“โอ๊ย ลูกสาวของฉันทำงานที่คาราโอเกะไม่ใช่เหรอ เมื่อครู่เธอโทรศัพท์มา บอกว่าจื่อเสวียนเกิดเรื่องขัดแย้งกับคนอื่นที่ร้านคาราโอเกะ ทั้งสองฝ่ายลงไม้ลงมือกันแล้ว!”“คุณรีบไปดูเธอเถอะ!”เพื่อนบ้านพูดเร่งอาอวี๋ตกใจอย่างมาก ลูกสาวคนนี้ของเธอทำไมถึงได้ทำให้คนอื่นเป็นกังวลใจแบบนี้เขาโยนถ้วยกับตะเกียบลงแล้ววิ่งออกไปข้างนอก เพียงแต่วิ่งออกไปได้ครึ่งทางก็รีบย้อนกลับมา และพูดขอโทษต่อหลินเฟิง:“คุณหลินเฟิง ขอโทษด้วยจริง ๆ นะครับ! คุณทานไปก่อน ทางด้านลูกสาวของผมเกิดเรื่องขึ้นเล็กน้อย ผมต้องไปดูหน่อย!”“ผมไปด้วยกันกับคุณเถอะครับ”หลินเฟิงวางตะเกียบลงแล้วเช็ดปากอยู่ที่บ้านคนอื่นกินฟรีอยู่ฟรีแบบนี้ไม่เหมาะสมเท่าไหร่ ถ้าหากเขาสามารถช่วยได้ ก็ต้องไม่นิ่งเฉยอยู่แล้ว“นี่…”อาอวี๋ลำบากใจเล็กน้อย ให้แขกของตระกูลถังไปช่วยเขา แบบนี้มันไม่เหมาะสมจริงๆ“วางใจเถอะครับอาอวี๋ ผมไม่สร้างความวุ่นวายหรอก”หลินเฟิงเห็นถึงความกังวลของเขา จึงยิ้มพูด: “มีคนเพิ่มก็มีกำลังเพิ่มไม่ใช่เหรอครับ”“เหล่าอวี๋อย่ามัวแต่ชักช้าเลย เร็วหน่อย!” เพื่อนบ้านพูดเร่ง“ก็ได้”อาอวี๋พยักหน้า และไม่พูดอะไรอีก จากนั้นก็รีบออกไ
ในตอนนี้ เด็กสาวผมสั้นคนหนึ่งปลุกความกล้าพูดขึ้นมา“ฉันจับเธอเพราะให้เกียรติเธอ แต่เธอแม่งไม่รับเกียรติเอาไว้ มาโทษฉันงั้นเหรอ?”ชายชุดสูทถลึงตาโต ทำให้เด็กสาวผมสั้นคนนั้นไม่กล้าพูดอะไรอีกส่วนอาอวี๋เมื่อได้ยินแบบนี้ก็ฝืนยิ้มพูดขึ้นมา: “สหายน้อย ผมดูแล้วเรื่องในวันนี้เป็นความเข้าใจผิดกัน พวกเราไม่จำเป็นต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่ ต่างฝ่ายต่างถอยกันคนละก้าวดีไหม?“ถอยกันคนละก้าวงั้นเหรอ?”ชายชุดสูทยิ้มออกมา ยิ้มด้วยความเหยียดหยามอย่างถึงที่สุด“เชี่ย แกนับประสาอะไรกัน คู่ควรที่จะมาชี้โบ๊ชี้เบ๊อยู่ตรงนี้ด้วยงั้นเหรอ?!”ชายชุดสูทเดินเข้ามาตบหน้าอาอวี๋อย่างแรง และพูดด่าทอ: “แกพูดว่าจบก็จบงั้นเหรอ? ถอยกันคนละก้าว? แกคู่ควรที่จะเสนอเงื่อนไขกับฉันด้วยงั้นเหรอ?”อาอวี๋ถูกตบแบบนี้ ก็โซเซไปมา เกือบจะล้มลง“แกกล้าตบพ่อฉันงั้นเหรอ?”อวี๋จื่อเสวียนโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ จากนั้นก็หยิบขวดเบียร์ที่อยู่ข้าง ๆ ขึ้นมาจะลงมือ แต่กลับถูกอาอวี๋ห้ามเอาไว้“จื่อเสวียน ลูกเป็นผู้หญิง อย่าทำอะไรซี้ซั้ว!”“ทำไม? เธอยังอยากจะลงมือกับฉันงั้นเหรอ?! มามามา เธอลองตบฉันอีกสักครั้งดูสิ?”ชายชุดสูทยิ้มเยาะ: “วันนี้พ
