ชายร่างกำยำสองคนคุกเข่าลงตรงหน้าหลินเฟิงในทันที“อะไรกัน?!”เมื่อเห็นภาพนี้ หลิ่วเยว่ฟางใบหน้าเหลือเชื่ออย่างมากต้องรู้ไว้ว่า อาตงกับอาซีเป็นนักบู๊กำลังภายในระดับสูงสุดของพวกเขาตระกูลหลี่ ถือว่าเป็นไพ่ไม้ตายที่ไม่เปิดเผยให้คนนอกเห็นแต่ไพ่ใบสุดท้ายที่แข็งแกร่งที่สุดที่อยู่ในมือเธอ เมื่ออยู่ต่อหน้าหลินเฟิงกลับแย่ถึงขนาดนี้?ในตอนนี้หลิ่วเยว่ฟางถึงได้นึกถึงเรื่องที่โจวอวี้เฟิ่งมอบหมายเธอก่อนหน้านี้ถ้าหากต้องการจัดการหลินเฟิง ก็จะต้องลงมือจากหลี่ฮุ่ยหราน ใช้อำนาจของตระกูลมาข่มเขาไม่ใช่ใช้กำลังโดยตรงเทียบการต่อสู้ พวกเขาไม่มีทางสู้หลินเฟิงได้หลิ่วเยว่ฟางเพิ่งนึกถึงคำเตือนของโจวอวี้เฟิ่งได้ ในใจก็เกิดอารมณ์เสียใจขึ้นมาในทันทีแต่เรื่องมาจนถึงตอนนี้แล้ว เธอก็ไม่มีทางที่จะปล่อยไปแบบนี้หลิ่วเยว่ฟางมองไปทางหลี่ฮุ่ยหราน แล้วตวาดใส่: “ดูอดีตสามีของเธอสิ เอาแต่ใจและป่าเถือนขนาดนี้ ไม่มีรู้จักกฎเกณฑ์สักนิด!”“หลี่ฮุ่ยหราน คุณปู่ไห่หงของเธอตอนนี้ถูกตระกูลซือหม่ากักบริเวณ ถ้าหากเธอยังไม่ให้หลินเฟิงหยุดลงมือ อย่าว่าแต่ผู้คัดเลือกผู้นำตระกูล ตระกูลหลี่ของฉันก็จะต้องถูกทำลายในมือของพวก
เมื่อพบว่ามีคนมาหาเรื่องถึงบ้าน เด็กผู้หญิงคนนี้ก็ยังสามารถกินข้าวได้โดยไม่สนใจใด ๆ ทั้งนั้น หลินเฟิงพูดไม่ออกจริง ๆรับสมัครคนงานที่ในสายตามีแต่เรื่องกินเท่านั้น หลินเฟิงก็ยิ่งทำอะไรไม่ถูกเขาขยิบตาให้กับฟ่านหลิงเยว่“ทางนี้ก็ขึ้นอยู่กับคุณแล้ว ถ้าหากคนของตระกูลซือหม่ากล้ามาที่นี่ รีบโทรหาผมเป็นอันดับแรก”“ถ้าใครกล้าอวดดี ก็ตีให้ตายไปเลย”“รับทราบแล้ว!”ฟ่านหลิงเยว่พยักหน้าอย่างหนักแน่นไม่ว่าจะพูดยังไงเธอก็เป็นยอดฝีมือระดับเซียนเทียน และเบื้องหลังก็ยังมีสำนักโม่ซวีที่ลึกลับอยู่ อีกทั้งยังได้รับการรับรองความแข็งแกร่งอีกด้วยหลังจากที่ทุกอย่างได้รับการจัดการอย่างเหมาะสมแล้ว หลินเฟิงกพาหลี่ฮุ่ยหรานออกจากอ่านเทียนสุ่ยตามด้วยคนทั้งหลายของตระกูลหลี่ในขณะที่หลิ่วเยว่ฟางขยิบตาให้กับอาซีและอาตงที่อยู่ข้างหลังของเธออย่างเงียบ ๆ ทั้งสองคนก็เข้าใจในทันที ก่อนจะเดินช้าลงเรื่อย ๆและเดินรั้งท้ายอยู่ท้ายกลุ่มเมื่อพวกเขาทั้งสองคนคิดว่าหลินเฟิงไม่ได้มองเห็น ก็เลยหันหลังกลับ และเดินกลับไปที่คฤหาสน์อ่าวเทียนสุ่ยตอนที่มาหลิ่วเยว่ฟางก็อธิบายแล้วคราวนี้ทุกคนที่อยู่ที่นี่จำเป็นต้องจับกุมหลิน
