ในตอนเย็นตระกูลไป๋ได้จัดงานเลี้ยงอาหารค่ำมื้อใหญ่ในระหว่างนั้น หลินเฟิงก็มาหาหลี่ซืออวี่“ซืออวี่ ฉันไม่คิดเล็กคิดน้อยในเรื่องที่เกิดขึ้นระยะนี้ ของที่ให้กับคุณ คุณจะเก็บไว้ก็ได้ แต่ฉันขอแค่อย่างเดียว”“หลังจากที่กลับเจียงโจว จะต้องยืนยันให้เสวี่ยฮุ่ยเห็นว่าพวกเราไม่ได้มีความสัมพันธ์ระหว่างกัน”คำพูดของหลินเฟิงทำให้หลี่ซืออวี่ตกตะลึงไปชั่วครู่“พี่หลินเฟิง ที่คุณให้ของฉัน ...พี่ไม่เอากลับไปแล้วเหรอ?”“คุณไม่ได้โกรธใช่ไหม?”เมื่อเห็นสีหน้าที่ไม่อยากเชื่อของหลี่ซืออวี่ หลินเฟิงก็ส่ายหน้า“คืนวันนั้นฉันยั้งสติไม่อยู่ ไม่อย่างนั้นเรื่องก็คงจะไม่กลายเป็นแบบนี้ วางใจเถอะ ฉันไม่ได้โกรธ แต่คราวหน้าอย่าใช้ความฉลาดน้อยแบบนี้อีก เข้าใจไหม?”เมื่อมองแววตาของหลินเฟิงที่แฝงความมีเตือนสติอยู่ หลี่ซืออวี่ก็พยักหน้าราวกับไก่จิกข้าว“ใช่แล้ว พี่หลินเฟิง ไม่ใช่ว่าพรุ่งนี้คุณต้องไปประลองฝีมือกับใครสักคนเหรอ?”“ใช่แล้ว”“งั้น....”หลี่ซืออวี่ว้าวุ่นเล็กน้อย แต่สุดท้ายเธอก็ยังตัดสินใจได้ในที่สุด ยกแก้วเหล้าขึ้นมาจากโต๊ะก่อนจะเทเหล้าแล้วยกขึ้น“พี่หลินเฟิง ขอบคุณที่คุณยอมอภัยให้ฉัน เหล้าแก้วนี
“ก่อนหน้านี้ให้เกียรตินายนายกลับไม่รับไว้ จะเอาหัวใจมังกรใต้พื้นดินที่มีเพียงหนึ่งเดียวจากตระกูลไป๋ของฉันไปให้ได้ หึ ถ้าหากว่าหัวใจมังกรใต้พื้นดินยังอยู่ ลูกสาวของฉันแต่งงานกับสำนักเสินฉือจะต้องเปลืองแรงขนาดนี้เหรอ?”“นายเอาหัวใจมังกรใต้พื้นดินออกไปจากตระกูลไป๋ของเราไป และตระกูลไป๋เราก็ยังอุทิศคุณให้กับสำนักเสินฉือด้วย เมื่อคิดแบบนี้แล้วก็ถือว่าหายกันแล้วเถอะ!”ไป๋เจิ้นหัวที่มีสีหน้ายิ้มแย้มด้วยความกระตือรือร้น แต่ในใจลึก ๆกลับแอบคิดวางแผนอยู่เงียบ ๆไป๋ชิงเฉี่ยนที่อยู่ด้านข้างมองพ่อของตัวเองที่แสดงสีหน้าออกมาเช่นนี้ ในใจก็รู้สึกกระวนกระวายอย่างมากหลังงานเลี้ยงอาหารเย็นไป๋ชิงเฉี่ยนมาที่ห้องหนังสือของไป๋เจิ้นหัว“พ่อ พ่อคิดจะทำอะไรอยู่กันแน่?”ลูกสาวของตัวเองถามขึ้นอย่างตรงไปตรงมา แววตาของไป๋เจิ้นหัวเคร่งขรึม ก่อนจะพูดออกมาอย่างใจเย็น “ไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้นแหละ ลูก ท้องฟ้ามืดแล้ว รีบเข้านอนล่ะ”“มันเกี่ยวข้องกับคู่หมั้นที่พ่อเคยพูดก่อนหน้านี้หรือเปล่า?”ไป๋ชิงเฉี่ยนพูดขึ้นมาอย่างเป็นกังวล “พ่อ ถ้าพ่อวางแผนเรื่องที่ไม่เป็นผลดีกับหลินเฟิง หนูขอแนะนำว่าให้พ่อหยุดมือทันที”“ลูกจ
