กรี๊ดดดดดด
"นังชั่วหลินเฟย ใคร ใครบังอาจมาช่วยมันออกไป"
จิวฮุ่ยที่กลับมาถึงแทบจะเป็นลม จวนที่นางกำลังเจรจาขายถูกไฟไหม้ไปกว่าครึ่ง เงินที่นางจะได้อย่างงามหายวับ ต้องมีใครมาช่วยนังตัวดีนั่นแน่เพราะนางมั่นใจว่าอุดทุกรูทุกช่องอย่างแน่นหนาหนูสักตัวก็ยากจะผ่าน นังตัวแสบยังเผาจวนนางอีก ข้าไม่ปล่อยเจ้าไปแน่ หลี่หลินเฟย
"ท่านแม่เราจะทำอย่างไรดีเจ้าคะ นังหลินเฟยมันหนีไปแล้ว ท่านท้าวซูก็กำลังมาที่นี่ ท่านแม่"
จิวซินเอ่ยอย่างร้อนใจ นางกับมารดาเมื่อสักครู่ยังหัวเราะกับความสุขที่ได้เลือกซื้อผ้างามๆ และเครื่องประดับ จากการไปรับเงินสินสอดอีกครึ่งที่เหลือจากจวนเจ้าเมืองอยู่เลย หากนังหลินเฟยหนีไปแล้ว แล้วใครจะไปเป็นอนุเจ้าเมืองแก่นั่นถ้าไม่ใช่นาง ไม่ ข้าไม่ยอมเด็ดขาด
" ท่านแม่ เราหนีกันเถอะท่านแม่ข้าไม่ยอมไปเป็นอนุท่านท้าวซูแน่ ท่านแม่ อือ อือ"
จิวซินร้องไห้ออกมาอย่างหวาดกลัวนัก ใครๆ ก็รู้กันทั่วทั้งเมือง ว่าท่านท้าวซู ผู้เป็นเจ้าเมืองหนานหยาง มากราคะเพียงไร ในจวนล้วนเต็มไปด้วยหญิงงามมากมาย และจิตวิปริตยิ่งนักชมชอบความรุนแรงจนหญิงเหล่านั้นต้องนอนติดเตียงไปหลายวันเลยทีเดียว บ่าวไพร่ในเรือนนั้นต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเหล่าหญิงงามที่ต้องปรนนิบัติท่านท้าวซูร้องไห้เจ็บปวดทรมานอย่างน่าเวทนานัก บางคนถึงกับทนไม่ไหวตายไปเลยก็มี
"ท่านแม่ ท่านต้องช่วยข้านะเจ้าคะ ท่านแม่"
จิวฮุ่ยที่เห็นบุตรสาวร้องไห้คร่ำครวญก็เจ็บปวดใจนัก พลันโกรธแค้นหลินเฟยจนแทบกระอักเลือด เพราะนังตัวดีนั่นบุตรนางถึงได้ประสบคราวเคราะห์
"เจ้าอย่าพึ่งร้องไห้ซินเอ๋อ ไป รีบไปเก็บของมีค่าแล้วเรารีบหนีกัน"
สองแม่ลูกรีบร้อนเก็บข้าวของทุกอย่างด้วยความโลภจึงมีข้าวของเต็มไปหมดเพราะไม่อาจตัดใจทิ้งไว้ได้ เสื้อผ้าแพรพรรณล้วนเป็นของดีมีราคาทั้งสิ้น จึงช่วยกันขนอย่างทุลักทุเลออกมา ยังไม่ทันได้พ้นประตูจวนก็ถูกชายฉกรรจ์หลายคนจับตัวไว้
" เจ้าคิดว่าจะหนีข้าพ้นหรือหวงจิวฮุ่ย"
เสียงกัมปนาทของท่านเจ้าเมือง ซูอี้จง ถึงกับทำให้สองแม่ลูกตัวสั่นงันงก คุกเข่ากอดคอกันร้องไห้
หน้าตาถมึงทึงจ้องมาที่สองแม่ลูกอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ เขาหรืออุตส่าห์ทุ่มเทเงินทองมากมายเพื่อจะได้ครอบครองเฟยเอ๋อ โฉมสะคราญที่งดงามเป็นหนึ่งในหนานหยางแต่ถูกสองแม่ลูกกีดกันให้อยู่แต่ในจวน จนไม่มีใครเคยพบเห็น ตนนั้นหมายปองมาเนิ่นนานนัก จนวันนี้โอกาสก็มาถึง แต่สองคนนี้กลับปล่อยให้เฟยเอ๋อของเขาหนีไป
"เจ้ารับเงินทองข้ามามากมายแล้วปล่อยให้เจ้าสาวข้าหนีไป เจ้ายังคิดจะหอบสินสอดข้าหนีอีก เจ้าช่างหาญกล้านัก เด็กๆ จับมันไปโยนในเหวลึกอย่าให้รอดมาได้"
"ขอรับ"
" ท่านท้าว ท่านท้าวเจ้าคะเมตตาจิวฮุ่ยด้วยเจ้าค่ะ"
"ท่านท้าวปล่อยข้ากับท่านแม่ไปเถอะนะเจ้าคะ"
อือ อือ
เสียงร้องไห้ของดรุณีน้อยตรงหน้าที่ตอนแรกเอาแต่ก้มหน้าก้มตาเรียกความสนใจจากเจ้าเมืองเฒ่าทันที หน้าตาเจ้าเล่ห์จึงกล่าวว่า
" ในเมื่อเจ้ารับสินสอดข้าไปแล้ว ถ้ายังอยากมีชีวิตอยู่ก็ส่งบุตรสาวเจ้ามาแทนก็แล้วกัน เด็กๆ พาอนุข้ากับท่านแม่ยายกลับจวน ส่วนพวกเจ้าพาคนไปค้นหาเฟยเอ๋อของข้าให้พบ"
