เห็นถังหว่านยกขุนแผนออกมาแล้ว อิ่นนั่วเจียจึงรีบอธิบายแทนหลินเฟิง“หึ ทายาใช่ไหม? อุ๊ย ฉันก็รู้สึกเจ็บตรงนี้ อยากจะทาเหมือนกัน!”ถังหว่านนั่งลงที่ด้านข้างหลินเฟิงทันที จากนั้นจับมือของหลินเฟิงยกขึ้นมากดที่หน้าอกของเธอ“ถังหว่าน คุณกำลังทำอะไร อย่าสร้างความวุ่นวาย”หลินเฟิงรีบดึงมือกลับ เขาไม่รู้ว่าจะร้องไห้หรือหัวเราะดี“ทำไม? ทายาให้ผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่รู้จักได้อย่างไม่เกรงใจขนาดนี้ แต่กลับทายาให้ฉันไม่ได้งั้นเหรอ?”ถังหว่านสีหน้าไม่พอใจ“คุณไม่ได้บาดเจ็บ ทายาอะไร?”หลินเฟิงพูดอย่างจนปัญญา: “นี่เป็นยาที่ผมจะใช้ในโฮมสเตย์ จะสิ้นเปลืองไม่ได้”ถังหว่านเป็นถึงคุณหนูลูกผู้ดี ทำไมเวลาหึงถึงได้เหมือนเด็กขนาดนี้“พูดจาเลอะเทอะ ใครบอกว่าฉันไม่ได้บาดเจ็บกันล่ะ?”ถังหว่านชี้ไปที่หน้าอกของตัวเอง และพูดอย่างโกรธแค้น: “ตรงนี้ของฉัน หัวใจพรุนไปหมด บาดเจ็บที่ภายใน อาการหนักกว่าเธอเยอะเลย!”“ไม่เชื่อคุณจับดูสิ!”ขณะพูด ถังหว่านยังคงแอ่นหน้าอกที่ยั่วยวนคนของเธอ และทำท่าทางที่จะให้คนจับได้เต็มที่เมื่อเห็นถังหว่านเป็นแบบนี้ หลินเฟิงรู้สึกแค่ว่าปวดหัวเล็กน้อย“เอาล่ะเอาล่ะคุณหนูถังหว่านของ
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น? ต้องการให้ผมช่วยเหลือไหม?”หลินเฟิงเห็นถังหว่านสีหน้าเคร่งขรึมขนาดนี้ ดูท่าเรื่องที่เธอพูดถึงไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ แน่นอน“ไม่จำเป็น”ถังหว่านฝืนยิ้มแล้วพูดว่า: “เรื่องส่วนตัวเล็ก ๆ น้อย ๆ ฉันคนเดียวก็สามารถจัดการได้”อันที่จริงในใจของถังหว่านมีความวู่วามมาโดยตลอดเธออยากจะบอกคนที่อยู่ตรงหน้าเกี่ยวกับเรื่องถอนหมั้นกับตระกูลหลง แต่เธอจะทำแบบนี้ไม่ได้หนึ่งคือถังหว่านนิสัยชอบเอาชนะ ตอนนี้หลินเฟิงงานยุ่งมากพอแล้ว เธอไม่อยากเพิ่งภาระให้หลินเฟิงอีกสองคือถึงแม้หลินเฟิงจะต่อสู้เก่งมาก แต่ก็ยังไม่สามารถตีเสมอทั้งตระกูลหลงได้ตระกูลหลงในฐานะหนึ่งในสี่ตระกูลร่ำรวยของเมืองจิง ไม่ใช่ตระกูลกระจอกๆ มีอำนาจด้านทหาร รัฐบาล และธุรกิจเทียบกับตระกูลถังที่ให้ความสำคัญแค่โลกธุรกิจ อำนาจของตระกูลหลงพูดได้ว่าเป็นตระกูลที่น่าหวาดกลัวที่สุดในประเทศมังกรในเขตหัวตงยิ่งครอบคลุมไปทั่วเธอไม่อยากให้หลินเฟิงเข้ามาเกี่ยวข้องกับวังวนที่น่ากลัวแบบนี้“ถังหว่าน มีเรื่องลำบากอะไรคุณต้องบอกกับผมนะ อย่าโอ้อวด” หลินเฟิงไม่ได้ฝืนคนที่อยู่ข้างกาย แต่แค่มีสีหน้าเป็นห่วง“วางใจได้ ฉันมีความมั่น