แต่หลินเฟิงก็ไม่ใช่คนอ่อนแออะไรที่จะถูกการข่มขู่กระจอกแบบนี้ควบคุมเอาไว้ได้เมื่อเห็นว่าเขาไม่สามารถเกลี้ยกล่อมไป๋ชิงเฉี่ยนได้ หลินเฟิงจึงกอดอกแล้วพูดอย่างเฉยเมย: “งั้นคุณตะโกนเถอะ ผมยังไงก็ได้”“งั้นฉันตะโกนจริง ๆ แล้วนะ?!” ไป๋ชิงเฉี่ยนกัดฟัน และโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ“ตะโกนเถอะ”หลินเฟิงส่งเสียงไม่พอใจ“ช่วยด้วย! ใครก็ได้ หลินเฟิงเขา...หลินเฟิงเขาลูบคลำฉัน ช่วยด้วย!”คิดไม่ถึงว่าไป๋ชิงเฉี่ยนคนนี้จะตะโกนจริง ๆ หลินเฟิงรีบปิดปากของเธอเอาไว้“คุณไม่อายเหรอ?!” หลินเฟิงแพ้ให้เธอแล้วจริง ๆ และพูดด้วยความโมโห: “นี่ก็คือการต้อนรับแขกของคุณหนูไป๋เหรอ?”“ฉันไม่สน”ไป๋ชิงเฉี่ยนอารมณ์เสียขึ้นมาแล้ว: “ถ้าคุณไม่พาฉันไปด้วย ฉันก็จะตะโกนต่อ ยังไงซะเมื่อถึงเวลาให้คุณคนได้รับรู้ คุณก็หนีไม่รอดแล้ว”ไป๋ฉิงเฉี่ยนคนนี้ภายนอกดูไร้พิษภัย แต่หัวรั้นขึ้นมาก็เป็นดื้อดึงจริง ๆสุดท้ายหลินเฟิงทำได้แค่รับปากเธออย่างจนใจ รอให้พรุ่งนี้เอาไผ่กลืนทองมาได้ ก็จะเชิญเธอไปเที่ยวที่เมืองเจียงโจวสักสองสามวัน แบบนี้เธอถึงจะยอมจากไปด้วยความพึงพอใจตลอดทั้งคืนไม่มีคำพูดใด ๆเช้าวันต่อมา หลินเฟิงตื่นมาแต่เช้าฝึกวิ
“ใช่ครับ” หลินเฟิงพยักหน้า“ชิ บนโลกนี้ แมวหมาที่ไหนก็กล้ามาร่วมดูความครึกครื้น”ชายชราเห็นหลินเฟิงมั่นอกมั่นใจ สายตามีไหวพริบ จึงรู้ว่าหลินเฟิงมีความสามารถอยู่บ้าง ไม่แน่อาจจะเป็นปรมาจารย์กำลังภายในแต่ดูจากพวกคนที่เขาเพิ่งตีจนหนีไป การรับลูกศิษย์ของโรงบู๊หยินเฉวียนนี้ไม่ได้ง่ายเหมือนอย่างที่เขาคิดแน่นอนไม่แน่อาจจะยังมีเทพปรมาจารย์ปรากฏตัวขึ้นอีกมากมายผู้ชายวัยรุ่นอย่างหลินเฟิง ถ้าหากไม่มีคนคุ้มครอง เกรงว่าตายไปก็ยังไม่รู้ตัวเลยว่าตายอย่างไรชายชราพูดด้วยความเหยียดหยามและโบกมือ: “ไอ้หนุ่มหลินเฟิง ฉันเกลี้ยกล่อมให้นายมาจากที่ไหนก็กลับไปที่นั่นเถอะ!”“เมื่อครู่นายก็เห็นแล้ว ฉันเพียงแค่เดินทางไปที่โรงบู๊หยินเฉวียนก็ถูกมือสังหารลอบโจมตีอย่างไม่มีเหตุผล ถ้าหากเป็นนาย นายจะทนได้เหรอ?”ไม่รอให้หลินเฟิงตอบสนอง หลานสาวที่อยู่ข้างกายชายชราก็ยิ้มพูด:“พี่ชาย ฉันดูพี่หน้าตาหล่อเหลาดี อย่าเอาชีวิตมาทิ้งไว้ในสถานที่ลึกลับแบบนี้ ฟังคำพูดคุณปู่ของฉัน พี่รีบกลับไปเถอะ!”เห็นปู่หลานสองคนดูถูกตัวเอง หลินเฟิงก็ไม่ได้หงุดหงิด เขายิ้มบางพูดขึ้น: “การรับสมัครลูกศิษย์ของโรงบู๊หยินเฉวียน อันที่จริ