ฮ่าาาฮ่าา
หัวเราะด้วยน้ำเสียงที่จิวซินฟังแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียนนัก
"ท่านแม่ ช่วยข้าด้วย ท่านแม่อือ อือ"
"ซินเอ๋อ ลูกแม่ แม่ขอโทษลูก แม่ขอโทษ แม่ผิดต่อเจ้านัก"
นังสารเลวหลินเฟยเป็นเพราะเจ้า เป็นเพราะเจ้าคนเดียว ชีวิตข้าถึงได้พบกับความอัปยศนี่ ข้าเกลียดเจ้า เกลียดเจ้ายิ่งนัก จิวซินที่ร้องไห้น้ำตาแทบเป็นสายเลือด คิดอย่างแค้นเคืองนัก หากข้ารอดไปได้เจ้าไม่ตายดีแน่
จิวซินคิดอย่างอาฆาตแค้น
ฮัดชิ้ว!!! ๆๆ
เสียงจามติดๆกันดังขึ้นจากร่างบางที่นอนเอกเขนกบนตั่งไม้อย่างสบายอารมณ์ ในมือถือหนังสือบันทึกการเดินทางที่นางชื่นชอบ ปลายเท้ากระดิกไปมาไม่สมเป็นคุณหนูในห้องหอนัก จนซิ่วอิงส่ายหน้าอย่างระอาใจคร้านจะห้ามปราม
"คุณชายจวนใดคิดถึงข้ากันนะ ข้าเคยได้ยินบ่าวในจวนกล่าวว่าหากจามติดๆ กัน ย่อมมีผู้คิดถึง"
อิอิ
"คุณหนูท่านน่ะ ร้ายกาจขึ้นทุกวันรู้ตัวหรือไม่เจ้าคะ"
ร่างกายหนากำยำบนอาชาสีดำทะมึนแผ่กลิ่นอายสูงส่งควบม้านำหน้าขบวนกองทหารเล็กๆ ที่เดินทางร่วมขบวนไม่ถึงยี่สิบนาย แต่ทุกคนล้วนดูองอาจทั้งสิ้น บุรุษผู้ที่ดูน่าเกรงขามผู้นี้คือท่านแม่ทัพที่เถ้าแก่เนี่ยซือจี๋กล่าวถึง แท้จริงแล้วบุรุษผู้นี้เป็นถึงแม่ทัพทมิฬแห่งแคว้น และทหารที่ร่วมทางคือทหารในหน่วยพยัคฆ์ดำ แม่ทัพหยางหรง ที่เดินทางไปส่งมอบของสำคัญที่ฮ่องเต้แคว้นอู๋ได้มอบหมายให้ส่งให้ฮ่องเต้แคว้นจ้าวด้วยตัวเอง ซึ่งเมื่อภารกิจสำเร็จลุล่วงก็เดินทางกลับทันที และทุกครั้งที่เขามาทำภารกิจที่แคว้นจ้าวจะต้องหยุดพักที่เมืองหนานหยางแห่งนี้ เพื่อแวะมาเยี่ยมภรรยาของลูกน้องใต้บังคับบัญชาที่เสียชีวิตสละตัวเองปกป้องชาวเมือง โรงเตี๊ยมของซือจี๋ตอนนี้กำลังคึกคักนักทุกคนต่างยุ่งกันหมดเพราะวันนี้เป็นวันที่ท่านแม่ทัพและทหารจะเดินทางมาถึงท่านป้าซือจี๋ก็ได้จัดเตรียมทุกอย่างไว้ให้หลินเฟยเพื่อเตรียมตัวเดินทาง เมื่อถึงวันเดินทางจะได้พร้อมเดินทางได้ทันทีหลินเฟยตอนนี้กลายเป็นคุณชายน้อยหน้าหวาน นั่งดูตนเองในกระจกแล้วนึกกังวลนักมองอย่างไรนางก็เหมือนสตรีไม่มีส่วนไหนคล้ายบุรุษสักนิดอย่างไรคงโดนจับได้แน่"ท่านป้า ซิ่วอิง ข้าว
แม่ทัพหยางหรง เมื่อเดินทางมาถึงโรงเตี๊ยมของแม่นางซือจี๋ ก็ได้รับการต้อนรับอย่างดีเหมือนทุกครั้งที่แวะมา เขาได้เข้าพักที่ห้องเดิมทุกครั้ง สงสัยแม่นางซือจี๋จะเก็บห้องนี้ไว้ให้เขาแล้วกระมังเมื่อเข้ามาในห้องพักทุกอย่างดูเหมือนเดิมแต่กลิ่นกำยานนั้นเปลี่ยนไป กลิ่นนี้เมื่อสูดดมเข้าไปแล้วรู้สึกผ่อนคลายนัก กลิ่นหอมเย็นชวนให้สดชื่น ซึ่งถูกใจแม่ทัพหยางหรงอย่างยิ่ง หยางหรงเมื่อรู้สึกผ่อนคลายก็รีบชำระล้างร่างกายเพราะตอนนี้รู้สึกเหนียวตัวอย่างมาก ร่างกายแข็งแกร่งกำยำเต็มไปด้วยมัดกล้าม อย่างบุรุษที่ออกกำลังอยู่เสมอ ตามเนื้อตัวเต็มไปด้วยรอยแผลเป็นที่เกิดจากการออกทัพจับศึกตั้งแต่อายุสิบสามจนเข้าวัยหนุ่มฉกรรจ์ ตอนนี้เขาอายุเข้ายี่สิบหกหนาวแล้ว ตามร่างกายจึงมีรอยแผลเพิ่มขึ้นตามประสบการณ์ บางบาดแผลที่ได้รับเกือบพรากลมหายใจก็เคยมี เมื่อบุรุษร่างกายสูงใหญ่กำยำในชุดสีดำแบบคุณชายสูงศักดิ์ ใบหน้านั้นแสนเรียบนิ่ง แผ่กลิ่นอายเย็นชาเดินลงมายังชั้นล่างของโรงเตี๊ยมก็กลายเป็นที่สนใจของสาวน้อยสาวใหญ่จนแทบอยากจะโยนผ้าเช็ดหน้าไปให้ หากไม่ติดกับใบหน้าที่แสนเย็นชานั้น หยางหรงเมื่อเดินมาถึงชั้นล่างก็เข้าไปนั่งร่วมโต๊
