนแล้วค่อยอาบทีหลังเพคะ"“แล้วหากเป็นเช่นนั้นผู้ใดจะสวมชุดให้ข้ากันล่ะ เจ้าไม่ต้องห่วงหรอกหน้าที่นี้เป็นหน้าที่ของพระชายาอยู่แล้ว ข้าสัญญากับเจ้าว่าจะไม่รังแกเจ้าหากเจ้าไม่ยินยอม”แม้ว่าในชาติที่แล้วนางแทบจะไม่เคยเห็นช่วงเวลานี้และไม่เคยมีโอกาสทำหน้าที่เช่นนี้ตามที่นู่กวน[1] (นางข้าหลวง) เคยสอนมาก่อนก็ตาม แต่ชุนหลันก็ยังจดจำได้ทุกขั้นตอนเพราะเมื่อชาติก่อนนางหวังว่าจะมีโอกาสปรนนิบัติท่านอ๋องเพียงสักครั้ง แต่จนวาระสุดท้ายก็ไม่เคยแม้แต่จะได้เห็นแผงอกของเขาใกล้ ๆ เช่นนี้“ชะ…เช่นนั้นหม่อมฉันจะ…เริ่มเลยเพคะ”นางค่อย ๆ เดินไปถอดชุดของตนเองให้เหล
ชุนหลันรีบลุกเดินไปดูที่เตียงในทันทีตามที่จินถิงถาม นางหันไปเห็นรอยเลือดที่ผ้าปูที่นอนตามที่สาวใช้นางบอกจริง ๆ แต่จะเป็นไปได้เช่นไรที่จะมีเลือดเช่นนี้ทั้ง ๆ ที่เมื่อคืนนี้นางหลับไปก่อน หรือว่า….“เขางั้นหรือ”“คุณหนู อีกเดี๋ยวจะมีนู่กวนมาเก็บผ้าคลุมเตียงไปเพื่อพิสูจน์ว่าเมื่อคืนนี้พวกท่านเข้าหอกันหรือไม่ หากนั่นมิใช่เลือดของท่านแล้วเป็นเลือดของผู้ใดกันเจ้าคะ”“จินถิงเรื่องนี้เจ้าอย่าพูดไปโดยเด็ดขาด เรื่องนี้อันตรายมากข้าขอคิดดูก่อน ไปเถอะรีบไปห้องเสวย”“เจ้าค่ะ”นางเปิดประตูออกมาก็พบว่าเสิ่นกงรอทั้งคู่อยู่แล้ว นางลืมไปว่าบัดนี้เขาส่งเสิ่นกงมาเป็นองครักษ์ของนาง “เชิญพ่ะย่ะค่ะ”“ขอบใจมากเสิ่นกง”ชุนหลันหันไปมองสบตาสาวใช้ของนางอย่างรู้ทันกัน พวกนางสนิทกันเพียงแค่มองตาก็รู้ใจว่าต่อไปคงต้องระมัดระวังเรื่องการพูดจากันมากขึ้นแล้วเพราะท่านอ๋องส่งหูตามาอยู่ใกล้ ๆ เช่นนี้คงไม่มีความเป็นส่วนตัวอีกต่อไปแล้วห้องเสวยพวกนางเดินเข้ามาพร้อมกับท่านอ๋องที่พึ่งจะพับฎีกาที่เสิ่นปานำมาจากห้องทรงงานเมื่อเห็นว่านางมาถึงแล้วเขาจึงเลิกอ่านและให้เสิ่นปายกไปเก็บพร้อมกับสั่งสาวใช้ยกสำรับมาตั้งโต๊ะทันที“หม่อมฉ
จินถิงต้องรีบเดินตามผู้เป็นนายเข้ามาดูว่าเกิดสิ่งใดขึ้นกันแน่เหตุใดเหตุใดพระชายาจึงโวยวายถึงเพียงนั้น เมื่อทั้งองครักษ์เสิ่นกงและจินถิงเดินตามนางเข้ามาก็ต้องตกใจเช่นกันเพราะห้องส่วนตัวที่นางขอคงมิใช่แบบนี้แน่“คุณหนู…เอ่อ พระชายาเพคะ ที่นี่เป็นห้องหนังสือครึ่งหนึ่งและห้องแต่งตัวของพระชายาใช่หรือไม่เพคะ”“ข้าขอห้องส่วนตัว เขาไม่เข้าใจอะไรหรือว่าจงใจแกล้งข้ากันแน่!!”“พระชายาอย่าพึ่งกริ้วเลยพ่ะย่ะค่ะ บางทีท่านอ๋องอาจจะไม่ทราบ พระองค์…”“เสิ่นกง!! เจ้าไม่ต้องออกรับแทนเขา บัดนี้เจ้าเป็นองครักษ์ของข้ามิใช่หรือ เจ้าบอกมาว่าท่านอ๋องทำเช่นนี้ต้องการกลั่นแกล้งข้าใช่หรือไม่”“เอ่อ…. กระหม่อมขอบังอาจทูลถาม ตอนที่พระชายาทูลขอทรงตรัสกับท่านอ๋องเช่นไรพ่ะย่ะค่ะ”“ข้าก็ทูลขอห้องส่วนตัว…. หยางอี้เหริน!! มิน่าเล่าถึงได้ทำเช่นนี้”นางมองไปรอบ ๆ ห้องที่มีแต่ของใช้ส่วนตัว เครื่องประดับและชุดที่ถูกสั่งตัดมาใหม่เกือบเต็มห้องจนแทบจะไม่มีพื้นที่เหลือ อีกด้านหนึ่งที่มีโต๊ะสำหรับเขียนอ่านตั้งอยู่ก็เต็มไปด้วยตำราซึ่งน่าจะนำมาจากห้องเดิมของนางที่สกุลเล่อ เตียงที่มีอยู่ก็เป็นเพียงตั่งที่เอาไว้สำหรับเอนหลังชั่วคราว
ใบหน้าของเล่อชุนหลันร้อนผ่าวเมื่อเขาพูดจบแล้ว ท่านอ๋องหันมามองสบตานางใกล้ ๆ จนนางตกใจอีกครั้ง“ข้าหิวแล้ว ไปกินข้าวกันเถอะ”“ตะ แต่ว่า…คืนนี้”“อ้อ จริงสิใช่แล้ว คงจัดห้องให้เจ้าไม่ทันเช่นนั้นคืนนี้ก็คงต้องอยู่ด้วยกันไปก่อนแล้วล่ะนะพระชายา อันที่จริงยังไม่พ้นสามทิวาราตรีคู่แต่งงานใหม่เช่นเราไม่ควรแยกห้องนอนกันนะ เจ้าอย่าลืมสิว่าในวังมีหูตามากมายถึงขนาดไหนหากความนี้ส่งไปยังเมืองหลวงแล้วล่ะก็ ผู้ที่เดือดร้อนจะมิใช่เพียงแค่พวกเรานะ”นางเถียงเขาไม่ออกสักคำเพราะแม้แต่ในตำหนักทรงงานเช่นนี้ก็มีคนลอบมองพวกเขาอยู่ หูตาในวังนี้มีเยอะจริง ๆ ผิดกับเมื่อชาติก่อนที่แทบจะไม่มีผู้ใดสนใจเรื่องในวังหลังของท่านอ๋องเลย“เช่นนั้น…หม่อมฉันกับพระองค์…”“ใช่ ต้องอยู่ให้ครบตามธรรมเนียม อีกอย่างพวกเราต้องกลับไปเยี่ยมจวนสกุลเล่อตามธรรมเนียมหลังจากนั้นอีกเจ็ดวันด้วย ดังนั้นข้าคิดว่าเจ้าอย่าได้เสียเวลาคิดที่จะแยกห้องให้ยุ่งยากเลยดีกว่า”“กลับไปเยี่ยมจวนสกุลเล่อหรือเพคะ”“ชุนหลันนี่เจ้าคงไม่ถึงกับลืมขั้นตอนการกลับไปเยี่ยมญาติฝั่งเจ้าสาวหลังแต่งงานหรอกกระมัง”“เอ่อ….”ชุนหลันรับไม่ทันจริง ๆ เมื่อชาติที่แล้วหลังจากท