“ปึง!”อาซีส่งเสียงร้องดังลั่น พร้อมกับสียงกระดูกหักที่ชันเจน แขนทั้งสองข้างของเขาราวกับบะหมี่ที่ห้อยไปมา“ออกไปไกล ๆ ฉันหน่อย!”ฟ่านหลิงเยว่ถอยหลังไปสองสามก้าว ภายใต้สีหน้าที่ตกตะลึงของพวกผู้หญิงมากมายจากนั้นเธอก็พุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว แล้วเตะไปที่คางของอาซี ทำให้ชายร่างสูงสองเมตรถึงกับลอยออกไปทันทีอาซีที่ตามหลังอาตงไป ก็ส่งเสียงร้องออกมาอย่างน่าเวทนา ก่อนจะลอยออกจากประตูไปแล้วไปกระแทกกับพื้นโดยที่ไม่รู้ว่าตายหรือยังมีชีวิตอยู่“นี่.....”ฝีมือของฟ่านหลิงเยว่ทำให้พวกผู้หญิงมากมายถึงกับตกตะลึงหลินเสวี่ยฮุ่ยยังดี เพราะเธอเคยเห็นฟ่านหลิงเยว่ลงมือมาแล้ว แต่อิ่นนั่วเจียกับจ้าวเฉียวอวิ๋นนั้นยังไม่เคยเห็นมาก่อนสายตาที่พวกเขามองฟ่านหลิงเยว่ก็เปลี่ยนไปทันที...... ตระกูลหลี่เจียงหนานสุดท้ายหลินเฟิงและคนอื่น ๆก็ใช้เวลาไปมากกว่าหนึ่งชั่วโมงกว่าจนถึงที่หมายยังไม่ทันเข้าประตู หลินเฟิงก็มองเห็นชุดบอดี้การ์ดสีขาวที่คุ้นเคย และดูเหมือนจะเป็นชุดบอดี้การ์ดของตระกูลหม่าอีกด้วยเป็นอย่างที่คิดไว้ว่า ในคืนนั้นที่โอวหยางเหวินหนีออกจากคฤหาสน์ของอิ่นนั่วเจีย ในเวลานี้กำลังนั่งอยู่ในห
แน่นอนว่า ไม่ว่าจะมัดแน่นหนาแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์สำหรับหลินเฟิง ถ้าเขาอยากจะสลัดทิ้ง มันก็เป็นแค่เรื่องง่าย ๆเท่านั้นที่เขาประนีประนอม ก็เป็นเพราะไม่อยากให้หลี่ฟางตายด้วยน้ำมือของโจวก้งเฟิ่งไปแบบนั้น“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า....”เมื่อเห็นว่าหลินเฟิงโดนมัด ซือหม่าเหวินก็ไม่เกรงใจกลัวอะไรอีกต่อไปเขาเดินลงบันไดมา ก่อนจะชี้ไปที่หลินเฟิงอย่างเย่อหยิ่งแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เป็นอย่างไรบ้างล่ะไอ้หนุ่ม? ทุกเรื่องราวมีการเปลี่ยนแปลง ตอนนี้นายยังจะกล้าอวดดีอีกไหม?”“ฉันจะนับถึงห้า....ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า....”ซือหม่าเหวินเลียนแบบน้ำเสียงของหลินเฟิง ก่อนจะเหยียดนิ้วทั้งห้าออก เพื่อใช้วิธีนี้เหยียดหยามหลินเฟิงแต่ทว่าหลินเฟิงกลับยังคงนิ่งเฉย และพูดอย่างสงบว่า “ไม่ใช่ว่าพวกคุณอยากจะรู้ว่าซือหม่าหาวตายยังไงหรอกเหรอ?”“ผมจะบอกความจริงกับพวกคุณก็ได้”หลินเฟิงก้าวไปข้างหน้า และมองไปที่ซือหม่าเหวินที่ดูลังเลเล็กน้อย ก่อนจะพูดว่า “ซือหม่าหาวก็ตายด้วยน้ำมือของผมนี่ละ”“และก่อนที่เขาจะตาย เขาก็อวดดีเหมือนกับคุณในตอนนี้เลยด้วย”“สามหาว!”ทันทีที่หลินเฟิงพูดคำเหล่านี้ออกมา คนของตระกูลซือหม่าก็ไม่มีท่าทีโกรธ แต
