ในใจมีความสงสัยอยู่เล็กน้อย จากนั้นหลินเฟิงเข้าไปในห้องรับแขกไป๋ชิงเฉี่ยนก็รออยู่ที่นี่อยู่ก่อนแล้ว ผมดกดำ ชุดสีขาว โดดเด่นเป็นอย่างมากนอกจากไป๋ชิงเฉี่ยน และยังมีคุณหนูของตระกูลต่งอีกคนก็อยู่ที่นี่ด้วยต่งหลิงอวี้เมื่อเห็นหลินเฟิงเข้ามา ไป๋ชิงเฉี่ยนก็รีบลุกขึ้นทักทาย หลินเฟิงทำตัวสุภาพ และได้มีการสอบถามไป๋ชิงเฉี่ยนว่าช่วงนี้สุขภาพเป็นอย่างไรบ้าง“ขอบคุณคุณหลินที่นึกถึงกันค่ะ ฉันไม่เป็นอะไรแล้ว ต้องขอบคุณหลินที่ให้การช่วยเหลือ”“อืม”หลินเฟิงพยักหน้า เขารู้ว่าตัวเองพูดเรื่องไร้สาระจริง ๆสุขภาพของไป๋ชิงเฉี่ยนหลินเฟิงนั้นรู้ดีกว่าตัวเธอเองหลังจากการรักษาของหลินเฟิง ไป๋ชิงเฉี่ยนไม่เพียงกำจัดโรคภายใน จนกระทั่งเปิดจุดเทียนจิงโดยบังเอิญ ทำให้การฝึกฝนศิลปะการต่อสู้มีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วยความพยายามเพียงครึ่งเดียว“พี่หลินเฟิงเชี่ยวชาญด้านทักษะทางการแพทย์ด้วยเหรอ?”หลี่ซืออวี่ที่เพิ่งเข้ามาก็เหลือบมองหลินเฟิงด้วยความประหลาดใจไม่นานนัก เธอที่รูปลักษณ์สวยงามเหมือนนางฟ้าบัวขาวของไป๋ชิงเฉี่ยนดึงดูดความสนใจไปครั้งก่อนเป็นเพราะว่าไป๋ชิงเฉี่ยนได้รับบาดเจ็บ ออร่าของเธอเองถูกรบกวนจ
หลินเฟิงยิ้มอย่างเย็นชาไป๋ชิงเฉี่ยนตกตะลึง: “คุณหลินเฟิง เมื่อกี้คุณพูดว่าอะไรนะคะ?” “ไม่มีอะไร”หลินเฟิงโบกมือพูดว่า: “ที่คุณพูดว่าโรงบู๊หยินเฉวียน พวกเขาจะเปิดรับลูกศิษย์เมื่อไหร่?”“พรุ่งนี้ตอนเที่ยง”“พรุ่งนี้เหรอ?”หลินเฟิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ไป๋ชิงเฉี่ยนแอบสังเกตดูสีหน้าของหลินเฟิงอยู่สักพัก เอ่ยปากว่า: “จากที่นี่ ใช้เวลาขับรถไม่ถึงสามสิบนาทีไปยังโรงบู๊หยินเฉวียน ถ้าหากคุณหลินไม่รังเกียจ วันนี้ก็พักที่ตระกูลไป๋ของฉันสักคืน?” “ก็ดี”หลินเฟิงก็ไม่เกรงใจเช่นกันเขามองดูหน้าของไป๋ชิงเฉี่ยนก็รู้ว่าเธอยังมีเรื่องที่อยากจะพูดอีก ดูเหมือนว่าเรื่องต่อไปก็คงเป็นเรื่องของโรงแรมไป๋ถิ่งแล้วในเวลานี้ อยู่ ๆ หลี่ซืออวี่ก็ลุกขึ้นเธอยิ้มอย่างฝืน ๆ พูดว่า: “ดูเหมือนว่าคุณไป๋ต้องการพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องที่ละเอียดอ่อนกับพี่หลินเฟิง งั้นฉันก็เลี่ยงไปก่อนก็ได้ค่ะ”ไป๋ชิงเฉี่ยนเหลือบมองไปที่หลี่ซืออวี่ และไม่ได้หยุดรั้งเธอไว้ไป๋ชิงเฉี่ยนสั่งต่งหลิงอวี้ว่า: “หลิงอวี้ คุณไปเป็นเพื่อนคุณหลี่ซืออวี่เดินเล่นที่สวนดอกไม้เถอะ” “ฉันไม่เอา” ต่งหลิงอวี้ต่อต้านหลี่ซืออวี่อย่างเห็นได้ชัด
