หลินเฟิงพูดตรงอย่างมาก“คุณ…”หลานเฟยถูกหลินเฟิงทำให้พูดไม่ออก เธอกลอกตาพูด:“คุณอย่ารีบร้อนขนาดนี้ได้ไหม? คุณถังหว่านยังไม่สามารถพบหน้าคุณได้ชั่วคราว คุณพักอยู่ที่นี่ก่อนสักสองสามวัน รอให้โอกาสเหมาะสม ฉันก็จะพาคุณไปพบเธอ”“งั้นคุณต้องบอกผมสักหน่อยไหมว่าตระกูลถังเกิดเรื่องอะไรขึ้น? หรือว่าจะให้ผมรออย่างไม่มีจุดหมายปลายทางอยู่ที่นี่งั้นเหรอ?หลินเฟิงพูดอย่างไม่พอใจ“ใจร้อนมักทำการไม่สำเร็จ สถานการณ์ยังไม่ชัดเจน รู้มากเกินไปไม่เป็นผลดีต่อคุณ ถ้าหากคุณเชื่อคุณถังหว่าน ก็รอด้วยความใจเย็นสักสองสามวัน”“ถือว่าฉันขอร้องคุณได้ไหมคะ?”เห็นหลานเฟยมีท่าทางแบบนี้ หลินเฟิงก็ทำได้แค่พยักหน้าด้วยความฝืนใจอย่างไรก็มาถึงเมืองจิงแล้ว ถ้าหากมีเรื่องวุ่นวายอะไรจริง ๆ หลินเฟิงก็สามารถไปที่ตระกูลถังได้โดยตรง“เฮ้อ…”เมื่อเห็นว่าในที่สุดหลินเฟิงรับปากแล้ว หลานเฟยก็ถอนหายใจ และพูดเสียงเบา: “ก่อนหน้านี้พวกเราพูดกันเอาไว้แล้ว คุณต้องฟังการจัดแจงจากฉันทั้งหมด” “เอาล่ะ คุณอยู่ที่นี่อย่างว่าง่ายแล้วกัน มีธุระอะไรฉันจะมาติดต่อคุณ”หลานเฟยกำชับหลินเฟิงยกหนึ่ง จากนั้นก็ขับรถออกไปเมื่อวานเธอแอบหนีออกม
ในปากของเด็กผู้หญิงคนนี้เคี้ยวหมากฝรั่งอยู่ เส้นผมกลับเป็นสีขาว แค่ดูก็รู้แล้วว่าเป็นเด็กสาวใจแตก“ทำไม ฉันถามนายอยู่นะ? นายเป็นใบ้เหรอ?”เด็กสาวผมขาวถามขึ้น“จื่อเสวียน ห้ามเสียมารยาท!”อาอวี๋ที่เดินออกมาจากห้องครัง ขมวดคิ้วมองไปทางเด็กสาวใจแตก“ไม่เป็นไรครับ ในบ้านมีคนแปลกหน้า ก็ต้องถามเป็นธรรมดาอยู่แล้วครับ”หลินเฟิงยิ้มบางแล้วพูดว่า: “ฉันชื่อหลินเฟิง สวัสดี”“ฮ้าววว”เด็กสาวหาวออกมา และมองไปทางอาอวี๋ที่สวมผ้ากันเปื้อนด้วยท่าทางหมดอาลัยตายอยาก”“เด็กบ้า ลูกพูดจาเลอะเทอะอะไร? ท่านนี้คือคุณหลินเฟิง เป็นแขกผู้มีเกียรติของตระกูลถัง!!”อาอวี๋ถลึงตาใส่เด็กสาวใจแตก“ในเมื่อเป็นแขกผู้มีเกียรติของตระกูลถัง ไม่ไปพักที่ตระกูลถัง มาพักอยู่ที่บ้านของพวกเราทำไมกัน?”เด็กสาวที่ถูกเรียกว่าจื่อเสวียนหัวเราะด้วยความเหยียดหยาม: “ช่างเถอะ ๆ หนูขี้เกียจจะสนใจเรื่องบ้าบอของพวกคุณแล้ว อีกเดี๋ยวหนูจะออกไปเที่ยวกับเพื่อน เอาเงินมาให้หนู”“ดึกขนาดนี้แล้ว จะออกไปอีกแล้วเหรอ?”อาอวี๋ขมวดคิ้วพูด: “จื่อเสวียน ช่วงนี้ใกล้จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว ลูกในฐานะเด็กผู้หญิงไม่กลับบ้านกลับช่องทุกคืน เหมาะสม