“หุบปาก!”โอวหยางชิ่งเดินออกมาจากในโถงโรงบู๊ และโมโหจนตัวสั่นก่อนหน้านี้เพื่อที่จะรอดชีวิตจึงแสร้งทำเป็นคนบ้าปัญญาอ่อนต่อหน้าหลินเฟิง เรื่องนี้เธอไม่ได้บอกใครทั้งนั้น และมันกลายเป็นจุดด่างพร้อยในชีวิตของเธอเธอไม่มีทางยอมให้เรื่องนี้ถูกคนอื่นรับรู้ถ้าหากให้คนอื่นรู้ว่าโอวหยางชิ่งลูกสาวของผู้อาวุโสใหญ่ของสำนักเสินฉือ ใช้วิธีแบบนี้มารักษาชีวิตของตัวเองงั้นชื่อเสียงของเธอโอวหยางชิ่งก็จะเน่าเฟะจนถึงที่สุด“ทำไม? จี้แทงจุดที่เจ็บปวดของคุณหนูโอวหยางเหรอ?” หลินเฟิงยิ้มเยาะ และพูดอย่างเนิบนาม: “คุณว่าเป็นไปได้หรือไม่ได้?”“ตอนนั้นผมเห็นคุณน่าสงสาร จึงตั้งใจไว้ชีวิตคุณ?”“หลินเฟิง นายบ้าอวดแบบนี้ ฆ่าคู่หมั้นของฉัน วันนี้ก็พูดจาไม่สุภาพกับฉัน ทำให้ความบริสุทธิ์ของฉันด่างพร้อย ฉันไม่มีทางปล่อยนายไปแน่!”โอวหยางชิ่งเหลือบมองลูกน้องของสำนักเสินฉือที่หลบเลี่ยง และประหม่าเล็กน้อย เธอจึงรีบตะโกนตวาดหลินเฟิงให้เขาหุบปากจากนั้นโบกมือแล้วพูดว่า: “บุกเข้าไปให้หมด ใครจับหลินเฟิงไว้ได้ สำนักเสินฉือของฉันจะตบรางวัลเป็นวิชาลับของสำนักและสมบัติล้ำค่าห้าธาตุแต่กำเนิด!”“เข้าไปสิ!”ได้ยินของของรา
“ติ๊ง!”ชายชุดดำคนหนึ่งฟันดาบโค้งที่อยู่ในมือไปที่ไหล่ของหลินเฟิง และเกิดเป็นเสียงของโลหะกระทบกันออกมา“ฮะ? นี่มัน...กำลังภายในปล่อยออกมาข้างนอก เทพปรมาจารย์?!”ชายชรามองเห็นภาพนี้ ตกตะลึงจนอ้าปากค้างแต่นี่ยังไม่จบหลินเฟิงเปลี่ยนจากฝ่ามือเป็นกรงเล็บ จิกไปที่ข้อมือของชายชุดดำ และแย่งชิงดาบโค้งที่อยู่ในมือของเขามา จากนั้นฟาดฟันลงไป ทันใดนั้นศีรษะของคนชุดดำสองหัวที่มีสีหน้าตกตะลึงลอยออกไป“คุณหลิน ผมหนุนกำลังคุณ!”ห่างออกไประยะหนึ่ง เหยาปินที่สวมชุดสูทสีดำที่ทรุดโทรมก็พุ่งเข้ามา เขาเปลี่ยนแปลงกระบวนท่า จากนกใหญ่ที่บินขึ้นสูงเปลี่ยนเป็นเสือดุ ปล่อยหมัดและเท้าเพียงเล็กน้อยก็ต่อยคนชุดดำสองคนกระเด็นออกไป“เหยาปิน แกมันไอ้คนทรยศ!”เห็นเหยาปินลงมือช่วยหลินเฟิง โอวหยางชิ่งส่งเสียงตวาดด่าทอที่ดุดัน และโมโหจนตัวสั่นไปหมด“หึ ฉันติดตามสำนักเสินฉือของพวกเธอมาหลายปีขนาดนี้ พวกเธอกลับระแวดระวังฉันเหมือนกับฉันเป็นโจร มองกลับไปที่คุณหลิน ไม่เพียงไว้ชีวิตฉัน แถมยังให้คำแนะนำกระบวนท่าศิลปะการต่อสู้กับฉัน”“พวกเธอสำนักเสินฉือมีวันนี้ ก็หาเรื่องใส่ตัวเอง!”“หมัดพยัคฆ์ร้าย!”เหยาปินเป็นคนที่มี
“หลี่ซืออวี่!”หลินเฟิงจับกำปั้นที่มีเลือดหยุดลง ในใจเกิดความโมโหมากมายขึ้นมาทันทีเมื่อวานเขาทานอาหารเย็นที่บ้านตระกูลไป๋ อันที่จริงระมัดระวังตัวมาตลอด หลังจากที่ได้ตรวจสอบอุปกรณ์ในการรับประทานอาหารและอาหารว่าไม่มีพิษแล้ว เขาถึงได้วางใจมีเพียงหนึ่งเดียวที่ไม่ได้ระวัง ก็คือเหล้าแก้วนั้นที่หลี่ซืออวี่ยื่นให้เขาเดิมทีคิดว่าเด็กสาวคนนี้ต่อให้เจ้าเล่ห์ยังไง เขาก็เห็นแก่ในฐานะที่เธอเป็นเพื่อนของเสวี่ยฮุ่ย เมื่อถูกเปิดโปง เธอก็ควรจะวิตกเกรงกลัวจนไม่กล้าลงมือกระทำ และสำนึกผิดอย่างจริงจังแต่สิ่งที่ทำให้หลินเฟิงคิดไม่ถึงเลยก็คือเธอยังกล้าวางยาให้เขา?