กลุ้มใจหลี่ซืออวี่กลุ้มใจอย่างมากเธอเดินเร็วในคฤหาสน์โบราณของตระกูลไป๋ ดอกไม้สดใสที่อยู่ข้างๆ เธอไม่สามารถทําให้อารมณ์ของเธอสงบลงได้แม้แต่น้อย“ไอ้ตระกูลไป๋ที่สมควรตาย! ไอ้เลว!”ใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใสของไป๋ชิงเฉี่ยนยังคงอ้อยอิ่งอยู่ในใจ หลี่ซืออวี่กําหมัดแน่นและด่าทอด้วยเสียงต่ํา: “พวกไอ้สารเลว ทั้งหมดก็แค่อิจฉาตาร้อนที่ฉันมีชีวิตที่ดีขึ้น”“โจวเสี่ยวหางก็เป็นแบบนี้ หลี่ฮุ่ยหรานก็ด้วย ตระกูลไป๋ ก็เป็นแบบนี้!”“ฉันไปหาเรื่องพวกคุณแกเหรอ?!”ยิ่งคิด หลี่ซืออวี่ก็ยิ่งน้อยใจ สุดท้ายก็อดใจไม่ได้ นั่งยอง ๆ กับพื้นปิดหน้าแล้วร้องไห้ออกมา“ฉันแค่อยากมีชีวิตที่ดีกว่านี้ ฉันผิดอะไร? พวกแกทำไมทำทุกวิถีทางเพื่อแกล้งฉัน?!”“ฉันทำผิดอะไร?!”หลี่ซืออวี่ยิ่งร้องไห้ก็ยิ่งเสียงดังมากขึ้น ในที่สุดก็ดึงดูดไป๋เจิ้นหัวที่อยู่ด้านข้างในตอนที่ไป๋เจิ้นหัวเห็นหลี่ซืออวี่ครั้งแรก สายตาก็แสดงการดูถูกเหยียดหยามออกมาเล็กน้อยแต่แล้วเขาก็ดูเหมือนคิดอะไรบางอย่างได้ ตบมือขึ้นมา เผยยิ้มแย้มอย่างพอใจออกมา“คุณชื่อหลี่ซืออวี่ใช่ไหม? เป็นแฟนของคุณหลินเฟิงใช่ไหม?”ไป๋เจิ้นหัวมองหลี่ซืออวี่ด้วยสายตาที่ใจดี
ในไม่นาน ร่างกายของหลี่ซืออวี่ก็สั่น เธอดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างได้ รีบเงยหน้าขึ้นและถามว่า: “ถ้าเกิดออกจากบ้านตระกูลไป๋ล่ะ? ถ้าเกิดออกจากบ้านตระกูลไป๋ คุณไป๋เจิ้นหัว ท่าน……ท่านยังสามารถที่จะปกป้องฉันได้อยู่รึเปล่า?” “เอ่อ…..”ไป๋เจิ้นหัวเสแสร้งลำบากใจ ส่ายหัวไปมาพูดว่า: “ขอโทษคุณหลี่ซืออวี่ ถ้าออกจากตระกูลไป๋ไป เกรงว่าคุณหลินเฟิงก็จะไม่สามารถที่จะเกรงใจพวกเราแล้ว” หลี่ซืออวี่ตกใจหนักมาก ความสบายใจเมื่อกี้ตกลงไปในเหวอีกครั้งทันที“คุณไป๋ ได้โปรดช่วยฉันด้วย ได้โปรดช่วยอธิบายกัยคุณหลินเฟิงให้ฉัน ฉันแค่...... ฉันแค่สับสน ฉันไม่ได้หมายถึงอย่างอื่นเลยจริง ๆ ฉันชอบคุณพี่หลินเฟิง ฉัน……”เห็นผู้หญิงคนนี้โง่แบบนี้ ถูกตัวเองเล่นงานได้ง่ายขนาดนี้ ไป๋เจิ้นหัวดูถูกเธอสุดขั้วในใจของเขา แต่การแสดงสีหน้าก็ไม่สามารถที่จะทำออกมาได้เพราะว่าเขาจะผลประโยชน์จากผู้หญิงคนนี้ ทำแผนการของตัวเองให้สำเร็จ“งั้นอย่างนี้”หลังจากที่เสแสร้งครุ่นคิดอยู่สักพัก ไป๋เจิ้นหัวไปข้างหน้า ใจดีช่วยพยุงหลี่ซืออวี่ขึ้นจากพื้น และแอบกระซิบข้างหูของเธอว่า: “จะให้คุณหลินปล่อยคุณไป เกรงว่าจะไม่มีวิธีแล้ว”“เรื่องราวมาถ
