งานประจำปีของตระกูลถังสิ้นสุดลงอย่างรวดเร็วเดิมทีจุดประสงค์ของงานประจำปีก็เพื่อให้ลูก ๆหลาน ๆของตระกูลถังเข้าร่วมงานเลี่ยง และแลกเปลี่ยนความรู้สึกกัน จากนั้นจึงเปิดประชุม เพื่อรายงานสถานการณ์ทางการเงินขอแต่ละส่วนสุดท้ายทุกคนก็ร่วมกันตัดสินใจ เพื่อพัฒนากลยุทธ์ของตระกูลถังกันในอนาคตแต่เมื่ออีกาแห่งเมืองหนานไห่เข้ามาขัดจังหวะคนตระกูลถังส่วนใหญ่ ไม่เพียงแต่ดื่มน้ำผ้าขี้ริ้วเท่านั้น แต่ยังถูกการระเบิดตัวเองของมู่หย่าจื่อทำให้ผิวหนังเผาไหม้เหลือทิ้งไว้แต่รอยแผลที่น่าเกลียดน่าชังงานประจำปีในปีนี้จัดงานไม่สำเร็จแล้วไม่เพียงแค่งานประจำปีจัดงานไม่สำเร็จ คำเชิญก่อนหน้านี้ที่พวกเขาเคยส่งไปยังตระกูลใหญ่ในเมืองจิงก็ถือว่าเป็นโมฆะเดิมทีหลังจากงานประจำปีของตระกูลถัง ก็เป็นงานเลี้ยงรวมตัวทางสังคมกับตระกูลอื่นเป็นประจำ และในเวลานี้เองที่ถังเจี้ยนหยวนจะประกาศการแต่งงานกับตระกูลหลงแต่การคำนวณของคนก็ไม่ดีเท่าการคำนวณของสวรรค์หากให้บุคคลภายนอกได้มองเห็นภาพลักษณ์ตระกูลถังของพวกเขาในตอนนี้ จะไม่ทำให้คนหัวเราะจนตายเลยเหรอ?ภายนอกของคฤหาสน์ของตระกูลถังรถหรูจำนวนมากจากครอบครัวอื่น ๆที่มา
“ถ้าอย่างนั้นตระกูลถังของผมก็ยิ่งไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเธอ”`”พวกเราจำเป็นต้องให้ตระกูลหลงช่วยมพวกเราต่อสู้กับอีกาแห่งเมืองหนานไห่ ไม่เช่นนั้นตระกูลถังของพวกเราคงจะต้องเจอกับความเสียหายอย่างหนักแน่นอน”“หวังว่าคุณจะเข้าใจ”“ไม่จำเป็นแล้ว”หลินเฟิงพูดด้วยใบหน้าปกติ“อีกาแห่งเมืองหนานไห่ทำข้อตกลงกับผมแล้ว หลังจากนี้เธอจะไม่สร้างปัญหาให้กับตระกูลถังอีก”“อะไรนะ?!”เมื่อหลินเฟิงพูดความจริงออกมา ทุกคนก็ตกตะลึง“ฮาฮา....”หลังจากที่เงียบไปนาน ผู้ที่มีตำแหน่งสูงของตระกูลถังที่เพิ่งพูดเยาะเย้ยหลินเฟิง ก็มองไปที่ถังเจี้ยนหยวน ก่อนจะเอ่ยอย่างเย็นชาว่า“ท่านผู้นำ ฉันบอกแล้ว ไอ้เจ้าหนุ่มนี่อาจจะเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับอีกาแห่งเมืองหนานไห่ด้วยก็ได้”“คุณดูสิ เขาสารภาพออกมาแล้ว?”“ทำไมพวกเราถึงโดนหนอนคุณไสยกันหมด แต่เขากลับไม่ได้เป็นอะไรเลย?”“อีกาแห่งเมืองหนานไห่ที่วิ่งเข้าหาเจิ้งเฉิน แล้วเขาอยู่ใกล้ที่สุดด้วย แต่ทำไมถึงไม่โดนผลกระทบอะไรเลยล่ะ?”“ไม่ต้องเดาแล้ว ไอ้เจ้าหนุ่มนี่ต้องเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับอีกาแห่งเมืองหนานไห่แน่นอน!”เสียงพูดคุยที่วุ่นวายอยู่รอบ ๆ ทำให้ท่าทางของหลินเฟิงยิ่งเย็
