ร่างกายหนากำยำบนอาชาสีดำทะมึนแผ่กลิ่นอายสูงส่งควบม้านำหน้าขบวนกองทหารเล็กๆ ที่เดินทางร่วมขบวนไม่ถึงยี่สิบนาย แต่ทุกคนล้วนดูองอาจทั้งสิ้น บุรุษผู้ที่ดูน่าเกรงขามผู้นี้คือท่านแม่ทัพที่เถ้าแก่เนี่ยซือจี๋กล่าวถึง แท้จริงแล้วบุรุษผู้นี้เป็นถึงแม่ทัพทมิฬแห่งแคว้น และทหารที่ร่วมทางคือทหารในหน่วยพยัคฆ์ดำ แม่ทัพหยางหรง ที่เดินทางไปส่งมอบของสำคัญที่ฮ่องเต้แคว้นอู๋ได้มอบหมายให้ส่งให้ฮ่องเต้แคว้นจ้าวด้วยตัวเอง ซึ่งเมื่อภารกิจสำเร็จลุล่วงก็เดินทางกลับทันที และทุกครั้งที่เขามาทำภารกิจที่แคว้นจ้าวจะต้องหยุดพักที่เมืองหนานหยางแห่งนี้ เพื่อแวะมาเยี่ยมภรรยาของลูกน้องใต้บังคับบัญชาที่เสียชีวิตสละตัวเองปกป้องชาวเมือง
โรงเตี๊ยมของซือจี๋ตอนนี้กำลังคึกคักนักทุกคนต่างยุ่งกันหมดเพราะวันนี้เป็นวันที่ท่านแม่ทัพและทหารจะเดินทางมาถึง
ท่านป้าซือจี๋ก็ได้จัดเตรียมทุกอย่างไว้ให้หลินเฟยเพื่อเตรียมตัวเดินทาง เมื่อถึงวันเดินทางจะได้พร้อมเดินทางได้ทันที
หลินเฟยตอนนี้กลายเป็นคุณชายน้อยหน้าหวาน นั่งดูตนเองในกระจกแล้วนึกกังวลนักมองอย่างไรนางก็เหมือนสตรีไม่มีส่วนไหนคล้ายบุรุษสักนิดอย่างไรคงโดนจับได้แน่
"ท่านป้า ซิ่วอิง ข้าว่าข้าคงต้องอยู่แต่ในห้องนี้แล้วกระมัง หากออกไปเห็นทีคงถูกจับได้แน่"
ข้างนอกนั่นคนของท่านเจ้าเมืองเต็มไปหมด หลายวันมานี้นางหลบอยู่แต่ในห้องไม่ย่างกลายออกไปไหนเลย
"เจ้าอย่าได้กังวลเฟยเอ๋อ"
ท่านป้าว่าพลางหยิบตลับไม้ขึ้นมาวางบนโต๊ะ
" นี่คือยางไม้ชนิดพิเศษของแคว้นจ้าว"
" เอามาทำไมหรือเจ้าคะ"
ซิ่วอิงถามขึ้นอย่างสงสัย หลินเฟยนางก็อยากรู้เช่นกัน
"ยางไม้นี้หายากมากและแพงมากด้วย เอาไว้ใช้สำหรับปลอมแปลงใบหน้า หากใช้ยางนี่แตะลงบนส่วนใด ส่วนนั้นก็จะเกิดเป็นผิวขรุขระดำด่างเหมือนเป็นแผลเป็น แม้ใช้น้ำก็ไม่สามารถหลุดออกได้"
" แล้วมันล้างออกอย่างไรเล่าเจ้าคะ"
หลินเฟยถามอย่างสนใจนัก
ป้าซือจี๋จึงหยิบขวดกระเบื้องขนาดเล็กออกมา
" นี่คือน้ำยาสกัดพิเศษใช้ผสมน้ำแค่สี่ถึงห้าหยด แล้วเอามาล้างหน้า ยางไม้ก็จะหลุดออก"
" โอ้ ของดีนะนี่"
หลินเฟยลองหยิบมาดมๆ ดู ไร้กลิ่น
" แต่มันมีเพียงชุดนี้ชุดเดียวเท่านั้น เจ้าต้องใช้ให้มีประโยชน์ที่สุด ชุดหนึ่งใช้ได้เพียงสามครั้ง"
"แล้ว ตอนเดินทางคุณหนูไม่ต้องอาบน้ำหรือเจ้า"
เพี้ย!