“โอ๊ย ลูกสาวของฉันทำงานที่คาราโอเกะไม่ใช่เหรอ เมื่อครู่เธอโทรศัพท์มา บอกว่าจื่อเสวียนเกิดเรื่องขัดแย้งกับคนอื่นที่ร้านคาราโอเกะ ทั้งสองฝ่ายลงไม้ลงมือกันแล้ว!”“คุณรีบไปดูเธอเถอะ!”เพื่อนบ้านพูดเร่งอาอวี๋ตกใจอย่างมาก ลูกสาวคนนี้ของเธอทำไมถึงได้ทำให้คนอื่นเป็นกังวลใจแบบนี้เขาโยนถ้วยกับตะเกียบลงแล้ววิ่งออกไปข้างนอก เพียงแต่วิ่งออกไปได้ครึ่งทางก็รีบย้อนกลับมา และพูดขอโทษต่อหลินเฟิง:“คุณหลินเฟิง ขอโทษด้วยจริง ๆ นะครับ! คุณทานไปก่อน ทางด้านลูกสาวของผมเกิดเรื่องขึ้นเล็กน้อย ผมต้องไปดูหน่อย!”“ผมไปด้วยกันกับคุณเถอะครับ”หลินเฟิงวางตะเกียบลงแล้วเช็ดปากอยู่ที่บ้านคนอื่นกินฟรีอยู่ฟรีแบบนี้ไม่เหมาะสมเท่าไหร่ ถ้าหากเขาสามารถช่วยได้ ก็ต้องไม่นิ่งเฉยอยู่แล้ว“นี่…”อาอวี๋ลำบากใจเล็กน้อย ให้แขกของตระกูลถังไปช่วยเขา แบบนี้มันไม่เหมาะสมจริงๆ“วางใจเถอะครับอาอวี๋ ผมไม่สร้างความวุ่นวายหรอก”หลินเฟิงเห็นถึงความกังวลของเขา จึงยิ้มพูด: “มีคนเพิ่มก็มีกำลังเพิ่มไม่ใช่เหรอครับ”“เหล่าอวี๋อย่ามัวแต่ชักช้าเลย เร็วหน่อย!” เพื่อนบ้านพูดเร่ง“ก็ได้”อาอวี๋พยักหน้า และไม่พูดอะไรอีก จากนั้นก็รีบออกไ
ในตอนนี้ เด็กสาวผมสั้นคนหนึ่งปลุกความกล้าพูดขึ้นมา“ฉันจับเธอเพราะให้เกียรติเธอ แต่เธอแม่งไม่รับเกียรติเอาไว้ มาโทษฉันงั้นเหรอ?”ชายชุดสูทถลึงตาโต ทำให้เด็กสาวผมสั้นคนนั้นไม่กล้าพูดอะไรอีกส่วนอาอวี๋เมื่อได้ยินแบบนี้ก็ฝืนยิ้มพูดขึ้นมา: “สหายน้อย ผมดูแล้วเรื่องในวันนี้เป็นความเข้าใจผิดกัน พวกเราไม่จำเป็นต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่ ต่างฝ่ายต่างถอยกันคนละก้าวดีไหม?“ถอยกันคนละก้าวงั้นเหรอ?”ชายชุดสูทยิ้มออกมา ยิ้มด้วยความเหยียดหยามอย่างถึงที่สุด“เชี่ย แกนับประสาอะไรกัน คู่ควรที่จะมาชี้โบ๊ชี้เบ๊อยู่ตรงนี้ด้วยงั้นเหรอ?!”ชายชุดสูทเดินเข้ามาตบหน้าอาอวี๋อย่างแรง และพูดด่าทอ: “แกพูดว่าจบก็จบงั้นเหรอ? ถอยกันคนละก้าว? แกคู่ควรที่จะเสนอเงื่อนไขกับฉันด้วยงั้นเหรอ?”อาอวี๋ถูกตบแบบนี้ ก็โซเซไปมา เกือบจะล้มลง“แกกล้าตบพ่อฉันงั้นเหรอ?”อวี๋จื่อเสวียนโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ จากนั้นก็หยิบขวดเบียร์ที่อยู่ข้าง ๆ ขึ้นมาจะลงมือ แต่กลับถูกอาอวี๋ห้ามเอาไว้“จื่อเสวียน ลูกเป็นผู้หญิง อย่าทำอะไรซี้ซั้ว!”“ทำไม? เธอยังอยากจะลงมือกับฉันงั้นเหรอ?! มามามา เธอลองตบฉันอีกสักครั้งดูสิ?”ชายชุดสูทยิ้มเยาะ: “วันนี้พ
