เมื่อได้ยินคำแนะนำของหลินเฟิง อิ่นนั่วเจียก็ตกตะลึงไปทันทีเธอคิดไม่ถึงจริง ๆเลยว่า หลินเฟิงจะมีความมั่นใจในการต่อสู้กับตระกูลซือหม่า?แน่นอน ว่าสิ่งที่เธอคาดไม่ถึงอีกเรื่องก็คือ หลินเฟิงยังจะไปล่วงเกินตระกูลหลงในเวลาเดียวกันอีกด้วย?หลินเฟิงไม่ได้สนใจสายตาตกตะลึงของอิ่นนั่วเจีย และสยังคงวางแผนต่อไปว่า “ผมวางแผนที่จะสร้างโฮมสเตย์บริเวณชานเมืองเจียงโจว ให้เป็นสวนแบบระบบนิเวศ”“ถึงขนาดสามารถก่อสร้างเป็นโรงถ่ายภาพยนตร์และโทรทัศน์แบบธรรมชาติได้”“มีคุณ ราชินีวงการภาพยนตร์แห่งเมืองจิงคนนี้ที่คนลงมือด้วยตัวเอง ผมก็สามารถลงทุนในการถ่ายทำภาพยนตร์ให้แก่คุณได้เช่นกัน และการถ่ายทำก็ทำภายในโฮมสเตย์ของผมเอง”“ถือโอกาสให้มคุณทำงานฟาร์มธรรมดา ๆบ้าง อย่างเช่น การปลูกและเก็บชา เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีกับผู้คน และยังสามารถโปรโมตโฮมสเตย์ของผมได้อีกด้วย” “ ถึงตอนนั้นก็ยังสามารถดึงดูดกลุ่มนักท่องเที่ยวทั่วไปและกลุ่มทัวร์ได้ เพียงแต่จะต้องลำบากคุณให้ทำงานเพิ่มอีกสักหน่อย.....”สมองของหลินเฟิงกำลังวิ่งอย่างรวดเร็ว โดยที่ปากก็ยังแจกแจงคำพูดเกี่ยวกับแนวคิดต่าง ๆภายในสมองของเขาสิ่งนี้ทำให้สายตาของอิ
ถึงขั้นที่ในใจของเธอรู้สึกเฝ้ารอเรื่องที่อาจจะเกิดขึ้นแต่สุดท้ายหลินเฟิงเพียงแค่พาเธอกลับไปส่งที่คฤหาสน์หรูของเธอเท่านั้นจริง ๆนี่จึงทำให้ลึก ๆ ในใจของอิ่นนั่วเจียเกิดความผิดหวังเล็กน้อยเมื่อเธอครุ่นคิดถึงเหตุผลของความผิดหวัง ทันใดนั้นก็ทำให้เธอเขินอายจนหน้าแดง และล้มคว่ำไปบนเตียงไม่กล้าเงยหน้าเมื่อออกมาจากคฤหาสน์หรูของอิ่นนั่วเจีย หลินเฟิงก็อารมณ์ดีอย่างมากเขาเดินทางไปที่เมืองหนิงโจว ตัวเองได้รับแก่นสารจวี้คังมา สามารถทำตามสัญญาที่จะสร้างโฮมสเตย์ให้เป็นจริงได้ ถึงขั้นที่เกินความต้องการและก็ดึงอิ่นนั่วเจียมาเข้าร่วมได้อาศัยสถานการณ์ในช่วงนี้ โฮมสเตย์ของเขาไม่อยากมีชื่อเสียงก็ไม่เป็นไปไม่ได้แต่ความคิดบางอย่าง ต้องรอให้หลินเฟิงกลับไปยังจุดสูงสุดแล้วค่อยพิจารณาดังนั้นหลังออกมาจากคฤหาสน์หรูของอิ่นนั่วเจีย หลินเฟิงก็โทรศัพท์ไปหาหลี่ฮุ่ยหรานก่อน บอกเธอว่าเรื่องของอิ่นนั่วเจีย เขาได้จัดการแล้วไม่รอให้หลี่ฮุ่ยหรานถามรายละเอียด หลินเฟิงก็วางสายไป และขับรถไปที่สำนักไป๋เกาที่นอกสำนักไป๋เกา หลินเฟิงไม่ได้เห็นรถมายบัครุ่นเดียวกับของตัวเอง ดูท่าวันนี้จางเจียหนิงไม่ได้มาทำงาน