หลังจากเหม่อลอยในเวลาสั้น ๆ ชายชุดสูทดวงตาเกรี้ยวกราด และด่าอย่างสาดเสียเทเสีย: “วันนี้ฉันจะฆ่าแกให้ตาย!”“อย่าขยับ!”ในตอนที่ชายชุดสูทกำลังโมโหเดือดดาล นักเรียนกลุ่มหนึ่งที่ในมือถือกระบองโลหะพุ่งเข้ามา นักเรียนเหล่านี้ต่างเป็นผู้ชายคนที่นำหน้ามาสูงหนึ่งร้อยเก้าสิบเซนติเมตร นักเรียนชายที่ร่างกายสูงใหญ่คนจำนวนสิบกว่าคนปรากฏตัวออกมาแบบนี้ ก็มีความกดดันอยู่บ้างเล็กน้อย“ดีมากเลย หลงเสี่ยวจวิ้นมาแล้ว!”เมื่อเห็นผู้ชายสูงหนึ่งร้อยเก้าสิบเซนติเมตร นักเรียนหญิงรวมทั้งอวี๋จื่อเสวียนที่อยู่ในนั้น พากันเผยสีหน้าประหลาดใจออกมาพวกเธอแต่ละคนเหมือนกับเห็นตัวช่วย ในดวงตาเผยความเลื่อมใสออกมาเล็กน้อยหลงเสี่ยวจวิ้นเป็นถึงคนดังในโรงเรียน ไม่เพียงครอบครัวอบอุ่น หน้าตาหล่อเหลา อีกทั้งยังเป็นหัวหน้าทีมเบสบอลของโรงเรียนของพวกเขา“จื่อเสวียน เธอไม่เป็นไรใช่ไหม?”หลงเสี่ยวจวิ้นปรากฏตัวขึ้นมา ในดวงตามีเพียงอวี๋จื่อเสวียน และสอบถามสารทุกข์สุขดิบด้วยความเป็นห่วง“ไม่เป็นไร ฉันไม่เป็นไร”อวี๋จื่อเสวียนส่ายหน้า ในดวงตาเต็มไปด้วยความดีใจอย่างถึงที่สุดคิดไม่ถึงว่าหลงเสี่ยวจวิ้นจะปรากฏตัวออกมาช่วยพวก
ถึงแม้จะดูถูก แต่ในเมื่อเป็นพ่อของอวี๋จื่อเสวียน เรื่องแค่นี้เขายังต้องไว้หน้ากันหน่อย“ขอบคุณมาก”อาอวี๋รู้สึกโล่งใจ จากนั้นรีบโค้งตัวให้หลงเสี่ยวจวิ้น“พวกแกยังนิ่งกันอยู่ทำไม? ไสหัวไปให้หมด! อย่าให้ฉันเห็นพวกอีกนะ เข้าใจไหม?!”หลงเสี่ยวจวิ้นหันหน้ามองไปรอบ ๆ และตะโกนขึ้นมา“หึ แน่จริง พวกแกเด็กเวรกลุ่มนี้อย่าหนีไปนะ!”ชายชุดสูดกัดฟัน และพูดอย่างรุนแรงประโยคสุดท้ายเอาไว้ จากนั้นก็พาพวกขี้เมาที่อยู่ด้านหลังเดินโซเซจากไป“พี่จวิ้น พี่จะปล่อยพวกเขาไปแบบนี้งั้นเหรอ?”เด็กสาวผมสั้นเผยสีหน้าเป็นกังวลออกมา: “ถ้าหากพวกมันเรียกคนมาแก้แค้นพวกเราจะทำอย่างไร?”“แก้แค้น? เขาไม่กล้าหรอก”หลงเสี่ยวจวิ้นเผยสีหน้าลำพองใจแล้วยิ้มพูด: “พวกเธอคงไม่รู้สินะว่าที่นี่ถิ่นของใคร?”“ไม่กลัวที่จะต้องบอกพวกเธอ ที่นี่คือถิ่นของคุณชายตู้แก๊งเลี่ยหยาง กล้ามากำเริบเสิบสานที่นี่? หึ นั่นก็เป็นการรนหาที่ตายก็เท่านั้นเอง”“คุณชายตู้แก๊งเลี่ยหยาง?”หลงเสี่ยวจวิ้นพูดออกมาแบบนี้ นอกจากหลินเฟิงแล้ว ทุกคนก็สีหน้าเปลี่ยนไปแก๊งเลี่ยหยางเป็นถึงใหญ่ในเขตใต้ของเมืองจิง ถิ่นฐานในบริเวณใกล้ ๆ นี้แทบจะไม่มีใครกล้ามา