วันที่สามหลังจากถังหว่านจากไปในคืนนี้ ตอนที่หลินเฟิง หลี่ฮุ่ยหราน หลินเสวี่ยฮุ่ยกับอิ่นนั่วเจียและคนอื่น ๆ รวมตัวกันนั่งอยู่ตรงหน้าโต๊ะทานอาหาร จู่ ๆ ประตูก็ถูกคนถีบออก“หลี่ฮุ่ยหราน ออกมา!”หลิ่วเยว่ฟางพาผู้คุ้มกันของตระกูลหลี่มาด้วยท่าทางกระฟัดกระเฟียดสิ่งที่ดึงดูดสายตาคนมากที่สุด ก็คือชายร่างกำยำสองคนสูงสองเมตรเต็ม ๆ ที่อยู่ข้างกายเธอ ทั้งสองคนหน้าตาคล้ายคลึงกัน กล้ามเนื้อทั้งตัวเหมือนกับก้อนหิน แต่ละก้อนมีขอบและมุมที่ชัดเจนยืนอยู่ตรงนี้ก็เหมือนกับเขาลูกใหญ่ ทำให้คนมองดูแล้วเกิดความหวาดกลัว“หลี่ฮุ่ยหราน ยังไม่รีบไสหัวออกมาอีก?!”เมื่อเห็นว่าไม่มีคน หญิงชราก็ตะโกนขึ้นเสียงดังอย่างดุดัน“คุณย่ารอง?”หลี่ฮุ่ยหรานวางตะเกียบลงแล้วเดินเข้ามา เธอก็เห็นหลิ่วเยว่ฟางที่หน้าตาดุดัน และถามอย่างงุนงง: “คุณย่ารอง คุณมาหาฉันมีธุระอะไรไหมคะ?”และจ้าวเฉียวอวิ๋นก็เดินเข้ามาในตอนนี้ เมื่อเห็นท่าทางแบบนี้ ก็อดตกใจไม่ได้“หลินเฟิงล่ะ? หลินเฟิงไสหัวออกมานะ!”เห็นหลี่ฮุ่ยหรานออกมา หลิ่วเยว่ฟางก็เปลี่ยนเป้าหมายไปที่หลินเฟิงที่กำลังนั่งทานข้าวอยู่อย่างไม่รีบร้อนหลินเฟิงสัมผัสการมาถึงของหลิ
ถึงแม้จะเป็นความผิดของตัวเอง แต่ถ้าหากไม่มีเรื่องที่หลินเฟิงทำ ตระกูลซือหม่าก็ไม่มีทางมาหาถึงที่ ตัวเองก็ไม่ต้องถูกตบดังนั้นหลี่เยว่หรูจึงโยนความผิดทั้งหมดนี้ไปที่บนหัวของหลินเฟิงเธอไม่คิดด้วยซ้ำว่า เป็นเพราะช่วงนี้ตัวเองได้รับช่วงบริหารการลงทุนด้านการก่อสร้างมูลค่าร้อยล้านบาทของเมืองเจิ้งเต๋อ เธอถึงได้กำเริบเสิบสานขนาดนี้พูดจาไม่รู้จักหนักเบา ถึงได้ถูกตบ“มีเขาอยู่ที่ตระกูลหลี่ของพวกเรา ไม่ช้าก็เร็วพวกเราจะต้องถูกเขาทำให้เดือดร้อนจนตาย! หลี่ฮุ่ยหราน ถ้าเธอยังอยากได้ตำแหน่งตัวเลือกผู้นำตระกูลอยู่อีก งั้นก็รีบตัดความสัมพันธ์กับเขา และขีดเส้นแบ่งกั้นซะ!”หลี่เยว่หรูมองดูหลี่ฮุ่ยหราน จากนั้นเอะอะโวยวายเสียงดัง“หลินเฟิง ถ้าหากนายยังมีความเป็นคนอยู่ ก็คุกเข่ายอมจำนนอย่างว่าง่าย และไปที่ตระกูลซือหม่าเจียพร้อมกับพวกเราไปพูดให้ชัดเจน!”“ตระกูลหลี่ของพวกเราไม่มีความเกี่ยวข้องใด ๆ กับแก!”จางกุ้ยหลานด่าทอหลินเฟิง“อาตง จับไอ้สารเลวคนนี้เอาไว้ พาไปที่ตระกูลหม่าพร้อมกับพวกเราเพื่อไปพูดให้ชัดเจน!”หลิ่วเยว่ซูก็ขี้เกียจจะพูดมาก จึงออกคำสั่งโดยตรง ชายร่างกำยำที่อยู่ข้าง ๆ ก็จะลงมือต่อหล