" นี่แน่ะ"
" ข้าเจ็บนะเจ้าคะเถ้าแก่"
" ข้าบอกแล้วอย่างไรเล่าว่าล้างด้วยน้ำเปล่าไม่หลุด หากเจ้าทนความเหนียวเหนอะของยางนี่ได้เจ้าก็สามารถติดแค่ครั้งเดียวถึงจุดหมายปลายทาง"
" อยู่ได้นานถึงขนาดนั้นเลยหรือเจ้าคะ"
จากหนานหยางสู่เมืองหลวงต้องให้เวลาเป็นเดือนเลยนะ
" ใช่ แต่ยิ่งติดนานมันจะยิ่งเหนียวเหนอะและคันนิดหน่อย หากเจ้าทนได้จะดีมาก"
เอ่ยพร้อมส่งยิ้มเป็นกำลังใจมาให้
" เอาก็เอาเจ้าค่ะ ข้าไม่มีทางเลือกแล้วหนิ"
" ถ้าอย่างนั้นก่อนจะถึงวันเดินทางเจ้าก็ทนอยู่ในห้องนี้ไปพลางๆ ก่อน เมื่อถึงวันเดินทางค่อยเอาออกมาใช้"
" เจ้าค่ะ ท่านป้า"
" เดี๋ยวป้าไปดูด้านล่างเสียหน่อย ว่าเด็กๆ จัดเตรียมห้องพักไว้เรียบร้อยหรือไม่"
ว่าแล้วก็ลุกเดินออกไป
" คุณหนูเจ้าคะ ท่านแน่ใจหรือว่าจะไม่ให้บ่าวติดตามไปด้วย"
ซิ่วอิงถามพลางทำหน้าเศร้า นางเป็นห่วงคุณหนูของนางนัก หากมีนางไปด้วยหากเกิดอะไรขึ้นจะได้ช่วยเหลือกันได้
" ซิ่วอิง เจ้าอย่าได้ห่วงไปเลยข้าไม่เป็นอันใดไปง่ายๆ หรอก อุตส่าห์อยู่รอดมาได้จนถึงตอนนี้ถือว่าข้าก็เก่งพอตัว หากข้าไปถึงเมืองหลวงเมื่อไหร่แล้วจะรีบส่งข่าวมา และหากข้าได้ที่อยู่ที่แน่นอนจะรีบรับเจ้าไปอยู่ด้วยกันดีหรือไม่"
ว่าพลางเดินเข้าไปสวมกอดซิ่วอิง ความจริงก็อยากให้ซิ่วอิงตามไปด้วย แต่หนทางข้างหน้านางเองก็ยังไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไรบ้าง นางไม่อยากพาซิ่วอิงไปเสี่ยงด้วย รอให้นางมีความมั่นคงกว่านี้ค่อยมารับซิ่วอิงไปอยู่ด้วยกัน ที่แล้วมาซิ่วอิงก็ลำบากเพราะนางมามาก
แม่ทัพหยางหรง เมื่อเดินทางมาถึงโรงเตี๊ยมของแม่นางซือจี๋ ก็ได้รับการต้อนรับอย่างดีเหมือนทุกครั้งที่แวะมา เขาได้เข้าพักที่ห้องเดิมทุกครั้ง สงสัยแม่นางซือจี๋จะเก็บห้องนี้ไว้ให้เขาแล้วกระมังเมื่อเข้ามาในห้องพักทุกอย่างดูเหมือนเดิมแต่กลิ่นกำยานนั้นเปลี่ยนไป กลิ่นนี้เมื่อสูดดมเข้าไปแล้วรู้สึกผ่อนคลายนัก กลิ่นหอมเย็นชวนให้สดชื่น ซึ่งถูกใจแม่ทัพหยางหรงอย่างยิ่ง หยางหรงเมื่อรู้สึกผ่อนคลายก็รีบชำระล้างร่างกายเพราะตอนนี้รู้สึกเหนียวตัวอย่างมาก ร่างกายแข็งแกร่งกำยำเต็มไปด้วยมัดกล้าม อย่างบุรุษที่ออกกำลังอยู่เสมอ ตามเนื้อตัวเต็มไปด้วยรอยแผลเป็นที่เกิดจากการออกทัพจับศึกตั้งแต่อายุสิบสามจนเข้าวัยหนุ่มฉกรรจ์ ตอนนี้เขาอายุเข้ายี่สิบหกหนาวแล้ว ตามร่างกายจึงมีรอยแผลเพิ่มขึ้นตามประสบการณ์ บางบาดแผลที่ได้รับเกือบพรากลมหายใจก็เคยมี เมื่อบุรุษร่างกายสูงใหญ่กำยำในชุดสีดำแบบคุณชายสูงศักดิ์ ใบหน้านั้นแสนเรียบนิ่ง แผ่กลิ่นอายเย็นชาเดินลงมายังชั้นล่างของโรงเตี๊ยมก็กลายเป็นที่สนใจของสาวน้อยสาวใหญ่จนแทบอยากจะโยนผ้าเช็ดหน้าไปให้ หากไม่ติดกับใบหน้าที่แสนเย็นชานั้น หยางหรงเมื่อเดินมาถึงชั้นล่างก็เข้าไปนั่งร่วมโต๊