“เพียะเพียะ!”หลินเฟิงประสานอิน และนึกไม่ถึงว่าจะใช้ท่าประสานมือบุษกรของสำนักเสินฉือปลายนิ้วมือของเขากดไปที่จุดชี่ห่ายกับจุดกวนหยวน จากนั้นก็จุดเทียนทูกับจุดเหลียงเหมิน เพื่อให้กำลังภายในบีบคั้นให้ฤทธิ์ยาสลายไปอย่างรวดเร็ว“พวกแกมันไอ้พวกสวะ หลินเฟิงโดนยาพิษแล้ว รีบบุกเข้าไปสิ!”คนชุดดำที่อยู่รอบ ๆ มีท่าทางที่จะถอยออก โอวหยางชิ่งร้อนใจและด่าทอลูกศิษย์สำนักเสินฉือที่พามาจากมือของคุณพ่อของเธอได้ยินลูกสาวของผู้อาวุโสใหญ่ออกคำสั่งแล้ว
ชายวัยกลางคนกอดอกแล้วเดินเข้าไปใกล้ ๆ ช้า ๆ ในดวงตามีความเย็นชาปรากฏออกมา“คุณหลินระวังนะครับ เขา...เขาก็คือโอวหยางซานน้องชายของผู้อาวุโสสำนักเสินฉือ เป็นเทพปรมาจารย์ ผมไม่ใช่...อั่ก...”เหยาปินที่อยู่ในอ้อมแขนของหลินเฟิงก็ยังพูดเตือนหลินเฟิงด้วยแรงสุดท้ายหลินเฟิงขมวดคิ้วพูด: “คุณเลิกพูดได้แล้ว นอนนิ่ง ๆ! ไม่อย่างนั้นตัดเถียนของคุณจะแตกสลายได้ง่าย และจะกลายเป็นคนไร้ประโยชน์ที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้”เห็นจุดตันเถียนของเหยาปินยังไม่แตกสลายไป โอวหยางซานก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย“คิดไม่ถึงว่านายจะรู้จักการผนึกจุดพลังด้วย ไม่เสียแรงที่เป็นลูกศิษย์ที่มีชีวิตรอดเพียงหนึ่งเดียวของสำนักเสวียนเทียน”“สำนักเสวียนเทียน?!”ชายชราที่อยู่ด้านหลังหลินเฟิงมองไปทางเขาด้วยความตกตะลึง ในสายตาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ“คุณปู่ ทำไมเหรอ? สำนักเสวียนเทียนคืออะไรคะ?”หญิงสาวเห็นแบบนี้ก็รีบถามขึ้นมาชายชรากลับเผยความตกตะลึงออกมา: “สำนักเสวียนเทียนเมืองหนานไห่ นั่นเป็นถึงสำนักที่มีประวัติยาวนานที่สุด และลึกลับที่สุดในประเทศมังกรในตอนนั้น!”“ถึงแม้ลูกศิษย์สำนักจำนวนไม่ได้เยอะมากนัก แต่ว่าต่างเป็นจ
ตู้เหลียนเซิงใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองเจิ้งเต๋อหลายปีขนาดนี้ และก็เคยพบวิบากขวากหนามมามากมายเขาตั้งสติกลับมาได้ รู้ว่าใช้ความรุนแรงไม่สำเร็จ ก็ต้องเจรจาไม่ว่ายังไง จะสูญเสียลูกชายของตัวเองไปไม่ได้ไม่อย่างนั้นตระกูลตู้ของเขาก็จะไม่มีทายาทอีกแล้ว“เดี๋ยว”คิดไม่ถึงว่าฟ่านหลิงเยว่ไม่มีความคิดที่จะเจรจากับเขาด้วยซ้ำ เธอส่ายหน้าพูดว่า:“มีคนสั่งให้ฉันเฝ้าตู้จิ่นเชาเอาไว้ให้ดี รอเธอกลับมาแล้วค่อยจัดการ”“งั้นก็หมายความว่าไม่สามารถเจรจาได้แล้ว?”