“แต่ไม่ใช่ต่อหน้าผู้คนเช่นนี้ แล้วยังเป็นในงานมงคลของท่านพี่ข้าด้วย”“ไม่เป็นไรหรอกหลันเอ๋อร์พวกเราชินแล้ว เจ้าไม่รู้อะไรพวกเราน่ะต้องประชุมเรื่องทารกในครรภ์ของเจ้าในราชสำนักมากี่วันแล้ว”“จื่อหลง แม้ว่าเจ้าจะเป็นพี่ชายพระชายาข้าก็สั่งลงอาญาเจ้าได้นะหากเจ้ายังพูดมากข้าจะเรียกค่าเสียหายให้เจ้าหมดตัวเลยล่ะ”“กระหม่อมไม่กล้าแล้วพ่ะย่ะค่ะ โปรดทรงอภัย ทรงอภัยด้วย”“มา ดื่มเหล้ามงคลกับเจ้าหน่อย ยินดีด้วยที่หาพี่สะใภ้ให้พวกข้าได้เหมาะสม จากนี้ไปขอให้พวกเจ้าอยู่ด้วยกันยืนยาวลูกหลานเต็มเมือง แต่อย่าให้เกินข้าเพราะข้าจะไม่ยอมแพ้พวกเจ้า”“ฮ่า ๆ ท่านอ๋องทรงกล่าวเกินไปแล้ว กระหม่อมมีหรือ….”“พี่ใหญ่ ท่านพี่!! พวกท่านช่วยไว้หน้าข้าบ้างเถิด”“เอ้า ดื่ม ๆ”สุรามงคลหลายจอกทยอยนำมาให้ดื่ม มู่หรงเฉิงช่วยรับแขกอยู่ด้านนอกส่วนเจ้าบ่าวตอนนี้ถูกส่งไปที่ห้องส่งตัวแล้ว ท่านอ๋องจึงพาพระชายาของตนเองกลับจวนเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม เสนาบดีเล่อและฮูหยินเดินมาส่งทั้งคู่“ท่านแม่เอาไว้ชุนหลันใกล้คลอดข้าจะส่งคนมารับท่านให้ไปอยู่เป็นเพื่อนนาง อาจจะต้องรบกวนท่านพ่อหลายวันหน่อยนะขอรับ”“ท่านอ๋องอย่าทรงเกรงพระทัยเพคะ ท้องแ
แม้จะบอกว่าจะอ่อนโยนแต่ความดุดันและความต้องการของทั้งคู่ก็มิอาจอัดอั้นความต้องการไปได้เพราะท่านอ๋องอ่อนโยนได้เพียงชั่วครู่ก็ต้องเร่งจังหวะกลับเป็นเช่นเดิมตามความต้องการของพระชายา“อื้อ…ท่านพี่เพคะ เร็วอีกนิด จะ…ไม่ไหวแล้ว อ๊าา”เรือนร่างที่เคยเรียบเนียนผุดผ่องบัดนี้เต็มไปด้วยรอยแดงจากพระสวามีที่ฝากเอาไว้ แรงกระแทกที่ไม่ลดละจนเกิดเสียงดังเพราะน้ำรักของทั้งคู่ที่เอ่อล้นออกมาหลังผ่านศึกรักกันมาเกินสามรอบจนเตียงแทบจะไม่สามารถนอนได้แล้ว“อื้อ…อี้เหริน อ๊าาา”“ชุนหลันเจ้าเบาหน่อย ท่านี้มันกระแทกแรงไปหรือไม่เจ้า...ขย่มเบา ๆ อาา...”แต่เขากลับละสายตาจากสองเต้าคู่งามตรงหน้าไม่ได้เมื่อพระชายาเริ่มขยับเอวอยู่บนร่างของเขา ลิ้นหนาฉกเข้าไปดูดดื่มราวทารกกระหายน้ำนมมารดา เสียงครางดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับแรงขย่มเอวจากพระชายาจนนางเริ่มเกร็งตัวขึ้นอีกครั้ง“ชุนหลันน…อาาา ที่เหลือให้ข้าจัดการเอง”เขาไม่ได้ให้นางขยับไปไหนเพียงแค่จับเอวบางของนางกระแทกซ้ำมาที่เดิมและเอนกานรับจนตามนางไปอีกครั้ง ผมเผ้ายุ่งเหยิง เตียงที่ไม่สามารถใช้การได้เพราะความยุ่งเหยิงและเปียกชื้นทำให้ทั้งคู่ต้องเปลี่ยนมานอนที่ห้องนอนเล็กขอ
