“เกิดเรื่องอะไรขึ้น? ต้องการให้ผมช่วยเหลือไหม?”หลินเฟิงเห็นถังหว่านสีหน้าเคร่งขรึมขนาดนี้ ดูท่าเรื่องที่เธอพูดถึงไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ แน่นอน“ไม่จำเป็น”ถังหว่านฝืนยิ้มแล้วพูดว่า: “เรื่องส่วนตัวเล็ก ๆ น้อย ๆ ฉันคนเดียวก็สามารถจัดการได้”อันที่จริงในใจของถังหว่านมีความวู่วามมาโดยตลอดเธออยากจะบอกคนที่อยู่ตรงหน้าเกี่ยวกับเรื่องถอนหมั้นกับตระกูลหลง แต่เธอจะทำแบบนี้ไม่ได้หนึ่งคือถังหว่านนิสัยชอบเอาชนะ ตอนนี้หลินเฟิงงานยุ่งมากพอแล้ว เธอไม่อยากเพิ่งภาระให้หลินเฟิงอีกสองคือถึงแม้หลินเฟิงจะต่อสู้เก่งมาก แต่ก็ยังไม่สามารถตีเสมอทั้งตระกูลหลงได้ตระกูลหลงในฐานะหนึ่งในสี่ตระกูลร่ำรวยของเมืองจิง ไม่ใช่ตระกูลกระจอกๆ มีอำนาจด้านทหาร รัฐบาล และธุรกิจเทียบกับตระกูลถังที่ให้ความสำคัญแค่โลกธุรกิจ อำนาจของตระกูลหลงพูดได้ว่าเป็นตระกูลที่น่าหวาดกลัวที่สุดในประเทศมังกรในเขตหัวตงยิ่งครอบคลุมไปทั่วเธอไม่อยากให้หลินเฟิงเข้ามาเกี่ยวข้องกับวังวนที่น่ากลัวแบบนี้“ถังหว่าน มีเรื่องลำบากอะไรคุณต้องบอกกับผมนะ อย่าโอ้อวด” หลินเฟิงไม่ได้ฝืนคนที่อยู่ข้างกาย แต่แค่มีสีหน้าเป็นห่วง“วางใจได้ ฉันมีความมั่น
วันที่สามหลังจากถังหว่านจากไปในคืนนี้ ตอนที่หลินเฟิง หลี่ฮุ่ยหราน หลินเสวี่ยฮุ่ยกับอิ่นนั่วเจียและคนอื่น ๆ รวมตัวกันนั่งอยู่ตรงหน้าโต๊ะทานอาหาร จู่ ๆ ประตูก็ถูกคนถีบออก“หลี่ฮุ่ยหราน ออกมา!”หลิ่วเยว่ฟางพาผู้คุ้มกันของตระกูลหลี่มาด้วยท่าทางกระฟัดกระเฟียดสิ่งที่ดึงดูดสายตาคนมากที่สุด ก็คือชายร่างกำยำสองคนสูงสองเมตรเต็ม ๆ ที่อยู่ข้างกายเธอ ทั้งสองคนหน้าตาคล้ายคลึงกัน กล้ามเนื้อทั้งตัวเหมือนกับก้อนหิน แต่ละก้อนมีขอบและมุมที่ชัดเจนยืนอยู่ตรงนี้ก็เหมือนกับเขาลูกใหญ่ ทำให้คนมองดูแล้วเกิดความหวาดกลัว“หลี่ฮุ่ยหราน ยังไม่รีบไสหัวออกมาอีก?!”เมื่อเห็นว่าไม่มีคน หญิงชราก็ตะโกนขึ้นเสียงดังอย่างดุดัน“คุณย่ารอง?”หลี่ฮุ่ยหรานวางตะเกียบลงแล้วเดินเข้ามา เธอก็เห็นหลิ่วเยว่ฟางที่หน้าตาดุดัน และถามอย่างงุนงง: “คุณย่ารอง คุณมาหาฉันมีธุระอะไรไหมคะ?”และจ้าวเฉียวอวิ๋นก็เดินเข้ามาในตอนนี้ เมื่อเห็นท่าทางแบบนี้ ก็อดตกใจไม่ได้“หลินเฟิงล่ะ? หลินเฟิงไสหัวออกมานะ!”เห็นหลี่ฮุ่ยหรานออกมา หลิ่วเยว่ฟางก็เปลี่ยนเป้าหมายไปที่หลินเฟิงที่กำลังนั่งทานข้าวอยู่อย่างไม่รีบร้อนหลินเฟิงสัมผัสการมาถึงของหลิ