ตู้เหลียนเซิงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ“ถูกต้อง”ฟ่านหลิงเยว่หาเก้าอี้มาตัวหนึ่งและนั่งลงด้วยความเอ้อระเหยรอยชายหันกลับมาดูฉีจวินกับตู้เหลียนเซิงทั้งสองคน ยืนอยู่ที่ด้านข้างตู้จิ่นเชาด้วยสีหน้าไม่ดีตู้เหลียนเซิงมองไปทางฉีจวิน และถามว่า:“ฉีจวิน จิ่นเชาเป็นแบบนี้ เขายังจะยืนหยัดได้อีกนานแค่ไหน?”“ยืนหยัดได้นานแค่ไหน?”ฉีจวินนิ่งอึ้งเล็กน้อย และรีบเข้าไปดูอาการบาดเจ็บของตู้จิ่นเชามองดูอยู่ครู่หนึ่ง ฉีจวินมองไปทางตู้เหลียนเซิงด้วยความนิ่งอึ้งเล็กน้อย และตอบกลับว่า:“พ่อ จิ่นเชาเขา ไม่ได้มีอันตรายถึงชีวิต”“อะไรนะ?”ได้ฟังถึงตรงนี้ ตู้เหลียนเซ
เมื่อฉีจวินและตู้เหลียนเซิงวิ่งเข้าไปในห้องผู้ป่วย ทั้งสองต่างตกตะลึงกับภาพตรงหน้าเห็นได้ว่าในห้องผู้ป่วยนั้นรกอย่างไม่เป็นระเบียบ มีร่างของบอดี้การ์ดตระกูลตู้หลายคนนอนอยู่ส่วนตู้จิ่นเชาในขณะนี้นอนอยู่กับพื้น กำลังร้องไห้สะอื้นๆ พร้อมกับมือปิดบังช่วงล่างที่กำลังไหลเป็นเลือดไม่หยุดเครื่องมือทางการแพทย์รอบๆ ก็แตกกระจายไปหมด“นี่...นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน?!”ตู้เหลียนเซิงตกใจอย่างมากเมื่อเห็นสภาพลูกชายของตนเองส่วนฉีจวินหันไปมองฟ่านหลิงเยว่ที่ยืนอยู่ข้างๆ แล้วเดินเข้าไปถามด้วยเสียงเข้มว่า“เธอเป็นใคร? ใครให้เธอมาที่นี่?!”ฟ่านหลิงเยว่ทำหน้าเบ้เล็กน้อยแล้วตอบว่า“ฉันมีหน้าที่อะไรต้องตอบคำถามของคุณเหรอ?”“เธอ!”ฉีจวินพยายามควบคุมอารมณ์โกรธในใจ แล้วรีบเข้าไปช่วยพยุงตู้จิ่นเชากับตู้เหลียนเซิงยิ่งดูยิ่งตกใจฉีจวินพบว่าช่วงล่างของตู้จิ่นเชากลายเป็นเนื้อเยื่อปนเลือดเละเทะไปแล้ว ถูกทำร้ายจนพิการดูเหมือนว่า...เรื่องทั้งหมดนี้เกี่ยวข้องกับหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างๆ อย่างแน่นอน“ลูกชายของฉัน...เกิดอะไรขึ้นกับเขา?”ตู้เหลียนเซิงถามด้วยความร้อนรน แต่ยังคงรักษาสติไว้ได้ต้องการถามให้ร
ภายในเวลาเพียงหนึ่งนาที บอดี้การ์ดทั้งหมดก็ล้มลงหมดสติแน่นอน เครื่องมือในห้องผู้ป่วยหนักก็เสียหายเกือบทั้งหมด“เมื่อกี้คุณพูดว่าอยากให้เสวี่ยฮุ่ยถอดเสื้อผ้าคุกเข่าใช่มั้ย?”ฟ่านหลิงเยว่หัวเราะเยาะ เดินไปหาตู้จิ่นเชา แล้วตบหน้าเขาโดยไม่พูดอะไร“เพี๊ยะ!”ตู้จิ่นเชาเซไปเพราะถูกตบตู้จิ่นเชาที่ตกใจกับพลังของฟ่านหลิงเยว่ตอนนี้ความเจ็บปวดบนใบหน้าทำให้ความโกรธและความอับอายครอบงำจิตใจเขา“คุณ!”“คุณกล้าตบผม?! คุณรู้ไหมว่าผมเป็นใคร?!”ตู้จิ่นเชากำหมัดตะโกน“คุณเป็นใคร สำคัญกับฉันหรือ?”ฟ่านหลิงเยว่หัวเราะอย่างไม่ใส่ใจ แล้วตบหน้าเขาอย่างเสียงดังอีกครั้ง“กล้ามาสร้างความวุ่นวายที่นี่ คุณรู้ไหมว่านี่ที่ไหน?”“ไอ้บ้า!”