“อะไรนะ ปัดความรับผิดชอบแต่เหตุใดพระสนมจึงได้…”“พระสนมในตอนนั้นทั้งโกรธและโมโหแต่ก็ไม่อยากเอาเรื่อง ขอเพียงออกจากวังหลวงต้าจินโจวไปได้ดังนั้นจึงทูลขอฝ่าบาทว่าหากยินยอมให้นางซึ่งเป็นสนมที่ถูกส่งมาเพื่อเชื่อมสัมพันธ์ได้มีอิสระนางก็จะยอมมอบยาถอนพิษให้ ฝ่าบาทจึงปล่อยนางออกมาจากเมืองหลวงและให้คนพานางมาอยู่ที่อารามแห่งนี้”“เช่นนั้นเสด็จพ่อต้องส่งคนมาปกป้องพระสนม”“ใช่แล้ว คนผู้นั้นคือขุนนางคู่พระวรกาย ผู้จงรักภักดีต่อฝ่าบาทและยังเป็นเสนาบดีข้างพระวรกายมาหลายปี “เล่ออันจ้าน” บิดาของพระชายา"เรื่องราวของพระสนมผู้นี้เขาไม่เคยทราบมาก่อนเพราะเสด็จพ่อของเขามีสนมถึงยี่สิบกว่าคนและบางคนเขาก็ไม่รู้จัก อีกอย่างเรื่องนี้หากวันนี้เขาไม่ได้มาที่นี่ก็คงไม่เคยทราบเรื่องเช่นนี้มาก่อนและไม่รู้เลยว่าลี่จางหย่งยังมีบุตรชายอีกคนหนึ่งอยู่“เช่นนั้น เสนาบดีเล่อก็ปิดเรื่องนี้เป็นความลับมาโดยตลอด มิน่าเล่าปีนั้นเขาถึงถูกส่งมาที่นี่ ที่แท้เรื่องราวเป็นเช่นนี้นี่เอง”“ใช่ ฮูหยินของเขาก็ทราบทั้งสองช่วยกันดูแลพระสนมและอาตมามาโดยตลอด ที่ดินตรงนี้แต่เดิมก็คือที่ดินของสกุลเล่อ เสนาบดีเล่อและฮูหยินดูแลพระสนมจนถึงวาระสุด
“ใต้ซือที่ท่านพูดหมายถึง….”ใต้ซืออู๋หยวนเพียงแค่ยิ้มให้พวกเขาเท่านั้น“จริงสิยินดีด้วยที่ได้พบกับคนที่เจ้าตามหา”“อาจารย์ทราบด้วยหรือเจ้าคะ”“หึหึ เจ้าพามาด้วยเช่นนี้ไม่ว่าผู้ใดก็คาดเดาได้”“ขอบคุณอาจารย์ที่ชี้แนะบอกให้ข้าลงจากเขาไปวันนั้นเพื่อบอกว่าให้ไปพบกับคนที่จะพาข้าไปหาพี่ชายและก็ได้พบจริง ๆ”"อะไรนะ เจียวเมิ่งนี่เจ้า… กำลังหมายถึงข้างั้นหรือ"“เจ้าค่ะพี่ชุนหลัน อาจารย์บอกให้ข้าลงเขาไปวันที่พบท่านในเมืองและบอกว่าจะได้พบกับผู้ช่วยเหลือ วันนั้นก็เป็นท่านและท่านอ๋องที่เข้ามาช่วยข้าจริง ๆ เจ้าค่ะ”ท่านอ๋องและเล่อชุนหลันหันมามองหน้ากัน