แม่ทัพหยางหรงที่ตอนนี้กำลังทอดสายตามองออกไปนอกหน้าต่างของโรงเตี๊ยม ชื่นชมบรรยากาศตอนพลบค่ำของเมืองหนานหยางที่ดูงดงาม ผู้คนที่เดินกันขวักไขว่ ดูคล้ายคลึงกับเมืองหลวงนัก เห็นโคมไฟหลากสีของร้านรวงต่างๆ ดูงดงามต่างจากตอนกลางวันไปอีกแบบหนึ่ง"ท่านแม่ทัพขอรับ แม่นางซือจี๋ มาขอพบขอรับ" "เชิญเข้ามา" เสียงเปิดและตามด้วยเสียงปิดประตูทำให้ร่างสูงสง่าหันหน้ามาหาผู้มาใหม่"คารวะ ท่านแม่ทัพเจ้าค่ะ" พยักหน้ารับพร้อมกล่าว"แม่นางซือจี๋ เชิญนั่ง ท่านมีอะไรจะคุยกับข้าหรือ" ซือจี๋เมื่อนั่งลงเรียบร้อยก็เอ่ยเข้าเรื่องทันที เพราะเกรงใจเจ้าของห้องว่าคงอยากจะพักผ่อนแล้ว"ข้ามีเรื่องอยากรบกวนท่านแม่ทัพสักเรื่องได้หรือไม่เจ้าคะ"" ท่านลองว่ามาสิ""คือข้ามีคนรู้จักอยู่คนหนึ่ง เป็นเด็กผู้ชายที่พึ่งได้รับเคราะห์กรรมไฟไหม้บ้าน ทำให้มารดาถูกไฟคลอกเสียชีวิตแต่เขาหนีรอดมาได้จึงอยากจะไปตามหาบิดาที่เมืองหลวง เพราะบิดาของเขาจากไปเมืองหลวงหลายเดือนแล้ว จึงอยากฝากฝังท่านแม่ทัพให้เขาร่วมเดินทางไปกับท่านด้วยได้หรือไม่ เพราะตัวข้าก็นึกเวทนาเด็กนั่นนัก"" อืม เอาสิไม่ได้ลำบากอะไรนักแค่เด็กคนเดียว"" เอ่อ หากจะให้ท่านช่วยด
หลังจากกลับมาจากการเข้าไปพบท่านแม่ทัพหยางหรง ท่านท้าวซู ก็เรียกพบฮูหยินเอกและบุตรีคนโตที่เขาฝากความหวังในครั้งนี้ไว้กับนาง นาม ซูหนี่ว์ฮวา นางผู้มีความงามเย้ายวนและงดงามที่สุดในบรรดาบุตรีทั้งหมด การวางตัวนั้นสมเป็นบุตรีของท่านเจ้าเมืองที่เกิดจากฮูหยินเอก"พรุ่งนี้ เจ้าต้องมัดใจท่านแม่ทัพให้จงได้รู้หรือไม่ฮวาเอ๋อ หวังว่าเจ้าจะไม่ทำให้บิดาผู้นี้ผิดหวัง" "เจ้าค่ะ ท่านพ่อ" เสียงหวานกล่าวขึ้นอย่างมีจริต ใบหน้างามแดงก่ำอย่างเขินอาย ท่านท้าวซูพยักหน้าอย่างพอใจ เขาคงสมปรารถนาและเพิ่มอำนาจบารมีของตัวเองได้อีกมากนัก หากมีบุตรเขยเป็นถึงแม่ทัพใหญ่แห่งแคว้น เมื่อมีขุมอำนาจหนุนหลังจะทำการใดย่อมสำเร็จลุล่วง ใบหน้าแสนเจ้าเล่ห์กระหยิ่มยิ้มย่องอย่างลำพองใจนักปลายยามอิ๋นของวันรุ่งขึ้น แม่ทัพหยางหรงก็มาเยือนจวนเจ้าเมืองพร้อมองครักษ์คนสนิท นาม เฉินฟู่ ได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจากจวนเจ้าเมือง "คารวะ ท่านแม่ทัพ นับเป็นเกียรติต่อข้ายิ่งนัก" "คารวะท่านแม่ทัพเจ้าค่ะ ข้าน้อยซูฮูหยิน ยินดียิ่งนักที่ได้ต้อนรับท่านและนี่บุตรีของข้า ซูหนี่ว์ฮวาเจ้าค่ะ" สตรีแสนงดงามที่ตั้งใจประทินโฉมอยู่หลายชั่วยามในชุดเลอค