แม่ทัพหยางหรงที่ตอนนี้กำลังทอดสายตามองออกไปนอกหน้าต่างของโรงเตี๊ยม ชื่นชมบรรยากาศตอนพลบค่ำของเมืองหนานหยางที่ดูงดงาม ผู้คนที่เดินกันขวักไขว่ ดูคล้ายคลึงกับเมืองหลวงนัก เห็นโคมไฟหลากสีของร้านรวงต่างๆ ดูงดงามต่างจากตอนกลางวันไปอีกแบบหนึ่ง"ท่านแม่ทัพขอรับ แม่นางซือจี๋ มาขอพบขอรับ" "เชิญเข้ามา" เสียงเปิดและตามด้วยเสียงปิดประตูทำให้ร่างสูงสง่าหันหน้ามาหาผู้มาใหม่"คารวะ ท่านแม่ทัพเจ้าค่ะ" พยักหน้ารับพร้อมกล่าว"แม่นางซือจี๋ เชิญนั่ง ท่านมีอะไรจะคุยกับข้าหรือ" ซือจี๋เมื่อนั่งลงเรียบร้อยก็เอ่ยเข้าเรื่องทันที เพราะเกรงใจเจ้าของห้องว่าคงอยากจะพักผ่อนแล้ว"ข้ามีเรื่องอยากรบกวนท่านแม่ทัพสักเรื่องได้หรือไม่เจ้าคะ"" ท่านลองว่ามาสิ""คือข้ามีคนรู้จักอยู่คนหนึ่ง เป็นเด็กผู้ชายที่พึ่งได้รับเคราะห์กรรมไฟไหม้บ้าน ทำให้มารดาถูกไฟคลอกเสียชีวิตแต่เขาหนีรอดมาได้จึงอยากจะไปตามหาบิดาที่เมืองหลวง เพราะบิดาของเขาจากไปเมืองหลวงหลายเดือนแล้ว จึงอยากฝากฝังท่านแม่ทัพให้เขาร่วมเดินทางไปกับท่านด้วยได้หรือไม่ เพราะตัวข้าก็นึกเวทนาเด็กนั่นนัก"" อืม เอาสิไม่ได้ลำบากอะไรนักแค่เด็กคนเดียว"" เอ่อ หากจะให้ท่านช่วยด
หลังจากกลับมาจากการเข้าไปพบท่านแม่ทัพหยางหรง ท่านท้าวซู ก็เรียกพบฮูหยินเอกและบุตรีคนโตที่เขาฝากความหวังในครั้งนี้ไว้กับนาง นาม ซูหนี่ว์ฮวา นางผู้มีความงามเย้ายวนและงดงามที่สุดในบรรดาบุตรีทั้งหมด การวางตัวนั้นสมเป็นบุตรีของท่านเจ้าเมืองที่เกิดจากฮูหยินเอก"พรุ่งนี้ เจ้าต้องมัดใจท่านแม่ทัพให้จงได้รู้หรือไม่ฮวาเอ๋อ หวังว่าเจ้าจะไม่ทำให้บิดาผู้นี้ผิดหวัง" "เจ้าค่ะ ท่านพ่อ" เสียงหวานกล่าวขึ้นอย่างมีจริต ใบหน้างามแดงก่ำอย่างเขินอาย ท่านท้าวซูพยักหน้าอย่างพอใจ เขาคงสมปรารถนาและเพิ่มอำนาจบารมีของตัวเองได้อีกมากนัก หากมีบุตรเขยเป็นถึงแม่ทัพใหญ่แห่งแคว้น เมื่อมีขุมอำนาจหนุนหลังจะทำการใดย่อมสำเร็จลุล่วง ใบหน้าแสนเจ้าเล่ห์กระหยิ่มยิ้มย่องอย่างลำพองใจนักปลายยามอิ๋นของวันรุ่งขึ้น แม่ทัพหยางหรงก็มาเยือนจวนเจ้าเมืองพร้อมองครักษ์คนสนิท นาม เฉินฟู่ ได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจากจวนเจ้าเมือง "คารวะ ท่านแม่ทัพ นับเป็นเกียรติต่อข้ายิ่งนัก" "คารวะท่านแม่ทัพเจ้าค่ะ ข้าน้อยซูฮูหยิน ยินดียิ่งนักที่ได้ต้อนรับท่านและนี่บุตรีของข้า ซูหนี่ว์ฮวาเจ้าค่ะ" สตรีแสนงดงามที่ตั้งใจประทินโฉมอยู่หลายชั่วยามในชุดเลอค
ท่าทางร้อนรนของอาฉู่ เสี่ยวเอ้อของที่นี่ ที่หลินเฟยคุ้นเคยเป็นอย่างดี เรียกความสนใจจากหลินเฟยได้ดีนัก เพราะท่าทางแบบนี้เดาไม่ยากเลยว่าคงทำอะไรผิดมาแน่ๆอะแฮ่มเสียงกระแอมของหลินเฟยเรียกความตกอกตกใจของอาฉู่ได้ดียิ่งนัก"พี่สาวเฟย เป็นท่าน"กล่าวพลางใช้มือลูบอก"อาฉู่ มีอะไรหรือไม่ ข้าเห็นเจ้าลุกลี้ลุกลนยิ่งนัก"กล่าวถามพร้อมสังเกตอาการคนตรงหน้าที่มีท่าทางลังเลใจไม่กล้าที่จะบอกกล่าวจึงเอ่ยต่อไปอย่างเป็นห่วง"เจ้าสามารถบอกกล่าวพี่สาวได้ เผื่อข้าช่วยเหลือเจ้าได้""คือ ข้าลืมเอากำยานไปจุดในห้องพักของแขกตามที่เถ้าแก่เนี้ยสั่งไว้ จะไปตอนนี้ก็ปลีกตัวไปไม่ได้ ข้าต้องโดนดุอีกแน่""เรื่องแค่นี้เอง ทำไมต้องกลัวถึงขนาดนี้ด้วย ทำอย่างกับเรื่องคอขาดบาดตาย""แต่เถ้าแก่เนี้ย สั่งแล้วสั่งอีกว่าอย่าให้มีเรื่องผิดพลาดเกิดขึ้น"เอ่ยพลางทำหน้าจะร้องไห้"ห้องไหนล่ะ เดี๋ยวข้าไปจุดให้""จริงหรือขอรับ""อืม มันก็ไม่ได้เหลือบ่ากว่าแรงอะไร""ขอบคุณพี่สาวเฟย ขอรับ""บอกมาเร็วๆ เดี๋ยวแขกกลับมาข้าไม่รู้ด้วยนะ""ชั้นสามห้องปีกขวาริมสุดขอรับ"บอกพลางยิ้มหวานประจบมาให้"ก็แค่นั้น"หลินเฟยจึงเดินไปหยิบกล่องกำยานแล้วเดิ