หลังจากเหม่อลอยในเวลาสั้น ๆ ชายชุดสูทดวงตาเกรี้ยวกราด และด่าอย่างสาดเสียเทเสีย: “วันนี้ฉันจะฆ่าแกให้ตาย!”“อย่าขยับ!”ในตอนที่ชายชุดสูทกำลังโมโหเดือดดาล นักเรียนกลุ่มหนึ่งที่ในมือถือกระบองโลหะพุ่งเข้ามา นักเรียนเหล่านี้ต่างเป็นผู้ชายคนที่นำหน้ามาสูงหนึ่งร้อยเก้าสิบเซนติเมตร นักเรียนชายที่ร่างกายสูงใหญ่คนจำนวนสิบกว่าคนปรากฏตัวออกมาแบบนี้ ก็มีความกดดันอยู่บ้างเล็กน้อย“ดีมากเลย หลงเสี่ยวจวิ้นมาแล้ว!”เมื่อเห็นผู้ชายสูงหนึ่งร้อยเก้าสิบเซนติเมตร นักเรียนหญิงรวมทั้งอวี๋จื่อเสวียนที่อยู่ในนั้น พากันเผยสีหน้าประหลาดใจออกมาพวกเธอแต่ละคนเหมือนกับเห็นตัวช่วย ในดวงตาเผยความเลื่อมใสออกมาเล็กน้อยหลงเสี่ยวจวิ้นเป็นถึงคนดังในโรงเรียน ไม่เพียงครอบครัวอบอุ่น หน้าตาหล่อเหลา อีกทั้งยังเป็นหัวหน้าทีมเบสบอลของโรงเรียนของพวกเขา“จื่อเสวียน เธอไม่เป็นไรใช่ไหม?”หลงเสี่ยวจวิ้นปรากฏตัวขึ้นมา ในดวงตามีเพียงอวี๋จื่อเสวียน และสอบถามสารทุกข์สุขดิบด้วยความเป็นห่วง“ไม่เป็นไร ฉันไม่เป็นไร”อวี๋จื่อเสวียนส่ายหน้า ในดวงตาเต็มไปด้วยความดีใจอย่างถึงที่สุดคิดไม่ถึงว่าหลงเสี่ยวจวิ้นจะปรากฏตัวออกมาช่วยพวก
ถึงแม้จะดูถูก แต่ในเมื่อเป็นพ่อของอวี๋จื่อเสวียน เรื่องแค่นี้เขายังต้องไว้หน้ากันหน่อย“ขอบคุณมาก”อาอวี๋รู้สึกโล่งใจ จากนั้นรีบโค้งตัวให้หลงเสี่ยวจวิ้น“พวกแกยังนิ่งกันอยู่ทำไม? ไสหัวไปให้หมด! อย่าให้ฉันเห็นพวกอีกนะ เข้าใจไหม?!”หลงเสี่ยวจวิ้นหันหน้ามองไปรอบ ๆ และตะโกนขึ้นมา“หึ แน่จริง พวกแกเด็กเวรกลุ่มนี้อย่าหนีไปนะ!”ชายชุดสูดกัดฟัน และพูดอย่างรุนแรงประโยคสุดท้ายเอาไว้ จากนั้นก็พาพวกขี้เมาที่อยู่ด้านหลังเดินโซเซจากไป“พี่จวิ้น พี่จะปล่อยพวกเขาไปแบบนี้งั้นเหรอ?”เด็กสาวผมสั้นเผยสีหน้าเป็นกังวลออกมา: “ถ้าหากพวกมันเรียกคนมาแก้แค้นพวกเราจะทำอย่างไร?”“แก้แค้น? เขาไม่กล้าหรอก”หลงเสี่ยวจวิ้นเผยสีหน้าลำพองใจแล้วยิ้มพูด: “พวกเธอคงไม่รู้สินะว่าที่นี่ถิ่นของใคร?”“ไม่กลัวที่จะต้องบอกพวกเธอ ที่นี่คือถิ่นของคุณชายตู้แก๊งเลี่ยหยาง กล้ามากำเริบเสิบสานที่นี่? หึ นั่นก็เป็นการรนหาที่ตายก็เท่านั้นเอง”“คุณชายตู้แก๊งเลี่ยหยาง?”หลงเสี่ยวจวิ้นพูดออกมาแบบนี้ นอกจากหลินเฟิงแล้ว ทุกคนก็สีหน้าเปลี่ยนไปแก๊งเลี่ยหยางเป็นถึงใหญ่ในเขตใต้ของเมืองจิง ถิ่นฐานในบริเวณใกล้ ๆ นี้แทบจะไม่มีใครกล้ามา
หน้าต่อหล่อเหลาแล้วมีประโยชน์อะไร? พบกับความอันตรายจริง ๆ คนอื่นเขาเห็นคุณหน้าตาดีก็จะไว้ชีวิตคุณงั้นเหรอ? เกรงว่าถึงเวลาคงจะวิ่งหนีเร็วยิ่งกว่าใครผู้ชายแบบนี้ พึ่งพาไม่ได้เด็ดขาด“พรรคพวก เป็นผู้ชายต้องมีความตั้งมั่นหน่อย ในเมื่อหวาดกลัว ก็อย่าฝืนออกมาห้ามปรามการทะเลาะวิวาทเลย ถ้าหากบาดเจ็บตรงไหนเขาจะไม่ดี”“อีกอย่าง เสียงหัวเราะเมื่อครู่นี้นายเป็นคนหัวเราะออกมาสินะ?”“ฉันช่วยนายเอาไว้ เราไม่พูดขอบคุณสักประโยค อย่างน้อยในใจก็ต้องมีความรู้สึกซาบซึ้งบ้างไหม?”