ท่าทางร้อนรนของอาฉู่ เสี่ยวเอ้อของที่นี่ ที่หลินเฟยคุ้นเคยเป็นอย่างดี เรียกความสนใจจากหลินเฟยได้ดีนัก เพราะท่าทางแบบนี้เดาไม่ยากเลยว่าคงทำอะไรผิดมาแน่ๆอะแฮ่มเสียงกระแอมของหลินเฟยเรียกความตกอกตกใจของอาฉู่ได้ดียิ่งนัก"พี่สาวเฟย เป็นท่าน"กล่าวพลางใช้มือลูบอก"อาฉู่ มีอะไรหรือไม่ ข้าเห็นเจ้าลุกลี้ลุกลนยิ่งนัก"กล่าวถามพร้อมสังเกตอาการคนตรงหน้าที่มีท่าทางลังเลใจไม่กล้าที่จะบอกกล่าวจึงเอ่ยต่อไปอย่างเป็นห่วง"เจ้าสามารถบอกกล่าวพี่สาวได้ เผื่อข้าช่วยเหลือเจ้าได้""คือ ข้าลืมเอากำยานไปจุดในห้องพักของแขกตามที่เถ้าแก่เนี้ยสั่งไว้ จะไปตอนนี้ก็ปลีกตัวไปไม่ได้ ข้าต้องโดนดุอีกแน่""เรื่องแค่นี้เอง ทำไมต้องกลัวถึงขนาดนี้ด้วย ทำอย่างกับเรื่องคอขาดบาดตาย""แต่เถ้าแก่เนี้ย สั่งแล้วสั่งอีกว่าอย่าให้มีเรื่องผิดพลาดเกิดขึ้น"เอ่ยพลางทำหน้าจะร้องไห้"ห้องไหนล่ะ เดี๋ยวข้าไปจุดให้""จริงหรือขอรับ""อืม มันก็ไม่ได้เหลือบ่ากว่าแรงอะไร""ขอบคุณพี่สาวเฟย ขอรับ""บอกมาเร็วๆ เดี๋ยวแขกกลับมาข้าไม่รู้ด้วยนะ""ชั้นสามห้องปีกขวาริมสุดขอรับ"บอกพลางยิ้มหวานประจบมาให้"ก็แค่นั้น"หลินเฟยจึงเดินไปหยิบกล่องกำยานแล้วเดิ
อื้ออออริมฝีปากหนาที่ฉกลงมาปิดปากบางอย่างแรงพร้อมบดจูบอย่างจาบจ้วงสร้างความตื่นตกใจให้หลินเฟยอย่างมาก ร่างบางพยายามดิ้นรนหนี มือบางยกขึ้นทุบอกแกร่งที่แข็งแรงดังหินผาแม้จะออกแรงเพียงใดก็หาได้สะเทือนไม่ เท้าเล็กที่ยังว่างจึงยกขึ้นกระทืบลงบนเท้าใหญ่อย่างแรง"โอ๊ย"ร่างใหญ่ที่โดนฤทธิ์เดชของคนตัวเล็กถึงกับเสียการทรงตัวปล่อยมือจากร่างเย้ายวนที่รีบผละออกพร้อมมือเล็กที่ผลักอกแกร่งเต็มแรง โดยไม่ทันได้ตั้งตัวจึงเซถอยหลังไปหลายก้าว ร่างบอบบางเมื่อหลุดจากอ้อมแขนแกร่งก็รีบหันหลังหนีทันที แต่เท้าเจ้ากรรมดันสะดุดขาตัวเองล้มลงหันไปมองใบหน้าหล่อเหลาที่ตาแดงก่ำเพราะฤทธิ์ยาปลุกกำหนัด ใจดวงน้อยพลันเต้นระส่ำอย่างหวาดกลัว"อย่าเข้ามานะ ไม่อย่างนั้นข้าจะร้องให้คนช่วย" ส่งเสียงข่มขู่ออกไปด้วยน้ำเสียงสั่นปนสะอื้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เห็นเท้าใหญ่ที่ก้าวเข้ามาอย่างไม่กลัวเกรงคำขู่นั้นดังนักล่าที่กำลังไล่ต้อนเหยื่อจึงหวีดร้องออกมา แต่เสียงที่เปล่งออกมานั้นไม่ได้ออกจากริมฝีปากอิ่มบวมเจ่อเพราะถูกเรียวปากร้อนลวกปิดปากไว้พร้อมส่งเรียวลิ้นเข้ามาดูดดึงกวาดต้อนความหวานละมุนอย่างเร่าร้อนรุนแรง" อื้อออ" เสียงหวานที่
แสงที่แยงตาทำให้แม่ทัพหยางหรงรู้สึกตัวตื่น พลางสะบัดศีรษะที่หนักอึ้งอย่างแรงเขาจำได้ว่าถูกเจ้าเมืองเฒ่าเจ้าเล่ห์วางยา เพราะไม่ทันระวังตัวไม่คิดว่าคนหนานหยางจะคิดไม่ซื่อกับตน และยานั่นก็ไร้สีไร้กลิ่น พลันกลิ่นหอมอ่อนหวานก็ลอยมาแตะจมูก เรื่องราวเมื่อคืนหลั่งไหลเข้ามาในหัว ทั้งกลิ่นและรสสัมผัสความสุขสมหวานล้ำที่ได้รับและใบหน้างดงามที่ติดตราตรึงใจทำให้รีบหันไปมองข้างกายพบแค่ความว่างเปล่าเย็นชืดทิ้งไว้เพียงรอยเลือดและรอยรักเป็นด่างดวง กลิ่นน้ำกำหนัดอวลทั่วห้องร่างหนาจึงรีบจัดการตัวเองด้วยความรวดเร็ว แล้วรีบร้อนลงมาด้านล่าง สหายที่เขาสนิทด้วยต่างมองตรงมาด้วยสายตาล้อเลียน ยิ่งเมื่อร่างกายกำยำเดินเข้ามาทรุดนั่งลงก็จ้องมองมายังลำคอแกร่ง พลางพากันกระแอมไอ "ถึงกับตื่นสายเลยหรือนี่"หานฉีฟง กุนซือประจำกองทัพที่ติดตามมาด้วยในครั้งนี้กล่าวขึ้นพร้อมกับใบหน้าทะเล้น"เฉินฟู่เล่า""ไปจัดการเจ้าเมืองเฒ่านั่นอยู่ขอรับท่านแม่ทัพ"นายกองคนสนิท ลิ่วจิ้นฝาน เป็นผู้ตอบ ตอบเขาแต่สายตานั้น จ้องมองที่ลำคอแกร่งอย่างอยากจะถามแต่ใจนั้นไม่กล้าพอ ร้อนถึงกุนซือฉีฟงที่กำลังลุ้นอยู่เช่นกันว่าจิ้นฝานจะถามหรือไม่ แต่ร