อื้ออออริมฝีปากหนาที่ฉกลงมาปิดปากบางอย่างแรงพร้อมบดจูบอย่างจาบจ้วงสร้างความตื่นตกใจให้หลินเฟยอย่างมาก ร่างบางพยายามดิ้นรนหนี มือบางยกขึ้นทุบอกแกร่งที่แข็งแรงดังหินผาแม้จะออกแรงเพียงใดก็หาได้สะเทือนไม่ เท้าเล็กที่ยังว่างจึงยกขึ้นกระทืบลงบนเท้าใหญ่อย่างแรง"โอ๊ย"ร่างใหญ่ที่โดนฤทธิ์เดชของคนตัวเล็กถึงกับเสียการทรงตัวปล่อยมือจากร่างเย้ายวนที่รีบผละออกพร้อมมือเล็กที่ผลักอกแกร่งเต็มแรง โดยไม่ทันได้ตั้งตัวจึงเซถอยหลังไปหลายก้าว ร่างบอบบางเมื่อหลุดจากอ้อมแขนแกร่งก็รีบหันหลังหนีทันที แต่เท้าเจ้ากรรมดันสะดุดขาตัวเองล้มลงหันไปมองใบหน้าหล่อเหลาที่ตาแดงก่ำเพราะฤทธิ์ยาปลุกกำหนัด ใจดวงน้อยพลันเต้นระส่ำอย่างหวาดกลัว"อย่าเข้ามานะ ไม่อย่างนั้นข้าจะร้องให้คนช่วย" ส่งเสียงข่มขู่ออกไปด้วยน้ำเสียงสั่นปนสะอื้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เห็นเท้าใหญ่ที่ก้าวเข้ามาอย่างไม่กลัวเกรงคำขู่นั้นดังนักล่าที่กำลังไล่ต้อนเหยื่อจึงหวีดร้องออกมา แต่เสียงที่เปล่งออกมานั้นไม่ได้ออกจากริมฝีปากอิ่มบวมเจ่อเพราะถูกเรียวปากร้อนลวกปิดปากไว้พร้อมส่งเรียวลิ้นเข้ามาดูดดึงกวาดต้อนความหวานละมุนอย่างเร่าร้อนรุนแรง" อื้อออ" เสียงหวานที่
แสงที่แยงตาทำให้แม่ทัพหยางหรงรู้สึกตัวตื่น พลางสะบัดศีรษะที่หนักอึ้งอย่างแรงเขาจำได้ว่าถูกเจ้าเมืองเฒ่าเจ้าเล่ห์วางยา เพราะไม่ทันระวังตัวไม่คิดว่าคนหนานหยางจะคิดไม่ซื่อกับตน และยานั่นก็ไร้สีไร้กลิ่น พลันกลิ่นหอมอ่อนหวานก็ลอยมาแตะจมูก เรื่องราวเมื่อคืนหลั่งไหลเข้ามาในหัว ทั้งกลิ่นและรสสัมผัสความสุขสมหวานล้ำที่ได้รับและใบหน้างดงามที่ติดตราตรึงใจทำให้รีบหันไปมองข้างกายพบแค่ความว่างเปล่าเย็นชืดทิ้งไว้เพียงรอยเลือดและรอยรักเป็นด่างดวง กลิ่นน้ำกำหนัดอวลทั่วห้องร่างหนาจึงรีบจัดการตัวเองด้วยความรวดเร็ว แล้วรีบร้อนลงมาด้านล่าง สหายที่เขาสนิทด้วยต่างมองตรงมาด้วยสายตาล้อเลียน ยิ่งเมื่อร่างกายกำยำเดินเข้ามาทรุดนั่งลงก็จ้องมองมายังลำคอแกร่ง พลางพากันกระแอมไอ "ถึงกับตื่นสายเลยหรือนี่"หานฉีฟง กุนซือประจำกองทัพที่ติดตามมาด้วยในครั้งนี้กล่าวขึ้นพร้อมกับใบหน้าทะเล้น"เฉินฟู่เล่า""ไปจัดการเจ้าเมืองเฒ่านั่นอยู่ขอรับท่านแม่ทัพ"นายกองคนสนิท ลิ่วจิ้นฝาน เป็นผู้ตอบ ตอบเขาแต่สายตานั้น จ้องมองที่ลำคอแกร่งอย่างอยากจะถามแต่ใจนั้นไม่กล้าพอ ร้อนถึงกุนซือฉีฟงที่กำลังลุ้นอยู่เช่นกันว่าจิ้นฝานจะถามหรือไม่ แต่ร
ซือจี๋ที่นั่งรองหลี่หลินเฟยอยู่นั้น เห็นร่างบางที่เดินเข้ามาดูแปลกไป ดวงตาช้ำๆ นั้นสะกิดใจนางนัก เลยถามอย่างห่วงใย"เฟยเอ๋อเป็นอันใดไปหรือไม่ ทำไมตาถึงได้ช้ำแบบนี้"เมื่อเห็นคนงามเต็มตาถึงกับตกใจกับสภาพของร่างบาง"ข้าไม่สบายนิดหน่อยเท่านั้นเจ้าค่ะท่านป้า แล้วเมื่อคืนก็นอนไม่ค่อยจะหลับ"โกหกออกไปเพราะไม่อยากให้ต้องเป็นห่วง"นอนไม่หลับเพราะไม่อยากไปหรือเปล่าหากไม่อยากไปก็อยู่กับป้าเสียที่นี่ ป้าสามารถเลี้ยงดูเจ้าได้สบาย"เอ่ยออกไปอย่างอาทรนัก "ไม่ใช่อย่างนั้นเจ้าค่ะ ขอบคุณท่านมากแต่ข้าอยากไปเมืองหลวงจริงๆ เจ้าค่ะ ข้าแค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยเท่านั้น""หากป่วยแล้วจะเดินทางไหวหรือ ป้าเป็นห่วงนัก""ไหวเจ้าค่ะ เราไปพบท่านแม่ทัพกันเถอะเจ้าค่ะ ให้รอนานเดี๋ยวจะเสียมารยาท""อืม เจ้าไหวแน่นะ""เจ้าค่ะ"ทั้งสองเลยเดินไปพบท่านแม่ทัพที่ตอนนี้กำลังปรึกษาหารือกับสหายอยู่ก๊อก ก๊อก ก๊อก"ข้าซือจี๋ เจ้าค่ะ"กล่าวแล้วเปิดประตูเข้าไป เมื่อได้ยินเสียงเอ่ยอนุญาตหลินเฟยที่เดินตามหลังซือจี๋มา เงยหน้ามองบุรุษที่อยู่ในห้อง คนที่นั่งโดดเด่นที่สุดตรงหัวโต๊ะทำให้นางถึงกับตกตะลึง เป็นเขา คนที่ย่ำยีนาง ร่างบางถึงกับ
ผ่านมาสามวันแล้ว แต่ก็ไม่มีอะไรคืบหน้าเกี่ยวกับตัวของสตรีที่เขาตามหา หยางหรงที่ตอนนี้ใครก็เข้าหน้าไม่ติด หน้าตาเย็นชาแสนบูดบึ้งใจอยากจะอยู่ตามหานางให้พบ แต่หน้าที่ก็สำคัญนัก เขาต้องรีบเดินทางกลับเมืองหลวงก่อนจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้วค่อยกลับมาตามหานางอีกครั้ง หลินเฟยที่ตอนนี้เก็บสัมภาระที่มีเพียงน้อยนิดกำลังร่ำลาท่านป้าซือจี๋และซิ่วอิง ก่อนจะขอตัวไปขึ้นรถม้าที่เก็บเสบียงและสัมภาระของขบวนซึ่งท่านกุนซือหานฉีฟงเมตตาเป็นธุระจัดการให้เพราะนางขี่ม้าไม่เป็น เมื่อทุกอย่างเตรียมพร้อม ขบวนของแม่ทัพหยางหรงที่มีประมาณยี่สิบกว่าชีวิตก็เริ่มออกเดินทาง เมื่อเดินทางออกนอกประตูเมืองหนานหยางหลินเฟยที่หันมองเห็นประตูเมืองที่ค่อยๆ เล็กลงจนหายไปเห็นแต่ป่าเขาลำเนาไพรก็ให้รู้สึกใจหาย ต่อจากนี้ชีวิตนางจะเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่รู้ได้ ขอแค่เดินทางให้ถึงจุดหมายปลายทางก็เป็นการเมตตานางมากแล้ว หวังว่าสวรรค์คงไม่กลั่นแกล้งนางไปมากกว่านี้ ที่เป็นอยู่ตอนนี้นางก็เกินจะรับไหวแล้ว สองข้างทางที่ขบวนเดินทางผ่านนั้นมีแต่ป่าที่เงียบสงบนัก จะมีเสียงพูดคุยของเหล่าทหารบ้างเป็นระยะๆ หลินเฟยที่ก่อนออกเดินทางได้ดื่มยาเทียบสุดท้
ผ่านมาสามวันแล้ว แต่ก็ไม่มีอะไรคืบหน้าเกี่ยวกับตัวของสตรีที่เขาตามหา หยางหรงที่ตอนนี้ใครก็เข้าหน้าไม่ติด หน้าตาเย็นชาแสนบูดบึ้งใจอยากจะอยู่ตามหานางให้พบ แต่หน้าที่ก็สำคัญนัก เขาต้องรีบเดินทางกลับเมืองหลวงก่อนจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้วค่อยกลับมาตามหานางอีกครั้ง หลินเฟยที่ตอนนี้เก็บสัมภาระที่มีเพียงน้อยนิดกำลังร่ำลาท่านป้าซือจี๋และซิ่วอิง ก่อนจะขอตัวไปขึ้นรถม้าที่เก็บเสบียงและสัมภาระของขบวนซึ่งท่านกุนซือหานฉีฟงเมตตาเป็นธุระจัดการให้เพราะนางขี่ม้าไม่เป็น เมื่อทุกอย่างเตรียมพร้อม ขบวนของแม่ทัพหยางหรงที่มีประมาณยี่สิบกว่าชีวิตก็เริ่มออกเดินทาง เมื่อเดินทางออกนอกประตูเมืองหนานหยางหลินเฟยที่หันมองเห็นประตูเมืองที่ค่อยๆ เล็กลงจนหายไปเห็นแต่ป่าเขาลำเนาไพรก็ให้รู้สึกใจหาย ต่อจากนี้ชีวิตนางจะเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่รู้ได้ ขอแค่เดินทางให้ถึงจุดหมายปลายทางก็เป็นการเมตตานางมากแล้ว หวังว่าสวรรค์คงไม่กลั่นแกล้งนางไปมากกว่านี้ ที่เป็นอยู่ตอนนี้นางก็เกินจะรับไหวแล้ว สองข้างทางที่ขบวนเดินทางผ่านนั้นมีแต่ป่าที่เงียบสงบนัก จะมีเสียงพูดคุยของเหล่าทหารบ้างเป็นระยะๆ หลินเฟยที่ก่อนออกเดินทางได้ดื่มยาเทียบสุดท้