“พรวด!”เหมือนกับได้ยินเสียงคำรามของหลินเฟิง ภายในจุดตันเถียน จู่ ๆ ปรากฏหยดน้ำเขียวมรกขึ้นมาหนึ่งหยดหลินเฟิงตกตะลึงอย่างมาก ถ้าหากมีสิ่งของปะปนเข้าไปในจุดตันเถียนจะไม่ดีแน่ แต่ไม่นานนัก เขาก็วางใจแล้วเพราะว่าหยดน้ำนี้ไม่ใช่สิ่งอื่นใด เป็นพลังชี่แท้บริสุทธิ์ที่อยู่ภายในร่างกายของหลินเฟิงกำลังภายในค่อย ๆ แปรเปลี่ยนจากระดับเซียนเทียนเป็นพลังชี่แท้และหลังจากที่ผู้อยู่ในระดับเซียนเทียนเข้าสู่แดนแปรเทพ สุดท้ายกลายเป็นพลังชี่แท้ที่มีลักษณะคล้ายของเหลวถ้าหากพูดว่ากำลังภายในที่เปลี่ยนเป็นพลังชี่แท้สามารถฆ่าคนที่อยู่ไกลออกไปสิบก้าวได้ ส่วนพลังชี่แท้ที่เป็นของเหลวนี้ กลับมีประสิทธิภาพที่คนทั่วไปไม่สามารถเข้าใจได้ไม่เพียงระยะของพลังชี้แท้ที่ปล่อยออกมาจากร่างกาย แต่พละกำลังของชี่แท้ที่ปล่อยออกมานั้นก็ไม่สามารถเปรียบเทียบกันได้ถึงขั้นที่พลังชี่แท้ของเหลวที่วิชานิ้วส่งอกไป สามารถโจมตีทะลุแผ่นเหล็กที่อยู่ห่างออกไปร้อยเมตร น่ากลัวยิ่งกว่ากระสุนปืนธรรมดาเสียอีกพูดได้ว่าเป็นซูเปอร์แมนที่แท้จริงสัตว์ประหลาดรูปร่างมนุษย์หลังจากที่ชี่แท้เหลวที่อยู่ภายในร่างกายของหลินเฟิงยิ่งอยู่ยิ่งม
กลับกันนั้น ยายืดอายุขัยสีเขียวโปร่งใสหนึ่งหม้อก็ถูกเขาเก็บใส่ขวดทำทุกอย่างนี้เสร็จ หลินเฟิงถึงได้โล่งอกอย่างถึงที่สุดมองดูสีท้องฟ้าข้างนอก เป็นช่วงกลางดึก มีดวงดาวเต็มไปหมดแล้วและห้องของเขา ไม่เพียงบนผนังมีรูขนาดใหญ่ที่มีลมรั่ว เฟอร์นิเจอร์ทั้งบ้านก็พังทลาย ไม่มีสักชิ้นที่สมบูรณ์แบบหลินเฟิงเดินออกไปข้างนอก พบว่าภายในบ้านเงียบสงบ ไม่มีใครสักคนมีเพียงกระดาษโน้ตที่หลี่ฮุ่ยหรานทิ้งเอาไว้เธอกลัวจะรบกวนหลินเฟิง ดังนั้นคืนนี้จึงไปพักที่โรงแรมพร้อมกับหลินเสวี่ยฮุ่ยและคนอื่น ๆในตู้เย็นมีอาหารที่จ้าวเฉียวอวิ๋นตั้งใจทำให้เขามองดูกระดาษโน้ตนี้ หลินเฟิงทั้งรู้สึกซาบซึ้งและก็หลุดยิ้มออกมา ในใจมีความรู้สึกอบอุ่นจากการมีครอบครัวที่แท้จริงหลินเฟิงยืดกล้ามเนื้อเล็กน้อย ทั่วทั้งตัวเสียงดังกร่อบแกร่บเขาเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำ เมื่อออกมา ก็หยิบอาหารที่จ้าวเฉียวอวิ๋นเตรียมเอาไว้ออกมา และเริ่มกลืนกินเข้าไปในตอนที่หลินเฟิงทานอาหาร จู่ ๆ เขาก็นึกอะไรได้ จากนั้นก็ค้นหาโทรศัพท์ของตัวเองภายในห้องที่เละเทะยังดีที่ ถึงแม้หน้าจอโทรศัพท์จะแตก แต่อย่างน้อยก็ไม่ส่งผลทบต่อการที่หลินเฟิงมองดูหน้าจอ
