“คุณเนี่ยนะ?”หลินเฟิงไม่ได้ถอยออกไป แต่กลับเดินเข้าไปยังทิศที่ซือหม่าจัวโจมตี“กำลังภายในปล่อยไปยังหยวนหยาง ใช้จุดหยวนหยางปลดปล่อยชี่แท้ จากนั้นก็เพิ่มแรงให้หมัดตัวเอง”“วิชาบู๊มีความเก่งกาจอยู่บ้าง แต่นายอ่อนแอเกินไป” หลินเฟิงส่ายหน้าด้วยความเสียดาย แค่แวบเดียวเขาก็เห็นถึงจุดหลักวิชาบู๊ของซือหม่าจัวแล้วนี่ยิ่งทำให้ซือหม่าจัวโมโหยิ่งกว่าเดิม“ไอ้หนุ่ม ตายไปซะ!”ซือหม่าจัวคำรามเหมือนจะให้คฤหาสน์สั่นสะเทือนจนพลังทลายลง บนกำปั้นนอกจากแสงสีทองแล้ว ก็ยังส่งเสียงทะลวงลมออกมาอีก“นี่ก็คืออันดับที่สามสิบของลำดับสวรรค์อย่างนั้นเหรอ? ชิ…ลำดับสวรรค์ในตอนนี้ไม่ว่าใครก็สามารถติดอันดับได้จริง ๆ ด้วย”หลินเฟิงกำลังพูดกับตัวเอง แต่ซือหม่าจัวเหมือนได้รับความเหยียดหยาม“หมัดหยวนหยาง…ควรจะใช้แบบนี้ ดูให้ดีล่ะ!”หลนเฟิงเห็นว่าหมัดลมนั้นจะมาถึงแล้ว ก็ไม่ได้แสดงความคิดเห็นด้วยความเอ้อระเหยอีกต่อไป แต่กลับยกฝ่ามือของตัวเองขึ้น และกำนิ้วมือเป็นหมัดทันใดนั้น พลังชี่แท้เหลวสีทองก็พรั่งพรูออกมจากหมัดของหลินเฟิงจนกระทั่งบนหมัดของหลินเฟิงเกิดเป็นหัวเสือสีทองอย่างเรือนราง“โฮก!”หัวเสือสีทองที่เ
เหล่าบอดี้การ์ดก็ไม่กล้ารีรอ รีบสตาร์ทรถ กลัวว่านักบู๊แดนแปรภาพคนนั้นจะตามออกมา และกำราบพวกเขาจนสิ้นซาก“นักบู๊แดนแปรภาพ…นึกไม่ถึงว่าจะเป็นนักบู๊แดนแปรภาพ?”ซือหม่าเหวินที่อยู่บนรถยังคงรู้สึกหวาดกลัวอยู่ แต่ขณะเดียวกันในใจของเขาก็เกิดความแค้นที่รุนแรงนักบู๊แดนแปรภาพ พวกเขาตระกูลซือหม่าไม่ใช่ว่าไม่มีสักหน่อยแต่นักบู๊ที่มาถึงขั้นนี้ได้ นั่นมันเหมือนกับมังกรหงส์ในหมู่คน หนึ่งในหมื่น ไม่ใช่คนที่เขาคุณชายรองของตระกูลซือหม่าจะสั่งการได้ด้วยซ้ำนอกจากว่ามีคำสั่งของผู้นำตระกูล ไม่อย่างนั้นพวกยอดฝีมือแดนแปรภาพเหล่านี้ในเวลาปกติแล้วไม่มีทางลงมืออย่างแน่นอน“เอือกเอือกเอือก…”ในตอนนี้เอง จู่ ๆ ซือหม่าเหวินได้ยินเสียงครวญครางติด ๆ ขัด ๆ ที่นอกหน้าต่างรถในตอนนี้พวกเขาขับออกมาไกลจากคฤหาสน์ของอิ่นนั่วเจียพอสมควรแล้วซือหม่าเหวินรีบสั่งให้คนขับรถจอดรถ ส่วนเขาก็รีบลงจากรถ และค้นพบอย่างประหลาดใจว่า ในตอนนี้ซือหม่าจัวที่อยู่บนหลังคารถยังมีชีวิตอยู่ถึงแม้กระดูกจะหักหมด เส้นลมปราณก็ฉีกขาด แต่กลับยังมีเค้าลางชีวิตอยู่อย่างน่ามหัศจรรย์ถ้าหากช่วยเหลือได้ทันเวลา จะต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปได้แน่นอน