ซือจี๋ที่นั่งรองหลี่หลินเฟยอยู่นั้น เห็นร่างบางที่เดินเข้ามาดูแปลกไป ดวงตาช้ำๆ นั้นสะกิดใจนางนัก เลยถามอย่างห่วงใย"เฟยเอ๋อเป็นอันใดไปหรือไม่ ทำไมตาถึงได้ช้ำแบบนี้"เมื่อเห็นคนงามเต็มตาถึงกับตกใจกับสภาพของร่างบาง"ข้าไม่สบายนิดหน่อยเท่านั้นเจ้าค่ะท่านป้า แล้วเมื่อคืนก็นอนไม่ค่อยจะหลับ"โกหกออกไปเพราะไม่อยากให้ต้องเป็นห่วง"นอนไม่หลับเพราะไม่อยากไปหรือเปล่าหากไม่อยากไปก็อยู่กับป้าเสียที่นี่ ป้าสามารถเลี้ยงดูเจ้าได้สบาย"เอ่ยออกไปอย่างอาทรนัก "ไม่ใช่อย่างนั้นเจ้าค่ะ ขอบคุณท่านมากแต่ข้าอยากไปเมืองหลวงจริงๆ เจ้าค่ะ ข้าแค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยเท่านั้น""หากป่วยแล้วจะเดินทางไหวหรือ ป้าเป็นห่วงนัก""ไหวเจ้าค่ะ เราไปพบท่านแม่ทัพกันเถอะเจ้าค่ะ ให้รอนานเดี๋ยวจะเสียมารยาท""อืม เจ้าไหวแน่นะ""เจ้าค่ะ"ทั้งสองเลยเดินไปพบท่านแม่ทัพที่ตอนนี้กำลังปรึกษาหารือกับสหายอยู่ก๊อก ก๊อก ก๊อก"ข้าซือจี๋ เจ้าค่ะ"กล่าวแล้วเปิดประตูเข้าไป เมื่อได้ยินเสียงเอ่ยอนุญาตหลินเฟยที่เดินตามหลังซือจี๋มา เงยหน้ามองบุรุษที่อยู่ในห้อง คนที่นั่งโดดเด่นที่สุดตรงหัวโต๊ะทำให้นางถึงกับตกตะลึง เป็นเขา คนที่ย่ำยีนาง ร่างบางถึงกับ
แสงที่แยงตาทำให้แม่ทัพหยางหรงรู้สึกตัวตื่น พลางสะบัดศีรษะที่หนักอึ้งอย่างแรงเขาจำได้ว่าถูกเจ้าเมืองเฒ่าเจ้าเล่ห์วางยา เพราะไม่ทันระวังตัวไม่คิดว่าคนหนานหยางจะคิดไม่ซื่อกับตน และยานั่นก็ไร้สีไร้กลิ่น พลันกลิ่นหอมอ่อนหวานก็ลอยมาแตะจมูก เรื่องราวเมื่อคืนหลั่งไหลเข้ามาในหัว ทั้งกลิ่นและรสสัมผัสความสุขสมหวานล้ำที่ได้รับและใบหน้างดงามที่ติดตราตรึงใจทำให้รีบหันไปมองข้างกายพบแค่ความว่างเปล่าเย็นชืดทิ้งไว้เพียงรอยเลือดและรอยรักเป็นด่างดวง กลิ่นน้ำกำหนัดอวลทั่วห้องร่างหนาจึงรีบจัดการตัวเองด้วยความรวดเร็ว แล้วรีบร้อนลงมาด้านล่าง สหายที่เขาสนิทด้วยต่างมองตรงมาด้วยสายตาล้อเลียน ยิ่งเมื่อร่างกายกำยำเดินเข้ามาทรุดนั่งลงก็จ้องมองมายังลำคอแกร่ง พลางพากันกระแอมไอ "ถึงกับตื่นสายเลยหรือนี่"หานฉีฟง กุนซือประจำกองทัพที่ติดตามมาด้วยในครั้งนี้กล่าวขึ้นพร้อมกับใบหน้าทะเล้น"เฉินฟู่เล่า""ไปจัดการเจ้าเมืองเฒ่านั่นอยู่ขอรับท่านแม่ทัพ"นายกองคนสนิท ลิ่วจิ้นฝาน เป็นผู้ตอบ ตอบเขาแต่สายตานั้น จ้องมองที่ลำคอแกร่งอย่างอยากจะถามแต่ใจนั้นไม่กล้าพอ ร้อนถึงกุนซือฉีฟงที่กำลังลุ้นอยู่เช่นกันว่าจิ้นฝานจะถามหรือไม่ แต่ร
อื้ออออริมฝีปากหนาที่ฉกลงมาปิดปากบางอย่างแรงพร้อมบดจูบอย่างจาบจ้วงสร้างความตื่นตกใจให้หลินเฟยอย่างมาก ร่างบางพยายามดิ้นรนหนี มือบางยกขึ้นทุบอกแกร่งที่แข็งแรงดังหินผาแม้จะออกแรงเพียงใดก็หาได้สะเทือนไม่ เท้าเล็กที่ยังว่างจึงยกขึ้นกระทืบลงบนเท้าใหญ่อย่างแรง"โอ๊ย"ร่างใหญ่ที่โดนฤทธิ์เดชของคนตัวเล็กถึงกับเสียการทรงตัวปล่อยมือจากร่างเย้ายวนที่รีบผละออกพร้อมมือเล็กที่ผลักอกแกร่งเต็มแรง โดยไม่ทันได้ตั้งตัวจึงเซถอยหลังไปหลายก้าว ร่างบอบบางเมื่อหลุดจากอ้อมแขนแกร่งก็รีบหันหลังหนีทันที แต่เท้าเจ้ากรรมดันสะดุดขาตัวเองล้มลงหันไปมองใบหน้าหล่อเหลาที่ตาแดงก่ำเพราะฤทธิ์ยาปลุกกำหนัด ใจดวงน้อยพลันเต้นระส่ำอย่างหวาดกลัว"อย่าเข้ามานะ ไม่อย่างนั้นข้าจะร้องให้คนช่วย" ส่งเสียงข่มขู่ออกไปด้วยน้ำเสียงสั่นปนสะอื้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เห็นเท้าใหญ่ที่ก้าวเข้ามาอย่างไม่กลัวเกรงคำขู่นั้นดังนักล่าที่กำลังไล่ต้อนเหยื่อจึงหวีดร้องออกมา แต่เสียงที่เปล่งออกมานั้นไม่ได้ออกจากริมฝีปากอิ่มบวมเจ่อเพราะถูกเรียวปากร้อนลวกปิดปากไว้พร้อมส่งเรียวลิ้นเข้ามาดูดดึงกวาดต้อนความหวานละมุนอย่างเร่าร้อนรุนแรง" อื้อออ" เสียงหวานที่