“คุณ…ไร้ยางอาย!”อินนั่วเจียถึงแม้จะด่าทอเสียงดัง แต่ในใจกลับหวาดกลัวถึงที่สุดอาชีพการแสดงของเธอในช่วงหลายปีที่ผ่านมา รักษาของเขตของตัวเองมาโดยตลอด ให้เธอไปถ่ายหนังสิบแปดบวก ไม่สู้ฆ่าเธอโดยตรงไปเลย“ไร้ยางอายหรือไม่ หลังจากที่คุณได้ลิ้มลองรสชาติของผู้ชาย คุณก็จะเข้าใจแล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า…”ซือหม่าเหวินเงยหน้าหัวเราะเสียงดัง จากนั้นก็เข้าไปดึงอิ่นนั่งเจียมาอยู่ในอ้อมแขนของตัวเอง จากนั้นยื่นมือออกไป เตรียมตัวทำเรื่องที่ไม่ดีแต่ในตอนนั้นเอง หน้าต่างที่อยู่ข้าง ๆ แตกหัก หินกรวดขนาดเท่านิ้วโป้งกระแทกหน้าต่าง ลอยเข้ามาในบ้านกะทันกันกระแทกเข้ากับฝ่ามือของซือหม่าเหวินพอดี โดยไม่บิดเบี้ยวแม่แต่นิเ“อ้าก!”หลังจากเสียงกระดูกหักดังขึ้นซือหม่าเหมินกุมข้อมือของตัวเองที่มีเลือดสดไหลออกมา และส่งเสียงร้องโหยหวนเหมือนหมูถูกเชือด“เกิดอะไรขึ้น?!”บอดี้การ์ดของตระกูลซือหม่าเจียที่เฝ้ารักษาความปลอดภัยอยู่ที่นอกคฤหาสน์จองอินนั่วเจีย ได้ยินเสียงกระจกแตก และก็ได้ยินเสียงร้องอนาถของคุณชายของเขา จึงนีบพุ่งเข้ามาแต่ว่าพวกเขาเห็นแค่เลือดสดที่อยู่บนพื้น และซือหม่าเหวินที่กุมข้อมือร้องอนาถอยู่“ถูกลอบโ
“ปึง!”เพื่อที่จะทำเวลา หลินเฟิงถีบกำแพงของคฤหาสน์จะเป็นรูขนาดใหญ่ เขากลับเดินเข้าไปภายในคฤหาสน์ผ่านกำแพงที่พังทลาย และมีฝุ่นควันเกิดขึ้นซือหม่าเหวินกับอิ่นนั่วเจียก็อยู่ตรงนี้กำแพงอิฐแตกหัก ควันลอยไปทั่ว ดวงตาสีทองคู่หนึ่งปรากฏขึ้นที่ด้านข้างของอิ่นนั่วเจียที่กำลังกรีดร้องอยู่“คุณอิ่นนั่วเจีย ไม่ต้องกลัวครับ ผมมาช่วยคุณแล้ว”ได้ยินเสียงที่อ่อนโยนแบบนี้ ความหวาดกลัวที่อยู่ในใจของอิ่นนั่วเจียลดลงในทันทีเธอมองไปทางร่างสูงใหญ่ที่เข้ามาจากกำแพงแตกหัก รูม่านตาก็หดลงทันที คนที่เข้ามาก็คือคุณหลินเฟิง“คุณ…คุณหลินเฟิง…”อิ่นนั่วเจียไม่กล้าที่จะเชื่อ“อืม ผมเอง”หลินเฟิงถือโอกาสในตอนที่วุ่นวาย ก็เข้ามปกป้องอิ่นนั่วเจียไว้ข้างกายคราวนี้ก็ไม่ต้องกลัวว่าเธอจะถูกจับเป็นตัวประกันหลินเฟิงตรวจสอบเล็กน้อย ก็ถือว่าโล่งออกแล้วถึงแม้หุ่นที่งดงามมีเสน่ห์น่าสนใจของอิ่นนั่วเจียจะถูกห่อด้วยผ้าเช็ดตัวผืนเดียว แต่ก็ยังดี หลินเฟิงไม่เห็นว่าเธอถูกซือหม่าเหวินย่ำยี ดูท่าเขามาได้ทันเวลาพอดี“นายเป็นใครกัน? ทำไมถึงกล้าบุกเข้ามาในถิ่นของตระกูลซือหม่าของฉัน แถมยังทำให้มือของคุณชายตระกูลซือของพวกเร
“คุณปู่สาม ผมรู้แล้ว ผมรู้แล้ว!”ในตอนนี้เอง ซือหม่าเหวินกุมข้อมือของตัวเองที่มีเลือดไหลออกมา แล้วกัดฟันกลั้นความเจ็บปวดพูดขึ้น:“วันนี้เบื้องบนมีคนมารายงาน บอกว่าตระกูลซือหม่าของพวกเรารับซื้อเล่อเจียเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ไม่สำเร็จ”“เพราะมีคนแจ้งปัญหาเรื่องปัญชี”ซือหม่าเหวินมองไปทางหลินเฟิงที่มีสีหน้านิ่งเฉยด้วยความดุดัน และพูดอย่างโมโห: ”คนที่รับซื้อเล่อเจียเอ็นเตอร์เทนเม้นท์แทนพวกเรา ก็คือบริษัทเล็ก ๆ ที่ชื่อหลี่ซื่อกรุ๊ป”“ส่วนชื่อผู้บริหารหลี่ซื่อกรุ๊ป ผมก็เห็นว่ามีคนหนึ่งชื่อหลินเฟิง!”