หน้าต่อหล่อเหลาแล้วมีประโยชน์อะไร? พบกับความอันตรายจริง ๆ คนอื่นเขาเห็นคุณหน้าตาดีก็จะไว้ชีวิตคุณงั้นเหรอ? เกรงว่าถึงเวลาคงจะวิ่งหนีเร็วยิ่งกว่าใครผู้ชายแบบนี้ พึ่งพาไม่ได้เด็ดขาด“พรรคพวก เป็นผู้ชายต้องมีความตั้งมั่นหน่อย ในเมื่อหวาดกลัว ก็อย่าฝืนออกมาห้ามปรามการทะเลาะวิวาทเลย ถ้าหากบาดเจ็บตรงไหนเขาจะไม่ดี”“อีกอย่าง เสียงหัวเราะเมื่อครู่นี้นายเป็นคนหัวเราะออกมาสินะ?”“ฉันช่วยนายเอาไว้ เราไม่พูดขอบคุณสักประโยค อย่างน้อยในใจก็ต้องมีความรู้สึกซาบซึ้งบ้างไหม?”หลงเสี่ยวจวิ้นตบไหล่ของหลินเฟิงด้วยความยั่วยวนสำหรับเรื่องนี้ หลินเฟิงไม่มีอะไรจะพูด เขาเพียงแค่ยิ้มแล้วส่ายหน้าด้วยสถานะของเขา จะเห็นเด็กเหลือขอพวกนี้อยู่ในสายตาได้อย่างไร หากคิดเล็กคิดน้อยกับพวกเขา กลับจะเป็นการเสียศักดิ์ศรี“เอาล่ะเอาล่ะ! ในเมื่อเรื่องนี้จัดการเรียบร้อยแล้ว งั้นพวกเราก็กลับกันก่อนเถอะ”ในเมื่อเป็นแขกคนสำคัญของคุณฉันใหญ่ตระกูลถัง อาอวี๋จึงเข้ามาไกล่เกลี่ย จากนั้นก็มองไปทางอวี๋จื่อเสวียนที่อยู่ข้าง ๆ: “จื่อเสวียน พ่อบอกกับลูกตั้งนานแล้ว ดึก ๆ ดื่น ๆ อย่าออกมาเพล่นพล่านข้างนอก โดยเฉพาะสถานที่แบบนี้ เจอก
ถูกลูกสาวชี้หน้าแล้วด่า แต่ยังไม่โกรธ พ่อแบบนี้ก็นับว่าเป็นที่สุดแล้วหลงเสี่ยวจวิ้นถึงแม้จะยิ้ม แต่ในใจกลับดูถูกพ่อของจื่อเสวียนมาก“โอเค งั้นรบกวนคุณด้วย”อาอวี๋เผยรอยยิ้มฝืน ๆ และพยักหน้าให้หลินเฟิงขณะที่ทั้งสองกำลังจะออกจากที่นั่นทันใดนั้นในโถงทางเดินของคาราโอเกะ ก็มีเสียงเอะอะดังขึ้นปรากฏว่าเป็นชายที่ใส่ชุดสูทที่กลับมาอีกครั้งครั้งนี้เขามาพร้อมกับการ์ดยี่สิบถึงสามสิบคน ถือมีดมาด้วย ท่าทางฮึกเหิมกร่างเข้ามา“พวกมันไง ล้อมเด็กพวกนี้ให้หมด!” ชายที่ใส่ชุดสูทร้องตะโกนเสียงดังเห็นกลุ่มการ์ดฟังคำสั่ง ยกมีดส่องแสงสว่างและล้อมรอบคนทั้งห้องท่าทางที่ดุดันทำให้ผู้ชายและผู้หญิงในห้องนั้นสีหน้าตกใจและหวาดกลัวพวกเขาทั้งหมดเป็นนักเรียน จะไปสู้กับพวกมือสังหารได้อย่างไร?“เดี๋ยวก่อน!”หลงเสี่ยวจวิ้นก้าวไปข้างหน้าสองก้าว พูดด้วยอารมณ์ที่เข้มแข็งว่า“ผมเตือนคุณนะ ที่นี่คือเขตของคุณชายตู้ พ่อผมก็มีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับคุณชายตู้ ถ้าคุณกล้าฆ่าพวกเรา ละก็ระวังชีวิตของคุณเอาไว้!”“หม่อน! คุณกล้ามาขู่ฉันเหรอ?”ชายที่ใส่ชุดสูทตบหน้าหลงเสี่ยวจวิ้นอย่างแรง แล้วด่าว่า “รู้จักคุณชาย
หลินเฟิงยิ้มและยักไหล่พูดว่า “ฉันแค่คนดูเฉยๆ ไม่รู้จักเด็กพวกนี้เลยแม้แต่คนเดียว”คำพูดนี้ทำให้กลุ่มนักเรียนรู้สึกดูถูกทันทีแท้จริงแล้ว คนนี้กลัวจนตัวสั่น ไม่มีความกล้าหาญเลยชายที่ใส่ชุดสูทเห็นเช่นนั้น แต่เขาก็ไม่ได้สนใจหลินเฟิงพอหลินเฟิงไม่ได้ไปทำให้เขาลำบาก เขาจึงไม่อยากจัดการคนที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เขายังหวังว่าผู้ชมจะนำชื่อเสียงของเขาไปบอกต่ออีกด้วยชายที่ใส่ชุดสูทจึงหันความสนใจกลับไปที่หลงเสี่ยวจวิ้นอีกครั้ง เขาเดินไปข้างหน้าแล้วดึงผมหลงเสี่ยวจวิ้นขึ้นมา พร้อมกับยิ้มเยาะ “ไอ้หนู เมื่อกี้จะตีขาฉันหักไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้ มาลองดูสิ ฉันให้โอกาสแก!”