ท่าทางร้อนรนของอาฉู่ เสี่ยวเอ้อของที่นี่ ที่หลินเฟยคุ้นเคยเป็นอย่างดี เรียกความสนใจจากหลินเฟยได้ดีนัก เพราะท่าทางแบบนี้เดาไม่ยากเลยว่าคงทำอะไรผิดมาแน่ๆอะแฮ่มเสียงกระแอมของหลินเฟยเรียกความตกอกตกใจของอาฉู่ได้ดียิ่งนัก"พี่สาวเฟย เป็นท่าน"กล่าวพลางใช้มือลูบอก"อาฉู่ มีอะไรหรือไม่ ข้าเห็นเจ้าลุกลี้ลุกลนยิ่งนัก"กล่าวถามพร้อมสังเกตอาการคนตรงหน้าที่มีท่าทางลังเลใจไม่กล้าที่จะบอกกล่าวจึงเอ่ยต่อไปอย่างเป็นห่วง"เจ้าสามารถบอกกล่าวพี่สาวได้ เผื่อข้าช่วยเหลือเจ้าได้""คือ ข้าลืมเอากำยานไปจุดในห้องพักของแขกตามที่เถ้าแก่เนี้ยสั่งไว้ จะไปตอนนี้ก็ปลีกตัวไปไม่ได้ ข้าต้องโดนดุอีกแน่""เรื่องแค่นี้เอง ทำไมต้องกลัวถึงขนาดนี้ด้วย ทำอย่างกับเรื่องคอขาดบาดตาย""แต่เถ้าแก่เนี้ย สั่งแล้วสั่งอีกว่าอย่าให้มีเรื่องผิดพลาดเกิดขึ้น"เอ่ยพลางทำหน้าจะร้องไห้"ห้องไหนล่ะ เดี๋ยวข้าไปจุดให้""จริงหรือขอรับ""อืม มันก็ไม่ได้เหลือบ่ากว่าแรงอะไร""ขอบคุณพี่สาวเฟย ขอรับ""บอกมาเร็วๆ เดี๋ยวแขกกลับมาข้าไม่รู้ด้วยนะ""ชั้นสามห้องปีกขวาริมสุดขอรับ"บอกพลางยิ้มหวานประจบมาให้"ก็แค่นั้น"หลินเฟยจึงเดินไปหยิบกล่องกำยานแล้วเดิ
หลังจากกลับมาจากการเข้าไปพบท่านแม่ทัพหยางหรง ท่านท้าวซู ก็เรียกพบฮูหยินเอกและบุตรีคนโตที่เขาฝากความหวังในครั้งนี้ไว้กับนาง นาม ซูหนี่ว์ฮวา นางผู้มีความงามเย้ายวนและงดงามที่สุดในบรรดาบุตรีทั้งหมด การวางตัวนั้นสมเป็นบุตรีของท่านเจ้าเมืองที่เกิดจากฮูหยินเอก"พรุ่งนี้ เจ้าต้องมัดใจท่านแม่ทัพให้จงได้รู้หรือไม่ฮวาเอ๋อ หวังว่าเจ้าจะไม่ทำให้บิดาผู้นี้ผิดหวัง" "เจ้าค่ะ ท่านพ่อ" เสียงหวานกล่าวขึ้นอย่างมีจริต ใบหน้างามแดงก่ำอย่างเขินอาย ท่านท้าวซูพยักหน้าอย่างพอใจ เขาคงสมปรารถนาและเพิ่มอำนาจบารมีของตัวเองได้อีกมากนัก หากมีบุตรเขยเป็นถึงแม่ทัพใหญ่แห่งแคว้น เมื่อมีขุมอำนาจหนุนหลังจะทำการใดย่อมสำเร็จลุล่วง ใบหน้าแสนเจ้าเล่ห์กระหยิ่มยิ้มย่องอย่างลำพองใจนักปลายยามอิ๋นของวันรุ่งขึ้น แม่ทัพหยางหรงก็มาเยือนจวนเจ้าเมืองพร้อมองครักษ์คนสนิท นาม เฉินฟู่ ได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจากจวนเจ้าเมือง "คารวะ ท่านแม่ทัพ นับเป็นเกียรติต่อข้ายิ่งนัก" "คารวะท่านแม่ทัพเจ้าค่ะ ข้าน้อยซูฮูหยิน ยินดียิ่งนักที่ได้ต้อนรับท่านและนี่บุตรีของข้า ซูหนี่ว์ฮวาเจ้าค่ะ" สตรีแสนงดงามที่ตั้งใจประทินโฉมอยู่หลายชั่วยามในชุดเลอค