“หือ?”ชายชราชุดถังขมวดคิ้ว และมองไปทางหลินเฟิง“หลานชายของฉันรับซื้อบริษัทเล่อเจียแต่ถูกขัดขวาง หรือว่าจะเป็นฝีมือของนาย?”“สาม”หลินเฟิงไม่ได้ตอบกลับด้วยซ้ำ และนับเลขสามออกมาด้วยสีหน้านิ่งเฉยต่อไป“สารเลว!”ชายชราชุดถังจวงเพิ่งจะเคยโดนคนดูถูกแบบนี้เป็นครั้งแรกเขาในฐานะยอดฝีมือระดับเซียนเทียนของเมืองจิง อยู่อันดับที่สามสิบกว่าของลำดับสวรรค์ ถือว่าบรรลุถึงขั้นความสำเร็จสูงสุดแล้วตอนนี้ กลับถูกคนในเมืองเล็ก ๆ แบบนี้ดูถูกชายชราชุดถังจวงก็โมโหทันที:“ไอ้หนุ่มที่ชื่อหลินเฟิง เรื่องมาจนถ
“คุณเนี่ยนะ?”หลินเฟิงไม่ได้ถอยออกไป แต่กลับเดินเข้าไปยังทิศที่ซือหม่าจัวโจมตี“กำลังภายในปล่อยไปยังหยวนหยาง ใช้จุดหยวนหยางปลดปล่อยชี่แท้ จากนั้นก็เพิ่มแรงให้หมัดตัวเอง”“วิชาบู๊มีความเก่งกาจอยู่บ้าง แต่นายอ่อนแอเกินไป” หลินเฟิงส่ายหน้าด้วยความเสียดาย แค่แวบเดียวเขาก็เห็นถึงจุดหลักวิชาบู๊ของซือหม่าจัวแล้วนี่ยิ่งทำให้ซือหม่าจัวโมโหยิ่งกว่าเดิม“ไอ้หนุ่ม ตายไปซะ!”ซือหม่าจัวคำรามเหมือนจะให้คฤหาสน์สั่นสะเทือนจนพลังทลายลง บนกำปั้นนอกจากแสงสีทองแล้ว ก็ยังส่งเสียงทะลวงลมออกมาอีก“นี่ก็คืออันดับที่สามสิบของลำดับสวรรค์อย่างนั้นเหรอ? ชิ…ลำดับสวรรค์ในตอนนี้ไม่ว่าใครก็สามารถติดอันดับได้จริง ๆ ด้วย”หลินเฟิงกำลังพูดกับตัวเอง แต่ซือหม่าจัวเหมือนได้รับความเหยียดหยาม“หมัดหยวนหยาง…ควรจะใช้แบบนี้ ดูให้ดีล่ะ!”หลนเฟิงเห็นว่าหมัดลมนั้นจะมาถึงแล้ว ก็ไม่ได้แสดงความคิดเห็นด้วยความเอ้อระเหยอีกต่อไป แต่กลับยกฝ่ามือของตัวเองขึ้น และกำนิ้วมือเป็นหมัดทันใดนั้น พลังชี่แท้เหลวสีทองก็พรั่งพรูออกมจากหมัดของหลินเฟิงจนกระทั่งบนหมัดของหลินเฟิงเกิดเป็นหัวเสือสีทองอย่างเรือนราง“โฮก!”หัวเสือสีทองที่เ
“บ้าเอ๊ย ฉันไม่สามารถทนได้จริงๆ ติดต่อน้องหลินให้ฉัน ฉันจะเข้าแทรกแซงเรื่องนี้ด้วย!”...วันต่อมาในบาร์ใต้ดินแห่งหนึ่งทางตอนใต้ของเมืองจิงจวงฉุนและอิ่นนั่วเจียที่สวมหมวกและหน้ากากไว้ และดูเรียบง่ายมากรีบเดินทางมาที่นี่ ที่นี่คือ “สถานที่นัดพบ” ที่หลงซิ่วพูดถึงควบคู่ด้วยเสียงดนตรีอันไพเราะและฝูงชนที่เต้นรำจวงฉุนและอิ่นนั่วเจียเดินผ่านทางเดินและมองเห็นหลงซิ่วกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะ พร้อมคาบบุหรี่อยู่ในปากเมื่อเห็นว่าอิ่นนั่วเจียมาจริง ๆ ดวงตาของหลงซิ่วก็เป็นประกายบุหรี่ในปากของเขาหล่นลงพื้นโดยไม่รู้ตัวแม้ว่าอิ่นนั่วเจียจะสวมเพียงชุดเดรสยีนส์ซึ่งทำให้เธอดูเป็นเด็กสาวมากในวันนี้ แต่หุ่นที่น่าสะพรึงกลัวของเธอก็ยังทำให้ หลงซิ่วที่กำลังนั่งอยู่ตรงโต๊อย่างไม่ใส่ใจก็ต้องกลืนน้ำลายลงคอ"เชี่ย ไม่เสียแรงที่เป็นซูเปอร์สตาร์ประเทศมังกรจริงๆ นะ!"