ในปากของเด็กผู้หญิงคนนี้เคี้ยวหมากฝรั่งอยู่ เส้นผมกลับเป็นสีขาว แค่ดูก็รู้แล้วว่าเป็นเด็กสาวใจแตก“ทำไม ฉันถามนายอยู่นะ? นายเป็นใบ้เหรอ?”เด็กสาวผมขาวถามขึ้น“จื่อเสวียน ห้ามเสียมารยาท!”อาอวี๋ที่เดินออกมาจากห้องครัง ขมวดคิ้วมองไปทางเด็กสาวใจแตก“ไม่เป็นไรครับ ในบ้านมีคนแปลกหน้า ก็ต้องถามเป็นธรรมดาอยู่แล้วครับ”หลินเฟิงยิ้มบางแล้วพูดว่า: “ฉันชื่อหลินเฟิง สวัสดี”“ฮ้าววว”เด็กสาวหาวออกมา และมองไปทางอาอวี๋ที่สวมผ้ากันเปื้อนด้วยท่าทางหมดอาลัยตายอยาก”“เด็กบ้า ลูกพูดจาเลอะเทอะอะไร? ท่านนี้คือคุณหลินเฟิง เป็นแขกผู้มีเกียรติของตระกูลถัง!!”อาอวี๋ถลึงตาใส่เด็กสาวใจแตก“ในเมื่อเป็นแขกผู้มีเกียรติของตระกูลถัง ไม่ไปพักที่ตระกูลถัง มาพักอยู่ที่บ้านของพวกเราทำไมกัน?”เด็กสาวที่ถูกเรียกว่าจื่อเสวียนหัวเราะด้วยความเหยียดหยาม: “ช่างเถอะ ๆ หนูขี้เกียจจะสนใจเรื่องบ้าบอของพวกคุณแล้ว อีกเดี๋ยวหนูจะออกไปเที่ยวกับเพื่อน เอาเงินมาให้หนู”“ดึกขนาดนี้แล้ว จะออกไปอีกแล้วเหรอ?”อาอวี๋ขมวดคิ้วพูด: “จื่อเสวียน ช่วงนี้ใกล้จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว ลูกในฐานะเด็กผู้หญิงไม่กลับบ้านกลับช่องทุกคืน เหมาะสม
“โอ๊ย ลูกสาวของฉันทำงานที่คาราโอเกะไม่ใช่เหรอ เมื่อครู่เธอโทรศัพท์มา บอกว่าจื่อเสวียนเกิดเรื่องขัดแย้งกับคนอื่นที่ร้านคาราโอเกะ ทั้งสองฝ่ายลงไม้ลงมือกันแล้ว!”“คุณรีบไปดูเธอเถอะ!”เพื่อนบ้านพูดเร่งอาอวี๋ตกใจอย่างมาก ลูกสาวคนนี้ของเธอทำไมถึงได้ทำให้คนอื่นเป็นกังวลใจแบบนี้เขาโยนถ้วยกับตะเกียบลงแล้ววิ่งออกไปข้างนอก เพียงแต่วิ่งออกไปได้ครึ่งทางก็รีบย้อนกลับมา และพูดขอโทษต่อหลินเฟิง:“คุณหลินเฟิง ขอโทษด้วยจริง ๆ นะครับ! คุณทานไปก่อน ทางด้านลูกสาวของผมเกิดเรื่องขึ้นเล็กน้อย ผมต้องไปดูหน่อย!”“ผมไปด้วยกันกับคุณเถอะครับ”หลินเฟิงวางตะเกียบลงแล้วเช็ดปากอยู่ที่บ้านคนอื่นกินฟรีอยู่ฟรีแบบนี้ไม่เหมาะสมเท่าไหร่ ถ้าหากเขาสามารถช่วยได้ ก็ต้องไม่นิ่งเฉยอยู่แล้ว“นี่…”อาอวี๋ลำบากใจเล็กน้อย ให้แขกของตระกูลถังไปช่วยเขา แบบนี้มันไม่เหมาะสมจริงๆ“วางใจเถอะครับอาอวี๋ ผมไม่สร้างความวุ่นวายหรอก”หลินเฟิงเห็นถึงความกังวลของเขา จึงยิ้มพูด: “มีคนเพิ่มก็มีกำลังเพิ่มไม่ใช่เหรอครับ”“เหล่าอวี๋อย่ามัวแต่ชักช้าเลย เร็วหน่อย!” เพื่อนบ้านพูดเร่ง“ก็ได้”อาอวี๋พยักหน้า และไม่พูดอะไรอีก จากนั้นก็รีบออกไ