พวกเขามั่นใจว่าไม่เคยพบใต้ซืออู๋หยวนมาก่อนในชาติก่อนแต่เหตุใดดูเหมือนว่าใต้ซือผู้นี้จะรู้ทุกเรื่องที่เกิดขึ้นในเมือง“จริงสิเจียวเมิ่งในเมื่อเจ้าพบกับพี่ชายแล้วเหตุใดจึงไม่พาเข้าไปสักการะและไหว้พระในวิหารสักหน่อยเล่า”“อ้อ เจ้าค่ะอาจารย์พี่ใหญ่ไปเถอะข้าจะพาท่านเดินชมทั่ว ๆ วัดหลังจากที่ไหว้พระ จื่อหลงท่านก็มาด้วยกันสิ”“อ้อ ได้สิ เสี่ยวเฉิงไปเถอะ”ทั้งหมดพากันเดินออกไปแล้วจึงเหลือเพียงท่านอ๋องและพระชายาเท่านั้นส่วนจินถิงและสององครักษ์ก็เดินออกมาเฝ้าด้
“เอาตัวนางไปขังให้คนเฝ้าเอาไว้ ข้าจะไปหาท่านอ๋องที่ท้องพระโรง”“พ่ะย่ะค่ะ”กลับมาที่ตำหนักกลาง “เล่อชุนหลัน ความอัปยศนี้ข้าจะให้เจ้าเป็นผู้รับทั้งหมด”“นางอยู่นี่พ่ะย่ะค่ะ”ท่านอ๋องพร้อมกับพระชายาและคนที่เหลือเดินเข้ามาในห้องเพื่อมาสอบสวนลี่จินเซียนเพิ่มเติม แต่เมื่อมาถึงนางกลับไม่พูดอะไรเพียงแค่มองออกไปที่นอกหน้าต่างและเห็นว่าบิดากำลังถูกดูถูกอยู่ตรงด้านหน้าท้องพระโรงและรอให้รถนักโทษมารับไปยังคุกหลวงเพื่อรอการประหาร“ลี่จินเซียน ข้าจะให้โอกาสเจ้าได้สารภาพมาว่าเจ้ามีส่วนรู้เห็นในแผนการครั้งนี้หรือไม่”“หึ หากว่าพูดว่าไม่พระองค์จะทรงเชื่อหรือเพคะ ไม่ว่าจะอย่างไรหม่อมฉันก็เป็นคนผิดในสายตาพระองค์อยู่แล้ว ไม่เหมือนนางที่ทำสิ่งใดก็ถูกหมด พระองค์มันหน้ามืดตามัวลุ่มหลงจนมองไม่เห็นผู้อื่น”“ลี่จินเซียน ข้าถามเจ้าดี ๆ”“หม่อมฉันก็ตอบดี ๆ แล้วนี่เพคะ อีกอย่างแค่ถามดี ๆ แต่กลับล่ามตัวข้าเอาไว้เช่นนี้ หึ ถามดีจริง ๆ”“เสิ่นกงปล่อยนาง”“พระชายา!!” / เสิ่นกง“ปล่อยนาง มีข้าอยู่ไม่เป็นไรหรอกหากนางอยากคิดจะทำอะไรโง่ ๆ ครั้งนี้ก็โทษข้าไม่ได้แล้ว” / ท่านอ๋องเสิ่นกงเป็นคนไปปลดเชือกที่มัดลี่จินเซียนเอา
“เจ้า!!”“ข้าไม่ทำผู้ใดก่อนหากนางไม่สั่งคนมาจับข้าเพื่อจะใช้เป็นข้อต่อรองกับท่านอ๋อง ช่วยไม่ได้นะพวกท่านเริ่มก่อนเองในเมื่อหาเรื่องก็ต้องยอมรับผลของมันสิ”“ชุนหลัน แล้วลูก…”“ข้ากับลูกปลอดภัยเพคะพระองค์ไม่ต้องห่วง”“เจ้าทำอย่างไรถึงได้ต้านทานทหารของข้าได้ พวกเขาล้วนเป็นนักฆ่ารับจ้างฝีมือดี ไม่มีทางที่จะจัดการได้ง่าย”“นักฆ่าที่โหดเหี้ยมฝีมือดีข้ายอมรับ แต่พวกมันมาฆ่าเพราะคำสั่งและค่าจ้าง อีกอย่างท่านก็คงจะลืมใส่สมองมาให้พวกมันกระมัง แค่โดนค่ายกลของข้าเพียงสองด่านพวกมันก็หลุดเข้ามาในตำหนักไม่ได้แล้ว อ้อจริงสิมีแค่ลี่จินเซียนที่ข้าตั้งใจให้นางเข้ามาเท่านั้นเพราะไม่อยากทำร้ายนางด้วยเข็มพิษและธนูอาบยาพิษเจ็ดไฟกัลป์ ท่านคุ้นชื่อนี้บ้างหรือไม่ใต้เท้าลี่”“เจ้า!! อ๊ากกกกก!!!”