“ผู้ที่ได้รับผลประโยชน์มากที่สุด?”เมื่อได้ยินคำถามของหลินเฟิง ผู้มีตำแหน่งสูงของตระกูลถังก็พากันตกอยู่ในความคิด จากนั้นไม่นาน พวกเขาก็มองหน้ากันด้วยความประหลาดใจ“ดูเหมือนว่าพวกคุณทุกคนจะมีคำตอบอยู่ในใจแล้วสินะ”หลินเฟิงเยาะเย้ย ก่อนจะพูดว่า“เดิมทีก็ไม่อยากบอกพวกคุณหรอก แต่ในเมื่อพวกคุณโง่กันมาก งั้นผมก็จะทำให้มันชัดเจนขึ้นแล้วกัน”“อีกาแห่งเมืองหนานไห่จัดการกับตระกูลถังของพวกคุณ อีกด้านหนึ่งก็เพราะเหตุผลส่วนตัว”“และในทางกลับกัน มันก็เป็นสัญญาที่จ้างโดยตระกูลใหญ่บางตระกูล ส่วนที่เป็นตระกูลใหญ่เป็นตระกูลไหน ผมเชื่อว่าถ้าพวกคุณไม่โง่แบบรักษาไม่หาย ถ้าอย่างนั้นก็คงจะรู้อยู่ในใจอยู่แล้ว”“เป็นไปไม่ได้!”คนรับผิดชอบเขตพื้นที่ทางใต้ของตระกูลถัง ยืนขึ้นมาโต้แย้งว่า“ตระกูลหลงกับตระกูลถังของพวกเรามีความสัมพันธ์ที่ดีมาหลายชั่วอายุคน พวกเขาจะวางหลุมพรางแบบนี้กับพวกเราได้อย่างไร? หลังจากที่เป็นมิตรภาพมาหลายปีขนาดนี้!”“ใช่แล้ว! ตระกูลถังของพวกเรากับตระกูลหลงพึ่งพาอาศัยกัน พวกเขาจะวางแผนทำร้ายกันได้ยังไง?”“ฉันรู้สึกว่าต้องเป็นไอ้หนุ่มนี้แน่ ๆที่เป็นโกหกหลอกลวงด้วยข่าวลือและจงใจก่อกว
แต่ดูเหมือนพวกเขาจะไม่ได้สนใจแล้วความอดทนของหลินเฟิงก็มีขีดจำกัดเหมือนกัน“ฟังให้ดีนะ”เมื่อถังเจี้ยนหยวนเสนอถังหว่านเป็น “รางวัล” หลินเฟิงก็หัวเราะเยาะพร้อมกับส่ายหน้า และพูดเบา ๆว่า“ในเมื่อตระกูลถังของพวกคุณคิดว่า ผม หลินเฟิงเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับอีกาแห่งเมืองหนานไห่ งั้นผมก็ไม่ควรที่ช่วยพวกคุณสิ”“ตั้งแต่ที่เข้ามาในตระกูลถัง พวกคุณก็พูดจาหยาบคายกับผมทุกรูปแบบ ไม่ไว้ใจและกดขี่ บอกตามตรง ผมทนมาพอแล้ว”หลินเฟิงชี้ไปที่ถังเจี้ยนหยวน และเอ่ยอย่างเย็นชาว่า“แต่เพื่อถังหว่าน สุดท้ายผมก็ยังอดทนครั้งแล้วครั้งเล่า”“แต่...นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว”หลินเฟิงทำเสียงออกมาอย่างเย็นชา และพูดต่อไปว่า“ผมจะช่วยพวกคุณหาหลักฐานที่ชัดเจนว่าตระกูลหลงได้วางแผนจะทำร้ายตระกูลถัง แต่อย่างนี้ พวกคุณไม่ได้รับอนุญาตให้ตั้งเงื่อนไขใด ๆกับผมก็ตาม แล้วก็ต้องปล่อยให้ถังหว่านเป็นอิสระด้วย”“ไม่อย่างนั้น ก็อย่ามาโทษที่ผมหันกลับมาจัดการพวกคุณ”“เชื่อผมเถอะ วิธีการของผมโหดเหี้ยมกว่าวิธีการของอีกาแห่งเมืองหนานไห่มากนะ”เมื่อเผชิญหน้ากับหลินเฟิงที่มีออร่าแห่งความชั่วร้าย ถังเจี้ยนหยวนก็ต้องสูดหายใจเข้าลึก