“ผมจะแก้แค้นแทนคุณปู่ครับ!”“หลินเฟิงคนนั้น ผมจะให้เขาตายโดยไร้ที่ฝังศพอย่างแน่นอน”ซือหม่าจัวเลือดไหลออกจากปาก เขาจ้องมองซือหม่าเหวินอย่างแน่วแน่เขาคิดไม่ถึงเลยว่าหลานชายที่ตัวเองรักและเอ็นดูมากว่าครึ่งชีวิต จะหันกลับมาฆ่าเขาเพื่อตอบสนองความต้องการของตัวเองนี่มันเหลวไหลเกินไปแล้ว!แต่ต่อให้ซือหม่าจัวคิดอย่างไร ตอนนี้เขาก็ไม่มีแรงต่อต้านใด ๆ แล้วส่วนซือหม่าเหวินมองดูคุณปู่สามของตัวเองถูกต่อให้ถูกแทงจนถึงชีวิตแต่ก็ไม่ได้ตายไปในทันที ทันใดนั้นความดุดันก็ปรากฏออกมาเขาดึงมีดกริชออก และก็แทงไปที่หน้าอกของปู่อีกครั้ง“พรวดพรวด!”เลือดสดไหลออกมาเหมือนกับซือหม่าเหวินอยากจะระบายความอัดอั้นตันใจไปที่ตัวของคุณปู่ของเขา เขาใช้มีดกริชแทงไปที่ตัวของซือหม่าจัวไม่หยุดราวกับเป็นบ้าไปแล้วถึงขั้นที่ด่าทออย่างเหี้ยมโหด: “ไอ้แก่ไร้ประโยชน์ เป็นเพราะแกไร้ประโยชน์แบบนี้ ถึงกับสู้นักบู๊ที่อายุสามสิบไม่ได้ด้วยซ้ำ ทำให้ฉันเหมือนกับหมาไร้เจ้าของ!”“แกมันสมควรตาย! สมควรตาย! สมควรตาย!”สุดท้ายซือหม่าเหวินก็แทงมีดกริชไปที่หน้าผากของซือหม่าจัว สุดท้ายก็เสร็จสิ้นการระบายของตัวเองส่วนซือหม่าตัว ใน
อิ่นนั่วเจียไม่กล้าพักอยู่ที่คฤหาสน์ของตัวเองต่อไปแล้วเธอกลัวว่าหลังจากหลินเฟิงกลับไป ตระกูลซือหม่าก็จะวกกลับมาอีก ดังนั้นเธอจึงเสนอที่อยากจะไปพักที่โรงแรมแต่เพื่อความปลอดภัยของเธอ หลังจากหลินเฟิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็เป็นฝ่ายเชื้อเชิญเธอกลับมาหลบซ่อนที่อ่าวเทียนสุ่ยระยะหนึ่งก่อนในเมื่อหลังจากนี้ยังต้องร่วมมือเรื่องฟาร์มกับหลินเฟิงอีก อีกทั้งอยู่ใกล้หลินเฟิง ก็ไม่มีทางเกิดเรื่องเหมือนในวันนี้ว่าไปแล้ววันนี้ก็อันตรายมากจริง ๆถ้าหากหลินเฟิงไม่ได้มาทันเวลา เกรงว่าอื่นนั่วเจียคงถูกซือหม่าเหวินย่ำยีสำเร็จแล้ว“งั้นขอบคุณนะคะ คุณหลิน”อิ่นนั่วเจียรักษาความสง่างามของตัวเองเอาไว้ และเดินออกมาจากอารมณ์ที่ร้องไห้เป็นเด็กน้อย เธอก็รู้สึกเขินอายนิดหน่อยสำหรับการเชื้อเชิญของหลินเฟิง หรือพูดว่า ในใจของเธอก็กำลังตั้งตารออะไรอยู่หลินเฟิงที่อยู่ในสายตาของอื่นนั่วเจียในตอนนี้ มีภาพลักษ์ของแฟนหนุ่มที่สมบูรณ์แบบที่สุด มอบตัวเองให้เขา ก็ไม่ถือว่าทำร้ายตัวเอง......เมื่อกลับถึงอ่าวเทียนสุ่ยก็ดึกมากแล้วหลินเฟิงพูดกำชับสองสามประโยค จากนั้นก็ยกห้องหนึ่งจากหลาย ๆ ห้องให้กับอิ่นนั่วเจีย
พูดอีกอย่าง นี่ก็คือนิสัยที่แสวงหาความสมบูรณ์แบบของอิ่นนั่วเจียไม่น่าแปลกที่เธอได้เป็นซูเปอร์สตาร์ของประเทศมังกรหลินเฟิงมองดูรอยช้ำ จากนั้นยิ้มแล้วพยักหน้าพูดว่า: “วางใจเถอะครับ รอยช้ำเล็ก ๆ ไม่กี่จุด ผมลบมันออกไปให้คุณได้อย่างง่ายดาย”“ดีมากเลยค่ะ!”