หลงเสี่ยวจวิ้นตบไหล่ของหลินเฟิงด้วยความยั่วยวนสำหรับเรื่องนี้ หลินเฟิงไม่มีอะไรจะพูด เขาเพียงแค่ยิ้มแล้วส่ายหน้าด้วยสถานะของเขา จะเห็นเด็กเหลือขอพวกนี้อยู่ในสายตาได้อย่างไร หากคิดเล็กคิดน้อยกับพวกเขา กลับจะเป็นการเสียศักดิ์ศรี“เอาล่ะเอาล่ะ! ในเมื่อเรื่องนี้จัดการเรียบร้อยแล้ว งั้นพวกเราก็กลับกันก่อนเถอะ”ในเมื่อเป็นแขกคนสำคัญของคุณฉันใหญ่ตระกูลถัง อาอวี๋จึงเข้ามาไกล่เกลี่ย จากนั้นก็มองไปทางอวี๋จื่อเสวียนที่อยู่ข้าง ๆ: “จื่อเสวียน พ่อบอกกับลูกตั้งนานแล้ว ดึก ๆ ดื่น ๆ อย่าออกมาเพล่นพล่านข้างนอก โดยเฉพาะสถานที่แบบนี้ เจอก
ถูกลูกสาวชี้หน้าแล้วด่า แต่ยังไม่โกรธ พ่อแบบนี้ก็นับว่าเป็นที่สุดแล้วหลงเสี่ยวจวิ้นถึงแม้จะยิ้ม แต่ในใจกลับดูถูกพ่อของจื่อเสวียนมาก“โอเค งั้นรบกวนคุณด้วย”อาอวี๋เผยรอยยิ้มฝืน ๆ และพยักหน้าให้หลินเฟิงขณะที่ทั้งสองกำลังจะออกจากที่นั่นทันใดนั้นในโถงทางเดินของคาราโอเกะ ก็มีเสียงเอะอะดังขึ้นปรากฏว่าเป็นชายที่ใส่ชุดสูทที่กลับมาอีกครั้งครั้งนี้เขามาพร้อมกับการ์ดยี่สิบถึงสามสิบคน ถือมีดมาด้วย ท่าทางฮึกเหิมกร่างเข้ามา“พวกมันไง ล้อมเด็กพวกนี้ให้หมด!” ชายที่ใส่ชุดสูทร้องตะโกนเสียงดังเห็นกลุ่มการ์ดฟังคำสั่ง ยกมีดส่องแสงสว่างและล้อมรอบคนทั้งห้องท่าทางที่ดุดันทำให้ผู้ชายและผู้หญิงในห้องนั้นสีหน้าตกใจและหวาดกลัวพวกเขาทั้งหมดเป็นนักเรียน จะไปสู้กับพวกมือสังหารได้อย่างไร?“เดี๋ยวก่อน!”หลงเสี่ยวจวิ้นก้าวไปข้างหน้าสองก้าว พูดด้วยอารมณ์ที่เข้มแข็งว่า“ผมเตือนคุณนะ ที่นี่คือเขตของคุณชายตู้ พ่อผมก็มีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับคุณชายตู้ ถ้าคุณกล้าฆ่าพวกเรา ละก็ระวังชีวิตของคุณเอาไว้!”“หม่อน! คุณกล้ามาขู่ฉันเหรอ?”ชายที่ใส่ชุดสูทตบหน้าหลงเสี่ยวจวิ้นอย่างแรง แล้วด่าว่า “รู้จักคุณชาย
ถ้าให้ฟ่านอู๋จี๋คนแก่คนนั้นเลี้ยงดูเธอด้วยการทำนาย ก็คงจะเป็นไปไม่ได้“ฮ่าๆๆ ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร”จ้าวเฉียวอวิ๋นเห็นเด็กสาวกินเยอะขนาดนี้ เธอกลับเป็นคนที่ดีใจที่สุด รีบลุกขึ้นไปทำกับข้าวใหม่อาอวี๋ก็ไปช่วยทุกคนต่างก็ตักข้าวของตัวเองให้ฟ่านหลิงเยว่ฟ่านหลิงเยว่ก็กินอย่างไม่ลังเล กินอย่างรวดเร็ว กินอย่างมีความสุขไม่รู้ว่าร่างกายเล็กๆของเธอสามารถบรรจุอาหารได้มากขนาดนี้ได้อย่างไร กระเพาะอาหารของเธอดูเหมือนหลุมดำ กินข้าวทั้งถังลงไป กลับไม่มีอาการอะไรเลย“เธอคือประมุขคนต่อไปของสำนักโม่ซวี...เวทมนตร์ที่ค่อยๆ ตื่นขึ้นมา...”หลินเฟิงขมวดคิ้วคิดบางทีเขาอาจจะเข้าใจแล้วว่าทำไมฟ่านหลิงเยว่ถึงกินเก่งขนาดนี้.........