กลุ่มลูกน้องได้โยนไม้เบสบอลโลหะบนพื้นแบบทันเวลา“พี่ นี่มันเข้าใจผิดกันทั้งนั้น...”หลงเสี่ยวจวิ้นรู้สึกอัดอั้นใจแต่ไม่กล้าพูดอะไร ได้แต่ยิ้มแหยะๆ ว่า “เมื่อกี้ผมมีตาแต่ไม่มีแวว มองไม่ออกว่าคุณเป็นใคร เอาอย่างนี้ พรุ่งนี้ฉันจะจัดอาหารไว้หลายโต๊ะที่โรงแรม ถือเป็นการขอโทษคุณ ดีไหม?”Comment by -: “ไปตายซะ!”ชายที่ใส่ชุดสูทตบหน้าหลงเสี่ยวจวิ้นอีกครั้ง พร้อมด่าทอว่า“คิดว่าฉันเป็นอะไร? โต๊ะอาหารไม่กี่โต๊ะ ก็อยากให้ฉั
“เชอะ ไอ้แก่นี่”ชายที่ใส่ชุดสูทไม่อยากเสียเวลากับคำพูดเหลวไหล เขาถ่มน้ำลายแล้วกล่าวว่า “ฉันไม่มีเวลารอนะ ตอนนี้ฉันโกรธมาก ต้องหาผู้หญิงมาบรรเทาอารมณ์”“ฉันสนใจลูกสาวของแก ต้องจัดการเธอที่นี่ในวันนี้ ใครก็ห้ามไม่ได้!”เขายกมือขึ้น สั่งการให้ลูกน้องสองคนเดินออกมาและจับอวี๋จื่อเสวียนไว้ อาอวี๋พยายามจะเข้าไปขัดขวาง แต่กลับถูกทำร้ายจนล้มลงกับพื้น “พวกคุณปล่อยฉัน!” เมื่อเห็นว่าเรื่องนี้ทำจริง อวี๋จื่อเสวียนเริ่มกลัว เธอพยายามดิ้นและร้องตะโกนอย่างยุ่งเหยิงสายตาของเธอที่ขอความช่วยเหลือ หันไปมองหลงเสี่ยวจวิ้นอีกครั้งเขาคือเจ้าชายในฝันของเธอ ถือเป็นคนเดียวในสายตาของเธอที่สามารถช่วยได้“แค๊กๆ...”หลงเสี่ยวจวิ้นไอออกมาเบาๆ และพยายามรวบรวมความกล้าเงยหน้าขึ้นพูดว่า "พี่ มีอะไรพูดกันดีๆ คนนี้เป็นเพื่อนของผม โปรดให้เกียรติ ขอร้องคุณปล่อยเธอไปเถอะนะ!"Comment by -: “ผมจะหาผู้หญิงที่ดีกว่านี้ให้คุณ”เมื่อชายที่ใส่ชุดสูทได้ยินเช่นนั้น เขากลับตบหน้าหลงเสี่ยวจวิ้นอย่างแรง พร้อมด่าทอว่า “ฉันยังไม่ได้จัดการกับแกเลย แกกล้านึกจะเข้ามาช่วยอีกเหรอ?”“ให้เกียรติ? แกมีสิทธิ
เมื่อเห็นที่อยู่ที่นี่ ใจของหลี่ฮุ่ยหรานก็จมดิ่งลงไปกว่าครึ่งการจราจรที่นี่ไม่ค่อยจะสะดวกสบายเท่าไหร่ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงอาคารสำนักงานหรือโรงงานเลย มันไม่มีทางที่จะเปิดได้เช่นกันยิ่งไม่ต้องพูดว่า....หลี่ฮุ่ยหรานยืนอยู่หน้าที่ดินที่อยู่ห่างออกไปจากตัวเมืองแห่งนี้ และภายในต่างก็เต็มไปด้วยอาคารที่พักอาศัยเก่า ๆที่ทรุดโทรมอาคารที่พักอาศัยจำนวนไม่น้อยที่มีอายุการใช้งานที่เกินกำหนดแล้วแม้แต่กำแพงก็ยังมีรอยแตกร้าวขนาดใหญ่ และมีบางรอยที่ยังเอียงไปด้านใดด้านหนึ่งอีกด้วย ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามันทรุดโทรมมาหลายปีโดยไร้การซ่อมแซม“หลินเฟิง