“พี่ใหญ่”ในตอนนี้ เสียงเรียกดังแจ้วดังขึ้น หลงยวนหันหน้ามองไป ทันใดนั้นก็เห็นหลงเซียวที่สวมชุดแต่งงานสีขาวสะอาดเดินมาจากด้านข้าง“เซียวเอ่อร์ เธอก็มาด้วยเหรอ”“ต้องมาอยู่แล้ว นี่เป็นถึงงานแต่งงานของพี่ใหญ่”หลงเซียวใบหน้ายิ้มแย้ม และพูดอธิบายกับหลงยวน: “พี่ใหญ่ น้องชายของฉันเป็นเพราะต้องฝึกศิลปะการต่อสู้ ดังนั้นมาไม่ได้ ไหว้วานฉันให้แสดงความยินดีต่อพี่”พูดจบ เธอก็หยิบกล่องหยกออกมาจากในรถ ยื่นให้หลงยวนและพูดว่า:“นี่คือรากต้นโพธิ์ที่ฉันซื้อไว้ให้น้องชาย อายุไม่เพียงพอ แต่ภายใต้เทคนิคการเร่งสุกของสำนักร้อยพิษ อายุเพียงพอแล้ว น้องชายตั้งใจให้ฉันนำมามอบให้พี่”“ถือว่าแสดงความยินดีกับวันแต่งงานของพี่”“ฮ่าฮ่าฮ่า...ได้ งั้นฉันก็รับไว้แล้ว”หลังจากหลงยวนหัวเราะเสียงดัง กับรับรากต้นโพธิ์เอาไว้“หือ?”หลงเซียวกวาดสายตาผ่านกลุ่มลูกหลานตระกูลถังโดยไม่ได้ใส่ใจ เธอกลับพบเงาที่คุ้นเคยเป็นอย่างมากคนหนึ่ง“หลินเฟิง? สารเลวนั่นอยู่ที่นี่ได้ยังไง?!”“ทำไม? เซียวเอ่อร์รู้จักเขาด้วยงั้นเหรอ?”หลงยวนค่อนข้างประหลาดใจ“หึ ไม่เพียงแค่รู้จักนะ...”หลงเซียวบอกถึงความแค้นของเธอกับหลินเฟิงให้ห
“เป็นเพราะชายคนนี้ขัดขวางอยู่ระหว่างกลาง รบกวนการแต่งงานเกี่ยวดองของตระกูลหลงกับตระกูลถัง!”“ตระกูลถังของคุณไม่ดูแลลูกหลานของตัวเอง ให้คุณหนูถังข้องเกี่ยวกับคนต่ำต้อยคนหนึ่ง มันเหมาะสมที่ไหนกัน?!”“ถูกต้อง”ได้ยินคำโต้แย้งของผู้นำตระกูลกับพ่อบ้าน หลงยวนก็เดินออกมา และพูดอย่างเย็นชา: “ถังหว่านเป็นคู่หมั้นของผม เรื่องนี้ไม่มีข้อถกเถียง”“แต่พวกคุณตระกูลถังไม่ดูแลให้อยู่ในกรอบ กลับให้คนนอกคนนี้ปรากฏตัวในวันมงคลของตระกูลหลงแบบนี้ เห็นได้ชัดว่าเป็นการยั่วยุตระกูลหลงของผม!”“ตระกูลถังของคุณ อยากจะเปิดศึกกับตระกูลหลงของผมงั้นเหรอ?!”“เปิดศึก?”ได้ยินหลงยวนพูดแบบนี้ออกมา ทั้งงานก็เงียบเป็นเป่าสากทันทีลูกหลานตระกูลถังที่อยู่ไกลออกไปพากันกลืนน้ำลายเปิดศึกกับตระกูลหลงนี่คือเรื่องที่พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนพึ่งพาแค่ความสามารถแค่นี้ของพวกเขา หากตระกูลหลงโจมตีเป็นการใหญ่ งั้นพวกเขาทำได้แค่ปล่อยให้เขารุกรานอีกทั้งดูวันนี้คนที่ตระกูลหลงพามา มีบอดี้การณ์ดหนึ่งร้อยกว่าคนเต็มๆ และต่างก็มีรอยสักรูปมังกรที่เป็นมาตรฐานของสำนักหลงผานนี่แสดงว่าพวกเขาอย่างน้อยก็เป็นนักบู๊กำลังภายในถ้าหากแตกหั
“ในเมื่อผู้นำตระกูลรับรองแล้ว งั้นผมก็วางใจแล้วครับ”พ่อบ้านหลงประสานมือเขาหันหน้าไปโบกมือพูดว่า:“ไป นำขบวนกลับตระกูล สัปดาห์หน้าพวกเราค่อยมาใหม่!”