อิ่นนั่วเจียไม่กล้าพักอยู่ที่คฤหาสน์ของตัวเองต่อไปแล้วเธอกลัวว่าหลังจากหลินเฟิงกลับไป ตระกูลซือหม่าก็จะวกกลับมาอีก ดังนั้นเธอจึงเสนอที่อยากจะไปพักที่โรงแรมแต่เพื่อความปลอดภัยของเธอ หลังจากหลินเฟิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็เป็นฝ่ายเชื้อเชิญเธอกลับมาหลบซ่อนที่อ่าวเทียนสุ่ยระยะหนึ่งก่อนในเมื่อหลังจากนี้ยังต้องร่วมมือเรื่องฟาร์มกับหลินเฟิงอีก อีกทั้งอยู่ใกล้หลินเฟิง ก็ไม่มีทางเกิดเรื่องเหมือนในวันนี้ว่าไปแล้ววันนี้ก็อันตรายมากจริง ๆถ้าหากหลินเฟิงไม่ได้มาทันเวลา เกรงว่าอื่นนั่วเจียคงถูกซือหม่าเหวินย่ำยีสำเร็จแล้ว“งั้นขอบคุณนะคะ คุณหลิน”อิ่นนั่วเจียรักษาความสง่างามของตัวเองเอาไว้ และเดินออกมาจากอารมณ์ที่ร้องไห้เป็นเด็กน้อย เธอก็รู้สึกเขินอายนิดหน่อยสำหรับการเชื้อเชิญของหลินเฟิง หรือพูดว่า ในใจของเธอก็กำลังตั้งตารออะไรอยู่หลินเฟิงที่อยู่ในสายตาของอื่นนั่วเจียในตอนนี้ มีภาพลักษ์ของแฟนหนุ่มที่สมบูรณ์แบบที่สุด มอบตัวเองให้เขา ก็ไม่ถือว่าทำร้ายตัวเอง......เมื่อกลับถึงอ่าวเทียนสุ่ยก็ดึกมากแล้วหลินเฟิงพูดกำชับสองสามประโยค จากนั้นก็ยกห้องหนึ่งจากหลาย ๆ ห้องให้กับอิ่นนั่วเจีย
พูดอีกอย่าง นี่ก็คือนิสัยที่แสวงหาความสมบูรณ์แบบของอิ่นนั่วเจียไม่น่าแปลกที่เธอได้เป็นซูเปอร์สตาร์ของประเทศมังกรหลินเฟิงมองดูรอยช้ำ จากนั้นยิ้มแล้วพยักหน้าพูดว่า: “วางใจเถอะครับ รอยช้ำเล็ก ๆ ไม่กี่จุด ผมลบมันออกไปให้คุณได้อย่างง่ายดาย”“ดีมากเลยค่ะ!”อิ่นนั่วเจียดีใจจนแทบอยากจะโอบกอดหลินเฟิงแล้วกัดเขาสักคำหลินเฟิงลูบจมูกและรู้สึกเขินอายเล็กน้อยในเมื่อตอนนี้อิ่นนั่วเจียสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวเพียงตัวเดียว ภายใต้ความตื่นเต้นแบบนี้ หน้าอกก็โผล่ออกมาอีกครั้งบีบคั้นจนหลินเฟิงทำได้แค่ใช้ชี่แท้เหลวข่มความคิดชั่วร้ายในใจเอาไว้ แบบนี้ทำให้เขารู้สึกเหนื่อยใจเล็กน้อยถ้าหากเป็นแบบนี้กับอิ่นนั่วเจียต่อไป หลินเฟิงคงจะต้องอัดอั้นจนป่วยอย่างแน่นอนผ่านไปครู่หนึ่ง อิ่นนั่วเจียก็นอนอยู่บนโซฟาที่ห้องรับแขก หลินเฟิงหยิบยายืดอายุขัยที่กลั่นก่อนหน้านี้ออกมาหนึ่งหยดนี่เป็นยาเข้มข้นที่เขาเตรียมจะใช้ที่ในน้ำพุร้อนของฟาร์ม สรรพคุณนั้นไม่จำเป็นต้องพูดให้มากมาย รักษาบาดแผลประเภทรอยช้ำ นั่นคือความรู้สึกเหมือนปืนใหญ่ที่ยิงแมลงวัน แต่หลินเฟิงก็จะใช้ที่บนตัวของอิ่นนั่วเจียก่อนให้อิ่นนั่วเจียได้สัมผ