“หลินเฟิง ฉันแนะนำทางที่ดีให้คุณละทิ้งความคิดที่ไม่ดีของคุณไป”ในตอนบ่าย ต่งหลิงอวี้ ได้มาหาหลินเฟิงที่บำเพ็ญฌานอยู่ในห้องพักแขกเธอเปิดปากแล้วพูดออกมาตรง ๆ“ความคิดไม่ดี? ผมจะมีความคิดไม่ดีอะไรได้ล่ะ?”หลินเฟิงถูกคำพูดของต่งหลิงอวี้หลอกให้สับสน จนขมวดคิ้วมุ่น“อย่ามาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้”ต่งหลิงอวี้นั่งลงบนโซฟาแล้วไขว้ขา ก่อนจะพูอย่างทะนงตัวว่า “ผู้นำตระกูลไป๋ได้พบเจอกับคู่หมั้นของชิงเฉี่ยนแล้ว คุณต้องรู้จักเอาตัวรอด ทางที่ดีควรจะรักษาระยะห่างกับชิงเฉี่ยนไว้นะ”“เรื่องมันเกี่ยวอะไรกับผม?”หลินเฟิงรู้สึกว่าต่งหลิงอวี้แปลกประหลาดเล็กน้อย“คุณยังมองไม่ออกอีกเหรอ?”ต่งหลิงอวี้เหมือนถูกแทงด้วยเข็ม ก่อนจะกระโดดขึ้นมาแล้วชี้ไปที่จมูกของหลินเฟิง“ถึงแม้ฉันจะไม่รู้คุณมีดีอะไร แต่ก็ดูเหมือนว่าชิงเฉี่ยนจะตกหลุมรักคุณแล้ว และวัน ๆไม่กินไม่นอน ฉันบอกคุณเลยนะ เพื่อความสุขของชิงเฉี่ยน ทางที่ดีก็อยู่ห่าง ๆ จากชิงเฉี่ยนไว้” “คุณไปบอกเธอเถอะ มาหาผมทำไม?” หลินเฟิงหมดคำพูด ก่อนจะโบกมือส่งแขกแล้วพูดว่า “คุณหนูตระกูลของพวกคุณจะเป็นยังไงก็ไม่ได้เกี่ยวกับผม ต่อให้ตระกูลเหยี่ยนเมื่อก่อน หรือเป็
“เที่ยว?”เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าหลินเสวี่ยฮุ่ยในสายโทรศัพท์ชะงักงันไปชั่วครู่“แล้วหลี่ซืออวี่....”“วางใจเถอะเสวี่ยฮุ่ย ฉันกับซืออวี่เป็นเพียงความเข้าใจผิดกัน พวกเราไม่ได้มีความสัมพันธ์ใด ๆ กันทั้งนั้น”เมื่อได้ยินหลินเฟิงพูดแบบนี้ หลินเสวี่ยฮุ่ยก็นิ่งอึ้งไปทันทีโทรศัพท์ในมือตกลงบนพื้นเสียงดัง “ตุ่บ” “เสวี่ยฮุ่ย? เสวี่ยฮุ่ย?”เสียงของหลินเฟิงดังออกมาจากโทรศัพท์“แม่...หนูไม่ได้ยินผิดใช่ไหม? แม่? แม่รีบหยิกหนูหน่อย นี่คือเรื่องจริงใช่ไหม?”หลินเสวี่ยฮุ่ยมองไปทางแม่ของตัวเองด้วยสีหน้าท่าทางที่ไม่อยากจะเชื่อ“เด็กโง่”จ้าวเฉียวอวิ๋นยิ้มแล้วส่ายหัว ก่อนจะเดินไปทำอาหาร“เฮ้ เฮ้ เฮ้ พี่หลินเฟิง ฉันยังอยู่ ฉันยังอยู่”หลินเสวี่ยฮุ่ยกลับมามีชีวิตชีวาเหมือนปกติในทันทีเธอรีบเก็บโทรศัพท์มือถือขึ้นมาจากพื้นแล้วรีบพูดว่า “ไปเที่ยวกันวันมะรืนใช่ไหม? ไม่มีปัญหา ไม่มีปัญหา โรงเรียนก็ปิดเทอมพอดีด้วย” “งั้นเป็นอันตกลงแล้ว?”“ใช่!”หลังจากที่วางสายแล้ว หลินเสวี่ยฮุ่ยก็ส่งเสียงร้องดีใจก่อนจะโถมตัวลงบนโซฟา“ฮ่า ฉันรู้มานานแล้วว่าหลี่ซืออวี่ผู้หญิงคนนั้นต้องตั้งใจหลอกลวงพี่หลินเฟิงแ