ที่อยู่นี่ สองพันห้าร้อยล้านบาทนะ! และตอนนี้มันก็อยู่ในมือของพวกเราแล้ว”หลี่ฮุ่ยหรานถอนหายใจด้วยความหดหู่มองจากมุมของเธอ เดิมทีที่ดินนี่ก็ไม่ได้มีค่าอะไรเลยจนกระทั่งผู้อาศัยภายในอาคารพักอาศัยต่างก็อพยพออกไปมากกว่าครึ่งแล้ว ทำให้บ้านมากมายกลายเป็นบ้านผีสิงไป“หึหึ มันก็ไม่แน่นอนหรอก”หลินเฟิงยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะเดินเข้าไปเขตที่อยู่อาศัยแห่งนี้“รีบวางไพ่เร็วเข้าสิ นายแม่งมองอะไรอยู่ได้?”“เฮยจื่อ นายเห็นผีหรือไง?”ทั้งสองคนยังเดินไปไม่เท่าไหร่ ก็เห
เธอกลัวว่าหลินเฟิงจะกลับคำหากเป็นแบบนั้น การตีสนิทกับรอยยิ้มที่เธอทำมาเกือบครึ่งชั่วโมง ก็สูญเปล่าทั้งหมดแต่เห็นได้ชัดว่า จางกุ้ยหลานคิดมากไปเงินแค่สองพันห้าร้อยล้านบาทเอง หลินเฟิงไม่ได้เห็นอยู่ในสายตาด้วยซ้ำเขาโทรศัพท์หาจ้าวเทียนหัวทันที ให้เธอโอนเงินเข้าบัญชีของจางกุ้ยหลาน และเซ็นชื่อของเขาลงบนสัญญาหลี่ฮุ่ยหรานที่อยู่ด้านข้างเห็นหลินเฟิงเซ็นชื่อจริงๆ สีหน้าก็ไม่พอใจทันทีจางกุ้ยหลานกลับหน้าตายิ้มแย้ม“เอ๊ะเอ๊ะเอ๊ะ หลินเฟิง ไม่สู้วันนี้นายไม่ต้องกลับไปหรอก มา ฉันเป็นเจ้ามือเอง เลี้ยงข้าวนายกับฮุ่ยหราน”“ไม่ต้องครับ”หลินเฟิงส่ายหน้า พูดเสียงเข้มว่า:“ผมจะถือโอกาสนี้ไปดูที่ดินที่พวกคุณโอนมาให้ผม ผมคิดหาวิธี ดูว่าที่ดินผืนนั้นมีประโยชน์อะไรบ้าง อย่างน้อยก็อย่าขาดทุนเยอะเกินไป”หลินเฟิงตอบอย่างซื่อสัตย์จริงใจ ในตอนนี้จางกุ้ยหลานก็ได้รับข้อความเงินเข้าบัญชีจากทางธนาคารเมื่อเห็นเงินเข้าบัญชี จางกุ้ยหลานก็รู้สึกโล่งใจสักที ทันใดนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนไปเป็นมิตรต่างจากเมื่อคู่นี้“ได้ ในเมื่อนายอยากไปดู งั้นก็ไปเถอะ ฉันไม่รั้งพวกเธอเอาไว้”จางกุ้ยหลานนอนกลับลงไปบนเตียงของเธอ
“หลินเฟิงไม่สนใจ”หลี่ฮุ่ยหรานยืนออกมา ขวางอยู่ตรงหน้าหลินเฟิง จ้องมองไปที่แม่ของตัวเองแล้วพูดตวาด“แม่ หนูรู้ว่าแม่กำลังคิดอะไรอยู่ แต่ในเมื่อนี่เป็นเรื่องที่พวกแม่ทำ งั้นพวกแม่ก็ต้องรับผลที่ตามมาเอง อย่ามาดึงหลินเฟิงเข้าไปเกี่ยวข้อง!”“ฮุ่ยหราน ทำไมลูกถึงเข้าข้างคนนอกล่ะ?”จางฮุ่ยหรานโมโหลูกที่ไม่ได้ดั่งใจจึงพูดว่า:“ถ้าหากที่ดินผืนนี้ขายไม่ออก งั้นวันนี้แม่ก็ทำได้แค่ตายอยู่ตรงนี้ หรือว่าหลินเฟิงอยากแต่งงานกับลูกสาวของฉัน จะไม่แสดงท่าทีสักหน่อยเหรอ?!”“ก่อนหน้านี้หลินเฟิงเคยให้ทับทิมเม็ดหนึ่งกับพวกคุณ แต่กลับถูกพวกคุณทิ้งไปเอง!”หลี่ฮุ่ยหรานเริ่มพูดเรื่องเก่าๆตอนนี้เธอไม่อยากให้คนในครอบครัวของตัวเองสร้างเรื่องวุ่นวายให้หลินเฟิงอีกแล้ว“งั้น...