แชร์

7 : ข้าพิการนางปัญญาอ่อน

ผู้แต่ง: หิมะที่ปลิดปลิว
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-11-26 23:17:57

7 : ข้าพิการนางปัญญาอ่อน

          ตระกูลโจว

          มีบุรุษรูปร่างผ่ายผอมทว่ายังมองเห็นเค้าโครงความหล่อเหลา กำลังนอนลืมตาอยู่บนเตียง ด้านข้างมีคนสนิทอย่างชุยเหลียง คอยรายงานข่าวคราวให้เขาฟัง

          “เจ้าบอกว่าตระกูลหลินไม่ยอมรับนางเข้าจวนอย่างนั้นรึ”

          “ขอรับคุณชายใหญ่ พวกเขาอ้างว่าดวงชะตาของนางไม่เป็นมงคล มีผลให้ตระกูลหลินตกต่ำหรือล่มจมลงได้ จึงให้นางพักอาศัยอยู่นอกจวน ห่างจากจวนใหญ่ไปหลายตรอกอยู่เหมือนกัน”

          “นางคงเหมือนกับข้าสินะ เมื่อไร้ค่าก็หมดประโยชน์”

          “ตระกูลหลินทำไม่ถูก เหตุใดถึงได้มอบสตรีปัญญาอ่อนผู้นั้นมาแต่งงานแทน หากท่านไม่ให้ข้าไปตามสืบก็คงไม่รู้ ว่าตอนเด็กนางได้รับอุบัติเหตุจนมีอาการปัญญาอ่อนขึ้น” ชุยเหลียงกำหมัดแน่นด้วยความโกรธ นี่มันหยามหน้ากันเกินไปแล้ว

          “ข้าพิการนางปัญญาอ่อน เหตุใดจะไม่เหมาะสมกันเล่า”

          “คุณชายใหญ่ !”

          “งานแต่งจะยังเกิดขึ้นหรือไม่ก็ไม่มีผู้ใดบอกได้ ชุยเหลียงเจ้าอย่าได้กังวลไปนักเลย ไม่ใช่ว่าวันนี้ท่านหมอเจินต้องเข้ามาดูอาการของข้าหรือ”

          “ขอรับ สักพักคงมาถึงแล้ว คุณชายใหญ่ต้องการย้ายไปอยู่ที่ตั่งนอกเรือนหรือไม่”

          “ไม่ต้อง อยู่ในห้องนี่แหละ สะดวกแก่ทุกคนดี”

          “ขอรับ”

          ชุยเหลียงเดินออกจากห้องนอนของโจวจื่อถงไป เขาก้มหน้าลงดวงตาแดงก่ำ รู้สึกสงสารผู้เป็นนายเหลือเกิน หากไม่ได้รับบาดเจ็บจนต้องป่วยหนักเช่นนี้ มีหรือคุณชายใหญ่ของเขาจะต้องได้รับความอยุติธรรม กระทั่งภรรยายังไม่สามารถหาที่คู่ควรได้

          หลังจากท่านหมอเจินได้เข้ามาดูอาการของโจวจื่อถงเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาต้องนำเรื่องเข้าไปรายงานแก่จางฮูหยิน ผู้เป็นมารดาของโจวจื่อถงทุกครั้ง

          สตรีในวัยสี่สิบห้าปี ใบหน้าของนางแลดูแก่ชราเกินกว่าวัย นับตั้งแต่ที่บุตรชายของนางต้องนอนเป็นคนป่วย ท่อนล่างไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ สามีของนางโจวหลี่จวินก็หมดหวังในตัวของบุตรชายคนโต หันไปสนับสนุนคนบ้านรองแทน กระทั่งมาหานางที่เรือนยังนับครั้งได้ นานวันเข้าก็แทบจะลืมเลือนกันไป

          “อาการของคุณชายใหญ่ยังคงเหมือนเดิมขอรับฮูหยิน ข้านั้นไร้ความสามารถยิ่งนัก รักษามาสองปีกว่าแล้วยังไม่อาจช่วยคุณชายใหญ่ได้” ท่านหมอเจินถอนหายใจหนัก ๆ ออกมา “ได้โปรดฮูหยินหาหมอท่านอื่นมารักษาคุณชายใหญ่ด้วยเถิด” ท่านหมอเจินไม่อาจเหนี่ยวรั้งการรักษานี้ได้อีกต่อไป

          “ท่านจะให้ข้าไปหาหมอที่มากความสามารถมาจากไหนกัน” จางฮูหยินแค่นขำเบา ๆ กระทั่งหมอหลวงที่สามีของนางไปขอร้องฮ่องเต้ให้ช่วยเมตตา พวกเขาก็ไม่อาจรักษาอาการป่วยของโจวจื่อถงได้ อีกทั้งยังบอกว่าเขาไม่อาจมีชีวิตรอดได้เกินสามเดือน มีเพียงท่านหมอเจินผู้นี้ ที่ยังรั้งชีวิตของโจวจื่อถงมาได้ถึงสองปีกว่า

          ท่านหมอเจินเองก็จนใจ เขานั้นพยายามเสาะแสวงหาหมอเทวดาในใต้หล้ามารักษา สุดท้ายก็เจอเพียงพวกหลอกลวงไปวัน ๆ หามีความสามารถแท้จริงไม่

          “เทียบยาของท่านยังใช้ได้อยู่ ขอเพียงประคองอาการของถงเอ๋อร์ต่อไปได้...” จางฮูหยินลูบถ้วยชาแผ่วเบา

          แม่นมอีเห็นนางไม่อยากเอ่ยสิ่งใดอีกต่อไป จึงหันไปทางท่านหมอเจิน “เชิญท่านหมอทางนี้เจ้าค่ะ”

          แม่นมอีมอบค่ารักษาให้ พร้อมกับส่งเขาที่ประตูทางเข้าจวน ระหว่างทางก็เห็นฮูหยินรองฮู๋ซื่อเหมี่ยว กำลังเดินหน้าเชิดไปที่เรือนของแม่ทัพโจว มีสาวใช้สี่คนเดินตามหลังไปด้วย หากคนไม่รู้คงคิดว่านางเป็นฮูหยินใหญ่ของจวนไปเสียแล้ว แม่นมอีได้แต่กำหมัดใต้แขนเสื้อจนแน่น หากไม่เกิดเรื่องกับคุณชายใหญ่ของตน มีหรือฮูหยินรองจะได้มีโอกาสเชิดหน้าชูตาเช่นนี้

          ถนนหยางฮัวใจกลางเมืองหลวง

          หลินซือเยว่แต่งตัวในชุดผ้าป่านสีขาวเรียบง่าย มวยผมเป็นก้อนปล่อยยาวสยายด้านหลัง ปักปิ่นไม้เพียงหนึ่งอัน มีเผิงฉือกับหลินอ้ายเดินตามหลังมาติด ๆ