ชายร่างกำยำสองคนคุกเข่าลงตรงหน้าหลินเฟิงในทันที“อะไรกัน?!”เมื่อเห็นภาพนี้ หลิ่วเยว่ฟางใบหน้าเหลือเชื่ออย่างมากต้องรู้ไว้ว่า อาตงกับอาซีเป็นนักบู๊กำลังภายในระดับสูงสุดของพวกเขาตระกูลหลี่ ถือว่าเป็นไพ่ไม้ตายที่ไม่เปิดเผยให้คนนอกเห็นแต่ไพ่ใบสุดท้ายที่แข็งแกร่งที่สุดที่อยู่ในมือเธอ เมื่ออยู่ต่อหน้าหลินเฟิงกลับแย่ถึงขนาดนี้?ในตอนนี้หลิ่วเยว่ฟางถึงได้นึกถึงเรื่องที่โจวอวี้เฟิ่งมอบหมายเธอก่อนหน้านี้ถ้าหากต้องการจัดการหลินเฟิง ก็จะต้องลงมือจากหลี่ฮุ่ยหราน ใช้อำนาจของตระกูลมาข่มเขาไม่ใช่ใช้กำลังโดยตรงเทียบการต่อสู้ พวกเขาไม่มีทางสู้หลินเฟิงได้หลิ่วเยว่ฟางเพิ่งนึกถึงคำเตือนของโจวอวี้เฟิ่งได้ ในใจก็เกิดอารมณ์เสียใจขึ้นมาในทันทีแต่เรื่องมาจนถึงตอนนี้แล้ว เธอก็ไม่มีทางที่จะปล่อยไปแบบนี้หลิ่วเยว่ฟางมองไปทางหลี่ฮุ่ยหราน แล้วตวาดใส่: “ดูอดีตสามีของเธอสิ เอาแต่ใจและป่าเถือนขนาดนี้ ไม่มีรู้จักกฎเกณฑ์สักนิด!”“หลี่ฮุ่ยหราน คุณปู่ไห่หงของเธอตอนนี้ถูกตระกูลซือหม่ากักบริเวณ ถ้าหากเธอยังไม่ให้หลินเฟิงหยุดลงมือ อย่าว่าแต่ผู้คัดเลือกผู้นำตระกูล ตระกูลหลี่ของฉันก็จะต้องถูกทำลายในมือของพวก
เมื่อพบว่ามีคนมาหาเรื่องถึงบ้าน เด็กผู้หญิงคนนี้ก็ยังสามารถกินข้าวได้โดยไม่สนใจใด ๆ ทั้งนั้น หลินเฟิงพูดไม่ออกจริง ๆรับสมัครคนงานที่ในสายตามีแต่เรื่องกินเท่านั้น หลินเฟิงก็ยิ่งทำอะไรไม่ถูกเขาขยิบตาให้กับฟ่านหลิงเยว่“ทางนี้ก็ขึ้นอยู่กับคุณแล้ว ถ้าหากคนของตระกูลซือหม่ากล้ามาที่นี่ รีบโทรหาผมเป็นอันดับแรก”“ถ้าใครกล้าอวดดี ก็ตีให้ตายไปเลย”“รับทราบแล้ว!”ฟ่านหลิงเยว่พยักหน้าอย่างหนักแน่นไม่ว่าจะพูดยังไงเธอก็เป็นยอดฝีมือระดับเซียนเทียน และเบื้องหลังก็ยังมีสำนักโม่ซวีที่ลึกลับอยู่ อีกทั้งยังได้รับการรับรองความแข็งแกร่งอีกด้วยหลังจากที่ทุกอย่างได้รับการจัดการอย่างเหมาะสมแล้ว หลินเฟิงกพาหลี่ฮุ่ยหรานออกจากอ่านเทียนสุ่ยตามด้วยคนทั้งหลายของตระกูลหลี่ในขณะที่หลิ่วเยว่ฟางขยิบตาให้กับอาซีและอาตงที่อยู่ข้างหลังของเธออย่างเงียบ ๆ ทั้งสองคนก็เข้าใจในทันที ก่อนจะเดินช้าลงเรื่อย ๆและเดินรั้งท้ายอยู่ท้ายกลุ่มเมื่อพวกเขาทั้งสองคนคิดว่าหลินเฟิงไม่ได้มองเห็น ก็เลยหันหลังกลับ และเดินกลับไปที่คฤหาสน์อ่าวเทียนสุ่ยตอนที่มาหลิ่วเยว่ฟางก็อธิบายแล้วคราวนี้ทุกคนที่อยู่ที่นี่จำเป็นต้องจับกุมหลิน
“ปึง!”อาซีส่งเสียงร้องดังลั่น พร้อมกับสียงกระดูกหักที่ชันเจน แขนทั้งสองข้างของเขาราวกับบะหมี่ที่ห้อยไปมา“ออกไปไกล ๆ ฉันหน่อย!”ฟ่านหลิงเยว่ถอยหลังไปสองสามก้าว ภายใต้สีหน้าที่ตกตะลึงของพวกผู้หญิงมากมายจากนั้นเธอก็พุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว แล้วเตะไปที่คางของอาซี ทำให้ชายร่างสูงสองเมตรถึงกับลอยออกไปทันทีอาซีที่ตามหลังอาตงไป ก็ส่งเสียงร้องออกมาอย่างน่าเวทนา ก่อนจะลอยออกจากประตูไปแล้วไปกระแทกกับพื้นโดยที่ไม่รู้ว่าตายหรือยังมีชีวิตอยู่“นี่.....”