ในตอนเย็นตระกูลไป๋ได้จัดงานเลี้ยงอาหารค่ำมื้อใหญ่ในระหว่างนั้น หลินเฟิงก็มาหาหลี่ซืออวี่“ซืออวี่ ฉันไม่คิดเล็กคิดน้อยในเรื่องที่เกิดขึ้นระยะนี้ ของที่ให้กับคุณ คุณจะเก็บไว้ก็ได้ แต่ฉันขอแค่อย่างเดียว”“หลังจากที่กลับเจียงโจว จะต้องยืนยันให้เสวี่ยฮุ่ยเห็นว่าพวกเราไม่ได้มีความสัมพันธ์ระหว่างกัน”คำพูดของหลินเฟิงทำให้หลี่ซืออวี่ตกตะลึงไปชั่วครู่“พี่หลินเฟิง ที่คุณให้ของฉัน ...พี่ไม่เอากลับไปแล้วเหรอ?”“คุณไม่ได้โกรธใช่ไหม?”เมื่อเห็นสีหน้าที่ไม่อยากเชื่อของหลี่ซืออวี่ หลินเฟิงก็ส่ายหน้า“คืนวันนั้นฉันยั้งสติไม่อยู่ ไม่อย่างนั้นเรื่องก็คงจะไม่กลายเป็นแบบนี้ วางใจเถอะ ฉันไม่ได้โกรธ แต่คราวหน้าอย่าใช้ความฉลาดน้อยแบบนี้อีก เข้าใจไหม?”เมื่อมองแววตาของหลินเฟิงที่แฝงความมีเตือนสติอยู่ หลี่ซืออวี่ก็พยักหน้าราวกับไก่จิกข้าว“ใช่แล้ว พี่หลินเฟิง ไม่ใช่ว่าพรุ่งนี้คุณต้องไปประลองฝีมือกับใครสักคนเหรอ?”“ใช่แล้ว”“งั้น....”หลี่ซืออวี่ว้าวุ่นเล็กน้อย แต่สุดท้ายเธอก็ยังตัดสินใจได้ในที่สุด ยกแก้วเหล้าขึ้นมาจากโต๊ะก่อนจะเทเหล้าแล้วยกขึ้น“พี่หลินเฟิง ขอบคุณที่คุณยอมอภัยให้ฉัน เหล้าแก้วนี
“ก่อนหน้านี้ให้เกียรตินายนายกลับไม่รับไว้ จะเอาหัวใจมังกรใต้พื้นดินที่มีเพียงหนึ่งเดียวจากตระกูลไป๋ของฉันไปให้ได้ หึ ถ้าหากว่าหัวใจมังกรใต้พื้นดินยังอยู่ ลูกสาวของฉันแต่งงานกับสำนักเสินฉือจะต้องเปลืองแรงขนาดนี้เหรอ?”“นายเอาหัวใจมังกรใต้พื้นดินออกไปจากตระกูลไป๋ของเราไป และตระกูลไป๋เราก็ยังอุทิศคุณให้กับสำนักเสินฉือด้วย เมื่อคิดแบบนี้แล้วก็ถือว่าหายกันแล้วเถอะ!”ไป๋เจิ้นหัวที่มีสีหน้ายิ้มแย้มด้วยความกระตือรือร้น แต่ในใจลึก ๆกลับแอบคิดวางแผนอยู่เงียบ ๆไป๋ชิงเฉี่ยนที่อยู่ด้านข้างมองพ่อของตัวเองที่แสดงสีหน้าออกมาเช่นนี้ ในใจก็รู้สึกกระวนกระวายอย่างมากหลังงานเลี้ยงอาหารเย็นไป๋ชิงเฉี่ยนมาที่ห้องหนังสือของไป๋เจิ้นหัว“พ่อ พ่อคิดจะทำอะไรอยู่กันแน่?”ลูกสาวของตัวเองถามขึ้นอย่างตรงไปตรงมา แววตาของไป๋เจิ้นหัวเคร่งขรึม ก่อนจะพูดออกมาอย่างใจเย็น “ไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้นแหละ ลูก ท้องฟ้ามืดแล้ว รีบเข้านอนล่ะ”“มันเกี่ยวข้องกับคู่หมั้นที่พ่อเคยพูดก่อนหน้านี้หรือเปล่า?”ไป๋ชิงเฉี่ยนพูดขึ้นมาอย่างเป็นกังวล “พ่อ ถ้าพ่อวางแผนเรื่องที่ไม่เป็นผลดีกับหลินเฟิง หนูขอแนะนำว่าให้พ่อหยุดมือทันที”“ลูกจ