อิ่นนั่วเจียดีใจจนแทบอยากจะโอบกอดหลินเฟิงแล้วกัดเขาสักคำหลินเฟิงลูบจมูกและรู้สึกเขินอายเล็กน้อยในเมื่อตอนนี้อิ่นนั่วเจียสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวเพียงตัวเดียว ภายใต้ความตื่นเต้นแบบนี้ หน้าอกก็โผล่ออกมาอีกครั้งบีบคั้นจนหลินเฟิงทำได้แค่ใช้ชี่แท้เหลวข่มความคิดชั่วร้ายในใจเอาไว้ แบบนี้ทำให้เขารู้สึกเหนื่อยใจเล็กน้อยถ้าหากเป็นแบบนี้กับอิ่นนั่วเจียต่อไป หลินเฟิงคงจะต้องอัดอั้นจนป่วยอย่างแน่นอนผ่านไปครู่หนึ่ง อิ่นนั่วเจียก็นอนอยู่บนโซฟาที่ห้องรับแขก หลินเฟิงหยิบยายืดอายุขัยที่กลั่นก่อนหน้านี้ออกมาหนึ่งหยดนี่เป็นยาเข้มข้นที่เขาเตรียมจะใช้ที่ในน้ำพุร้อนของฟาร์ม สรรพคุณนั้นไม่จำเป็นต้องพูดให้มากมาย รักษาบาดแผลประเภทรอยช้ำ นั่นคือความรู้สึกเหมือนปืนใหญ่ที่ยิงแมลงวัน แต่หลินเฟิงก็จะใช้ที่บนตัวของอิ่นนั่วเจียก่อนให้อิ่นนั่วเจียได้สัมผ
หลินเฟิงรวบรวมสมาธิ และถูยาไปที่ฝ่ามือของตัวเองอีกครั้ง จากนั้นก็เริ่มนวดรอยช้ำที่อยู่บนแผ่นหลังของอิ่นนั่วเจียเบา ๆ“ซี้ด...”รอยช้ำบนแผ่นหลังขนาดค่อนข้างใหญ่ ในตอนที่หลินเฟิงลงมือเหมือนกับไปโดนจุดที่เจ็บปวดของเธอโดยไม่ได้ตั้งใจจึงทำให้อิ่นนั่วเจียขมวดคิ้ว และหายใจเข้าอย่างแรง“อดทนหน่อย อีกไม่นานก็เสร็จแล้ว”หลินเฟิงแตะชี่แท้เหลวไปบนนิ้วมือ ใช้กำลังภายในมาขับเคลื่อนลิ่มเลือดให้อิ่นนั่วเจียแต่ไม่กี่วินาที อิ่นนั่วเจียก็ส่งเสียงครวญครางที่ทำน่าเขินอายออกมา เธออดทนไว้ไม่ไหวแพราะความเจ็บปวดได้หายไปแล้ว แต่มีความรู้สึกจั๊กจี้มาแทนที่ จึงทำให้เธอรู้สึกสบายเป็นพิเศษ“สามี มีเรื่องอยากให้คุณช่วยเหลือนิดหน่อย...”ในตอนนี้ เสียงของผู้หญิงที่คุ้นเคยดังขึ้นที่หน้าประตูกระทันหันคนที่เดินเข้ามาอย่างมั่นอกมั่นใจไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นถังหว่านหลินเฟิงกับอิ่นนั่วเจียเงยหน้าขึ้นพร้อมกันพวกเขาเห็นถังหว่านที่มีสีหน้านิ่งอึ้งพร้อมกัน ส่วนถังหว่านนั้นคำพูดอีกครึ่งหนึ่งทีเหลือก็พูดไม่ออกในทันที ทั้งสามคนต่างถลึงตาโตมองกันอยู่แบบนี้“พวกคุณ...กำ ลัง ทำ อะ ไร?!”ถังหว่านเปลี่ยนจากอารมณ์ดีเป
เห็นถังหว่านยกขุนแผนออกมาแล้ว อิ่นนั่วเจียจึงรีบอธิบายแทนหลินเฟิง“หึ ทายาใช่ไหม? อุ๊ย ฉันก็รู้สึกเจ็บตรงนี้ อยากจะทาเหมือนกัน!”ถังหว่านนั่งลงที่ด้านข้างหลินเฟิงทันที จากนั้นจับมือของหลินเฟิงยกขึ้นมากดที่หน้าอกของเธอ“ถังหว่าน คุณกำลังทำอะไร อย่าสร้างความวุ่นวาย”หลินเฟิงรีบดึงมือกลับ เขาไม่รู้ว่าจะร้องไห้หรือหัวเราะดี“ทำไม? ทายาให้ผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่รู้จักได้อย่างไม่เกรงใจขนาดนี้ แต่กลับทายาให้ฉันไม่ได้งั้นเหรอ?”