ฝีมือของฟ่านหลิงเยว่ทำให้พวกผู้หญิงมากมายถึงกับตกตะลึงหลินเสวี่ยฮุ่ยยังดี เพราะเธอเคยเห็นฟ่านหลิงเยว่ลงมือมาแล้ว แต่อิ่นนั่วเจียกับจ้าวเฉียวอวิ๋นนั้นยังไม่เคยเห็นมาก่อนสายตาที่พวกเขามองฟ่านหลิงเยว่ก็เปลี่ยนไปทันที...... ตระกูลหลี่เจียงหนานสุดท้ายหลินเฟิงและคนอื่น ๆก็ใช้เวลาไปมากกว่าหนึ่งชั่วโมงกว่าจนถึงที่หมายยังไม่ทันเข้าประตู หลินเฟิงก็มองเห็นชุดบอดี้การ์ดสีขาวที่คุ้นเคย และดูเหมือนจะเป็นชุดบอดี้การ์ดของตระกูลหม่าอีกด้วยเป็นอย่างที่คิดไว้ว่า ในคืนนั้นที่โอวหยางเหวินหนีออกจากคฤหาสน์ของอิ่นนั่วเจีย ในเวลานี้กำลังนั่งอยู่ในห
แน่นอนว่า ไม่ว่าจะมัดแน่นหนาแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์สำหรับหลินเฟิง ถ้าเขาอยากจะสลัดทิ้ง มันก็เป็นแค่เรื่องง่าย ๆเท่านั้นที่เขาประนีประนอม ก็เป็นเพราะไม่อยากให้หลี่ฟางตายด้วยน้ำมือของโจวก้งเฟิ่งไปแบบนั้น“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า....”เมื่อเห็นว่าหลินเฟิงโดนมัด ซือหม่าเหวินก็ไม่เกรงใจกลัวอะไรอีกต่อไปเขาเดินลงบันไดมา ก่อนจะชี้ไปที่หลินเฟิงอย่างเย่อหยิ่งแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เป็นอย่างไรบ้างล่ะไอ้หนุ่ม? ทุกเรื่องราวมีการเปลี่ยนแปลง ตอนนี้นายยังจะกล้าอวดดีอีกไหม?”“ฉันจะนับถึงห้า....ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า....”ซือหม่าเหวินเลียนแบบน้ำเสียงของหลินเฟิง ก่อนจะเหยียดนิ้วทั้งห้าออก เพื่อใช้วิธีนี้เหยียดหยามหลินเฟิงแต่ทว่าหลินเฟิงกลับยังคงนิ่งเฉย และพูดอย่างสงบว่า “ไม่ใช่ว่าพวกคุณอยากจะรู้ว่าซือหม่าหาวตายยังไงหรอกเหรอ?”“ผมจะบอกความจริงกับพวกคุณก็ได้”หลินเฟิงก้าวไปข้างหน้า และมองไปที่ซือหม่าเหวินที่ดูลังเลเล็กน้อย ก่อนจะพูดว่า “ซือหม่าหาวก็ตายด้วยน้ำมือของผมนี่ละ”“และก่อนที่เขาจะตาย เขาก็อวดดีเหมือนกับคุณในตอนนี้เลยด้วย”“สามหาว!”ทันทีที่หลินเฟิงพูดคำเหล่านี้ออกมา คนของตระกูลซือหม่าก็ไม่มีท่าทีโกรธ แต
“บ้าเอ๊ย ฉันไม่สามารถทนได้จริงๆ ติดต่อน้องหลินให้ฉัน ฉันจะเข้าแทรกแซงเรื่องนี้ด้วย!”...วันต่อมาในบาร์ใต้ดินแห่งหนึ่งทางตอนใต้ของเมืองจิงจวงฉุนและอิ่นนั่วเจียที่สวมหมวกและหน้ากากไว้ และดูเรียบง่ายมากรีบเดินทางมาที่นี่ ที่นี่คือ “สถานที่นัดพบ” ที่หลงซิ่วพูดถึงควบคู่ด้วยเสียงดนตรีอันไพเราะและฝูงชนที่เต้นรำจวงฉุนและอิ่นนั่วเจียเดินผ่านทางเดินและมองเห็นหลงซิ่วกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะ พร้อมคาบบุหรี่อยู่ในปากเมื่อเห็นว่าอิ่นนั่วเจียมาจริง ๆ ดวงตาของหลงซิ่วก็เป็นประกายบุหรี่ในปากของเขาหล่นลงพื้นโดยไม่รู้ตัวแม้ว่าอิ่นนั่วเจียจะสวมเพียงชุดเดรสยีนส์ซึ่งทำให้เธอดูเป็นเด็กสาวมากในวันนี้ แต่หุ่นที่น่าสะพรึงกลัวของเธอก็ยังทำให้ หลงซิ่วที่กำลังนั่งอยู่ตรงโต๊อย่างไม่ใส่ใจก็ต้องกลืนน้ำลายลงคอ"เชี่ย ไม่เสียแรงที่เป็นซูเปอร์สตาร์ประเทศมังกรจริงๆ นะ!"