“หลี่เหวินเชา? พี่สาวนายล่ะ?”หลินเฟิงตะโกนขึ้นเสียงดัง ทำให้หลี่เหวินเชาตกใจจนเกือบโยนโทรศัพท์มาในตอนที่เขาเห็นว่าคนที่มาถึงคือหลินเฟิง ก็ทำสีหน้าไม่พอใจทันที“ไม่รู้ อย่ามาถามฉัน!”หลังจากตอบกลับด้วยความหงุดหงิด หลี่เหวินเชาก็ตกอยู่ในโลกเกมของตัวเองอีกครั้งหลินเฟิงเห็นภาพนี้ ก็รู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยโดยเฉพาะเรื่องที่หลี่เหวินเชาคนนี้เอาเท้าวางไว้บนโต๊ะที่ปกติหลี่ฮุ่ยหรานไว้ใช้ทำงาน ถึงขั้นที่เอกสารจำนวนมากถูกเหยียบจนมีรอยเท้า“เอ๊ะ? หัวหน้าหลิน?”ในตอนนี้ เลขาที่หลี่ฮุ่ยหรานโยกย้ายมาจากหลี่ซื่อกรุ๊ปของเมืองเจียงโจวเห็นหลินเฟิง เธอจำหลินเฟิงได้แน่นอนอยู่แล้วเธอรีบดึงหลินเฟิงไปที่ด้านข้างและพูดเสียงเบาว่า:“โทรศัพท์ของประธานหลี่หายไปเมื่อคืน พวกเราหาทั้งคนก็ตามหาไม่พบ เมื่อครู่ประธานหลี่ไปเยี่ยมแม่ของเธอที่โรงพยาบาลแล้ว“ประธานหลี่กำชับกับฉัน หากเห็นคุณกลับมาก็ให้บอกเธอสักคำ”หลินเฟิงฟังเลขาที่อยู่ข้างๆ อธิบายกับเขากลับรู้สึกได้ว่าหลี่เหวินเชากำลังแอบมองเขาอยู่รอตอนที่หลินเฟิงมองไปทางหลี่เหวินเชา เขาก็รีบเคลื่อนสมาธิไปที่บนโทรศัพท์ ปากก็ตะโกนไม่หยุดแสร้งทำท่าเป็นใช้
ออกมาจากในร้านกาแฟ หลินเฟิงท่าทางเหนื่อยล้าเล็กน้อยต่อไปถ้าหากหลี่ฮุ่ยหรานให้เขาทำเรื่องอะไรแบบนี้อีก ตีให้ตายเขาก็ไม่ทำหรอกมองดูรถมัสแตงเปิดประทุนสีดำคันหนึ่งที่จอดอยู่หน้าร้าน ในหัวของหลินเฟิงนึกถึงคำพูดที่ฉู่ฮวาจิ่นพูดเมื่อครู่นี้“เป็นศัตรูกับฉัน ไม่มีผลดีอะไรต่อคุณสักนิด”“ถ้าหากคุณยอมรับฉันอย่างว่าง่าย ฉันก็สามารถให้ข่าวสารของประเทศมังกรทั้งหมดที่คุณอยากรู้ได้นะ!”“เพื่อแสดงความจริงใจ...”“ตึกร้างทั่วทั้งแถบที่อยู่นอกเมืองเจิ้งเต๋อ คุณให้ประธานหลี่กว้านซื้อเอาไว้ ใช้เวลาไม่กี่วัน ตรงนั้นก็จะถูกรื้อถอน”“มูลค่าเพิ่มขึ้นอย่างน้อยสิบเท่า!”หลินเฟิงถามฉู่ฮวาจิ่นทันทีว่าได้ยินข่าวนี้มาจากที่ไหน แต่ทว่าเธอเพียงแค่ยิ้มอย่างมีเลศนัย“ไมอาจบอกได้ นอกจากว่าคุณจะรับปากฉัน”เดินออกจากร้านกาแฟ หลินเฟิงล้วงโทรศัพท์ออกมา โทรไปหาจ้าวเทียนหัว“คุณชายหลิน”จ้าวเทียนหัวยังคงมีความนอบน้อม รับสายของหลินเฟิงอย่างรวดเร็ว“ไปตรวจสอบผู้หญิงที่ชื่อว่าเชียนเปี้ยนฮวาจิ่นให้ฉันหน่อย”“เชียนเปี้ยนฮวาจิ่น?”จ้าวเทียนหัวได้ยินชื่อนี้ น้ำเสียงก็ประหลาดใจย่างเห็นได้ชัด“ทำไม นายรู้จักเธอเหรอ?”