ซือจี๋ที่นั่งรองหลี่หลินเฟยอยู่นั้น เห็นร่างบางที่เดินเข้ามาดูแปลกไป ดวงตาช้ำๆ นั้นสะกิดใจนางนัก เลยถามอย่างห่วงใย"เฟยเอ๋อเป็นอันใดไปหรือไม่ ทำไมตาถึงได้ช้ำแบบนี้"เมื่อเห็นคนงามเต็มตาถึงกับตกใจกับสภาพของร่างบาง"ข้าไม่สบายนิดหน่อยเท่านั้นเจ้าค่ะท่านป้า แล้วเมื่อคืนก็นอนไม่ค่อยจะหลับ"โกหกออกไปเพราะไม่อยากให้ต้องเป็นห่วง"นอนไม่หลับเพราะไม่อยากไปหรือเปล่าหากไม่อยากไปก็อยู่กับป้าเสียที่นี่ ป้าสามารถเลี้ยงดูเจ้าได้สบาย"เอ่ยออกไปอย่างอาทรนัก "ไม่ใช่อย่างนั้นเจ้าค่ะ ขอบคุณท่านมากแต่ข้าอยากไปเมืองหลวงจริงๆ เจ้าค่ะ ข้าแค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยเท่านั้น""หากป่วยแล้วจะเดินทางไหวหรือ ป้าเป็นห่วงนัก""ไหวเจ้าค่ะ เราไปพบท่านแม่ทัพกันเถอะเจ้าค่ะ ให้รอนานเดี๋ยวจะเสียมารยาท""อืม เจ้าไหวแน่นะ""เจ้าค่ะ"ทั้งสองเลยเดินไปพบท่านแม่ทัพที่ตอนนี้กำลังปรึกษาหารือกับสหายอยู่ก๊อก ก๊อก ก๊อก"ข้าซือจี๋ เจ้าค่ะ"กล่าวแล้วเปิดประตูเข้าไป เมื่อได้ยินเสียงเอ่ยอนุญาตหลินเฟยที่เดินตามหลังซือจี๋มา เงยหน้ามองบุรุษที่อยู่ในห้อง คนที่นั่งโดดเด่นที่สุดตรงหัวโต๊ะทำให้นางถึงกับตกตะลึง เป็นเขา คนที่ย่ำยีนาง ร่างบางถึงกับ
ร่างบอบบางบนชุดมงคลสีแดงของเจ้าสาวที่นั่งกระสับกระส่ายอยู่บนเตียงด้วยความตื่นเต้นนัก วันนี้เป็นวันที่นางเฝ้ารอคอยมาอย่างใจจดใจจ่อตลอดการเดินทางในระยะเวลาสองเดือนท่านพี่ฉีฟงดูแลนางเป็นอย่างดีและให้เกียรตินางมาตลอดไม่เคยล่วงเกินนางอีกเลยจะมีก็แต่กอดหอมแก้มและจูบนิดหน่อยเท่านั้น ในวันมงคลของนางนางอยากให้สามีของนางมีความสุขที่สุดและคืนเข้าหอของนางจะต้องเร่าร้อนที่สุดสามีนางจะต้องอยู่ในกำมือนาง จนลืมการร่วมหอครั้งแรกไปเลยถึงเขาจะบอกว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นเพราะยาปลุกกำหนัดและเล่ห์กลของสตรีเท่านั้นแต่นางไม่มีทางยอมเด็ดขาด เสี่ยวหลานที่นั่งคิดอย่างหมายมั่นนัก มีอยู่ครั้งหนึ่งนางได้ช่วยเหลือนางคณิกานางหนึ่งไว้ด้วยความบังเอิญจากการโดนฉุด นางจึงให้ตำราไว้เล่มหนึ่งบอกว่าเป็นตำราหายากมากเป็นสินน้ำใจ นางจึงรับไว้แต่พอเปิดดูนางเกือบจะหยุดหายใจเพราะเป็นตำราวสันต์จึงได้เก็บซ่อนเอาไว้และไม่เคยเปิดอ่านอีกเลย จนเมื่อไม่นานมานี้นางได้นำออกมาศึกษาจนแตกฉานเพื่อใช้ในคืนเข้าหอของนางโดยเฉพาะและที่สำคัญนางยังได้ถ่ายทอดเคล็ดลับให้พี่สะใภ้คนงามของนางอีกด้วย เมื่อนึกถึงพี่สะใภ้เสี่ยวหลานถึงกับหัวเราะออกมาอย่างล
กรุ๊งกริ๊ง กรุ๊งกริ๊ง เสียงกระดิ่งข้อเท้าและเสียงเจี๊ยวจ๊าวที่ดังใกล้เข้าทำให้ปาอ๋องและพระชายาซือเซียน บุตรชาย บุตรเขย ที่กำลังนั่งจิบชาสนทนากันอยู่นั้นหันไปมองสาวน้อยวัยสี่หนาวและสามหนาวที่หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูนัก ร่างกลมป้อมสองร่างที่จูงมือกันวิ่งเข้ามาพร้อมใบหน้าแดงก่ำชื้นเหงื่อเพราะพากันวิ่งเล่นจนเหนื่อย"ท่านย่าหลานอยากกินขนมจังเจ้าค่ะ"อู๋ไป๋หลินที่มาถึงก็ป่ายปีนขึ้นมานั่งข้างพระชายาซือเซียนออดอ้อนอย่างน่าเอ็นดูนัก"หลานก็อยากกินนักเจ้าค่ะท่านยาย"หานหลันซี