หลงซิ่วอดไม่ได้ที่จะเปรียบเทียบเธอกับถานหง หลังจากคิดดู นี่มันไม่ใช่คนระดับเดียวกันด้วยซ้ำ!แม้ว่าถานหงจะเป็นราชินีเพลงประเทศมังกร หน้าตาก็คล้ายๆกันแต่เมื่อเทียบกับอิ่นนั่วเจียสาวสวยที่อยู่แต่ในจอ ถานหงยังด้อยกว่าเยอะมากเพียงแค่ออร่าอันส
สำนักงานใหญ่กลุ่มเผิงกวง เมืองจิงขณะนั้นเผิงกวงฉี่กำลังคาบซิการ์ไว้ในปากอย่างเรื่อยเปื่ยอ ฟังการโต้เถียงขัดแย้งระหว่างตัวแทนจากทั่วทุกแห่งในการประชุมแม้ว่าเผิงกวงฉี่จะดูเป็นปกติ แต่ในใจเขากลับโกรธมากพวกขยะพวกนี้ได้แต่โทษกันไปมา และต่างคนต่างหาผลประโยชน์แม้แต่เผิงกวงฉี่ก็ยังคิดว่า ควรจะกำจัดคนไร้ประโยชน์เหล่านี้ และส่งเสริมให้คนอื่นขึ้นมาเป็นผู้นำภูมิภาคดีไหมขณะที่กำลังคิดแบบนี้ โทรศัพท์มือถือของเผิงกวงฉี่ก็ดังขึ้นกะทันหันเสียงโทรศัพท์ทำให้ห้องประชุมเงียบลงทันที“คุณหลินโทรมาครับ คุณเผิงกวงฉี่”ผู้ช่วยที่อยู่ข้างๆ ยื่นโทรศัพท์ให้ด้วยความเคารพเมื่อคิดว่าเป็นหลินเฟิง เผิงกวงฉี่ก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมากไม่พูดไม่ได้ว่ายาหยกโมราของหลินเฟิงมีประสิทธิภาพมากจริงๆ ควบคู่กับน้ำพุร้อนที่เจียงโจว ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองดูหนุ่มลงเรื่อย ๆ และร่างกายก็เต็มไปด้วยกำลังวังชาแม้แต่ผู้หญิงคนใหม่ที่หามาช่วงนี้ ก็ไม่สามารถทำให้เขาพึงพอใจได้ช่วงนี้เขากำลังคิดว่าควรจะหาเพิ่มอีกสักหน่อย เพื่อสร้างทายาทให้กับตระกูลเผิงของเขาสองเดือนที่แล้ว นี่เป็นสิ่งที่เขาไม่กล้าคิดมาก่อนด้วยซ้ำ“ฮัลโหล
“ฉันจะโอนเงินสองหมื่นห้าพันล้านบาทเข้าบัญชีของคุณทันที ทางที่ดีคุณให้อิ่นนั่วเจียออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ปโดยเร็วที่สุด ให้เธอมาพบฉันที่เมืองจิง”"ฮ่าฮ่าฮ่า......"ถานหงที่อยู่ปลายสายหัวเราะอย่างโอเวอร์“ฉันต้องการให้อิ่นนั่วเจียคุกเข่าอยู่แทบเท้าฉัน! ยังมีหลินเฟิง ฉันจะทำให้หลินเฟิงและหลี่ซื่อกรุ๊ปบ้าบออะไรนั่นได้ชำระในสิ่งที่ควรจ่าย!”