“ครับ”บารมีของพ่อบ้านหลงดูท่าจะเพียงพออย่างมากหลังจากที่เขาพูดแบบนี้ แม้แต่หลงเซียวกับหลงยวนที่อยากจะพูดอะไรบางอย่างก็อดกลั้นไว้ ทำได้เพียงขึ้นขบวนรถไปด้วยสีหน้าไม่พอใจ ออกจากตระกูลถังไประหว่างทาง หลงยวนที่นั่งอยู่บนเบาะหลังหลับตาพักผ่อนกลับเป็นหลงเซียวที่อยู่ข้างๆ พูดพร่ำไม่หยุด เล่าถึงความขัดแย้งของหลินเฟิงกับเธอให้พ่อบ้านหลงที่อยู่ข้างๆ ฟัง“หึ ไอ้หมอนี่ก็มีความสามารถอยู่บ้างนะ”พ่อบ้านหลงครุ่นคิดคู่หนึ่ง เหลือบมองหลงยวน และมองไปทางหลงเซียว: “พวกคุณไม่มีใครนำแผนการลับของตระกูลหลงแพร่งพรายออกไปใช่ไหม?”“จะเป็นไปได้ยังไง”หลงเซียวส่ายหน้ารับรอง “คนที่รู้เรื่องนี้ก็มีแค่ไม่กี่คน นอกจากพวกเรา คนอื่นใครบ้างที่รู้?”“หรือว่าผู้หญิงบ้าคนนั้นเป็นฝ่ายบอกตระกูลถังเอง?”“ในเมื่อเป็นแบบนี้ ผมก็วางใจแล้ว”พ่อบ้านหลงพยักหน้า ลูบคางของตัวเองพูดว่า:“วันนี้ท่าทางของถังเจี้ยนหยวนน่าครุ่นคิดอย่างมาก ตามหลักแล้ว ท่าทางของเขาไม่ควรจะแข
“งั้นดี”หลงยวนหรี่ตามองอย่างเย็นชา:“เวลาหนึ่งสัปดาห์นี้ คนของตระกูลหลงตามที่ต่างๆ สามารถลงมือได้แล้ว ควบคุมผู้รับผิดชอบตระกูลถังที่กลับไปยังตระกูลย่อยแต่ละพื้นที่เอาไว้“หลงเซียว เธอรับผิดชอบจัดการหลินเฟิง”“สำเร็จหรือไม่สำเร็จ ก็อยู่ที่สัปดาห์หน้าแล้ว ถ้าหากถึงเวลาแผนการเกิดความคลาดเคลื่อน งั้นพวกเราก็ทำได้เพียงใช้กำลังบังคับหลงยวนหรี่ตาลงใช่แล้วแผนการทั้งหมดต่างเป็นความคิดที่หลงยวนวางแผนเอาไว้รวมทั้งยึดตระกูลถังเป็นของตนเอง แม้กระทั่งตระกูลจี ต่างก็เป็นหลงยวนที่ควบคุมอยู่เบื้องหลัง ถึงแม้พรสวรรค์การฝึกบำเพ็ญของเขาจะสู้น้องสามของตัวเองไม่ได้ แต่ความคิดกลับลึกยิ่งกว่าน้องสามของตัวเองจนน่ากลัวอย่างเช่นตระกูลถังก่อนหน้านี้ ตอนที่เผชิญหน้ากับหลินเฟิง ท่าทางที่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟภายนอกนั้นไม่เหมือนกับเสแสร้งออกมาด้วยซ้ำต่อให้เป็นหลินเฟิงก็ไม่เห็นความเจ้าเล่ห์ที่หลงยวนแอบซ่อนเอาไว้“อ่อใช่ พี่ใหญ่”หลงเซียวมองไปทางหลงยวน ขมวดคิ้วพูดว่า:“ถ้าหากฉันจับหลินเฟิงได้ พี่แน่ใจว่าจะไม่ใช้การลงโทษกับเขาหน่อยเหรอ?”“ในเมื่อ...”“ในเมื่อเขากับถังหว่านสวีทกันขนาดนั้น ก็คือว่า...สวม
“บ้าเอ๊ย ฉันไม่สามารถทนได้จริงๆ ติดต่อน้องหลินให้ฉัน ฉันจะเข้าแทรกแซงเรื่องนี้ด้วย!”...วันต่อมาในบาร์ใต้ดินแห่งหนึ่งทางตอนใต้ของเมืองจิงจวงฉุนและอิ่นนั่วเจียที่สวมหมวกและหน้ากากไว้ และดูเรียบง่ายมากรีบเดินทางมาที่นี่ ที่นี่คือ “สถานที่นัดพบ” ที่หลงซิ่วพูดถึงควบคู่ด้วยเสียงดนตรีอันไพเราะและฝูงชนที่เต้นรำจวงฉุนและอิ่นนั่วเจียเดินผ่านทางเดินและมองเห็นหลงซิ่วกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะ พร้อมคาบบุหรี่อยู่ในปากเมื่อเห็นว่าอิ่นนั่วเจียมาจริง ๆ ดวงตาของหลงซิ่วก็เป็นประกายบุหรี่ในปากของเขาหล่นลงพื้นโดยไม่รู้ตัวแม้ว่าอิ่นนั่วเจียจะสวมเพียงชุดเดรสยีนส์ซึ่งทำให้เธอดูเป็นเด็กสาวมากในวันนี้ แต่หุ่นที่น่าสะพรึงกลัวของเธอก็ยังทำให้ หลงซิ่วที่กำลังนั่งอยู่ตรงโต๊อย่างไม่ใส่ใจก็ต้องกลืนน้ำลายลงคอ"เชี่ย ไม่เสียแรงที่เป็นซูเปอร์สตาร์ประเทศมังกรจริงๆ นะ!"