เรื่องหนึ่งก็ส่วนเรื่องหนึ่ง!”จางกุ้ยหลานมีความไม่มั่นใจเล็กน้อย แต่ไม่นานนัก เธอก็หน้าด้านพูดขึ้นมาอีกว่า:“เรื่องอัญมณีทับทิมที่ทำหายเป็นปัญหาของพวกเรา แต่นั่นเป็นเรื่องก่อนหน้านี้!”“ตอนนี้ลูกสาวของฉันค่าตัวไม่เหมือนเดิมแล้ว”“ไม่เพียงมีหลี่ซื่อกรุ๊ปเมืองเจียงโจว ยังมีหลี่ซื่อกรุ๊ปเมืองเจิ้งเต๋อ และก็ยังมีโฮมสเตย์ที่หรูหราอย่าง
“ใช่แล้ว!”เมื่อได้ยินคำเตือนของจางซิน จางกุ้ยหลานก็ตบที่ศีรษะ และรู้ตัวขึ้นมาทันที ก่อนจะพูดว่า :ทำไมฉันถึงคิดเรื่องนี้ไม่ออกนะ? หรือว่าสมองของจางซินจะปรับตัวได้แล้ว!” “เหอะ นั่นมันแน่นอน เพียงแต่ว่า.....”จางซินทำเสียงเย็นชา พร้อมกับเหลือบไปมองหลี่ฮุ่ยหรานด้วยสายตาคลุมเครือ ก่อนจะเม้มปากและพูดว่า : “แค่มีคนไม่เจียมตัวก็เท่านั้น”หลี่ฮุ่ยหรานรู้ว่าสิ่งที่จางซินพูดอยู่ก็เพื่อให้ตัวเองได้ยินแต่เธอไม่ได้คิดเล็กคิดน้อย แต่พูดขึ้นมาอย่างจริงจังว่า :“ฉันคิดว่าโอกาสที่เรื่องนี้จะสำเร็จมีน้อยมาก เพราะว่าใครก็ตามที่ใช้เงินมากขนาดนั้น จะต้องมีมันสมองที่ไม่ดีแน่ ๆ” “ที่ดินแห่งนี้ แม้ว่าอยากจะหลอกลวงคน แต่ก็ยากที่จะให้หลุดมือไป”“อ่อ ความหมายของคุณก็คือสมองของคุณป้าไม่ดีอย่างนั้นเหรอ? พี่สาว คำพูดของพี่มีเลศนัยจริงๆ !”จางซินกลัวว่าจะไม่ใช่เรื่องใหญ่ ดังนั้นจึงพูดขึ้นอย่างเยาะเย้ยเมื่อได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าของจางกุ้ยหลานก็ดูไม่ดีอย่างมากถึงแม้ตัวเองที่เชื่อหลี่เหวินเชาครั้งนี้จะผิดจริง ๆ แต่ลูกสาวของตัวเองที่พูดตำหนิคนหนึ่งอยู่แล้วพูดประชดอีกคน จะทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก
ในที่สุดเสียงตะโกนร้องของหลี่ฮุ่ยหรานก็ทำให้กำแพงของจางกุ้ยหลานพังทลายก่อนที่เธอจะกระโดดลงจากเตียงแล้วพุ่งไปที่กำแพง“ฮุ่ยหราน แม่ขอโทษ แม่ก็ไม่มีทางแล้วเหมือนกัน ให้แม่ตายตอนนี้ เพื่อชดใช้หนี้ของลูก...”จางกุ้ยหลานร้องสะอื้น พร้อมทั้งกระแทกใส่กำแพงอย่างแรงกระแทกไปเพียงสองครั้ง ผ้าก๊อซบนหัวของเธอก็เริ่มมีเลือดไหลออกอีกครั้ง“หยุดนะ!”หลี่ฮุ่ยหรานคว้าแม่ของตัวเองไว้ ก่อนจะตะโกนว่า :“แม่เอาการฆ่าตัวตายมาข่มขู่อยู่ตรงนี้ แล้วจะเอาชีวิตมาชดใช้หนี้ของหนูได้ยังไง? แทนที่แม่จะคิดหาวิธีดี ๆว่าควรจะเอาเงินกลับมาได้ยังไง!”“ตอนนี้แม่หาหลี่เหวินเชา ให้เขารีบมาที่นี่!”หลี่ฮุ่ยหรานพูดขึ้นด้วยความโกรธ“ได้ได้ได้....”จางกุ้นหลานเอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมา ก่อนจะรีบต่อสายหาหลี่เหวินเชาทันทีแต่เสียงดังไม่กี่ครั้ง หลี่เหวินเชาก็ตัดสายไป“หืม? เกิดอะไรขึ้น?”หลี่ฮุ่ยหรานมองไปที่หลินเฟิงอย่างสงสัย หรือว่าหลี่เหวินเชาจะถูกน้องชายของโจวเซวียโหลวจับตัวไปแล้ว?“ผมโทรเอง”หลินเฟิงเดินเข้ามา แล้วเอาหมายเลขโทรศัพท์มือถือของหลี่เหวินเชาจากจางกุ้ยหลานและกดโทรออกเสียงดังขึ้นสองครั้ง หลี่เหวินเชา