ตู้จิ่นเชาไม่คาดคิดว่าจะโดนตบอีกครั้ง ใบหน้าร้อนผ่าว ไม่ใช่แค่เจ็บปวด แต่ยังอับอายอีกด้วยเขารีบวิ่งเข้าหาฟ่านหลิงเยว่ราวกับคนบ้าแต่ฟ่านหลิงเยว่เตะเพียงครั้งเดียวก็ทำให้ตู้จิ่นเชาต้องกอดขา กุมอวัยวะเพศ คุกเข่าลงกับพื้น สีหน้าเปลี่ยนสีไปมา ดูน่าสนุกจังวันนี้ตู้จิ่นเชาพังยับเยินเขาก้มหน้าลง มองที่อวัยวะเพศที่เลือดออก เจ็บปวดจนพูดไม่ออกในขณะนั้นมีเสียงที่คุ
“อย่ากังวลเรื่องค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดเลย”เมื่อเห็นหวังลี่ลี่กังวล หลินเสวี่ยฮุ่ยพูดเพื่อปลอบใจเธอ แล้วหันไปมองตู้จิ่นเชา“ใครทำร้ายคน คนนั้นต้องจ่าย และต้องจ่ายเพิ่มเป็นสองเท่า”รอยยิ้มของตู้จิ่นเชาก็แข็งทื่อ“สาวน้อย”ใบหน้าของตู้จิ่นเชาแสดงสีหน้าไม่พอใจเล็กน้อย“หมายความว่าให้ผมจ่ายเงินงั้นเหรอ?”“คุณไม่ยอมเหรอ?”หลินเสวี่ยฮุ่ยไม่พูดมาก ถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา“ฮ่าๆ สาวน้อย เธอเสแสร้งเก่งจริงๆนะ?”ตู้จิ่นเชาโกรธไปบ้างแล้วจริงๆ เด็กผู้หญิงคนนี้ไม่ฟังอะไรเลย ทำให้เขาเสียหน้าอย่าพูดถึงหวังลี่ลี่ที่อยู่ข้างๆรวมถึงบอดี้การ์ดหลายคนที่พามาด้วย พวกเขาก็เห็นเขาเสียหน้าเช่นกัน“เชื่อฉันสิ เดี๋ยวคุณก็ต้องคุกเข่าขอร้องฉันให้จ่ายเงินเอง”เมื่อได้ยินคำพูดที่ไร้อารมณ์ของหลินเสวี่ยฮุ่ย ตู้จิ่นเชาก็ชะงักไป แล้วก็โกรธมาก“แค่เธอเหรอ?”ตู้จิ่นเชาตะโกนเสียงดัง“ฝันไปเถอะ ให้ผมคุกเข่าขอร้องเธอ?!”“พวกแก จับนังเด็กสาวนั่นมาให้ได้ วันนี้กูจะดูว่านังเด็กสาวนี่มีดีอะไรถึงได้บังคับกูให้คุกเข่า?!”บอดี้การ์ดที่อยู่รอบๆ เมื่อได้ยินคำสั่งของตู้จิ่นเชาก็จ้องมองหลินเสวี่ยฮุ่ยด้วยสายตาที่ดุร้าย
“เธอเพิ่งเข้าสู่สังคม คงไม่เข้าใจกฎระเบียบภายในโรงพยาบาลใช่ไหม?”“ลองถามพี่เขยผมดูสิ เขาได้ค่าคอมมิชชั่นจากเครื่องจักรแต่ละเครื่องหลายแสนถึงหลายล้าน เธอเป็นแค่แพทย์ จะได้เงินเท่าไหร่?”“มาอยู่กับผม ผมจะแนะนำเธอให้กับพี่เขยผม แค่ทำอะไรไปนิดหน่อยก็พอจะซื้อรถบีเอ็มดับเบิลยูได้แล้ว”คำพูดของตู้จิ่นเชาทำให้หลินเสวี่ยฮุ่ยเข้าใจ“มิน่าล่ะ จำนวนและราคาของเครื่องจักรที่ซื้อมาใหม่ของแผนกผู้ป่วยในไม่ตรงกัน...”หลินเสวี่ยฮุ่ยพึมพำถ้าผู้จัดการฉีอยู่ที่นี่ ได้ยินคำพูดของหลานชายเล่าเรื่องของเขาออกมาอย่างละเอียดเขาก็จะโกรธจนตบตู้จิ่นเชาอย่างแน่นอนน่าอนาถจริงๆ!“ขอบคุณสำหรับข้อมูล”หลินเสวี่ยฮุ่ยไม่ได้ก้มหัว แต่ชี้ไปที่ตู้จิ่นเชาแล้วพูดว่า“ฉันเตือนคุณครั้งที่สอง ปล่อยคนไข้ไป ไม่เช่นนั้นฉันจะเรียกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของโรงพยาบาลแล้วนะ!”“หือ?”เมื่อเห็นว่าเด็กสาวคนนี้ไม่รู้จักที่สูงที่ต่ำ ตู้จิ่นเชาก็เริ่มไม่พอใจ ขมวดคิ้วแล้วตะโกนว่า“สาวน้อย ผมคือคุณชายตู้ ไปถามคนอื่นดูสิ ผมเป็นคนสำคัญในเมืองเจิ้งเต๋อ เธอเป็นใครกัน?”“ให้เกียรติเธอ เธอคิดว่าตัวเองเป็นคนสำคัญหรือไง?”“วันนี้ผม