“คุณอยากจะทำอะไรกันแน่?!”หลินเฟิงปิดโน้ตบุ๊คลง และจ้องมองเทพธิดาฉู่“ฉันไม่ได้อยากทำอะไรนะ ฉันแค่ชอบคุณเท่านั้นเอง!”เทพธิดาฉู่หัวเราะคิกคัก ทำให้หลินเฟิงโมโหมากยิ่งขึ้น“หึ”หลินเฟิงไม่ได้สนใจเธอ จะหันหลังเดินจากไป“เอ๊ะ เดี๋ยวก่อน!”เทพธิดาฉู่รีบเข้ามาดึงแขนของหลินเฟิงเอาไว้ จากนั้นยิ้มขอโทษ: “คุณอย่าโกรธนะ หรือว่าคุณไม่อยากรู้เหรอว่าฉันเป็นใคร? หลินชิงเสวียน?”“อะไรนะ?”หลินเฟิงนิ่งอึ้งครู่หนึ่ง รีบหันหน้ากลับมา“คุณรู้ชื่อของผมในอดีต? พูดมา! คุณเป็นใครกันแน่?”“ฉันน่ะเหรอ...”เทพธิดาฉู่ส่ายหน้า แสร้งทำเป็นเคร่งขรึมพูดว่า:“ฉันเป็นคนเร่ร่อนที่มีบ้านแต่กลับไปไม่ได้ เหมือนกับคุณ”“......”หลินเฟิงรวบรวมหยวนชี่ทั้งห้าที่อยู่ภายในร่างกาย แผ่นซ่านพลังออกมารอบตัวเห็นได้ชัดว่า หลินเฟิงเตรียมจะลงมือแล้วในเมื่อผู้หญิงคนนี้พูดดีๆ ไม่ฟัง งั้นหลินเฟิงก็จะใช้ไม้แข็งกับเธอแล้ว!”“โธ่ อย่าใจร้อนขนาดนี้สิ! คุณเป็นคนใจร้อนจริงๆ เลยนะ”เทพธิดาฉู่ถอยหลังไปสองก้าว ยิ้มออดอ้อนและพูดว่า:“ในเมื่อคุณอยากรู้ขนาดนี้ งั้นฉันบอกคุณก็ได้”“ชื่อของฉันมีหลายชื่อ บอกคุณชื่อไหนดีล่ะ? อืม อ่
“อะไรนะ? หลินเฟิง ทางด้านคุณทำอะไรกันอยู่?”หลี่ฮุ่ยหรานได้ยินเสียงที่อุจาดของเทพธิดาฉู่ จึงตวาดเสียงต่ำที่ตรงหน้าจอ“ที่แท้ก็เป็นคุณนี่เอง!”หลินเฟิงนิ่งอึ้งทันที เขาถึงนึกขึ้นได้มิน่าล่ะตอนที่เขาเจอเทพธิดาฉู่ครั้งแรกก็รู้สึกว่าเธอคุ้นตาที่แท้เธอก็คือผู้หญิงของประธานโจวคนนั้นที่หลินเฟิงได้เจอ ตอนงานประมูลที่เมืองเจิ้งเต๋อตอนนั้นเธอก็เชิญเขาไปงานเลี้ยงหน้ากากอะไรสักอย่างเพียงแต่เขาไม่ได้สนใจ ดังนั้นจึงไม่ได้เก็บเรื่องนี้ไปใส่ใจคิดไม่ถึงว่าเธอยังจะมาปรากฏตัวที่เมืองจิง!“คุณมีเป้าหมายอะไรกันแน่?!”หลินเฟิงสายตาเฉียบคม จับเท้าสวยของเทพธิดาฉู่ที่ยื่นมาตรงจุดอ่อนของเขา และตวาดเสียงทุ้มต่ำ“โอ๊ย คุณทำฉันเจ็บนะ...ถึงแม้ฉันก็ไม่ได้รังเกียจก็เถอะ แต่คุณทำแบบนี้ต่อหน้าคนเยอะแยะขนาดนี้ คุณต้องการจริงๆ เหรอ?”เทพธิดาฉู่บอกให้หลินเฟิงมองไปอีกทางหลินเฟิงหันหน้ากลับไปมองถึงได้พบว่าไม่รู้ว่าที่ร้านกาแฟมีลูกค้าเพิ่มมาสองโต๊ะตั้งแต่เมื่อไหร่ ตอนนี้พวกเขาต่างจ้องมองหลินเฟิงกับเทพธิดาฉู่อยู่อีกทั้งหลินเฟิงในตอนนี้ก็จับเท้าของเทพธิดาฉู่เอาไว้อยู่ บรรยากาศคลุมเครือและหวานซึ้งอย่างถึง
ไฝเสน่ห์ที่อยู่ใต้ตาของเธอ ยิ่งเพิ่มเสน่ห์ให้กับเธอเป็นพิเศษเมื่อเผชิญกับสาวสวยแบบนี้เปลี่ยนเป็นผู้ชายคนอื่นมาก็คงจะต้านทานไว้ไม่อยู่“หลินเฟิง เป็นอะไรไหม?”