หลงซิ่วอดไม่ได้ที่จะเปรียบเทียบเธอกับถานหง หลังจากคิดดู นี่มันไม่ใช่คนระดับเดียวกันด้วยซ้ำ!แม้ว่าถานหงจะเป็นราชินีเพลงประเทศมังกร หน้าตาก็คล้ายๆกันแต่เมื่อเทียบกับอิ่นนั่วเจียสาวสวยที่อยู่แต่ในจอ ถานหงยังด้อยกว่าเยอะมากเพียงแค่ออร่าอันส
สำนักงานใหญ่กลุ่มเผิงกวง เมืองจิงขณะนั้นเผิงกวงฉี่กำลังคาบซิการ์ไว้ในปากอย่างเรื่อยเปื่ยอ ฟังการโต้เถียงขัดแย้งระหว่างตัวแทนจากทั่วทุกแห่งในการประชุมแม้ว่าเผิงกวงฉี่จะดูเป็นปกติ แต่ในใจเขากลับโกรธมากพวกขยะพวกนี้ได้แต่โทษกันไปมา และต่างคนต่างหาผลประโยชน์แม้แต่เผิงกวงฉี่ก็ยังคิดว่า ควรจะกำจัดคนไร้ประโยชน์เหล่านี้ และส่งเสริมให้คนอื่นขึ้นมาเป็นผู้นำภูมิภาคดีไหมขณะที่กำลังคิดแบบนี้ โทรศัพท์มือถือของเผิงกวงฉี่ก็ดังขึ้นกะทันหันเสียงโทรศัพท์ทำให้ห้องประชุมเงียบลงทันที“คุณหลินโทรมาครับ คุณเผิงกวงฉี่”ผู้ช่วยที่อยู่ข้างๆ ยื่นโทรศัพท์ให้ด้วยความเคารพเมื่อคิดว่าเป็นหลินเฟิง เผิงกวงฉี่ก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมากไม่พูดไม่ได้ว่ายาหยกโมราของหลินเฟิงมีประสิทธิภาพมากจริงๆ ควบคู่กับน้ำพุร้อนที่เจียงโจว ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองดูหนุ่มลงเรื่อย ๆ และร่างกายก็เต็มไปด้วยกำลังวังชาแม้แต่ผู้หญิงคนใหม่ที่หามาช่วงนี้ ก็ไม่สามารถทำให้เขาพึงพอใจได้ช่วงนี้เขากำลังคิดว่าควรจะหาเพิ่มอีกสักหน่อย เพื่อสร้างทายาทให้กับตระกูลเผิงของเขาสองเดือนที่แล้ว นี่เป็นสิ่งที่เขาไม่กล้าคิดมาก่อนด้วยซ้ำ“ฮัลโหล
“ฉันจะโอนเงินสองหมื่นห้าพันล้านบาทเข้าบัญชีของคุณทันที ทางที่ดีคุณให้อิ่นนั่วเจียออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ปโดยเร็วที่สุด ให้เธอมาพบฉันที่เมืองจิง”"ฮ่าฮ่าฮ่า......"ถานหงที่อยู่ปลายสายหัวเราะอย่างโอเวอร์“ฉันต้องการให้อิ่นนั่วเจียคุกเข่าอยู่แทบเท้าฉัน! ยังมีหลินเฟิง ฉันจะทำให้หลินเฟิงและหลี่ซื่อกรุ๊ปบ้าบออะไรนั่นได้ชำระในสิ่งที่ควรจ่าย!”หลังจากพูดจบโทรศัพท์ก็วางสายไปและภายในเวลาไม่กี่นาที ข้อความเงินสดเข้าบัญชีจำนวนสองหมื่นห้าพันล้านบาทก็ปรากฏบนโทรศัพท์มือถือของจวงฉุนทันทีเมื่อมองดูข้อความบนโทรศัพท์ ลมหายใจของจวงฉุนก็เร็วขึ้นอย่างมาก เขาไม่เคยเห็นเงินมากขนาดนี้ในชีวิตของเขามาก่อนแต่เมื่อเขาเงยหน้ามองไปทางหลินเฟิง ก็รู้สึกเหี่ยวเฉาทันทีเขารู้ว่าเงินจำนวนนี้จะไม่มีวันมาถึงเขาด้วยซ้ำ อีกทั้งเรื่องที่อิ่นนั่วเจียเข้าร่วมตระกูลหลงเป็นเรื่องโกหกทั้งหมดเขาแค่อยากหลอกเอาเงินก้อนนี้มาจากหลงซิ่ว เพื่อใช้รักษาชีวิตของตัวเองเอาไว้ก็เท่านั้นเอง“ตอนนี้โอนเงินก้อนนี้เข้าบัญชีของหลี่ซื่อกรุ๊ปเถอะ”หลินเฟิงไม่พูดมาก บังคับจวงฉุนให้ดำเนินการบนโทรศัพท์มือถือของเขาโดยตรงหลังจากนั้นไม่นาน เงิน
“ดูเหมือนว่าคุณจะได้เจอกับอิ่นนั่วเจียจริงๆ นะ”หลงซิ่วที่อยู่ปลายสายพูดอย่างใจเย็นว่า:“ผมลืมบอกคุณไปว่าตอนนี้อิ่นนั่วเจียเป็นสมาชิกของหลี่ซื่อกรุ๊ปแล้ว เธอเต็มใจที่จะออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ป และร่วมมือกับตระกูลหลงของเราจริงๆ เหรอ?”เมื่อได้ยินสิ่งที่หลงซิ่วพูดจวงฉุนสั่นสะเทือนไปทั้งตัวเกือบหัวใจวายเพราะความโมโหในที่สุดเขาก็ได้ลิ้มรสว่าการถูกหลอกเป็นอย่างไรหากหลงซิ่วเล่าเบื้องหลังของอิ่นนั่วเจียให้เขาฟังก่อนหน้านี้เขาจะพาผู้คนมาที่นี่เพื่อมาหาอิ่นนั่วเจีย และตกหลุมพรางได้ยังไง?ตอนนี้มันสายเกินไปที่จะพูดอะไรอีกแล้วร่องรอยแห่งความโกรธเริ่มผุดขึ้นในใจของจวงฉุนหากพูดว่าเมื่อครู่เพียงแค่โกหกหลงซิ่ว เขาก็มีความกดดันอยู่ไม่น้อยเมื่อเขาได้ยินว่าหลงซิ่วปกปิดเรื่องของอิ่นนั่วเจียกับเขา เขาก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันทีหากคุณไม่ได้บอกผมให้ชัดเจนก่อนที่คุณจะจากไปผมจำเป็นต้องตกไปอยู่ในมือของหลินเฟิงงั้นเหรอ?จวงฉุนตัดสินใจ คำพูดก็ราบรื่นมากขึ้น“ใช่ครับ คุณอิ่นนั่วเจียบอกผมเอง แต่ว่า...”"แต่ว่าอะไร?"หลงซิ่วที่ปลายสายโทรศัพท์ขมวดคิ้วเล็กน้อย“แต่คุณอิ่นนั่วเจียบอกว่าเธอได้เซ็น
จวงฉุนคิดว่าคำพูดนี้สมบูรณ์แบบไร้ที่ติขณะที่จวงฉุนกำลังจมอยู่กับจินตนาการของเขา หลินเฟิงก็ยื่นมือออกไปและโบกไปมาตรงหน้าจวงฉุน“การปล้นทำลายของพวกนายในครั้งนี้ ได้ทำลายสินค้าของหลี่ซื่อกรุ๊ปของฉันมูลค่าสองหมื่นห้าพันล้านบาทเต็มๆ เพียงแค่นายสามารถชดเชยเงินสินค้าเหล่านี้ให้เราได้ ฉันก็จะไม่ถือสาเอาความ”"สองหมื่นห้าพันล้านบาท?"เมื่อได้ยินตัวเลขนี้ อิ่นนั่วเจียที่อยู่ข้างๆ ก็เปิดริมฝีปากสีแดงของเธอออกครู่หนึ่ง เธอก็ส่ายหัวอย่างจนปัญญาหลินเฟิงกำลังพยายามกรรโชกเงินอยู่เหรอ!"เป็นไปไม่ได้!"เห็นได้ชัดว่าจวงฉุนก็ตกใจกับจำนวนเงินมหาศาลนี้อย่าว่าแต่ยี่สิบห้าล้านบาทเลย แม้แต่ห้าพันล้านบาทเขาก็ยังไม่มี จะอุดรูโบ๋นี้ได้อย่างไรหลินเฟิงรีดไถมากเกินไปจริงๆ“แน่นอนว่าหลี่ซื่อกรุ๊ปของฉันไม่สนใจเงินจำนวนน้อยๆ นี้ แต่ฉันแค่อยากเห็นท่าทางของคุณ”“เป็นไงบ้าง?”หลินเฟิงจ้องมองจวงฉุนด้วยความสนใจอย่างยิ่ง ต้องการดูว่าคนๆ นี้จะหาเงินได้มากเท่าไหร่เพื่อเอาชีวิตรอดได้ในเมื่อเสียหายหนึ่งหมื่นล้านบาท หลินเฟิงต้องหาชดเชยมาจากที่อื่น"ดี...ดีครับ!"จวงฉุนรู้ดีว่าวันนี้เขาไม่มีสิทธิ์ต่อรองกับหลิ