หลงซิ่วอดไม่ได้ที่จะเปรียบเทียบเธอกับถานหง หลังจากคิดดู นี่มันไม่ใช่คนระดับเดียวกันด้วยซ้ำ!แม้ว่าถานหงจะเป็นราชินีเพลงประเทศมังกร หน้าตาก็คล้ายๆกันแต่เมื่อเทียบกับอิ่นนั่วเจียสาวสวยที่อยู่แต่ในจอ ถานหงยังด้อยกว่าเยอะมากเพียงแค่ออร่าอันส
สำนักงานใหญ่กลุ่มเผิงกวง เมืองจิงขณะนั้นเผิงกวงฉี่กำลังคาบซิการ์ไว้ในปากอย่างเรื่อยเปื่ยอ ฟังการโต้เถียงขัดแย้งระหว่างตัวแทนจากทั่วทุกแห่งในการประชุมแม้ว่าเผิงกวงฉี่จะดูเป็นปกติ แต่ในใจเขากลับโกรธมากพวกขยะพวกนี้ได้แต่โทษกันไปมา และต่างคนต่างหาผลประโยชน์แม้แต่เผิงกวงฉี่ก็ยังคิดว่า ควรจะกำจัดคนไร้ประโยชน์เหล่านี้ และส่งเสริมให้คนอื่นขึ้นมาเป็นผู้นำภูมิภาคดีไหมขณะที่กำลังคิดแบบนี้ โทรศัพท์มือถือของเผิงกวงฉี่ก็ดังขึ้นกะทันหันเสียงโทรศัพท์ทำให้ห้องประชุมเงียบลงทันที“คุณหลินโทรมาครับ คุณเผิงกวงฉี่”ผู้ช่วยที่อยู่ข้างๆ ยื่นโทรศัพท์ให้ด้วยความเคารพเมื่อคิดว่าเป็นหลินเฟิง เผิงกวงฉี่ก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมากไม่พูดไม่ได้ว่ายาหยกโมราของหลินเฟิงมีประสิทธิภาพมากจริงๆ ควบคู่กับน้ำพุร้อนที่เจียงโจว ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองดูหนุ่มลงเรื่อย ๆ และร่างกายก็เต็มไปด้วยกำลังวังชาแม้แต่ผู้หญิงคนใหม่ที่หามาช่วงนี้ ก็ไม่สามารถทำให้เขาพึงพอใจได้ช่วงนี้เขากำลังคิดว่าควรจะหาเพิ่มอีกสักหน่อย เพื่อสร้างทายาทให้กับตระกูลเผิงของเขาสองเดือนที่แล้ว นี่เป็นสิ่งที่เขาไม่กล้าคิดมาก่อนด้วยซ้ำ“ฮัลโหล
“ฉันจะโอนเงินสองหมื่นห้าพันล้านบาทเข้าบัญชีของคุณทันที ทางที่ดีคุณให้อิ่นนั่วเจียออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ปโดยเร็วที่สุด ให้เธอมาพบฉันที่เมืองจิง”"ฮ่าฮ่าฮ่า......"ถานหงที่อยู่ปลายสายหัวเราะอย่างโอเวอร์“ฉันต้องการให้อิ่นนั่วเจียคุกเข่าอยู่แทบเท้าฉัน! ยังมีหลินเฟิง ฉันจะทำให้หลินเฟิงและหลี่ซื่อกรุ๊ปบ้าบออะไรนั่นได้ชำระในสิ่งที่ควรจ่าย!”