แต่ทว่าหลิ่วเยว่ฟางก็ไม่มีท่าทางจะประนีประนอมแม้แต่น้อย และยังดูเย็นชาอย่างมาก เมื่อเผชิญหน้ากับการร้องขอความเมตตาจากจางกุ้ยหลาน เธอก็ยิ่งเย็นชามากขึ้น“หลินเฟิง ในนี้มีอะไรเข้าใจผิดหรือเปล่า...”หลี่ฮุ่ยหรานก็รู้สึกหวาดกลัวแล้วต่อให้หลินเฟิงแข็งแกร่งแค่ไหน ก็ไม่สามารถเผชิญหน้ากับยอดฝีมือมากมายในเวลาเดียวกันได้ขนาดนี้ และโจวก้งเฟิ่งที่อยู่บนขั้นบันได ก็ดูจะไม่ใช่คนหาเรื่องกันได้ง่าย ๆหรือว่าวันนี้พวกเขาจะต้องตายอยู่ที่นี่จริง ๆ งั้นเหรอ?คิดมาถึงตรงนี้ หลี่ฮุ่ยหรานก็อดไม่ได้ที่จะเริ่มรู้สึกเสียใจถ้าตัวเองรู้ตำแหน่งของตัวเองได้เร็วกว่านี้ และไม่ยอมรับคุณสมบัติของผู้ที่จะได้รับเลือกเป็นผู้นำตระกูลที่หลี่กงเฉิงมอบให้ตัวเองก็คงดีแบบนี้ก็คงไม่ทำให้แม่ของตัวเองและหลินเฟิงต้องเดือดร้อนไปด้วยมันชัดเจนแล้วหลิ่วเยว่ฟางพุ่งมายังตัวเธอหลิ่วเยว่ฟางไม่อยากเห็นเธอสืบทอดตำแหน่งผู้นำตระกูลหลี่“วางใจเถอะ มีผมอยู่ จะไม่มีใครทำอะไรพวกเราได้”ขณะที่หลี่ฮุ่ยหรานกำลังคิดฟุ้งซ่าน เสียงของหลินเฟิงที่ให้ความรู้สึกปลอดภัยก็ดังขึ้นในหูของเธอ“อืม”ไม่รู้ว่าเพราะอะไร คำพูดของหลินเฟิงเป็นเหมื
“ผู้นำตระกูล?”“คุณปู่?”เมื่อได้ยินเสียงตะโกนด้วยความโกรธทุกคนในตระกูลหลี่ต่างก็ตกตะลึง โดยเฉพาะหลิ่วเยว่ฟาง เธอโกรธมากจนด่าออกมาว่า “ฉันแค่พยายามจะช่วยชีวิตของคุณนะ ตาเฒ่า คุณไม่ต้องพูดเลย!”“ฉันจะพูดให้ได้!”หลี่ไห่หงพูดเสียงดังมาจากชั้นบนด้วยโกรธว่า “ตายอย่างน่าหดหู่แบบนี้ ฉันยอมถูกฆ่าตรง ๆดีกว่า!”“ฉันก็อยากจะดูว่าเด็กกลุ่มนี้จะมีสักกี่คนที่กล้าลุกขึ้นมา!”“หมิงจิ้วกับหย่งอานไอ้สารเลวสองคนนั้น ตอนที่พวกเขาได้ยินว่าตระกูลซือหม่ามาถึงที่หน้าประตูก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย มีเพียงแค่กงเฉิงกับฮุ่ยหรานที่ยืนขึ้นเท่านั้น!”“ฉันจะประกาศในตอนนี้เลยว่า ผู้นำคนต่อไปของตระกูลหลี่ จะเลือกระหว่างกงเฉิงกับฮุ่ยหรานเท่านั้น!”ทันทีที่คุณปู่ที่อยู่ชั้นบนพูดคำนี้จบ ก็คร่ำครวญราวกับถูกทุบตี“คุณปู่!”หลี่ฮุ่ยหรานตกใจหลินเฟิงก็ลุกขึ้นยืนเช่นกัน ก่อนจะมองไปที่ซือหม่าเหวินอย่างเย็นชา แล้วพูดว่า “หากมีอะไรเกิดขึ้นก็เข้ามาหาฉัน รังแกคนชราถือว่าไม่มีความสามารถอะไร!”“คนชราอะไร?”หลี่ไห่หงที่อยู่บนชั้นบนหัวเราะออกมาเสียงดัง ก่อนจะพูดว่า “ไอ้สารเลว ฉันยังไม่แก่เว้ย!”“แน่จริงแกก็ชกฉันอีกสักหมั