ในตอนนี้ เด็กสาวผมสั้นคนหนึ่งปลุกความกล้าพูดขึ้นมา“ฉันจับเธอเพราะให้เกียรติเธอ แต่เธอแม่งไม่รับเกียรติเอาไว้ มาโทษฉันงั้นเหรอ?”ชายชุดสูทถลึงตาโต ทำให้เด็กสาวผมสั้นคนนั้นไม่กล้าพูดอะไรอีกส่วนอาอวี๋เมื่อได้ยินแบบนี้ก็ฝืนยิ้มพูดขึ้นมา: “สหายน้อย ผมดูแล้วเรื่องในวันนี้เป็นความเข้าใจผิดกัน พวกเราไม่จำเป็นต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่ ต่างฝ่ายต่างถอยกันคนละก้าวดีไหม?“ถอยกันคนละก้าวงั้นเหรอ?”ชายชุดสูทยิ้มออกมา ยิ้มด้วยความเหยียดหยามอย่างถึงที่สุด“เชี่ย แกนับประสาอะไรกัน คู่ควรที่จะมาชี้โบ๊ชี้เบ๊อยู่ตรงนี้ด้วยงั้นเหรอ?!”ชายชุดสูทเดินเข้ามาตบหน้าอาอวี๋อย่างแรง และพูดด่าทอ: “แกพูดว่าจบก็จบงั้นเหรอ? ถอยกันคนละก้าว? แกคู่ควรที่จะเสนอเงื่อนไขกับฉันด้วยงั้นเหรอ?”อาอวี๋ถูกตบแบบนี้ ก็โซเซไปมา เกือบจะล้มลง“แกกล้าตบพ่อฉันงั้นเหรอ?”อวี๋จื่อเสวียนโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ จากนั้นก็หยิบขวดเบียร์ที่อยู่ข้าง ๆ ขึ้นมาจะลงมือ แต่กลับถูกอาอวี๋ห้ามเอาไว้“จื่อเสวียน ลูกเป็นผู้หญิง อย่าทำอะไรซี้ซั้ว!”“ทำไม? เธอยังอยากจะลงมือกับฉันงั้นเหรอ?! มามามา เธอลองตบฉันอีกสักครั้งดูสิ?”ชายชุดสูทยิ้มเยาะ: “วันนี้พ
หลังจากเหม่อลอยในเวลาสั้น ๆ ชายชุดสูทดวงตาเกรี้ยวกราด และด่าอย่างสาดเสียเทเสีย: “วันนี้ฉันจะฆ่าแกให้ตาย!”“อย่าขยับ!”ในตอนที่ชายชุดสูทกำลังโมโหเดือดดาล นักเรียนกลุ่มหนึ่งที่ในมือถือกระบองโลหะพุ่งเข้ามา นักเรียนเหล่านี้ต่างเป็นผู้ชายคนที่นำหน้ามาสูงหนึ่งร้อยเก้าสิบเซนติเมตร นักเรียนชายที่ร่างกายสูงใหญ่คนจำนวนสิบกว่าคนปรากฏตัวออกมาแบบนี้ ก็มีความกดดันอยู่บ้างเล็กน้อย“ดีมากเลย หลงเสี่ยวจวิ้นมาแล้ว!”เมื่อเห็นผู้ชายสูงหนึ่งร้อยเก้าสิบเซนติเมตร นักเรียนหญิงรวมทั้งอวี๋จื่อเสวียนที่อยู่ในนั้น พากันเผยสีหน้าประหลาดใจออกมาพวกเธอแต่ละคนเหมือนกับเห็นตัวช่วย ในดวงตาเผยความเลื่อมใสออกมาเล็กน้อยหลงเสี่ยวจวิ้นเป็นถึงคนดังในโรงเรียน ไม่เพียงครอบครัวอบอุ่น หน้าตาหล่อเหลา อีกทั้งยังเป็นหัวหน้าทีมเบสบอลของโรงเรียนของพวกเขา“จื่อเสวียน เธอไม่เป็นไรใช่ไหม?”หลงเสี่ยวจวิ้นปรากฏตัวขึ้นมา ในดวงตามีเพียงอวี๋จื่อเสวียน และสอบถามสารทุกข์สุขดิบด้วยความเป็นห่วง“ไม่เป็นไร ฉันไม่เป็นไร”อวี๋จื่อเสวียนส่ายหน้า ในดวงตาเต็มไปด้วยความดีใจอย่างถึงที่สุดคิดไม่ถึงว่าหลงเสี่ยวจวิ้นจะปรากฏตัวออกมาช่วยพวก