สองวันผ่านไปโรงพยาบาลเมืองเจิ้งเต๋อในห้องผู้ป่วยหนัก ชายชราผมหงอกกำลังมองลูกสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ ด้วยความกังวล“พ่อ อย่าเพิ่งกังวลเรื่องเงินเลยค่ะ”ลูกสาวคนนั้นก็คือหวังลี่ลี่เธอพยายามปลอบใจพ่อ จับมือพ่อ ยิ้มทั้งน้ำตาพูดว่า“หนูได้พบกับผู้มีพระคุณค่ะ”“เขาช่วยให้หนูได้เป็นผู้จัดการโชว์รูมรถยนต์ ตอนนี้หนูมีรายได้มากพอที่จะรักษาพ่อได้แล้วค่ะ ต่อไปนี้พ่ออย่ากังวลเรื่
“ได้ครับ”หลินเฟิงพยักหน้าประมาณห้านาทีต่อมา หวังลี่ลี่ก็วิ่งมาด้วยท่าทางนอบน้อมพร้อมกุญแจรถ“คุณหลินคะ ตอนนี้คุณสามารถขับรถคันนี้ไปได้เลยค่ะ ส่วนเรื่องอื่นๆ เราจะไปจัดการที่บ้านคุณค่ะ”ท่าทางของหวังลี่ลี่นอบน้อมอย่างมากเธอเพียงแค่โทรศัพท์ไปหาผู้อำนวยการของเผิงกวงกรุ๊ปในเมืองเจิ้งเต๋อ ผู้อำนวยการก็รีบร้อนไปขออนุญาตจากเผิงกวงฉี่ราวกับไฟไหม้ก้นคำตอบที่ผู้อำนวยการได้รับจากเผิงกวงฉี่มีเพียงประโยคเดียว“ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ให้ตอบสนองอย่างเต็มที่”ผู้อำนวยการที่ได้รับคำสั่งจากเผิงกวงฉี่จึงไม่กล้าประมาท รีบเร่งทำให้ขั้นตอนต่างๆ ง่ายที่สุดโดยให้หวังลี่ลี่ส่งกุญแจรถให้หลินเฟิงโดยตรงความเร็วและท่าทีเช่นนี้ทำให้หวังลี่ลี่รู้สึกประหลาดใจอย่างยิ่ง“ถ้าเป็นเช่นนั้น ก็ขอบคุณครับ”หลินเฟิงเปิดประตูรถ ขึ้นรถ แล้วสตาร์ทรถบูกัตติ เวียร์รอนคันเรียบง่ายแต่ไม่ธรรมดาคันนี้เมื่อเครื่องยนต์ 16 สูบถูกสตาร์ท บรรยากาศในล็อบบี้ทั้งหมดก็ถูกกดทับลงทันทีรถยนต์ต่างๆ ที่ถูกจัดแสดงและจำหน่ายในบริเวณที่รอเมื่อเทียบกับบูกัตติ เวียร์รอนสีดำแดงคันนี้แล้ว ก็ดูด้อยกว่าไปในทันทีราวกับมังกรสีดำแดงตัวใหญ่
ถึงขั้นที่สามารถตัดสินใจอนาคตของบุคคลผู้นี้ในเผิงกวงกรุ๊ปได้ อำนาจของเขายิ่งใหญ่อย่างมาก“ที่...ที่แท้...ที่แท้คือ...คุณหลิน”หลินเฟิงคือเจ้าของบัตรทองใบนี้เท่านั้นทั้งเผิงกวงกรุ๊ป บัตรทองนี้เพิ่งปรากฏเป็นครั้งแรก ตอนที่เผิงกวงฉี่ได้มอบให้แก่ผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตตัวเองไว้เรื่องนี้ภายในเผิงกวงกรุ๊ปต่างก็รับรู้กันดีแต่ผู้จัดการเสิ่นยังไม่ทันได้สืบหาข้อมูลของหลินเฟิง จึงไม่รู้จักหลินเฟิงด้วยซ้ำแต่เมื่อได้เห็นบัตรใบนี้ในวันนี้ เขาก็ได้รู้ว่า แท้จริงแล้วชายตรงหน้าที่เขาเคยมองว่าเป็น “เป็นคนที่ตามจีบหวังลี่ลี่แบบไร้ศักดิ์ศรี” นั้นกลับเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตเผิงกวงฉี่ไว้หลินเฟิง ผู้ถือบัตรทองเพียงหนึ่งเดียวของเผิงกวงกรุ๊ป !