ถังหว่านสีหน้าไม่พอใจ“คุณไม่ได้บาดเจ็บ ทายาอะไร?”หลินเฟิงพูดอย่างจนปัญญา: “นี่เป็นยาที่ผมจะใช้ในโฮมสเตย์ จะสิ้นเปลืองไม่ได้”ถังหว่านเป็นถึงคุณหนูลูกผู้ดี ทำไมเวลาหึงถึงได้เหมือนเด็กขนาดนี้“พูดจาเลอะเทอะ ใครบอกว่าฉันไม่ได้บาดเจ็บกันล่ะ?”ถังหว่านชี้ไปที่หน้าอกของตัวเอง และพูดอย่างโกรธแค้น: “ตรงนี้ของฉัน หัวใจพรุนไปหมด บาดเจ็บที่ภายใน อาการหนักกว่าเธอเยอะเลย!”“ไม่เชื่อคุณจับดูสิ!”ขณะพูด ถังหว่านยังคงแอ่นหน้าอกที่ยั่วยวนคนของเธอ และทำท่าทางที่จะให้คนจับได้เต็มที่เมื่อเห็นถังหว่านเป็นแบบนี้ หลินเฟิงรู้สึกแค่ว่าปวดหัวเล็กน้อย“เอาล่ะเอาล่ะคุณหนูถังหว่านของ
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น? ต้องการให้ผมช่วยเหลือไหม?”หลินเฟิงเห็นถังหว่านสีหน้าเคร่งขรึมขนาดนี้ ดูท่าเรื่องที่เธอพูดถึงไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ แน่นอน“ไม่จำเป็น”ถังหว่านฝืนยิ้มแล้วพูดว่า: “เรื่องส่วนตัวเล็ก ๆ น้อย ๆ ฉันคนเดียวก็สามารถจัดการได้”อันที่จริงในใจของถังหว่านมีความวู่วามมาโดยตลอดเธออยากจะบอกคนที่อยู่ตรงหน้าเกี่ยวกับเรื่องถอนหมั้นกับตระกูลหลง แต่เธอจะทำแบบนี้ไม่ได้หนึ่งคือถังหว่านนิสัยชอบเอาชนะ ตอนนี้หลินเฟิงงานยุ่งมากพอแล้ว เธอไม่อยากเพิ่งภาระให้หลินเฟิงอีกสองคือถึงแม้หลินเฟิงจะต่อสู้เก่งมาก แต่ก็ยังไม่สามารถตีเสมอทั้งตระกูลหลงได้ตระกูลหลงในฐานะหนึ่งในสี่ตระกูลร่ำรวยของเมืองจิง ไม่ใช่ตระกูลกระจอกๆ มีอำนาจด้านทหาร รัฐบาล และธุรกิจเทียบกับตระกูลถังที่ให้ความสำคัญแค่โลกธุรกิจ อำนาจของตระกูลหลงพูดได้ว่าเป็นตระกูลที่น่าหวาดกลัวที่สุดในประเทศมังกรในเขตหัวตงยิ่งครอบคลุมไปทั่วเธอไม่อยากให้หลินเฟิงเข้ามาเกี่ยวข้องกับวังวนที่น่ากลัวแบบนี้“ถังหว่าน มีเรื่องลำบากอะไรคุณต้องบอกกับผมนะ อย่าโอ้อวด” หลินเฟิงไม่ได้ฝืนคนที่อยู่ข้างกาย แต่แค่มีสีหน้าเป็นห่วง“วางใจได้ ฉันมีความมั่น
เมื่อเห็นที่อยู่ที่นี่ ใจของหลี่ฮุ่ยหรานก็จมดิ่งลงไปกว่าครึ่งการจราจรที่นี่ไม่ค่อยจะสะดวกสบายเท่าไหร่ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงอาคารสำนักงานหรือโรงงานเลย มันไม่มีทางที่จะเปิดได้เช่นกันยิ่งไม่ต้องพูดว่า....