หลังจากที่ทุกคนพูดถึงหลี่เหวินเชากันสักพัก หลี่ฮุ่ยหรานก็กลับมาเข้าเรื่องอีกครั้ง“แล้วบาดแผลของแม่เป็นยังไงบ้าง?”“เมื่อหาหลี่เหวินเชาไม่เจอ และก็ไม่เห็นโจวเซวียโหลว คุณป้าก็เลยทำได้เพียงไปเอาเงินที่เจี้ยนหงกรุ๊ป”“แต่เจี้ยนหงกรุ๊ปกลับให้เหตุผลว่าคุณป้าเซ็นสัญญาที่ไม่สามารถคืนเงินได้ ดังนั้นคุณป้าก็เลยเอะอะโวยวายกับพวกเขา ผลสุดท้ายก็เกิดเรื่องกระทบกระทั่งกับพวกเขา และไม่ระวังจนหัวไปกระแทกกับกำแพงเข้า”จางซินแบมือออก พร้อมกับอธิบายด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา“แม่ แม่นี่นะ......เฮ้อ แม่นี่เลอะเลือนแล้วจริง ๆ!”หลี่ฮุ่ยหรานรู้ว่า จริง ๆแล้วเรื่องในครั้งนี้ไม่ควรตำหนิจางกุ้ยหลาน ถ้าจะตำหนิ ก็ทำได้เพียงตำหนิลูกชายที่เธอให้กำเนิดมานั้นช่างชั่วช้าเกินไปหลังจากที่หลอกแม่ของตัวเองแล้ว ก็หันหลังกลับไปหลอกพี่สาวของตัวเอง และถึงขนาดขายพี่สาวของตัวเองเพื่อเงินอีกด้วยพูดได้แค่ว่า ไอ้สารเลวที่ชั่วร้ายไร้ยางอาย“แม่ ไม่ต้องกังวล คราวนี้พวกคุณเสียเงินไปเท่าไหร? ให้หนูดูหน่อยว่าจะสามารถช่วยพวกคุณโปะช่วงโหว่ได้ชั่วคราวหรือไม่”หลี่ฮุ่ยหรานขมวดคิ้วก่อนจะถามขึ้นว่า :จางกุ้ยหลานอ้าปาก แต่กลับพูดไม่อ
ในตอนนี้จางซินเดินเข้ามาจากด้านนอกห้องพักผู้ป่วย เธอเห็นหลี่ฮุ่ยหรานก็ถอนหายใจออกมา“พี่ พี่รีบช่วยคุณป้าเถอะ”“ทำไมเหรอ?”ถึงแม้จะรู้สึกหงุดหงิด แต่หลี่ฮุ่ยหรานก็ยังฝืนเอ่ยปากออกมา“ฉันพูดเองแล้วกัน”จางกุ้ยหลานสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างไว เมื่อครู่ยังมีสีหน้าไม่ยินยอม ตอนนี้กลับหน้าบิดเบี้ยวเธออยากร้องไห้ก็ร้องไม่ออก ทำได้เพียงทอดถอนใจพูดว่า:“ฮุ่ยหราน แม่...แม่ทำผิดต่อลูก!”พูดจบ เธอก็จะชนเข้ากับกำแพงถึงแม้เห็นได้ชัดว่าเสแสร้งแกล้งทำ แต่หลี่ฮุ่ยหรานก็ยังรีบขวางจางกุ้ยหลานที่อารมณ์วู่วามเอาไว้“แม่ แม่เป็นอะไรกันแน่?”หลี่ฮุ่ยหรานฟังอย่างงุนงง จางกุ้ยหลานสร้างเรื่องอะไรให้เธออีก?“พี่ พี่รู้จักโจวโจวเสวียโหลวหนึ่งในสามผู้ยิ่งใหญ่ของเมืองเจิ้งเต๋อไหม?”จางซินที่อยู่ด้านข้างถามขึ้นมา“โจวเสวียโหลว?”หลี่ฮุ่ยหรานได้ยินชื่อนี้ หัวใจก็ใจกระตุก“ฉันรู้จัก ทำไมเหรอ?”“ไม่กี่วันก่อน เหวินเชากลับมา พอเขามาถึงเจียงโจว ก็มาหาฉันด้วยความรีบร้อน บอกว่ามีธุรกิจใหญ่...”จางกุ้ยหลานพูดทั้งสะอึกสะอื้น“ธุรกิจใหญ่ที่หลี่เหวินเชาพูดถึง ก็คือที่ดินผืนหนึ่งที่อยู่ในมือของโจวเสวียโหลว”จาง