ผู้จัดการเสิ่นตกใจจนขาอ่อน ล้มลงกับพื้นทันทีแต่เขาก็ไม่กล้าที่จะนิ่งเฉยจึงพยายามลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล ใช้ความพยายามอย่างมากมาย จึงดึงบัตรทองออกจากผนังได้ และส่งคืนให้หลินเฟิงด้วยมือที่สั่นเทา“คุณหลินครับ ผม...ผมหลงเชื่อคำนินทา จึงดูถูกคน ผมมัน...ผมสมควรตาย”ผู้จัดการเสิ่นคุกเข่าลงที่หน้าหลินเฟิง ตัวสั่นเทาด้วยความกลัวส่วนหลิวหย่าที่อยู่ข้างๆ ก
“ที่แท้....ที่แท้ก็เป็นคุณนั่นเอง!”“ฉัน...ฉันจำได้แล้ว ฉัน...ฉันดูถูกคนอื่น โปรดยกโทษให้ฉัน โปรดยกโทษให้ฉันด้วย!”ในขณะนี้เอง ที่สุดท้าแล้วยคุณชายตู้ก็เข้าใจถึงตัวตนของหลินเฟิงเขาควรที่จะไปล่วงเกินคนที่สามารถประลองกับคุณชายเฝิงอวี้อู่ได้งั้นเหรอ?ทันใดนั้น เขาก็คุกเข่าลงเสียงดัง ตุบ ต่อหน้าคนทั้งหมด และก้มหน้าให้หลินเฟิงซ้ำแล้วซ้ำเล่า พร้อมกับขอร้องและร้องไห้เสียงดังลั่นเขากลัวจริงๆนะ!เมื่อเทียบกับผู้จัดการเสิ่น ชายลึกลับผู้นี้ที่ว่ากันว่าสามารถฆ่านักบู๊ของตระกูลเฝิงได้มากกว่าสามสิบคนคนในลมหายใจเดียว!และเมื่อพิจารณาจากความจริงที่ว่าเขายังมีชีวิตอยู่และสบายดี ครอบครัวเฝิงก็ไม่มีทางที่จะจัดการกับเขาได้เช่นกันน่ากลัวยิ่งกว่าตระกูลเฟิงอีกคุณชายตู้นึกถึงหลายๆ อย่างได้ในทันที ยิ่งเขาคิดถึงเรื่องเหล่านี้มากขึ้นเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าเบื้องหลังของหลินเฟิงนั้นไม่ธรรมดาก่อนจะตกใจอย่างมาก แล้วรีบคุกเข่าลงขอความเมตตาเมื่อเห็นคุณชายตู้คุกเข่าลงและร้องขอความเมตตา ผู้จัดการเสิ่นที่อยู่ด้านข้างก็รู้สึกสับสนเล็กน้อย"แกมัน......"ผู้จัดการเสิ่นมองดูร่างของลูกน้องที่นอนอยู่บนพื
“ครับ!”ลูกน้องพวกนี้รีบวิ่งไปหาฟ่านหลิงเยว่ด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย ในที่สุดฟ่านหลิงเยว่ก็กลืนขนมในปาก ก่อนจะหัวเราะเยาะและพูดขึ้นว่า : “พวกแกรนหาที่ตายแล้ว!”หลังจากที่พูดจบ เธอก็ยกขาขึ้นสูงแล้วเตะศีรษะของอันธพาลที่กำลังวิ่งพุ่งเข้ามาข้างหน้าจนศีรษะบุบลงไปจากนั้น เธอก็เผชิญหน้ากับมือที่ยื่นเข้ามาจากด้านข้าง แล้วเธอก็ปล่อยหมัดกลับไป ทันใดนั้นก็ทำให้หัวหน้าแก๊งที่แสยะยิ้มคนนี้ เบิกตากว้างทันที แล้วเปลี่ยนสีหน้าเป็นความหวาดกลัว“นัก....”ก่อนที่เขาจะได้เอ่ยคำว่า "บู๊" ออกมา เขาก็โถมตัวไปด้านหลังพร้อมกับรอยหมัดที่กลางหน้าอก แล้วกระแทกกับกระจกร้าน 4S ที่สูงจากพื้นถึงเพดาน“เชี่ยเอ้ย!”เมื่อเห็นฉากนี้ พวกอันธพาลที่อยู่โดยรอบก็พากันตกตะลึงใครจะคิดว่าเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งจะมีความแข็งแกร่งได้ขนาดนี้?“เกิดอะไรขึ้น? ไม่ใช่ว่าต้องสนุกกันเหรอ?”ฟ่านหลิงเยว่หัวเราะเยาะแล้วพุ่งเข้าใส่พวกลูกน้องที่กำลังลังเลกลุ่มนี้"ในเมื่อพวกคุณไม่เข้ามา งั้นก็อย่าโทษฉันแล้วกัน!"“ปัง!”ฟ่านหลิงเยว่สอยหมัดขึ้นไป จนทำให้อันธพาลส่งเสียงกรีดร้องจนศีรษะไปกระแทกกับพื้นชั้นสองจากนั้นเธอก็คว้าหัวหน้า