ถึงแม้จะเป็นความผิดของตัวเอง แต่ถ้าหากไม่มีเรื่องที่หลินเฟิงทำ ตระกูลซือหม่าก็ไม่มีทางมาหาถึงที่ ตัวเองก็ไม่ต้องถูกตบดังนั้นหลี่เยว่หรูจึงโยนความผิดทั้งหมดนี้ไปที่บนหัวของหลินเฟิงเธอไม่คิดด้วยซ้ำว่า เป็นเพราะช่วงนี้ตัวเองได้รับช่วงบริหารการลงทุนด้านการก่อสร้างมูลค่าร้อยล้านบาทของเมืองเจิ้งเต๋อ เธอถึงได้กำเริบเสิบสานขนาดนี้พูดจาไม่รู้จักหนักเบา ถึงได้ถูกตบ“มีเขาอยู่ที่ตระกูลหลี่ของพวกเรา ไม่ช้าก็เร็วพวกเราจะต้องถูกเขาทำให้เดือดร้อนจนตาย! หลี่ฮุ่ยหราน ถ้าเธอยังอยากได้ตำแหน่งตัวเลือกผู้นำตระกูลอยู่อีก งั้นก็รีบตัดความสัมพันธ์กับเขา และขีดเส้นแบ่งกั้นซะ!”หลี่เยว่หรูมองดูหลี่ฮุ่ยหราน จากนั้นเอะอะโวยวายเสียงดัง“หลินเฟิง ถ้าหากนายยังมีความเป็นคนอยู่ ก็คุกเข่ายอมจำนนอย่างว่าง่าย และไปที่ตระกูลซือหม่าเจียพร้อมกับพวกเราไปพูดให้ชัดเจน!”“ตระกูลหลี่ของพวกเราไม่มีความเกี่ยวข้องใด ๆ กับแก!”จางกุ้ยหลานด่าทอหลินเฟิง“อาตง จับไอ้สารเลวคนนี้เอาไว้ พาไปที่ตระกูลหม่าพร้อมกับพวกเราเพื่อไปพูดให้ชัดเจน!”หลิ่วเยว่ซูก็ขี้เกียจจะพูดมาก จึงออกคำสั่งโดยตรง ชายร่างกำยำที่อยู่ข้าง ๆ ก็จะลงมือต่อหล
ชายร่างกำยำสองคนคุกเข่าลงตรงหน้าหลินเฟิงในทันที“อะไรกัน?!”เมื่อเห็นภาพนี้ หลิ่วเยว่ฟางใบหน้าเหลือเชื่ออย่างมากต้องรู้ไว้ว่า อาตงกับอาซีเป็นนักบู๊กำลังภายในระดับสูงสุดของพวกเขาตระกูลหลี่ ถือว่าเป็นไพ่ไม้ตายที่ไม่เปิดเผยให้คนนอกเห็นแต่ไพ่ใบสุดท้ายที่แข็งแกร่งที่สุดที่อยู่ในมือเธอ เมื่ออยู่ต่อหน้าหลินเฟิงกลับแย่ถึงขนาดนี้?ในตอนนี้หลิ่วเยว่ฟางถึงได้นึกถึงเรื่องที่โจวอวี้เฟิ่งมอบหมายเธอก่อนหน้านี้ถ้าหากต้องการจัดการหลินเฟิง ก็จะต้องลงมือจากหลี่ฮุ่ยหราน ใช้อำนาจของตระกูลมาข่มเขาไม่ใช่ใช้กำลังโดยตรงเทียบการต่อสู้ พวกเขาไม่มีทางสู้หลินเฟิงได้หลิ่วเยว่ฟางเพิ่งนึกถึงคำเตือนของโจวอวี้เฟิ่งได้ ในใจก็เกิดอารมณ์เสียใจขึ้นมาในทันทีแต่เรื่องมาจนถึงตอนนี้แล้ว เธอก็ไม่มีทางที่จะปล่อยไปแบบนี้หลิ่วเยว่ฟางมองไปทางหลี่ฮุ่ยหราน แล้วตวาดใส่: “ดูอดีตสามีของเธอสิ เอาแต่ใจและป่าเถือนขนาดนี้ ไม่มีรู้จักกฎเกณฑ์สักนิด!”“หลี่ฮุ่ยหราน คุณปู่ไห่หงของเธอตอนนี้ถูกตระกูลซือหม่ากักบริเวณ ถ้าหากเธอยังไม่ให้หลินเฟิงหยุดลงมือ อย่าว่าแต่ผู้คัดเลือกผู้นำตระกูล ตระกูลหลี่ของฉันก็จะต้องถูกทำลายในมือของพวก