บุตรีวัยสามหนาวของกุนซือฉีฟงและเสี่ยวหลานที่ปีนมานั่งอีกด้านก็ไม่น้อยหน้าช่างออดอ้อนเหมือนญาติผู้พี่มิมีผิดเรียกเสียงหัวเราะจากทุกคนกับความน่ารักน่าชังของทั้งคู่ได้เป็นอย่างดี"ช่างน่าน้อยใจนักไม่มีใครสนใจคนแก่ผู้นี้เลยหรือ หลินเอ๋อก็ไม่สนใจปู่ ซีเอ๋อก็ไม่สนใจตา มันน่าน้อยใจจริงๆ ไม่มีใครรักข้าเลยหรือนี่" เสียงตัดพ้อไม่ค่อยจริงจังที่เอ่ยขึ้นทำให้ทุกคนอมยิ้มกับท่าทางของคนแก่ที่น่าโหดแต่พยายามทำเสียงเล็กเสียงน้อยเรียกร้องความสนใจจากหลานๆ ที่พอได้ยินเช่นนั้นก็รีบเข้าไปโอบกอดและหอมแก้มฟอดใหญ่ ให้คนแก่ชื่นใจนัก "หลินเอ๋อรักท่
หลินเฟยที่คล่อมอยู่เหนือร่างหนาที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามแข็งแกร่งสะบัดผมยาวสลวยไว้ด้านหลังมองคนใต้ร่างด้วยสายตายั่วยวนนัก ใช้นิ้วเรียวเล็กไล้ตั้งแต่จมูกโด่งได้รูปมายังริมฝีปากหนาที่นางรู้ว่าร้ายกาจเพียงใดบดคลึงแผ่วเบาจนคนใต้ร่างครางอือแม่ทัพหยางหรงหรี่ตามองภรรยารักด้วยสายตาเร่าร้อนนักทั้งตื่นเต้นว่านางจะทำอะไรและแปลกใจหนักหนาว่าเฟยเอ๋อของเขาไปได้ท่าทางแสนยั่วยวนนี้มาจากที่ใดกันแม้จะดูขัดเขินแต่เขากลับพอใจนัก มองดูนิ้วเล็กขาวผ่องลากไล้สันกรามแกร่งมาตามลำคอล่ำสันใช้สองมือบอบบางแหวกชุดคลุมตัวในออกเผยให้เห็นแผงอกแกร่งกำยำหนั่นแน่นแต่งแต้มด้วยรอยแผลประปรายดูน่าหลงใหลนัก มือเรียวเล็กนุ่มนิ่มลูบไล้แผ่นอกกว้างกำยำจนร่างหนากล้ามเนื้อหดเกร็งกัดกรามแกร่งแน่นด้วยความซ่านเสียว เห็นมือบางยกขึ้นปลดชุดนอนบางเบาออกจากร่างงามเย้ายวนเหลือแค่เอี๊ยมบังทรงสีแดงตัวน้อยที่แทบไม่ช่วยอะไรเลยตัดกับผิวขาวผ่องนวลเนียนทำให้เขาแทบหยุดหายใจ มือใหญ่จึงรีบเอื้อมไปเพื่อดึงเอี๊ยมตัวน้อยที่ช่างเกะกะนักแต่ถูกมือเล็กตะครุบไว้"ไม่เอาจะถอดเอง"เสียงอ่อนหวานเอ่ยขึ้นอย่างสั่นไหวจนเขารู้สึกได้หึหึ เสียงหัวเราะของคนใต้ร่างจึงดัง
อู๋ไป๋หลินอายุเข้าสองเดือนพอดิบพอดีกับที่จวนอ๋องจะมีงานมงคลของท่านอาหญิงของเจ้าตัวเล็ก จึงทำให้ทุกคนต่างวุ่นวายกันยกใหญ่ พระชายาซือเซียนแม่สามีดูจะตื่นเต้นกว่าใครเพราะบุตรสาวจะได้ออกเรือนเสียทีหลังจากรอคอยอย่างหวาดผวาว่าบุตรสาวจะมิได้ออกเรือนเพราะนางนั้นทโมนนักไม่เหมือนบุตรีจวนอื่นที่เรียบร้อยอ่อนหวาน เย็บปักถักร้อยล้วนเป็นเลิศแต่บุตรของนางเอาเที่ยวเล่นเตร็ดเตร่ไปทั่ว ผิดกับปาอ๋องพ่อสามีที่นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวด หนวดกระตุกเพราะความไม่ยินยอมแต่ทำอันใดไม่ได้เพราะภรรยาได้ใส่พานถวายเสียอย่างนั้น หึ เจ้าฉีฟงไม่นึกว่าเจ้านั่นจะมาเป็นบุตรเขยพระองค์ ช่างแสบนัก แล้ววันมงคลก็มาถึงแม่ทัพหยางหรงที่มองภรรยาที่แต่งตัวงดงามนักตาปรอย ร่างที่ดูอวบอิ่มขึ้นอยู่ในชุดสีส้มอมแดงที่พออยู่บนร่างสมส่วนนั้นช่างขับผิวให้ดูขาวผ่องนวลเนียนนัก"เฟยเอ๋อ คืนนี้เราเข้าหอกันนะ"หลินเฟยหันมองร่างสูงตาโต พลันใบหน้าร้อนผ่าว"ท่านพี่พูดอะไรเจ้าคะ""ก็ท่านหมอบอกว่าสามารถทำได้แล้ว แต่พี่เห็นเจ้ายุ่งๆ อยู่กับงานมงคลของหลานเอ๋อ เลยไม่อยากให้เจ้าเหนื่อยนัก วันนี้ก็เสร็จเรียบร้อยดีทุกอย่าง เข้าหอพร้อมกันดีงามนัก"พูดขึ้นตาหวานฉ่
หลินเฟยที่รู้สึกตัวตื่นขึ้นมารู้สึกได้ถึงมืออุ่นที่กอบกุมมือเล็กของนางอยู่ หันไปมองก็เห็นเป็นร่างคุ้นตาที่นอนฟุบหลับอยู่ข้างๆ นางโชคดีที่สุดที่มีบุรุษที่แสนดีผู้นี้อยู่เคียงข้าง"ท่านพี่" แม่ทัพหยางหรงที่เผลอหลับไปลืมตาขึ้นมองเจ้าของเสียงเรียกอย่างดีใจนักหลังจากคลอดบุตรคนแรกของทั้งสองนางก็สลบไปท่านหมอแจ้งว่านางเสียเลือดมากแต่ไม่เป็นอันตรายแค่หมดแรงเท่านั้น พักสักครู่ก็รู้สึกตัวแต่นางกลับหลับไปถึงหนึ่งคืนกับอีกหนึ่งวันเต็มๆ เขาจึงร้อนใจนัก มานั่งเฝ้านางไม่ยอมห่างเพราะกลัวว่านางจะเป็นอะไรไป เขาคงอยู่ไม่ได้แน่"เฟยเอ๋อเจ้าฟื้นแล้ว เป็นอย่างไรบ้าง เจ็บที่ใดอีกหรือไม่ ซิ่วอิง ซิ่วอิงตามท่านหมอเร็วเฟยเอ๋อฟื้นแล้ว" คนตัวโตที่ดูร้อนรนนัก ส่งเสียงเรียกบ่าวคนสนิทของชายารักจนคนตัวเล็กต้องรีบจับมือใหญ่ไว้"ข้าไม่เป็นอะไรเจ้าค่ะท่านพี่ แค่รู้สึกอ่อนแรงเท่านั้น" สิ้นเสียงอ่อนแรงท่านหมอก็เข้ามาตรวจชีพจรร่างบาง" ไม่มีอะไรน่าห่วงพ่ะย่ะค่ะดื่มยาบำรุงสักสามเทียบอาการอ่อนแรงก็จะหายหลังจากนั้นก็ดื่มยาสำหรับสตรีหลังคลอดร่างกายก็จะกลับมาเป็นปกติ" ท่านหมอจึงขอตัวกลับไปจัดยาสำหรับพระชายา" ลูกของเราเล่าเ
แม่ทัพหยางหรงที่ได้รับสาส์นด่วนจากกุนซือฉีฟงทั้งที่เขาพึ่งกลับมาถึงและต้องกุมขมับเพราะอู๋เสี่ยวหลานน้องสาวหายตัวไป และต้องกุมขมับอีกครั้งเมื่อเปิดอ่านสาส์นฉบับนั้นของสหายดี ดียิ่งเจ้าสหายน่าตายแล้วเขาจะแจ้งบิดามารดาว่าอย่างไร หลินเฟยที่เห็นสามีอารมณ์ไม่สู้ดีนักจึงเอ่ยถามขึ้นอย่างเป็นห่วง"มีอะไรร้ายแรงหรือไม่เจ้าคะท่านพี่" หยางหรงจึงหันมาส่งยิ้มให้ร่างอวบอิ่มที่มองมายังเขาอย่างห่วงใย จึงเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ภรรยาฟัง หลินเฟยถึงกับหัวเราะออกมา ท่านกุนซือฉีฟงช่างร้ายกาจจริงๆ นับถือ นับถือ"ถึงว่าท่านพี่กับท่านกุนซือถึงคบหาเป็นสหายกันได้"แม่ทัพหยางหรงได้ฟังถึงกับคิ้วกระตุกหรี่ตามองภรรยารัก"ร้ายกาจเหมือนกันมิมีผิด" พร้อมหัวเราะออกมาเมื่อเห็นสีหน้าของสามี "โอ้ะ!!!!"เสียงหัวเราะที่หยุดลงกะทันหัน พร้อมกับมีน้ำไหลออกมาจากช่องคลอดมากมายทำให้หลินเฟยตกใจนัก"ท่านพี่ ข้าปวดท้องเจ้าค่ะ"หยางหรงที่ตกใจนักเมื่อเห็นภรรยาเจ็บปวด บั่นคอศัตรูมาเป็นร้อยเป็นพันเห็นความเจ็บปวดทรมานจนชาชิน แต่พอเห็นภรรยาเจ็บปวดหัวใจรู้สึกบีบรัดนัก รีบร้อนเรียกบ่าวไพร่ตามหมอกันจ้าละหวั่น ช้อนร่างอุ้ยอ้ายขึ้นอุ้มตรงไ
เสี่ยวหลานที่รู้สึกตัวตื่นขึ้นปลายยามซื่อลืมตาที่หนักอึ้งขึ้นมองพอดีกับที่บุรุษร่างสูงเปิดประตูห้องเข้ามาในมือถือถาดสำรับเข้ามาสองสามอย่าง"หลานเอ๋อตื่นแล้วหรือลุกกินอะไรเสียหน่อยเถิดเมื่อวานก็ยังไม่มีอะไรตกถึงท้อง" เสียงนุ่มทุ้มเอ่ยขึ้น เสี่ยงหลานมองบุรุษหน้าตาหล่อเหลาดูอบอุ่นที่นางมอบหัวใจรักให้ตั้งแต่แรกพบ แต่ทุกอย่างกลับพังลงเพราะเขาแต่งสตรีอีกคนเข้าจวนเมื่อสามปีก่อน แต่วันนี้คนที่นางไม่คิดจะหวนคืนอีกกลับกลายเป็นสามีนางตั้งแต่วันแรกที่พานพบ ร่างบางจึงหลับตาลงอีกครั้ง