          “ตรงนี้เป็นถนนหยางฮัวขอรับคุณหนูรอง ที่นี่เป็นแหล่งค้าขายอันดับต้น ๆ ของเมืองหลวง มีตรอกแยกย่อยเข้าไป ร้านค้าชื่อดังต่างก็อยู่ภายในตรอกเหล่านั้น ไม่ทราบว่าคุณหนูรองต้องการไปที่ใด ถามข้าได้นะขอรับ” หลินอ้ายแนะนำด้วยความหวังดี

          หลินซือเยว่ “เดินดูไปก่อน”

          นางสำรวจพื้นที่บริเวณถนนหยางฮัวด้วยความสนใจ หากนางต้องการลงทุนทำการค้าขาย คงต้องเป็นสถานที่แห่งนี้ ผู้คนมากหน้าหลายตา ช่างคึกคักดีเหลือเกิน

          “หลินอ้ายเหตุใดตรอกนี้เงียบเหงานัก” เผิงฉือถามยามเดินผ่านตรอกที่มีชื่อลี่เซียน

          หลินอ้ายเกาศีรษะเล็กน้อย ตอนตอบก็มีท่าทีเอียงอายราวหนุ่มน้อย “ตรอกนี้เป็นแหล่งรวมของหอนางโลมท่านป้าเผิง ตอนกลางวันก็เงียบเหงาเช่นนี้แหละ”

          เผิงฉือกลอกตาใส่เขาหลังได้ยิน

          หลินอ้ายรีบเอ่ย “ตรอกข้างหน้านั่นเป็นแหล่งรวมภัตตาคารชื่อดัง ถัดไปอีกตรอกก็เป็นร้านจำหน่ายเสื้อผ้ากับเครื่องประดับ ตรงนั้นเป็นหอโอสถกับโรงหมอขอรับ”

          หลินซือเยว่เลือกภัตตาคารชื่อดังแห่งหนึ่ง นางเลือกโต๊ะนั่งติดหน้าต่าง ที่สามารถมองดูผู้คนบนท้องถนนใหญ่ได้อย่างถนัดตา นางนั่งโต๊ะคนเดียวเพราะต้องการใช้ความคิดในบางเรื่อง เผิงฉือจึงชวนหลินอ้ายไปนั่งอีกโต๊ะ

          “ท่านป้าเผิงข้าไปรอข้างนอกก็ได้”

          “เหลวไหล มาด้วยกันก็ต้องกินด้วยกัน เจ้านั่งลงกับข้านี่แหละ คุณหนูไม่ชอบให้ใครขัดใจนาง” เผิงฉือคุ้นชินกับนิสัยของหลินซือเยว่ดี นางมองมนุษย์ทุกคนบนโลกนี้เท่าเทียมกัน แต่หากอยู่ต่อหน้าผู้อื่น ก็ต้องทำตามธรรมเนียมปฏิบัติ

          ขณะที่ทั้งสามกำลังนั่งกินข้าวกันอยู่ เสียงพูดคุยของบุรุษกลุ่มหนึ่งก็ดังขึ้น

          “ฉีหมิงข้าได้ยินมาว่าคุณหนูหลินหมั้นหมายอยู่กับพี่ชายของเจ้า เหตุใดถึงได้ชวนนางไปเที่ยวงานชมบุปผาที่จะถึงนี้ได้ล่ะ”

          “พวกเจ้าตกข่าวแล้วล่ะ สตรีดี ๆ ที่ไหนจะยอมแต่งงานกับคนพิการเช่นนั้นได้” โจวฉีหมิงกอดอกยิ้มเจ้าเล่ห์

          “หืม ท่านพ่อของเจ้าจัดการเช่นไร” เสียงกระตือรือร้นของสหายผู้หนึ่งดังขึ้น

          “ท่านพ่อข้าไม่ได้จัดการหรอก ตระกูลหลินต่างหากที่เป็นคนเปลี่ยนตัวเจ้าสาว”

          “เปลี่ยนตัวเจ้าสาว ?”

          โจวฉีหมิงพยักหน้าลง “ใช่”

          “แล้วเจ้าสาวคนนั้นเขายอมได้อย่างไร ต้องแต่งกับคนพิการท่อนล่างขยับไม่ได้ ทำเรื่องอย่างว่าก็ไม่ได้ ไอหยา ! ข้าไม่อยากจะคิดเลย นางต้องทนทุกข์ทรมานไปชั่วชีวิตแน่”

          “มันก็ไม่แน่หรอก ท่านแม่ของข้าให้คนไปสืบเรื่องของนางแล้ว พวกเจ้ารู้ไหมว่าพบเจอเรื่องอันใดเข้า”

          “รีบเล่า ๆ”

          “ตอนเด็กนางเกิดอุบัติเหตุทำให้กลายเป็นเด็กปัญญาอ่อน ถูกส่งออกไปอยู่ข้างนอกน่ะสิ”

          “ไอหยา ! นี่ไม่เท่ากับว่าคนพิการแต่งงานกับคนปัญญาอ่อนหรอกรึ พวกเขารังแกแม่นางปัญญาอ่อนผู้นั้นเกินไปหรือเปล่า”

          “ใครว่ารังแก ตระกูลหลินเสนอมาเองเช่นนี้ ท่านพ่อไม่รู้จึงตอบตกลงไป มารู้ภายหลังแล้วอย่างไร แก้ไขอันใดไม่ได้อีก เพราะตระกูลหลินไม่ยอมให้ยกเลิก บอกว่าเป็นสัญญาหมั้นหมายของสองตระกูล หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ได้ทำผิดต่ออีกฝ่าย เช่นนั้นงานแต่งก็ยกเลิกไม่ได้เด็ดขาด !” แน่นอนว่าย่อมเป็นการย้อนคำของตระกูลโจวกลับคืนมา ทำให้น้ำท่วมปากเอ่ยออกไปก็ไม่ได้

          เสียงหยอกล้อของบุรุษโต๊ะด้านหลังยังดังขึ้นไม่ยอมหยุด หลินซือเยว่ฟังจนจบคิ้วนางก็ขมวดเข้าหากันแน่น

          แม่นางปัญญาอ่อนผู้นั้น ไม่ใช่หมายถึงข้าหรอกรึ

          เรื่องราวเป็นเช่นนี้นี่เอง

          ยามลุกออกจากภัตตาคารไป หลินซือเยว่ได้สำรวจใบหน้าของโจวฉีหมิง เป็นดวงเคราะห์ดอกท้อของจริง ชีวิตจะตกต่ำลงด้วยเรื่องของสตรี นางยิ้มเยาะเล็กน้อย สมน้ำหน้า !