เมื่อพบว่ามีคนมาหาเรื่องถึงบ้าน เด็กผู้หญิงคนนี้ก็ยังสามารถกินข้าวได้โดยไม่สนใจใด ๆ ทั้งนั้น หลินเฟิงพูดไม่ออกจริง ๆรับสมัครคนงานที่ในสายตามีแต่เรื่องกินเท่านั้น หลินเฟิงก็ยิ่งทำอะไรไม่ถูกเขาขยิบตาให้กับฟ่านหลิงเยว่“ทางนี้ก็ขึ้นอยู่กับคุณแล้ว ถ้าหากคนของตระกูลซือหม่ากล้ามาที่นี่ รีบโทรหาผมเป็นอันดับแรก”“ถ้าใครกล้าอวดดี ก็ตีให้ตายไปเลย”“รับทราบแล้ว!”ฟ่านหลิงเยว่พยักหน้าอย่างหนักแน่นไม่ว่าจะพูดยังไงเธอก็เป็นยอดฝีมือระดับเซียนเทียน และเบื้องหลังก็ยังมีสำนักโม่ซวีที่ลึกลับอยู่ อีกทั้งยังได้รับการรับรองความแข็งแกร่งอีกด้วยหลังจากที่ทุกอย่างได้รับการจัดการอย่างเหมาะสมแล้ว หลินเฟิงกพาหลี่ฮุ่ยหรานออกจากอ่านเทียนสุ่ยตามด้วยคนทั้งหลายของตระกูลหลี่ในขณะที่หลิ่วเยว่ฟางขยิบตาให้กับอาซีและอาตงที่อยู่ข้างหลังของเธออย่างเงียบ ๆ ทั้งสองคนก็เข้าใจในทันที ก่อนจะเดินช้าลงเรื่อย ๆและเดินรั้งท้ายอยู่ท้ายกลุ่มเมื่อพวกเขาทั้งสองคนคิดว่าหลินเฟิงไม่ได้มองเห็น ก็เลยหันหลังกลับ และเดินกลับไปที่คฤหาสน์อ่าวเทียนสุ่ยตอนที่มาหลิ่วเยว่ฟางก็อธิบายแล้วคราวนี้ทุกคนที่อยู่ที่นี่จำเป็นต้องจับกุมหลิน
“ปึง!”อาซีส่งเสียงร้องดังลั่น พร้อมกับสียงกระดูกหักที่ชันเจน แขนทั้งสองข้างของเขาราวกับบะหมี่ที่ห้อยไปมา“ออกไปไกล ๆ ฉันหน่อย!”ฟ่านหลิงเยว่ถอยหลังไปสองสามก้าว ภายใต้สีหน้าที่ตกตะลึงของพวกผู้หญิงมากมายจากนั้นเธอก็พุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว แล้วเตะไปที่คางของอาซี ทำให้ชายร่างสูงสองเมตรถึงกับลอยออกไปทันทีอาซีที่ตามหลังอาตงไป ก็ส่งเสียงร้องออกมาอย่างน่าเวทนา ก่อนจะลอยออกจากประตูไปแล้วไปกระแทกกับพื้นโดยที่ไม่รู้ว่าตายหรือยังมีชีวิตอยู่“นี่.....”ฝีมือของฟ่านหลิงเยว่ทำให้พวกผู้หญิงมากมายถึงกับตกตะลึงหลินเสวี่ยฮุ่ยยังดี เพราะเธอเคยเห็นฟ่านหลิงเยว่ลงมือมาแล้ว แต่อิ่นนั่วเจียกับจ้าวเฉียวอวิ๋นนั้นยังไม่เคยเห็นมาก่อนสายตาที่พวกเขามองฟ่านหลิงเยว่ก็เปลี่ยนไปทันที...... ตระกูลหลี่เจียงหนานสุดท้ายหลินเฟิงและคนอื่น ๆก็ใช้เวลาไปมากกว่าหนึ่งชั่วโมงกว่าจนถึงที่หมายยังไม่ทันเข้าประตู หลินเฟิงก็มองเห็นชุดบอดี้การ์ดสีขาวที่คุ้นเคย และดูเหมือนจะเป็นชุดบอดี้การ์ดของตระกูลหม่าอีกด้วยเป็นอย่างที่คิดไว้ว่า ในคืนนั้นที่โอวหยางเหวินหนีออกจากคฤหาสน์ของอิ่นนั่วเจีย ในเวลานี้กำลังนั่งอยู่ในห