ท่านอ๋องดึงชุนหลันเข้ามากอดเอาไว้แน่นเมื่อเห็นว่าลี่จางหย่งเริ่มเสียสติและตะโกนลั่นจนกระอักเลือด เขานึกออกแล้วครั้งก่อนที่นางใช้เงินห้าพันตำลึงนั้นไปซื้อยุทโธปกรณ์ก็เพื่อวางค่ายกลเอาไว้รอบตำหนักด้วยนี่เองส่วนเข็มพิษและพิษร้ายแรงนั่นคงมาจากหวังเจียวเมิ่งที่ใส่เอาไว้ในอาวุธ เดิมทีเขาแค่วางกำลังปกป้องนางเงียบ ๆ รอบตำหนักแ
“พวกท่านหลบไป”“ท่านอ๋องแต่ว่า”“ข้าบอกให้หลบไป ท่านพ่อ ข้าฝากท่านดูแลท่านราชครูด้วย”“พ่ะย่ะค่ะ”แม่ทัพหลงเป็นคนเดียวที่ไม่ยอมหลบไปตามคำสั่ง ท่านอ๋องมองไปยังลี่จางหย่งที่ยืนยิ้มอยู่ตรงหน้า ขุนนางทั้งหลายถูกล้อมเข้ามารวมอยู่ที่เดียวกัน “ท่านอ๋องวันนี้ไม่ว่าผู้ใดก็จะออกไปจากท้องพระโรงนี้ไม่ได้”“งั้นหรือ เพราะอะไรล่ะเพราะเจ้างั้นหรือ”“ท่านอ๋อง!! จะตายอยู่แล้วยังทำท่าถือดีเช่นนี้อยู่ ทหารองครักษ์ถูกข้าล้อมเอาไว้จนหมดแล้วท่านไม่มีทางรอดออกไปได้หรอก”หยางอี้เหรินหันมายิ้มเยาะให้ลี่จางหย่งเล็กน้อย รอยยิ้มนั้นน่าขนลุกพอ ๆ กับฝ่าบาทเพราะท่านอ๋องไม่ได้มีทีท่าว่าจะหวาดกลัวหรือตกใจเลยแม้แต่น้อย แต่ลี่จางหย่งในตอนนี้มาไกลเกินกว่าจะถอยแล้ว“มันเริ่มจากตรงไหนนะ อ้อ… งานเทศกาล ไม่สิ ๆ ตั้งแต่เจ้าเข้าวังหลวงไปสมคบคิดกับพระสนมลี่นั่นต่างหาก ปลอมแปลงราชโองการให้พาบุตรสาวเจ้าเข้าวัง เริ่มให้สาวใช้ลอบวางยาพิษข้าและพระชายาของข้าเพื่อจะได้ให้นางตายและควบคุมข้า แล้วอะไรอีกนะขอข้าคิดก่อนนะ”“นี่ท่าน!!…”“วางยาพิษที่กระถางกำยาน ง่ายและรวดเร็วก็จริงแต่โชคร้ายที่ข้าไม่ได้เปิดโอกาสให้คนของเจ้าทำได้สำเร็จ ถ้าจ