หลี่ฮุ่ยหรานที่อยู่บนหน้าจอสังเกตเห็นถึงความผิดปกติ จึงขมวดคิ้วเล็กน้อย“ไม่เป็นไร”หลินเฟิงส่ายหน้า เขาไม่อยากให้หลี่ฮุ่ยหรานเห็นท่าทางในตอนนี้ ไม่งั้นจะต้องหึงหวงและเข้าใจผิดแน่นอนแต่ถึงแม้หลินเฟิงจิตใจฟุ้งซ่าน แต่ไม่ถึงกับหลงกลของเทพธิดาฉู่คนนี้จริงๆหลินเฟิงเข้าใจอย่างสุดซึ้งผู้หญิงที่ยิ่งสวย ลับหลังก็ยิ่งอันตรายยิ่งเป็นผู้หญิงที่รุกหนัก ก็ยิ่งมีหวังผลต่อคุณเทพธิดาฉู่ปรากฏตัวในสายตาของหลินเฟิงหลายต่อหลายครั้ง ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่นอน เป็นการกระทำที่เธอตั้งใจเธอหาหลินเฟิง อีกทั้งรุกเข้าหาถึงขนาดนี้ ต้องหวังผลอะไรต่อเขาอย่างแน่นอน“คุณฉู่ ที่ดินที่คุณต้องการพวกเราจัดการเรียบร้อยแล้ว ก่อนหน้านี้ที่คุณพูดว่าจะพัฒนาเมืองสถานบันเทิง โครงการนี้ฉันก็ทำหนังสือแผนงานเสร็จเรียบร้อยแล้ว”“นี่คือรายละเอียดแบบแผนของหนังสือแผนงาน คุณดูสิคะ”หลี่ฮุ่ยหรานเปิดพาวเวอร์พอยต์ออกมา เธอใช้น้ำเสียงที่ชำนาญการแนะนำแผนการให้กับเท
หลี่ฮุ่ยหรานกระแอมเล็กน้อยและพูดว่า:“ฉันส่งที่อยู่ไปให้คุณแล้ว คุณออกมาเดี๋ยวนี้เลยเถอะ”“อ่อใช่ การร่วมมือต้องให้คุณเซ็นชื่อ แต่ต้องหลังจากที่พวกเราประชุมผ่านวิดีโอกันเสร็จ”“เข้าใจแล้วยัง?”“เข้าใจ”หลินเฟิงพยักหน้าหลังจากวางโทรศัพท์ หลินเฟิงหันหลังกลับไปมองคฤหาสน์ที่เงียบสงุด จากนั้นก็ถอนหายใจเบาๆวุ่นวายอยู่นานก็เพื่อที่จะมาดื่มชาหนึ่งแก้วหลินเฟิงไม่เข้าใจแต่เขาไม่มีเวลาให้ยืดเยื้อ จึงรีบสตาร์ทรถมายบัค เร่งขับไปยังที่อยู่ที่หลี่ฮุ่ยหรานส่งให้เขาเวลาประมาณครึ่งชั่วโมงหลินเฟิงเดินเข้าไปในร้านกาแฟร้านหนึ่ง สายตามองไป ก็เห็นใบหน้าที่เขาคุ้นเคยคนหนึ่ง“คุณคือ...คนที่ถนนเสรี...”หลินเฟิงตกตะลึงเล็กน้อยในตอนนี้ผู้หญิงที่นั่งไขว้ห้าง สวมชุดเดรสเกาะอกรัดรูปสีดำ เผยผิวพรรณที่ขาวผ่องออกมา เธอก็คือเทพธิดาฉู่ในคืนนั้นที่ให้เบาะแสกับเขาที่ถนนเสรีเธอยกกาแฟขึ้นดื่มอย่างสง่างาม และจิบหนึ่งคำเผยรอยยิ้มที่ยั่วยวนที่สุดไปทางหลินเฟิงที่เข้ามาในร้านถึงขั้นที่ยังอ้าริมฝีปากแดง เลียนิ้วมือของตัวเอง“คิดไม่ถึงว่าจะได้เจอหน้ากันไวขนาดนี้นะหนุ่มหล่อ”เธอยิ้มสวยหยาดเยิ้มหลินเฟิง
ในที่สุดหลินเฟิงก็ไม่สามารถระงับความสงสัยในใจได้ ก่อนจะขมวดคิ้วพร้อมกับถามขึ้น“ทำไม? ไม่ได้งั้นเหรอ?”ราชาหลินแห่งตอนใต้จิบชาอีกครั้ง แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า : “ดูเหมือนว่าทักษะของหยินหลิงก็ดีขึ้นไม่น้อย หลังจากนี้ลูกก็สามารถให้เธอชงให้ลูกดื่มได้”หลินเฟิงเร่งรีบมาตลอดทาง พร้อมกับครุ่นคิดเรื่องของราชาหลินแห่งตอนใต้ก่อนจะนึกถึงสายตาของเขาที่แทบจะขอร้องอ้อนวอนแล้วยังบอกว่าจุดจบของตัวเองใกล้เข้ามาแล้ว....“เหอะ!”หลินเฟิงทำเสียงออกมาอย่างเย็นชา ก่อนจะเดินจากไปเดิมทีคิดว่าคราวนี้เขาจะอธิบายอะไรบางอย่าง แต่คิดไม่ถึงว่าชายคนนี้จะยังเหมือนเดิม ทำเหมือนตัวเองเป็นเด็กและไม่พูดไม่อธิบายอะไรสักอย่าง“คุณลุง แบบนี้...แบบนี้ดีแล้วงั้นเหรอ?”เมื่อเห็นหลินเฟิงจากไป หยินหลิงก็มองไปทางราชาหลินแห่งตอนใต้ด้วยความกังวลเล็กน้อย“มีอะไรที่ไม่ดีงั้นเหรอ?”ราชาหลินแห่งตอนใต้ยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะยกถ้วยชาขึ้นมาแล้วจิบอีกครั้ง“ไม่ต้องห่วง ฉันได้เก็บสิ่งที่ควรจะเหลือไว้ให้กับเจ้าเด็กสารเลวนั้นแล้ว บางครั้งการไม่รู้อะไรเลยก็ถือว่าเป็นโชคดีอย่างหนึ่ง”“ตามนิสัยของเด็กคนนั้น หากบอกเขาไปในตอนนี้ ก็กลัว
