โจวก้งเฟิ่งมองไปทางหลินเฟิง ด้วยสายตาที่ค่อนข้างมีความหมาย“ในเมื่อเป็นแบบนี้ โจวก้งเฟิ่งไว้หน้าผม ผมจะไม่รับก็ไม่ได้”หลินเฟิงพยักหน้า จากนั้นก็หันไปมองซือหม่าเหวิน ก่อนจะพูดว่า “คุณชายซือหม่า ต้องขอโทษต่อเรื่องราวก่อนหน้านี้ด้วย ขอโทษ”คำขอโทษตรงนี้ไม่ได้มีความจริงใจแม้แต่ครึ่งเดียว และดูเหมือนจะเป็นการสบประมาทด้วยซ้ำใบหน้าของซือหม่าเหวินเปลี่ยนเป็นสีแดงเลือดหมู“โจวก้งเฟิ่ง เรื่องนี้ฉันจะไปรายงานให้พ่อรู้”ซือหม่าเหวินไม่กล้าอาละวาด ทำได้เพียงยกพ่อของเขาออกมา“ได้สิ”โจวก้งเฟิ่งพยักหน้าด้วยท่าทางไร้อารมณ์“แต่ทางที่ดีที่สุดคือหาคำตอบให้ได้ก่อนว่าอาจารย์ของฉันตายด้วยน้ำมือของใคร”เมื่อได้ยินประโยคของโจวก้งเฟิ่ง ซือหม่าเหวินก็ตัวแข็งทื่อจากนั้น เขาก็ตะคอกอย่างเย็นชาแล้วสะบัดแขนเดินหนีไป“ขอลา”ต่างจากซือหม่าเหวินที่ไม่พอใจ โจวก้งเฟิ่งถึงขั้นที่ประสานกำปั้นคารวะหลินเฟิง ก่อนจะเรียกผู้คุ้มกันของตระกูลซือหม่าออกไปพร้อมกัน“หลินเฟิง จริง ๆแล้วเรื่องมันเป็นยังไงกันแน่?”หลี่ฮุ่ยหรานที่ตั้งตัวไม่ทันเล็กน้อยกับท่าทางที่เปลี่ยนไปของโจวก้งเฟิ่งจากตระกูลซือหม่าหรือจะเป็นเพรา
“แม้ว่าภัยครั้งนี้จะเป็นเพราะฮุ่ยหราน แต่สุดท้ายเธอก็ไม่ได้กลัวตระกูลซือหม่า และยังตำหนิทุกคน ถือว่าเป็นการสร้างเกียรติให้ตระกูลหลี่ของพวกเรา”“ตระกูลหลี่ของฉันต้องการผู้นำแบบนี้”เมื่อได้ยินคำพูดของคุณปู่ หลิ่วเยว่ฟางก็ร้อนใจ ถ้าหากหลี่ฮุ่ยหรานได้เป็นผู้นำแล้ว มันจะดีกับเธอหรือเปล่า?เธอรีบพูดแทรกขึ้นมาว่า “ตาเฒ่า คุณเลอะเลือนแล้วใช่ไหม? ภัยในวันนี้สาเหตุมาจากหลี่ฮุ่ยหรานนะ หากไม่มีเธอ คุณกับกงเฉิงและเยว่หรูก็คงจะไม่โดนการทุบตีแบบไร้เหตุผลหรอก”“ยังไงซะ ทั้งหมดก็เป็นความผิดของเธอ!”“ใช่แล้วคุณปู่ คุณปู่ต้องคิดให้ดี ๆนะ!”หลี่เยว่หรูก็ร้อนใจเช่นกัน“เงียบให้หมด!”คุณปู่หลี่ตำหนิด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด ก่อนจะมองคนไปรอบ ๆที่เงียบงัน เขาก็เอ่ยขึ้นมาเบา ๆว่า “ฉันรู้ว่าพวกคุณจะขออะไร แต่ฉันก็สนุกกับท่าทางของหลี่ฮุ่ยหราน”“แบบนี้สิ”หลี่ไห่หงก้าวถอยหลังไป แล้วพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ฉันรู้ว่าพวกคุณไม่ยอมรับ และฉันก็ไม่มีเจตนาที่จะทำลายกฎล่วงหน้าด้วยเช่นกัน”“การเดิมพันก่อนหน้านี้ก็ยังมีผลอยู่”หลี่ไห่หงมองไปรอบ ๆ แล้วพูดขึ้นว่า “ ยังเหลือเวลาอีกประมาณหนึ่งเดือนครึ่งที่หลี่ฮุ่นหรา