หลินเฟิงรวบรวมสมาธิ และถูยาไปที่ฝ่ามือของตัวเองอีกครั้ง จากนั้นก็เริ่มนวดรอยช้ำที่อยู่บนแผ่นหลังของอิ่นนั่วเจียเบา ๆ“ซี้ด...”รอยช้ำบนแผ่นหลังขนาดค่อนข้างใหญ่ ในตอนที่หลินเฟิงลงมือเหมือนกับไปโดนจุดที่เจ็บปวดของเธอโดยไม่ได้ตั้งใจจึงทำให้อิ่นนั่วเจียขมวดคิ้ว และหายใจเข้าอย่างแรง“อดทนหน่อย อีกไม่นานก็เสร็จแล้ว”หลินเฟิงแตะชี่แท้เหลวไปบนนิ้วมือ ใช้กำลังภายในมาขับเคลื่อนลิ่มเลือดให้อิ่นนั่วเจียแต่ไม่กี่วินาที อิ่นนั่วเจียก็ส่งเสียงครวญครางที่ทำน่าเขินอายออกมา เธออดทนไว้ไม่ไหวแพราะความเจ็บปวดได้หายไปแล้ว แต่มีความรู้สึกจั๊กจี้มาแทนที่ จึงทำให้เธอรู้สึกสบายเป็นพิเศษ“สามี มีเรื่องอยากให้คุณช่วยเหลือนิดหน่อย...”ในตอนนี้ เสียงของผู้หญิงที่คุ้นเคยดังขึ้นที่หน้าประตูกระทันหันคนที่เดินเข้ามาอย่างมั่นอกมั่นใจไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นถังหว่านหลินเฟิงกับอิ่นนั่วเจียเงยหน้าขึ้นพร้อมกันพวกเขาเห็นถังหว่านที่มีสีหน้านิ่งอึ้งพร้อมกัน ส่วนถังหว่านนั้นคำพูดอีกครึ่งหนึ่งทีเหลือก็พูดไม่ออกในทันที ทั้งสามคนต่างถลึงตาโตมองกันอยู่แบบนี้“พวกคุณ...กำ ลัง ทำ อะ ไร?!”ถังหว่านเปลี่ยนจากอารมณ์ดีเป
เห็นถังหว่านยกขุนแผนออกมาแล้ว อิ่นนั่วเจียจึงรีบอธิบายแทนหลินเฟิง“หึ ทายาใช่ไหม? อุ๊ย ฉันก็รู้สึกเจ็บตรงนี้ อยากจะทาเหมือนกัน!”ถังหว่านนั่งลงที่ด้านข้างหลินเฟิงทันที จากนั้นจับมือของหลินเฟิงยกขึ้นมากดที่หน้าอกของเธอ“ถังหว่าน คุณกำลังทำอะไร อย่าสร้างความวุ่นวาย”หลินเฟิงรีบดึงมือกลับ เขาไม่รู้ว่าจะร้องไห้หรือหัวเราะดี“ทำไม? ทายาให้ผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่รู้จักได้อย่างไม่เกรงใจขนาดนี้ แต่กลับทายาให้ฉันไม่ได้งั้นเหรอ?”ถังหว่านสีหน้าไม่พอใจ“คุณไม่ได้บาดเจ็บ ทายาอะไร?”หลินเฟิงพูดอย่างจนปัญญา: “นี่เป็นยาที่ผมจะใช้ในโฮมสเตย์ จะสิ้นเปลืองไม่ได้”ถังหว่านเป็นถึงคุณหนูลูกผู้ดี ทำไมเวลาหึงถึงได้เหมือนเด็กขนาดนี้“พูดจาเลอะเทอะ ใครบอกว่าฉันไม่ได้บาดเจ็บกันล่ะ?”ถังหว่านชี้ไปที่หน้าอกของตัวเอง และพูดอย่างโกรธแค้น: “ตรงนี้ของฉัน หัวใจพรุนไปหมด บาดเจ็บที่ภายใน อาการหนักกว่าเธอเยอะเลย!”“ไม่เชื่อคุณจับดูสิ!”ขณะพูด ถังหว่านยังคงแอ่นหน้าอกที่ยั่วยวนคนของเธอ และทำท่าทางที่จะให้คนจับได้เต็มที่เมื่อเห็นถังหว่านเป็นแบบนี้ หลินเฟิงรู้สึกแค่ว่าปวดหัวเล็กน้อย“เอาล่ะเอาล่ะคุณหนูถังหว่านของ