หลังจากพูดจบโทรศัพท์ก็วางสายไปและภายในเวลาไม่กี่นาที ข้อความเงินสดเข้าบัญชีจำนวนสองหมื่นห้าพันล้านบาทก็ปรากฏบนโทรศัพท์มือถือของจวงฉุนทันทีเมื่อมองดูข้อความบนโทรศัพท์ ลมหายใจของจวงฉุนก็เร็วขึ้นอย่างมาก เขาไม่เคยเห็นเงินมากขนาดนี้ในชีวิตของเขามาก่อนแต่เมื่อเขาเงยหน้ามองไปทางหลินเฟิง ก็รู้สึกเหี่ยวเฉาทันทีเขารู้ว่าเงินจำนวนนี้จะไม่มีวันมาถึงเขาด้วยซ้ำ อีกทั้งเรื่องที่อิ่นนั่วเจียเข้าร่วมตระกูลหลงเป็นเรื่องโกหกทั้งหมดเขาแค่อยากหลอกเอาเงินก้อนนี้มาจากหลงซิ่ว เพื่อใช้รักษาชีวิตของตัวเองเอาไว้ก็เท่านั้นเอง“ตอนนี้โอนเงินก้อนนี้เข้าบัญชีของหลี่ซื่อกรุ๊ปเถอะ”หลินเฟิงไม่พูดมาก บังคับจวงฉุนให้ดำเนินการบนโทรศัพท์มือถือของเขาโดยตรงหลังจากนั้นไม่นาน เงิน
“ดูเหมือนว่าคุณจะได้เจอกับอิ่นนั่วเจียจริงๆ นะ”หลงซิ่วที่อยู่ปลายสายพูดอย่างใจเย็นว่า:“ผมลืมบอกคุณไปว่าตอนนี้อิ่นนั่วเจียเป็นสมาชิกของหลี่ซื่อกรุ๊ปแล้ว เธอเต็มใจที่จะออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ป และร่วมมือกับตระกูลหลงของเราจริงๆ เหรอ?”เมื่อได้ยินสิ่งที่หลงซิ่วพูดจวงฉุนสั่นสะเทือนไปทั้งตัวเกือบหัวใจวายเพราะความโมโหในที่สุดเขาก็ได้ลิ้มรสว่าการถูกหลอกเป็นอย่างไรหากหลงซิ่วเล่าเบื้องหลังของอิ่นนั่วเจียให้เขาฟังก่อนหน้านี้เขาจะพาผู้คนมาที่นี่เพื่อมาหาอิ่นนั่วเจีย และตกหลุมพรางได้ยังไง?ตอนนี้มันสายเกินไปที่จะพูดอะไรอีกแล้วร่องรอยแห่งความโกรธเริ่มผุดขึ้นในใจของจวงฉุนหากพูดว่าเมื่อครู่เพียงแค่โกหกหลงซิ่ว เขาก็มีความกดดันอยู่ไม่น้อยเมื่อเขาได้ยินว่าหลงซิ่วปกปิดเรื่องของอิ่นนั่วเจียกับเขา เขาก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันทีหากคุณไม่ได้บอกผมให้ชัดเจนก่อนที่คุณจะจากไปผมจำเป็นต้องตกไปอยู่ในมือของหลินเฟิงงั้นเหรอ?จวงฉุนตัดสินใจ คำพูดก็ราบรื่นมากขึ้น“ใช่ครับ คุณอิ่นนั่วเจียบอกผมเอง แต่ว่า...”"แต่ว่าอะไร?"หลงซิ่วที่ปลายสายโทรศัพท์ขมวดคิ้วเล็กน้อย“แต่คุณอิ่นนั่วเจียบอกว่าเธอได้เซ็น
จวงฉุนคิดว่าคำพูดนี้สมบูรณ์แบบไร้ที่ติขณะที่จวงฉุนกำลังจมอยู่กับจินตนาการของเขา หลินเฟิงก็ยื่นมือออกไปและโบกไปมาตรงหน้าจวงฉุน“การปล้นทำลายของพวกนายในครั้งนี้ ได้ทำลายสินค้าของหลี่ซื่อกรุ๊ปของฉันมูลค่าสองหมื่นห้าพันล้านบาทเต็มๆ เพียงแค่นายสามารถชดเชยเงินสินค้าเหล่านี้ให้เราได้ ฉันก็จะไม่ถือสาเอาความ”"สองหมื่นห้าพันล้านบาท?"เมื่อได้ยินตัวเลขนี้ อิ่นนั่วเจียที่อยู่ข้างๆ ก็เปิดริมฝีปากสีแดงของเธอออกครู่หนึ่ง เธอก็ส่ายหัวอย่างจนปัญญาหลินเฟิงกำลังพยายามกรรโชกเงินอยู่เหรอ!"เป็นไปไม่ได้!"เห็นได้ชัดว่าจวงฉุนก็ตกใจกับจำนวนเงินมหาศาลนี้อย่าว่าแต่ยี่สิบห้าล้านบาทเลย แม้แต่ห้าพันล้านบาทเขาก็ยังไม่มี จะอุดรูโบ๋นี้ได้อย่างไรหลินเฟิงรีดไถมากเกินไปจริงๆ“แน่นอนว่าหลี่ซื่อกรุ๊ปของฉันไม่สนใจเงินจำนวนน้อยๆ นี้ แต่ฉันแค่อยากเห็นท่าทางของคุณ”“เป็นไงบ้าง?”หลินเฟิงจ้องมองจวงฉุนด้วยความสนใจอย่างยิ่ง ต้องการดูว่าคนๆ นี้จะหาเงินได้มากเท่าไหร่เพื่อเอาชีวิตรอดได้ในเมื่อเสียหายหนึ่งหมื่นล้านบาท หลินเฟิงต้องหาชดเชยมาจากที่อื่น"ดี...ดีครับ!"จวงฉุนรู้ดีว่าวันนี้เขาไม่มีสิทธิ์ต่อรองกับหลิ