เพียงแต่วิธีการที่จะทำให้สุกงอมตามที่กล่างอ้างของสำนักร้อยพิษ ทำให้หลินเฟิงมีความคิดที่ใจกล้าขึ้นมาในใจอย่างหนึ่งถ้าหากเรื่องเป็นจริง ไม่แน่ว่าเขาอาจจะต้องไปสำนักร้อยพิษจริง ๆหากมีวิธีการลับนี้ หลินเฟิงก็ไม่จำเป็นต้องเป็นลำบากเก็บรวบรวมเครื่องปรุงยาจีนที่ตัวเองต้องการอีกต่อไปเพราะอย่างนั้นเขาจึงรีบขอให้จ้าวเทียนหวาส่งคนไปค้นหาความจริงแน่นอนว่า นอกเหนือจากนั้น สิ่งที่หลินเฟิงกังวลที่สุดก็คือถังหว่านในขณะที่โฮมสเตย์ถูกสร้างขึ้นในทุก ๆวัน ลางสังหรณ์ที่ไม่ดีของหลินเฟิงก็ยิ่งขยายใหญ่ขึ้นทุกวันผ่านไปอีกหนึ่งสัปดาห์ โทรศัพท์ของถังหว่านก็เปลี่ยนเป็นไม่สามารถติดต่อได้ และไม่มีข่าวใด ๆ ทั้งสั้นไม่ตอบข้อความ และไม่รับสายโทรศัพท์ หลินเฟิงไม่สามารถที่จะติดต่อเธอได้เลยตอนที่หลินเฟิงกำลังคิดว่าตัวเองควรจะไปเมืองจิงดีหรือไม่นั้น รถยี่ห้อหงฉีสีดำคันหนึ่งก็จอดอยู่ที่ด้านนอกวิลล่าของอ่าวเทียนสุ่ยคนที่เดินออกมา คิดไม่ถึงว่าจะเป็นหลานเฟยที่ไม่ได้เจอกันมานานหลายเฟยกลายเป็นคนคุ้มกันส่วนตัวของถังหว่าน ตั้งแต่ถูกถังหว่านช่วยเหลือครั้งที่แล้ว จนกระทั่งฉินอิ๋ง เธอหยุดอยู่ที่เจียงโจวและไม่ได้
“ถังหว่านคิดถูกแล้ว”หลินเฟิงหัวเราะเยาะ “ความอดทนของผมใกล้จะถึงขีดจำกัดแล้ว แต่มีอย่างหนึ่งที่เกรงว่าเธอจะเดาผิดแล้ว!”“นั้นก็คือถ้าหากคุณไม่บอกผม ผมก็จะไม่ปล่อยมันไป อย่ามาพูดอะไรเพื่อให้ผมลืมเธอ”“ผมจะไปเมืองจิงด้วยตัวเองอย่างแน่นอน ไปเหยียบประตูของตระกูลถังแล้วถามให้ชัดเจน ถึงตอนนั้นก็อย่ามาโทษผมหลินเฟิง ที่ทำให้ตระกูลถังของพวกคุณต้องวุ่นวายก็แล้วกัน!”“คุณ....”เมื่อได้ยินหลินเฟิงเริ่มตื้อโดยไม่มีเหตุผล หลานเฟยก็รู้สึกปวดหัวอย่างมาก“คนละเรื่องกัน คุณไม่สามารถใช้บุญคุณของคุณที่มีต่อฉันแล้วมาบังคับฉันได้”“คุณหนูถังหว่านไม่ได้บอกคุณทั้งหมด ก็เพื่อประโยชน์ของคุณเอง ไม่อย่างนั้นคุณอาจจะถูกฆ่าตายไปแล้ว!”“ทำไมคุณถึงไม่ฟังคำแนะนำล่ะ?”“หึ ผ่านมาหลายปีขนาดนี้ เหตุการณ์ร้ายแรงอะไรบ้าง ที่ผมหลินเฟิงไม่เคยเจอมาบ้าง? ก็แค่ตระกูลถัง ต่อให้ตระกูลหลงหรือตระกูลซือหม่ามาเพิ่มอีก ผมก็ไม่สนใจ!”น้ำเสียงของหลินเฟิงทั้งรุนแรงและมีอำนาจแต่คำพูดนี้ ในสายตาของหลานเฟยเป็นคำพูดที่โง่เขลา“คุณ...คุณนี่จริง ๆ เลยนะ...”หลานเฟยโกรธมากจนกระทืบเท้า แต่เธอก็สับสนเช่นกัน ไม่รู้จะพูดโน้มน้าวหลินเฟิ