ครุ่นคิดว่านางจะทำอย่างไรต่อจากนี้ จะยอมแต่งเป็นภรรยารองของเขาหรือปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปอย่างไม่เคยเกิดขึ้นเห็นร่างบางเอาแต่หลับตานิ่งไม่ยอมขยับ ร่างสูงจึงเดินมาว่างถาดอาหารไว้บนโต๊ะแล้วมานั่งลงข้างๆ ร่างบาง"หลานเอ๋อ พี่ไม่อยากรังแกเจ้าหรอกนะ" "..........." "หรืออยากให้ทำแบบเมื่อคืนนี้อีก" ฉีฟงเห็นนางยังคงเอาแต่เงียบ จึงขู่ออกไปพร้อมโน้มไปหน้าเข้าไปใกล้ใบหน้าเล็กเป่ารดลมหายใจอุ่นร้อน จนนางลืมตาแล้วถอยหนี"โอ้ย" ร่างบางถึงกับสะดุ้งเมื่อรู้สึกเจ็บร้าวไปทั้งตัวโดยเฉพาะกึ่งกลางร่าง จนน้ำตาเล็ด" หลานเอ๋อ เป็นอย่าง
อู๋เสี่ยวหลานหัวใจเต้นแรงมากนางจะยอมใจอ่อนให้บุรุษผู้นี้ไม่ได้ เขามีภรรยาไปแล้ว นางกับเขาไม่สามารถเดินร่วมเส้นทางกันอีก แม้บุรุษนั้นสามารถมีสองภรรยาสี่อนุได้แต่ไม่ใช่สำหรับนาง ครอบครัวของนางยึดมั่นในรักเดียวมาตลอดนางคงทำใจให้ยอมรับการใช้สามีร่วมกับผู้อื่นไม่ได้ เท้าบางที่ไม่ถูกพันธนาการจึงยกขึ้นกระทืบเท้าใหญ่เต็มแรง ร่างหนาที่ไม่ทันตั้งตัวและไม่คิดว่านางจะกล้าทำจึงเสียหลักปล่อยร่างบอบบางออกจากอ้อมแขนและถูกแขนเล็กตบจนหน้าหัน หูอื้อไปเลยทีเดียว ร่างบอบบางที่กำลังจะวิ่งออกไปถูกกระชากเต็มแล้วร่างสูงใหญ่ก็อุ้มนางขึ้น พาเดินไปยังเตียงใหญ่เสี่ยวหลานที่รู้ว่าฉีฟงคิดจะทำอะไรจึงดิ้นรนให้หลุดจากอ้อมแขนแข็งแกร่ง"ปล่อยข้า คนสารเลวปล่อยข้า ท่านคิดจะข่มเหงว่าที่ภรรยาผู้อื่นหรืออย่างไร" ฉีฟงกัดกรามแน่นโยนร่างบางลงบนเตียงนุ่มอย่างโกรธเคืองนัก"ว่าที่ภรรยาหรือก่อนเจ้าจะร่วมหอกับชายอื่นก้าวขาออกจากห้องนี้ให้ได้เสียก่อนเห็นเป็นอย่างไร" ร่างหนาโถมเข้าใส่ร่างเล็กเต็มแรง คิดจะร่วมหอกับชายอื่นหรืออย่าได้ฝันกรี๊ดดดด" ปล่อยข้าหานฉีฟงเจ้าคนชั่วปล่อยข้า" เสียงก่นด่าถูกริมฝีปากหนากดทับไม่ให้แปร่งออกมาให้ระค
อู๋เสี่ยวหลานที่เดินวนไปเวียนมาอยู่นั้นรีบเดินไปหลบเพราะสังเกตเห็นพี่ชายตัวเองเดินออกมาจากห้องๆ หนึ่ง รออยู่สักครู่ก็ไม่เห็นมีใครเดินออกมา หรือว่าจะหมดแรงจนเดินไม่ไหว หึ ขอเข้าไปดูหนังหน้าสตรีแพศยานั่นหน่อยเถอะ ว่าแล้วก็เดินตรงไปยังห้องเป้าหมายทันทีเสียงกุกกักหน้าประตูที่ดังขึ้นทำให้ฉีฟงที่นอนคิดถึงอดีตอยู่นั้นเกร็งตัว ผู้ใดคิดเหยียบจมูกเขากัน ใบหน้าที่ดูอบอุ่นอยู่เสมอพลันเย็นชาขึ้นทันที อู๋เสี่ยวหลานที่ย่องเข้ามานั้นรีบเดินตรงเข้ามาที่เตียงด้วยฝีเท้าเบาเห็นผู้ที่อยู่บนเตียงนอนคลุมผ้าจึงใช้มือเล็กดึงผ้าออกแต่กลับเป็นเพียงหมอนข้างเสียนี่ ยังไม่ทันตั้งตัวก็มีเงาร่างสูงใหญ่เข้ามาประชิดทางด้านหลังพร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชานักจนร่างบางแข็งทื่ออย่างตกใจ "เจ้าเป็นใคร แล้วมีจุดประสงค์อันใดบอกมา"พร้อมกระชับกริชในมือ ฉีฟงรู้ว่าบุคคลที่เขาจับอยู่นั้นเป็นสตรีอย่างไม่ต้องสงสัยเพราะตัวเล็กถึงเพียงนี้ แต่สตรีนี่แหละเป็นเพศที่น่าหวั่นกลัวที่สุด เขาจะไม่ประมาทอีก "ขะ ข้าแค่เข้าห้องผิดเจ้าค่ะ ปล่อยข้านะเจ้าคะ ข้าแค่มาตามสามีเท่านั้น เห็นเขาพาสตรีมาที่นี่จึงตามมาแต่ดันเข้าผิดห้อง"เสียงหวานที่ดูค