          หลินซือเยว่กลับมาถึงเรือนเฟยเฟิ่งในยามเย็น นางสามารถเปิดร้านทำนายดวงชะตาให้ผู้คนได้ ส่วนเรื่องรักษานั้นนางคงทำได้เพียงแค่เขียนเทียบยาให้ เพราะไม่ได้มีหอโอสถเป็นของตัวเอง แต่บางอย่างกลับกวนใจนางเหลือเกิน ราวกับว่ากำลังมีเรื่องร้ายเกิดขึ้นกับผู้คนรอบตัวของนาง

          ตกดึกหิมะตกหนักขึ้นเรื่อย ๆ นางนั่งอยู่ตรงหน้าต่าง ที่แง้มเอาไว้เพียงเล็กน้อย ไออุ่นภายในห้องปะทะกับความหนาวเย็นที่ผ่านซอกหน้าต่างเข้ามา นางเริ่มทำนายดวงชะตาของตระกูลหลิน

          นี่ไม่ใช่เรื่องดี ตระกูลหลินกำลังเจอเคราะห์หนัก

          วันรุ่งขึ้นหลินซือเยว่เดินทางไปยังจวนตระกูลหลิน ขอเข้าพบบิดามารดาของนาง แต่คนเฝ้าประตูกลับปฏิเสธบอกว่าเป็นคำสั่งของพ่อบ้านหม่า ห้ามไม่ให้คุณหนูรองเข้าไปในจวน

          “คุณหนูมีเรื่องอันใดสำคัญหรือไม่” เผิงฉือยังไม่เข้าใจการกระทำของหลินซือเยว่

          “ไม่รู้สิ ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกันป้าเผิง หากข้าเข้าไปได้อาจจะมองปัญหาเรื่องนี้ออก แต่ช่างเถิดวาสนาของพวกเขานั้นไม่มี ไม่อาจฝืนลิขิตฟ้าไปได้”

          นางเอ่ยเท่านั้นก็หมุนตัวกลับ เผิงฉือเดินตามหลังนางไปติด ๆ หลินอ้ายได้รับคำสั่งให้บังคับรถม้ากลับไปยังเรือนเฟยเฟิ่ง

          “คุณหนูเจ้าคะ”

          “ชะตาพวกเขากับข้าผูกไว้ด้วยกัน เคราะห์คราวนี้ข้าเองคงหนีไม่พ้น”

          “คุณหนู !” เผิงฉือรู้ดีว่าคำทำนายของหลินซือเยว่แม่นยำเพียงใด หากหาหนทางแก้ไขไม่ได้ มีเพียงต้องยอมรับมันเอาไว้

บทที่เกี่ยวข้อง

  • หลินซือเยว่ผู้นี้มีสามชะตาในคราเดียว   8 : เนรเทศทั้งตระกูล  

    8 : เนรเทศทั้งตระกูล หลายวันต่อมา เกิดเหตุร้ายขึ้นที่ประตูวังหลวง มีคนร้ายจำนวนหนึ่งบุกเข้าไปภายในวังหลัง ทำร้ายพระสนมคนโปรดของฮ่องเต้จนเกือบสูญเสียเด็กในครรภ์ หลังจับกุมคนร้ายได้บางส่วน พวกมันต่างซัดทอดไปยังที่ปรึกษาเว่ยเว่ย เป็นคนอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ หลินเฉินในยามนั้นปฏิเสธหัวเด็ดตีนขาด ว่าเขาไม่มีส่วนรู้เห็นในเรื่องนี้ แต่จดหมายที่อยู่บนตัวของคนร้าย กลับเป็นลายมือของเขาอย่างชัดเจน ฮ่องเต้ทรงกริ้วเป็นอย่างมาก สั่งปลดหลินเฉินออกจากตำแหน่งที่ปรึกษาเว่ยเว่ย และลงโทษคนตระกูลหลินทั้งหมด เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่ขุนนางทั้งหลาย มีราชโองการให้ยึดทรัพย์สินของตระกูลหลินทั้งหมด และเนรเทศคนตระกูลหลินออกไปยังชายแดน ห้ามกลับเข้ามาเหยียบเมืองหลวงอีกตลอดชีวิต หลังรับราชโองการ คนตระกูลหลินถึงกับล้มทั้งยืน ไม่ทันได้เก็บข้าวของอันใด ทหารก็บุกเข้ามายึดทรัพย์สินและจับกุมทุกคนไปห้องขัง เสียงร้องไห้ของสตรีบาดลึกเข้าไปในความรู้สึกของบุรุษ พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อน ว่าจะเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น คนทั้งตระกูลสามสิบกว่าชีวิต ถูกขังรวมไว้ด้วยกัน ไม่แบ่งแยกชายหญิงแต่อย่าง

  • หลินซือเยว่ผู้นี้มีสามชะตาในคราเดียว   9 : พบหน้าในคุก      

    9 : พบหน้าในคุก เมื่อควบม้ามาถึงเรือนเฟยเฟิ่ง หิมะที่หยุดตกไปก่อนหน้ากลับโปรยปรายลงมาอีกหน มีทหารมารออยู่ภายในห้องโถง เพื่อรอนางกลับมาจริง ๆ เผิงฉือถูกสั่งให้เตรียมห่อผ้าเอาไว้ล่วงหน้า หลินซือเยว่สั่งให้นางเย็บห่อผ้าแบบสมัยใหม่ เป็นเป้ผ้าขนาดใหญ่ใส่ของได้เยอะ แต่ที่นางคิดไม่ถึงคือเผิงฉือกลับเตรียมเป้ของตัวเองเอาไว้ด้วย “คุณหนูไปไหนข้าไปด้วยเจ้าคะ” “ป้าเผิง การถูกเนรเทศไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ วันข้างหน้าจะเป็นอย่างไรข้าก็ไม่อาจรู้ได้” “ข้าไม่กลัว ข้าเสียครอบครัวไปหมดแล้ว ที่มีชีวิตอยู่มาได้ทุกวันนี้ ก็เพราะคุณหนูนะเจ้าคะ หากไม่มีคุณหนูข้าเองก็ไม่รู้จะอยู่ไปทำไม” เผิงฉือตัดสินใจอย่างแน่วแน่ “ป้าเผิงท่านคิดดีแล้วหรือ” “ข้าคิดดีแล้วเจ้าค่ะ” หลินซือเยว่ไม่อาจฝืนใจผู้อื่นได้ นางหันไปมองรอบกาย “แล้วหลินอ้ายล่ะ” “หลินอ้ายมีสัญญาซื้อขายตัวกับตระกูลหลิน ยังไงก็ต้องถูกเนรเทศไปกับตระกูลหลินเจ้าค่ะ” “เช่นนั้นก็ไปพร้อมกันนี่แหละ” เสื้อกันหนาวอย่างอุ่นถูกเตรียมพร้อมเอาไว้ ผ้าห่มอย่าหนากับของใช้บางอ