หลินเฟิงพูดตรงอย่างมาก“คุณ…”หลานเฟยถูกหลินเฟิงทำให้พูดไม่ออก เธอกลอกตาพูด:“คุณอย่ารีบร้อนขนาดนี้ได้ไหม? คุณถังหว่านยังไม่สามารถพบหน้าคุณได้ชั่วคราว คุณพักอยู่ที่นี่ก่อนสักสองสามวัน รอให้โอกาสเหมาะสม ฉันก็จะพาคุณไปพบเธอ”“งั้นคุณต้องบอกผมสักหน่อยไหมว่าตระกูลถังเกิดเรื่องอะไรขึ้น? หรือว่าจะให้ผมรออย่างไม่มีจุดหมายปลายทางอยู่ที่นี่งั้นเหรอ?หลินเฟิงพูดอย่างไม่พอใจ“ใจร้อนมักทำการไม่สำเร็จ สถานการณ์ยังไม่ชัดเจน รู้มากเกินไปไม่เป็นผลดีต่อคุณ ถ้าหากคุณเชื่อคุณถังหว่าน ก็รอด้วยความใจเย็นสักสองสามวัน”“ถือว่าฉันขอร้องคุณได้ไหมคะ?”เห็นหลานเฟยมีท่าทางแบบนี้ หลินเฟิงก็ทำได้แค่พยักหน้าด้วยความฝืนใจอย่างไรก็มาถึงเมืองจิงแล้ว ถ้าหากมีเรื่องวุ่นวายอะไรจริง ๆ หลินเฟิงก็สามารถไปที่ตระกูลถังได้โดยตรง“เฮ้อ…”เมื่อเห็นว่าในที่สุดหลินเฟิงรับปากแล้ว หลานเฟยก็ถอนหายใจ และพูดเสียงเบา: “ก่อนหน้านี้พวกเราพูดกันเอาไว้แล้ว คุณต้องฟังการจัดแจงจากฉันทั้งหมด” “เอาล่ะ คุณอยู่ที่นี่อย่างว่าง่ายแล้วกัน มีธุระอะไรฉันจะมาติดต่อคุณ”หลานเฟยกำชับหลินเฟิงยกหนึ่ง จากนั้นก็ขับรถออกไปเมื่อวานเธอแอบหนีออกม
ในปากของเด็กผู้หญิงคนนี้เคี้ยวหมากฝรั่งอยู่ เส้นผมกลับเป็นสีขาว แค่ดูก็รู้แล้วว่าเป็นเด็กสาวใจแตก“ทำไม ฉันถามนายอยู่นะ? นายเป็นใบ้เหรอ?”เด็กสาวผมขาวถามขึ้น“จื่อเสวียน ห้ามเสียมารยาท!”อาอวี๋ที่เดินออกมาจากห้องครัง ขมวดคิ้วมองไปทางเด็กสาวใจแตก“ไม่เป็นไรครับ ในบ้านมีคนแปลกหน้า ก็ต้องถามเป็นธรรมดาอยู่แล้วครับ”หลินเฟิงยิ้มบางแล้วพูดว่า: “ฉันชื่อหลินเฟิง สวัสดี”“ฮ้าววว”เด็กสาวหาวออกมา และมองไปทางอาอวี๋ที่สวมผ้ากันเปื้อนด้วยท่าทางหมดอาลัยตายอยาก”“เด็กบ้า ลูกพูดจาเลอะเทอะอะไร? ท่านนี้คือคุณหลินเฟิง เป็นแขกผู้มีเกียรติของตระกูลถัง!!”อาอวี๋ถลึงตาใส่เด็กสาวใจแตก“ในเมื่อเป็นแขกผู้มีเกียรติของตระกูลถัง ไม่ไปพักที่ตระกูลถัง มาพักอยู่ที่บ้านของพวกเราทำไมกัน?”เด็กสาวที่ถูกเรียกว่าจื่อเสวียนหัวเราะด้วยความเหยียดหยาม: “ช่างเถอะ ๆ หนูขี้เกียจจะสนใจเรื่องบ้าบอของพวกคุณแล้ว อีกเดี๋ยวหนูจะออกไปเที่ยวกับเพื่อน เอาเงินมาให้หนู”“ดึกขนาดนี้แล้ว จะออกไปอีกแล้วเหรอ?”อาอวี๋ขมวดคิ้วพูด: “จื่อเสวียน ช่วงนี้ใกล้จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว ลูกในฐานะเด็กผู้หญิงไม่กลับบ้านกลับช่องทุกคืน เหมาะสม