“แต่ไม่รู้จักความเป็ฯความตาย ถึงได้กล้าฆ่าซือหม่าจัว ผู้บริหารใหญ่ของตระกูลซือหม่าของฉัน สิ่งนี้ทำให้ตระกูลซือหม่าโกรธเคือง และในวันนี้นายจะต้องตายแน่นอน”หลังจากได้ยินคำพูดของโจวก้งเฟิ่ง ท่าทางของหลินเฟิงก็ดูลังเลเล็กน้อย“ซือหม่าจัว? คุณกำลังพูดถึงชายชราที่บุกเข้าไปในบ้านของอิ่นนั่วเจียกับซือหม่าเหวินในคืนนั้นหรือเปล่า?”“ถูกต้องแล้ว”โจวก้งเฟิ่งที่ยืนเอามือไว้ด้านหลัง ก็พยักหน้าเล็กน้อย“ไม่ถูกต้อง”หลินเฟิงส่ายหน้าแล้วเอ่ยว่า “ผมฆ่าซือหม่าหาว เรื่องนี้ผมยอมรับ แต่เพราะซือหม่าหาวเพิกเฉยต่อคำเตือนของผมและจัดการผมโดยที่ไม่รู้จักความเป็นความตาย”“แต่ซือหม่าจัว ผมกลับไม่ได้ฆ่าเขา”“หืม?”คำพูดของหลินเฟิงทำให้โจวก้งเฟิ่งสงสัยเล็กน้อย เขาเลิกคิ้วและพูดว่า “ซือหม่าหาวไม่ใช่ทายาทสายตรงของตระกูลซือหม่าของผม หากเป็นเขาก็ไม่คู่ควรให้ผมต้องลงมือหรอก”เขาก็มองออกว่า ระดับของหลินเฟิงไม่ได้ต่ำเลยภายใต้สถานการณ์อย่างนี้ เขาโกหกไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร“หุบปาก หลินเฟิง!”ซือหม่าเหวินที่อยู่ด้านข้างกลัวว่าเรื่องจะถูกเปิดเผย ก็รีบตะโกนออกมาว่า “นายไร้เดียงสาเกินไปแล้ว คิดว่าจะเถียงแบบไม่มีเ
โจวก้งเฟิ่งใช้กำลังทั้งหมด โดยที่ไม่ได้หยั่งเชิงเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งหลินเฟิงก็ยังไม่ได้เตรียมตัวที่จะหลบหลีกวิธีการที่ทั้งสองคนใช้ในเวลานี้อยู่เหนือความเข้าใจของคนทั่วไป การเคลื่อนไหวที่รุนแรงและรวดเร็วราวกับภาพลวงตา ในเวลาอันสั้นก็ประมือกันไปสามสิบกว่ารอบแล้ว“อะไรกัน?”ซือหม่าเหวินที่มองดูความแข็งแกร่งของหลินเฟิง ก็คิดไม่ถึงว่าจะสามารถต่อสู้ได้เสมอกับโจวก้งเฟิ่งจริง ๆ เขาตกใจอย่างมาก แม้แต่ในใจก็มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีอยู่ สุดท้าย หลังจากการต่อสู้ที่มากกว่าห้าสิบรอบ โจวก้งเฟิ่งก็เป็นฝ่ายที่เริ่มล่าถอยและตีตัวออกห่างจากหลินเฟิง“คิดไม่ถึงว่าที่เจียงโจวเล็ก ๆ ยังจะมียอดฝีมือแบบนี้อยู่ด้วย”โจวก้งเฟิ่งควบคุมลมปราณที่ยุ่งเหยิงของตัวเองลงเล็กน้อย ก่อนจะจ้อมไปทางหลินเฟิงและพูดว่า “ยังไม่ทะลวงแดนแปรภาพแท้ ๆ แต่สามารถแข็งแกร่งได้ขนาดนี้ ฉันรู้แล้วว่าคุณไม่จำเป็นต้องใช้วิธีการลอบโจมตีเพื่อฆ่าอาจารย์ของฉันอย่างแน่นอน”“แต่ทว่าอาจารย์ของผมกลับถูกมีดกริชฆ่าตาย....”โจวก้งเฟิ่งที่หยุดไปไม่นาน ก