“ตอนนี้ ฉันถามพวกนายตอบ”หลินเฟิงค่อยๆ เดินเข้าไปหาจวงฉุน เหยียดมองลงที่ชายผู้ล้มอยู่บนพื้น และตกใจจนหน้าซีดเผือด“คุณ...คุณว่ามาครับ คุณว่า...ผม...ผมจะบอกคุณทุกอย่าง”จวงฉุนในตอนนี้รู้สึกกลัวจนสติแตก ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังพูดอะไรอยู่“เมื่อวาน อุปกรณ์ไฮเอนด์ล็อตหนึ่งของหลี่ซื่อกรุ๊ป ถูกคนขโมยและทำลายระหว่างทาง...”“เป็นฝีมือพวกผม!”เมื่อจวงฉุนได้ยินเช่นนี้ น้ำตาก็เริ่มไหลออกมา รีบยอมรับทันทีเขากราบหลินเฟิงไม่หยุดและพูดว่า:“ขอโทษครับคุณหลิน เรื่องนี้พวกเราเป็นคนทำจริงๆ แต่เราแค่ถูกใช้เป็นปืนเท่านั้น! หลงซิ่วจากตระกูลหลงสั่งให้พวกเราทำ เขาสั่งให้พวกเราทำ พวกเราก็ไม่กล้าขัดคำสั่งนะครับ!”การได้ยินคำวิงวอนของจวงฉุนซึ่งแทบจะเป็นเหมือนการขอความเมตตาเริ่นโหย่วไฉที่อยู่ข้างๆ ส่งเสียงไม่พอใจในลำคอต้องรู้ไว้ว่า ผู้ชายคนนี้เคยคุยโม้กับเขามาก่อนว่า เขาทำได้ดีแค่ไหนและเผาผลาญมันได้คล่องแคล่วแค่ไหนท่าทางหยิ่งยโส มีท่าทางเหมือน “ถูกบังคับ” ที่ไหนกัน?แต่ตอนนี้เริ่นโหย่วไฉไม่กล้าที่จะพูดอะไรเกรงว่าจะเดินตามรอยของสวีโจวการตายแบบนี้ มันน่าหวาดกลัวมากเกินไป ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยด้วยซ
“พวกเราไม่จำเป็นต้องซ่อนตัวอยู่ในเมืองเจิ้งเต๋ออีกต่อไป!”“ทุกคนฟังคำสั่งของฉัน ลุย!”คำสั่งของจวงฉุนมีน้ำหนักมากกว่าคำสั่งของสวีโจวอย่างเห็นได้ชัดไม่ใช่แค่เพราะเงื่อนไขที่จวงฉุนเสนอมาดึงดูดพวกเขามากเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะพวกเขาไม่เคยรู้ถึงความสามารถของหลินเฟิงว่าเป็นอย่างไรกันแน่คนธรรมดาหลายคนรวมกันอาจเปรียบเป็นขงเบ้งได้ในความคิดของพวกเขา ความสามารถของหลินเฟิงเป็นอย่างไรกันแน่ พวกเขาก็มองไม่เห็นแต่สิ่งที่เป็นความจริงคือพวกเขากลับสามารถมองเห็นข้อได้เปรียบของพวกเขาจากจำนวนคนบวกกับพลังอำนาจของหลงซิ่วด้วยหลังจากครุ่นคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่ที่เดิม นักบู๊ตระกูลหลงประมาณสิบกว่าคนในที่สุดก็ตัดสินใจได้แล้ว และล้อมรอบหลินเฟิงเอาไว้ทีละคนวันนี้สู้ดูสักตั้งถ้าไม่สำเร็จก็ต้องตาย!"แม่งเอ๊ย จวงฉุนไอ้สารเลวตัวน้อย!"ในที่เกิดเหตุมีเพียงสวีโจวเท่านั้น ที่รู้ว่าการปิดล้อมครั้งนี้เป็นการไปตายโดยที่ไม่ต้องคิดด้วยซ้ำเขาเกลียดจวงฉุนมาก จนถึงขั้นมีความคิดอยากฆ่าเขาด้วยซ้ำแต่ทว่าจวงฉุนกลับแสยะยิ้มมองดูสวีโจว และพูดอย่างเย็นชา:“สวีโจว อย่าทำเป็นเสแสร้งอยู่ตรงนี้ รอให้ภารกิจในครั้งน