“ฮือฮือฮือ…”หวังลี่ลี่กอดหัวของตัวเอง ถูกหลิวหย่าเหยียบอยู่ใต้เท้า เธออาศัยงานส่วนรวมแก้แค้นเรื่องส่วนตัว เตะไปที่คอของหวังลี่ลี่อย่างแรงหลายครั้งหวังลี่ลี่สะอื้นไห้ ในใจก็เต็มไปด้วยความเคียดแค้นเธอไม่รู้ว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้หลินเฟิงเห็นภาพนี้ สายตาเย็นชาขึ้นเรื่อยๆ“หยุดนะ”หลินเฟิงตวาดเสียงทุ้มต่ำ แต่หลิวหย่าไม่ได้คิดจะหยุดเลยด้วยซ้ำหลินเฟิงเดินเข้าไป จับข้อมือของเธอ และตวาดเสียงเย็นชาว่า:“ฉันบอกให้เธอหยุดเธอไม่ได้ยินเหรอ?!”“อุ๊ย ไอ้ยาจก! เรื่องที่แกหลอกเรา ฉันยังไม่คิดบัญชีกับแกเลยนะ นายยังกล้ามายุ่งเรื่องของฉันอีก!”หลิวหย่าหัวเราะเยาะหลินเฟิง และใช้มืออีกข้างตบไปที่หน้าของหลินเฟิงหลินเฟิงเห็นแบบนี้ ในใจก็รู้สึกเดือดดาลเขาไม่ได้หลบเลี่ยง แต่มือข้างที่จับหลิวหย่าเอาไว้ออกแรงเล็กน้อยหลังจากเสียงกระดูกร้าวดังขึ้น หลิวหย่าก็กุมข้อมือที่อ่อนปวกเปียกและทรุดนั่งลงบนพื้นจากนั้น เธอส่งเสียงกรีดร้องออกมาเหมือนหมูถูกเชือด“เชี่ย ไอ้หนุ่ม แกกล้าพาลเกเรที่ถิ่นของฉันงั้นเหรอ?”ผู้จัดการเสิ่นเห็นกิ๊กของเขาถูกหลินเฟิงทำร้าย ก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟทันทีบังเอิญกับที่ตอนนี้ ลู
ในตอนที่หวังลี่ลี่เหม่อลอยอยู่นั้น คุณชายตู้ก็เข้ามาโอบเอวเธอ และหรี่ตาจ้องมองหลินเฟิงและพูดว่า:“ไอ้หนุ่ม ฉันเคยเจอคนโง่เขลาแบบนายที่เข้ามาเป็นวีรบุรุษช่วยสาวงามมาเยอะแล้ว”“นายคิดว่าแสดงละครกับหวังลี่ลี่แบบนี้ แกล้งทำเป็นว่านายมาซื้อรถ หวังลี่ลี่ก็คุยโวโอ้อวดคุณ ก็คิดว่าจะหลอกฉันได้เหรอ?”“หลอกคนที่อยู่ที่นี่จนหัวหมุน?”“หึ”คุณชายตู้พ่นลมหายใจ“เก็บแรงไว้เถอะ”“เสแสร้งออกมา?”หลังจากผู้จัดการเสิ่นงุนงงอยู่ครู่หนึ่ง ก็จ้องมองเสื้อผ้ามอมแมมที่อยู่บนตัวของหลินเฟิง ใบหน้าก็เผยความโมโหขึ้นมาทันทีเขาก็เข้าใจเหตุการณ์ได้แล้ว“แม่ง กล้าหลอกฉัน แถมยังด่าฉันด้วย?!”ผู้จัดการเสิ่นเกิดความโมโหที่ถูกหลอกเขาฟังคำพูดของคุณชายตู้ถึงได้เข้าใจวุ่นวายอยู่นาน หลินเฟิงไม่ได้เป็นคนที่ซื้อรถมายบัคอะไร แต่เป็นคนตามจีบหวังลี่ลี่เป้าหมายที่เขามุ่งหน้ามาแบบนี้ ไม่ได้จะมาซื้อรถ แต่แค่อยากจะมาช่วยหวังลี่ลี่ไปจากมือของคุณชายตู้สำหรับเรื่องซื้อรถ?รถมายบัคอะไรกัน เขาคู่ควรด้วยเหรอ?ไม่เพียงผู้จัดการเสิ่น แม้แต่หลิวหย่าที่อยู่ข้างๆ ก็ตั้งสติกลับมาได้ สีหน้าเปลี่ยนไปอับอายอย่างมากพวกเขาคิดว่