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น? ต้องการให้ผมช่วยเหลือไหม?”หลินเฟิงเห็นถังหว่านสีหน้าเคร่งขรึมขนาดนี้ ดูท่าเรื่องที่เธอพูดถึงไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ แน่นอน“ไม่จำเป็น”ถังหว่านฝืนยิ้มแล้วพูดว่า: “เรื่องส่วนตัวเล็ก ๆ น้อย ๆ ฉันคนเดียวก็สามารถจัดการได้”อันที่จริงในใจของถังหว่านมีความวู่วามมาโดยตลอดเธออยากจะบอกคนที่อยู่ตรงหน้าเกี่ยวกับเรื่องถอนหมั้นกับตระกูลหลง แต่เธอจะทำแบบนี้ไม่ได้หนึ่งคือถังหว่านนิสัยชอบเอาชนะ ตอนนี้หลินเฟิงงานยุ่งมากพอแล้ว เธอไม่อยากเพิ่งภาระให้หลินเฟิงอีกสองคือถึงแม้หลินเฟิงจะต่อสู้เก่งมาก แต่ก็ยังไม่สามารถตีเสมอทั้งตระกูลหลงได้ตระกูลหลงในฐานะหนึ่งในสี่ตระกูลร่ำรวยของเมืองจิง ไม่ใช่ตระกูลกระจอกๆ มีอำนาจด้านทหาร รัฐบาล และธุรกิจเทียบกับตระกูลถังที่ให้ความสำคัญแค่โลกธุรกิจ อำนาจของตระกูลหลงพูดได้ว่าเป็นตระกูลที่น่าหวาดกลัวที่สุดในประเทศมังกรในเขตหัวตงยิ่งครอบคลุมไปทั่วเธอไม่อยากให้หลินเฟิงเข้ามาเกี่ยวข้องกับวังวนที่น่ากลัวแบบนี้“ถังหว่าน มีเรื่องลำบากอะไรคุณต้องบอกกับผมนะ อย่าโอ้อวด” หลินเฟิงไม่ได้ฝืนคนที่อยู่ข้างกาย แต่แค่มีสีหน้าเป็นห่วง“วางใจได้ ฉันมีความมั่น
วันที่สามหลังจากถังหว่านจากไปในคืนนี้ ตอนที่หลินเฟิง หลี่ฮุ่ยหราน หลินเสวี่ยฮุ่ยกับอิ่นนั่วเจียและคนอื่น ๆ รวมตัวกันนั่งอยู่ตรงหน้าโต๊ะทานอาหาร จู่ ๆ ประตูก็ถูกคนถีบออก“หลี่ฮุ่ยหราน ออกมา!”หลิ่วเยว่ฟางพาผู้คุ้มกันของตระกูลหลี่มาด้วยท่าทางกระฟัดกระเฟียดสิ่งที่ดึงดูดสายตาคนมากที่สุด ก็คือชายร่างกำยำสองคนสูงสองเมตรเต็ม ๆ ที่อยู่ข้างกายเธอ ทั้งสองคนหน้าตาคล้ายคลึงกัน กล้ามเนื้อทั้งตัวเหมือนกับก้อนหิน แต่ละก้อนมีขอบและมุมที่ชัดเจนยืนอยู่ตรงนี้ก็เหมือนกับเขาลูกใหญ่ ทำให้คนมองดูแล้วเกิดความหวาดกลัว“หลี่ฮุ่ยหราน ยังไม่รีบไสหัวออกมาอีก?!”เมื่อเห็นว่าไม่มีคน หญิงชราก็ตะโกนขึ้นเสียงดังอย่างดุดัน“คุณย่ารอง?”หลี่ฮุ่ยหรานวางตะเกียบลงแล้วเดินเข้ามา เธอก็เห็นหลิ่วเยว่ฟางที่หน้าตาดุดัน และถามอย่างงุนงง: “คุณย่ารอง คุณมาหาฉันมีธุระอะไรไหมคะ?”และจ้าวเฉียวอวิ๋นก็เดินเข้ามาในตอนนี้ เมื่อเห็นท่าทางแบบนี้ ก็อดตกใจไม่ได้“หลินเฟิงล่ะ? หลินเฟิงไสหัวออกมานะ!”เห็นหลี่ฮุ่ยหรานออกมา หลิ่วเยว่ฟางก็เปลี่ยนเป้าหมายไปที่หลินเฟิงที่กำลังนั่งทานข้าวอยู่อย่างไม่รีบร้อนหลินเฟิงสัมผัสการมาถึงของหลิ