หลังจากพูดจบโทรศัพท์ก็วางสายไปและภายในเวลาไม่กี่นาที ข้อความเงินสดเข้าบัญชีจำนวนสองหมื่นห้าพันล้านบาทก็ปรากฏบนโทรศัพท์มือถือของจวงฉุนทันทีเมื่อมองดูข้อความบนโทรศัพท์ ลมหายใจของจวงฉุนก็เร็วขึ้นอย่างมาก เขาไม่เคยเห็นเงินมากขนาดนี้ในชีวิตของเขามาก่อนแต่เมื่อเขาเงยหน้ามองไปทางหลินเฟิง ก็รู้สึกเหี่ยวเฉาทันทีเขารู้ว่าเงินจำนวนนี้จะไม่มีวันมาถึงเขาด้วยซ้ำ อีกทั้งเรื่องที่อิ่นนั่วเจียเข้าร่วมตระกูลหลงเป็นเรื่องโกหกทั้งหมดเขาแค่อยากหลอกเอาเงินก้อนนี้มาจากหลงซิ่ว เพื่อใช้รักษาชีวิตของตัวเองเอาไว้ก็เท่านั้นเอง“ตอนนี้โอนเงินก้อนนี้เข้าบัญชีของหลี่ซื่อกรุ๊ปเถอะ”หลินเฟิงไม่พูดมาก บังคับจวงฉุนให้ดำเนินการบนโทรศัพท์มือถือของเขาโดยตรงหลังจากนั้นไม่นาน เงิน
“ดูเหมือนว่าคุณจะได้เจอกับอิ่นนั่วเจียจริงๆ นะ”หลงซิ่วที่อยู่ปลายสายพูดอย่างใจเย็นว่า:“ผมลืมบอกคุณไปว่าตอนนี้อิ่นนั่วเจียเป็นสมาชิกของหลี่ซื่อกรุ๊ปแล้ว เธอเต็มใจที่จะออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ป และร่วมมือกับตระกูลหลงของเราจริงๆ เหรอ?”เมื่อได้ยินสิ่งที่หลงซิ่วพูดจวงฉุนสั่นสะเทือนไปทั้งตัวเกือบหัวใจวายเพราะความโมโหในที่สุดเขาก็ได้ลิ้มรสว่าการถูกหลอกเป็นอย่างไรหากหลงซิ่วเล่าเบื้องหลังของอิ่นนั่วเจียให้เขาฟังก่อนหน้านี้เขาจะพาผู้คนมาที่นี่เพื่อมาหาอิ่นนั่วเจีย และตกหลุมพรางได้ยังไง?ตอนนี้มันสายเกินไปที่จะพูดอะไรอีกแล้วร่องรอยแห่งความโกรธเริ่มผุดขึ้นในใจของจวงฉุนหากพูดว่าเมื่อครู่เพียงแค่โกหกหลงซิ่ว เขาก็มีความกดดันอยู่ไม่น้อยเมื่อเขาได้ยินว่าหลงซิ่วปกปิดเรื่องของอิ่นนั่วเจียกับเขา เขาก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันทีหากคุณไม่ได้บอกผมให้ชัดเจนก่อนที่คุณจะจากไปผมจำเป็นต้องตกไปอยู่ในมือของหลินเฟิงงั้นเหรอ?จวงฉุนตัดสินใจ คำพูดก็ราบรื่นมากขึ้น“ใช่ครับ คุณอิ่นนั่วเจียบอกผมเอง แต่ว่า...”"แต่ว่าอะไร?"หลงซิ่วที่ปลายสายโทรศัพท์ขมวดคิ้วเล็กน้อย“แต่คุณอิ่นนั่วเจียบอกว่าเธอได้เซ็น
จวงฉุนคิดว่าคำพูดนี้สมบูรณ์แบบไร้ที่ติขณะที่จวงฉุนกำลังจมอยู่กับจินตนาการของเขา หลินเฟิงก็ยื่นมือออกไปและโบกไปมาตรงหน้าจวงฉุน“การปล้นทำลายของพวกนายในครั้งนี้ ได้ทำลายสินค้าของหลี่ซื่อกรุ๊ปของฉันมูลค่าสองหมื่นห้าพันล้านบาทเต็มๆ เพียงแค่นายสามารถชดเชยเงินสินค้าเหล่านี้ให้เราได้ ฉันก็จะไม่ถือสาเอาความ”"สองหมื่นห้าพันล้านบาท?"เมื่อได้ยินตัวเลขนี้ อิ่นนั่วเจียที่อยู่ข้างๆ ก็เปิดริมฝีปากสีแดงของเธอออกครู่หนึ่ง เธอก็ส่ายหัวอย่างจนปัญญาหลินเฟิงกำลังพยายามกรรโชกเงินอยู่เหรอ!"เป็นไปไม่ได้!"เห็นได้ชัดว่าจวงฉุนก็ตกใจกับจำนวนเงินมหาศาลนี้อย่าว่าแต่ยี่สิบห้าล้านบาทเลย แม้แต่ห้าพันล้านบาทเขาก็ยังไม่มี จะอุดรูโบ๋นี้ได้อย่างไรหลินเฟิงรีดไถมากเกินไปจริงๆ“แน่นอนว่าหลี่ซื่อกรุ๊ปของฉันไม่สนใจเงินจำนวนน้อยๆ นี้ แต่ฉันแค่อยากเห็นท่าทางของคุณ”“เป็นไงบ้าง?”หลินเฟิงจ้องมองจวงฉุนด้วยความสนใจอย่างยิ่ง ต้องการดูว่าคนๆ นี้จะหาเงินได้มากเท่าไหร่เพื่อเอาชีวิตรอดได้ในเมื่อเสียหายหนึ่งหมื่นล้านบาท หลินเฟิงต้องหาชดเชยมาจากที่อื่น"ดี...ดีครับ!"จวงฉุนรู้ดีว่าวันนี้เขาไม่มีสิทธิ์ต่อรองกับหลิ