  • หลินซือเยว่ผู้นี้มีสามชะตาในคราเดียว   10 : ออกเดินทางท่ามกลางหิมะ

    10 : ออกเดินทางท่ามกลางหิมะ จวนแม่ทัพโจว หลังจากหลินซือเยว่จากไปแล้ว ช่วงดึกท่านหมอเจินได้เดินทางกลับมาพอดี เขาได้ตรวจดูอาการของโจวจื่อถง ปรากฏว่าร่างกายของชายหนุ่มดีขึ้นถึงสามส่วน ชุยเหลียงรีบนำกระดาษที่หลินซือเยว่ให้ไว้มอบให้เขาตรวจดู หลังจากนั่งพิจารณาอยู่ครู่ใหญ่ ท่านหมอเจินดวงตาฉายแววยินดีออกมา “นี่เป็นหมอเทวดาท่านไหนกัน” “ไม่ใช่หมอเทวดาที่ไหนหรอก เป็นแม่นางน้อยผู้หนึ่งเท่านั้น” “แล้วนางอยู่ที่ไหน ข้าต้องการหารือเรื่องรักษากับนาง” ชุยเหลียง “ท่านหมอเจินนี่หมายความว่า” “เจ้าโง่นัก อาการของคุณชายใหญ่ดีขึ้นหลังนางฝังเข็มให้ นั่นหมายความว่านางรักษาได้ผล แล้วรูปแบบการฝังเข็มเช่นนี้ มหัศจรรย์ยิ่งนัก ข้าเองก็ไม่เคยรู้มาก่อน ว่าสามารถฝังเข็มรักษาแบบนี้ได้” ชุยเหลียงได้รับคำยืนยันเช่นนี้ เกิดนึกเสียดายในโอกาสรักษาของคุณชายใหญ่ จึงเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ท่านหมอเจินได้รับรู้ หลังฟังจบท่านหมอเจินมีเพียงคำพูดเดียว คือน่าเสียดายจริง ๆ แต่ว่าเขายังมีความหวังอยู่ เพราะหลินซือเยว่ได้แนะนำวิธีการรักษาไว้อย่างละเอียด เพ

  • หลินซือเยว่ผู้นี้มีสามชะตาในคราเดียว   11 : ช่วยจูฮูหยิน

    11 : ช่วยจูฮูหยิน เมื่อกินข้าวเที่ยงเสร็จแล้ว ทหารได้ต้อนให้คนในขบวนเดินทางต่อ ตอนนั้นบิดาของหลินซือเยว่ไปปลดทุกข์อยู่ รถม้าของนางจึงรั้งอยู่เป็นกลุ่มสุดท้าย ผ่านไปราวสองเค่อคนตระกูลหยางก็ร่นมาอยู่ตรงหน้าของพวกนาง เพราะมีพวกเขานั่งขวางหน้า รถม้าของบ้านรองจึงต้องหยุดตามไปด้วย “พี่ชายฮูหยินของพวกข้าไม่ไหวแล้ว ท่านโปรดหยุดพักก่อนเถอะ” นายทหารผู้หนึ่งเอ่ยขอร้องกับทหารที่คุ้มกันขบวน “ได้อย่างไร หากหยุดพัก วันนี้พวกเราไปไม่ถึงที่หมายแน่ พวกเจ้าอยากตายอยู่กลางหิมะนี่หรืออย่างไร” “เช่นนั้นหยุดพักสักครู่ได้หรือไม่” บุรุษผู้นี้คืออดีตแม่ทัพหยางห่าวอู๋ และผู้ที่อยู่ในอ้อมแขนของเขานั้น คือจูฮุ่ยชิวภรรยาเอกของเขา “ไม่ได้ ! รีบลุกขึ้นเร็วเข้า” “เจ้านี่มัน !” “ห่าวหรานอย่าก่อเรื่อง !” หยางห่าวหรานชะงักหลังได้ยินเสียงบิดา กำหมัดเข้าหากันแน่นกัดฟันเสียงดังกรอด หลังสงบสติอารมณ์ได้แล้วจึงได้เอ่ยออกไป “พี่ชายท่านนี้มารดาของข้าป่วยหนัก ได้โปรดช่วยเหลือด้วยเถอะ” ขอร้องอย่างไรถึงเหมือนออกคำสั่งก็ไม่ปาน หลินซือเยว่นับนิ

  • หลินซือเยว่ผู้นี้มีสามชะตาในคราเดียว   12 : ไปไม่ถึงที่พัก

    12 : ไปไม่ถึงที่พัก สองพ่อลูกตระกูลหยาง อยู่ใกล้กับครอบครัวของหลินเต๋อมากที่สุด เขาได้ยินสิ่งที่พ่อบ้านหม่าเอ่ยอย่างชัดเจน และได้ยินหลินซือเยว่ตอบโต้ คล้ายไม่สนใจไยดีผู้เป็นย่าของตนเอง “นางทำไม่ถูกจริง ๆ นางควรมอบยาให้ท่านย่าของนาง” หยางห่าวอู๋เอ่ยเบา ๆ กับบุตรชาย หยางห่าวหรานไม่ได้เอ่ยสิ่งใดออกมา เขาเพียงแต่นึกไม่ถึงว่าสตรีอายุสิบห้าสิบหกปีผู้นี้ จะหาญกล้าต่อกรกับคนในตระกูลได้ ทำให้เขาต้องหันกลับมามองนางเสียใหม่ “ท่านแม่เป็นอย่างไรบ้าง” เขาก้มหน้าลงมองมารดาที่นอนลืมตาอยู่ข้างบิดา มองผ้าห่มหนาผืนหนึ่งที่ได้รับมาจากบนรถม้า จูฮูหยินขยับตัวเล็กน้อย “ข้าดีขึ้นแล้วล่ะยาคุณหนูหลินใช้ได้ดีมาก นางยังมอบให้ข้าติดตัวไว้ด้วย ผ้าห่มนี่นางก็ยกให้ข้า” ขวดยาสีขาวถูกหยิบออกมาจากสาบเสื้อ มอบให้สองพ่อลูกดู หยางห่าวหรานหยิบออกมาเปิดจุกขวด ดมกลิ่นยาที่อยู่ด้านใน “เป็นยาลดไข้จริงด้วย” “เจ้านอนพักต่อเถอะ พรุ่งนี้จะได้มีแรงเดินทางต่อ” หยางหาวอู๋ลูบเส้นผมของภรรยาอย่างเบามือ ดึงผ้าห่มขึ้นคลุมให้ ก่อนเลื่อนตัวลงไปนอนบนพื้นด้านข้างกับภรรยา