"อะ......"จางฉุนไม่เข้าใจว่าหลินเฟิงกำลังพูดอะไร เขาพาคนเหล่านี้มาที่นี่ เป้าหมายเพียงเพื่อจับตัวอิ่นนั่วเจียไปเขารู้ว่าหลินเฟิงเป็นนักบู๊และจัดการยากสักหน่อยเพราะงั้นถึงเรียกคนของตัวเองมาแต่อะไรที่เรียกว่า “พาผู้กระทำความผิดมาตรงหน้าเขาโดยตรง” ?ในตอนนี้เอง สวีโจวที่อยู่ไกลออกไปก็คำรามออกมาอย่างกะทันหัน“นาย... ฉันจำได้ นายคือหลินเฟิง! นายคือ... นายคือคนของหลี่ซื่อกรุ๊ป! หลินเฟิงหัวหน้าแผนกรักษาความปลอดภัยของหลี่ซื่อกรุ๊ป!”"อะไรนะ?"เมื่อได้ยินชื่อนี้ จางฉุนก็หันหน้ามองไปที่หลินเฟิงด้วยสีหน้าที่น่าเหลือเชื่อเพราะเขาเคยได้ยินชื่อหลินเฟิงเขาได้ยินมาจากหลงซิ่วว่า ข้อห้ามประการเดียวในการปฏิบัติการครั้งนี้คือการปะทะกับหลินเฟิงตัวซวยคนนี้หลงซิ่วเตือนจางฉุนซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้ระวังหลินเฟิงแต่เขาคิดไม่ถึงว่าเรื่องราวจะพัฒนาไปเกินความคาดหมายของเขา“โอ้? ดูท่าพวกคุณจะรู้จักผม”หลินเฟิงเดินออกมาพร้อมกับรอยยิ้มจากนั้นรัศมีแห่งความหวาดกลัวก็ค่อยๆ แผ่ออกมาจากร่างกายของเขา อุณหภูมิทั่วทั้งห้องทำงานก็ลดลงมากกว่าสิบองศาในพริบตาเดียวแม้แต่ชาที่มีไอร้อนลอยออกมาเมื่อครู่นี้บนโต๊ะ
“บ้าเอ๊ย ทนไม่ไหวแล้ว!”จวงฉุนรีบถีบประตูห้องทำงานของหัวหน้าโรงงานทันทีสิ่งแรกที่เขาเห็นคือเริ่นโหย่วไฉที่เหงื่อไหลท่วมตัวและยืนอยู่ตรงนั้นอย่างโง่เขลาและอิ่นนั่วเจียผู้มีเสน่ห์กำลังนั่งอยู่บนโซฟา“อิอิอิ…”จวงฉุนเลียริมฝีปากและเผยรอยยิ้มหื่นกามออกมาทันทีตอนนี้เขาโยนคำพูดของเริ่นโหย่วไฉไปไกลโพ้นทันที เพียงแค่จ้องมองไปที่หุบเขาที่คอเสื้อของอิ่นนั่วเจียแล้วแสยะยิ้มพูดว่า:“คุณอิ่นนั่วเจีย ผมมารับคุณแล้ว”"โอ้?"ใครจะไปรู้ว่ารอยยิ้มของจวงฉุนไม่ได้ทำให้อิ่นนั่วเจียตกใจหรืองุนงง เธอยิ้มให้จวงฉุนแล้วพูดว่า:"ฉันรอคุณมานานแล้ว""รอผม?"จวงฉุนตกใจเล็กน้อย จากนั้นก็หัวเราะออกมา“ที่แท้คุณหญิงอิ่นนั่วเจียก็สนใจผมด้วย ดังนั้นการเตรียมการทั้งหมดนี้เกินความจำเป็นไปแล้ว!”ขณะที่จวงฉุนกำลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง สวีโจวที่เดินเข้ามาเห็นอิ่นนั่วเจียและหลินเฟิงกำลังนั่งอยู่ที่เก้าอี้เถ้าแก่ในห้องทำงาน สีหน้าของเขาดูตกตะลึงเล็กน้อย“พี่สวี มีอะไรหรือเปล่า?”นักบู๊ตระกูลหลงที่อยู่ด้านหลังเขาเห็นท่าทางแปลกๆ ของสวีโจว จึงรีบถามแต่สวีโจวกลับไม่สนใจคนข้างหลังเขา กลับก้าวไปข้างหน้าและคว้าแขน