ถึงแม้จะเป็นความผิดของตัวเอง แต่ถ้าหากไม่มีเรื่องที่หลินเฟิงทำ ตระกูลซือหม่าก็ไม่มีทางมาหาถึงที่ ตัวเองก็ไม่ต้องถูกตบดังนั้นหลี่เยว่หรูจึงโยนความผิดทั้งหมดนี้ไปที่บนหัวของหลินเฟิงเธอไม่คิดด้วยซ้ำว่า เป็นเพราะช่วงนี้ตัวเองได้รับช่วงบริหารการลงทุนด้านการก่อสร้างมูลค่าร้อยล้านบาทของเมืองเจิ้งเต๋อ เธอถึงได้กำเริบเสิบสานขนาดนี้พูดจาไม่รู้จักหนักเบา ถึงได้ถูกตบ“มีเขาอยู่ที่ตระกูลหลี่ของพวกเรา ไม่ช้าก็เร็วพวกเราจะต้องถูกเขาทำให้เดือดร้อนจนตาย! หลี่ฮุ่ยหราน ถ้าเธอยังอยากได้ตำแหน่งตัวเลือกผู้นำตระกูลอยู่อีก งั้นก็รีบตัดความสัมพันธ์กับเขา และขีดเส้นแบ่งกั้นซะ!”หลี่เยว่หรูมองดูหลี่ฮุ่ยหราน จากนั้นเอะอะโวยวายเสียงดัง“หลินเฟิง ถ้าหากนายยังมีความเป็นคนอยู่ ก็คุกเข่ายอมจำนนอย่างว่าง่าย และไปที่ตระกูลซือหม่าเจียพร้อมกับพวกเราไปพูดให้ชัดเจน!”“ตระกูลหลี่ของพวกเราไม่มีความเกี่ยวข้องใด ๆ กับแก!”จางกุ้ยหลานด่าทอหลินเฟิง“อาตง จับไอ้สารเลวคนนี้เอาไว้ พาไปที่ตระกูลหม่าพร้อมกับพวกเราเพื่อไปพูดให้ชัดเจน!”หลิ่วเยว่ซูก็ขี้เกียจจะพูดมาก จึงออกคำสั่งโดยตรง ชายร่างกำยำที่อยู่ข้าง ๆ ก็จะลงมือต่อหล
ชายร่างกำยำสองคนคุกเข่าลงตรงหน้าหลินเฟิงในทันที“อะไรกัน?!”เมื่อเห็นภาพนี้ หลิ่วเยว่ฟางใบหน้าเหลือเชื่ออย่างมากต้องรู้ไว้ว่า อาตงกับอาซีเป็นนักบู๊กำลังภายในระดับสูงสุดของพวกเขาตระกูลหลี่ ถือว่าเป็นไพ่ไม้ตายที่ไม่เปิดเผยให้คนนอกเห็นแต่ไพ่ใบสุดท้ายที่แข็งแกร่งที่สุดที่อยู่ในมือเธอ เมื่ออยู่ต่อหน้าหลินเฟิงกลับแย่ถึงขนาดนี้?ในตอนนี้หลิ่วเยว่ฟางถึงได้นึกถึงเรื่องที่โจวอวี้เฟิ่งมอบหมายเธอก่อนหน้านี้ถ้าหากต้องการจัดการหลินเฟิง ก็จะต้องลงมือจากหลี่ฮุ่ยหราน ใช้อำนาจของตระกูลมาข่มเขาไม่ใช่ใช้กำลังโดยตรงเทียบการต่อสู้ พวกเขาไม่มีทางสู้หลินเฟิงได้หลิ่วเยว่ฟางเพิ่งนึกถึงคำเตือนของโจวอวี้เฟิ่งได้ ในใจก็เกิดอารมณ์เสียใจขึ้นมาในทันทีแต่เรื่องมาจนถึงตอนนี้แล้ว เธอก็ไม่มีทางที่จะปล่อยไปแบบนี้หลิ่วเยว่ฟางมองไปทางหลี่ฮุ่ยหราน แล้วตวาดใส่: “ดูอดีตสามีของเธอสิ เอาแต่ใจและป่าเถือนขนาดนี้ ไม่มีรู้จักกฎเกณฑ์สักนิด!”“หลี่ฮุ่ยหราน คุณปู่ไห่หงของเธอตอนนี้ถูกตระกูลซือหม่ากักบริเวณ ถ้าหากเธอยังไม่ให้หลินเฟิงหยุดลงมือ อย่าว่าแต่ผู้คัดเลือกผู้นำตระกูล ตระกูลหลี่ของฉันก็จะต้องถูกทำลายในมือของพวก