  • หลินซือเยว่ผู้นี้มีสามชะตาในคราเดียว   13 : หยางห่าวหรานป่วยจนหมดสติ

    13 : หยางห่าวหรานป่วยจนหมดสติ หลินซือเยว่เห็นจูฮูหยินเดินตรงมาทางตัวเอง ท่าทางน่าสงสารเป็นอย่างมาก “คุณหนูหลินเจ้าช่วยไปดูลูกชายของข้าได้หรือไม่ เขาไม่สบายจนหมดสติไปแล้ว” มือไม้สั่นเทาไปหมดไม่รู้ว่าด้วยความหนาวเย็น หรือว่าความหวาดกลัวเรื่องความเป็นตายของบุตรชาย “พี่ฮุ่ยชิว” เถียนฮูหยินรีบลงมาจากรถม้า แล้วเข้าไปจับมือของอีกฝ่ายเอาไว้ หลินซือเยว่ลอบถอนหายใจเบา ๆ ท่านแม่ท่านนับญาติกับคนแปลกหน้าง่ายเกินไปไหม “เยว่เอ๋อร์เจ้าพอจะช่วยลูกชายของท่านป้าฮุ่ยชิวได้หรือไม่” ไม่ทันไรข้าก็มีป้าเพิ่มมาอีกคนแล้วรึ “ข้าขอไปดูก่อน ป้าเผิงเอากระเป๋าของข้ามาด้วย” “เจ้าค่ะคุณหนู” หยางห่าวอู๋ให้คนในตระกูลหยางเดินทางไปก่อน เขากับภรรยาอยู่รอเฝ้าลูกชายเอง คราวแรกไม่มีใครยอมขยับตัว ทหารที่คุ้มกันนับสิบคนจึงชักดาบออกจากฝัก เห็นดังนั้นพวกเขาไม่อาจสร้างปัญหา ให้แก่แม่ทัพกับรองแม่ทัพของตนเองได้ “ไม่ใช่ว่าข้าบอกแล้วรึว่าให้อยู่ดูคนป่วยได้แค่สองคน” จี๋ไห่ผู้ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ เดินเข้ามาขวางหน้าของหลินซือเยว่

  • หลินซือเยว่ผู้นี้มีสามชะตาในคราเดียว   14 : สวดส่งวิญญาณ

    14 : สวดส่งวิญญาณ ฮูหยินเฒ่าได้ยินว่าหลานสาวบ้านรองของตน กำลังจะทำพิธีสวดส่งวิญญาณ ก็โมโหจนหน้าสั่น “นี่นางคิดจะทำอะไรกันแน่ เจ้ารองกับเมียไม่คิดห้ามนางเลยรึ” “เห็นว่าเพราะคุณหนูรองอยู่อารามเต๋ามานาน เลยเรียนรู้เรื่องพิธีกรรมของเต๋ามาด้วย นางบอกว่าสามารถสวดส่งวิญญาณได้ขอรับ” พ่อบ้านหม่ารายงานด้วยสีหน้าลำบากใจ เป็นสตรีในตระกูลใหญ่กลับต้องไปสวดส่งวิญญาณ ราวกับนักพรตเต๋าก็ไม่ปาน “เหลวไหลสิ้นดี !” หลินเฉินส่ายหน้าไปมา แต่พอมองสถานการณ์ในตอนนี้ จะมีสิ่งใดสำคัญไปกว่าการมีชีวิตรอดไปได้ เรื่องสมควรหรือไม่นั้น คงไม่สลักสำคัญอีกต่อไป “บุตรสาวน้องรองผู้นี้เรียนอะไรไม่เรียน ดันไปเรียนวิชาต้มตุ๋นมา น่าขายหน้าจริง ๆ” หวางฮูหยินเย้นหยันบ้านรองดัง ๆ ตั้งใจให้คนอื่นในตระกูลหลินได้ยิน “นั่นสิท่านแม่ พวกบ่าวไพร่ก็หูตามืดบอด ยอมทำตามไปได้” หลินจื่อรั่วไม่ถูกชะตากับหลินซือเยว่อยู่ก่อนหน้าแล้ว เหตุเพราะเรื่องแต่งงาน ท้ายที่สุดนางก็ไม่อาจสมหวังได้ เป็นเพราะตัวซวยตัวนี้จริง ๆ บ่าวไพร่บางคนได้ยินคำพูดเหล่านี้ ต่างก็เก็บไปคิดอยู่ไม่น้อย พวกเขาไม่

  • หลินซือเยว่ผู้นี้มีสามชะตาในคราเดียว   15 : จี๋ไห่ได้รับข่าวร้าย

    15 : จี๋ไห่ได้รับข่าวร้าย เมื่อเดินทางมาถึงอำเภอฉือ จี๋ไห่ได้รับข่าวร้ายทันที อนุภรรยาที่รักของเขาคลอดยาก นางเจ็บท้องถึงสองวันสองคืน พอคลอดออกมาได้ กลับตกเลือดอย่างรุนแรง กระทั่งตอนนี้ก็ยังสลบไสลไม่ได้สติ ลูกน้องของเขาคนหนึ่งเอ่ยแนะนำให้มาหาหลินซือเยว่ นางรู้ล่วงหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ อาจช่วยเหลืออนุภรรยาของเขาได้ จี๋ไห่ต้องหลบสายตาผู้คนมาหาหลินอ้าย ให้เขาส่งข้อความหาหลินซือเยว่ให้มาพบเขาที เหตุเพราะเหล่านักโทษต้องถูกคุม อยู่ในลานกว้างของวัดใหญ่ประจำอำเภอ ไม่สามารถออกไปไหนมาไหนได้เอง “เอาป้ายชื่อของข้าไปเชิญนางออกมาที” นอกจากใช้ป้ายชื่อเชิญหลินซือเยว่แล้ว ยังต้องการให้นายทหาร ได้เห็นป้ายผ่านทางนี้ด้วย “บอกว่าข้ารออยู่ด้านข้างวัดใหญ่ใต้ต้นพุทราป่า หลินอ้ายเหลือบมองป้ายชื่อเล็กน้อย ก่อนจะรับมาถือไว้แล้วหันหลังไปหาเผิงฉือ ให้นางไปรายงานเรื่องนี้กับหลินซือเยว่ “คุณหนูไม่จำเป็นต้องไปก็ได้นะเจ้าคะ คนแบบนั้นไม่คู่ควร” เผิงฉือไม่เห็นด้วย “ไม่เป็นไร เขาไม่ได้เลวจนให้อภัยไม่ได้ ป้าเผิงเอากระดาษกับพู่กันมาให้ข้า” หลินซือเยว่เอ่ยแล้วรอให

บทล่าสุด

  • หลินซือเยว่ผู้นี้มีสามชะตาในคราเดียว   81 : ตอนพิเศษ 10 : พวกเขาเกิดมาคู่กัน (จบตอนพิเศษ)