ถึงแม้จะดูถูก แต่ในเมื่อเป็นพ่อของอวี๋จื่อเสวียน เรื่องแค่นี้เขายังต้องไว้หน้ากันหน่อย“ขอบคุณมาก”อาอวี๋รู้สึกโล่งใจ จากนั้นรีบโค้งตัวให้หลงเสี่ยวจวิ้น“พวกแกยังนิ่งกันอยู่ทำไม? ไสหัวไปให้หมด! อย่าให้ฉันเห็นพวกอีกนะ เข้าใจไหม?!”หลงเสี่ยวจวิ้นหันหน้ามองไปรอบ ๆ และตะโกนขึ้นมา“หึ แน่จริง พวกแกเด็กเวรกลุ่มนี้อย่าหนีไปนะ!”ชายชุดสูดกัดฟัน และพูดอย่างรุนแรงประโยคสุดท้ายเอาไว้ จากนั้นก็พาพวกขี้เมาที่อยู่ด้านหลังเดินโซเซจากไป“พี่จวิ้น พี่จะปล่อยพวกเขาไปแบบนี้งั้นเหรอ?”เด็กสาวผมสั้นเผยสีหน้าเป็นกังวลออกมา: “ถ้าหากพวกมันเรียกคนมาแก้แค้นพวกเราจะทำอย่างไร?”“แก้แค้น? เขาไม่กล้าหรอก”หลงเสี่ยวจวิ้นเผยสีหน้าลำพองใจแล้วยิ้มพูด: “พวกเธอคงไม่รู้สินะว่าที่นี่ถิ่นของใคร?”“ไม่กลัวที่จะต้องบอกพวกเธอ ที่นี่คือถิ่นของคุณชายตู้แก๊งเลี่ยหยาง กล้ามากำเริบเสิบสานที่นี่? หึ นั่นก็เป็นการรนหาที่ตายก็เท่านั้นเอง”“คุณชายตู้แก๊งเลี่ยหยาง?”หลงเสี่ยวจวิ้นพูดออกมาแบบนี้ นอกจากหลินเฟิงแล้ว ทุกคนก็สีหน้าเปลี่ยนไปแก๊งเลี่ยหยางเป็นถึงใหญ่ในเขตใต้ของเมืองจิง ถิ่นฐานในบริเวณใกล้ ๆ นี้แทบจะไม่มีใครกล้ามา
หน้าต่อหล่อเหลาแล้วมีประโยชน์อะไร? พบกับความอันตรายจริง ๆ คนอื่นเขาเห็นคุณหน้าตาดีก็จะไว้ชีวิตคุณงั้นเหรอ? เกรงว่าถึงเวลาคงจะวิ่งหนีเร็วยิ่งกว่าใครผู้ชายแบบนี้ พึ่งพาไม่ได้เด็ดขาด“พรรคพวก เป็นผู้ชายต้องมีความตั้งมั่นหน่อย ในเมื่อหวาดกลัว ก็อย่าฝืนออกมาห้ามปรามการทะเลาะวิวาทเลย ถ้าหากบาดเจ็บตรงไหนเขาจะไม่ดี”“อีกอย่าง เสียงหัวเราะเมื่อครู่นี้นายเป็นคนหัวเราะออกมาสินะ?”“ฉันช่วยนายเอาไว้ เราไม่พูดขอบคุณสักประโยค อย่างน้อยในใจก็ต้องมีความรู้สึกซาบซึ้งบ้างไหม?”หลงเสี่ยวจวิ้นตบไหล่ของหลินเฟิงด้วยความยั่วยวนสำหรับเรื่องนี้ หลินเฟิงไม่มีอะไรจะพูด เขาเพียงแค่ยิ้มแล้วส่ายหน้าด้วยสถานะของเขา จะเห็นเด็กเหลือขอพวกนี้อยู่ในสายตาได้อย่างไร หากคิดเล็กคิดน้อยกับพวกเขา กลับจะเป็นการเสียศักดิ์ศรี“เอาล่ะเอาล่ะ! ในเมื่อเรื่องนี้จัดการเรียบร้อยแล้ว งั้นพวกเราก็กลับกันก่อนเถอะ”ในเมื่อเป็นแขกคนสำคัญของคุณฉันใหญ่ตระกูลถัง อาอวี๋จึงเข้ามาไกล่เกลี่ย จากนั้นก็มองไปทางอวี๋จื่อเสวียนที่อยู่ข้าง ๆ: “จื่อเสวียน พ่อบอกกับลูกตั้งนานแล้ว ดึก ๆ ดื่น ๆ อย่าออกมาเพล่นพล่านข้างนอก โดยเฉพาะสถานที่แบบนี้ เจอก