หลี่ฮุ่ยหรานยืนอยู่หน้าที่ดินที่อยู่ห่างออกไปจากตัวเมืองแห่งนี้ และภายในต่างก็เต็มไปด้วยอาคารที่พักอาศัยเก่า ๆที่ทรุดโทรมอาคารที่พักอาศัยจำนวนไม่น้อยที่มีอายุการใช้งานที่เกินกำหนดแล้วแม้แต่กำแพงก็ยังมีรอยแตกร้าวขนาดใหญ่ และมีบางรอยที่ยังเอียงไปด้านใดด้านหนึ่งอีกด้วย ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามันทรุดโทรมมาหลายปีโดยไร้การซ่อมแซม“หลินเฟิง ที่อยู่นี่ สองพันห้าร้อยล้านบาทนะ! และตอนนี้มันก็อยู่ในมือของพวกเราแล้ว”หลี่ฮุ่ยหรานถอนหายใจด้วยความหดหู่มองจากมุมของเธอ เดิมทีที่ดินนี่ก็ไม่ได้มีค่าอะไรเลยจนกระทั่งผู้อาศัยภายในอาคารพักอาศัยต่างก็อพยพออกไปมากกว่าครึ่งแล้ว ทำให้บ้านมากมายกลายเป็นบ้านผีสิงไป“หึหึ มันก็ไม่แน่นอนหรอก”หลินเฟิงยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะเดินเข้าไปเขตที่อยู่อาศัยแห่งนี้“รีบวางไพ่เร็วเข้าสิ นายแม่งมองอะไรอยู่ได้?”“เฮยจื่อ นายเห็นผีหรือไง?”ทั้งสองคนยังเดินไปไม่เท่าไหร่ ก็เห
เธอกลัวว่าหลินเฟิงจะกลับคำหากเป็นแบบนั้น การตีสนิทกับรอยยิ้มที่เธอทำมาเกือบครึ่งชั่วโมง ก็สูญเปล่าทั้งหมดแต่เห็นได้ชัดว่า จางกุ้ยหลานคิดมากไปเงินแค่สองพันห้าร้อยล้านบาทเอง หลินเฟิงไม่ได้เห็นอยู่ในสายตาด้วยซ้ำเขาโทรศัพท์หาจ้าวเทียนหัวทันที ให้เธอโอนเงินเข้าบัญชีของจางกุ้ยหลาน และเซ็นชื่อของเขาลงบนสัญญาหลี่ฮุ่ยหรานที่อยู่ด้านข้างเห็นหลินเฟิงเซ็นชื่อจริงๆ สีหน้าก็ไม่พอใจทันทีจางกุ้ยหลานกลับหน้าตายิ้มแย้ม“เอ๊ะเอ๊ะเอ๊ะ หลินเฟิง ไม่สู้วันนี้นายไม่ต้องกลับไปหรอก มา ฉันเป็นเจ้ามือเอง เลี้ยงข้าวนายกับฮุ่ยหราน”“ไม่ต้องครับ”หลินเฟิงส่ายหน้า พูดเสียงเข้มว่า:“ผมจะถือโอกาสนี้ไปดูที่ดินที่พวกคุณโอนมาให้ผม ผมคิดหาวิธี ดูว่าที่ดินผืนนั้นมีประโยชน์อะไรบ้าง อย่างน้อยก็อย่าขาดทุนเยอะเกินไป”หลินเฟิงตอบอย่างซื่อสัตย์จริงใจ ในตอนนี้จางกุ้ยหลานก็ได้รับข้อความเงินเข้าบัญชีจากทางธนาคารเมื่อเห็นเงินเข้าบัญชี จางกุ้ยหลานก็รู้สึกโล่งใจสักที ทันใดนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนไปเป็นมิตรต่างจากเมื่อคู่นี้“ได้ ในเมื่อนายอยากไปดู งั้นก็ไปเถอะ ฉันไม่รั้งพวกเธอเอาไว้”จางกุ้ยหลานนอนกลับลงไปบนเตียงของเธอ
“หลินเฟิงไม่สนใจ”หลี่ฮุ่ยหรานยืนออกมา ขวางอยู่ตรงหน้าหลินเฟิง จ้องมองไปที่แม่ของตัวเองแล้วพูดตวาด“แม่ หนูรู้ว่าแม่กำลังคิดอะไรอยู่ แต่ในเมื่อนี่เป็นเรื่องที่พวกแม่ทำ งั้นพวกแม่ก็ต้องรับผลที่ตามมาเอง อย่ามาดึงหลินเฟิงเข้าไปเกี่ยวข้อง!”“ฮุ่ยหราน ทำไมลูกถึงเข้าข้างคนนอกล่ะ?”จางฮุ่ยหรานโมโหลูกที่ไม่ได้ดั่งใจจึงพูดว่า:“ถ้าหากที่ดินผืนนี้ขายไม่ออก งั้นวันนี้แม่ก็ทำได้แค่ตายอยู่ตรงนี้ หรือว่าหลินเฟิงอยากแต่งงานกับลูกสาวของฉัน จะไม่แสดงท่าทีสักหน่อยเหรอ?!”“ก่อนหน้านี้หลินเฟิงเคยให้ทับทิมเม็ดหนึ่งกับพวกคุณ แต่กลับถูกพวกคุณทิ้งไปเอง!”หลี่ฮุ่ยหรานเริ่มพูดเรื่องเก่าๆตอนนี้เธอไม่อยากให้คนในครอบครัวของตัวเองสร้างเรื่องวุ่นวายให้หลินเฟิงอีกแล้ว“งั้น...