    10 : พวกเขาเกิดมาคู่กัน หลินซือเยว่ชวนน้องสาวมาเยือนที่เรือน เพื่อเปิดโอกาสให้ฮู่ตงหยางได้พูดคุยกับนางบ้าง อย่างน้อยได้ทำความรู้จักพูดคุยกันก่อน ยามออกเรือนไปแล้วจะได้ไม่เขินอายกันจนเกินไป แต่นางได้เอ่ยกับบิดามารดาไปแล้ว ว่าให้หมั้นหมายกันไปก่อนหนึ่งปี เพราะยามนี้น้องสาวของนางเพิ่งอายุสิบหกย่างสิบเจ็ดปีเอง แต่มารดาของนางกลับแย้ง ว่าอายุช่วงนี้กำลังเหมาะสม หากรอไปอีกหนึ่งปีฮู่ตงหยางก็สามสิบปีพอดี ในสายตาของผู้อื่นอาจคิดว่าอายุของทั้งคู่ไม่เหมาะสมกัน เพราะห่างกันร่วมสิบสองปี แต่ในสายตาของหลินซือเยว่ ฮู่ตงหยางอยู่ในวัยกำลังสร้างครอบครัวได้ มีแต่น้องสาวของนางนี่แหละที่เด็กน้อยเกินไป “น้องรอง” “เจ้าคะ” “เจ้าไม่คิดว่าองครักษ์ฮู่แก่ไปหรอกหรือ” หลินซูฮวาอมยิ้มเล็กน้อย “ไม่เจ้าค่ะ เขาดูแข็งแรงดี” “อ้อ เป็นข้าที่คิดมากไปเอง เจ้าดูเด็ก ๆ อยู่ตรงนี้ไปก่อนก็แล้วกัน ข้ามีงานไปคุยกับท่านอ๋องก่อน” “ได้เจ้าค่ะ” หลินซูฮวาชอบที่ได้เล่นกับหลานตัวน้อยทั้งสอง พวกเขาเลี้ยงง่าย แค่ได้วิ่งเล่นไปมาก็มีความสุขแล้ว นางเองได้นั่งมองเด

  • หลินซือเยว่ผู้นี้มีสามชะตาในคราเดียว   80 : ตอนพิเศษ 9 : “เป็นเจ้านี่เองที่ว่าอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล”

    9 : “เป็นเจ้านี่เองที่ว่าอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล” หลินซูฮวาไม่ได้โง่ นางมองปราดเดียวก็รู้ ว่าคนตรงหน้าได้ช่วยชีวิตนางเอาไว้ แต่ช่วยด้วยวิธีไหนนั้นนางไม่แน่ใจ ภายในรถม้าที่นั่งกลับเรือนด้วยกันสองต่อสอง นางจึงได้ใจกล้าเอ่ยถามเขา “ท่านผายปอดให้ข้ารึ” ฮู่ตงหยางตัวแข็งทื่อหลังได้ยิน “คุณหนูหลินท่านรู้จักการผายปอดด้วยรึ” เขาถามเสียงค่อยคล้ายคนหมดเรี่ยวแรง “รู้จักสิ พระชายามาสอนคนที่จวนอยู่เหมือนกัน ข้าก็ได้เรียนรู้ด้วย” นางเม้มปากแน่น พวงแก้มค่อย ๆ แดงระเรื่อขึ้นมา การที่เขาไม่ปฏิเสธย่อมหมายความว่าเป็นเรื่องจริง “คุณหนูหลินข้าล่วงเกินท่านแล้ว” ฮู่ตงหยางยอมรับชะตากรรมแต่โดยดี “หมายความว่าอย่างไร พระชายาบอกว่าเป็นการช่วยเหลือชีวิตผู้คน ข้าไม่ควรคิดเล็กคิดน้อยสิ” หลินซูฮวาบิดปลายนิ้วใต้แขนเสื้อสุดแรง “ตอนข้า เอ่อ ผายปอดท่าน มีชาวบ้านอยู่แถวนั้นกันหลายคน เกรงว่าเรื่องนี้คงทำให้ท่านเสื่อมเสียชื่อเสียงไปแล้ว” “องครักษ์ฮู่ท่านหมายความว่า มีคนเห็นท่าน” หลินซูฮวาหยุดพูด แล้วสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ ๆ “เป่าลมเข้าปากข้ารึ” ถาม

  • หลินซือเยว่ผู้นี้มีสามชะตาในคราเดียว   79 : ตอนพิเศษ 8 : “เท้า ไม่ใช่มือ !”

    8 : “เท้า ไม่ใช่มือ !” หลินซือเยว่จัดการเรื่องออกเรือน ให้สาวใช้สินเดิมทั้งสองเรียบร้อยแล้ว นางมอบของขวัญเป็นเรือนให้คนละหลัง พร้อมมอบกิจการร้านค้าให้อีกด้วย กระทั่งหนังสือขายตัวก็ฉีกทิ้งไป ปล่อยให้ทั้งคู่ได้เป็นอิสระในภายภาคหน้า “ข้าไม่เคยรู้ว่าเจ้าใจดีถึงเพียงนี้” เซวียนหมิงยู่โอบกอดนางจากด้านหลัง พร้อมหอมแก้มนุ่ม ๆ ของนางฟอดหนึ่ง “ยามเป็นโหย่วซิงเยียนพวกนางดีกับข้ามาก พอเป็นหลินซือเยว่ก็ตั้งใจเรียนรู้เรื่องยาสมุนไพร ยามนี้เลยได้ใช้ประโยชน์บ้าง ต่อไปภายภาคหน้าหากเกิดการบาดเจ็บเล็ก ๆ น้อย ๆ พวกนางก็สามารถรักษาตัวเองหรือคนในครอบครัวได้ ไม่จำเป็นต้องเรียกร้องหาหมออย่างเดียว” หลินซือเยว่ได้วางแผนเรื่องการรักษาอาการบาดเจ็บเบื้องต้น ให้แก่คนในจวนไว้แล้ว เพียงแต่นางยังไม่มีเวลาได้ลงมือทำ “ข้าถึงได้ว่าเจ้าจิตใจดีอย่างไร” ไม่เพียงแต่กับบ่าวไพร่ในจวน กระทั่งชาวบ้านทั่วไปหลินซือเยว่ก็ใจดีต่อพวกเขา เซวียนหมิงยู่ได้รู้จากท่านหมอหลี่ ว่าพระชายาของตนได้ให้คนจากโรงสมุนไพร ออกไปถ่ายทอดความรู้เรื่องสมุนไพรพื้นฐานให้แก่ชาวบ้าน และสอนเรื่องการรักษาอาการบาดเจ็บเบื