ถูกลูกสาวชี้หน้าแล้วด่า แต่ยังไม่โกรธ พ่อแบบนี้ก็นับว่าเป็นที่สุดแล้วหลงเสี่ยวจวิ้นถึงแม้จะยิ้ม แต่ในใจกลับดูถูกพ่อของจื่อเสวียนมาก“โอเค งั้นรบกวนคุณด้วย”อาอวี๋เผยรอยยิ้มฝืน ๆ และพยักหน้าให้หลินเฟิงขณะที่ทั้งสองกำลังจะออกจากที่นั่นทันใดนั้นในโถงทางเดินของคาราโอเกะ ก็มีเสียงเอะอะดังขึ้นปรากฏว่าเป็นชายที่ใส่ชุดสูทที่กลับมาอีกครั้งครั้งนี้เขามาพร้อมกับการ์ดยี่สิบถึงสามสิบคน ถือมีดมาด้วย ท่าทางฮึกเหิมกร่างเข้ามา“พวกมันไง ล้อมเด็กพวกนี้ให้หมด!” ชายที่ใส่ชุดสูทร้องตะโกนเสียงดังเห็นกลุ่มการ์ดฟังคำสั่ง ยกมีดส่องแสงสว่างและล้อมรอบคนทั้งห้องท่าทางที่ดุดันทำให้ผู้ชายและผู้หญิงในห้องนั้นสีหน้าตกใจและหวาดกลัวพวกเขาทั้งหมดเป็นนักเรียน จะไปสู้กับพวกมือสังหารได้อย่างไร?“เดี๋ยวก่อน!”หลงเสี่ยวจวิ้นก้าวไปข้างหน้าสองก้าว พูดด้วยอารมณ์ที่เข้มแข็งว่า“ผมเตือนคุณนะ ที่นี่คือเขตของคุณชายตู้ พ่อผมก็มีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับคุณชายตู้ ถ้าคุณกล้าฆ่าพวกเรา ละก็ระวังชีวิตของคุณเอาไว้!”“หม่อน! คุณกล้ามาขู่ฉันเหรอ?”ชายที่ใส่ชุดสูทตบหน้าหลงเสี่ยวจวิ้นอย่างแรง แล้วด่าว่า “รู้จักคุณชาย
หลินเฟิงยิ้มและยักไหล่พูดว่า “ฉันแค่คนดูเฉยๆ ไม่รู้จักเด็กพวกนี้เลยแม้แต่คนเดียว”คำพูดนี้ทำให้กลุ่มนักเรียนรู้สึกดูถูกทันทีแท้จริงแล้ว คนนี้กลัวจนตัวสั่น ไม่มีความกล้าหาญเลยชายที่ใส่ชุดสูทเห็นเช่นนั้น แต่เขาก็ไม่ได้สนใจหลินเฟิงพอหลินเฟิงไม่ได้ไปทำให้เขาลำบาก เขาจึงไม่อยากจัดการคนที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เขายังหวังว่าผู้ชมจะนำชื่อเสียงของเขาไปบอกต่ออีกด้วยชายที่ใส่ชุดสูทจึงหันความสนใจกลับไปที่หลงเสี่ยวจวิ้นอีกครั้ง เขาเดินไปข้างหน้าแล้วดึงผมหลงเสี่ยวจวิ้นขึ้นมา พร้อมกับยิ้มเยาะ “ไอ้หนู เมื่อกี้จะตีขาฉันหักไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้ มาลองดูสิ ฉันให้โอกาสแก!”กลุ่มลูกน้องได้โยนไม้เบสบอลโลหะบนพื้นแบบทันเวลา“พี่ นี่มันเข้าใจผิดกันทั้งนั้น...”หลงเสี่ยวจวิ้นรู้สึกอัดอั้นใจแต่ไม่กล้าพูดอะไร ได้แต่ยิ้มแหยะๆ ว่า “เมื่อกี้ผมมีตาแต่ไม่มีแวว มองไม่ออกว่าคุณเป็นใคร เอาอย่างนี้ พรุ่งนี้ฉันจะจัดอาหารไว้หลายโต๊ะที่โรงแรม ถือเป็นการขอโทษคุณ ดีไหม?”Comment by -: “ไปตายซะ!”ชายที่ใส่ชุดสูทตบหน้าหลงเสี่ยวจวิ้นอีกครั้ง พร้อมด่าทอว่า“คิดว่าฉันเป็นอะไร? โต๊ะอาหารไม่กี่โต๊ะ ก็อยากให้ฉั