วันรุ่งขึ้น หลินเฟิงก็เดินออกจากบ้านตระกูลถังเพียงลำพังเขาไม่ได้บอกใครว่าตัวเองไปที่ไหน แล้วแอบขับรถไปที่หน้าวิลล่าแห่งหนึ่งในเขตชานเมืองที่เมืองจิงวิลล่าแห่งนี้สร้างขึ้นในป่าไผ่ ถึงแม้จะไม่ใหญ่ แต่ก็เงียบสงบและหรูหรา แล้วก็ไม่มีความเร่งรีบที่วุ่นวายเหมือนอย่างในเมืองแค่ได้เห็นวิลล่าแห่งนี้ หลินเฟิงก็รู้สึกสงบมากขึ้นไม่น้อยเขาผลักประตูเข้าไป และยังไม่ทันได้เข้าห้องโถง ก็ไม่กลิ่นชาจาง ๆเพียงได้ยินเสียงเก่า ๆที่คุ้นเคยดังมาจากในประตู“มาแล้วเหรอ”“อืม”หลินเฟิงก้าวเข้าไปในห้องเขามองเห็นราชาหลินแห่งตอนใต้พ่อของตัวเอง ที่ในเวลานี้กำลังนั่งอยู่ในห้องโถงหลัก และล้อมรอบด้วยกลิ่นหอมจาง ๆของชาที่เล็ดลอดออกมาจากชามชาโบราณในมือของเขา“พี่ชาย พี่นั่งสิ”ร่างสวยงามที่ไม่รู้ว่าเดินมาจากทางไหน เธอถือถ้วยชาแบบเดียวกัน ก่อนจะวางลงอีกด้านหนึ่งของโต๊ะที่อยู่ตรงข้ามกับราชาหลินแห่งตอนใต้หลินเฟิงหันกลับไปมอง ร่างนี้ก็ไม่ใช่ใครอื่น นอกจากหยินหลิงที่เคารพนอบน้อม“......”เดิมทีหลินเฟิงอยากจะพูดขอบคุณเรื่องของถังว่านหลี่ แต่ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร จึงทำได้เพียงพยักหน้า ก่อนจะนั่งลงอีกด้านหนึ่ง
ถังว่านหลี่กล่าวต่อไปว่า :“ในวันนั้นที่ฉันถูกกลุ่มพันธมิตรบู๊พาตัวไป เป็นหลินเฟิงที่ยืนขึ้นและขู่หยินหลิง ผู้นำกลุ่มพันธมิตรบู๊ หากเธอไม่ตอบตกลงที่จะปฏิบัติต่อฉันอย่างดี ตอนนั้นหลินเฟิงก็จะแตกหักกับผู้นำ!”“สุดท้าย แม้ว่าผู้นำของเมืองจิงจะโกรธอยู่ แต่ก็ปกป้องฉันไว้”“เธอพูดเรื่องของหลินเฟิงกับฉันเยอะมาก....”“จริง ๆแล้วพวกเราตระกูลถัง ไม่เหมาะสมกับหลินเฟิงเลย”ถังว่านหลี่มองหลินเฟิงด้วยสายตาซับซ้อน จากนั้นก็เช็ดน้ำตา ก่อนจะพูดอย่างขมขื่นว่า :“หลินเฟิง ต่อจากนี้ไปจะมอบถังหว่านให้กับนาย ไม่ลำบากใจใช่ไหม?”“ไม่ลำบากใจครับ”หลินเฟิงพยักหน้า ก่อนจะยิ้มออกมาเล็กน้อยเช่นกัน“ไม่ลำบากใจก็ดี....”ถังว่านหลี่ถอนหายใจ จากนั้นก็พูดว่า :“หลินเฟิง จากนี้ไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ฉันถังว่านหลี่ที่อยู่ตรงนี้ จะเป็นครอบครัวของนาย”“อืม”จริง ๆแล้วหลินเฟิงรู้สึกผิดหวังกับตระกูลถังแต่ท่าทางของถังว่านหลี่กับถังเจี้ยนหยวน ในที่สุดก็ทำให้หลินเฟิงกลับมาอบอุ่นในหัวใจ“สุดท้าย หลินเฟิง”ถังว่านหลี่เอ่ยขึ้นเบา ๆว่า : ผู้นำกลุ่มพันธมิตรหยินหลิงขอให้ฉันนำคำพูดมาให้คุณด้วย”“ข้อความ...อะไร?”