“มีเรื่องอะไรด่วนงั้นหรือพี่หลง”“ไม่มีอะไรหรอก เจ้าก็รู้ว่าตอนนี้ท่านอ๋องคงไม่มีอะไรด่วนไปมากกว่าเรื่องของพระชายาอีกแล้วรีบกลับกันเถอะ”วันถัดมา “เหตุใดวันนี้ถึงต้องให้พี่ใหญ่มาเฝ้าข้าด้วยเล่าเพคะ”“เพราะพวกเขามีข่าวดีมาบอกเจ้าน่ะสิ เจ้าไม่อยากยินดีกับหมอหวังสักหน่อยหรือที่นางหาพี่ชายพบแล้ว เอาล่ะข้าไม่มีเวลาแล้วจะต้องรีบเข้าประชุม”“หยางอี้เหรินท่านหยุดนะ”ท่านอ๋องหยุดชะงักเมื่อเห็นสีหน้าของนาง เล่อชุนหลันเริ่มสงสัยกับพฤติกรรมแปลก ๆ ของเขาตั้งแต่เมื่อคืนนี้แม้ว่าจะไม่ได้ถามเพราะนางอ่อนเพลียและหลับไปก่อนแต่รู้แน่ว่าเขามิได้กลับมานอนที่เตียงเพราะที่ข้าง ๆ นางนั้นเย็นและราบเรียบ“ท่านมีอะไรปิดบังข้าอยู่”“เปล่านะ ข้า…ไม่มี ใครจะกล้า”“อี้เหรินหากว่าท่านไม่พูดข้าจะกลับไปอยู่จวนสกุลเล่อกับท่านแม่”“ชุนหลันทำไมเจ้าต้องข่มขู่ข้าแบบนี้ เจ้าเองก็รู้ว่าปกติหลังจากงานเลี้ยงก็ต้องกินดื่มกันจนเกินเลยเวลาอยู่แล้ว ข้าก็แค่…”“ข้ายังไม่ได้พูดเลยว่าท่านโกหกเรื่องอะไร อี้เหรินหากท่านอยากจะปกปิดข้าเพราะอยากปกป้องแต่ข้าเองก็ต้องรู้ตัวด้วยว่าท่านกำลังปกป้องข้าจากอะไร สิ่งใดและผู้ใดหรือว่าท่านลืมเรื่องท
“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันเจ้าค่ะ พี่จื่อหลงเองกล่าวเกินไปแล้วข้าเป็นเพียงแค่หมอธรรมดาเท่านั้นหากว่าพี่มู่หรงมีสิ่งใดให้ช่วยก็บอกได้นะเจ้าคะ”“ข้าน่ะหรือ โชคดีที่ข้าสุขภาพค่อนข้างแข็งแรงแต่เด็กแต่ว่าพี่หลงของข้าน่ะสิอาจจะต้องรบกวนให้หมอหวังดูแลเขาให้มาก ๆ เสียหน่อย”“พูดมากน่า ว่าแต่เรื่องที่เมืองชุ่นเป็นอย่างไรบ้าง”“ผ่านไปได้ด้วยดี ที่จริงต้องบอกว่าองค์หญิงห้าของพวกเขาเข้ามากู้วิกฤติครั้งนี้ทันล่ะนะ”“หมายความว่าอย่างไร”“ดูเหมือนว่านางจะถูกใจองค์รัชทายาทของเรา การเจรจาจึงได้ง่ายขึ้น อีกอย่างยังได้สัญญาสงบศึกติดมือมาด้วยครั้งนี้คงต้องยกย่องท่านอ๋องที่เป็นตำนานแห่งแม่ทัพที่เลื่องชื่อ ในดินแดนบูรพานี้ไม่มีผู้ใดเทียบพระองค์ได้ องค์ชายใหญ่ของอานฉวนให้ความนับถือท่านอ๋องของเราไม่น้อยเลยเพียงแต่ว่า…”“เพราะว่าท่านอ๋องมีพระชายาแล้วสินะ”“ใช่ ดังนั้นเรื่องภาระนี้จึงตกเป็นขององค์รัชทายาทแต่ดู ๆ แล้วทั้งสองคงเข้ากันได้ไม่ยากเพราะก่อนหน้านั้นทั้งคู่ก็ออกไปขี่ม้าล่าสัตว์ด้วยกันบ่อย ๆ พักหลัง ๆ ตัวแทบจะติดกันดังนั้นเรื่องการเจรจาฝ่ายพวกเราเพียงแค่ทำสัญญาซื้อขายและแบ่งที่ทางในการขุดเหมืองร่วมกันเท่