“ตอนนี้ ฉันถามพวกนายตอบ”หลินเฟิงค่อยๆ เดินเข้าไปหาจวงฉุน เหยียดมองลงที่ชายผู้ล้มอยู่บนพื้น และตกใจจนหน้าซีดเผือด“คุณ...คุณว่ามาครับ คุณว่า...ผม...ผมจะบอกคุณทุกอย่าง”จวงฉุนในตอนนี้รู้สึกกลัวจนสติแตก ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังพูดอะไรอยู่“เมื่อวาน อุปกรณ์ไฮเอนด์ล็อตหนึ่งของหลี่ซื่อกรุ๊ป ถูกคนขโมยและทำลายระหว่างทาง...”“เป็นฝีมือพวกผม!”เมื่อจวงฉุนได้ยินเช่นนี้ น้ำตาก็เริ่มไหลออกมา รีบยอมรับทันทีเขากราบหลินเฟิงไม่หยุดและพูดว่า:“ขอโทษครับคุณหลิน เรื่องนี้พวกเราเป็นคนทำจริงๆ แต่เราแค่ถูกใช้เป็นปืนเท่านั้น! หลงซิ่วจากตระกูลหลงสั่งให้พวกเราทำ เขาสั่งให้พวกเราทำ พวกเราก็ไม่กล้าขัดคำสั่งนะครับ!”การได้ยินคำวิงวอนของจวงฉุนซึ่งแทบจะเป็นเหมือนการขอความเมตตาเริ่นโหย่วไฉที่อยู่ข้างๆ ส่งเสียงไม่พอใจในลำคอต้องรู้ไว้ว่า ผู้ชายคนนี้เคยคุยโม้กับเขามาก่อนว่า เขาทำได้ดีแค่ไหนและเผาผลาญมันได้คล่องแคล่วแค่ไหนท่าทางหยิ่งยโส มีท่าทางเหมือน “ถูกบังคับ” ที่ไหนกัน?แต่ตอนนี้เริ่นโหย่วไฉไม่กล้าที่จะพูดอะไรเกรงว่าจะเดินตามรอยของสวีโจวการตายแบบนี้ มันน่าหวาดกลัวมากเกินไป ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยด้วยซ
“พวกเราไม่จำเป็นต้องซ่อนตัวอยู่ในเมืองเจิ้งเต๋ออีกต่อไป!”“ทุกคนฟังคำสั่งของฉัน ลุย!”คำสั่งของจวงฉุนมีน้ำหนักมากกว่าคำสั่งของสวีโจวอย่างเห็นได้ชัดไม่ใช่แค่เพราะเงื่อนไขที่จวงฉุนเสนอมาดึงดูดพวกเขามากเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะพวกเขาไม่เคยรู้ถึงความสามารถของหลินเฟิงว่าเป็นอย่างไรกันแน่คนธรรมดาหลายคนรวมกันอาจเปรียบเป็นขงเบ้งได้ในความคิดของพวกเขา ความสามารถของหลินเฟิงเป็นอย่างไรกันแน่ พวกเขาก็มองไม่เห็นแต่สิ่งที่เป็นความจริงคือพวกเขากลับสามารถมองเห็นข้อได้เปรียบของพวกเขาจากจำนวนคนบวกกับพลังอำนาจของหลงซิ่วด้วยหลังจากครุ่นคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่ที่เดิม นักบู๊ตระกูลหลงประมาณสิบกว่าคนในที่สุดก็ตัดสินใจได้แล้ว และล้อมรอบหลินเฟิงเอาไว้ทีละคนวันนี้สู้ดูสักตั้งถ้าไม่สำเร็จก็ต้องตาย!"แม่งเอ๊ย จวงฉุนไอ้สารเลวตัวน้อย!"ในที่เกิดเหตุมีเพียงสวีโจวเท่านั้น ที่รู้ว่าการปิดล้อมครั้งนี้เป็นการไปตายโดยที่ไม่ต้องคิดด้วยซ้ำเขาเกลียดจวงฉุนมาก จนถึงขั้นมีความคิดอยากฆ่าเขาด้วยซ้ำแต่ทว่าจวงฉุนกลับแสยะยิ้มมองดูสวีโจว และพูดอย่างเย็นชา:“สวีโจว อย่าทำเป็นเสแสร้งอยู่ตรงนี้ รอให้ภารกิจในครั้งน