“แต่การกระทำแบบนี้ของคุณ ก็คือการขอตาย”ตู้จิ่นเชาหัวเราะเยาะ หมุนข้อเท้าไปมา เสียงร้องของพ่อหวังลี่ลี่ก็ยิ่งเจ็บปวดหนักขึ้นแต่ชายชราคนนี้ก็เข้มแข็งมากถึงแม้จะเหงื่อท่วมหน้า ร้องโอดโอย ก็ไม่ขอความเมตตาแม้แต่คำเดียว“พอได้แล้ว!”เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ หลินเสวี่ยฮุ่ยทนไม่ไหวอีกต่อไปเธอผลักประตูเข้าไปในห้องผู้ป่วยพิเศษ ยืนนิ่งอยู่กับที่ หน้าซีดเผือด ตะโกนด้วยความโกรธ“พวกคุณกำลังทำอะไรกันอยู่?”“โรงพยาบาลเป็นที่ที่พวกคุณจะทำร้ายผู้คนหรือไง?”ตกใจกับเสียงประตูที่เปิดออกอย่างไม่คาดคิด เมื่อตู้จิ่นเชากลับมารู้สึกตัว เขาก็หันไปมอง แล้วก็ตาเป็นประกายหญิงสาวสวยหน้าเด็ก สวมเสื้อชั้นในสีดำ กางเกงขายาวแนบเนื้อ สวมเสื้อคลุมสีขาวสะอาดอยู่ด้านหลังริมฝีปากสีแดงสด ดวงตาสดใส คิ้วขมวดเล็กน้อย ยิ่งเพิ่มความสว่างไสวและความยุติธรรม“โอ้?”เมื่อเห็นหลินเสวี่ยฮุ่ย ตู้จิ่นเชาแทบจะน้ำลายไหลถึงแม้หลินเสวี่ยฮุ่ยจะไม่สวยราวกับนางฟ้าอย่างหลี่ฮุ่ยหราน แต่เธอก็เป็นดาวมหาวิทยาลัยเจียงโจวเป็นคนที่เห็นแล้วจะลืมไม่ลงตู้จิ่นเชาที่หื่นมาก เมื่อเห็นหลินเสวี่ยฮุ่ย ก็ลืมหวังลี่ลี่ไปเลย“คุณมองฉันทำไม?
“หวังลี่ลี่ ถ้าคุณไม่มาเจอผมที่โรงพยาบาลเมืองเจิ้งเต๋อภายในครึ่งชั่วโมง พ่อของคุณจะถูกไล่ออกจากโรงพยาบาลเมืองเจิ้งเต๋อทันที”“คุณตัดสินใจเองเถอะ!”“ตู้ด...ตู้ด...ตู้ด...”ตู้จิ่นเชาตัดสายไป หวังลี่ลี่รู้สึกวิตกกังวลและหวาดกลัวถ้าเธอไม่ไปจริงๆตู้จิ่นเชาอาจจะทำแบบนั้นจริงๆ ก็ได้ขณะที่หวังลี่ลี่รีบไปโรงพยาบาล หลินเฟิงก็เดินออกมาจากห้องทำงานของผู้อำนวยการพอดีวันนี้เขาไปดูงานของหลินเสวี่ยฮุ่ยและอธิบายกรณีพิเศษและโรคที่ยากจะรักษาให้กับหลินเสวี่ยฮุ่ยและหมอเทวดาเลี่ยวที่เฝ้าดูอยู่ที่นี่ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา หมอเทวดาเลี่ยวได้เรียนรู้มากมายเขาประทับใจอย่างมากที่ได้อาจารย์ที่ดีแบบนี้ถึงแม้จะยังหนุ่ม แต่ทั้งประสบการณ์ ความรู้ และทักษะ ก็เหนือกว่าเขาในที่สุดเขาก็เริ่มอายที่จะถามหลินเฟิงว่า อายุมากขนาดนี้ยังสามารถฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ได้อีกหรือไม่เพราะว่าวิชาการแพทย์ชั้นสูงหลายอย่างจำเป็นต้องใช้ร่วมชี่แท้กับพลังภายในหลินเฟิงมองเขา แล้วส่ายหัวอายุมากขนาดนี้ แค่ชกหมัดเดียวก็อาจจะปวดเอวได้ ให้หมอเทวดาเลี่ยวฝึกศิลปะการต่อสู้ นั่นไม่ใช่การทำร้ายเขาหรือ?เมื่อเห็นท่าทางของ