เรื่องหนึ่งก็ส่วนเรื่องหนึ่ง!”จางกุ้ยหลานมีความไม่มั่นใจเล็กน้อย แต่ไม่นานนัก เธอก็หน้าด้านพูดขึ้นมาอีกว่า:“เรื่องอัญมณีทับทิมที่ทำหายเป็นปัญหาของพวกเรา แต่นั่นเป็นเรื่องก่อนหน้านี้!”“ตอนนี้ลูกสาวของฉันค่าตัวไม่เหมือนเดิมแล้ว”“ไม่เพียงมีหลี่ซื่อกรุ๊ปเมืองเจียงโจว ยังมีหลี่ซื่อกรุ๊ปเมืองเจิ้งเต๋อ และก็ยังมีโฮมสเตย์ที่หรูหราอย่าง
“ใช่แล้ว!”เมื่อได้ยินคำเตือนของจางซิน จางกุ้ยหลานก็ตบที่ศีรษะ และรู้ตัวขึ้นมาทันที ก่อนจะพูดว่า :ทำไมฉันถึงคิดเรื่องนี้ไม่ออกนะ? หรือว่าสมองของจางซินจะปรับตัวได้แล้ว!” “เหอะ นั่นมันแน่นอน เพียงแต่ว่า.....”จางซินทำเสียงเย็นชา พร้อมกับเหลือบไปมองหลี่ฮุ่ยหรานด้วยสายตาคลุมเครือ ก่อนจะเม้มปากและพูดว่า : “แค่มีคนไม่เจียมตัวก็เท่านั้น”หลี่ฮุ่ยหรานรู้ว่าสิ่งที่จางซินพูดอยู่ก็เพื่อให้ตัวเองได้ยินแต่เธอไม่ได้คิดเล็กคิดน้อย แต่พูดขึ้นมาอย่างจริงจังว่า :“ฉันคิดว่าโอกาสที่เรื่องนี้จะสำเร็จมีน้อยมาก เพราะว่าใครก็ตามที่ใช้เงินมากขนาดนั้น จะต้องมีมันสมองที่ไม่ดีแน่ ๆ” “ที่ดินแห่งนี้ แม้ว่าอยากจะหลอกลวงคน แต่ก็ยากที่จะให้หลุดมือไป”“อ่อ ความหมายของคุณก็คือสมองของคุณป้าไม่ดีอย่างนั้นเหรอ? พี่สาว คำพูดของพี่มีเลศนัยจริงๆ !”จางซินกลัวว่าจะไม่ใช่เรื่องใหญ่ ดังนั้นจึงพูดขึ้นอย่างเยาะเย้ยเมื่อได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าของจางกุ้ยหลานก็ดูไม่ดีอย่างมากถึงแม้ตัวเองที่เชื่อหลี่เหวินเชาครั้งนี้จะผิดจริง ๆ แต่ลูกสาวของตัวเองที่พูดตำหนิคนหนึ่งอยู่แล้วพูดประชดอีกคน จะทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก
ในที่สุดเสียงตะโกนร้องของหลี่ฮุ่ยหรานก็ทำให้กำแพงของจางกุ้ยหลานพังทลายก่อนที่เธอจะกระโดดลงจากเตียงแล้วพุ่งไปที่กำแพง“ฮุ่ยหราน แม่ขอโทษ แม่ก็ไม่มีทางแล้วเหมือนกัน ให้แม่ตายตอนนี้ เพื่อชดใช้หนี้ของลูก...”จางกุ้ยหลานร้องสะอื้น พร้อมทั้งกระแทกใส่กำแพงอย่างแรงกระแทกไปเพียงสองครั้ง ผ้าก๊อซบนหัวของเธอก็เริ่มมีเลือดไหลออกอีกครั้ง“หยุดนะ!”หลี่ฮุ่ยหรานคว้าแม่ของตัวเองไว้ ก่อนจะตะโกนว่า :“แม่เอาการฆ่าตัวตายมาข่มขู่อยู่ตรงนี้ แล้วจะเอาชีวิตมาชดใช้หนี้ของหนูได้ยังไง? แทนที่แม่จะคิดหาวิธีดี ๆว่าควรจะเอาเงินกลับมาได้ยังไง!”“ตอนนี้แม่หาหลี่เหวินเชา ให้เขารีบมาที่นี่!”หลี่ฮุ่ยหรานพูดขึ้นด้วยความโกรธ“ได้ได้ได้....”จางกุ้นหลานเอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมา ก่อนจะรีบต่อสายหาหลี่เหวินเชาทันทีแต่เสียงดังไม่กี่ครั้ง หลี่เหวินเชาก็ตัดสายไป“หืม? เกิดอะไรขึ้น?”หลี่ฮุ่ยหรานมองไปที่หลินเฟิงอย่างสงสัย หรือว่าหลี่เหวินเชาจะถูกน้องชายของโจวเซวียโหลวจับตัวไปแล้ว?“ผมโทรเอง”หลินเฟิงเดินเข้ามา แล้วเอาหมายเลขโทรศัพท์มือถือของหลี่เหวินเชาจากจางกุ้ยหลานและกดโทรออกเสียงดังขึ้นสองครั้ง หลี่เหวินเชา