“ตอนนี้ ฉันถามพวกนายตอบ”หลินเฟิงค่อยๆ เดินเข้าไปหาจวงฉุน เหยียดมองลงที่ชายผู้ล้มอยู่บนพื้น และตกใจจนหน้าซีดเผือด“คุณ...คุณว่ามาครับ คุณว่า...ผม...ผมจะบอกคุณทุกอย่าง”จวงฉุนในตอนนี้รู้สึกกลัวจนสติแตก ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังพูดอะไรอยู่“เมื่อวาน อุปกรณ์ไฮเอนด์ล็อตหนึ่งของหลี่ซื่อกรุ๊ป ถูกคนขโมยและทำลายระหว่างทาง...”“เป็นฝีมือพวกผม!”เมื่อจวงฉุนได้ยินเช่นนี้ น้ำตาก็เริ่มไหลออกมา รีบยอมรับทันทีเขากราบหลินเฟิงไม่หยุดและพูดว่า:“ขอโทษครับคุณหลิน เรื่องนี้พวกเราเป็นคนทำจริงๆ แต่เราแค่ถูกใช้เป็นปืนเท่านั้น! หลงซิ่วจากตระกูลหลงสั่งให้พวกเราทำ เขาสั่งให้พวกเราทำ พวกเราก็ไม่กล้าขัดคำสั่งนะครับ!”การได้ยินคำวิงวอนของจวงฉุนซึ่งแทบจะเป็นเหมือนการขอความเมตตาเริ่นโหย่วไฉที่อยู่ข้างๆ ส่งเสียงไม่พอใจในลำคอต้องรู้ไว้ว่า ผู้ชายคนนี้เคยคุยโม้กับเขามาก่อนว่า เขาทำได้ดีแค่ไหนและเผาผลาญมันได้คล่องแคล่วแค่ไหนท่าทางหยิ่งยโส มีท่าทางเหมือน “ถูกบังคับ” ที่ไหนกัน?แต่ตอนนี้เริ่นโหย่วไฉไม่กล้าที่จะพูดอะไรเกรงว่าจะเดินตามรอยของสวีโจวการตายแบบนี้ มันน่าหวาดกลัวมากเกินไป ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยด้วยซ
“พวกเราไม่จำเป็นต้องซ่อนตัวอยู่ในเมืองเจิ้งเต๋ออีกต่อไป!”“ทุกคนฟังคำสั่งของฉัน ลุย!”คำสั่งของจวงฉุนมีน้ำหนักมากกว่าคำสั่งของสวีโจวอย่างเห็นได้ชัดไม่ใช่แค่เพราะเงื่อนไขที่จวงฉุนเสนอมาดึงดูดพวกเขามากเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะพวกเขาไม่เคยรู้ถึงความสามารถของหลินเฟิงว่าเป็นอย่างไรกันแน่คนธรรมดาหลายคนรวมกันอาจเปรียบเป็นขงเบ้งได้ในความคิดของพวกเขา ความสามารถของหลินเฟิงเป็นอย่างไรกันแน่ พวกเขาก็มองไม่เห็นแต่สิ่งที่เป็นความจริงคือพวกเขากลับสามารถมองเห็นข้อได้เปรียบของพวกเขาจากจำนวนคนบวกกับพลังอำนาจของหลงซิ่วด้วยหลังจากครุ่นคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่ที่เดิม นักบู๊ตระกูลหลงประมาณสิบกว่าคนในที่สุดก็ตัดสินใจได้แล้ว และล้อมรอบหลินเฟิงเอาไว้ทีละคนวันนี้สู้ดูสักตั้งถ้าไม่สำเร็จก็ต้องตาย!"แม่งเอ๊ย จวงฉุนไอ้สารเลวตัวน้อย!"ในที่เกิดเหตุมีเพียงสวีโจวเท่านั้น ที่รู้ว่าการปิดล้อมครั้งนี้เป็นการไปตายโดยที่ไม่ต้องคิดด้วยซ้ำเขาเกลียดจวงฉุนมาก จนถึงขั้นมีความคิดอยากฆ่าเขาด้วยซ้ำแต่ทว่าจวงฉุนกลับแสยะยิ้มมองดูสวีโจว และพูดอย่างเย็นชา:“สวีโจว อย่าทำเป็นเสแสร้งอยู่ตรงนี้ รอให้ภารกิจในครั้งน