“พ่อค่ะ”หวังลี่ลี่ชะงักไป แล้วก้มหน้าถอนหายใจพูดว่า:“หนูกับหลินเฟิงไม่ใช่คนโลกเดียวกันค่ะ หนูเป็นแค่พนักงานขายรถ แต่เขาเป็นผู้มีพระคุณของคุณเผิงกวงฉี่ และเป็นนักสู้ด้วย”“หนูไม่คู่ควรกับเขาหรอกค่ะ”“ฮ่าๆ”เมื่อได้ยินเช่นนั้น ชายชราก็หัวเราะ“พวกเธอบังเอิญเจอกันถึงสองครั้ง นี่ไม่ใช่สัญญาณของโชคชะตาหรือ?”“ถ้ามีโชคชะตา ก็จงพยายามดู”“ได้หรือไม่ได้ค่อยว่ากัน”เมื่อได้ยินคำสั่งสอนของพ่อ หวังลี่ลี่จึงพยักหน้า“หนูรู้แล้วค่ะ”จากนั้น หวังลี่ลี่มองนาฬิกาข้อมือ แล้วพูดกับพ่อว่า:“พ่อค่ะ หนูต้องไปทำงานแล้วค่ะ บ่ายนี้หนูต้องไปที่บ้านคุณหลินเพื่อจัดการเรื่องซื้อรถให้เสร็จ”“ดีๆๆ ไปได้แล้ว”ชายชรายิ้มอย่างพอใจ แล้วพูดว่า“อย่าลืมคำสั่งสอนของพ่อเมื่อกี้นะ”“หนูรู้แล้วค่ะ”หวังลี่ลี่รู้สึกขำกลั้นไม่อยู่ เมื่อเดินออกจากห้องพัก เธอดูที่อยู่จากกระเป๋าเอกสาร ใบหน้าแสดงถึงความผิดหวังเธอเองก็อยากจะเข้าใกล้หลินเฟิงแต่ความเป็นจริงโหดร้ายเกินไป เธอไม่คู่ควรกับเขาหลังจากที่สืบหาข้อมูลมาหลายทางเธอรู้มาว่ารอบๆ ตัวหลินเฟิงมีทั้งประธานหลี่ซื่อกรุ๊ปและคุณหนูตระกูลถังเธอไม่มีโอกาสเลยสัก
ถ้าให้ฟ่านอู๋จี๋คนแก่คนนั้นเลี้ยงดูเธอด้วยการทำนาย ก็คงจะเป็นไปไม่ได้“ฮ่าๆๆ ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร”จ้าวเฉียวอวิ๋นเห็นเด็กสาวกินเยอะขนาดนี้ เธอกลับเป็นคนที่ดีใจที่สุด รีบลุกขึ้นไปทำกับข้าวใหม่อาอวี๋ก็ไปช่วยทุกคนต่างก็ตักข้าวของตัวเองให้ฟ่านหลิงเยว่ฟ่านหลิงเยว่ก็กินอย่างไม่ลังเล กินอย่างรวดเร็ว กินอย่างมีความสุขไม่รู้ว่าร่างกายเล็กๆของเธอสามารถบรรจุอาหารได้มากขนาดนี้ได้อย่างไร กระเพาะอาหารของเธอดูเหมือนหลุมดำ กินข้าวทั้งถังลงไป กลับไม่มีอาการอะไรเลย“เธอคือประมุขคนต่อไปของสำนักโม่ซวี...เวทมนตร์ที่ค่อยๆ ตื่นขึ้นมา...”หลินเฟิงขมวดคิ้วคิดบางทีเขาอาจจะเข้าใจแล้วว่าทำไมฟ่านหลิงเยว่ถึงกินเก่งขนาดนี้.........สองวันผ่านไปโรงพยาบาลเมืองเจิ้งเต๋อในห้องผู้ป่วยหนัก ชายชราผมหงอกกำลังมองลูกสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ ด้วยความกังวล“พ่อ อย่าเพิ่งกังวลเรื่องเงินเลยค่ะ”ลูกสาวคนนั้นก็คือหวังลี่ลี่เธอพยายามปลอบใจพ่อ จับมือพ่อ ยิ้มทั้งน้ำตาพูดว่า“หนูได้พบกับผู้มีพระคุณค่ะ”“เขาช่วยให้หนูได้เป็นผู้จัดการโชว์รูมรถยนต์ ตอนนี้หนูมีรายได้มากพอที่จะรักษาพ่อได้แล้วค่ะ ต่อไปนี้พ่ออย่ากังวลเรื่