หลังจากที่ทุกคนพูดถึงหลี่เหวินเชากันสักพัก หลี่ฮุ่ยหรานก็กลับมาเข้าเรื่องอีกครั้ง“แล้วบาดแผลของแม่เป็นยังไงบ้าง?”“เมื่อหาหลี่เหวินเชาไม่เจอ และก็ไม่เห็นโจวเซวียโหลว คุณป้าก็เลยทำได้เพียงไปเอาเงินที่เจี้ยนหงกรุ๊ป”“แต่เจี้ยนหงกรุ๊ปกลับให้เหตุผลว่าคุณป้าเซ็นสัญญาที่ไม่สามารถคืนเงินได้ ดังนั้นคุณป้าก็เลยเอะอะโวยวายกับพวกเขา ผลสุดท้ายก็เกิดเรื่องกระทบกระทั่งกับพวกเขา และไม่ระวังจนหัวไปกระแทกกับกำแพงเข้า”จางซินแบมือออก พร้อมกับอธิบายด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา“แม่ แม่นี่นะ......เฮ้อ แม่นี่เลอะเลือนแล้วจริง ๆ!”หลี่ฮุ่ยหรานรู้ว่า จริง ๆแล้วเรื่องในครั้งนี้ไม่ควรตำหนิจางกุ้ยหลาน ถ้าจะตำหนิ ก็ทำได้เพียงตำหนิลูกชายที่เธอให้กำเนิดมานั้นช่างชั่วช้าเกินไปหลังจากที่หลอกแม่ของตัวเองแล้ว ก็หันหลังกลับไปหลอกพี่สาวของตัวเอง และถึงขนาดขายพี่สาวของตัวเองเพื่อเงินอีกด้วยพูดได้แค่ว่า ไอ้สารเลวที่ชั่วร้ายไร้ยางอาย“แม่ ไม่ต้องกังวล คราวนี้พวกคุณเสียเงินไปเท่าไหร? ให้หนูดูหน่อยว่าจะสามารถช่วยพวกคุณโปะช่วงโหว่ได้ชั่วคราวหรือไม่”หลี่ฮุ่ยหรานขมวดคิ้วก่อนจะถามขึ้นว่า :จางกุ้ยหลานอ้าปาก แต่กลับพูดไม่อ
ในตอนนี้จางซินเดินเข้ามาจากด้านนอกห้องพักผู้ป่วย เธอเห็นหลี่ฮุ่ยหรานก็ถอนหายใจออกมา“พี่ พี่รีบช่วยคุณป้าเถอะ”“ทำไมเหรอ?”ถึงแม้จะรู้สึกหงุดหงิด แต่หลี่ฮุ่ยหรานก็ยังฝืนเอ่ยปากออกมา“ฉันพูดเองแล้วกัน”จางกุ้ยหลานสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างไว เมื่อครู่ยังมีสีหน้าไม่ยินยอม ตอนนี้กลับหน้าบิดเบี้ยวเธออยากร้องไห้ก็ร้องไม่ออก ทำได้เพียงทอดถอนใจพูดว่า:“ฮุ่ยหราน แม่...แม่ทำผิดต่อลูก!”พูดจบ เธอก็จะชนเข้ากับกำแพงถึงแม้เห็นได้ชัดว่าเสแสร้งแกล้งทำ แต่หลี่ฮุ่ยหรานก็ยังรีบขวางจางกุ้ยหลานที่อารมณ์วู่วามเอาไว้“แม่ แม่เป็นอะไรกันแน่?”หลี่ฮุ่ยหรานฟังอย่างงุนงง จางกุ้ยหลานสร้างเรื่องอะไรให้เธออีก?“พี่ พี่รู้จักโจวโจวเสวียโหลวหนึ่งในสามผู้ยิ่งใหญ่ของเมืองเจิ้งเต๋อไหม?”จางซินที่อยู่ด้านข้างถามขึ้นมา“โจวเสวียโหลว?”หลี่ฮุ่ยหรานได้ยินชื่อนี้ หัวใจก็ใจกระตุก“ฉันรู้จัก ทำไมเหรอ?”“ไม่กี่วันก่อน เหวินเชากลับมา พอเขามาถึงเจียงโจว ก็มาหาฉันด้วยความรีบร้อน บอกว่ามีธุรกิจใหญ่...”จางกุ้ยหลานพูดทั้งสะอึกสะอื้น“ธุรกิจใหญ่ที่หลี่เหวินเชาพูดถึง ก็คือที่ดินผืนหนึ่งที่อยู่ในมือของโจวเสวียโหลว”จาง