  • หลินซือเยว่ผู้นี้มีสามชะตาในคราเดียว   78 : ตอนพิเศษ 7 : วาสนานำพารัก

    7 : วาสนานำพารัก หลินเต๋อให้คนไปเชิญพระชายามายังจวนของตน เพื่อหารือเรื่องสำคัญ ครั้นหลินซือเยว่ไปถึงก็ได้รู้ว่าพี่ชายของตนเอง กำลังจะมีข่าวดีเรื่องมงคล “ซีฮันสวมกวานมาหลายปีแล้ว สมควรคิดเรื่องออกเรือนได้เสียที” เถียนฮูหยินเป็นผู้เอ่ยเรื่องนี้ หลินซือเยว่รีบหันไปทางพี่ชายในทันที เห็นเขาใบหน้าแดงเถือกขึ้นอย่างชัดเจน นี่หมายความว่าไม่ปฏิเสธเป็นแน่แท้ “ท่านแม่หมายปองสตรีนางใดให้พี่ใหญ่หรือเจ้าคะ” “เป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลหวง ทำการค้าเหมือนกัน” “ท่านพ่อเห็นชอบว่าอย่างไรเจ้าคะ” นางหันไปทางบิดาบ้าง ส่วนตัวไม่ได้รู้จักคุณหนูผู้นี้มาก่อน “อืม คุณหนูใหญ่ผู้นี้ใช้ได้เหมือนกัน” หลินเต๋อย่อมเชื่อใจการมองคนของภรรยา หลินซือเยว่มองน้องสาวของตัวเองบ้าง เห็นนางพยักหน้าลงคล้ายพึงพอใจอยู่เหมือนกัน ทุกคนในบ้านล้วนพึงพอใจสตรีนางนี้ กระทั่งหลินซีฮันยังไม่มีท่าทีจะปฏิเสธ “พี่ใหญ่ ท่านไปแอบดูนางมาแล้วใช่ไหม” ทุกคนต่างอ้าปากค้างหลังได้ยิน โดยเฉพาะเถียนฮูหยิน นางไม่เคยรู้มาก่อนว่าบุตรชาย ไปแอบดูคุณหนูใหญ่ตระกูลหวงตอนไหน “ซีฮันนี่เจ้า

  • หลินซือเยว่ผู้นี้มีสามชะตาในคราเดียว   77 : ตอนพิเศษ 6 : “คลานดี ๆ อย่าให้ลูกชายข้าหล่นได้”

    6 : “คลานดี ๆ อย่าให้ลูกชายข้าหล่นได้” ยามนี้คุณชายกับคุณหนูทั้งสองอายุครบสองปี ทั้งคู่เริ่มเรียกชื่อบิดามารดาได้แล้ว อีกทั้งยังพูดคุยประโยคสั้น ๆ ได้บ้าง หลินซือเยว่ได้จัดงานแต่งให้สวีวั่งซูอย่างสมเกียรติไปเมื่อปีที่แล้ว ยามนี้ฮู่ตงหยางจึงกลายเป็นคนขี้อิจฉา ยามได้เห็นสหายรัก รีบร้อนกลับเรือนทุกครั้งหลังออกเวร พอหันกลับมาทางท่านอ๋องของตน แทบนึกช่วงเวลาเหลียงอ๋องผู้เกรียงไกรแทบไม่ออก เพราะยามนี้นั้น “บิน ๆ สูง ๆ” เป็นเสียงเล็ก ๆ ของคุณชายตัวน้อย ท่านอ๋องของตนกำลังให้คุณชายขี่คอแล้วพาวิ่งไปรอบ ๆ ลานหญ้า ส่วนพระชายานั้นกำลังนั่งถักเปียให้คุณหนูด้านข้างมีเผิงฉือกับสองสาวใช้คอยปรนนิบัติอยู่ “อี้เอ๋อร์อยากขี่ม้าใช่ไหม ได้ ๆ ตงหยางมานี่เร็ว !” “ท่านอ๋องคุณชายยังไม่ได้เอ่ยสักคำ” แม้ปากจะเอ่ยเช่นนั้น แต่เข่ากลับคุกคลานลงบนพื้น ไม่ช้าคุณชายตัวน้อย ก็ปีนขึ้นมานั่งอยู่บนหลังของเขา “คลานดี ๆ อย่าให้ลูกชายข้าหล่นได้” “พ่ะย่ะค่ะ” ฮู่ตงหยางก้มหน้าคลานไป ประคองคุณชายน้อยไปด้วย เขากลับมีความสุขเหลือเกินในยามนี้ คุณชายน้อยส่

  • หลินซือเยว่ผู้นี้มีสามชะตาในคราเดียว   76 : ตอนพิเศษ 5 : แฝดชายหญิง      

    5 : แฝดชายหญิง หนึ่งเดือนต่อมา เผิงฉือนั่งมองพระชายาของนาง ที่กำลังจ้องที่ข้อมือของตัวเองอย่างเงียบ ๆ บางครั้งพระนางก็เอานิ้วไปแตะ แล้วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง พร้อมผ่อนลมหายใจออกมาเบา ๆ จากนั้นก็แตะข้อมืออีกครั้ง เป็นอยู่เช่นนี้จนน่าสงสัย “พระชายาเพคะ ท่านอ๋องให้แม่ครัวเคี่ยวน้ำแกงบำรุงร่างกายมาให้เพคะ” ลี่ถิงเดินยิ้มเข้ามาพร้อมกับถาดน้ำแกง หลินซือเยว่หันไปค้อนนางแรง ๆ อย่างไร้สาเหตุ “พระชายาเป็นอันใดเพคะ” เผิงฉือเห็นแล้วก็ไม่เข้าใจ โบกมือให้ลี่ถิงรีบวางถ้วยน้ำแกงลง แล้วให้รีบออกไปให้เร็วที่สุด “ป้าเผิงข้าไม่สบายใจเล็กน้อย” นางถอนหายใจหนัก ๆ ออกมา แววตามีความสับสนเล็กน้อย “มีเรื่องอันใดที่ทำให้พระชายาไม่สบายใจหรือเพคะ หากบอกได้ก็เอ่ยออกมาเถอะ” เผิงฉือเข้าไปยืนอยู่ใกล้ ๆ แววตาเต็มไปด้วยความเป็นห่วง หลินซือเยว่เงยหน้าขึ้นมองนางเล็กน้อย ดันถ้วยน้ำแกงออกไปให้ไกลตัว “ต่อไปข้าคงกินน้ำแกงบำรุงนี่ไม่ได้อีกแล้ว ฤทธิ์มันแรงเกินไป ไม่ดีต่อเด็กในท้อง” “เช่นนั้นหรือเพคะ” เผิงฉือค้างชะงักไปหลังตัวเองเอ่ยจบ