"อะ......"จางฉุนไม่เข้าใจว่าหลินเฟิงกำลังพูดอะไร เขาพาคนเหล่านี้มาที่นี่ เป้าหมายเพียงเพื่อจับตัวอิ่นนั่วเจียไปเขารู้ว่าหลินเฟิงเป็นนักบู๊และจัดการยากสักหน่อยเพราะงั้นถึงเรียกคนของตัวเองมาแต่อะไรที่เรียกว่า “พาผู้กระทำความผิดมาตรงหน้าเขาโดยตรง” ?ในตอนนี้เอง สวีโจวที่อยู่ไกลออกไปก็คำรามออกมาอย่างกะทันหัน“นาย... ฉันจำได้ นายคือหลินเฟิง! นายคือ... นายคือคนของหลี่ซื่อกรุ๊ป! หลินเฟิงหัวหน้าแผนกรักษาความปลอดภัยของหลี่ซื่อกรุ๊ป!”"อะไรนะ?"เมื่อได้ยินชื่อนี้ จางฉุนก็หันหน้ามองไปที่หลินเฟิงด้วยสีหน้าที่น่าเหลือเชื่อเพราะเขาเคยได้ยินชื่อหลินเฟิงเขาได้ยินมาจากหลงซิ่วว่า ข้อห้ามประการเดียวในการปฏิบัติการครั้งนี้คือการปะทะกับหลินเฟิงตัวซวยคนนี้หลงซิ่วเตือนจางฉุนซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้ระวังหลินเฟิงแต่เขาคิดไม่ถึงว่าเรื่องราวจะพัฒนาไปเกินความคาดหมายของเขา“โอ้? ดูท่าพวกคุณจะรู้จักผม”หลินเฟิงเดินออกมาพร้อมกับรอยยิ้มจากนั้นรัศมีแห่งความหวาดกลัวก็ค่อยๆ แผ่ออกมาจากร่างกายของเขา อุณหภูมิทั่วทั้งห้องทำงานก็ลดลงมากกว่าสิบองศาในพริบตาเดียวแม้แต่ชาที่มีไอร้อนลอยออกมาเมื่อครู่นี้บนโต๊ะ
“บ้าเอ๊ย ทนไม่ไหวแล้ว!”จวงฉุนรีบถีบประตูห้องทำงานของหัวหน้าโรงงานทันทีสิ่งแรกที่เขาเห็นคือเริ่นโหย่วไฉที่เหงื่อไหลท่วมตัวและยืนอยู่ตรงนั้นอย่างโง่เขลาและอิ่นนั่วเจียผู้มีเสน่ห์กำลังนั่งอยู่บนโซฟา“อิอิอิ…”จวงฉุนเลียริมฝีปากและเผยรอยยิ้มหื่นกามออกมาทันทีตอนนี้เขาโยนคำพูดของเริ่นโหย่วไฉไปไกลโพ้นทันที เพียงแค่จ้องมองไปที่หุบเขาที่คอเสื้อของอิ่นนั่วเจียแล้วแสยะยิ้มพูดว่า:“คุณอิ่นนั่วเจีย ผมมารับคุณแล้ว”"โอ้?"ใครจะไปรู้ว่ารอยยิ้มของจวงฉุนไม่ได้ทำให้อิ่นนั่วเจียตกใจหรืองุนงง เธอยิ้มให้จวงฉุนแล้วพูดว่า:"ฉันรอคุณมานานแล้ว""รอผม?"จวงฉุนตกใจเล็กน้อย จากนั้นก็หัวเราะออกมา“ที่แท้คุณหญิงอิ่นนั่วเจียก็สนใจผมด้วย ดังนั้นการเตรียมการทั้งหมดนี้เกินความจำเป็นไปแล้ว!”ขณะที่จวงฉุนกำลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง สวีโจวที่เดินเข้ามาเห็นอิ่นนั่วเจียและหลินเฟิงกำลังนั่งอยู่ที่เก้าอี้เถ้าแก่ในห้องทำงาน สีหน้าของเขาดูตกตะลึงเล็กน้อย“พี่สวี มีอะไรหรือเปล่า?”นักบู๊ตระกูลหลงที่อยู่ด้านหลังเขาเห็นท่าทางแปลกๆ ของสวีโจว จึงรีบถามแต่สวีโจวกลับไม่สนใจคนข้างหลังเขา กลับก้าวไปข้างหน้าและคว้าแขน