แถมน้องชายคนนี้ก็ยังมีส่วนร่วมในขั้นตอนทั้งหมดอีกด้วยหลี่ฮุ่ยหรานถอนหายใจ และพูดว่า :“โจวเสวียโหลวไม่นับประสาอะไร แต่น้องชายคนนี้ของเขาเป็นถึงเสาหลักของเจี้ยนหงกรุ๊ปทั้งหมด แถมเขาก็ยังอยู่ในที่ลับมาโดยตลอดอีกด้วย”“ครั้งนี้ตั้งใจใช้นายเป็นเครื่องมือ ก็เป็นความคิดของเขาด้วย”“เมื่อครู่เขาบอกฉันหมดแล้ว”“งั้น...งั้นจะทำยังไงดี? ผมควรจะทำยังไงดี? พี่ ไม่อยากตาย! พี่ ขอร้องล่ะ ช่วยผมด้วย ช่วยผมด้วยนะ!”หลี่เหวินเชาตกใจมากจนล้มลงไปคุกเข่าอยู่ที่พื้นหากให้น้องชายของโจวเซวียโหลวรู้ว่าเขาคือคนที่ฆ่าโจวเซวียโหลวละก็ งั้นตัวเขาที่ไม่มีอำนาจและไม่มีใครปกป้องจะต้องเจอจุดจบที่น่าสังเวชมากแน่ ๆ“เหอะ เดิมทีฉันจะปล่อยโจวเซวียโหลวไปแล้ว แต่นายกลับยืนกรานที่จะเอาชีวิตเขา ตอนนี้นายเลยต้องมารับผลที่ตัวเองก่อไว้”หลินเฟิงกอดอก เห็นได้ชัดว่าไม่ต้องการที่จะจัดการเรื่องวุ่นวายนี้“หลี่เหวินเชา หลินเฟิงพูดถูกแล้ว แกต้องรับผิดชอบด้วยตัวแกเอง”หลี่ฮุ่ยหรานพูดอย่างเย็นชาว่า“แกคงไม่คิดว่าหลังจากที่แกวางแผนทำร้ายฉันแล้ว และยังอยากได้บริษัทและความบริสุทธิ์ของฉัน ฉันจะยังช่วยแกโดยไม่คำนึงถึงความแค้นใ
เห็นได้ชัดว่าเธอรู้ดีว่าถูกใครทำร้ายในเหตุการณ์อันตรายก่อนหน้านี้เมื่อวานหลี่เหวินเชากลับมาพึ่งพาเธอ เดิมทีเธอคิดว่าหลี่เหวินเชาไม่เหมือนกับจางซิน ดังนั้นเธอจึงจัดการตำแหน่งที่ว่างให้หลี่เหวินเชาแต่คิดไม่ถึงเลยว่าต่อมาหลี่เหวินเชาจะหักหลังเธอ“หากแกไม่ใช่น้องชายของฉัน ฉันคงฆ่าแกไปนานแล้ว!”หลี่ฮุ่ยหรานดุด่าเสียงดังลั่นและในตอนที่โดนด่า หลี่เหวินเชาก็ทำได้เพียงหดคอและก้มหน้าลงหลินเฟิงที่ไม่เคยเห็นหลี่ฮุ่ยหรานโกรธมากขนาดนี้มาก่อน รีบเอื้อมมือไปปลอบใจ แต่ก็คิดไม่ถึงว่าหลี่ฮุ่ยหรานจะโถมตัวเข้าหาหลินเฟิงโดยตรงพร้อมกับร้องไห้ในวินาทีถัดมา“หลินเฟิง มันเป็นเพราะอะไร เพราะอะไรกัน....”“คนในครอบครัวของฉันต่างก็เป็นแบบนี้กันหมดได้ยังไง?”“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรนะ ผมอยู่ที่แล้ว”หลินเฟิงตบหลังของหลี่ฮุ่ยหรานเบา ๆ พร้อมกับปลอบโยนเธออย่างระมัดระวัง“พี่ ขอโทษ....ผม....ผมก็ ถูกบังคับไม่มีทางเลือกเหมือนกัน....”หลี่เหวินเชาอธิบายอย่างอึกอักไม่กล้าพูด“ช่างเถอะ ฉันไม่อยากฟังแกอธิบาย”หลี่ฮุ่ยหรานเป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่งจริง ๆเธอใช้เวลาไม่นานก็จัดการกับความรู้สึกของตัวเองได้แล้ว พร้อมกับ