แน่นอนว่า ไม่ว่าจะมัดแน่นหนาแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์สำหรับหลินเฟิง ถ้าเขาอยากจะสลัดทิ้ง มันก็เป็นแค่เรื่องง่าย ๆเท่านั้นที่เขาประนีประนอม ก็เป็นเพราะไม่อยากให้หลี่ฟางตายด้วยน้ำมือของโจวก้งเฟิ่งไปแบบนั้น“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า....”เมื่อเห็นว่าหลินเฟิงโดนมัด ซือหม่าเหวินก็ไม่เกรงใจกลัวอะไรอีกต่อไปเขาเดินลงบันไดมา ก่อนจะชี้ไปที่หลินเฟิงอย่างเย่อหยิ่งแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เป็นอย่างไรบ้างล่ะไอ้หนุ่ม? ทุกเรื่องราวมีการเปลี่ยนแปลง ตอนนี้นายยังจะกล้าอวดดีอีกไหม?”“ฉันจะนับถึงห้า....ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า....”ซือหม่าเหวินเลียนแบบน้ำเสียงของหลินเฟิง ก่อนจะเหยียดนิ้วทั้งห้าออก เพื่อใช้วิธีนี้เหยียดหยามหลินเฟิงแต่ทว่าหลินเฟิงกลับยังคงนิ่งเฉย และพูดอย่างสงบว่า “ไม่ใช่ว่าพวกคุณอยากจะรู้ว่าซือหม่าหาวตายยังไงหรอกเหรอ?”“ผมจะบอกความจริงกับพวกคุณก็ได้”หลินเฟิงก้าวไปข้างหน้า และมองไปที่ซือหม่าเหวินที่ดูลังเลเล็กน้อย ก่อนจะพูดว่า “ซือหม่าหาวก็ตายด้วยน้ำมือของผมนี่ละ”“และก่อนที่เขาจะตาย เขาก็อวดดีเหมือนกับคุณในตอนนี้เลยด้วย”“สามหาว!”ทันทีที่หลินเฟิงพูดคำเหล่านี้ออกมา คนของตระกูลซือหม่าก็ไม่มีท่าทีโกรธ แต
แต่ทว่าหลิ่วเยว่ฟางก็ไม่มีท่าทางจะประนีประนอมแม้แต่น้อย และยังดูเย็นชาอย่างมาก เมื่อเผชิญหน้ากับการร้องขอความเมตตาจากจางกุ้ยหลาน เธอก็ยิ่งเย็นชามากขึ้น“หลินเฟิง ในนี้มีอะไรเข้าใจผิดหรือเปล่า...”หลี่ฮุ่ยหรานก็รู้สึกหวาดกลัวแล้วต่อให้หลินเฟิงแข็งแกร่งแค่ไหน ก็ไม่สามารถเผชิญหน้ากับยอดฝีมือมากมายในเวลาเดียวกันได้ขนาดนี้ และโจวก้งเฟิ่งที่อยู่บนขั้นบันได ก็ดูจะไม่ใช่คนหาเรื่องกันได้ง่าย ๆหรือว่าวันนี้พวกเขาจะต้องตายอยู่ที่นี่จริง ๆ งั้นเหรอ?คิดมาถึงตรงนี้ หลี่ฮุ่ยหรานก็อดไม่ได้ที่จะเริ่มรู้สึกเสียใจถ้าตัวเองรู้ตำแหน่งของตัวเองได้เร็วกว่านี้ และไม่ยอมรับคุณสมบัติของผู้ที่จะได้รับเลือกเป็นผู้นำตระกูลที่หลี่กงเฉิงมอบให้ตัวเองก็คงดีแบบนี้ก็คงไม่ทำให้แม่ของตัวเองและหลินเฟิงต้องเดือดร้อนไปด้วยมันชัดเจนแล้วหลิ่วเยว่ฟางพุ่งมายังตัวเธอหลิ่วเยว่ฟางไม่อยากเห็นเธอสืบทอดตำแหน่งผู้นำตระกูลหลี่“วางใจเถอะ มีผมอยู่ จะไม่มีใครทำอะไรพวกเราได้”ขณะที่หลี่ฮุ่ยหรานกำลังคิดฟุ้งซ่าน เสียงของหลินเฟิงที่ให้ความรู้สึกปลอดภัยก็ดังขึ้นในหูของเธอ“อืม”ไม่รู้ว่าเพราะอะไร คำพูดของหลินเฟิงเป็นเหมื