แม่ทัพหยางหรงที่ตอนนี้กำลังทอดสายตามองออกไปนอกหน้าต่างของโรงเตี๊ยม ชื่นชมบรรยากาศตอนพลบค่ำของเมืองหนานหยางที่ดูงดงาม ผู้คนที่เดินกันขวักไขว่ ดูคล้ายคลึงกับเมืองหลวงนัก เห็นโคมไฟหลากสีของร้านรวงต่างๆ ดูงดงามต่างจากตอนกลางวันไปอีกแบบหนึ่ง"ท่านแม่ทัพขอรับ แม่นางซือจี๋ มาขอพบขอรับ" "เชิญเข้ามา" เสียงเปิดและตามด้วยเสียงปิดประตูทำให้ร่างสูงสง่าหันหน้ามาหาผู้มาใหม่"คารวะ ท่านแม่ทัพเจ้าค่ะ" พยักหน้ารับพร้อมกล่าว"แม่นางซือจี๋ เชิญนั่ง ท่านมีอะไรจะคุยกับข้าหรือ" ซือจี๋เมื่อนั่งลงเรียบร้อยก็เอ่ยเข้าเรื่องทันที เพราะเกรงใจเจ้าของห้องว่าคงอยากจะพักผ่อนแล้ว"ข้ามีเรื่องอยากรบกวนท่านแม่ทัพสักเรื่องได้หรือไม่เจ้าคะ"" ท่านลองว่ามาสิ""คือข้ามีคนรู้จักอยู่คนหนึ่ง เป็นเด็กผู้ชายที่พึ่งได้รับเคราะห์กรรมไฟไหม้บ้าน ทำให้มารดาถูกไฟคลอกเสียชีวิตแต่เขาหนีรอดมาได้จึงอยากจะไปตามหาบิดาที่เมืองหลวง เพราะบิดาของเขาจากไปเมืองหลวงหลายเดือนแล้ว จึงอยากฝากฝังท่านแม่ทัพให้เขาร่วมเดินทางไปกับท่านด้วยได้หรือไม่ เพราะตัวข้าก็นึกเวทนาเด็กนั่นนัก"" อืม เอาสิไม่ได้ลำบากอะไรนักแค่เด็กคนเดียว"" เอ่อ หากจะให้ท่านช่วยด
แม่ทัพหยางหรง เมื่อเดินทางมาถึงโรงเตี๊ยมของแม่นางซือจี๋ ก็ได้รับการต้อนรับอย่างดีเหมือนทุกครั้งที่แวะมา เขาได้เข้าพักที่ห้องเดิมทุกครั้ง สงสัยแม่นางซือจี๋จะเก็บห้องนี้ไว้ให้เขาแล้วกระมังเมื่อเข้ามาในห้องพักทุกอย่างดูเหมือนเดิมแต่กลิ่นกำยานนั้นเปลี่ยนไป กลิ่นนี้เมื่อสูดดมเข้าไปแล้วรู้สึกผ่อนคลายนัก กลิ่นหอมเย็นชวนให้สดชื่น ซึ่งถูกใจแม่ทัพหยางหรงอย่างยิ่ง หยางหรงเมื่อรู้สึกผ่อนคลายก็รีบชำระล้างร่างกายเพราะตอนนี้รู้สึกเหนียวตัวอย่างมาก ร่างกายแข็งแกร่งกำยำเต็มไปด้วยมัดกล้าม อย่างบุรุษที่ออกกำลังอยู่เสมอ ตามเนื้อตัวเต็มไปด้วยรอยแผลเป็นที่เกิดจากการออกทัพจับศึกตั้งแต่อายุสิบสามจนเข้าวัยหนุ่มฉกรรจ์ ตอนนี้เขาอายุเข้ายี่สิบหกหนาวแล้ว ตามร่างกายจึงมีรอยแผลเพิ่มขึ้นตามประสบการณ์ บางบาดแผลที่ได้รับเกือบพรากลมหายใจก็เคยมี เมื่อบุรุษร่างกายสูงใหญ่กำยำในชุดสีดำแบบคุณชายสูงศักดิ์ ใบหน้านั้นแสนเรียบนิ่ง แผ่กลิ่นอายเย็นชาเดินลงมายังชั้นล่างของโรงเตี๊ยมก็กลายเป็นที่สนใจของสาวน้อยสาวใหญ่จนแทบอยากจะโยนผ้าเช็ดหน้าไปให้ หากไม่ติดกับใบหน้าที่แสนเย็นชานั้น หยางหรงเมื่อเดินมาถึงชั้นล่างก็เข้าไปนั่งร่วมโต๊
ร่างกายหนากำยำบนอาชาสีดำทะมึนแผ่กลิ่นอายสูงส่งควบม้านำหน้าขบวนกองทหารเล็กๆ ที่เดินทางร่วมขบวนไม่ถึงยี่สิบนาย แต่ทุกคนล้วนดูองอาจทั้งสิ้น บุรุษผู้ที่ดูน่าเกรงขามผู้นี้คือท่านแม่ทัพที่เถ้าแก่เนี่ยซือจี๋กล่าวถึง แท้จริงแล้วบุรุษผู้นี้เป็นถึงแม่ทัพทมิฬแห่งแคว้น และทหารที่ร่วมทางคือทหารในหน่วยพยัคฆ์ดำ แม่ทัพหยางหรง ที่เดินทางไปส่งมอบของสำคัญที่ฮ่องเต้แคว้นอู๋ได้มอบหมายให้ส่งให้ฮ่องเต้แคว้นจ้าวด้วยตัวเอง ซึ่งเมื่อภารกิจสำเร็จลุล่วงก็เดินทางกลับทันที และทุกครั้งที่เขามาทำภารกิจที่แคว้นจ้าวจะต้องหยุดพักที่เมืองหนานหยางแห่งนี้ เพื่อแวะมาเยี่ยมภรรยาของลูกน้องใต้บังคับบัญชาที่เสียชีวิตสละตัวเองปกป้องชาวเมือง โรงเตี๊ยมของซือจี๋ตอนนี้กำลังคึกคักนักทุกคนต่างยุ่งกันหมดเพราะวันนี้เป็นวันที่ท่านแม่ทัพและทหารจะเดินทางมาถึงท่านป้าซือจี๋ก็ได้จัดเตรียมทุกอย่างไว้ให้หลินเฟยเพื่อเตรียมตัวเดินทาง เมื่อถึงวันเดินทางจะได้พร้อมเดินทางได้ทันทีหลินเฟยตอนนี้กลายเป็นคุณชายน้อยหน้าหวาน นั่งดูตนเองในกระจกแล้วนึกกังวลนักมองอย่างไรนางก็เหมือนสตรีไม่มีส่วนไหนคล้ายบุรุษสักนิดอย่างไรคงโดนจับได้แน่"ท่านป้า ซิ่วอิง ข้าว