"อะ......"จางฉุนไม่เข้าใจว่าหลินเฟิงกำลังพูดอะไร เขาพาคนเหล่านี้มาที่นี่ เป้าหมายเพียงเพื่อจับตัวอิ่นนั่วเจียไปเขารู้ว่าหลินเฟิงเป็นนักบู๊และจัดการยากสักหน่อยเพราะงั้นถึงเรียกคนของตัวเองมาแต่อะไรที่เรียกว่า “พาผู้กระทำความผิดมาตรงหน้าเขาโดยตรง” ?ในตอนนี้เอง สวีโจวที่อยู่ไกลออกไปก็คำรามออกมาอย่างกะทันหัน“นาย... ฉันจำได้ นายคือหลินเฟิง! นายคือ... นายคือคนของหลี่ซื่อกรุ๊ป! หลินเฟิงหัวหน้าแผนกรักษาความปลอดภัยของหลี่ซื่อกรุ๊ป!”"อะไรนะ?"เมื่อได้ยินชื่อนี้ จางฉุนก็หันหน้ามองไปที่หลินเฟิงด้วยสีหน้าที่น่าเหลือเชื่อเพราะเขาเคยได้ยินชื่อหลินเฟิงเขาได้ยินมาจากหลงซิ่วว่า ข้อห้ามประการเดียวในการปฏิบัติการครั้งนี้คือการปะทะกับหลินเฟิงตัวซวยคนนี้หลงซิ่วเตือนจางฉุนซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้ระวังหลินเฟิงแต่เขาคิดไม่ถึงว่าเรื่องราวจะพัฒนาไปเกินความคาดหมายของเขา“โอ้? ดูท่าพวกคุณจะรู้จักผม”หลินเฟิงเดินออกมาพร้อมกับรอยยิ้มจากนั้นรัศมีแห่งความหวาดกลัวก็ค่อยๆ แผ่ออกมาจากร่างกายของเขา อุณหภูมิทั่วทั้งห้องทำงานก็ลดลงมากกว่าสิบองศาในพริบตาเดียวแม้แต่ชาที่มีไอร้อนลอยออกมาเมื่อครู่นี้บนโต๊ะ
“บ้าเอ๊ย ทนไม่ไหวแล้ว!”จวงฉุนรีบถีบประตูห้องทำงานของหัวหน้าโรงงานทันทีสิ่งแรกที่เขาเห็นคือเริ่นโหย่วไฉที่เหงื่อไหลท่วมตัวและยืนอยู่ตรงนั้นอย่างโง่เขลาและอิ่นนั่วเจียผู้มีเสน่ห์กำลังนั่งอยู่บนโซฟา“อิอิอิ…”จวงฉุนเลียริมฝีปากและเผยรอยยิ้มหื่นกามออกมาทันทีตอนนี้เขาโยนคำพูดของเริ่นโหย่วไฉไปไกลโพ้นทันที เพียงแค่จ้องมองไปที่หุบเขาที่คอเสื้อของอิ่นนั่วเจียแล้วแสยะยิ้มพูดว่า:“คุณอิ่นนั่วเจีย ผมมารับคุณแล้ว”"โอ้?"ใครจะไปรู้ว่ารอยยิ้มของจวงฉุนไม่ได้ทำให้อิ่นนั่วเจียตกใจหรืองุนงง เธอยิ้มให้จวงฉุนแล้วพูดว่า:"ฉันรอคุณมานานแล้ว""รอผม?"จวงฉุนตกใจเล็กน้อย จากนั้นก็หัวเราะออกมา“ที่แท้คุณหญิงอิ่นนั่วเจียก็สนใจผมด้วย ดังนั้นการเตรียมการทั้งหมดนี้เกินความจำเป็นไปแล้ว!”ขณะที่จวงฉุนกำลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง สวีโจวที่เดินเข้ามาเห็นอิ่นนั่วเจียและหลินเฟิงกำลังนั่งอยู่ที่เก้าอี้เถ้าแก่ในห้องทำงาน สีหน้าของเขาดูตกตะลึงเล็กน้อย“พี่สวี มีอะไรหรือเปล่า?”นักบู๊ตระกูลหลงที่อยู่ด้านหลังเขาเห็นท่าทางแปลกๆ ของสวีโจว จึงรีบถามแต่สวีโจวกลับไม่สนใจคนข้างหลังเขา กลับก้าวไปข้างหน้าและคว้าแขน