สำหรับผู้จัดการผู้ประจบสอพลอคนนี้ หลินเฟิงไม่ได้ไว้หน้าเขาแม้แต่นิด เขาส่งเสียงไม่พอใจในลำคอ ชี้ไปทางหวังลี่ลี่และพูดว่า:“ผมต้องการให้คุณผู้หญิงคนนี้แนะนำให้ผม คนที่ไม่เกี่ยวข้องไสหัวไป”“เอ่อ…”คิดไม่ถึงว่าพูดจาดีๆ เป็นกอง กลับเสียเปล่าทั้งหมดผู้จัดการเสิ่นนิ่งอึ้งครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่ได้โมโหอะไรในเมื่อทำงานสายนี้ บุคคลใหญ่โตที่ต้องปรนนิบัตินั้นมีถมเถไป คนเหล่านี้ในเวลาปกติมักจะมีความชอบและนิสัยที่แปลกประหลาดเพื่อที่จะขายรถ ยังไงพวกเขาก็ไม่สามารถบาดหมางกับคนเหล่านี้ได้ดังนั้นถึงแม้จะถูกหลินเฟิงขับไล่ แต่เขาก็ยิ้มแย้มพูดว่า:“ครับครับครับ ในเมื่อลี่ลี่เป็นเพื่อนเก่ากับคุณผู้ชาย เช่นนั้นให้เธอพาคุณไปดูรถก็จะดีอย่างมาก”ขณะพูด ผู้จัดการเสิ่นรีบส่งสายตาไปให้หวังลี่ลี่ที่อยู่ด้านข้างหวังลี่ลี่ก็เข้าใจ ในเมื่อหลินเฟิงเป็นลูกค้าที่เธอเคยรับรอง เขาน่าเชื่อถือกว่าคุณชายตู้ไม่รู้กี่เท่าตอนที่เธอกำลังจะเดินเข้าไปแนะนำให้หลินเฟิง คุณชายตู้ที่ยืนอยู่ที่เดิมตลอด และเพิ่งมองหลินเฟิง กลับเดินออกมาเขาขวางอยู่ระหว่างหวังลี่ลี่กับหลินเฟิง“ฉันถามหน่อย ไอ้หนุ่ม นายคงไม่ได้เป็นอะไรกับหวั
“หือ?”หลินเฟิงก็จำหวังลี่ลี่ได้“คุณคือ…”ใบหน้าของหวังลี่ลี่เผยความีใจออกมาทันที“คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? ไม่ได้อยู่ที่เมืองเจียงโจวเหรอ?”หลินเฟิงก็จำได้ว่า หวังลี่ลี่คนนี้ก็คือพนักงานขายที่ทำเอกสารให้เขา ตนที่เขาซื้อรถมายบัค”คิดไม่ถึงว่าจะเจอกันที่นี่ บังเอิญจริงๆ“หึหึ คุณหลิน ก่อนหน้านี้ฉันอยู่ที่เมืองเจียงโจว แต่เป็นเพราะรถคันนั้นที่ขายให้คุณก่อนหน้านี้ ก็เลยถูกบริษัทโยกย้ายมาที่เมืองเจิ้งเต๋อ”หวังลี่ลี่เช็ดน้ำตาที่อยู่บนใบหน้า และฝืนยิ้มออกมา“อาจารย์หลิน ฉันกินขนมพวกนั้นได้ไหม?”ฟ่านหลิงเยว่กุมท้อง และถามด้วยหน้านิ่วคิ้วขมวด“อ๊ะ? ค่ะ! ได้อยู่แล้ว”หวังลี่ลี่รีบเดินเข้าไป แกะขนมห่อใหญ่สองห่อ ยื่นไปในอ้อมแขนของฟ่านหลิงเยว่ฟ่านหลิงเยว่ก็ยื่นมืออกมาทันที และจับยัดเข้าในปากกำใหญ่กินอย่างมูมมาม โดยไม่เคี้ยวเลยด้วยซ้ำ และไม่ทันได้พูดขอบคุณ“มามามา อย่าให้ติดคอ ตรงนี้มีน้ำค่ะ”เห็นฟ่านหลิงเยว่ทานได้อย่างน่ากลัว หวังลี่ลี่จึงรีบยกน้ำมาแก้วหนึ่งและยื่นให้“ขอบ…ขอบคุณค่ะ!”ฟ่านหลิงเยว่หาจังหวะพูดขอบคุณ และดื่มน้ำทั้งแก้วเข้าไปจนหมดเห็นท่าทางของหวังลี่ลี่ สีหน้าข