“โอ๊ย ลูกสาวของฉันทำงานที่คาราโอเกะไม่ใช่เหรอ เมื่อครู่เธอโทรศัพท์มา บอกว่าจื่อเสวียนเกิดเรื่องขัดแย้งกับคนอื่นที่ร้านคาราโอเกะ ทั้งสองฝ่ายลงไม้ลงมือกันแล้ว!”“คุณรีบไปดูเธอเถอะ!”เพื่อนบ้านพูดเร่งอาอวี๋ตกใจอย่างมาก ลูกสาวคนนี้ของเธอทำไมถึงได้ทำให้คนอื่นเป็นกังวลใจแบบนี้เขาโยนถ้วยกับตะเกียบลงแล้ววิ่งออกไปข้างนอก เพียงแต่วิ่งออกไปได้ครึ่งทางก็รีบย้อนกลับมา และพูดขอโทษต่อหลินเฟิง:“คุณหลินเฟิง ขอโทษด้วยจริง ๆ นะครับ! คุณทานไปก่อน ทางด้านลูกสาวของผมเกิดเรื่องขึ้นเล็กน้อย ผมต้องไปดูหน่อย!”“ผมไปด้วยกันกับคุณเถอะครับ”หลินเฟิงวางตะเกียบลงแล้วเช็ดปากอยู่ที่บ้านคนอื่นกินฟรีอยู่ฟรีแบบนี้ไม่เหมาะสมเท่าไหร่ ถ้าหากเขาสามารถช่วยได้ ก็ต้องไม่นิ่งเฉยอยู่แล้ว“นี่…”อาอวี๋ลำบากใจเล็กน้อย ให้แขกของตระกูลถังไปช่วยเขา แบบนี้มันไม่เหมาะสมจริงๆ“วางใจเถอะครับอาอวี๋ ผมไม่สร้างความวุ่นวายหรอก”หลินเฟิงเห็นถึงความกังวลของเขา จึงยิ้มพูด: “มีคนเพิ่มก็มีกำลังเพิ่มไม่ใช่เหรอครับ”“เหล่าอวี๋อย่ามัวแต่ชักช้าเลย เร็วหน่อย!” เพื่อนบ้านพูดเร่ง“ก็ได้”อาอวี๋พยักหน้า และไม่พูดอะไรอีก จากนั้นก็รีบออกไ
ในตอนนี้ เด็กสาวผมสั้นคนหนึ่งปลุกความกล้าพูดขึ้นมา“ฉันจับเธอเพราะให้เกียรติเธอ แต่เธอแม่งไม่รับเกียรติเอาไว้ มาโทษฉันงั้นเหรอ?”ชายชุดสูทถลึงตาโต ทำให้เด็กสาวผมสั้นคนนั้นไม่กล้าพูดอะไรอีกส่วนอาอวี๋เมื่อได้ยินแบบนี้ก็ฝืนยิ้มพูดขึ้นมา: “สหายน้อย ผมดูแล้วเรื่องในวันนี้เป็นความเข้าใจผิดกัน พวกเราไม่จำเป็นต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่ ต่างฝ่ายต่างถอยกันคนละก้าวดีไหม?“ถอยกันคนละก้าวงั้นเหรอ?”ชายชุดสูทยิ้มออกมา ยิ้มด้วยความเหยียดหยามอย่างถึงที่สุด“เชี่ย แกนับประสาอะไรกัน คู่ควรที่จะมาชี้โบ๊ชี้เบ๊อยู่ตรงนี้ด้วยงั้นเหรอ?!”ชายชุดสูทเดินเข้ามาตบหน้าอาอวี๋อย่างแรง และพูดด่าทอ: “แกพูดว่าจบก็จบงั้นเหรอ? ถอยกันคนละก้าว? แกคู่ควรที่จะเสนอเงื่อนไขกับฉันด้วยงั้นเหรอ?”อาอวี๋ถูกตบแบบนี้ ก็โซเซไปมา เกือบจะล้มลง“แกกล้าตบพ่อฉันงั้นเหรอ?”อวี๋จื่อเสวียนโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ จากนั้นก็หยิบขวดเบียร์ที่อยู่ข้าง ๆ ขึ้นมาจะลงมือ แต่กลับถูกอาอวี๋ห้ามเอาไว้“จื่อเสวียน ลูกเป็นผู้หญิง อย่าทำอะไรซี้ซั้ว!”“ทำไม? เธอยังอยากจะลงมือกับฉันงั้นเหรอ?! มามามา เธอลองตบฉันอีกสักครั้งดูสิ?”ชายชุดสูทยิ้มเยาะ: “วันนี้พ