แถมน้องชายคนนี้ก็ยังมีส่วนร่วมในขั้นตอนทั้งหมดอีกด้วยหลี่ฮุ่ยหรานถอนหายใจ และพูดว่า :“โจวเสวียโหลวไม่นับประสาอะไร แต่น้องชายคนนี้ของเขาเป็นถึงเสาหลักของเจี้ยนหงกรุ๊ปทั้งหมด แถมเขาก็ยังอยู่ในที่ลับมาโดยตลอดอีกด้วย”“ครั้งนี้ตั้งใจใช้นายเป็นเครื่องมือ ก็เป็นความคิดของเขาด้วย”“เมื่อครู่เขาบอกฉันหมดแล้ว”“งั้น...งั้นจะทำยังไงดี? ผมควรจะทำยังไงดี? พี่ ไม่อยากตาย! พี่ ขอร้องล่ะ ช่วยผมด้วย ช่วยผมด้วยนะ!”หลี่เหวินเชาตกใจมากจนล้มลงไปคุกเข่าอยู่ที่พื้นหากให้น้องชายของโจวเซวียโหลวรู้ว่าเขาคือคนที่ฆ่าโจวเซวียโหลวละก็ งั้นตัวเขาที่ไม่มีอำนาจและไม่มีใครปกป้องจะต้องเจอจุดจบที่น่าสังเวชมากแน่ ๆ“เหอะ เดิมทีฉันจะปล่อยโจวเซวียโหลวไปแล้ว แต่นายกลับยืนกรานที่จะเอาชีวิตเขา ตอนนี้นายเลยต้องมารับผลที่ตัวเองก่อไว้”หลินเฟิงกอดอก เห็นได้ชัดว่าไม่ต้องการที่จะจัดการเรื่องวุ่นวายนี้“หลี่เหวินเชา หลินเฟิงพูดถูกแล้ว แกต้องรับผิดชอบด้วยตัวแกเอง”หลี่ฮุ่ยหรานพูดอย่างเย็นชาว่า“แกคงไม่คิดว่าหลังจากที่แกวางแผนทำร้ายฉันแล้ว และยังอยากได้บริษัทและความบริสุทธิ์ของฉัน ฉันจะยังช่วยแกโดยไม่คำนึงถึงความแค้นใ
เห็นได้ชัดว่าเธอรู้ดีว่าถูกใครทำร้ายในเหตุการณ์อันตรายก่อนหน้านี้เมื่อวานหลี่เหวินเชากลับมาพึ่งพาเธอ เดิมทีเธอคิดว่าหลี่เหวินเชาไม่เหมือนกับจางซิน ดังนั้นเธอจึงจัดการตำแหน่งที่ว่างให้หลี่เหวินเชาแต่คิดไม่ถึงเลยว่าต่อมาหลี่เหวินเชาจะหักหลังเธอ“หากแกไม่ใช่น้องชายของฉัน ฉันคงฆ่าแกไปนานแล้ว!”หลี่ฮุ่ยหรานดุด่าเสียงดังลั่นและในตอนที่โดนด่า หลี่เหวินเชาก็ทำได้เพียงหดคอและก้มหน้าลงหลินเฟิงที่ไม่เคยเห็นหลี่ฮุ่ยหรานโกรธมากขนาดนี้มาก่อน รีบเอื้อมมือไปปลอบใจ แต่ก็คิดไม่ถึงว่าหลี่ฮุ่ยหรานจะโถมตัวเข้าหาหลินเฟิงโดยตรงพร้อมกับร้องไห้ในวินาทีถัดมา“หลินเฟิง มันเป็นเพราะอะไร เพราะอะไรกัน....”“คนในครอบครัวของฉันต่างก็เป็นแบบนี้กันหมดได้ยังไง?”“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรนะ ผมอยู่ที่แล้ว”หลินเฟิงตบหลังของหลี่ฮุ่ยหรานเบา ๆ พร้อมกับปลอบโยนเธออย่างระมัดระวัง“พี่ ขอโทษ....ผม....ผมก็ ถูกบังคับไม่มีทางเลือกเหมือนกัน....”หลี่เหวินเชาอธิบายอย่างอึกอักไม่กล้าพูด“ช่างเถอะ ฉันไม่อยากฟังแกอธิบาย”หลี่ฮุ่ยหรานเป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่งจริง ๆเธอใช้เวลาไม่นานก็จัดการกับความรู้สึกของตัวเองได้แล้ว พร้อมกับ