  • หลินซือเยว่ผู้นี้มีสามชะตาในคราเดียว   75 : ตอนพิเศษ 4 : พระชายานางไม่คู่ควร

    4 : พระชายานางไม่คู่ควร ฮู่ตงหยางนำเรื่องสำคัญ มาขอคำชี้แนะจากพระชายา เดิมทีเผิงฉือไม่อยากให้เขาไปรบกวนหลินซือเยว่ แต่ทนเสียงอ้อนวอนไม่ไหว จึงได้เข้าไปรายงานพระชายาให้รับรู้ “หากไม่มีเรื่องสำคัญคงไม่มาหาข้า ป้าเผิงให้องครักษ์ฮู่เข้ามาเถอะ” หลินซือเยว่ยามนี้ใบหน้าอิ่มเอิบ เหมือนคนถูกเติมเต็มไปด้วยความรัก “เพคะพระชายา” เผิงฉือยามได้เห็นรอยยิ้มแห่งความสุข ผุดขึ้นเต็มใบหน้าของผู้เป็นนาย ราวกับก้อนหินหนักอึ้งในใจถูกวางลง เหลียงอ๋องยามนี้ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้ว ว่าได้มอบความรักให้พระชายาเพียงผู้เดียวจริง ๆ “พระชายา” ฮู่ตงหยางเข้าไปคำนับหลินซือเยว่ พร้อมกับเล่าความปรารถนาของตนเอง ให้พระนางฟังอย่างละเอียดทุกเรื่อง แต่กลายเป็นว่าไม่ใช่เรื่องของเขาแม้แต่น้อย กลับเป็นเรื่องราวความรักของสวีวั่งซูแทน “องครักษ์ฮู่ท่านกล้าเอาเรื่องเหลวไหลมาเอ่ยกับพระชายาเชียวรึ” เผิงฉือขึงตามองเขาอย่างไม่พอใจ “ท่านป้าเผิง ข้าแค่เป็นห่วงวั่งซูเกรงว่าเขาจะพบเจอคนไม่ดีเข้า” หลินซือเยว่เคาะนิ้วลงบนโต๊ะเบา ๆ ออกไปเที่ยวชมเมืองเล่นอีกสักหน่อยจะเป็นไรไป “ร

  • หลินซือเยว่ผู้นี้มีสามชะตาในคราเดียว   74 : ตอนพิเศษ 3 : ข้าอยากได้ลูกชายตัวอ้วน ๆ    

    3 : ข้าอยากได้ลูกชายตัวอ้วน ๆ ชีวิตของการเป็นพระชายาของเหลียงอ๋อง ไม่ได้ทำให้หลินซือเยว่ถูกขังอยู่แต่ในจวนได้ บางวันนางออกไปท่องเที่ยวข้างนอก ทำให้นางได้รู้จักชีวิตความเป็นอยู่ของชาวเมืองเหลียงมากขึ้น เซวียนหมิงยู่รู้ว่าห้ามนางไม่ได้ จึงยอมปลอมตัวออกไปเที่ยวข้างนอกกับนางด้วย “ท่านอ๋อง ท่านจะไปข้างนอกกับพระชายาข้าไม่ว่า แต่เหตุใดไม่ให้ข้ากับตงหยางไปด้วยเล่า” สวีวั่งซูเป็นห่วงความปลอดภัยของผู้เป็นนาย “วั่งซูเจ้าคิดว่าในเมืองเหลียงแห่งนี้ มีใครทำอันตรายข้ากับพระชายาได้บ้าง ลำพังข้าไม่เป็นไรแต่พระชายานั้น อย่าได้ดูแคลนฝีมือนางเด็ดขาด” สวีวั่งซูหันไปมองสหายด้านข้าง ฮู่ตงหยางกระซิบเบา ๆ “ขนาดฟ้ายังเรียกมาผ่าจวนหยางอ๋องได้ ข้าว่าเจ้าวางใจเถอะ ให้ท่านอ๋องไปกับพระชายาสองต่อสองเถอะ” สวีวั่งซูคล้ายไม่ยินยอมแต่ทำอันใดไม่ได้ เพราะพระชายาในชุดปลอมตัวเป็นบุรุษ ได้เดินออกมาหยุดอยู่ตรงหน้าของเขา พร้อมขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น “พระชายาหน้าข้ามีอันใดหรือพ่ะย่ะค่ะ” สวีวั่งซูแปลกใจเล็กน้อย พระชายาไม่เคยมองเขาแบบนี้มาก่อน นี่คล้ายกำลัง

  • หลินซือเยว่ผู้นี้มีสามชะตาในคราเดียว   73 : ตอนพิเศษ 2 : มอบจวนให้ท่านพ่อตา

    2 : มอบจวนให้ท่านพ่อตา ตระกูลหลินสายรอง หลังจากหลินซือเยว่ได้แต่งงานเข้าจวนเหลียงอ๋องได้สองเดือน ครอบครัวของนางต้องหารือกันครั้งใหญ่ เพราะการกระทำของพวกเขาทุกคน จะส่งผลต่อฐานะพระชายาของหลินซือเยว่ไปด้วย หลินซูฮวารับบทหนักกว่าผู้อื่น มารดาของนางถึงกับจ้างคนมาสั่งสอน เรื่องที่บุตรีตระกูลมีชื่อเสียงต้องร่ำเรียนกัน “เจ้าต้องจำเอาไว้ซูฮวา เจ้าคือน้องสาวของพระชายาเหลียงอ๋อง จะทำสิ่งใดต้องมีผู้คนจับตามอง ข้าไม่อยากให้พวกเราทุกคน ทำร้ายพระชายาไปมากกว่านี้” เถียนฮูหยินสั่งสอนบุตรสาวคนเล็ก ในยามที่นางโอดครวญไม่อยากร่ำเรียน “ท่านแม่ข้าก็บ่นไปเช่นนั้นเอง ความจริงข้าเข้าใจเรื่องนี้ดี” หลินซูฮวาเดินเข้าไปกอดแขนมารดาเอาไว้แน่น “ท่านพ่อก็เหมือนกัน ท่านอย่าได้ไปคบหาพวกอันธพาลเข้าล่ะ ห้ามไปบ่อนเด็ดขาด” หลินซีฮันรู้สึกว่าหากปล่อยปละละเลย บิดาของเขาคงถูกคนล่อลวงไปได้ง่าย ๆ “ข้าจะทำเช่นนั้นได้อย่างไร” หลินเต๋อหลบสายตาบุตรชาย ต่อไปนี้ต้องใจแข็งให้มากกว่านี้แล้วล่ะ “ท่านพี่ต่อไปพวกเราไม่ต้องไปที่หอโอสถทุกวันแล้วล่ะ ข้าว่าให้ผู้ดูแลร้านเขา

DMCA.com Protection Status